แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

886
หมาไทยหลังอาน

     เมื่อนึกถึงน้องหมาที่มีลักษณะเฉพาะตัว หูตั้ง หลังอาน หางดาบ สง่างามและ ดุดัน  ก็คงนึกถึง น้องหมาไทยหลังอาน กันแน่นอน วันนี้เราจะมาพาไปทำความรู้จักกับสุนัขไทยอย่างลึกซึ้งแบบถึงเนื้อถึงตัว



ลักษณะทั่วไปของหมาหลังอาน


     หมาหลังอาน เป็นหมาขนาดกลางมีรูปร่างใกล้เคียงกับหมาพื้นเมืองไทยทั่วไป แต่มีลักษณะพิเศษเป็นเอกลักษณะประจำพันธุ์ คือ บนหลังมีอานอยู่ด้านบน คล้ายว่ามีอานม้าวางอยู่บนหลังมี  รูปร่างลักษณะสง่างาม หน้าเชิด หูตั้ง หางทอดโค้งเหมือนดาบงอน ลิ้นมีปานสีดำ แต่เดิมใช้ในการล่าสัตว์เพราะมีความคล่องแคล่วว่องไว

     หมาไทยหลังอานนั้นจะมีส่วนสูงที่ประมาณ 51-60 เซนติเมตร และมีน้ำหนักที่ประมาณ 34 กิโลกรัม มีขนที่สั้นและเรียบ สีขนมี 4 สี คือสีดำ, สีสวาด(เทา), สีกลีบบัว(สีเหลืองอ่อนอมน้ำตาลอ่อน), สีแดง(น้ำตาล – แดง) ส่วนสีอื่นๆที่มีให้เห็นบ้างคือ สีขาว สีเขียว(สีกระรอก) และลายเสือ ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดคือ ขนบริเณกลางหลังที่มีลักษณะย้อนขึ้นเป็นแนวคล้ายอาน, หูตั้ง มีช่วงอายุขัยที่ประมาณ14 ปี

นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

     ไทยหลังอาน มีนิสัยของการเป็นนักล่าชัดเจน เป็นนักล่าที่ดี มีความระแวดระวังสิ่งแปลกปลอมเป็นอย่างดี มีความสามารถในการกระโดดดีเยี่ยม ฉลาด มีความมั่นคง กล้าหาญเด็ดเดี่ยว รักอิสระ มีท่วงท่าที่สง่า และเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ หมาไทยหลังอาน จะมีความสามารถในการเฝ้ายามและล่าโดยแทบจะไม่ต้องฝึกเลย น้องหมาไทยหลังอานมีความซื่อสัตย์และหวงเจ้าของมาก บางทีน้องก็แสดงความดุร้ายออกมาเพื่อปกป้องเจ้านาย



การดูแล

     ไทยหลังอาน ควรมีกรงนอนให้ด้วย ซึ่งถือเป็นการฝึกวินัยไปในตัว การให้อาหารไทยหลังอานนั้นผู้เลี้ยงสามารถให้อาหารได้ตามปกติ อาหารที่เป็นแบบแห้ง เช่น อาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยในเรื่องของสุขภาพในช่องปาก เพราะอาหารที่เป็นแบบเปียกจะก่อให้เกิดการผุกร่อนของฟัน, การติดเชื้อทางเหงือก และเกิดกลิ่นปากได้ แต่ควรสลับมาให้อาหารเม็ดด้วย และไม่ควรลืมที่จะให้น้ำดื่ม ส่วนน้ำที่จะให้ดื่มนั้นจะต้องเปลี่ยนทุกวัน

     ไทยหลังอาน สำหรับเรื่องการอาบนั้น ทำได้ไม่ยาก แค่อาบน้ำเดือนละ 2 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง และในเรื่องของสุขภาพควรให้ความระมัดระวังเรื่องโรคผิวหนัง เพราะไทยหลังอานมีขนสั้น ยุงหรือเห็บหมัดอาจเป็นพาหะนำโรคมาสู่สุนัขพันธุ์นี้ได้

     น้องหมาไทยหลังอาน ค่อนข้างที่แข็งแรง แต่ก็มีอัตราการเกิดโรค โรคข้อสะโพกเสื่อม โรคพยาธิในเม็ดเลือดที่เกิดจากเห็บหมัด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยเป็นแบบร้อนชื้น เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเห็บหมัด ทำให้เกิดสภาวะโลหิตจาง อาจพบปัญหาสุขภาพเล็กน้อย เช่น  โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ, โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคต้อกระจก ฝีบริเวณทวาร
 
     สุดท้ายนี้  น้องหมาไทยหลังอาน ก็นับว่าน่าเลี้ยงไม่แพ้น้องหมาชาติใดในโลกเลย เพราะทั้งรูปร่างที่สวยงาม มีความเฉลียวฉลาด ปกป้องดูแลเราได้ แถมรัก ถ้าคนไหนกำลังมองหาน้องหมาสักตัวที่มีความจงรักภักดี พร้อมจะปกป้อง และอยู่เป็นเพื่อนเราไปจนวันตาย น้องหมาไทยหลังอานตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวเลย




887
หมาไทยหลังอาน

     เมื่อนึกถึงน้องหมาที่มีลักษณะเฉพาะตัว หูตั้ง หลังอาน หางดาบ สง่างามและ ดุดัน  ก็คงนึกถึง น้องหมาไทยหลังอาน กันแน่นอน วันนี้เราจะมาพาไปทำความรู้จักกับสุนัขไทยอย่างลึกซึ้งแบบถึงเนื้อถึงตัว



ลักษณะทั่วไปของหมาหลังอาน


     หมาหลังอาน เป็นหมาขนาดกลางมีรูปร่างใกล้เคียงกับหมาพื้นเมืองไทยทั่วไป แต่มีลักษณะพิเศษเป็นเอกลักษณะประจำพันธุ์ คือ บนหลังมีอานอยู่ด้านบน คล้ายว่ามีอานม้าวางอยู่บนหลังมี  รูปร่างลักษณะสง่างาม หน้าเชิด หูตั้ง หางทอดโค้งเหมือนดาบงอน ลิ้นมีปานสีดำ แต่เดิมใช้ในการล่าสัตว์เพราะมีความคล่องแคล่วว่องไว

     หมาไทยหลังอานนั้นจะมีส่วนสูงที่ประมาณ 51-60 เซนติเมตร และมีน้ำหนักที่ประมาณ 34 กิโลกรัม มีขนที่สั้นและเรียบ สีขนมี 4 สี คือสีดำ, สีสวาด(เทา), สีกลีบบัว(สีเหลืองอ่อนอมน้ำตาลอ่อน), สีแดง(น้ำตาล – แดง) ส่วนสีอื่นๆที่มีให้เห็นบ้างคือ สีขาว สีเขียว(สีกระรอก) และลายเสือ ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดคือ ขนบริเณกลางหลังที่มีลักษณะย้อนขึ้นเป็นแนวคล้ายอาน, หูตั้ง มีช่วงอายุขัยที่ประมาณ14 ปี

นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

     ไทยหลังอาน มีนิสัยของการเป็นนักล่าชัดเจน เป็นนักล่าที่ดี มีความระแวดระวังสิ่งแปลกปลอมเป็นอย่างดี มีความสามารถในการกระโดดดีเยี่ยม ฉลาด มีความมั่นคง กล้าหาญเด็ดเดี่ยว รักอิสระ มีท่วงท่าที่สง่า และเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ หมาไทยหลังอาน จะมีความสามารถในการเฝ้ายามและล่าโดยแทบจะไม่ต้องฝึกเลย น้องหมาไทยหลังอานมีความซื่อสัตย์และหวงเจ้าของมาก บางทีน้องก็แสดงความดุร้ายออกมาเพื่อปกป้องเจ้านาย



การดูแล

     ไทยหลังอาน ควรมีกรงนอนให้ด้วย ซึ่งถือเป็นการฝึกวินัยไปในตัว การให้อาหารไทยหลังอานนั้นผู้เลี้ยงสามารถให้อาหารได้ตามปกติ อาหารที่เป็นแบบแห้ง เช่น อาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยในเรื่องของสุขภาพในช่องปาก เพราะอาหารที่เป็นแบบเปียกจะก่อให้เกิดการผุกร่อนของฟัน, การติดเชื้อทางเหงือก และเกิดกลิ่นปากได้ แต่ควรสลับมาให้อาหารเม็ดด้วย และไม่ควรลืมที่จะให้น้ำดื่ม ส่วนน้ำที่จะให้ดื่มนั้นจะต้องเปลี่ยนทุกวัน

     ไทยหลังอาน สำหรับเรื่องการอาบนั้น ทำได้ไม่ยาก แค่อาบน้ำเดือนละ 2 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง และในเรื่องของสุขภาพควรให้ความระมัดระวังเรื่องโรคผิวหนัง เพราะไทยหลังอานมีขนสั้น ยุงหรือเห็บหมัดอาจเป็นพาหะนำโรคมาสู่สุนัขพันธุ์นี้ได้

     น้องหมาไทยหลังอาน ค่อนข้างที่แข็งแรง แต่ก็มีอัตราการเกิดโรค โรคข้อสะโพกเสื่อม โรคพยาธิในเม็ดเลือดที่เกิดจากเห็บหมัด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยเป็นแบบร้อนชื้น เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเห็บหมัด ทำให้เกิดสภาวะโลหิตจาง อาจพบปัญหาสุขภาพเล็กน้อย เช่น  โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ, โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคต้อกระจก ฝีบริเวณทวาร
 
     สุดท้ายนี้  น้องหมาไทยหลังอาน ก็นับว่าน่าเลี้ยงไม่แพ้น้องหมาชาติใดในโลกเลย เพราะทั้งรูปร่างที่สวยงาม มีความเฉลียวฉลาด ปกป้องดูแลเราได้ แถมรัก ถ้าคนไหนกำลังมองหาน้องหมาสักตัวที่มีความจงรักภักดี พร้อมจะปกป้อง และอยู่เป็นเพื่อนเราไปจนวันตาย น้องหมาไทยหลังอานตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวเลย




888
หมาไทยหลังอาน

     เมื่อนึกถึงน้องหมาที่มีลักษณะเฉพาะตัว หูตั้ง หลังอาน หางดาบ สง่างามและ ดุดัน  ก็คงนึกถึง น้องหมาไทยหลังอาน กันแน่นอน วันนี้เราจะมาพาไปทำความรู้จักกับสุนัขไทยอย่างลึกซึ้งแบบถึงเนื้อถึงตัว



ลักษณะทั่วไปของหมาหลังอาน


     หมาหลังอาน เป็นหมาขนาดกลางมีรูปร่างใกล้เคียงกับหมาพื้นเมืองไทยทั่วไป แต่มีลักษณะพิเศษเป็นเอกลักษณะประจำพันธุ์ คือ บนหลังมีอานอยู่ด้านบน คล้ายว่ามีอานม้าวางอยู่บนหลังมี  รูปร่างลักษณะสง่างาม หน้าเชิด หูตั้ง หางทอดโค้งเหมือนดาบงอน ลิ้นมีปานสีดำ แต่เดิมใช้ในการล่าสัตว์เพราะมีความคล่องแคล่วว่องไว

     หมาไทยหลังอานนั้นจะมีส่วนสูงที่ประมาณ 51-60 เซนติเมตร และมีน้ำหนักที่ประมาณ 34 กิโลกรัม มีขนที่สั้นและเรียบ สีขนมี 4 สี คือสีดำ, สีสวาด(เทา), สีกลีบบัว(สีเหลืองอ่อนอมน้ำตาลอ่อน), สีแดง(น้ำตาล – แดง) ส่วนสีอื่นๆที่มีให้เห็นบ้างคือ สีขาว สีเขียว(สีกระรอก) และลายเสือ ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดคือ ขนบริเณกลางหลังที่มีลักษณะย้อนขึ้นเป็นแนวคล้ายอาน, หูตั้ง มีช่วงอายุขัยที่ประมาณ14 ปี

นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

     ไทยหลังอาน มีนิสัยของการเป็นนักล่าชัดเจน เป็นนักล่าที่ดี มีความระแวดระวังสิ่งแปลกปลอมเป็นอย่างดี มีความสามารถในการกระโดดดีเยี่ยม ฉลาด มีความมั่นคง กล้าหาญเด็ดเดี่ยว รักอิสระ มีท่วงท่าที่สง่า และเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ หมาไทยหลังอาน จะมีความสามารถในการเฝ้ายามและล่าโดยแทบจะไม่ต้องฝึกเลย น้องหมาไทยหลังอานมีความซื่อสัตย์และหวงเจ้าของมาก บางทีน้องก็แสดงความดุร้ายออกมาเพื่อปกป้องเจ้านาย



การดูแล

     ไทยหลังอาน ควรมีกรงนอนให้ด้วย ซึ่งถือเป็นการฝึกวินัยไปในตัว การให้อาหารไทยหลังอานนั้นผู้เลี้ยงสามารถให้อาหารได้ตามปกติ อาหารที่เป็นแบบแห้ง เช่น อาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยในเรื่องของสุขภาพในช่องปาก เพราะอาหารที่เป็นแบบเปียกจะก่อให้เกิดการผุกร่อนของฟัน, การติดเชื้อทางเหงือก และเกิดกลิ่นปากได้ แต่ควรสลับมาให้อาหารเม็ดด้วย และไม่ควรลืมที่จะให้น้ำดื่ม ส่วนน้ำที่จะให้ดื่มนั้นจะต้องเปลี่ยนทุกวัน

     ไทยหลังอาน สำหรับเรื่องการอาบนั้น ทำได้ไม่ยาก แค่อาบน้ำเดือนละ 2 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง และในเรื่องของสุขภาพควรให้ความระมัดระวังเรื่องโรคผิวหนัง เพราะไทยหลังอานมีขนสั้น ยุงหรือเห็บหมัดอาจเป็นพาหะนำโรคมาสู่สุนัขพันธุ์นี้ได้

     น้องหมาไทยหลังอาน ค่อนข้างที่แข็งแรง แต่ก็มีอัตราการเกิดโรค โรคข้อสะโพกเสื่อม โรคพยาธิในเม็ดเลือดที่เกิดจากเห็บหมัด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยเป็นแบบร้อนชื้น เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเห็บหมัด ทำให้เกิดสภาวะโลหิตจาง อาจพบปัญหาสุขภาพเล็กน้อย เช่น  โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ, โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคต้อกระจก ฝีบริเวณทวาร
 
     สุดท้ายนี้  น้องหมาไทยหลังอาน ก็นับว่าน่าเลี้ยงไม่แพ้น้องหมาชาติใดในโลกเลย เพราะทั้งรูปร่างที่สวยงาม มีความเฉลียวฉลาด ปกป้องดูแลเราได้ แถมรัก ถ้าคนไหนกำลังมองหาน้องหมาสักตัวที่มีความจงรักภักดี พร้อมจะปกป้อง และอยู่เป็นเพื่อนเราไปจนวันตาย น้องหมาไทยหลังอานตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวเลย




889
7 วิธีจัดการกลิ่นปากน้องหมา

       เคยไหมกับที่บางครั้งรู้สึกพิศวาสน้องหมาแล้วอยากจุ๊บปากน้อง แต่ต้องสตั้นไปหลายวินาที เพราะกลิ่นปากเหม็น ๆ อันไม่พึงประสงค์ของน้องหมาบอกเลยว่า ไม่ใช่เรื่องตลก! เพราะนั่นหมายถึง สุขภาพช่องปากที่จำเป็นต้องได้รับการดูแล จากเจ้าของแล้วนั่นเอง



       ปัญหากลิ่นปากของน้องหมานั้นอาจเกิดจากได้หลายสาเหตุไม่ว่าจะเกิดจากการกินอาหารเปียกแล้วเศษอาหารติดเส้นขน น้องหมากินน้ำน้อย เกิดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก น้องหมามีปัญสุขภาพเหงื่อและฟัน   ซึ่งวิธีที่จะการจัดการปัญหากลิ่นปากของน้องหมาได้ง่าย ๆ ดังนี้

1. แปรงฟันน้องหมาเป็นประจำ

       กลิ่นปากของน้องหมาสามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ด้วยการแปรงฟันให้น้องหมาเพื่อขจัดเศษอาหาร ป้องกันการเกิดคราบหินปูนต่าง ๆ เพราะฟันของน้องหมาก็เหมือนกับฟันของคน แต่ยาสีฟันที่ใช้ต้องเป็นยาสีฟันที่ใช่เฉพาะสุนัขเท่านั้นนะ

2.ให้ขนมขบเคี้ยวช่วยดูแลช่องปาก

       ให้ขนมน้องหมาก็สามารถช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยขัดฟันเพื่อให้น้องหมามีลมหายใจที่หอมสดชื่น โดยอาจเลือกขนมขบเคี้ยวที่มีส่วนผสมของคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ทั้งแบบแท่งที่ทำจากหนังสัตว์ หรือแบบที่เป็นเหลี่ยม หรือให้เป็นอาหารชนิดเม็ดสลับกับอาหารที่ให้น้องกินอยู่เป็นประจำก็ช่วยขัดฟันได้นะ

3. ผสมสมุนไพรลงในอาหาร

       สมุนไพรบางชนิดสามารถนำไปใช้กับน้องหมาได้ เช่น สับใบสะระแหน่ ให้ละเอียดแล้วผสมลงในอาหาร เมื่อน้องหมากินสมุนไพรเหล่านี้เข้าไปก็จะช่วยลดกลิ่นปากได้ แถมยังสามารถรักษาอาการอักเสบในช่องปากได้อีกต่างหาก



4. ผสมผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากแบบน้ำสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ

        นอกจากวิธีการผสมสมุนไพรลงในอาหารเพื่อช่วยดับกลิ่นปากได้แล้วยังมีน้ำยาที่ช่วยดูแลรักษาช่องปากสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ สามารถเทผสมลงในถ้วยน้ำของน้องหมาได้เลย โดยใช้อัตราน้ำยาดับกลิ่นปาก 1 ฝาต่อน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดกลิ่นคาว ๆ ได้นานเลยเชียว

5. เลือกอาหารที่มีกากใยช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น

       อาหารประเภทเนื้ออาจทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานไม่ค่อยสะดวก แถมยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก วิธีแก้ไข คือการผสมอาหารที่มีกากใยและโพรไบโอติกหรือน้ำมันพร้าวลงไป ก็จะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้สะดวก ย่อยอาหารง่าย และถ่ายสบายขึ้น แถมกลิ่นปากสุนัขก็จะหายไปด้วย

6. คอยห้ามไม่ให้สุนัขคุ้ยขยะมากิน

       บางครั้งด้วยความซุกซน และกลิ่นอาหารสดและกลิ่นสิ่งของที่อยู่ในถังขยะมักจะชักชวนให้น้องหมาเข้าไปคุ้ยหาอะไรกิน ดังนั้นเราจึงคอยต้องสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้เขากินสิ่งเหล่านี้เข้าไป เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายต่อร่างกายแล้ว ยังทำให้เกิดกลิ่นปากด้วยนะ

7. พาน้องหมาไปพบคุณหมอ

       หากน้องหมานั้นมีอาการผิดปกติด เช่น มีกลิ่นปากรุนแรง ไม่ค่อยกินอาหาร มี มีเลือดออกในช่องปาก หรือทำท่าตะกุยปาก เพราะนั่นอาจเป็นต้นเหตุของอาการป่วยต่าง ๆ ได้ ให้รีบพาเขาไปพบคุณหมอโดยด่วนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและทำการรักษาให้ตรงจุด
       
       เรื่องกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากน้องหมานั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีไม่ว่าเรื่องกลิ่นตัวหรือว่ากลิ่นปาก ซึ่งหากเจ้าของนั้นใส่ใจหรือมีเวลาที่จะดูแลน้องแล้วนั้นก็สามารถเอาชนะได้ไม่ยากนะ




890
7 วิธีจัดการกลิ่นปากน้องหมา

       เคยไหมกับที่บางครั้งรู้สึกพิศวาสน้องหมาแล้วอยากจุ๊บปากน้อง แต่ต้องสตั้นไปหลายวินาที เพราะกลิ่นปากเหม็น ๆ อันไม่พึงประสงค์ของน้องหมาบอกเลยว่า ไม่ใช่เรื่องตลก! เพราะนั่นหมายถึง สุขภาพช่องปากที่จำเป็นต้องได้รับการดูแล จากเจ้าของแล้วนั่นเอง



       ปัญหากลิ่นปากของน้องหมานั้นอาจเกิดจากได้หลายสาเหตุไม่ว่าจะเกิดจากการกินอาหารเปียกแล้วเศษอาหารติดเส้นขน น้องหมากินน้ำน้อย เกิดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก น้องหมามีปัญสุขภาพเหงื่อและฟัน   ซึ่งวิธีที่จะการจัดการปัญหากลิ่นปากของน้องหมาได้ง่าย ๆ ดังนี้

1. แปรงฟันน้องหมาเป็นประจำ

       กลิ่นปากของน้องหมาสามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ด้วยการแปรงฟันให้น้องหมาเพื่อขจัดเศษอาหาร ป้องกันการเกิดคราบหินปูนต่าง ๆ เพราะฟันของน้องหมาก็เหมือนกับฟันของคน แต่ยาสีฟันที่ใช้ต้องเป็นยาสีฟันที่ใช่เฉพาะสุนัขเท่านั้นนะ

2.ให้ขนมขบเคี้ยวช่วยดูแลช่องปาก

       ให้ขนมน้องหมาก็สามารถช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยขัดฟันเพื่อให้น้องหมามีลมหายใจที่หอมสดชื่น โดยอาจเลือกขนมขบเคี้ยวที่มีส่วนผสมของคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ทั้งแบบแท่งที่ทำจากหนังสัตว์ หรือแบบที่เป็นเหลี่ยม หรือให้เป็นอาหารชนิดเม็ดสลับกับอาหารที่ให้น้องกินอยู่เป็นประจำก็ช่วยขัดฟันได้นะ

3. ผสมสมุนไพรลงในอาหาร

       สมุนไพรบางชนิดสามารถนำไปใช้กับน้องหมาได้ เช่น สับใบสะระแหน่ ให้ละเอียดแล้วผสมลงในอาหาร เมื่อน้องหมากินสมุนไพรเหล่านี้เข้าไปก็จะช่วยลดกลิ่นปากได้ แถมยังสามารถรักษาอาการอักเสบในช่องปากได้อีกต่างหาก



4. ผสมผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากแบบน้ำสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ

        นอกจากวิธีการผสมสมุนไพรลงในอาหารเพื่อช่วยดับกลิ่นปากได้แล้วยังมีน้ำยาที่ช่วยดูแลรักษาช่องปากสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ สามารถเทผสมลงในถ้วยน้ำของน้องหมาได้เลย โดยใช้อัตราน้ำยาดับกลิ่นปาก 1 ฝาต่อน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดกลิ่นคาว ๆ ได้นานเลยเชียว

5. เลือกอาหารที่มีกากใยช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น

       อาหารประเภทเนื้ออาจทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานไม่ค่อยสะดวก แถมยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก วิธีแก้ไข คือการผสมอาหารที่มีกากใยและโพรไบโอติกหรือน้ำมันพร้าวลงไป ก็จะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้สะดวก ย่อยอาหารง่าย และถ่ายสบายขึ้น แถมกลิ่นปากสุนัขก็จะหายไปด้วย

6. คอยห้ามไม่ให้สุนัขคุ้ยขยะมากิน

       บางครั้งด้วยความซุกซน และกลิ่นอาหารสดและกลิ่นสิ่งของที่อยู่ในถังขยะมักจะชักชวนให้น้องหมาเข้าไปคุ้ยหาอะไรกิน ดังนั้นเราจึงคอยต้องสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้เขากินสิ่งเหล่านี้เข้าไป เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายต่อร่างกายแล้ว ยังทำให้เกิดกลิ่นปากด้วยนะ

7. พาน้องหมาไปพบคุณหมอ

       หากน้องหมานั้นมีอาการผิดปกติด เช่น มีกลิ่นปากรุนแรง ไม่ค่อยกินอาหาร มี มีเลือดออกในช่องปาก หรือทำท่าตะกุยปาก เพราะนั่นอาจเป็นต้นเหตุของอาการป่วยต่าง ๆ ได้ ให้รีบพาเขาไปพบคุณหมอโดยด่วนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและทำการรักษาให้ตรงจุด
       
       เรื่องกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากน้องหมานั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีไม่ว่าเรื่องกลิ่นตัวหรือว่ากลิ่นปาก ซึ่งหากเจ้าของนั้นใส่ใจหรือมีเวลาที่จะดูแลน้องแล้วนั้นก็สามารถเอาชนะได้ไม่ยากนะ




891
7 วิธีจัดการกลิ่นปากน้องหมา

       เคยไหมกับที่บางครั้งรู้สึกพิศวาสน้องหมาแล้วอยากจุ๊บปากน้อง แต่ต้องสตั้นไปหลายวินาที เพราะกลิ่นปากเหม็น ๆ อันไม่พึงประสงค์ของน้องหมาบอกเลยว่า ไม่ใช่เรื่องตลก! เพราะนั่นหมายถึง สุขภาพช่องปากที่จำเป็นต้องได้รับการดูแล จากเจ้าของแล้วนั่นเอง



       ปัญหากลิ่นปากของน้องหมานั้นอาจเกิดจากได้หลายสาเหตุไม่ว่าจะเกิดจากการกินอาหารเปียกแล้วเศษอาหารติดเส้นขน น้องหมากินน้ำน้อย เกิดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก น้องหมามีปัญสุขภาพเหงื่อและฟัน   ซึ่งวิธีที่จะการจัดการปัญหากลิ่นปากของน้องหมาได้ง่าย ๆ ดังนี้

1. แปรงฟันน้องหมาเป็นประจำ

       กลิ่นปากของน้องหมาสามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ด้วยการแปรงฟันให้น้องหมาเพื่อขจัดเศษอาหาร ป้องกันการเกิดคราบหินปูนต่าง ๆ เพราะฟันของน้องหมาก็เหมือนกับฟันของคน แต่ยาสีฟันที่ใช้ต้องเป็นยาสีฟันที่ใช่เฉพาะสุนัขเท่านั้นนะ

2.ให้ขนมขบเคี้ยวช่วยดูแลช่องปาก

       ให้ขนมน้องหมาก็สามารถช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยขัดฟันเพื่อให้น้องหมามีลมหายใจที่หอมสดชื่น โดยอาจเลือกขนมขบเคี้ยวที่มีส่วนผสมของคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ทั้งแบบแท่งที่ทำจากหนังสัตว์ หรือแบบที่เป็นเหลี่ยม หรือให้เป็นอาหารชนิดเม็ดสลับกับอาหารที่ให้น้องกินอยู่เป็นประจำก็ช่วยขัดฟันได้นะ

3. ผสมสมุนไพรลงในอาหาร

       สมุนไพรบางชนิดสามารถนำไปใช้กับน้องหมาได้ เช่น สับใบสะระแหน่ ให้ละเอียดแล้วผสมลงในอาหาร เมื่อน้องหมากินสมุนไพรเหล่านี้เข้าไปก็จะช่วยลดกลิ่นปากได้ แถมยังสามารถรักษาอาการอักเสบในช่องปากได้อีกต่างหาก



4. ผสมผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากแบบน้ำสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ

        นอกจากวิธีการผสมสมุนไพรลงในอาหารเพื่อช่วยดับกลิ่นปากได้แล้วยังมีน้ำยาที่ช่วยดูแลรักษาช่องปากสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ สามารถเทผสมลงในถ้วยน้ำของน้องหมาได้เลย โดยใช้อัตราน้ำยาดับกลิ่นปาก 1 ฝาต่อน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดกลิ่นคาว ๆ ได้นานเลยเชียว

5. เลือกอาหารที่มีกากใยช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น

       อาหารประเภทเนื้ออาจทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานไม่ค่อยสะดวก แถมยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก วิธีแก้ไข คือการผสมอาหารที่มีกากใยและโพรไบโอติกหรือน้ำมันพร้าวลงไป ก็จะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้สะดวก ย่อยอาหารง่าย และถ่ายสบายขึ้น แถมกลิ่นปากสุนัขก็จะหายไปด้วย

6. คอยห้ามไม่ให้สุนัขคุ้ยขยะมากิน

       บางครั้งด้วยความซุกซน และกลิ่นอาหารสดและกลิ่นสิ่งของที่อยู่ในถังขยะมักจะชักชวนให้น้องหมาเข้าไปคุ้ยหาอะไรกิน ดังนั้นเราจึงคอยต้องสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้เขากินสิ่งเหล่านี้เข้าไป เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายต่อร่างกายแล้ว ยังทำให้เกิดกลิ่นปากด้วยนะ

7. พาน้องหมาไปพบคุณหมอ

       หากน้องหมานั้นมีอาการผิดปกติด เช่น มีกลิ่นปากรุนแรง ไม่ค่อยกินอาหาร มี มีเลือดออกในช่องปาก หรือทำท่าตะกุยปาก เพราะนั่นอาจเป็นต้นเหตุของอาการป่วยต่าง ๆ ได้ ให้รีบพาเขาไปพบคุณหมอโดยด่วนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและทำการรักษาให้ตรงจุด
       
       เรื่องกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากน้องหมานั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีไม่ว่าเรื่องกลิ่นตัวหรือว่ากลิ่นปาก ซึ่งหากเจ้าของนั้นใส่ใจหรือมีเวลาที่จะดูแลน้องแล้วนั้นก็สามารถเอาชนะได้ไม่ยากนะ




892
7 วิธีจัดการกลิ่นปากน้องหมา

       เคยไหมกับที่บางครั้งรู้สึกพิศวาสน้องหมาแล้วอยากจุ๊บปากน้อง แต่ต้องสตั้นไปหลายวินาที เพราะกลิ่นปากเหม็น ๆ อันไม่พึงประสงค์ของน้องหมาบอกเลยว่า ไม่ใช่เรื่องตลก! เพราะนั่นหมายถึง สุขภาพช่องปากที่จำเป็นต้องได้รับการดูแล จากเจ้าของแล้วนั่นเอง



       ปัญหากลิ่นปากของน้องหมานั้นอาจเกิดจากได้หลายสาเหตุไม่ว่าจะเกิดจากการกินอาหารเปียกแล้วเศษอาหารติดเส้นขน น้องหมากินน้ำน้อย เกิดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก น้องหมามีปัญสุขภาพเหงื่อและฟัน   ซึ่งวิธีที่จะการจัดการปัญหากลิ่นปากของน้องหมาได้ง่าย ๆ ดังนี้

1. แปรงฟันน้องหมาเป็นประจำ

       กลิ่นปากของน้องหมาสามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ด้วยการแปรงฟันให้น้องหมาเพื่อขจัดเศษอาหาร ป้องกันการเกิดคราบหินปูนต่าง ๆ เพราะฟันของน้องหมาก็เหมือนกับฟันของคน แต่ยาสีฟันที่ใช้ต้องเป็นยาสีฟันที่ใช่เฉพาะสุนัขเท่านั้นนะ

2.ให้ขนมขบเคี้ยวช่วยดูแลช่องปาก

       ให้ขนมน้องหมาก็สามารถช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยขัดฟันเพื่อให้น้องหมามีลมหายใจที่หอมสดชื่น โดยอาจเลือกขนมขบเคี้ยวที่มีส่วนผสมของคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ทั้งแบบแท่งที่ทำจากหนังสัตว์ หรือแบบที่เป็นเหลี่ยม หรือให้เป็นอาหารชนิดเม็ดสลับกับอาหารที่ให้น้องกินอยู่เป็นประจำก็ช่วยขัดฟันได้นะ

3. ผสมสมุนไพรลงในอาหาร

       สมุนไพรบางชนิดสามารถนำไปใช้กับน้องหมาได้ เช่น สับใบสะระแหน่ ให้ละเอียดแล้วผสมลงในอาหาร เมื่อน้องหมากินสมุนไพรเหล่านี้เข้าไปก็จะช่วยลดกลิ่นปากได้ แถมยังสามารถรักษาอาการอักเสบในช่องปากได้อีกต่างหาก



4. ผสมผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากแบบน้ำสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ

        นอกจากวิธีการผสมสมุนไพรลงในอาหารเพื่อช่วยดับกลิ่นปากได้แล้วยังมีน้ำยาที่ช่วยดูแลรักษาช่องปากสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ สามารถเทผสมลงในถ้วยน้ำของน้องหมาได้เลย โดยใช้อัตราน้ำยาดับกลิ่นปาก 1 ฝาต่อน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดกลิ่นคาว ๆ ได้นานเลยเชียว

5. เลือกอาหารที่มีกากใยช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น

       อาหารประเภทเนื้ออาจทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานไม่ค่อยสะดวก แถมยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก วิธีแก้ไข คือการผสมอาหารที่มีกากใยและโพรไบโอติกหรือน้ำมันพร้าวลงไป ก็จะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้สะดวก ย่อยอาหารง่าย และถ่ายสบายขึ้น แถมกลิ่นปากสุนัขก็จะหายไปด้วย

6. คอยห้ามไม่ให้สุนัขคุ้ยขยะมากิน

       บางครั้งด้วยความซุกซน และกลิ่นอาหารสดและกลิ่นสิ่งของที่อยู่ในถังขยะมักจะชักชวนให้น้องหมาเข้าไปคุ้ยหาอะไรกิน ดังนั้นเราจึงคอยต้องสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้เขากินสิ่งเหล่านี้เข้าไป เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายต่อร่างกายแล้ว ยังทำให้เกิดกลิ่นปากด้วยนะ

7. พาน้องหมาไปพบคุณหมอ

       หากน้องหมานั้นมีอาการผิดปกติด เช่น มีกลิ่นปากรุนแรง ไม่ค่อยกินอาหาร มี มีเลือดออกในช่องปาก หรือทำท่าตะกุยปาก เพราะนั่นอาจเป็นต้นเหตุของอาการป่วยต่าง ๆ ได้ ให้รีบพาเขาไปพบคุณหมอโดยด่วนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและทำการรักษาให้ตรงจุด
       
       เรื่องกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากน้องหมานั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีไม่ว่าเรื่องกลิ่นตัวหรือว่ากลิ่นปาก ซึ่งหากเจ้าของนั้นใส่ใจหรือมีเวลาที่จะดูแลน้องแล้วนั้นก็สามารถเอาชนะได้ไม่ยากนะ




893
โดเบอร์แมน พินช์เชอร์ เจ้าหมาผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดี

     เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนคนก็มักจะมีสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น หนึ่งในสัตว์เลี้ยงยอดนิยมเลยก็คือ สุนัข เพราะมันเป็นเหมือนเพื่อนที่ซื่อสัตย์ รู้ใจ และไม่ทรยศความรักของเราแน่นอน และเมื่อกล่าวถึงหมาที่มีความซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก วันนี้จึงขอยกเรื่องราวของหมาสายพันธุ์หนึ่งที่เป็นหมาตัวใหญ่ และแข็งแรง แถมมีความซื่อสัตย์กับเจ้าของสุด ๆ อย่าง  โดเบอร์แมน มาฝากคะ



ลักษณะโดยทั่วไป

     โดเบอร์แมน ทั่วไปแล้วเป็นหมาที่ตัวใหญ่ ดูน่ากลัว น่าเกรงขามเอามากๆ ขนาดตัวเต็มวัยจะความสูงที่ประมาณ 71 เซนติเมตร น้ำหนักที่ประมาณ 32-36 กิโลกรัม เป็นหมาที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อการใช้งานในอดีต

     โดเบอร์แมน รูปร่างที่ดูน่าเกรงขาม รูปร่างสง่างาม เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ขนที่สั้นมันวาว แต่นุ่ม และมีสีที่ดำ หรือสีน้ำตาลอ่อน หูตั้งตรงสูง ช่วงชีวิตอายุประมาณ 10-13 ปี

ลักษณะนิสัย

     โดเบอร์แมนนั้นมีนิสัยที่อ่อนโยนมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก สามารถปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เรื่องความจงรักภักดีต่อเจ้านายบอกเลยว่าที่สุด หวงเจ้านายชนิดที่มันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้านายของมันได้แน่นอน

การดูแลโดเบอร์แมน

     โดเบอร์แมน เป็นสุนัขขนาดใหญ่ และชอบที่จะออกกำลังกาย จึงควรที่จะพาไปออกกำลังกายบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงและไม่ควรล่ามโซ่น้องไว้ เพราะจะทำให้น้องรู้สึกเครียดได้

      และด้วยเพราะมีขนที่สั้น และเรียบมันเงาไปกับผิวหนัง จึงไม่ค่อยมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นสาป การรักษาความสะอาดจึงไม่ใช่เรื่องยาก  อย่างไรก็ตาม ควรหมั่นอาบน้ำให้น้องเสมอแต่หากวันไหนไปซุกซนม้วนกลิ้งสิ่งสกปรกต่างๆ ก็เน้นเป็นพิเศษหน่อย

     การดูแลรักษาขนของโดเบอร์แมน เห็นน้องขนสั้นแบบนี้ ก็มีช่วงเวลาที่ขนร่วงหรือถ่ายขนนะ จึงควรแปรงขนน้องเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยควรแปรงทุกอาทิตย์

     ควรแปรงฟันให้เค้าอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อกำจัดคราบหินปูนและแบคทีเรียในช่องปาก  การแปรงฟันทุกวันก็สามารถช่วยป้องกันโรคเหงือกและกลิ่นปากได้

     การตัดแต่งเล็บควรตัดเล็บให้เดือนละ 1 ครั้ง  และควรระมัดระวังการตัดเล็บ เพราะเจ้าหมาอาจได้รับบาดเจ็บและไม่ให้ความร่วมมือในครั้งต่อไป ถ้าไม่มั่นใจหรือไม่ถนัดก็ควรพาไปร้านให้ตัดให้



คำแนะนำในการเลี้ยง

      แนะนำว่าผู้เลี้ยงควรเป็นคนที่มีเวลา ที่พอจะพาน้องออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ และไม่ทิ้งให้อยู่ลำพังหรือขังน้อง เพราะนั่นจะเป็นการสร้างความเครียดให้น้องนั่นเอง

     โดเบอร์แมน ขึ้นชื่อในเรื่องของความดุร้ายและเกรี้ยวกราด หลายๆคนคงกลัวถ้าเจอน้องในที่สาธารณะ และเพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง ผู้เลี้ยงควรใช้สายจูงน้องไว้หากพาน้องออกไปข้างนอกเสมอ



894
โดเบอร์แมน พินช์เชอร์ เจ้าหมาผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดี

     เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนคนก็มักจะมีสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น หนึ่งในสัตว์เลี้ยงยอดนิยมเลยก็คือ สุนัข เพราะมันเป็นเหมือนเพื่อนที่ซื่อสัตย์ รู้ใจ และไม่ทรยศความรักของเราแน่นอน และเมื่อกล่าวถึงหมาที่มีความซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก วันนี้จึงขอยกเรื่องราวของหมาสายพันธุ์หนึ่งที่เป็นหมาตัวใหญ่ และแข็งแรง แถมมีความซื่อสัตย์กับเจ้าของสุด ๆ อย่าง  โดเบอร์แมน มาฝากคะ



ลักษณะโดยทั่วไป

     โดเบอร์แมน ทั่วไปแล้วเป็นหมาที่ตัวใหญ่ ดูน่ากลัว น่าเกรงขามเอามากๆ ขนาดตัวเต็มวัยจะความสูงที่ประมาณ 71 เซนติเมตร น้ำหนักที่ประมาณ 32-36 กิโลกรัม เป็นหมาที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อการใช้งานในอดีต

     โดเบอร์แมน รูปร่างที่ดูน่าเกรงขาม รูปร่างสง่างาม เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ขนที่สั้นมันวาว แต่นุ่ม และมีสีที่ดำ หรือสีน้ำตาลอ่อน หูตั้งตรงสูง ช่วงชีวิตอายุประมาณ 10-13 ปี

ลักษณะนิสัย

     โดเบอร์แมนนั้นมีนิสัยที่อ่อนโยนมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก สามารถปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เรื่องความจงรักภักดีต่อเจ้านายบอกเลยว่าที่สุด หวงเจ้านายชนิดที่มันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้านายของมันได้แน่นอน

การดูแลโดเบอร์แมน

     โดเบอร์แมน เป็นสุนัขขนาดใหญ่ และชอบที่จะออกกำลังกาย จึงควรที่จะพาไปออกกำลังกายบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงและไม่ควรล่ามโซ่น้องไว้ เพราะจะทำให้น้องรู้สึกเครียดได้

      และด้วยเพราะมีขนที่สั้น และเรียบมันเงาไปกับผิวหนัง จึงไม่ค่อยมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นสาป การรักษาความสะอาดจึงไม่ใช่เรื่องยาก  อย่างไรก็ตาม ควรหมั่นอาบน้ำให้น้องเสมอแต่หากวันไหนไปซุกซนม้วนกลิ้งสิ่งสกปรกต่างๆ ก็เน้นเป็นพิเศษหน่อย

     การดูแลรักษาขนของโดเบอร์แมน เห็นน้องขนสั้นแบบนี้ ก็มีช่วงเวลาที่ขนร่วงหรือถ่ายขนนะ จึงควรแปรงขนน้องเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยควรแปรงทุกอาทิตย์

     ควรแปรงฟันให้เค้าอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อกำจัดคราบหินปูนและแบคทีเรียในช่องปาก  การแปรงฟันทุกวันก็สามารถช่วยป้องกันโรคเหงือกและกลิ่นปากได้

     การตัดแต่งเล็บควรตัดเล็บให้เดือนละ 1 ครั้ง  และควรระมัดระวังการตัดเล็บ เพราะเจ้าหมาอาจได้รับบาดเจ็บและไม่ให้ความร่วมมือในครั้งต่อไป ถ้าไม่มั่นใจหรือไม่ถนัดก็ควรพาไปร้านให้ตัดให้



คำแนะนำในการเลี้ยง

      แนะนำว่าผู้เลี้ยงควรเป็นคนที่มีเวลา ที่พอจะพาน้องออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ และไม่ทิ้งให้อยู่ลำพังหรือขังน้อง เพราะนั่นจะเป็นการสร้างความเครียดให้น้องนั่นเอง

     โดเบอร์แมน ขึ้นชื่อในเรื่องของความดุร้ายและเกรี้ยวกราด หลายๆคนคงกลัวถ้าเจอน้องในที่สาธารณะ และเพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง ผู้เลี้ยงควรใช้สายจูงน้องไว้หากพาน้องออกไปข้างนอกเสมอ



895
โดเบอร์แมน พินช์เชอร์ เจ้าหมาผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดี

     เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนคนก็มักจะมีสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น หนึ่งในสัตว์เลี้ยงยอดนิยมเลยก็คือ สุนัข เพราะมันเป็นเหมือนเพื่อนที่ซื่อสัตย์ รู้ใจ และไม่ทรยศความรักของเราแน่นอน และเมื่อกล่าวถึงหมาที่มีความซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก วันนี้จึงขอยกเรื่องราวของหมาสายพันธุ์หนึ่งที่เป็นหมาตัวใหญ่ และแข็งแรง แถมมีความซื่อสัตย์กับเจ้าของสุด ๆ อย่าง  โดเบอร์แมน มาฝากคะ



ลักษณะโดยทั่วไป

     โดเบอร์แมน ทั่วไปแล้วเป็นหมาที่ตัวใหญ่ ดูน่ากลัว น่าเกรงขามเอามากๆ ขนาดตัวเต็มวัยจะความสูงที่ประมาณ 71 เซนติเมตร น้ำหนักที่ประมาณ 32-36 กิโลกรัม เป็นหมาที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อการใช้งานในอดีต

     โดเบอร์แมน รูปร่างที่ดูน่าเกรงขาม รูปร่างสง่างาม เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ขนที่สั้นมันวาว แต่นุ่ม และมีสีที่ดำ หรือสีน้ำตาลอ่อน หูตั้งตรงสูง ช่วงชีวิตอายุประมาณ 10-13 ปี

ลักษณะนิสัย

     โดเบอร์แมนนั้นมีนิสัยที่อ่อนโยนมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก สามารถปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เรื่องความจงรักภักดีต่อเจ้านายบอกเลยว่าที่สุด หวงเจ้านายชนิดที่มันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้านายของมันได้แน่นอน

การดูแลโดเบอร์แมน

     โดเบอร์แมน เป็นสุนัขขนาดใหญ่ และชอบที่จะออกกำลังกาย จึงควรที่จะพาไปออกกำลังกายบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงและไม่ควรล่ามโซ่น้องไว้ เพราะจะทำให้น้องรู้สึกเครียดได้

      และด้วยเพราะมีขนที่สั้น และเรียบมันเงาไปกับผิวหนัง จึงไม่ค่อยมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นสาป การรักษาความสะอาดจึงไม่ใช่เรื่องยาก  อย่างไรก็ตาม ควรหมั่นอาบน้ำให้น้องเสมอแต่หากวันไหนไปซุกซนม้วนกลิ้งสิ่งสกปรกต่างๆ ก็เน้นเป็นพิเศษหน่อย

     การดูแลรักษาขนของโดเบอร์แมน เห็นน้องขนสั้นแบบนี้ ก็มีช่วงเวลาที่ขนร่วงหรือถ่ายขนนะ จึงควรแปรงขนน้องเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยควรแปรงทุกอาทิตย์

     ควรแปรงฟันให้เค้าอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อกำจัดคราบหินปูนและแบคทีเรียในช่องปาก  การแปรงฟันทุกวันก็สามารถช่วยป้องกันโรคเหงือกและกลิ่นปากได้

     การตัดแต่งเล็บควรตัดเล็บให้เดือนละ 1 ครั้ง  และควรระมัดระวังการตัดเล็บ เพราะเจ้าหมาอาจได้รับบาดเจ็บและไม่ให้ความร่วมมือในครั้งต่อไป ถ้าไม่มั่นใจหรือไม่ถนัดก็ควรพาไปร้านให้ตัดให้



คำแนะนำในการเลี้ยง

      แนะนำว่าผู้เลี้ยงควรเป็นคนที่มีเวลา ที่พอจะพาน้องออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ และไม่ทิ้งให้อยู่ลำพังหรือขังน้อง เพราะนั่นจะเป็นการสร้างความเครียดให้น้องนั่นเอง

     โดเบอร์แมน ขึ้นชื่อในเรื่องของความดุร้ายและเกรี้ยวกราด หลายๆคนคงกลัวถ้าเจอน้องในที่สาธารณะ และเพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง ผู้เลี้ยงควรใช้สายจูงน้องไว้หากพาน้องออกไปข้างนอกเสมอ



896
โดเบอร์แมน พินช์เชอร์ เจ้าหมาผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดี

     เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนคนก็มักจะมีสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น หนึ่งในสัตว์เลี้ยงยอดนิยมเลยก็คือ สุนัข เพราะมันเป็นเหมือนเพื่อนที่ซื่อสัตย์ รู้ใจ และไม่ทรยศความรักของเราแน่นอน และเมื่อกล่าวถึงหมาที่มีความซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก วันนี้จึงขอยกเรื่องราวของหมาสายพันธุ์หนึ่งที่เป็นหมาตัวใหญ่ และแข็งแรง แถมมีความซื่อสัตย์กับเจ้าของสุด ๆ อย่าง  โดเบอร์แมน มาฝากคะ



ลักษณะโดยทั่วไป

     โดเบอร์แมน ทั่วไปแล้วเป็นหมาที่ตัวใหญ่ ดูน่ากลัว น่าเกรงขามเอามากๆ ขนาดตัวเต็มวัยจะความสูงที่ประมาณ 71 เซนติเมตร น้ำหนักที่ประมาณ 32-36 กิโลกรัม เป็นหมาที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อการใช้งานในอดีต

     โดเบอร์แมน รูปร่างที่ดูน่าเกรงขาม รูปร่างสง่างาม เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ขนที่สั้นมันวาว แต่นุ่ม และมีสีที่ดำ หรือสีน้ำตาลอ่อน หูตั้งตรงสูง ช่วงชีวิตอายุประมาณ 10-13 ปี

ลักษณะนิสัย

     โดเบอร์แมนนั้นมีนิสัยที่อ่อนโยนมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก สามารถปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เรื่องความจงรักภักดีต่อเจ้านายบอกเลยว่าที่สุด หวงเจ้านายชนิดที่มันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้านายของมันได้แน่นอน

การดูแลโดเบอร์แมน

     โดเบอร์แมน เป็นสุนัขขนาดใหญ่ และชอบที่จะออกกำลังกาย จึงควรที่จะพาไปออกกำลังกายบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงและไม่ควรล่ามโซ่น้องไว้ เพราะจะทำให้น้องรู้สึกเครียดได้

      และด้วยเพราะมีขนที่สั้น และเรียบมันเงาไปกับผิวหนัง จึงไม่ค่อยมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นสาป การรักษาความสะอาดจึงไม่ใช่เรื่องยาก  อย่างไรก็ตาม ควรหมั่นอาบน้ำให้น้องเสมอแต่หากวันไหนไปซุกซนม้วนกลิ้งสิ่งสกปรกต่างๆ ก็เน้นเป็นพิเศษหน่อย

     การดูแลรักษาขนของโดเบอร์แมน เห็นน้องขนสั้นแบบนี้ ก็มีช่วงเวลาที่ขนร่วงหรือถ่ายขนนะ จึงควรแปรงขนน้องเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยควรแปรงทุกอาทิตย์

     ควรแปรงฟันให้เค้าอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อกำจัดคราบหินปูนและแบคทีเรียในช่องปาก  การแปรงฟันทุกวันก็สามารถช่วยป้องกันโรคเหงือกและกลิ่นปากได้

     การตัดแต่งเล็บควรตัดเล็บให้เดือนละ 1 ครั้ง  และควรระมัดระวังการตัดเล็บ เพราะเจ้าหมาอาจได้รับบาดเจ็บและไม่ให้ความร่วมมือในครั้งต่อไป ถ้าไม่มั่นใจหรือไม่ถนัดก็ควรพาไปร้านให้ตัดให้



คำแนะนำในการเลี้ยง

      แนะนำว่าผู้เลี้ยงควรเป็นคนที่มีเวลา ที่พอจะพาน้องออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ และไม่ทิ้งให้อยู่ลำพังหรือขังน้อง เพราะนั่นจะเป็นการสร้างความเครียดให้น้องนั่นเอง

     โดเบอร์แมน ขึ้นชื่อในเรื่องของความดุร้ายและเกรี้ยวกราด หลายๆคนคงกลัวถ้าเจอน้องในที่สาธารณะ และเพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง ผู้เลี้ยงควรใช้สายจูงน้องไว้หากพาน้องออกไปข้างนอกเสมอ



897
ปั๊ก ( Pug ) น้องหมาหน้าตามึน ๆ

     เชื่อว่าในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กแน่นอน และกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี รูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนสงสัยตลอดเวลา มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้น



     ปั๊ก มีเชื้อสายมาจากประเทศฮอลแลนด์ แต่ถิ่นกำเนิดของที่แท้จริงแล้วคือ ประเทศจีน โดยมาจากการผสมพันธุ์กับหมาตระกูล แมสทิฟ สุนัขท้องถิ่นของจีน คำว่า ปั๊ก นั้นมาจากคำในภาษาละติน หมายถึง กำปั้น ซึ่งมาจากใบหน้าและหัวที่กลม

ลักษณะของปั๊ก

     ปั๊กเป็นน้องหมาเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีร่างกายเล็กปานกลาง มีหน้าสั้นและย่น ใบหูพับตก หางมีลักษณะ บิดเป็นเกลียวชี้ขึ้นม้วนจนเป็นวงติดกับบั้นเอว ถ้าหากหางม้วนได้ถึงสองตลบติดกับบั้นท้าย หายใจและกรนเสียงดังน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 8 กิโลกรัม ความสูงประมาณ 35 เซนติเมตรและมีขนสั้นเกรียน สีขนมีทั้งหมด 5 สี คือ สีแดง สีดำ, สีฟ้า, สีซินนามอน และสีครีม โดยมากจะมีช่วงอายุประมาณ 12-15 ปี



นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

     ปั๊กเป็นหมาที่มีนิสัยน่ารัก ไม่ดื้อ ไม่เสียงดัง และไม่ชอบที่จะเห่าเสียงดังโดยไม่จำเป็น เลี้ยงไม่ยาก แสนรู้ ขี้ประจบกับเจ้านาย  สามารถที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนที่แสนดีกับเราได้  มีรูปร่างที่เล็กสามารถที่จะอุ้มง่าย  สามารถนำไปไปไหนมาไหนได้ง่ายมีสุนัขพันธุ์ปั๊กมีความแข็งแรง ใจดี ไม่ดุร้าย เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กอยู่

     นิสัยเฉพาะตนอีกอย่างคือ อยากรู้อยากเห็น ขี้สงสัย ชอบเข้าสังคม  แต่ปั๊กนั้นไม่ชอบอากาศร้อนมาก  หากอาการ้อนแล้วอาจะทำให้ปั๊กเป็นลมแดดได้เหมือนคน 

วิธีการเลี้ยงและดูแลปั๊ก

     การดูแลรักษาความสะอาด ควรมีการทำการความสะอาดให้น้องทุกวันโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าโดยใช้แค่ผ้าเปียกพอหมาดๆเช็คหน้าให้น้องก็ถือว่าเป็นการทำความสะอาดน้องได้ โดยพยายามเน้นการเช็คบริเวณรอยพับแถวร่องจมูก เบ้าตา ร่องน้ำตา เพราะส่วนนี้จะเลอะกว่าส่วนอื่น ซึ่งหากดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการติดเชื้อตามมาได้

     การรักษาความสะอาดในช่องปาก ควรแปรงฟันให้น้องอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อเป้นการกำจัดหินปูน และแบคทีเรียในช่องปาก การแปรงฟันให้น้องทุกวันก็จะสามารถป้องกันโรคเหงือก และกลิ่นปากได้

     การตัดแต่งเล็บ ควรตัดเล็บให้น้องเดือนละ 1-2 ครั้ง  เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและปัญหาอื่นๆที่ตามมา ควรตัดอย่างระวัง เพราะอาจจะเข้าเนื้อและเลือดออกได้ ถ้าไม่ชำนาญแนะนำว่าควรพาไปให้ร้านตัดให้จะดีกว่าค่ะ

     การดูแลขนของปั๊กนั้นต้องขยันดูแลบ่อย ๆ สำหรับขนที่หนาและเพื่อให้ริ้วรอยบนใบหน้าที่สะอาด การดูแลความสะอาดในชีวิตประจำวันทำได้ไม่ยากโดยใช้ถุงมือแปรงขน ปั๊กขนมีขนที่สั้น จึงไม่ต้องการการดูแลเสริมสวยมากนัก

     ปริมาณอาหารที่ให้ควรเป็นอาหารเม็ดปริมาณ 1/2 – 1 ถ้วยตวง วันละสองมื้อ ที่ต้องจำกัดเพราะเนื่องจากปั๊กนั้นใช้พลังงานที่น้อย จึงทำให้มีโอกาสที่อ้วนได้



898
ปั๊ก ( Pug ) น้องหมาหน้าตามึน ๆ

     เชื่อว่าในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กแน่นอน และกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี รูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนสงสัยตลอดเวลา มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้น



     ปั๊ก มีเชื้อสายมาจากประเทศฮอลแลนด์ แต่ถิ่นกำเนิดของที่แท้จริงแล้วคือ ประเทศจีน โดยมาจากการผสมพันธุ์กับหมาตระกูล แมสทิฟ สุนัขท้องถิ่นของจีน คำว่า ปั๊ก นั้นมาจากคำในภาษาละติน หมายถึง กำปั้น ซึ่งมาจากใบหน้าและหัวที่กลม

ลักษณะของปั๊ก

     ปั๊กเป็นน้องหมาเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีร่างกายเล็กปานกลาง มีหน้าสั้นและย่น ใบหูพับตก หางมีลักษณะ บิดเป็นเกลียวชี้ขึ้นม้วนจนเป็นวงติดกับบั้นเอว ถ้าหากหางม้วนได้ถึงสองตลบติดกับบั้นท้าย หายใจและกรนเสียงดังน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 8 กิโลกรัม ความสูงประมาณ 35 เซนติเมตรและมีขนสั้นเกรียน สีขนมีทั้งหมด 5 สี คือ สีแดง สีดำ, สีฟ้า, สีซินนามอน และสีครีม โดยมากจะมีช่วงอายุประมาณ 12-15 ปี



นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

     ปั๊กเป็นหมาที่มีนิสัยน่ารัก ไม่ดื้อ ไม่เสียงดัง และไม่ชอบที่จะเห่าเสียงดังโดยไม่จำเป็น เลี้ยงไม่ยาก แสนรู้ ขี้ประจบกับเจ้านาย  สามารถที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนที่แสนดีกับเราได้  มีรูปร่างที่เล็กสามารถที่จะอุ้มง่าย  สามารถนำไปไปไหนมาไหนได้ง่ายมีสุนัขพันธุ์ปั๊กมีความแข็งแรง ใจดี ไม่ดุร้าย เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กอยู่

     นิสัยเฉพาะตนอีกอย่างคือ อยากรู้อยากเห็น ขี้สงสัย ชอบเข้าสังคม  แต่ปั๊กนั้นไม่ชอบอากาศร้อนมาก  หากอาการ้อนแล้วอาจะทำให้ปั๊กเป็นลมแดดได้เหมือนคน 

วิธีการเลี้ยงและดูแลปั๊ก

     การดูแลรักษาความสะอาด ควรมีการทำการความสะอาดให้น้องทุกวันโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าโดยใช้แค่ผ้าเปียกพอหมาดๆเช็คหน้าให้น้องก็ถือว่าเป็นการทำความสะอาดน้องได้ โดยพยายามเน้นการเช็คบริเวณรอยพับแถวร่องจมูก เบ้าตา ร่องน้ำตา เพราะส่วนนี้จะเลอะกว่าส่วนอื่น ซึ่งหากดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการติดเชื้อตามมาได้

     การรักษาความสะอาดในช่องปาก ควรแปรงฟันให้น้องอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อเป้นการกำจัดหินปูน และแบคทีเรียในช่องปาก การแปรงฟันให้น้องทุกวันก็จะสามารถป้องกันโรคเหงือก และกลิ่นปากได้

     การตัดแต่งเล็บ ควรตัดเล็บให้น้องเดือนละ 1-2 ครั้ง  เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและปัญหาอื่นๆที่ตามมา ควรตัดอย่างระวัง เพราะอาจจะเข้าเนื้อและเลือดออกได้ ถ้าไม่ชำนาญแนะนำว่าควรพาไปให้ร้านตัดให้จะดีกว่าค่ะ

     การดูแลขนของปั๊กนั้นต้องขยันดูแลบ่อย ๆ สำหรับขนที่หนาและเพื่อให้ริ้วรอยบนใบหน้าที่สะอาด การดูแลความสะอาดในชีวิตประจำวันทำได้ไม่ยากโดยใช้ถุงมือแปรงขน ปั๊กขนมีขนที่สั้น จึงไม่ต้องการการดูแลเสริมสวยมากนัก

     ปริมาณอาหารที่ให้ควรเป็นอาหารเม็ดปริมาณ 1/2 – 1 ถ้วยตวง วันละสองมื้อ ที่ต้องจำกัดเพราะเนื่องจากปั๊กนั้นใช้พลังงานที่น้อย จึงทำให้มีโอกาสที่อ้วนได้



899
ปั๊ก ( Pug ) น้องหมาหน้าตามึน ๆ

     เชื่อว่าในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กแน่นอน และกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี รูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนสงสัยตลอดเวลา มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้น



     ปั๊ก มีเชื้อสายมาจากประเทศฮอลแลนด์ แต่ถิ่นกำเนิดของที่แท้จริงแล้วคือ ประเทศจีน โดยมาจากการผสมพันธุ์กับหมาตระกูล แมสทิฟ สุนัขท้องถิ่นของจีน คำว่า ปั๊ก นั้นมาจากคำในภาษาละติน หมายถึง กำปั้น ซึ่งมาจากใบหน้าและหัวที่กลม

ลักษณะของปั๊ก

     ปั๊กเป็นน้องหมาเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีร่างกายเล็กปานกลาง มีหน้าสั้นและย่น ใบหูพับตก หางมีลักษณะ บิดเป็นเกลียวชี้ขึ้นม้วนจนเป็นวงติดกับบั้นเอว ถ้าหากหางม้วนได้ถึงสองตลบติดกับบั้นท้าย หายใจและกรนเสียงดังน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 8 กิโลกรัม ความสูงประมาณ 35 เซนติเมตรและมีขนสั้นเกรียน สีขนมีทั้งหมด 5 สี คือ สีแดง สีดำ, สีฟ้า, สีซินนามอน และสีครีม โดยมากจะมีช่วงอายุประมาณ 12-15 ปี



นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

     ปั๊กเป็นหมาที่มีนิสัยน่ารัก ไม่ดื้อ ไม่เสียงดัง และไม่ชอบที่จะเห่าเสียงดังโดยไม่จำเป็น เลี้ยงไม่ยาก แสนรู้ ขี้ประจบกับเจ้านาย  สามารถที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนที่แสนดีกับเราได้  มีรูปร่างที่เล็กสามารถที่จะอุ้มง่าย  สามารถนำไปไปไหนมาไหนได้ง่ายมีสุนัขพันธุ์ปั๊กมีความแข็งแรง ใจดี ไม่ดุร้าย เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กอยู่

     นิสัยเฉพาะตนอีกอย่างคือ อยากรู้อยากเห็น ขี้สงสัย ชอบเข้าสังคม  แต่ปั๊กนั้นไม่ชอบอากาศร้อนมาก  หากอาการ้อนแล้วอาจะทำให้ปั๊กเป็นลมแดดได้เหมือนคน 

วิธีการเลี้ยงและดูแลปั๊ก

     การดูแลรักษาความสะอาด ควรมีการทำการความสะอาดให้น้องทุกวันโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าโดยใช้แค่ผ้าเปียกพอหมาดๆเช็คหน้าให้น้องก็ถือว่าเป็นการทำความสะอาดน้องได้ โดยพยายามเน้นการเช็คบริเวณรอยพับแถวร่องจมูก เบ้าตา ร่องน้ำตา เพราะส่วนนี้จะเลอะกว่าส่วนอื่น ซึ่งหากดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการติดเชื้อตามมาได้

     การรักษาความสะอาดในช่องปาก ควรแปรงฟันให้น้องอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อเป้นการกำจัดหินปูน และแบคทีเรียในช่องปาก การแปรงฟันให้น้องทุกวันก็จะสามารถป้องกันโรคเหงือก และกลิ่นปากได้

     การตัดแต่งเล็บ ควรตัดเล็บให้น้องเดือนละ 1-2 ครั้ง  เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและปัญหาอื่นๆที่ตามมา ควรตัดอย่างระวัง เพราะอาจจะเข้าเนื้อและเลือดออกได้ ถ้าไม่ชำนาญแนะนำว่าควรพาไปให้ร้านตัดให้จะดีกว่าค่ะ

     การดูแลขนของปั๊กนั้นต้องขยันดูแลบ่อย ๆ สำหรับขนที่หนาและเพื่อให้ริ้วรอยบนใบหน้าที่สะอาด การดูแลความสะอาดในชีวิตประจำวันทำได้ไม่ยากโดยใช้ถุงมือแปรงขน ปั๊กขนมีขนที่สั้น จึงไม่ต้องการการดูแลเสริมสวยมากนัก

     ปริมาณอาหารที่ให้ควรเป็นอาหารเม็ดปริมาณ 1/2 – 1 ถ้วยตวง วันละสองมื้อ ที่ต้องจำกัดเพราะเนื่องจากปั๊กนั้นใช้พลังงานที่น้อย จึงทำให้มีโอกาสที่อ้วนได้



900
ปั๊ก ( Pug ) น้องหมาหน้าตามึน ๆ

     เชื่อว่าในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กแน่นอน และกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี รูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนสงสัยตลอดเวลา มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้น



     ปั๊ก มีเชื้อสายมาจากประเทศฮอลแลนด์ แต่ถิ่นกำเนิดของที่แท้จริงแล้วคือ ประเทศจีน โดยมาจากการผสมพันธุ์กับหมาตระกูล แมสทิฟ สุนัขท้องถิ่นของจีน คำว่า ปั๊ก นั้นมาจากคำในภาษาละติน หมายถึง กำปั้น ซึ่งมาจากใบหน้าและหัวที่กลม

ลักษณะของปั๊ก

     ปั๊กเป็นน้องหมาเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีร่างกายเล็กปานกลาง มีหน้าสั้นและย่น ใบหูพับตก หางมีลักษณะ บิดเป็นเกลียวชี้ขึ้นม้วนจนเป็นวงติดกับบั้นเอว ถ้าหากหางม้วนได้ถึงสองตลบติดกับบั้นท้าย หายใจและกรนเสียงดังน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 8 กิโลกรัม ความสูงประมาณ 35 เซนติเมตรและมีขนสั้นเกรียน สีขนมีทั้งหมด 5 สี คือ สีแดง สีดำ, สีฟ้า, สีซินนามอน และสีครีม โดยมากจะมีช่วงอายุประมาณ 12-15 ปี



นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป

     ปั๊กเป็นหมาที่มีนิสัยน่ารัก ไม่ดื้อ ไม่เสียงดัง และไม่ชอบที่จะเห่าเสียงดังโดยไม่จำเป็น เลี้ยงไม่ยาก แสนรู้ ขี้ประจบกับเจ้านาย  สามารถที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนที่แสนดีกับเราได้  มีรูปร่างที่เล็กสามารถที่จะอุ้มง่าย  สามารถนำไปไปไหนมาไหนได้ง่ายมีสุนัขพันธุ์ปั๊กมีความแข็งแรง ใจดี ไม่ดุร้าย เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กอยู่

     นิสัยเฉพาะตนอีกอย่างคือ อยากรู้อยากเห็น ขี้สงสัย ชอบเข้าสังคม  แต่ปั๊กนั้นไม่ชอบอากาศร้อนมาก  หากอาการ้อนแล้วอาจะทำให้ปั๊กเป็นลมแดดได้เหมือนคน 

วิธีการเลี้ยงและดูแลปั๊ก

     การดูแลรักษาความสะอาด ควรมีการทำการความสะอาดให้น้องทุกวันโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าโดยใช้แค่ผ้าเปียกพอหมาดๆเช็คหน้าให้น้องก็ถือว่าเป็นการทำความสะอาดน้องได้ โดยพยายามเน้นการเช็คบริเวณรอยพับแถวร่องจมูก เบ้าตา ร่องน้ำตา เพราะส่วนนี้จะเลอะกว่าส่วนอื่น ซึ่งหากดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการติดเชื้อตามมาได้

     การรักษาความสะอาดในช่องปาก ควรแปรงฟันให้น้องอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อเป้นการกำจัดหินปูน และแบคทีเรียในช่องปาก การแปรงฟันให้น้องทุกวันก็จะสามารถป้องกันโรคเหงือก และกลิ่นปากได้

     การตัดแต่งเล็บ ควรตัดเล็บให้น้องเดือนละ 1-2 ครั้ง  เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและปัญหาอื่นๆที่ตามมา ควรตัดอย่างระวัง เพราะอาจจะเข้าเนื้อและเลือดออกได้ ถ้าไม่ชำนาญแนะนำว่าควรพาไปให้ร้านตัดให้จะดีกว่าค่ะ

     การดูแลขนของปั๊กนั้นต้องขยันดูแลบ่อย ๆ สำหรับขนที่หนาและเพื่อให้ริ้วรอยบนใบหน้าที่สะอาด การดูแลความสะอาดในชีวิตประจำวันทำได้ไม่ยากโดยใช้ถุงมือแปรงขน ปั๊กขนมีขนที่สั้น จึงไม่ต้องการการดูแลเสริมสวยมากนัก

     ปริมาณอาหารที่ให้ควรเป็นอาหารเม็ดปริมาณ 1/2 – 1 ถ้วยตวง วันละสองมื้อ ที่ต้องจำกัดเพราะเนื่องจากปั๊กนั้นใช้พลังงานที่น้อย จึงทำให้มีโอกาสที่อ้วนได้