แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

451
วิธีรับมือกับกับสุนัขชอบหอน

          ถ้าเลี้ยงหมา สิ่งที่ต้องได้พบก็จะมีหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นความซุกซน เรื่องของขน เรื่องเห็บหมัด และที่หนีไม่พ้นก็คือถ้าเลี้ยงหมาก็จะเจอเกี่ยวกับการเห่าหอน



          เรื่องมีอยู่ว่าถ้าน้องหมาที่เราเลี้ยงไว้นั้นเกิดเป็นนักร้องเสียงทองอยู่เป็นประจำ นั่นก็อาจจะเป็นปวดใจให้กับเพื่อนบ้านก็ได้ ซึ่งก็รวมถึงเหล่าคนที่สผ่านไปมาหรือเด็ก ๆ ที่ชอบเล่นอยู่ใกล้ ๆ บ้านคุณ 

          ซึ่งวิธีการง่าย ๆ ในการลดการหอนของสุนัขก็คือ การใช้ใจ จัดการกับสถานการณ์  โดยใจที่ว่านั้นก็คือการทำความเข้าใจว่าทำไมน้องหมาถึงหอน ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้น้องหมาหอนก็จะมีดังนี้

สาเหตุที่ทำให้สุนัขเห่าหอน

1. ความเหงา สุนัขที่ถูกปล่อยให้อยู่บ้านตัวเดียวนาน ๆ  ชอบที่จะหอนเพราะเขารู้สึกกลัว

2. พฤติกรรมการสอนจากคนเลี้ยง น้องหมานั้นอาจเห่าหอนเพราะตัวคนเลี้ยงโดยไม่รู้ตัว เช่น เมื่อเขาหอนคุณก็ให้ขนมกับเขา ทำบ่อย ๆ ครั้งน้องหมาก็จะติดเป็นนิสัย หรือเมื่อสุนัขหอนแล้ว คุณปล่อยให้เขาออกไปวิ่ง เขาก็จะทำแบบเดิมอีกเมื่ออยากได้อะไร



3. เกิดจากมีพลังที่ล้นเหลือเพราะไม่ได้ออกกำลัง  การที่สุนัขไม่ได้ออกกำลังกาย ทำให้น้องหมามีพลังงานเหลือเฟือ และเลือกที่จะเผาพลังงานไปกับการส่งเสียงหอน แต่ถ้าน้องหมาได้รับการออกกำลังกายบ่อย เขาก็จะหลับมากกว่าหอน เอาง่าย ๆ ก็คือ เมื่อได้ออกกำลังกายก็จะหมดแรงและนอนไวนั่นเอง

แล้วเราจะจัดการกับน้องหมาชอบหอนได้ยังไง

1. พาเขาออกไปเดินเล่นอย่างน้อย ๆ 20 นาทีต่อเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นการออกกำลังด้วย

2. พาเขาไปสวนสาธารณะเป็นประจำ อย่างน้อย ๆ สัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้เขารู้จักการเข้าสังคม

3. เมื่อน้องหมาหอน คุณต้องทำให้เขาหยุดด้วยการดึงความสนใจของเขา เช่น การนำของที่เขาชอบมาหลอกล่อ หรือนำของเล่นที่ส่งเสียงได้มาเขย่า และเมื่อสุนัขหยุดหอนก็มอบขนมเป็นรางวัล ให้เขารู้ว่าการไม่หอนถือเป็นสิ่งที่ควรทำ

4. สอนเรื่องคำสั่ง ”เงียบ” ทุกครั้งที่น้องหมาหอน ต้องออกคำสั่งว่า “เงียบ” หรือ “อย่าหอน” ลองถือขนมไว้ตรงจมูกของเขา ซึ่งสุนัขส่วนใหญ่จะหยุดหอนทันที นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถดมกลิ่นขนมกับหอนไปพร้อม ๆ กันได้ในคราวเดียวกันนั่นเอง ให้ของรางวัลเมื่อเขาหยุดหอนทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยืดเวลาในการให้ขนมกับเขาให้นานขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้ง หรือคุณอาจจะดัดแปลงสอนให้เขาหอนยามที่จำเป็นจริง ๆ ก็ได้ เพราะสุนัขที่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หอนได้แต่ต้องพอเหมาะพอควร


452
วิธีรับมือกับกับสุนัขชอบหอน

          ถ้าเลี้ยงหมา สิ่งที่ต้องได้พบก็จะมีหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นความซุกซน เรื่องของขน เรื่องเห็บหมัด และที่หนีไม่พ้นก็คือถ้าเลี้ยงหมาก็จะเจอเกี่ยวกับการเห่าหอน



          เรื่องมีอยู่ว่าถ้าน้องหมาที่เราเลี้ยงไว้นั้นเกิดเป็นนักร้องเสียงทองอยู่เป็นประจำ นั่นก็อาจจะเป็นปวดใจให้กับเพื่อนบ้านก็ได้ ซึ่งก็รวมถึงเหล่าคนที่สผ่านไปมาหรือเด็ก ๆ ที่ชอบเล่นอยู่ใกล้ ๆ บ้านคุณ 

          ซึ่งวิธีการง่าย ๆ ในการลดการหอนของสุนัขก็คือ การใช้ใจ จัดการกับสถานการณ์  โดยใจที่ว่านั้นก็คือการทำความเข้าใจว่าทำไมน้องหมาถึงหอน ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้น้องหมาหอนก็จะมีดังนี้

สาเหตุที่ทำให้สุนัขเห่าหอน

1. ความเหงา สุนัขที่ถูกปล่อยให้อยู่บ้านตัวเดียวนาน ๆ  ชอบที่จะหอนเพราะเขารู้สึกกลัว

2. พฤติกรรมการสอนจากคนเลี้ยง น้องหมานั้นอาจเห่าหอนเพราะตัวคนเลี้ยงโดยไม่รู้ตัว เช่น เมื่อเขาหอนคุณก็ให้ขนมกับเขา ทำบ่อย ๆ ครั้งน้องหมาก็จะติดเป็นนิสัย หรือเมื่อสุนัขหอนแล้ว คุณปล่อยให้เขาออกไปวิ่ง เขาก็จะทำแบบเดิมอีกเมื่ออยากได้อะไร



3. เกิดจากมีพลังที่ล้นเหลือเพราะไม่ได้ออกกำลัง  การที่สุนัขไม่ได้ออกกำลังกาย ทำให้น้องหมามีพลังงานเหลือเฟือ และเลือกที่จะเผาพลังงานไปกับการส่งเสียงหอน แต่ถ้าน้องหมาได้รับการออกกำลังกายบ่อย เขาก็จะหลับมากกว่าหอน เอาง่าย ๆ ก็คือ เมื่อได้ออกกำลังกายก็จะหมดแรงและนอนไวนั่นเอง

แล้วเราจะจัดการกับน้องหมาชอบหอนได้ยังไง

1. พาเขาออกไปเดินเล่นอย่างน้อย ๆ 20 นาทีต่อเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นการออกกำลังด้วย

2. พาเขาไปสวนสาธารณะเป็นประจำ อย่างน้อย ๆ สัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้เขารู้จักการเข้าสังคม

3. เมื่อน้องหมาหอน คุณต้องทำให้เขาหยุดด้วยการดึงความสนใจของเขา เช่น การนำของที่เขาชอบมาหลอกล่อ หรือนำของเล่นที่ส่งเสียงได้มาเขย่า และเมื่อสุนัขหยุดหอนก็มอบขนมเป็นรางวัล ให้เขารู้ว่าการไม่หอนถือเป็นสิ่งที่ควรทำ

4. สอนเรื่องคำสั่ง ”เงียบ” ทุกครั้งที่น้องหมาหอน ต้องออกคำสั่งว่า “เงียบ” หรือ “อย่าหอน” ลองถือขนมไว้ตรงจมูกของเขา ซึ่งสุนัขส่วนใหญ่จะหยุดหอนทันที นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถดมกลิ่นขนมกับหอนไปพร้อม ๆ กันได้ในคราวเดียวกันนั่นเอง ให้ของรางวัลเมื่อเขาหยุดหอนทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยืดเวลาในการให้ขนมกับเขาให้นานขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้ง หรือคุณอาจจะดัดแปลงสอนให้เขาหอนยามที่จำเป็นจริง ๆ ก็ได้ เพราะสุนัขที่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หอนได้แต่ต้องพอเหมาะพอควร


453
แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ (Flat Coated Retriever)

          สายพันธุ์สุนัขนั้นว่ามีหลายสายพันธ์แล้ว ยังมีแยกย่อยอีกหลายประเภทด้วย อย่างที่จะนำมาแนะนำในวันนี้ จะเป็นน้องหมาที่อยู่ในประเภทหมาเก็บเหยื่อ ยังอีกหลายประเภทที่แบ่งย่อยลงไปอีก ซึ่งมีเวลานำเล่าสู่กันฟังนะ
          สำหรับวันนี้น้องหมาที่จะพามาทำความรู้จักก็คือ น้องหมาพันธุ์ แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ นั่นเองเรามาทำความรู้สึกเพิ่มขึ้นกันดีกว่า



แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ (Flat Coated Retriever)

          เป็นน้องหมาหนึ่งในสามสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากโกลเด้นรีทรีฟอวร์  ความคล้ายกันมาก ต่างกันตรงที่ แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ จะมีขนยาวแต่เรียบเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกคะแนนนิยมในตัวโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ดึงไป ทำให้กลายเป็นรีทรีฟเวอร์ที่เคยหายากอยู่ช่วงหนึ่ง แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขเก็บเหยื่อชั้นยอด มีความเป็นเด็กในตัวเองสูง ชอบการฝึกแบบสั้นๆ แต่บ่อยๆ ไม่ชอบความน่าเบื่อและยืดยาวในระหว่างฝึก เขาเป็นรีทรีฟเวอร์โดยแท้ทุกประการ จึงไว้ใจได้ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ยอดเยี่ยม

ลักษณะทั่วไปของแฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขสีดำที่มีขนสวยความเงา ขนยาวขนาดกลาง ขนหนาหูอยู่ใกล้กับศีรษะ ตามีสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลแดง ขาและหางมีขนดี เขาเป็นสุนัขที่มีความสุขดังนั้นหางจะแกว่งอย่างต่อเนื่อง
ความสูงเฉลี่ยสำหรับแฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ตัวผู้อยู่ที่ 23-24.5 นิ้ว น้ำหนักอยู่ช่วง 27-36 กิโลกรัม อายุไขเฉลี่ยของสุนัขตัวประมาณ 10 ปี

ลักษณะนิสัย:

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ ฉลาด ซุกซน มีอารมณ์เย็น มีเสน่ห์ และขี้เล่น เป็นสุนัขครอบครัวที่ยอดเยี่ยม รักเด็กที่และเป็นมิตรกับทุกคนและเข้ากับคนง่ายมาก อาศัยอยู่กับครอบครัวของเขาและเขาเจริญเติบโตในความสนใจและความรัก อาจดูเหมือนจะเป็นเด็กตลอดกาล ขณะที่ความอ่อนเยาว์มักจะเป็นที่รัก เขาอาจเป็นท้าทายของเจ้าของ เมื่อเจ้าของของเขาเข้าใจผิดว่าสุนัขทั้งหมดจะโตเต็มที่เมื่อเขามีอายุ 1 ปี แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์โตเต็มวัยช้า ถึงเขาจะอายุ 3 ปี แต่เขาอาจจะดูเหมือนเป็นลูกสุนัข




การดูแลสายพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีขนยาวปานกลางอีกทั้งยังชอบเล่นน้ำมาก การดูแลขนจึงเป็นเรื่องที่เจ้าของต้องทำเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนสุนัขพันกัน นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นสุนัขที่มีการผลัดขนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นก่อนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ เบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่าขนของสุนัขอาจไปติดอยู่ตามตัว เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ในอาหาร ดังนั้นการแปรงขนเป็นประจำและการดูดฝุ่นทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อลดโอกาสที่ขนกระจายอยู่ในทุก ๆ มุมของบ้าน
          และสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีขนยาวปานกลาง คุณจึงไม่จำเป็นต้องตัดขนพวกเขาก็ได้ อาจแค่เล็มขนบริเวณใต้ฝ่าเท้าเพื่อกันลื่น หรือบริเวณอวัยวะที่ใช้ขับถ่ายเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหมักหมม

          บางครั้งพวกมันอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เนื่องจากความชื้นที่สะสมบริเวณผิวหนังและขน จึงควรอาบน้ำไม่ ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่ไม่ควรอาบบ่อยเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะอาจทำให้ผิวหนังสุนัขแห้ง จนเกิดอาการคันหรือเกิดรังแคตามมาได้ การดูแลสุขภาพและความสะอาดพื้นฐานอื่น ๆ เช่น สุขภาพช่องปาก การแปรงฟัน การล้างหู และการตัดเล็บ ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งด้วยนะ
   
          สุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีพลังงานและความต้องการออกกำลังกายสูง เจ้าของจึงควรพาสุนัขไปออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น พาออกไปเดินนอกบ้าน เล่นคาบสิ่งของ หรือว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะการปล่อยให้เขาวิ่งเล่นภายในบ้านอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับสุนัขสายพันธุ์นี้ เพราะสุดท้ายเมื่อเขาเริ่มเบื่อ เขาอาจหันไปทำลายสิ่งของแทน อีกอย่างการที่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ยังทำให้เขาได้พบปะผู้คนหรือสุนัขตัวอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุด

454
แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ (Flat Coated Retriever)

          สายพันธุ์สุนัขนั้นว่ามีหลายสายพันธ์แล้ว ยังมีแยกย่อยอีกหลายประเภทด้วย อย่างที่จะนำมาแนะนำในวันนี้ จะเป็นน้องหมาที่อยู่ในประเภทหมาเก็บเหยื่อ ยังอีกหลายประเภทที่แบ่งย่อยลงไปอีก ซึ่งมีเวลานำเล่าสู่กันฟังนะ
          สำหรับวันนี้น้องหมาที่จะพามาทำความรู้จักก็คือ น้องหมาพันธุ์ แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ นั่นเองเรามาทำความรู้สึกเพิ่มขึ้นกันดีกว่า



แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ (Flat Coated Retriever)

          เป็นน้องหมาหนึ่งในสามสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากโกลเด้นรีทรีฟอวร์  ความคล้ายกันมาก ต่างกันตรงที่ แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ จะมีขนยาวแต่เรียบเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกคะแนนนิยมในตัวโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ดึงไป ทำให้กลายเป็นรีทรีฟเวอร์ที่เคยหายากอยู่ช่วงหนึ่ง แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขเก็บเหยื่อชั้นยอด มีความเป็นเด็กในตัวเองสูง ชอบการฝึกแบบสั้นๆ แต่บ่อยๆ ไม่ชอบความน่าเบื่อและยืดยาวในระหว่างฝึก เขาเป็นรีทรีฟเวอร์โดยแท้ทุกประการ จึงไว้ใจได้ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ยอดเยี่ยม

ลักษณะทั่วไปของแฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขสีดำที่มีขนสวยความเงา ขนยาวขนาดกลาง ขนหนาหูอยู่ใกล้กับศีรษะ ตามีสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลแดง ขาและหางมีขนดี เขาเป็นสุนัขที่มีความสุขดังนั้นหางจะแกว่งอย่างต่อเนื่อง
ความสูงเฉลี่ยสำหรับแฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ตัวผู้อยู่ที่ 23-24.5 นิ้ว น้ำหนักอยู่ช่วง 27-36 กิโลกรัม อายุไขเฉลี่ยของสุนัขตัวประมาณ 10 ปี

ลักษณะนิสัย:

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ ฉลาด ซุกซน มีอารมณ์เย็น มีเสน่ห์ และขี้เล่น เป็นสุนัขครอบครัวที่ยอดเยี่ยม รักเด็กที่และเป็นมิตรกับทุกคนและเข้ากับคนง่ายมาก อาศัยอยู่กับครอบครัวของเขาและเขาเจริญเติบโตในความสนใจและความรัก อาจดูเหมือนจะเป็นเด็กตลอดกาล ขณะที่ความอ่อนเยาว์มักจะเป็นที่รัก เขาอาจเป็นท้าทายของเจ้าของ เมื่อเจ้าของของเขาเข้าใจผิดว่าสุนัขทั้งหมดจะโตเต็มที่เมื่อเขามีอายุ 1 ปี แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์โตเต็มวัยช้า ถึงเขาจะอายุ 3 ปี แต่เขาอาจจะดูเหมือนเป็นลูกสุนัข




การดูแลสายพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีขนยาวปานกลางอีกทั้งยังชอบเล่นน้ำมาก การดูแลขนจึงเป็นเรื่องที่เจ้าของต้องทำเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนสุนัขพันกัน นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นสุนัขที่มีการผลัดขนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นก่อนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ เบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่าขนของสุนัขอาจไปติดอยู่ตามตัว เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ในอาหาร ดังนั้นการแปรงขนเป็นประจำและการดูดฝุ่นทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อลดโอกาสที่ขนกระจายอยู่ในทุก ๆ มุมของบ้าน
          และสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีขนยาวปานกลาง คุณจึงไม่จำเป็นต้องตัดขนพวกเขาก็ได้ อาจแค่เล็มขนบริเวณใต้ฝ่าเท้าเพื่อกันลื่น หรือบริเวณอวัยวะที่ใช้ขับถ่ายเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหมักหมม

          บางครั้งพวกมันอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เนื่องจากความชื้นที่สะสมบริเวณผิวหนังและขน จึงควรอาบน้ำไม่ ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่ไม่ควรอาบบ่อยเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะอาจทำให้ผิวหนังสุนัขแห้ง จนเกิดอาการคันหรือเกิดรังแคตามมาได้ การดูแลสุขภาพและความสะอาดพื้นฐานอื่น ๆ เช่น สุขภาพช่องปาก การแปรงฟัน การล้างหู และการตัดเล็บ ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งด้วยนะ
   
          สุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีพลังงานและความต้องการออกกำลังกายสูง เจ้าของจึงควรพาสุนัขไปออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น พาออกไปเดินนอกบ้าน เล่นคาบสิ่งของ หรือว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะการปล่อยให้เขาวิ่งเล่นภายในบ้านอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับสุนัขสายพันธุ์นี้ เพราะสุดท้ายเมื่อเขาเริ่มเบื่อ เขาอาจหันไปทำลายสิ่งของแทน อีกอย่างการที่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ยังทำให้เขาได้พบปะผู้คนหรือสุนัขตัวอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุด

455
แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ (Flat Coated Retriever)

          สายพันธุ์สุนัขนั้นว่ามีหลายสายพันธ์แล้ว ยังมีแยกย่อยอีกหลายประเภทด้วย อย่างที่จะนำมาแนะนำในวันนี้ จะเป็นน้องหมาที่อยู่ในประเภทหมาเก็บเหยื่อ ยังอีกหลายประเภทที่แบ่งย่อยลงไปอีก ซึ่งมีเวลานำเล่าสู่กันฟังนะ
          สำหรับวันนี้น้องหมาที่จะพามาทำความรู้จักก็คือ น้องหมาพันธุ์ แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ นั่นเองเรามาทำความรู้สึกเพิ่มขึ้นกันดีกว่า



แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ (Flat Coated Retriever)

          เป็นน้องหมาหนึ่งในสามสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากโกลเด้นรีทรีฟอวร์  ความคล้ายกันมาก ต่างกันตรงที่ แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ จะมีขนยาวแต่เรียบเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกคะแนนนิยมในตัวโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ดึงไป ทำให้กลายเป็นรีทรีฟเวอร์ที่เคยหายากอยู่ช่วงหนึ่ง แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขเก็บเหยื่อชั้นยอด มีความเป็นเด็กในตัวเองสูง ชอบการฝึกแบบสั้นๆ แต่บ่อยๆ ไม่ชอบความน่าเบื่อและยืดยาวในระหว่างฝึก เขาเป็นรีทรีฟเวอร์โดยแท้ทุกประการ จึงไว้ใจได้ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ยอดเยี่ยม

ลักษณะทั่วไปของแฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขสีดำที่มีขนสวยความเงา ขนยาวขนาดกลาง ขนหนาหูอยู่ใกล้กับศีรษะ ตามีสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลแดง ขาและหางมีขนดี เขาเป็นสุนัขที่มีความสุขดังนั้นหางจะแกว่งอย่างต่อเนื่อง
ความสูงเฉลี่ยสำหรับแฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ตัวผู้อยู่ที่ 23-24.5 นิ้ว น้ำหนักอยู่ช่วง 27-36 กิโลกรัม อายุไขเฉลี่ยของสุนัขตัวประมาณ 10 ปี

ลักษณะนิสัย:

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ ฉลาด ซุกซน มีอารมณ์เย็น มีเสน่ห์ และขี้เล่น เป็นสุนัขครอบครัวที่ยอดเยี่ยม รักเด็กที่และเป็นมิตรกับทุกคนและเข้ากับคนง่ายมาก อาศัยอยู่กับครอบครัวของเขาและเขาเจริญเติบโตในความสนใจและความรัก อาจดูเหมือนจะเป็นเด็กตลอดกาล ขณะที่ความอ่อนเยาว์มักจะเป็นที่รัก เขาอาจเป็นท้าทายของเจ้าของ เมื่อเจ้าของของเขาเข้าใจผิดว่าสุนัขทั้งหมดจะโตเต็มที่เมื่อเขามีอายุ 1 ปี แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์โตเต็มวัยช้า ถึงเขาจะอายุ 3 ปี แต่เขาอาจจะดูเหมือนเป็นลูกสุนัข




การดูแลสายพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีขนยาวปานกลางอีกทั้งยังชอบเล่นน้ำมาก การดูแลขนจึงเป็นเรื่องที่เจ้าของต้องทำเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนสุนัขพันกัน นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นสุนัขที่มีการผลัดขนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นก่อนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ เบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่าขนของสุนัขอาจไปติดอยู่ตามตัว เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ในอาหาร ดังนั้นการแปรงขนเป็นประจำและการดูดฝุ่นทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อลดโอกาสที่ขนกระจายอยู่ในทุก ๆ มุมของบ้าน
          และสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีขนยาวปานกลาง คุณจึงไม่จำเป็นต้องตัดขนพวกเขาก็ได้ อาจแค่เล็มขนบริเวณใต้ฝ่าเท้าเพื่อกันลื่น หรือบริเวณอวัยวะที่ใช้ขับถ่ายเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหมักหมม

          บางครั้งพวกมันอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เนื่องจากความชื้นที่สะสมบริเวณผิวหนังและขน จึงควรอาบน้ำไม่ ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่ไม่ควรอาบบ่อยเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะอาจทำให้ผิวหนังสุนัขแห้ง จนเกิดอาการคันหรือเกิดรังแคตามมาได้ การดูแลสุขภาพและความสะอาดพื้นฐานอื่น ๆ เช่น สุขภาพช่องปาก การแปรงฟัน การล้างหู และการตัดเล็บ ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งด้วยนะ
   
          สุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีพลังงานและความต้องการออกกำลังกายสูง เจ้าของจึงควรพาสุนัขไปออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น พาออกไปเดินนอกบ้าน เล่นคาบสิ่งของ หรือว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะการปล่อยให้เขาวิ่งเล่นภายในบ้านอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับสุนัขสายพันธุ์นี้ เพราะสุดท้ายเมื่อเขาเริ่มเบื่อ เขาอาจหันไปทำลายสิ่งของแทน อีกอย่างการที่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ยังทำให้เขาได้พบปะผู้คนหรือสุนัขตัวอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุด

456
แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ (Flat Coated Retriever)

          สายพันธุ์สุนัขนั้นว่ามีหลายสายพันธ์แล้ว ยังมีแยกย่อยอีกหลายประเภทด้วย อย่างที่จะนำมาแนะนำในวันนี้ จะเป็นน้องหมาที่อยู่ในประเภทหมาเก็บเหยื่อ ยังอีกหลายประเภทที่แบ่งย่อยลงไปอีก ซึ่งมีเวลานำเล่าสู่กันฟังนะ
          สำหรับวันนี้น้องหมาที่จะพามาทำความรู้จักก็คือ น้องหมาพันธุ์ แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ นั่นเองเรามาทำความรู้สึกเพิ่มขึ้นกันดีกว่า



แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ (Flat Coated Retriever)

          เป็นน้องหมาหนึ่งในสามสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากโกลเด้นรีทรีฟอวร์  ความคล้ายกันมาก ต่างกันตรงที่ แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ จะมีขนยาวแต่เรียบเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกคะแนนนิยมในตัวโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ดึงไป ทำให้กลายเป็นรีทรีฟเวอร์ที่เคยหายากอยู่ช่วงหนึ่ง แฟลท โคเทด รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขเก็บเหยื่อชั้นยอด มีความเป็นเด็กในตัวเองสูง ชอบการฝึกแบบสั้นๆ แต่บ่อยๆ ไม่ชอบความน่าเบื่อและยืดยาวในระหว่างฝึก เขาเป็นรีทรีฟเวอร์โดยแท้ทุกประการ จึงไว้ใจได้ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ยอดเยี่ยม

ลักษณะทั่วไปของแฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขสีดำที่มีขนสวยความเงา ขนยาวขนาดกลาง ขนหนาหูอยู่ใกล้กับศีรษะ ตามีสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลแดง ขาและหางมีขนดี เขาเป็นสุนัขที่มีความสุขดังนั้นหางจะแกว่งอย่างต่อเนื่อง
ความสูงเฉลี่ยสำหรับแฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ตัวผู้อยู่ที่ 23-24.5 นิ้ว น้ำหนักอยู่ช่วง 27-36 กิโลกรัม อายุไขเฉลี่ยของสุนัขตัวประมาณ 10 ปี

ลักษณะนิสัย:

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ ฉลาด ซุกซน มีอารมณ์เย็น มีเสน่ห์ และขี้เล่น เป็นสุนัขครอบครัวที่ยอดเยี่ยม รักเด็กที่และเป็นมิตรกับทุกคนและเข้ากับคนง่ายมาก อาศัยอยู่กับครอบครัวของเขาและเขาเจริญเติบโตในความสนใจและความรัก อาจดูเหมือนจะเป็นเด็กตลอดกาล ขณะที่ความอ่อนเยาว์มักจะเป็นที่รัก เขาอาจเป็นท้าทายของเจ้าของ เมื่อเจ้าของของเขาเข้าใจผิดว่าสุนัขทั้งหมดจะโตเต็มที่เมื่อเขามีอายุ 1 ปี แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์โตเต็มวัยช้า ถึงเขาจะอายุ 3 ปี แต่เขาอาจจะดูเหมือนเป็นลูกสุนัข




การดูแลสายพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์

          แฟลต โคด์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีขนยาวปานกลางอีกทั้งยังชอบเล่นน้ำมาก การดูแลขนจึงเป็นเรื่องที่เจ้าของต้องทำเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนสุนัขพันกัน นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นสุนัขที่มีการผลัดขนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นก่อนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ เบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่าขนของสุนัขอาจไปติดอยู่ตามตัว เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ในอาหาร ดังนั้นการแปรงขนเป็นประจำและการดูดฝุ่นทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อลดโอกาสที่ขนกระจายอยู่ในทุก ๆ มุมของบ้าน
          และสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีขนยาวปานกลาง คุณจึงไม่จำเป็นต้องตัดขนพวกเขาก็ได้ อาจแค่เล็มขนบริเวณใต้ฝ่าเท้าเพื่อกันลื่น หรือบริเวณอวัยวะที่ใช้ขับถ่ายเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหมักหมม

          บางครั้งพวกมันอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เนื่องจากความชื้นที่สะสมบริเวณผิวหนังและขน จึงควรอาบน้ำไม่ ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่ไม่ควรอาบบ่อยเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะอาจทำให้ผิวหนังสุนัขแห้ง จนเกิดอาการคันหรือเกิดรังแคตามมาได้ การดูแลสุขภาพและความสะอาดพื้นฐานอื่น ๆ เช่น สุขภาพช่องปาก การแปรงฟัน การล้างหู และการตัดเล็บ ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งด้วยนะ
   
          สุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีพลังงานและความต้องการออกกำลังกายสูง เจ้าของจึงควรพาสุนัขไปออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น พาออกไปเดินนอกบ้าน เล่นคาบสิ่งของ หรือว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะการปล่อยให้เขาวิ่งเล่นภายในบ้านอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับสุนัขสายพันธุ์นี้ เพราะสุดท้ายเมื่อเขาเริ่มเบื่อ เขาอาจหันไปทำลายสิ่งของแทน อีกอย่างการที่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ยังทำให้เขาได้พบปะผู้คนหรือสุนัขตัวอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุด

457
การรักษาพยาบาลแมวเบื้องต้น

          วิธีการให้ยาและปริมาณที่ต้องให้ การรักษาเบื้องต้น หาก 3 วันอาการไม่ดีขึ้นต้องพาไปพบหมอ

เป็นหวัดแค่จามมีน้ำมูกใส ให้ ฟูมูซิล หรือ เฟลมแม๊กซ์ คู่กับ คอเฟแก้แพ้อากาศ
- ฟูมูซิล 100 mg ยาผงเป็นซองเป็นยาละลายเสมหะ ผสมน้ำ 50 cc.
ป้อนง่าย เป็นน้ำส้ม แมวไม่ค่อยขัดขืน
แมวเล็กตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปครั้งล่ะ 1/2 cc แมวเด็กโตอายุ 3 - 8เดือน ครั้งละ 1-2 cc แมวโต ครั้งละ 2-3 cc ป้อน 2- 3 เวลา
- เฟลมแม๊กซ์ ยาน้ำ ยาแก้ไอละลายเสมหะแบบน้ำปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. ให้เช้า-เย็น ยาน้ำตัวนี้เหมาะรักษากับลูกแมว
- เฟลมแม๊กซ์ ยาเม็ด เป็นยาแก้ไอละลายเสมหะ แบบเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น
- Chlorpheniramine ยาน้ำ เป็นยาแก้แพ้อากาศช่วยลดน้ำมูก
- Chlorpheniramine ยาเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น ยาเม็ดตัวนี้เหมาะรักษากับแมวโตจะดีกว่า

** *ถ้ามีน้ำมูกข้นเขียวต้องเพิ่มยากลุ่มปฎิชีวะนะ เริ่มจากกลุ่มที่ 1 ก่อนถ้า 3 วันไม่ดีขึ้นค่อยเปลี่ยนกลุ่มตามลำดับต่อไป



- กลุ่ม 1 ตัวนี้จะมีรสออกขมหน่อย ป้อนแล้วชอบน้ำลายฟูมปาก
โทเฟ๊กซ์ดาย 156ml ยาน้ำ ปริมาณ 1 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวเด็ก)
โทเฟ๊กซ์ดาย 250ml ยาน้ำ ปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวโต)

- กลุ่ม 2 ที่บ้าน รสชาติดีกว่า
คาวูม๊อกซ์ 156ml ปริมาณ 0.5 cc/ นน. 1 กก.

- กลุ่ม 3 ตัวนี้จะแนะนำสำหรับแมวโตจะดีมาก เป็นหวัดให้คู่กับเฟลมเม๊กซ์แบบเม็ด กินไปเลย 14 วัน ได้ผลมาก
ด๊อกซี่ 100 ml จะเป็นตัวยาเดียวกับยากางปลาที่หมอชอบให้ ก้านนึง 200 กว่าบาท แต่ถ้าเป็นเม็ดแบบราคาจะอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ใช้รักษาพยาธิเม็ดเลือดได้ด้วย
ยาเม็ด ยาปฏิชีวนะ 1 เม็ด / น้ำหนัก 10 กก.
***ยาปฏิชีวะนะ ให้เช้า-เย็น ต้องให้กินติดต่อกันจนครบ 7 วันขึ้นไป ถ้าจะดีต้อง 14 วันเลย แม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม

ท้องเสีย ติดเชื้อ
- ไดเซ็นโต้ รักษาอาการบิด อึปนมูกเลือดเหม็นคาวอย่างแรง เป็นยาเม็ดสีเหลือง ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
- นอร์ฟ๊อกซ์ 200 ml เม็ด เป็นยาปฏิชีวะนะ ยาฆ่าเชี้อ ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
กินคู่กัน ทุกเช้า –เย็น ควรกินให้ครบ 7 วัน

ผิวหนังอักเสบ เชื้อรา
- นิวฟูลวิน เป็นยารักษาเชื้อราเม็ดสีขาว ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก.
กินหลังอาหารทันทีกินคู่กับยาบำรุงตับซับมารินเม็ดสีชมพู แมวโตแบ่ง 2/เม็ด แมวเด็กแบ่ง 4/เม็ด ติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 อาทิตย์
การรักษาเชื้อราต้องกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 อาทิตย์ขึ้นไป และต้องกินคู่กับยาบำรุงตับด้วย
รักษาควบคู่กับการอาบน้ำด้วยแชมพูยา อย่างต่อเนื่อง



อาหารคันหู ไรหู ติดเชื้อเยื้อบุช่องหู
- Dexoryl หาซื้อตามร้านสัตว์แพทย์ ขวดเล็กสีขาว ฉลากน้ำเงิน ยาหยอดไรหู 4วันแรก หยอดทุก เช้า- เย็น ควรเช็ดทำความสะอาดหูก่อนหยอด หลังจากนั้นหยอดติดต่อกันอีก 10 วัน (ถ้าเป็นเยอะควรให้ โทเฟ๊กซ์ หรือ คาวูม๊อกซ์ คุมการติดเชื้อไว้ด้วย)

ตาเจ็บ
- เจนตร้ามัยซิน หรือ คอแลมเฟนิคอล ยาหยอดยา 3 เวลา ในสามวันแรก หากยังไม่ดีขึ้นให้เปลี่ยนมาใช้ โทเบ๊กซ์หยอดแทน หลังจากนั้นหยดเช้าเย็น จนครบ7วัน หรือจนหายดี ถ้าเป็นมากให้ป้ายขี้ผึ้งยา โทเบ๊กซ์ เพิ่มด้วย
อีกอย่างที่ควรมีติดไว้คือน้ำตาเทียมแบบครีม แมวเวลาตาเจ็บตาจะชอบปิดคะ เอาน้ำตาเทียมทาล่อลื่นไว้ไม่ให้ขอบตาเค้าแห้ง

มีไข้สูง
- ทอฟีดีน อย่างเม็ด เป็นยาของสัตว์ปริมาณ 1เม็ด / นน. 5 กก.
กินได้แค่สามวัน ห้ามให้เกิน 3 วัน หากเกินนั้นจะอันตรายมาก ต้องให้สัตว์แพทย์เป็นคนจัดให้
- ไอบูโทเฟ่น ยาน้ำลดไข้เด็ก (ของคน) ขวดเล็กๆ ปริมาณ 0.5 cc / นน. 1 กก.ควรมีติดบ้านไว้

ยาถ่ายพยาธิ
- ด็อนทอลพลัส ตัวนี้เป็นยาของสัตว์ดีมากๆ ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก. ถ่ายได้ตั้งแต่แมวอายุ 6 อาทิตย์ขึ้นไป
- พาเล็ท ยาน้ำของเด็ก (ของคน) สำหรับแมวเด็กควรใช้ ในปริมาณ 0.2-0.3 cc ถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 1 เดือน แล้วทำทุก 2 อาทิตย์ จนครบอายุ 3 เดือน สำหรับแมวโตถ่ายพยาธิทุก 3 เดือน หรือหยดเรฟโวรูชั่นสลับกันไปได้



458
การรักษาพยาบาลแมวเบื้องต้น

          วิธีการให้ยาและปริมาณที่ต้องให้ การรักษาเบื้องต้น หาก 3 วันอาการไม่ดีขึ้นต้องพาไปพบหมอ

เป็นหวัดแค่จามมีน้ำมูกใส ให้ ฟูมูซิล หรือ เฟลมแม๊กซ์ คู่กับ คอเฟแก้แพ้อากาศ
- ฟูมูซิล 100 mg ยาผงเป็นซองเป็นยาละลายเสมหะ ผสมน้ำ 50 cc.
ป้อนง่าย เป็นน้ำส้ม แมวไม่ค่อยขัดขืน
แมวเล็กตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปครั้งล่ะ 1/2 cc แมวเด็กโตอายุ 3 - 8เดือน ครั้งละ 1-2 cc แมวโต ครั้งละ 2-3 cc ป้อน 2- 3 เวลา
- เฟลมแม๊กซ์ ยาน้ำ ยาแก้ไอละลายเสมหะแบบน้ำปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. ให้เช้า-เย็น ยาน้ำตัวนี้เหมาะรักษากับลูกแมว
- เฟลมแม๊กซ์ ยาเม็ด เป็นยาแก้ไอละลายเสมหะ แบบเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น
- Chlorpheniramine ยาน้ำ เป็นยาแก้แพ้อากาศช่วยลดน้ำมูก
- Chlorpheniramine ยาเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น ยาเม็ดตัวนี้เหมาะรักษากับแมวโตจะดีกว่า

** *ถ้ามีน้ำมูกข้นเขียวต้องเพิ่มยากลุ่มปฎิชีวะนะ เริ่มจากกลุ่มที่ 1 ก่อนถ้า 3 วันไม่ดีขึ้นค่อยเปลี่ยนกลุ่มตามลำดับต่อไป



- กลุ่ม 1 ตัวนี้จะมีรสออกขมหน่อย ป้อนแล้วชอบน้ำลายฟูมปาก
โทเฟ๊กซ์ดาย 156ml ยาน้ำ ปริมาณ 1 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวเด็ก)
โทเฟ๊กซ์ดาย 250ml ยาน้ำ ปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวโต)

- กลุ่ม 2 ที่บ้าน รสชาติดีกว่า
คาวูม๊อกซ์ 156ml ปริมาณ 0.5 cc/ นน. 1 กก.

- กลุ่ม 3 ตัวนี้จะแนะนำสำหรับแมวโตจะดีมาก เป็นหวัดให้คู่กับเฟลมเม๊กซ์แบบเม็ด กินไปเลย 14 วัน ได้ผลมาก
ด๊อกซี่ 100 ml จะเป็นตัวยาเดียวกับยากางปลาที่หมอชอบให้ ก้านนึง 200 กว่าบาท แต่ถ้าเป็นเม็ดแบบราคาจะอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ใช้รักษาพยาธิเม็ดเลือดได้ด้วย
ยาเม็ด ยาปฏิชีวนะ 1 เม็ด / น้ำหนัก 10 กก.
***ยาปฏิชีวะนะ ให้เช้า-เย็น ต้องให้กินติดต่อกันจนครบ 7 วันขึ้นไป ถ้าจะดีต้อง 14 วันเลย แม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม

ท้องเสีย ติดเชื้อ
- ไดเซ็นโต้ รักษาอาการบิด อึปนมูกเลือดเหม็นคาวอย่างแรง เป็นยาเม็ดสีเหลือง ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
- นอร์ฟ๊อกซ์ 200 ml เม็ด เป็นยาปฏิชีวะนะ ยาฆ่าเชี้อ ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
กินคู่กัน ทุกเช้า –เย็น ควรกินให้ครบ 7 วัน

ผิวหนังอักเสบ เชื้อรา
- นิวฟูลวิน เป็นยารักษาเชื้อราเม็ดสีขาว ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก.
กินหลังอาหารทันทีกินคู่กับยาบำรุงตับซับมารินเม็ดสีชมพู แมวโตแบ่ง 2/เม็ด แมวเด็กแบ่ง 4/เม็ด ติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 อาทิตย์
การรักษาเชื้อราต้องกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 อาทิตย์ขึ้นไป และต้องกินคู่กับยาบำรุงตับด้วย
รักษาควบคู่กับการอาบน้ำด้วยแชมพูยา อย่างต่อเนื่อง



อาหารคันหู ไรหู ติดเชื้อเยื้อบุช่องหู
- Dexoryl หาซื้อตามร้านสัตว์แพทย์ ขวดเล็กสีขาว ฉลากน้ำเงิน ยาหยอดไรหู 4วันแรก หยอดทุก เช้า- เย็น ควรเช็ดทำความสะอาดหูก่อนหยอด หลังจากนั้นหยอดติดต่อกันอีก 10 วัน (ถ้าเป็นเยอะควรให้ โทเฟ๊กซ์ หรือ คาวูม๊อกซ์ คุมการติดเชื้อไว้ด้วย)

ตาเจ็บ
- เจนตร้ามัยซิน หรือ คอแลมเฟนิคอล ยาหยอดยา 3 เวลา ในสามวันแรก หากยังไม่ดีขึ้นให้เปลี่ยนมาใช้ โทเบ๊กซ์หยอดแทน หลังจากนั้นหยดเช้าเย็น จนครบ7วัน หรือจนหายดี ถ้าเป็นมากให้ป้ายขี้ผึ้งยา โทเบ๊กซ์ เพิ่มด้วย
อีกอย่างที่ควรมีติดไว้คือน้ำตาเทียมแบบครีม แมวเวลาตาเจ็บตาจะชอบปิดคะ เอาน้ำตาเทียมทาล่อลื่นไว้ไม่ให้ขอบตาเค้าแห้ง

มีไข้สูง
- ทอฟีดีน อย่างเม็ด เป็นยาของสัตว์ปริมาณ 1เม็ด / นน. 5 กก.
กินได้แค่สามวัน ห้ามให้เกิน 3 วัน หากเกินนั้นจะอันตรายมาก ต้องให้สัตว์แพทย์เป็นคนจัดให้
- ไอบูโทเฟ่น ยาน้ำลดไข้เด็ก (ของคน) ขวดเล็กๆ ปริมาณ 0.5 cc / นน. 1 กก.ควรมีติดบ้านไว้

ยาถ่ายพยาธิ
- ด็อนทอลพลัส ตัวนี้เป็นยาของสัตว์ดีมากๆ ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก. ถ่ายได้ตั้งแต่แมวอายุ 6 อาทิตย์ขึ้นไป
- พาเล็ท ยาน้ำของเด็ก (ของคน) สำหรับแมวเด็กควรใช้ ในปริมาณ 0.2-0.3 cc ถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 1 เดือน แล้วทำทุก 2 อาทิตย์ จนครบอายุ 3 เดือน สำหรับแมวโตถ่ายพยาธิทุก 3 เดือน หรือหยดเรฟโวรูชั่นสลับกันไปได้



459
การรักษาพยาบาลแมวเบื้องต้น

          วิธีการให้ยาและปริมาณที่ต้องให้ การรักษาเบื้องต้น หาก 3 วันอาการไม่ดีขึ้นต้องพาไปพบหมอ

เป็นหวัดแค่จามมีน้ำมูกใส ให้ ฟูมูซิล หรือ เฟลมแม๊กซ์ คู่กับ คอเฟแก้แพ้อากาศ
- ฟูมูซิล 100 mg ยาผงเป็นซองเป็นยาละลายเสมหะ ผสมน้ำ 50 cc.
ป้อนง่าย เป็นน้ำส้ม แมวไม่ค่อยขัดขืน
แมวเล็กตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปครั้งล่ะ 1/2 cc แมวเด็กโตอายุ 3 - 8เดือน ครั้งละ 1-2 cc แมวโต ครั้งละ 2-3 cc ป้อน 2- 3 เวลา
- เฟลมแม๊กซ์ ยาน้ำ ยาแก้ไอละลายเสมหะแบบน้ำปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. ให้เช้า-เย็น ยาน้ำตัวนี้เหมาะรักษากับลูกแมว
- เฟลมแม๊กซ์ ยาเม็ด เป็นยาแก้ไอละลายเสมหะ แบบเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น
- Chlorpheniramine ยาน้ำ เป็นยาแก้แพ้อากาศช่วยลดน้ำมูก
- Chlorpheniramine ยาเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น ยาเม็ดตัวนี้เหมาะรักษากับแมวโตจะดีกว่า

** *ถ้ามีน้ำมูกข้นเขียวต้องเพิ่มยากลุ่มปฎิชีวะนะ เริ่มจากกลุ่มที่ 1 ก่อนถ้า 3 วันไม่ดีขึ้นค่อยเปลี่ยนกลุ่มตามลำดับต่อไป



- กลุ่ม 1 ตัวนี้จะมีรสออกขมหน่อย ป้อนแล้วชอบน้ำลายฟูมปาก
โทเฟ๊กซ์ดาย 156ml ยาน้ำ ปริมาณ 1 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวเด็ก)
โทเฟ๊กซ์ดาย 250ml ยาน้ำ ปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวโต)

- กลุ่ม 2 ที่บ้าน รสชาติดีกว่า
คาวูม๊อกซ์ 156ml ปริมาณ 0.5 cc/ นน. 1 กก.

- กลุ่ม 3 ตัวนี้จะแนะนำสำหรับแมวโตจะดีมาก เป็นหวัดให้คู่กับเฟลมเม๊กซ์แบบเม็ด กินไปเลย 14 วัน ได้ผลมาก
ด๊อกซี่ 100 ml จะเป็นตัวยาเดียวกับยากางปลาที่หมอชอบให้ ก้านนึง 200 กว่าบาท แต่ถ้าเป็นเม็ดแบบราคาจะอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ใช้รักษาพยาธิเม็ดเลือดได้ด้วย
ยาเม็ด ยาปฏิชีวนะ 1 เม็ด / น้ำหนัก 10 กก.
***ยาปฏิชีวะนะ ให้เช้า-เย็น ต้องให้กินติดต่อกันจนครบ 7 วันขึ้นไป ถ้าจะดีต้อง 14 วันเลย แม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม

ท้องเสีย ติดเชื้อ
- ไดเซ็นโต้ รักษาอาการบิด อึปนมูกเลือดเหม็นคาวอย่างแรง เป็นยาเม็ดสีเหลือง ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
- นอร์ฟ๊อกซ์ 200 ml เม็ด เป็นยาปฏิชีวะนะ ยาฆ่าเชี้อ ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
กินคู่กัน ทุกเช้า –เย็น ควรกินให้ครบ 7 วัน

ผิวหนังอักเสบ เชื้อรา
- นิวฟูลวิน เป็นยารักษาเชื้อราเม็ดสีขาว ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก.
กินหลังอาหารทันทีกินคู่กับยาบำรุงตับซับมารินเม็ดสีชมพู แมวโตแบ่ง 2/เม็ด แมวเด็กแบ่ง 4/เม็ด ติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 อาทิตย์
การรักษาเชื้อราต้องกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 อาทิตย์ขึ้นไป และต้องกินคู่กับยาบำรุงตับด้วย
รักษาควบคู่กับการอาบน้ำด้วยแชมพูยา อย่างต่อเนื่อง



อาหารคันหู ไรหู ติดเชื้อเยื้อบุช่องหู
- Dexoryl หาซื้อตามร้านสัตว์แพทย์ ขวดเล็กสีขาว ฉลากน้ำเงิน ยาหยอดไรหู 4วันแรก หยอดทุก เช้า- เย็น ควรเช็ดทำความสะอาดหูก่อนหยอด หลังจากนั้นหยอดติดต่อกันอีก 10 วัน (ถ้าเป็นเยอะควรให้ โทเฟ๊กซ์ หรือ คาวูม๊อกซ์ คุมการติดเชื้อไว้ด้วย)

ตาเจ็บ
- เจนตร้ามัยซิน หรือ คอแลมเฟนิคอล ยาหยอดยา 3 เวลา ในสามวันแรก หากยังไม่ดีขึ้นให้เปลี่ยนมาใช้ โทเบ๊กซ์หยอดแทน หลังจากนั้นหยดเช้าเย็น จนครบ7วัน หรือจนหายดี ถ้าเป็นมากให้ป้ายขี้ผึ้งยา โทเบ๊กซ์ เพิ่มด้วย
อีกอย่างที่ควรมีติดไว้คือน้ำตาเทียมแบบครีม แมวเวลาตาเจ็บตาจะชอบปิดคะ เอาน้ำตาเทียมทาล่อลื่นไว้ไม่ให้ขอบตาเค้าแห้ง

มีไข้สูง
- ทอฟีดีน อย่างเม็ด เป็นยาของสัตว์ปริมาณ 1เม็ด / นน. 5 กก.
กินได้แค่สามวัน ห้ามให้เกิน 3 วัน หากเกินนั้นจะอันตรายมาก ต้องให้สัตว์แพทย์เป็นคนจัดให้
- ไอบูโทเฟ่น ยาน้ำลดไข้เด็ก (ของคน) ขวดเล็กๆ ปริมาณ 0.5 cc / นน. 1 กก.ควรมีติดบ้านไว้

ยาถ่ายพยาธิ
- ด็อนทอลพลัส ตัวนี้เป็นยาของสัตว์ดีมากๆ ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก. ถ่ายได้ตั้งแต่แมวอายุ 6 อาทิตย์ขึ้นไป
- พาเล็ท ยาน้ำของเด็ก (ของคน) สำหรับแมวเด็กควรใช้ ในปริมาณ 0.2-0.3 cc ถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 1 เดือน แล้วทำทุก 2 อาทิตย์ จนครบอายุ 3 เดือน สำหรับแมวโตถ่ายพยาธิทุก 3 เดือน หรือหยดเรฟโวรูชั่นสลับกันไปได้



460
การรักษาพยาบาลแมวเบื้องต้น

          วิธีการให้ยาและปริมาณที่ต้องให้ การรักษาเบื้องต้น หาก 3 วันอาการไม่ดีขึ้นต้องพาไปพบหมอ

เป็นหวัดแค่จามมีน้ำมูกใส ให้ ฟูมูซิล หรือ เฟลมแม๊กซ์ คู่กับ คอเฟแก้แพ้อากาศ
- ฟูมูซิล 100 mg ยาผงเป็นซองเป็นยาละลายเสมหะ ผสมน้ำ 50 cc.
ป้อนง่าย เป็นน้ำส้ม แมวไม่ค่อยขัดขืน
แมวเล็กตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปครั้งล่ะ 1/2 cc แมวเด็กโตอายุ 3 - 8เดือน ครั้งละ 1-2 cc แมวโต ครั้งละ 2-3 cc ป้อน 2- 3 เวลา
- เฟลมแม๊กซ์ ยาน้ำ ยาแก้ไอละลายเสมหะแบบน้ำปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. ให้เช้า-เย็น ยาน้ำตัวนี้เหมาะรักษากับลูกแมว
- เฟลมแม๊กซ์ ยาเม็ด เป็นยาแก้ไอละลายเสมหะ แบบเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น
- Chlorpheniramine ยาน้ำ เป็นยาแก้แพ้อากาศช่วยลดน้ำมูก
- Chlorpheniramine ยาเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น ยาเม็ดตัวนี้เหมาะรักษากับแมวโตจะดีกว่า

** *ถ้ามีน้ำมูกข้นเขียวต้องเพิ่มยากลุ่มปฎิชีวะนะ เริ่มจากกลุ่มที่ 1 ก่อนถ้า 3 วันไม่ดีขึ้นค่อยเปลี่ยนกลุ่มตามลำดับต่อไป



- กลุ่ม 1 ตัวนี้จะมีรสออกขมหน่อย ป้อนแล้วชอบน้ำลายฟูมปาก
โทเฟ๊กซ์ดาย 156ml ยาน้ำ ปริมาณ 1 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวเด็ก)
โทเฟ๊กซ์ดาย 250ml ยาน้ำ ปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวโต)

- กลุ่ม 2 ที่บ้าน รสชาติดีกว่า
คาวูม๊อกซ์ 156ml ปริมาณ 0.5 cc/ นน. 1 กก.

- กลุ่ม 3 ตัวนี้จะแนะนำสำหรับแมวโตจะดีมาก เป็นหวัดให้คู่กับเฟลมเม๊กซ์แบบเม็ด กินไปเลย 14 วัน ได้ผลมาก
ด๊อกซี่ 100 ml จะเป็นตัวยาเดียวกับยากางปลาที่หมอชอบให้ ก้านนึง 200 กว่าบาท แต่ถ้าเป็นเม็ดแบบราคาจะอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ใช้รักษาพยาธิเม็ดเลือดได้ด้วย
ยาเม็ด ยาปฏิชีวนะ 1 เม็ด / น้ำหนัก 10 กก.
***ยาปฏิชีวะนะ ให้เช้า-เย็น ต้องให้กินติดต่อกันจนครบ 7 วันขึ้นไป ถ้าจะดีต้อง 14 วันเลย แม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม

ท้องเสีย ติดเชื้อ
- ไดเซ็นโต้ รักษาอาการบิด อึปนมูกเลือดเหม็นคาวอย่างแรง เป็นยาเม็ดสีเหลือง ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
- นอร์ฟ๊อกซ์ 200 ml เม็ด เป็นยาปฏิชีวะนะ ยาฆ่าเชี้อ ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
กินคู่กัน ทุกเช้า –เย็น ควรกินให้ครบ 7 วัน

ผิวหนังอักเสบ เชื้อรา
- นิวฟูลวิน เป็นยารักษาเชื้อราเม็ดสีขาว ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก.
กินหลังอาหารทันทีกินคู่กับยาบำรุงตับซับมารินเม็ดสีชมพู แมวโตแบ่ง 2/เม็ด แมวเด็กแบ่ง 4/เม็ด ติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 อาทิตย์
การรักษาเชื้อราต้องกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 อาทิตย์ขึ้นไป และต้องกินคู่กับยาบำรุงตับด้วย
รักษาควบคู่กับการอาบน้ำด้วยแชมพูยา อย่างต่อเนื่อง



อาหารคันหู ไรหู ติดเชื้อเยื้อบุช่องหู
- Dexoryl หาซื้อตามร้านสัตว์แพทย์ ขวดเล็กสีขาว ฉลากน้ำเงิน ยาหยอดไรหู 4วันแรก หยอดทุก เช้า- เย็น ควรเช็ดทำความสะอาดหูก่อนหยอด หลังจากนั้นหยอดติดต่อกันอีก 10 วัน (ถ้าเป็นเยอะควรให้ โทเฟ๊กซ์ หรือ คาวูม๊อกซ์ คุมการติดเชื้อไว้ด้วย)

ตาเจ็บ
- เจนตร้ามัยซิน หรือ คอแลมเฟนิคอล ยาหยอดยา 3 เวลา ในสามวันแรก หากยังไม่ดีขึ้นให้เปลี่ยนมาใช้ โทเบ๊กซ์หยอดแทน หลังจากนั้นหยดเช้าเย็น จนครบ7วัน หรือจนหายดี ถ้าเป็นมากให้ป้ายขี้ผึ้งยา โทเบ๊กซ์ เพิ่มด้วย
อีกอย่างที่ควรมีติดไว้คือน้ำตาเทียมแบบครีม แมวเวลาตาเจ็บตาจะชอบปิดคะ เอาน้ำตาเทียมทาล่อลื่นไว้ไม่ให้ขอบตาเค้าแห้ง

มีไข้สูง
- ทอฟีดีน อย่างเม็ด เป็นยาของสัตว์ปริมาณ 1เม็ด / นน. 5 กก.
กินได้แค่สามวัน ห้ามให้เกิน 3 วัน หากเกินนั้นจะอันตรายมาก ต้องให้สัตว์แพทย์เป็นคนจัดให้
- ไอบูโทเฟ่น ยาน้ำลดไข้เด็ก (ของคน) ขวดเล็กๆ ปริมาณ 0.5 cc / นน. 1 กก.ควรมีติดบ้านไว้

ยาถ่ายพยาธิ
- ด็อนทอลพลัส ตัวนี้เป็นยาของสัตว์ดีมากๆ ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก. ถ่ายได้ตั้งแต่แมวอายุ 6 อาทิตย์ขึ้นไป
- พาเล็ท ยาน้ำของเด็ก (ของคน) สำหรับแมวเด็กควรใช้ ในปริมาณ 0.2-0.3 cc ถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 1 เดือน แล้วทำทุก 2 อาทิตย์ จนครบอายุ 3 เดือน สำหรับแมวโตถ่ายพยาธิทุก 3 เดือน หรือหยดเรฟโวรูชั่นสลับกันไปได้



461
30 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแมว

          คนรักแมวทั้งหลายเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าอัศจรรย์ แต่คุณรู้ไหมว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าทึ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถ้าคุณอ่านเรื่องน่ารู้สำหรับแมวนี้แล้วคุณจะรู้จักแมวของคุณได้ดีขึ้นและมีความภาคภูมิใจมากขึ้นอีกที่ได้เป็นเจ้าของแมว



1. แมวมีสมองที่ใกล้เคียงกับคุณมากกว่าสุนัข สมองของคนและแมวมีส่วนของสมองที่แสดงออกถึงอารมณ์เหมือนกัน

2. แมวใช้เวลากว่า 30% ในช่วงที่เขาตื่นเลียขนทำความสะอาดตัวเอง

3. โดยเฉลี่ยแล้วแมวใช้เวลา 2 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน นั่นหมายถึงแมวที่มีอายุ 12 ปี เขาตื่นเพียง 4 ปีเท่านั้น

4. แมวที่มีขนขาวบริสุทธิ์และตาสีฟ้า มักจะหูหนวก

5. การลูบไล้จะช่วยลดความดันโลหิตได้

6. เสียงครางในลำคอของแมวไม่ได้หมายความว่าแมวมีความสุขเสมอ บางครั้งทำเสียงครางเบาๆก็เพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือหวาดกลัว

7. ถ้าแมวเพศเมียได้ผสมกับแมวเพศผู้หลายตัวในการเป็นสัดครั้งหนึ่ง ลูกแมวในครอกนั้นอาจมีคนละพ่อกันได้

8. แมวตั้งท้องประมาณ 62 - 65 วัน นับจากวันที่ผสมจนถึงวันคลอด

9. แมวมีความไวต่อแรงสั่นสะเทือนสูงมาก ดังนั้นแมวจะได้รับสัมผัสแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ก่อนมนุษย์ 10 - 15 นาที

10. แมวตัวเมียจะเรียกกันทั่วไปว่า ควีนหรือมอลลี่ และแมวตัวผู้เมื่อทำหมันแล้วจะถูกเรียกว่า กิ๊บ

11. ฉี่ของแมวจะเรืองแสง เมื่อถูกส่งด้วยแสงแบล๊คไลท์

12. โดยปกติแมวจะไม่ร้องเสียงเหมืยวใส่แมวตัวอื่น จะร้องเสียงนี้ใส่คนเท่านั้น แต่จะทำเสียงครวญครางและเสียงขู่ใส่แมวตัวอื่น

13. แมวที่แพงที่สุดที่เคยทำสถิติไว้ คือแมวที่ทำโคลนนิ่ง จากแมงที่มีอายุมาก ซึ่งมีราคาถึง 50,000 เหรีญสหรัฐ

14. แมวเพศเมียมักถนัดใช้มือขวา ส่วนแมวเพศผู้มักถนัดซ้าย

15. แมวตัวเมียเป็นสัดได้หลายครั้งใน 1 ปี การเป็นสัดแต่ละครั้งนาน 4 - 7 วันหากได้รับการผสม ไม่เช่นนั้นแล้วการเป็นสัดก็จะนานวันไปอีก



16. แมวที่พบว่ามีอายุมากที่สุด คือ 38 ปีแมวส่วนใหญ่สุขภาพดีอยู่ได้ถึง 20 ปี

17. แมวสามารถลอดช่องว่างเล็กเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่หัวผ่านได้เพราะแมวไม่มีกระดูกไหปลาร้า

18. แมวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำเพราะขนของเขาไม่สามารถป้องกันความร้อน-เย็นได้เมื่อเปียก แต่แมวบางพันธุ์ชอบว่ายน้ำมากเพราะขนของเขาค่อนข้างกันน้ำ

19. แมวชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเพราะผู้หญิงมีเสียงที่สูงกว่า

20. ไม่ควรเลี้ยงแมวด้วยปลาทูน่าติดต่อกันนานเกินไป เพราะปลาทูน่าไม่มีสารทอรีน และจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้

21. ถ้ามีน้ำให้กินได้อย่างพอเพียง แมวสามารถทนอยู่ในที่ร้อนๆได้ถึง 50 องศาเซลเซียส

22. แมวตอบสนองต่อเสียงหรือชื่ที่ลงท้ายด้วยเสียงสระ อี ได้ดีกว่าเสียงอื่น

23. แมวไม่มีต่อมเหงื่อ ยกเว้นที่อุ้งเท้า

24. แมวทำเสียงต่างๆได้ประมาณ 100 เสียง ในขณะที่สุนัขทำได้แค่ 10 เสียง   

25. ถ้าจะทำหันแมวตัวเมียควรจะทำก่อนที่จะเป็นสัดครั้งแรกหรือครั้งที่สอง จะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งที่เต้านมและโรคทางเดินปัสสาวะ

26. ควรทำหมันแมวตัวผู้ก่อนที่เขาจะรู้จักวิธีพ่นปัสสาวะใส่สิ่งของ เพราะส่วนใหญ่จะสามารถลดการทำเช่นนั้นได้ และยังช่วยลดปัญหาการทะเลาะกับแมวตัวผู้อื่นๆด้วย

27. แมวจะสร้างอาณาเขตของตัวเองโดยการถูต่อมกลิ่นที่อยู่บนหน้า อุ้งเท้า และหาง กับตัวคนเรา เป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นสมบัติของเขา

28. แมวจะไม่ลงจากต้นไม้โดยเอาหัวลง แต่จะถอยหลังลงเพราะตำแหน่งของเล็บที่อุ้งเท้าไม่อำนวยให้เข้าทำเช่นนั้น

29. ถ้าแมวเอาหน้าเขาไปถูกับตัวคุณ แปลว่าเขายอมรับและแสดงความรักกับคุณ

30. ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แมวสีดำถือว่าเป็นลางไม่ดี แต่ในประเทศอังกฤษและออสเตรเลียถือว่าให้โชค



462
30 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแมว

          คนรักแมวทั้งหลายเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าอัศจรรย์ แต่คุณรู้ไหมว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าทึ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถ้าคุณอ่านเรื่องน่ารู้สำหรับแมวนี้แล้วคุณจะรู้จักแมวของคุณได้ดีขึ้นและมีความภาคภูมิใจมากขึ้นอีกที่ได้เป็นเจ้าของแมว



1. แมวมีสมองที่ใกล้เคียงกับคุณมากกว่าสุนัข สมองของคนและแมวมีส่วนของสมองที่แสดงออกถึงอารมณ์เหมือนกัน

2. แมวใช้เวลากว่า 30% ในช่วงที่เขาตื่นเลียขนทำความสะอาดตัวเอง

3. โดยเฉลี่ยแล้วแมวใช้เวลา 2 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน นั่นหมายถึงแมวที่มีอายุ 12 ปี เขาตื่นเพียง 4 ปีเท่านั้น

4. แมวที่มีขนขาวบริสุทธิ์และตาสีฟ้า มักจะหูหนวก

5. การลูบไล้จะช่วยลดความดันโลหิตได้

6. เสียงครางในลำคอของแมวไม่ได้หมายความว่าแมวมีความสุขเสมอ บางครั้งทำเสียงครางเบาๆก็เพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือหวาดกลัว

7. ถ้าแมวเพศเมียได้ผสมกับแมวเพศผู้หลายตัวในการเป็นสัดครั้งหนึ่ง ลูกแมวในครอกนั้นอาจมีคนละพ่อกันได้

8. แมวตั้งท้องประมาณ 62 - 65 วัน นับจากวันที่ผสมจนถึงวันคลอด

9. แมวมีความไวต่อแรงสั่นสะเทือนสูงมาก ดังนั้นแมวจะได้รับสัมผัสแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ก่อนมนุษย์ 10 - 15 นาที

10. แมวตัวเมียจะเรียกกันทั่วไปว่า ควีนหรือมอลลี่ และแมวตัวผู้เมื่อทำหมันแล้วจะถูกเรียกว่า กิ๊บ

11. ฉี่ของแมวจะเรืองแสง เมื่อถูกส่งด้วยแสงแบล๊คไลท์

12. โดยปกติแมวจะไม่ร้องเสียงเหมืยวใส่แมวตัวอื่น จะร้องเสียงนี้ใส่คนเท่านั้น แต่จะทำเสียงครวญครางและเสียงขู่ใส่แมวตัวอื่น

13. แมวที่แพงที่สุดที่เคยทำสถิติไว้ คือแมวที่ทำโคลนนิ่ง จากแมงที่มีอายุมาก ซึ่งมีราคาถึง 50,000 เหรีญสหรัฐ

14. แมวเพศเมียมักถนัดใช้มือขวา ส่วนแมวเพศผู้มักถนัดซ้าย

15. แมวตัวเมียเป็นสัดได้หลายครั้งใน 1 ปี การเป็นสัดแต่ละครั้งนาน 4 - 7 วันหากได้รับการผสม ไม่เช่นนั้นแล้วการเป็นสัดก็จะนานวันไปอีก



16. แมวที่พบว่ามีอายุมากที่สุด คือ 38 ปีแมวส่วนใหญ่สุขภาพดีอยู่ได้ถึง 20 ปี

17. แมวสามารถลอดช่องว่างเล็กเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่หัวผ่านได้เพราะแมวไม่มีกระดูกไหปลาร้า

18. แมวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำเพราะขนของเขาไม่สามารถป้องกันความร้อน-เย็นได้เมื่อเปียก แต่แมวบางพันธุ์ชอบว่ายน้ำมากเพราะขนของเขาค่อนข้างกันน้ำ

19. แมวชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเพราะผู้หญิงมีเสียงที่สูงกว่า

20. ไม่ควรเลี้ยงแมวด้วยปลาทูน่าติดต่อกันนานเกินไป เพราะปลาทูน่าไม่มีสารทอรีน และจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้

21. ถ้ามีน้ำให้กินได้อย่างพอเพียง แมวสามารถทนอยู่ในที่ร้อนๆได้ถึง 50 องศาเซลเซียส

22. แมวตอบสนองต่อเสียงหรือชื่ที่ลงท้ายด้วยเสียงสระ อี ได้ดีกว่าเสียงอื่น

23. แมวไม่มีต่อมเหงื่อ ยกเว้นที่อุ้งเท้า

24. แมวทำเสียงต่างๆได้ประมาณ 100 เสียง ในขณะที่สุนัขทำได้แค่ 10 เสียง   

25. ถ้าจะทำหันแมวตัวเมียควรจะทำก่อนที่จะเป็นสัดครั้งแรกหรือครั้งที่สอง จะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งที่เต้านมและโรคทางเดินปัสสาวะ

26. ควรทำหมันแมวตัวผู้ก่อนที่เขาจะรู้จักวิธีพ่นปัสสาวะใส่สิ่งของ เพราะส่วนใหญ่จะสามารถลดการทำเช่นนั้นได้ และยังช่วยลดปัญหาการทะเลาะกับแมวตัวผู้อื่นๆด้วย

27. แมวจะสร้างอาณาเขตของตัวเองโดยการถูต่อมกลิ่นที่อยู่บนหน้า อุ้งเท้า และหาง กับตัวคนเรา เป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นสมบัติของเขา

28. แมวจะไม่ลงจากต้นไม้โดยเอาหัวลง แต่จะถอยหลังลงเพราะตำแหน่งของเล็บที่อุ้งเท้าไม่อำนวยให้เข้าทำเช่นนั้น

29. ถ้าแมวเอาหน้าเขาไปถูกับตัวคุณ แปลว่าเขายอมรับและแสดงความรักกับคุณ

30. ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แมวสีดำถือว่าเป็นลางไม่ดี แต่ในประเทศอังกฤษและออสเตรเลียถือว่าให้โชค



463
30 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแมว

          คนรักแมวทั้งหลายเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าอัศจรรย์ แต่คุณรู้ไหมว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าทึ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถ้าคุณอ่านเรื่องน่ารู้สำหรับแมวนี้แล้วคุณจะรู้จักแมวของคุณได้ดีขึ้นและมีความภาคภูมิใจมากขึ้นอีกที่ได้เป็นเจ้าของแมว



1. แมวมีสมองที่ใกล้เคียงกับคุณมากกว่าสุนัข สมองของคนและแมวมีส่วนของสมองที่แสดงออกถึงอารมณ์เหมือนกัน

2. แมวใช้เวลากว่า 30% ในช่วงที่เขาตื่นเลียขนทำความสะอาดตัวเอง

3. โดยเฉลี่ยแล้วแมวใช้เวลา 2 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน นั่นหมายถึงแมวที่มีอายุ 12 ปี เขาตื่นเพียง 4 ปีเท่านั้น

4. แมวที่มีขนขาวบริสุทธิ์และตาสีฟ้า มักจะหูหนวก

5. การลูบไล้จะช่วยลดความดันโลหิตได้

6. เสียงครางในลำคอของแมวไม่ได้หมายความว่าแมวมีความสุขเสมอ บางครั้งทำเสียงครางเบาๆก็เพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือหวาดกลัว

7. ถ้าแมวเพศเมียได้ผสมกับแมวเพศผู้หลายตัวในการเป็นสัดครั้งหนึ่ง ลูกแมวในครอกนั้นอาจมีคนละพ่อกันได้

8. แมวตั้งท้องประมาณ 62 - 65 วัน นับจากวันที่ผสมจนถึงวันคลอด

9. แมวมีความไวต่อแรงสั่นสะเทือนสูงมาก ดังนั้นแมวจะได้รับสัมผัสแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ก่อนมนุษย์ 10 - 15 นาที

10. แมวตัวเมียจะเรียกกันทั่วไปว่า ควีนหรือมอลลี่ และแมวตัวผู้เมื่อทำหมันแล้วจะถูกเรียกว่า กิ๊บ

11. ฉี่ของแมวจะเรืองแสง เมื่อถูกส่งด้วยแสงแบล๊คไลท์

12. โดยปกติแมวจะไม่ร้องเสียงเหมืยวใส่แมวตัวอื่น จะร้องเสียงนี้ใส่คนเท่านั้น แต่จะทำเสียงครวญครางและเสียงขู่ใส่แมวตัวอื่น

13. แมวที่แพงที่สุดที่เคยทำสถิติไว้ คือแมวที่ทำโคลนนิ่ง จากแมงที่มีอายุมาก ซึ่งมีราคาถึง 50,000 เหรีญสหรัฐ

14. แมวเพศเมียมักถนัดใช้มือขวา ส่วนแมวเพศผู้มักถนัดซ้าย

15. แมวตัวเมียเป็นสัดได้หลายครั้งใน 1 ปี การเป็นสัดแต่ละครั้งนาน 4 - 7 วันหากได้รับการผสม ไม่เช่นนั้นแล้วการเป็นสัดก็จะนานวันไปอีก



16. แมวที่พบว่ามีอายุมากที่สุด คือ 38 ปีแมวส่วนใหญ่สุขภาพดีอยู่ได้ถึง 20 ปี

17. แมวสามารถลอดช่องว่างเล็กเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่หัวผ่านได้เพราะแมวไม่มีกระดูกไหปลาร้า

18. แมวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำเพราะขนของเขาไม่สามารถป้องกันความร้อน-เย็นได้เมื่อเปียก แต่แมวบางพันธุ์ชอบว่ายน้ำมากเพราะขนของเขาค่อนข้างกันน้ำ

19. แมวชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเพราะผู้หญิงมีเสียงที่สูงกว่า

20. ไม่ควรเลี้ยงแมวด้วยปลาทูน่าติดต่อกันนานเกินไป เพราะปลาทูน่าไม่มีสารทอรีน และจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้

21. ถ้ามีน้ำให้กินได้อย่างพอเพียง แมวสามารถทนอยู่ในที่ร้อนๆได้ถึง 50 องศาเซลเซียส

22. แมวตอบสนองต่อเสียงหรือชื่ที่ลงท้ายด้วยเสียงสระ อี ได้ดีกว่าเสียงอื่น

23. แมวไม่มีต่อมเหงื่อ ยกเว้นที่อุ้งเท้า

24. แมวทำเสียงต่างๆได้ประมาณ 100 เสียง ในขณะที่สุนัขทำได้แค่ 10 เสียง   

25. ถ้าจะทำหันแมวตัวเมียควรจะทำก่อนที่จะเป็นสัดครั้งแรกหรือครั้งที่สอง จะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งที่เต้านมและโรคทางเดินปัสสาวะ

26. ควรทำหมันแมวตัวผู้ก่อนที่เขาจะรู้จักวิธีพ่นปัสสาวะใส่สิ่งของ เพราะส่วนใหญ่จะสามารถลดการทำเช่นนั้นได้ และยังช่วยลดปัญหาการทะเลาะกับแมวตัวผู้อื่นๆด้วย

27. แมวจะสร้างอาณาเขตของตัวเองโดยการถูต่อมกลิ่นที่อยู่บนหน้า อุ้งเท้า และหาง กับตัวคนเรา เป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นสมบัติของเขา

28. แมวจะไม่ลงจากต้นไม้โดยเอาหัวลง แต่จะถอยหลังลงเพราะตำแหน่งของเล็บที่อุ้งเท้าไม่อำนวยให้เข้าทำเช่นนั้น

29. ถ้าแมวเอาหน้าเขาไปถูกับตัวคุณ แปลว่าเขายอมรับและแสดงความรักกับคุณ

30. ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แมวสีดำถือว่าเป็นลางไม่ดี แต่ในประเทศอังกฤษและออสเตรเลียถือว่าให้โชค



464
30 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแมว

          คนรักแมวทั้งหลายเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าอัศจรรย์ แต่คุณรู้ไหมว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าทึ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถ้าคุณอ่านเรื่องน่ารู้สำหรับแมวนี้แล้วคุณจะรู้จักแมวของคุณได้ดีขึ้นและมีความภาคภูมิใจมากขึ้นอีกที่ได้เป็นเจ้าของแมว



1. แมวมีสมองที่ใกล้เคียงกับคุณมากกว่าสุนัข สมองของคนและแมวมีส่วนของสมองที่แสดงออกถึงอารมณ์เหมือนกัน

2. แมวใช้เวลากว่า 30% ในช่วงที่เขาตื่นเลียขนทำความสะอาดตัวเอง

3. โดยเฉลี่ยแล้วแมวใช้เวลา 2 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน นั่นหมายถึงแมวที่มีอายุ 12 ปี เขาตื่นเพียง 4 ปีเท่านั้น

4. แมวที่มีขนขาวบริสุทธิ์และตาสีฟ้า มักจะหูหนวก

5. การลูบไล้จะช่วยลดความดันโลหิตได้

6. เสียงครางในลำคอของแมวไม่ได้หมายความว่าแมวมีความสุขเสมอ บางครั้งทำเสียงครางเบาๆก็เพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือหวาดกลัว

7. ถ้าแมวเพศเมียได้ผสมกับแมวเพศผู้หลายตัวในการเป็นสัดครั้งหนึ่ง ลูกแมวในครอกนั้นอาจมีคนละพ่อกันได้

8. แมวตั้งท้องประมาณ 62 - 65 วัน นับจากวันที่ผสมจนถึงวันคลอด

9. แมวมีความไวต่อแรงสั่นสะเทือนสูงมาก ดังนั้นแมวจะได้รับสัมผัสแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ก่อนมนุษย์ 10 - 15 นาที

10. แมวตัวเมียจะเรียกกันทั่วไปว่า ควีนหรือมอลลี่ และแมวตัวผู้เมื่อทำหมันแล้วจะถูกเรียกว่า กิ๊บ

11. ฉี่ของแมวจะเรืองแสง เมื่อถูกส่งด้วยแสงแบล๊คไลท์

12. โดยปกติแมวจะไม่ร้องเสียงเหมืยวใส่แมวตัวอื่น จะร้องเสียงนี้ใส่คนเท่านั้น แต่จะทำเสียงครวญครางและเสียงขู่ใส่แมวตัวอื่น

13. แมวที่แพงที่สุดที่เคยทำสถิติไว้ คือแมวที่ทำโคลนนิ่ง จากแมงที่มีอายุมาก ซึ่งมีราคาถึง 50,000 เหรีญสหรัฐ

14. แมวเพศเมียมักถนัดใช้มือขวา ส่วนแมวเพศผู้มักถนัดซ้าย

15. แมวตัวเมียเป็นสัดได้หลายครั้งใน 1 ปี การเป็นสัดแต่ละครั้งนาน 4 - 7 วันหากได้รับการผสม ไม่เช่นนั้นแล้วการเป็นสัดก็จะนานวันไปอีก



16. แมวที่พบว่ามีอายุมากที่สุด คือ 38 ปีแมวส่วนใหญ่สุขภาพดีอยู่ได้ถึง 20 ปี

17. แมวสามารถลอดช่องว่างเล็กเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่หัวผ่านได้เพราะแมวไม่มีกระดูกไหปลาร้า

18. แมวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำเพราะขนของเขาไม่สามารถป้องกันความร้อน-เย็นได้เมื่อเปียก แต่แมวบางพันธุ์ชอบว่ายน้ำมากเพราะขนของเขาค่อนข้างกันน้ำ

19. แมวชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเพราะผู้หญิงมีเสียงที่สูงกว่า

20. ไม่ควรเลี้ยงแมวด้วยปลาทูน่าติดต่อกันนานเกินไป เพราะปลาทูน่าไม่มีสารทอรีน และจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้

21. ถ้ามีน้ำให้กินได้อย่างพอเพียง แมวสามารถทนอยู่ในที่ร้อนๆได้ถึง 50 องศาเซลเซียส

22. แมวตอบสนองต่อเสียงหรือชื่ที่ลงท้ายด้วยเสียงสระ อี ได้ดีกว่าเสียงอื่น

23. แมวไม่มีต่อมเหงื่อ ยกเว้นที่อุ้งเท้า

24. แมวทำเสียงต่างๆได้ประมาณ 100 เสียง ในขณะที่สุนัขทำได้แค่ 10 เสียง   

25. ถ้าจะทำหันแมวตัวเมียควรจะทำก่อนที่จะเป็นสัดครั้งแรกหรือครั้งที่สอง จะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งที่เต้านมและโรคทางเดินปัสสาวะ

26. ควรทำหมันแมวตัวผู้ก่อนที่เขาจะรู้จักวิธีพ่นปัสสาวะใส่สิ่งของ เพราะส่วนใหญ่จะสามารถลดการทำเช่นนั้นได้ และยังช่วยลดปัญหาการทะเลาะกับแมวตัวผู้อื่นๆด้วย

27. แมวจะสร้างอาณาเขตของตัวเองโดยการถูต่อมกลิ่นที่อยู่บนหน้า อุ้งเท้า และหาง กับตัวคนเรา เป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นสมบัติของเขา

28. แมวจะไม่ลงจากต้นไม้โดยเอาหัวลง แต่จะถอยหลังลงเพราะตำแหน่งของเล็บที่อุ้งเท้าไม่อำนวยให้เข้าทำเช่นนั้น

29. ถ้าแมวเอาหน้าเขาไปถูกับตัวคุณ แปลว่าเขายอมรับและแสดงความรักกับคุณ

30. ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แมวสีดำถือว่าเป็นลางไม่ดี แต่ในประเทศอังกฤษและออสเตรเลียถือว่าให้โชค



465
17 เรื่องลับ ๆ ของแมวที่คุณอาจยังไม่เคยรู้

          แม้แมวจะเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ แต่ทว่าเป็นสัตว์ที่น่าค้นหาและมีสิ่งที่เราไม่รู้ซ่อนอยู่เบื้องหลังอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางกายภาพพฤติกรรม หรืออารมณ์ของแมว และเป็นเพราะแมวไม่อาจสื่อสารด้วยภาษาเดียวกันกับคนได้ ดังนั้น จึงนำเรื่องลับ ๆ ของแมว ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาเปิดเผยให้ทราบกัน มีอะไรบ้าง ทาสแมวลองไปอ่านเลย




1.แมวมีเซนส์อันยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหว

          เนื่องจากใต้อุ้งเท้าของแมวค่อนข้างเซนซิทีฟดังนั้นแมวทุกตังจึงสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไรส่วนคุณเองก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน โดยสังเกตได้จากพฤติกรรมแปลก ๆ หรือแตกต่างออกไปจากเดิมนั่นเองและด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีคนบางกลุ่มใช้อุ้งเท้าแมวในการหาค้นหาเหตุแผ่นดินไหวจากแรงสะเทือนด้วย

2. กลืนและย่อยอาหารได้โดยไม่ต้องเคี้ยว

          อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ กระเพาะของแมวสามารถย่อยและดูดกลืนอาหารได้โดยไม่ต้องเคี้ยว ซึ่งถือเป็นข่าวดีมากทีเดียวสำหรับเจ้า ลิล บับ (Lil Bub) หนึ่งในแมวเซเลบชื่อดังจากโลกออนไลน์ เพราะมันเป็นแมวที่ไม่มีฟันตั้งแต่กำเนิด จะได้ไม่มีอะไรให้กังวล

3. แมวเป็นนายที่แท้จริงของบ้าน

          เพราะแมวสามารถเปล่งโทนเสียงเพื่อใช้ควบคุมพฤติกรรมของคนได้ อย่างเช่น ในเวลาที่แมวต้องการจะกินอาหาร มันก็จะใช้โทนเสียงที่ฟังคล้าย ๆ กับเสียงร้องไห้ออกมา เพื่อเป็นการกระตุ้นคุณให้เอาอาหารให้มันเร็วขึ้น เป็นต้น

4. แมวก็มีฝันเหมือนกัน

          ความฝัน มักจะเกิดขึ้นเมื่อแมวอยู่ในภาวะผ่อนคลาย และสบายตัวมากพอที่จะทำให้พวกมันหลับลึก โดยในช่วงดังกล่าวแมวจะมีการสร้างรูปแบบของคลื่นสมองแบบเดียวกันกับเวลาที่คนกำลังฝันนั่นเอง

5. แมวไม่เข้าใจการโดนลงโทษ

          การโดนลงโทษไม่มีผลใด ๆ กับแมวเลย เพราะแมวไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่คุณทำ ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการฝึกแมวให้ทำตามคำสั่ง ก็ควรสอนด้วยความอดทน คำชม และตอบแทนด้วยรางวัล ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า

6. การแตะจมูกเป็นการทักทายอย่างหนึ่ง

          เวลาที่เห็นแมวเอาจมูกมาแตะกันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะอาการดังกล่าวเป็นแค่การทักทายแบบแมวทั่วไป แต่อย่างไรพวกมันจะทักทายด้วยวิธีดังกล่าวกับแมวที่คุ้นเคยเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่การสื่อสารเพื่อเช็กข้อมูลว่า อีกฝ่ายเป็นอย่างไรบ้างนั่นเอง

7. ไม่มีใครรู้ว่า เสียงคราง เกิดจากอะไร

          กระทั่งถึงตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่รู้ว่า เสียงครางของแมวเกิดขึ้นได้อย่างไร และเกิดจากระบบส่วนใดกันแน่ ในขณะที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เกิดจากบริเวณลำคอ แต่ก็มีบางกลุ่มที่คิดว่า น่าจะเกิดจากระบบไหลเวียนเลือดมากกว่า

8. แมวครางเพื่อแสดงความพอใจ

          ถึงแม้แมวจะครางเมื่อรู้สึกพึงพอใจเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางครั้งที่แมวครางเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยได้เช่นเดียวกัน และถ้าหากคุณคุ้นเคยกับแมวมากพอ ก็จะสามารถแยกความแตกต่างของเสียงครางของแมวได้ด้วยตัวเอง

9. แมวส่งเสียงครางได้นานกว่าที่คิด

          หลายคนอาจจะคิดว่า แมวส่งเสียงครางเป็นบางเวลาและมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ขณะที่กำลังมีความสุขหรือพึงพอใจ แต่แท้จริงแล้วแมวสามารถครางได้นานกว่านั้น แต่บางตัวอาจครางนานเป็นสัปดาห์เลยก็มี

10. ลูกแมวครางได้โทนเสียงเดียว

          ถึงแม้ว่าในขณะที่เป็นลูกแมวจะสามารถส่งเสียงครางได้เพียงโทนเสียงเดียว แต่ทว่าหลังจากที่พวกมันโตขึ้น พวกมันจะสามารถส่งเสียงครางได้ถึง 2-3 โทนเสียงเลยทีเดียว



11. แมวใช้เสียงในการสื่อสารกับเจ้าของ

          แมวจะสื่อสารกับเจ้าของด้วยโทนเสียงเดียวกัน กับที่พวกมันเคยใช้สื่อสารกับเจ้าของตั้งแต่ยังเป็นลูกแมว และจะรักษาโทนเสียงเหล่านั้นเอาไว้ใช้สื่อสารกับเจ้าของเสมอ แต่จะใช้โทนเสียงที่แตกต่างออกไปเมื่อสื่อสารกับแมวตัวอื่น

12. ช็อกโกแลต คืออาหารต้องห้าม

          ไม่ใช่แค่สุนัขเท่านั้นที่ไม่สามารถกินช็อกโกแลตได้แต่แมวก็กินขนมชนิดนี้ไม่ได้เหมือนกันเพราะช็อกโกแลตมีสารบางชนิดที่เป็นอันตรายกับหัวใจ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แมวเสียชีวิตได้เลย

13. ไม่ควรผูกมิตรด้วยการสบตา

          เพราะแมวไม่ชอบการสบตาและจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนคุกคามโดยหากแมวหันไปสบตากับอะไบางอย่างโดยบังเอิญ พวกมันจะกระพริบตาและหรี่ตาลงทันที ถ้าหากคุณอยากจะผูกมิตรกับแมวก็ควรจะใช้วิธีอื่น หรือมองไปด้านข้างแทนที่จะสบตากับแมวโดยตรง

14. เนื้อสดช่วยบำรุงฟัน

          เนื้อสัตว์สด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ชนิดใดก็ตาม ต่างก็มีประโยชน์กับแมวด้วยกันทั้งนั้น เพราะการเคี้ยวเนื้อสดจะช่วยให้เหงือกและฟันของแมวมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงยิ่งขึ้น

15. ทนต่อความร้อนได้ดี

          สาเหตุที่ทำให้แมวสามารถทนกับความร้อนได้ดีก็เพราะว่าบรรพบุรุษของแมวเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายมาก่อน ไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้านเหมือนอย่างที่เห็นในปัจจุบันนั่นเอง

16. ชีพจรเปลี่ยนแปลงตามอายุ

          โดยปกติอัตราความเร็วของชีพจรของแมว เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 160-240 ครั้งต่อนาที แต่ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นอยู่กับช่วงอายุของแมว ซึ่งชีพจรของแมวจะเต้นช้าลงเมื่อแมวมีอายุเพิ่มขึ้น

17. แมวก็มีเหงื่อเหมือนกัน

          ถึงแม้เจ้าของไม่อาจสัมผัสได้จากผิวหนังตามลำตัวของแมว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แมวไม่มีเหงื่อซะเดียว เพราะจริง ๆ แล้วแมวก็มีเหงื่อเหมือนกัน เพียงแต่ว่าจะปรากฏบริเวณอุ้งเท้านั่นเอง