แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

8311
     
      วันนี้เรามาดูวิธีเลือกสุนัขมาเลี้ยงในคอนโดหรือพื้นที่จำกัดกันครับ การเลี้ยงสุนัขในคอนโดนั้นคอนโดส่วนใหญ่จะไม่อนุญาติให้เลี้ยงสุนัขได้นะครับ แต่บางคอนโดอาจจะอนุญาติหรือถ้าขอเป็นกรณีไป หรืออาจจะมีการเรียกเก็บเพิ่ม หรือทำการลงทะเบียนไว้ แต่ก็มีไม่น้อยที่มีการแอบเลี้ยง ซึ่งถ้าถามว่าผิดไหม ก็ต้องตอบว่าผิดครับ แต่ว่าถ้าจะเลี้ยงแล้วเราก็ควรจะดูแลสุนัขของเราให้ดีไม่สร้างความรำคาญให้ผู้อื่นนะครับ และถ้าเกิดเค้าพบเจอ และไม่อนุญาติจริงๆ ขอก็แล้ว อ้อนว้อนก็แล้ว ก็ไม่อนุญาติก็ต้องทำใจ ยอมรับตามกฏของเค้านะครับ ก่อนนำมาเลี้ยงควรขออนุญาติก่อนนะครับ ถ้าเลี้ยงได้เก็มาดูกระทู้นี้กันครับ ว่าควรเลือกเลี้ยงสายพันธุ์ไหนดี

เสียง เรื่องเสียงนี้ อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้เลี้ยง แต่เป็นปัญหาของเพื่อนบ้านหรือข้างห้องข้างๆครับ เนื่องจากในเวลาที่เราไม่อยู่ สุนัขของเราอาจจะมีการส่งเสียงทั้งเห่า หรือ หอน รวมถึงถ้าเกิดมีหลายตัวอาจจะมีการวิ่งเล่นกันอีกด้วย ตรงจุดนี้ต้องระวังหน่อยนะครับ อยากจะเตือนไว้ก่อนว่า ถ้าเกิดไปรบกวนผู้อื่นแล้วถ้าเค้านำไปฟ้อง ทางคอนโด อาจจะมีปัญหา หรือผิดใจกันได้นะครับ
กลิ่น แน่นอนว่า เรื่องกลิ่นอาจจะเป็นปัญหาสำคัญได้ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่ คอนโดขนาดเล็กมักจะมีส่วนต่างๆอยู่ติดกันหมด เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ ทำให้ถ้าเกิดเพื่อนๆเลี้ยงสุนัขแล้ว ถ้าเกิดสุนัขขับถ่ายถึงแม้จะเป็นที่เป็นทาง ก็อาจจะทำให้กลิ่นโชยไปทั้งห้องได้ครับ แต่ถ้าเกิดสุนัขขับถ่ายไม่เป็นที่แล้วด้วยละก็ไม่ต้องพูดถึง ห้องของเพื่อนๆ จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เอามากๆ เวลามีแขกมาเยี่ยมอาจจะทำให้อับอายกันได้ และที่สำคัญเป็นเรื่องของสุขอนามัยกับตัวเราเอง และสุนัขที่เรารักด้วย
มาดูกันเลยคับว่าสายพันธุ์ไหนที่เหมาะกับการเลี้ยงบ้าง

1.  เฟรนช์ บูลด็อก
 เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว เข้ากับทุกคนในบ้านได้ และเข้ากับสัตว์ได้ทุกประเภท ปกติแล้วจะแทบไม่ได้ยินเสียงเห่าของเขาเลย ยกเว้นแต่เกิดสิ่งปกติอย่างมาก เหมาะสำหรับการเลี้ยงในห้อง หรือ คอนโด นอกจากนี้ จากประสบการณ์ผู้เลี้ยง สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก มักพูดตรงกันว่าเจ้าตูบพันธุ์นี้มีความตลก และชอบทำอะไรแปลก ๆ น่ารัก ๆ ไม่นิ่ง หรือไม่ไฮเปอร์เกินไป ที่สำคัญคือเงียบ ไม่เห่า
2. ปั๊ก
สุนัขพันธุ์ ปั๊ก โดยส่วนมากจะขี้เกียจ ถ้าปล่อยให้อยู่ตามลำพัง หรือไม่มีอุปกรณ์ฝึกเขา ให้พาเขาเดินหรือเล่นเกม โยนของไปให้เขาเก็บทุกวัน แต่อย่าให้เขาออกกำลัง กายหนักๆในช่วงที่ มีอากาศร้อนหรือหลังกินอาหารเสร็จ ถ้ามีพื้นที่น้อยหรืออาศัยในห้องชุด ปั๊ก จะเป็นคำตอบสำหรับคุณ พวกเขาไร้ซึ่งกลิ่นอับที่อาจพบในสุนัขเล็กพันธุ์อื่น มีขนที่สั้นและไม่ค่อยมีการผลัดขน จึงเป็นสุนัขที่ค่อนข้างสะอาด
3. บีเกิล
 สุนัขสายพันธุ์บีเกิลมีนิสัยขี้เล่น ใจดี ไม่ขี้หงุดหงิด เป็นสุนัขขนสั้น ดูแลทำความสะอาดง่าย มีจมูกไว จึงมีทักษะการดมกลิ่นที่ดีเยี่ยม และ สุนัขสายพันธุ์บีเกิลจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อนอกจากว่ามีคนแปลกหน้าเดินรุกล้ำเข้ามาในบ้าน ดังนั้นเรื่องเสียงจึงไม่น่ากังวลครับ
4. ชิห์สุ
ชิห์สุเป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้เล่น อ่อนโยน ชอบเล่นกับเด็ก เป็นสุนัขขนาดเล็ก ขนยาวจรดพื้น ไม่ชอบเห่า และไม่มีกลิ่นตัวแรง ทำให้เหมาะแก่การเลี้ยงในคอนโด
5.  ปอมเมอเรเนียน
ปอมเมอเรเนียนมีขนาดเล็กมีนิสัย  ร่าเริง, ปราดเปรียว, คล่องแคล่วว่องไว, กล้าหาญ, ฉลาดและช่างสงสัย
ตื่นตัวในสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว และมีความชำนาญในการเตือนภัยกับการมาเยือนของคนแปลกหน้าถ้าคิดจะเลี้ยงในคอนโดควรระวังเรื่องเห่านะครับ
6. พุดเดิ้ล
พุดเดิ้ล ได้ชื่อว่าเป็น สุนัข ที่มีความนิยมอันดับหนึ่งของโลก และขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทนไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย แม้จะปากเปราะไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมาที่เห่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งในบ้านเรา พุดเดิ้ล สายพันธุ์นิยมเลี้ยงกันคือ พุดเดิ้ลทอย มันกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลายๆ ครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต เหมาะกับการเลี้ยงในคอนโดได้ดีเลยครับ
7. ซิลกี้ เทอร์เรียร์
สุนัขพันธุ์นี้ถูกจัดว่าเป็นสุนัขขนาดตุ๊กตา แต่จากนิสัยแล้ว พวกเขาไม่ใช่สุนัขที่เราจะจับมานั่งเล่นบนตักได้เหมือนสุนัขเล็ก ๆ ทั่วไป พวกเขาเฉลียวฉลาดและมีบุคลิกที่ไม่ยอมใครของสายพันธุ์เทอร์เรียร์ แต่ก็มีข้อได้เปรียบตรงที่ขนาดตัวที่เล็ก ทำให้เขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้เป็นอย่างดี ซิลกี้ เทอร์เรียร์ ชอบได้รับการดูแลตัดแต่งขน อาบน้ำ เป็นสุนัขที่ไม่ชอบสกปรก เป็นอีกสายพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่น้อยหรือคอนโด

8312
     
      วันนี้เรามาดูวิธีเลือกสุนัขมาเลี้ยงในคอนโดหรือพื้นที่จำกัดกันครับ การเลี้ยงสุนัขในคอนโดนั้นคอนโดส่วนใหญ่จะไม่อนุญาติให้เลี้ยงสุนัขได้นะครับ แต่บางคอนโดอาจจะอนุญาติหรือถ้าขอเป็นกรณีไป หรืออาจจะมีการเรียกเก็บเพิ่ม หรือทำการลงทะเบียนไว้ แต่ก็มีไม่น้อยที่มีการแอบเลี้ยง ซึ่งถ้าถามว่าผิดไหม ก็ต้องตอบว่าผิดครับ แต่ว่าถ้าจะเลี้ยงแล้วเราก็ควรจะดูแลสุนัขของเราให้ดีไม่สร้างความรำคาญให้ผู้อื่นนะครับ และถ้าเกิดเค้าพบเจอ และไม่อนุญาติจริงๆ ขอก็แล้ว อ้อนว้อนก็แล้ว ก็ไม่อนุญาติก็ต้องทำใจ ยอมรับตามกฏของเค้านะครับ ก่อนนำมาเลี้ยงควรขออนุญาติก่อนนะครับ ถ้าเลี้ยงได้เก็มาดูกระทู้นี้กันครับ ว่าควรเลือกเลี้ยงสายพันธุ์ไหนดี

เสียง เรื่องเสียงนี้ อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้เลี้ยง แต่เป็นปัญหาของเพื่อนบ้านหรือข้างห้องข้างๆครับ เนื่องจากในเวลาที่เราไม่อยู่ สุนัขของเราอาจจะมีการส่งเสียงทั้งเห่า หรือ หอน รวมถึงถ้าเกิดมีหลายตัวอาจจะมีการวิ่งเล่นกันอีกด้วย ตรงจุดนี้ต้องระวังหน่อยนะครับ อยากจะเตือนไว้ก่อนว่า ถ้าเกิดไปรบกวนผู้อื่นแล้วถ้าเค้านำไปฟ้อง ทางคอนโด อาจจะมีปัญหา หรือผิดใจกันได้นะครับ
กลิ่น แน่นอนว่า เรื่องกลิ่นอาจจะเป็นปัญหาสำคัญได้ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่ คอนโดขนาดเล็กมักจะมีส่วนต่างๆอยู่ติดกันหมด เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ ทำให้ถ้าเกิดเพื่อนๆเลี้ยงสุนัขแล้ว ถ้าเกิดสุนัขขับถ่ายถึงแม้จะเป็นที่เป็นทาง ก็อาจจะทำให้กลิ่นโชยไปทั้งห้องได้ครับ แต่ถ้าเกิดสุนัขขับถ่ายไม่เป็นที่แล้วด้วยละก็ไม่ต้องพูดถึง ห้องของเพื่อนๆ จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เอามากๆ เวลามีแขกมาเยี่ยมอาจจะทำให้อับอายกันได้ และที่สำคัญเป็นเรื่องของสุขอนามัยกับตัวเราเอง และสุนัขที่เรารักด้วย
มาดูกันเลยคับว่าสายพันธุ์ไหนที่เหมาะกับการเลี้ยงบ้าง

1.  เฟรนช์ บูลด็อก
 เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว เข้ากับทุกคนในบ้านได้ และเข้ากับสัตว์ได้ทุกประเภท ปกติแล้วจะแทบไม่ได้ยินเสียงเห่าของเขาเลย ยกเว้นแต่เกิดสิ่งปกติอย่างมาก เหมาะสำหรับการเลี้ยงในห้อง หรือ คอนโด นอกจากนี้ จากประสบการณ์ผู้เลี้ยง สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก มักพูดตรงกันว่าเจ้าตูบพันธุ์นี้มีความตลก และชอบทำอะไรแปลก ๆ น่ารัก ๆ ไม่นิ่ง หรือไม่ไฮเปอร์เกินไป ที่สำคัญคือเงียบ ไม่เห่า
2. ปั๊ก
สุนัขพันธุ์ ปั๊ก โดยส่วนมากจะขี้เกียจ ถ้าปล่อยให้อยู่ตามลำพัง หรือไม่มีอุปกรณ์ฝึกเขา ให้พาเขาเดินหรือเล่นเกม โยนของไปให้เขาเก็บทุกวัน แต่อย่าให้เขาออกกำลัง กายหนักๆในช่วงที่ มีอากาศร้อนหรือหลังกินอาหารเสร็จ ถ้ามีพื้นที่น้อยหรืออาศัยในห้องชุด ปั๊ก จะเป็นคำตอบสำหรับคุณ พวกเขาไร้ซึ่งกลิ่นอับที่อาจพบในสุนัขเล็กพันธุ์อื่น มีขนที่สั้นและไม่ค่อยมีการผลัดขน จึงเป็นสุนัขที่ค่อนข้างสะอาด
3. บีเกิล
 สุนัขสายพันธุ์บีเกิลมีนิสัยขี้เล่น ใจดี ไม่ขี้หงุดหงิด เป็นสุนัขขนสั้น ดูแลทำความสะอาดง่าย มีจมูกไว จึงมีทักษะการดมกลิ่นที่ดีเยี่ยม และ สุนัขสายพันธุ์บีเกิลจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อนอกจากว่ามีคนแปลกหน้าเดินรุกล้ำเข้ามาในบ้าน ดังนั้นเรื่องเสียงจึงไม่น่ากังวลครับ
4. ชิห์สุ
ชิห์สุเป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้เล่น อ่อนโยน ชอบเล่นกับเด็ก เป็นสุนัขขนาดเล็ก ขนยาวจรดพื้น ไม่ชอบเห่า และไม่มีกลิ่นตัวแรง ทำให้เหมาะแก่การเลี้ยงในคอนโด
5.  ปอมเมอเรเนียน
ปอมเมอเรเนียนมีขนาดเล็กมีนิสัย  ร่าเริง, ปราดเปรียว, คล่องแคล่วว่องไว, กล้าหาญ, ฉลาดและช่างสงสัย
ตื่นตัวในสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว และมีความชำนาญในการเตือนภัยกับการมาเยือนของคนแปลกหน้าถ้าคิดจะเลี้ยงในคอนโดควรระวังเรื่องเห่านะครับ
6. พุดเดิ้ล
พุดเดิ้ล ได้ชื่อว่าเป็น สุนัข ที่มีความนิยมอันดับหนึ่งของโลก และขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทนไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย แม้จะปากเปราะไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมาที่เห่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งในบ้านเรา พุดเดิ้ล สายพันธุ์นิยมเลี้ยงกันคือ พุดเดิ้ลทอย มันกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลายๆ ครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต เหมาะกับการเลี้ยงในคอนโดได้ดีเลยครับ
7. ซิลกี้ เทอร์เรียร์
สุนัขพันธุ์นี้ถูกจัดว่าเป็นสุนัขขนาดตุ๊กตา แต่จากนิสัยแล้ว พวกเขาไม่ใช่สุนัขที่เราจะจับมานั่งเล่นบนตักได้เหมือนสุนัขเล็ก ๆ ทั่วไป พวกเขาเฉลียวฉลาดและมีบุคลิกที่ไม่ยอมใครของสายพันธุ์เทอร์เรียร์ แต่ก็มีข้อได้เปรียบตรงที่ขนาดตัวที่เล็ก ทำให้เขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้เป็นอย่างดี ซิลกี้ เทอร์เรียร์ ชอบได้รับการดูแลตัดแต่งขน อาบน้ำ เป็นสุนัขที่ไม่ชอบสกปรก เป็นอีกสายพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่น้อยหรือคอนโด

8313


        ราคาน้องหมาเวลซ์ คอร์กี้ สำหรับบ้านเราถือว่าหาเลี้ยงยากนะครับ เพราะมีฟาร์มที่เพราะพันธุ์น้อย ราคาเริ่มต้นที่ถือว่าถูกมากจะอยู่ที่ 15,000 - 18,000 และราคากลางจะอยู่ที่ 18,000 - 25,000 ราคาเกรด 30,000 ขึ้นไปครับ แต่ความน่ารักของเวลซ์ คอร์กี้ อยู่ที่ตัวเตี้ย ล่ำ บึกบึน หูกาง และมีเหมือนเป็นรอยยิ้มตลอดเวลา ทำให้ดูน่ารักสดๆ ถ้าใครเคยเลี้ยงปั๊กจะรู้ทันทว่าลักษณะนิสัยเป็นยังงัย เพราะเจ้าตัวนี้มีนิสัย   กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา มักไม่อยู่สุข เป็นมิตรได้ง่าย ทั้งยังฉลาด  น่ารัก  ร่าเริง มองดู แจ่มใส  ขี้เล่น ไม่ขลาดกลัว  มีจิตใจที่กล้าหาญ  ขยันทำงาน ช่างประจบประแจง  เหมาะมากที่จะเป็น สุนัขครอบครัว  เพราะเป็นน้องหมาที่สุภาพอ่อนโยนไม่ก้าวร้าว ไม่เห่าไร้สาระ (หรือแทบจะไม่เห่าเลย) ^^

        ราคาน้องหมาเวลซ์ คอร์กี้ อัพเดท 2020 ซึ่งตอนนี้ถือได้ว่า เวลซ์ คอร์กี้ เป็นที่นิยมเป็นสายพันธุ์อันดับ 1 ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่แซงทั้งปอมเมอเรเนียน และชิวาวา ราคาอัพเดตนะครับ ตอนนี้ก็ 30k หรือ 3 หมื่น ขึ้นไปครับ ขึ้นอยู่กับแต่ล่ะฟาร์มที่น่าเชื่อถือนะครับ ส่วนการซื้อขายเวลซ์ คอร์กี้ ก็เริ่มเห็นหลายฟาร์มเพาะพันธุ์กันละครับ เริ่มหาได้ไม่ยาก ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้น้องเวลซ์ คอร์กี้ ไปเลี้ยงสมใจนะครับ

8314


        ราคาน้องหมาเวลซ์ คอร์กี้ สำหรับบ้านเราถือว่าหาเลี้ยงยากนะครับ เพราะมีฟาร์มที่เพราะพันธุ์น้อย ราคาเริ่มต้นที่ถือว่าถูกมากจะอยู่ที่ 15,000 - 18,000 และราคากลางจะอยู่ที่ 18,000 - 25,000 ราคาเกรด 30,000 ขึ้นไปครับ แต่ความน่ารักของเวลซ์ คอร์กี้ อยู่ที่ตัวเตี้ย ล่ำ บึกบึน หูกาง และมีเหมือนเป็นรอยยิ้มตลอดเวลา ทำให้ดูน่ารักสดๆ ถ้าใครเคยเลี้ยงปั๊กจะรู้ทันทว่าลักษณะนิสัยเป็นยังงัย เพราะเจ้าตัวนี้มีนิสัย   กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา มักไม่อยู่สุข เป็นมิตรได้ง่าย ทั้งยังฉลาด  น่ารัก  ร่าเริง มองดู แจ่มใส  ขี้เล่น ไม่ขลาดกลัว  มีจิตใจที่กล้าหาญ  ขยันทำงาน ช่างประจบประแจง  เหมาะมากที่จะเป็น สุนัขครอบครัว  เพราะเป็นน้องหมาที่สุภาพอ่อนโยนไม่ก้าวร้าว ไม่เห่าไร้สาระ (หรือแทบจะไม่เห่าเลย) ^^

        ราคาน้องหมาเวลซ์ คอร์กี้ อัพเดท 2020 ซึ่งตอนนี้ถือได้ว่า เวลซ์ คอร์กี้ เป็นที่นิยมเป็นสายพันธุ์อันดับ 1 ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่แซงทั้งปอมเมอเรเนียน และชิวาวา ราคาอัพเดตนะครับ ตอนนี้ก็ 30k หรือ 3 หมื่น ขึ้นไปครับ ขึ้นอยู่กับแต่ล่ะฟาร์มที่น่าเชื่อถือนะครับ ส่วนการซื้อขายเวลซ์ คอร์กี้ ก็เริ่มเห็นหลายฟาร์มเพาะพันธุ์กันละครับ เริ่มหาได้ไม่ยาก ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้น้องเวลซ์ คอร์กี้ ไปเลี้ยงสมใจนะครับ

8315


        ราคาน้องหมาเวลซ์ คอร์กี้ สำหรับบ้านเราถือว่าหาเลี้ยงยากนะครับ เพราะมีฟาร์มที่เพราะพันธุ์น้อย ราคาเริ่มต้นที่ถือว่าถูกมากจะอยู่ที่ 15,000 - 18,000 และราคากลางจะอยู่ที่ 18,000 - 25,000 ราคาเกรด 30,000 ขึ้นไปครับ แต่ความน่ารักของเวลซ์ คอร์กี้ อยู่ที่ตัวเตี้ย ล่ำ บึกบึน หูกาง และมีเหมือนเป็นรอยยิ้มตลอดเวลา ทำให้ดูน่ารักสดๆ ถ้าใครเคยเลี้ยงปั๊กจะรู้ทันทว่าลักษณะนิสัยเป็นยังงัย เพราะเจ้าตัวนี้มีนิสัย   กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา มักไม่อยู่สุข เป็นมิตรได้ง่าย ทั้งยังฉลาด  น่ารัก  ร่าเริง มองดู แจ่มใส  ขี้เล่น ไม่ขลาดกลัว  มีจิตใจที่กล้าหาญ  ขยันทำงาน ช่างประจบประแจง  เหมาะมากที่จะเป็น สุนัขครอบครัว  เพราะเป็นน้องหมาที่สุภาพอ่อนโยนไม่ก้าวร้าว ไม่เห่าไร้สาระ (หรือแทบจะไม่เห่าเลย) ^^

        ราคาน้องหมาเวลซ์ คอร์กี้ อัพเดท 2020 ซึ่งตอนนี้ถือได้ว่า เวลซ์ คอร์กี้ เป็นที่นิยมเป็นสายพันธุ์อันดับ 1 ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่แซงทั้งปอมเมอเรเนียน และชิวาวา ราคาอัพเดตนะครับ ตอนนี้ก็ 30k หรือ 3 หมื่น ขึ้นไปครับ ขึ้นอยู่กับแต่ล่ะฟาร์มที่น่าเชื่อถือนะครับ ส่วนการซื้อขายเวลซ์ คอร์กี้ ก็เริ่มเห็นหลายฟาร์มเพาะพันธุ์กันละครับ เริ่มหาได้ไม่ยาก ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้น้องเวลซ์ คอร์กี้ ไปเลี้ยงสมใจนะครับ

8316


        ราคาน้องหมาเวลซ์ คอร์กี้ สำหรับบ้านเราถือว่าหาเลี้ยงยากนะครับ เพราะมีฟาร์มที่เพราะพันธุ์น้อย ราคาเริ่มต้นที่ถือว่าถูกมากจะอยู่ที่ 15,000 - 18,000 และราคากลางจะอยู่ที่ 18,000 - 25,000 ราคาเกรด 30,000 ขึ้นไปครับ แต่ความน่ารักของเวลซ์ คอร์กี้ อยู่ที่ตัวเตี้ย ล่ำ บึกบึน หูกาง และมีเหมือนเป็นรอยยิ้มตลอดเวลา ทำให้ดูน่ารักสดๆ ถ้าใครเคยเลี้ยงปั๊กจะรู้ทันทว่าลักษณะนิสัยเป็นยังงัย เพราะเจ้าตัวนี้มีนิสัย   กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา มักไม่อยู่สุข เป็นมิตรได้ง่าย ทั้งยังฉลาด  น่ารัก  ร่าเริง มองดู แจ่มใส  ขี้เล่น ไม่ขลาดกลัว  มีจิตใจที่กล้าหาญ  ขยันทำงาน ช่างประจบประแจง  เหมาะมากที่จะเป็น สุนัขครอบครัว  เพราะเป็นน้องหมาที่สุภาพอ่อนโยนไม่ก้าวร้าว ไม่เห่าไร้สาระ (หรือแทบจะไม่เห่าเลย) ^^

        ราคาน้องหมาเวลซ์ คอร์กี้ อัพเดท 2020 ซึ่งตอนนี้ถือได้ว่า เวลซ์ คอร์กี้ เป็นที่นิยมเป็นสายพันธุ์อันดับ 1 ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่แซงทั้งปอมเมอเรเนียน และชิวาวา ราคาอัพเดตนะครับ ตอนนี้ก็ 30k หรือ 3 หมื่น ขึ้นไปครับ ขึ้นอยู่กับแต่ล่ะฟาร์มที่น่าเชื่อถือนะครับ ส่วนการซื้อขายเวลซ์ คอร์กี้ ก็เริ่มเห็นหลายฟาร์มเพาะพันธุ์กันละครับ เริ่มหาได้ไม่ยาก ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้น้องเวลซ์ คอร์กี้ ไปเลี้ยงสมใจนะครับ

8317


    ราคาบูลเทอเรีย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,000 - 12,000 สุนัขพันธุ์นี้จะหาซื้อยากหน่อยนะครับ เพราะจะเป็นเฉพาะกลุ่มจริงๆที่เลี้ยง ถ้าแนะนำควรซื้อกับฟาร์มเพราะเลี้ยงโดยตรงจะดีที่สุดครับ  ราคากลางอยู่ที่ 12,000 - 15,000 ครับ ถ้าเป็นพวกเกรดสูงจะเป็นเพราะโครงสร้างที่สวยหรือมาร์คกิ้งที่สวย หรือมาร์คกิ้งที่ตาดำ 1 ข้างเป็นต้น ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกครับ 15,000 - 20,000 ได้ครับผม


8318


    ราคาบูลเทอเรีย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,000 - 12,000 สุนัขพันธุ์นี้จะหาซื้อยากหน่อยนะครับ เพราะจะเป็นเฉพาะกลุ่มจริงๆที่เลี้ยง ถ้าแนะนำควรซื้อกับฟาร์มเพราะเลี้ยงโดยตรงจะดีที่สุดครับ  ราคากลางอยู่ที่ 12,000 - 15,000 ครับ ถ้าเป็นพวกเกรดสูงจะเป็นเพราะโครงสร้างที่สวยหรือมาร์คกิ้งที่สวย หรือมาร์คกิ้งที่ตาดำ 1 ข้างเป็นต้น ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกครับ 15,000 - 20,000 ได้ครับผม


8319


    ราคาบูลเทอเรีย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,000 - 12,000 สุนัขพันธุ์นี้จะหาซื้อยากหน่อยนะครับ เพราะจะเป็นเฉพาะกลุ่มจริงๆที่เลี้ยง ถ้าแนะนำควรซื้อกับฟาร์มเพราะเลี้ยงโดยตรงจะดีที่สุดครับ  ราคากลางอยู่ที่ 12,000 - 15,000 ครับ ถ้าเป็นพวกเกรดสูงจะเป็นเพราะโครงสร้างที่สวยหรือมาร์คกิ้งที่สวย หรือมาร์คกิ้งที่ตาดำ 1 ข้างเป็นต้น ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกครับ 15,000 - 20,000 ได้ครับผม


8320


    ราคาบูลเทอเรีย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,000 - 12,000 สุนัขพันธุ์นี้จะหาซื้อยากหน่อยนะครับ เพราะจะเป็นเฉพาะกลุ่มจริงๆที่เลี้ยง ถ้าแนะนำควรซื้อกับฟาร์มเพราะเลี้ยงโดยตรงจะดีที่สุดครับ  ราคากลางอยู่ที่ 12,000 - 15,000 ครับ ถ้าเป็นพวกเกรดสูงจะเป็นเพราะโครงสร้างที่สวยหรือมาร์คกิ้งที่สวย หรือมาร์คกิ้งที่ตาดำ 1 ข้างเป็นต้น ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกครับ 15,000 - 20,000 ได้ครับผม


8321
ลักษณะของเจ้าตัวน้อยเฟรนช์บลูด๊อก หรือเรียกน่ารักๆว่า เฟรนชี่


       
เจ้า วิธีการเลือกเฟรนชี่ ที่ถือว่าสวย ต้องมีคุณสมัติดังนี้
1.หัวต้องมีขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กะโหลกลักษณะแบน หน้าผากโค้ง แก้มมีกล้ามเนื้อ
2.ตากลมแต่ไม่ลึกหรือโปนเกินไป ตาอยู่ห่างจากใบหู
3.จมูกของเจ้าเฟรนชี่จะสั้น เลือกที่มีดั้งมีมุมหักเห็นชัดเจน มีรูจมูกที่กว้าง
4. ปากกว้างและลึก ฟันไม่ยื่น มีกรามที่แข็งแรง
5.คอของเจ้าเฟรนชี่ต้องกลมหนา หนังคอตรงลูกกระเดือกต้องย่นๆ
6.อกต้องกว้างละลึก อกฝายไหล่ผึ่ง 555
7.ขาสั้น เลือกที่ขาตั้งตรงและขาหน้าสองข้างต้องมีระยะห่างกันพอควร  เท้าหลังต้องใหญ่กว่าเท้าหน้านิดหน่อย นิ้วเท้าทั้งหน้าและหลังชิดกัน
8. หูซึ่งเป็นลักษณะเด่นสุดๆ หูต้องตั้งเหมือนค้างคาว มีโคนหูที่ใหญ่ ใบหูยาวๆ ปลายหูโค้งมน
9.ลำตัวที่ดีต้องสั้น มีเอวเล็กน้อย เส้นหลังโค้งยาว หัวไหล่กว้าง
10.หางนี่จะสั้นตรงหรือบิดเป็นเกลียวได้หมด
11.ขนของเจ้าเฟรนชี่จะสั้นๆ นุ่มหน่อย ขนเรียบและหนาแน่น
12.ความสูงนี่ประมาณ 10-12 นิ้ว
13.น้ำหนักที่เหมาะคือประมาณ 10-15 กิโลค่ะ



วิธีการดูแลเจ้าเฟรนชี่   
1.   เจ้าเฟรนชี่ ไม่ชอบอากาศร้อน เมืองไทยถือว่าอากาศร้อน ดังนั้นถ้าหากจะเลี้ยงเค้าต้องดูแลอย่างดี ด้วยลักษณะที่มีจมูกสั้นทำให้เกิดปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงที่จะให้เค้าเผชิญกับความร้อนโดยตรง ไม่อย่างนั้นก็ควรเช็ดตัวให้เค้าบ่อยๆเพื่อระบายความร้อนในตัวเค้า สุดท้ายที่นอนเจ้าเฟรนชี่ต้องมีอากาศถ่ายเท หรือถ้าให้ดีเปิดแอร์ฉ่ำจะถูกใจเค้ามากๆเลยทีเดียว
2.   ถึงแม้เจ้าเฟรนชี่จะขนสั้น แต่เราก็จำเป็นต้องแปรงขนให้เค้าอย่างสม่ำเสมอนะคะ เพราะช่วยสางขนที่อ่อนแอให้ร่วงออก และเพื่อขนที่สวยงานของเค้า สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตปริมาณขนที่ร่วงด้วยว่าเยอะผิดปกติมั้ย
3.   การอาบน้ำของเจ้าเฟรนชี่ มีจุดที่ต้องเน้นเป็นพิเศษมาก คือ ข้อพับ ใต้ท้อง เพราะเป็นจุดเก็บกลิ่น อีกที่ที่สำคัญก็จะเป็นรอยย่นบนใบหน้า หลังจากอาบน้ามเสร็จต้องเช็ดตรงรอยย่นให้แห้งสะอาด เพราะหากมันชื้นอาจะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย
4.   จุดเด่นของเจ้าเฟรนชี่คือ ใบหูที่ตั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลใบหูเค้าให้สะอาด เช็ดทำความสะอาด ตรวจดูขี้ไคลอยู่สม่ำเสมอ หลังอาบน้ามก็ให้ตรวจดูว่ามีน้ำเข้าหูมั้ย แล้วเช็ดให้สะอาด เพื่อไม่ให้หูเกิดเชื้อราหรือมีกลิ่น
5.   ตรวจเช็คดวงตัวของเจ้าเฟรนชี่ ว่ามีฝ้าขาวที่ลูกตา หรือขี้ตาที่เยอะผิดปกติหรือไม่ หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
6.   การตัดเล็บเจ้าเฟรนชี่ ให้ตัดตามแนวโค้งของเล็บ โดยต้องระมัดระวังอย่าให้โดยเนื้อ วิธีสังเกตเนื้อจะอยู่ในเล็บเป็นสีชมพู
7.   เจ้าเฟรนชี่เนี่ยจะซุกซน ชอบวิ่งเล่น แต่ก็ถือเป็นการออกกำลังกายของเค้า แต่ก็ควรระวังนะคะ ออกกำลังกายมากไป เค้าจะระบายความร้อนไม่ทัน อาจทำให้เกิดอาการช๊อค (Heat Stroke) วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือนำน้ำมาราดที่ตัวและหัวของเค้า แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวซ้ำอีก หากยังไม่ดีขึ้นให้รีบไปหาสัตวแพทย์ค่ะ


 


8322
ลักษณะของเจ้าตัวน้อยเฟรนช์บลูด๊อก หรือเรียกน่ารักๆว่า เฟรนชี่


       
เจ้า วิธีการเลือกเฟรนชี่ ที่ถือว่าสวย ต้องมีคุณสมัติดังนี้
1.หัวต้องมีขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กะโหลกลักษณะแบน หน้าผากโค้ง แก้มมีกล้ามเนื้อ
2.ตากลมแต่ไม่ลึกหรือโปนเกินไป ตาอยู่ห่างจากใบหู
3.จมูกของเจ้าเฟรนชี่จะสั้น เลือกที่มีดั้งมีมุมหักเห็นชัดเจน มีรูจมูกที่กว้าง
4. ปากกว้างและลึก ฟันไม่ยื่น มีกรามที่แข็งแรง
5.คอของเจ้าเฟรนชี่ต้องกลมหนา หนังคอตรงลูกกระเดือกต้องย่นๆ
6.อกต้องกว้างละลึก อกฝายไหล่ผึ่ง 555
7.ขาสั้น เลือกที่ขาตั้งตรงและขาหน้าสองข้างต้องมีระยะห่างกันพอควร  เท้าหลังต้องใหญ่กว่าเท้าหน้านิดหน่อย นิ้วเท้าทั้งหน้าและหลังชิดกัน
8. หูซึ่งเป็นลักษณะเด่นสุดๆ หูต้องตั้งเหมือนค้างคาว มีโคนหูที่ใหญ่ ใบหูยาวๆ ปลายหูโค้งมน
9.ลำตัวที่ดีต้องสั้น มีเอวเล็กน้อย เส้นหลังโค้งยาว หัวไหล่กว้าง
10.หางนี่จะสั้นตรงหรือบิดเป็นเกลียวได้หมด
11.ขนของเจ้าเฟรนชี่จะสั้นๆ นุ่มหน่อย ขนเรียบและหนาแน่น
12.ความสูงนี่ประมาณ 10-12 นิ้ว
13.น้ำหนักที่เหมาะคือประมาณ 10-15 กิโลค่ะ



วิธีการดูแลเจ้าเฟรนชี่   
1.   เจ้าเฟรนชี่ ไม่ชอบอากาศร้อน เมืองไทยถือว่าอากาศร้อน ดังนั้นถ้าหากจะเลี้ยงเค้าต้องดูแลอย่างดี ด้วยลักษณะที่มีจมูกสั้นทำให้เกิดปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงที่จะให้เค้าเผชิญกับความร้อนโดยตรง ไม่อย่างนั้นก็ควรเช็ดตัวให้เค้าบ่อยๆเพื่อระบายความร้อนในตัวเค้า สุดท้ายที่นอนเจ้าเฟรนชี่ต้องมีอากาศถ่ายเท หรือถ้าให้ดีเปิดแอร์ฉ่ำจะถูกใจเค้ามากๆเลยทีเดียว
2.   ถึงแม้เจ้าเฟรนชี่จะขนสั้น แต่เราก็จำเป็นต้องแปรงขนให้เค้าอย่างสม่ำเสมอนะคะ เพราะช่วยสางขนที่อ่อนแอให้ร่วงออก และเพื่อขนที่สวยงานของเค้า สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตปริมาณขนที่ร่วงด้วยว่าเยอะผิดปกติมั้ย
3.   การอาบน้ำของเจ้าเฟรนชี่ มีจุดที่ต้องเน้นเป็นพิเศษมาก คือ ข้อพับ ใต้ท้อง เพราะเป็นจุดเก็บกลิ่น อีกที่ที่สำคัญก็จะเป็นรอยย่นบนใบหน้า หลังจากอาบน้ามเสร็จต้องเช็ดตรงรอยย่นให้แห้งสะอาด เพราะหากมันชื้นอาจะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย
4.   จุดเด่นของเจ้าเฟรนชี่คือ ใบหูที่ตั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลใบหูเค้าให้สะอาด เช็ดทำความสะอาด ตรวจดูขี้ไคลอยู่สม่ำเสมอ หลังอาบน้ามก็ให้ตรวจดูว่ามีน้ำเข้าหูมั้ย แล้วเช็ดให้สะอาด เพื่อไม่ให้หูเกิดเชื้อราหรือมีกลิ่น
5.   ตรวจเช็คดวงตัวของเจ้าเฟรนชี่ ว่ามีฝ้าขาวที่ลูกตา หรือขี้ตาที่เยอะผิดปกติหรือไม่ หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
6.   การตัดเล็บเจ้าเฟรนชี่ ให้ตัดตามแนวโค้งของเล็บ โดยต้องระมัดระวังอย่าให้โดยเนื้อ วิธีสังเกตเนื้อจะอยู่ในเล็บเป็นสีชมพู
7.   เจ้าเฟรนชี่เนี่ยจะซุกซน ชอบวิ่งเล่น แต่ก็ถือเป็นการออกกำลังกายของเค้า แต่ก็ควรระวังนะคะ ออกกำลังกายมากไป เค้าจะระบายความร้อนไม่ทัน อาจทำให้เกิดอาการช๊อค (Heat Stroke) วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือนำน้ำมาราดที่ตัวและหัวของเค้า แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวซ้ำอีก หากยังไม่ดีขึ้นให้รีบไปหาสัตวแพทย์ค่ะ


 


8323
ลักษณะของเจ้าตัวน้อยเฟรนช์บลูด๊อก หรือเรียกน่ารักๆว่า เฟรนชี่


       
เจ้า วิธีการเลือกเฟรนชี่ ที่ถือว่าสวย ต้องมีคุณสมัติดังนี้
1.หัวต้องมีขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กะโหลกลักษณะแบน หน้าผากโค้ง แก้มมีกล้ามเนื้อ
2.ตากลมแต่ไม่ลึกหรือโปนเกินไป ตาอยู่ห่างจากใบหู
3.จมูกของเจ้าเฟรนชี่จะสั้น เลือกที่มีดั้งมีมุมหักเห็นชัดเจน มีรูจมูกที่กว้าง
4. ปากกว้างและลึก ฟันไม่ยื่น มีกรามที่แข็งแรง
5.คอของเจ้าเฟรนชี่ต้องกลมหนา หนังคอตรงลูกกระเดือกต้องย่นๆ
6.อกต้องกว้างละลึก อกฝายไหล่ผึ่ง 555
7.ขาสั้น เลือกที่ขาตั้งตรงและขาหน้าสองข้างต้องมีระยะห่างกันพอควร  เท้าหลังต้องใหญ่กว่าเท้าหน้านิดหน่อย นิ้วเท้าทั้งหน้าและหลังชิดกัน
8. หูซึ่งเป็นลักษณะเด่นสุดๆ หูต้องตั้งเหมือนค้างคาว มีโคนหูที่ใหญ่ ใบหูยาวๆ ปลายหูโค้งมน
9.ลำตัวที่ดีต้องสั้น มีเอวเล็กน้อย เส้นหลังโค้งยาว หัวไหล่กว้าง
10.หางนี่จะสั้นตรงหรือบิดเป็นเกลียวได้หมด
11.ขนของเจ้าเฟรนชี่จะสั้นๆ นุ่มหน่อย ขนเรียบและหนาแน่น
12.ความสูงนี่ประมาณ 10-12 นิ้ว
13.น้ำหนักที่เหมาะคือประมาณ 10-15 กิโลค่ะ



วิธีการดูแลเจ้าเฟรนชี่   
1.   เจ้าเฟรนชี่ ไม่ชอบอากาศร้อน เมืองไทยถือว่าอากาศร้อน ดังนั้นถ้าหากจะเลี้ยงเค้าต้องดูแลอย่างดี ด้วยลักษณะที่มีจมูกสั้นทำให้เกิดปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงที่จะให้เค้าเผชิญกับความร้อนโดยตรง ไม่อย่างนั้นก็ควรเช็ดตัวให้เค้าบ่อยๆเพื่อระบายความร้อนในตัวเค้า สุดท้ายที่นอนเจ้าเฟรนชี่ต้องมีอากาศถ่ายเท หรือถ้าให้ดีเปิดแอร์ฉ่ำจะถูกใจเค้ามากๆเลยทีเดียว
2.   ถึงแม้เจ้าเฟรนชี่จะขนสั้น แต่เราก็จำเป็นต้องแปรงขนให้เค้าอย่างสม่ำเสมอนะคะ เพราะช่วยสางขนที่อ่อนแอให้ร่วงออก และเพื่อขนที่สวยงานของเค้า สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตปริมาณขนที่ร่วงด้วยว่าเยอะผิดปกติมั้ย
3.   การอาบน้ำของเจ้าเฟรนชี่ มีจุดที่ต้องเน้นเป็นพิเศษมาก คือ ข้อพับ ใต้ท้อง เพราะเป็นจุดเก็บกลิ่น อีกที่ที่สำคัญก็จะเป็นรอยย่นบนใบหน้า หลังจากอาบน้ามเสร็จต้องเช็ดตรงรอยย่นให้แห้งสะอาด เพราะหากมันชื้นอาจะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย
4.   จุดเด่นของเจ้าเฟรนชี่คือ ใบหูที่ตั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลใบหูเค้าให้สะอาด เช็ดทำความสะอาด ตรวจดูขี้ไคลอยู่สม่ำเสมอ หลังอาบน้ามก็ให้ตรวจดูว่ามีน้ำเข้าหูมั้ย แล้วเช็ดให้สะอาด เพื่อไม่ให้หูเกิดเชื้อราหรือมีกลิ่น
5.   ตรวจเช็คดวงตัวของเจ้าเฟรนชี่ ว่ามีฝ้าขาวที่ลูกตา หรือขี้ตาที่เยอะผิดปกติหรือไม่ หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
6.   การตัดเล็บเจ้าเฟรนชี่ ให้ตัดตามแนวโค้งของเล็บ โดยต้องระมัดระวังอย่าให้โดยเนื้อ วิธีสังเกตเนื้อจะอยู่ในเล็บเป็นสีชมพู
7.   เจ้าเฟรนชี่เนี่ยจะซุกซน ชอบวิ่งเล่น แต่ก็ถือเป็นการออกกำลังกายของเค้า แต่ก็ควรระวังนะคะ ออกกำลังกายมากไป เค้าจะระบายความร้อนไม่ทัน อาจทำให้เกิดอาการช๊อค (Heat Stroke) วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือนำน้ำมาราดที่ตัวและหัวของเค้า แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวซ้ำอีก หากยังไม่ดีขึ้นให้รีบไปหาสัตวแพทย์ค่ะ


 


8324
ลักษณะของเจ้าตัวน้อยเฟรนช์บลูด๊อก หรือเรียกน่ารักๆว่า เฟรนชี่


       
เจ้า วิธีการเลือกเฟรนชี่ ที่ถือว่าสวย ต้องมีคุณสมัติดังนี้
1.หัวต้องมีขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กะโหลกลักษณะแบน หน้าผากโค้ง แก้มมีกล้ามเนื้อ
2.ตากลมแต่ไม่ลึกหรือโปนเกินไป ตาอยู่ห่างจากใบหู
3.จมูกของเจ้าเฟรนชี่จะสั้น เลือกที่มีดั้งมีมุมหักเห็นชัดเจน มีรูจมูกที่กว้าง
4. ปากกว้างและลึก ฟันไม่ยื่น มีกรามที่แข็งแรง
5.คอของเจ้าเฟรนชี่ต้องกลมหนา หนังคอตรงลูกกระเดือกต้องย่นๆ
6.อกต้องกว้างละลึก อกฝายไหล่ผึ่ง 555
7.ขาสั้น เลือกที่ขาตั้งตรงและขาหน้าสองข้างต้องมีระยะห่างกันพอควร  เท้าหลังต้องใหญ่กว่าเท้าหน้านิดหน่อย นิ้วเท้าทั้งหน้าและหลังชิดกัน
8. หูซึ่งเป็นลักษณะเด่นสุดๆ หูต้องตั้งเหมือนค้างคาว มีโคนหูที่ใหญ่ ใบหูยาวๆ ปลายหูโค้งมน
9.ลำตัวที่ดีต้องสั้น มีเอวเล็กน้อย เส้นหลังโค้งยาว หัวไหล่กว้าง
10.หางนี่จะสั้นตรงหรือบิดเป็นเกลียวได้หมด
11.ขนของเจ้าเฟรนชี่จะสั้นๆ นุ่มหน่อย ขนเรียบและหนาแน่น
12.ความสูงนี่ประมาณ 10-12 นิ้ว
13.น้ำหนักที่เหมาะคือประมาณ 10-15 กิโลค่ะ



วิธีการดูแลเจ้าเฟรนชี่   
1.   เจ้าเฟรนชี่ ไม่ชอบอากาศร้อน เมืองไทยถือว่าอากาศร้อน ดังนั้นถ้าหากจะเลี้ยงเค้าต้องดูแลอย่างดี ด้วยลักษณะที่มีจมูกสั้นทำให้เกิดปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงที่จะให้เค้าเผชิญกับความร้อนโดยตรง ไม่อย่างนั้นก็ควรเช็ดตัวให้เค้าบ่อยๆเพื่อระบายความร้อนในตัวเค้า สุดท้ายที่นอนเจ้าเฟรนชี่ต้องมีอากาศถ่ายเท หรือถ้าให้ดีเปิดแอร์ฉ่ำจะถูกใจเค้ามากๆเลยทีเดียว
2.   ถึงแม้เจ้าเฟรนชี่จะขนสั้น แต่เราก็จำเป็นต้องแปรงขนให้เค้าอย่างสม่ำเสมอนะคะ เพราะช่วยสางขนที่อ่อนแอให้ร่วงออก และเพื่อขนที่สวยงานของเค้า สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตปริมาณขนที่ร่วงด้วยว่าเยอะผิดปกติมั้ย
3.   การอาบน้ำของเจ้าเฟรนชี่ มีจุดที่ต้องเน้นเป็นพิเศษมาก คือ ข้อพับ ใต้ท้อง เพราะเป็นจุดเก็บกลิ่น อีกที่ที่สำคัญก็จะเป็นรอยย่นบนใบหน้า หลังจากอาบน้ามเสร็จต้องเช็ดตรงรอยย่นให้แห้งสะอาด เพราะหากมันชื้นอาจะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย
4.   จุดเด่นของเจ้าเฟรนชี่คือ ใบหูที่ตั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลใบหูเค้าให้สะอาด เช็ดทำความสะอาด ตรวจดูขี้ไคลอยู่สม่ำเสมอ หลังอาบน้ามก็ให้ตรวจดูว่ามีน้ำเข้าหูมั้ย แล้วเช็ดให้สะอาด เพื่อไม่ให้หูเกิดเชื้อราหรือมีกลิ่น
5.   ตรวจเช็คดวงตัวของเจ้าเฟรนชี่ ว่ามีฝ้าขาวที่ลูกตา หรือขี้ตาที่เยอะผิดปกติหรือไม่ หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
6.   การตัดเล็บเจ้าเฟรนชี่ ให้ตัดตามแนวโค้งของเล็บ โดยต้องระมัดระวังอย่าให้โดยเนื้อ วิธีสังเกตเนื้อจะอยู่ในเล็บเป็นสีชมพู
7.   เจ้าเฟรนชี่เนี่ยจะซุกซน ชอบวิ่งเล่น แต่ก็ถือเป็นการออกกำลังกายของเค้า แต่ก็ควรระวังนะคะ ออกกำลังกายมากไป เค้าจะระบายความร้อนไม่ทัน อาจทำให้เกิดอาการช๊อค (Heat Stroke) วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือนำน้ำมาราดที่ตัวและหัวของเค้า แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวซ้ำอีก หากยังไม่ดีขึ้นให้รีบไปหาสัตวแพทย์ค่ะ


 


8325
   

 [url=http://www.marketdogs.com/index.php/topic,66.0.html]โรคขี้เรื้อนแห้ง[/url] และ [url=http://www.marketdogs.com/index.php/topic,65.0.html]โรคขี้เรื้อนเปียก[/url] โรคผิวหนังหรือเรื้อนเกิดจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย แต่โรคผิวหนังของน้องหมาที่คุณหมอพบมากที่สุดก็คือ ไรเรื้อน แต่ด้วยความก้าวหน้าทางสัตวแพทยศาสตร์ของไทยเรา ทำให้ยารักษาโรคเรื้อนสำหรับน้องหมามีมากขึ้น มีทั้งแบบฉีด แบบหยอด แบบทา และต้องป้อนกิน โรงพยาบาลรักษาสัตว์ก็พบเห็นได้ง่ายกว่าแต่ก่อน แต่ผู้เลี้ยงบางท่านที่ประสบปัญหานี้ แต่ไม่มีเวลาไปพบสัตวแพทย์ ก็สามารถรักษาโรคเรื้อนให้น้องหมาได้ด้วยการใช้ของใช้ในบ้าน เราไปดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าน

1. รักษาโรคเรื้อนสุนัขสูตรยาสามัญประจำบ้าน ใช้ยาเหลือง หรือยารักษาแผลสดที่คุ้นเคยในชื่อ “เบตาดีน” ทาบริเวณที่เป็นเรื้อน จากนั้นทาซ้ำด้วยยาม่วง หรือยารักษาอาการปากนกกระจอกสำหรับเด็ก

2. สูตรครัวหลังบ้าน ใช้สำลีชุบน้ำหน่อไม้ดองหรือน้ำมันมะพร้าวทาบริเวณที่เป็นเรื้อนทุกวัน

3. สูตรกรมปศุสัตว์ ใช้น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว 10 ส่วน ผสมกับกำมะถันก้อนเหลือง บดละเอียด 1 ส่วน การบูร หรือลูกเหม็น บดละเอียด 1 ส่วน เส้นยาสูบหรือยาฉุนสับละเอียดอีก 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน ทาส่วนที่สุนัขเป็นขี้เรื้อน วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ประมาณ 3-4 วัน หรือจนกว่าจะหาย