แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

8641

ประวัติ สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก

          เฟรนช์ บูลด็อก (french bulldog) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เฟรนชี่" นี้ ถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูน่ารักแบบแปลก ๆ แต่ถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาไฮโซมาก นั่นก็คือ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจากการค้นข้อมูล ก็พบแหล่งกำเนิดของ เฟรนช์ บูลด็อก ดังนี้

           ปี ค.ศ.1850 – 1860 ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวอังกฤษได้ทำการพัฒนาสายพันธุ์ สุนัข บูลด็อก ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษให้มีขนาดเล็กลง

           ปี ค.ศ.1860 มีผู้นำ สุนัข อิงลิช บูลด็อก ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดเล็กลงเข้าไปยังประเทศฝรั่งเศส

           ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวฝรั่งเศส ได้นำสุนัข อิงลิช บูลด็อก ขนาดเล็กไปผสมกับสุนัขสายพันธุ์ เฟรนช์ เทอร์เรียร์ และต้องชื่อสุนัขพันธุ์ใหม่นี้ว่า "เฟรนช์ บูลด็อก" (French Bulldog)

           นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันได้มาพบสุนัข เฟรนช์ บูลด็อก เข้าและเกิดอาการปิ๊งทันทีที่ได้เห็น จึงนำกลับไปยังประเทศอเมริกา

           เฟรนช์ บูลด็อก ปรากฎตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1896 ในงานประกวดสุนัข Westminster Kennel Club’s Show ที่นิวยอร์ก และได้มีการตั้งสมาคม French Bulldog Club of America ขึ้นเป็นสมาคมสุนัขพันธุ์นี้แห่งแรกในโลก
 
ลักษณะนิสัย        
          1. รูปร่างกลม ๆ ป้อม ๆ บวกกับขาสั้น ๆ ทำให้เวลาเดิน สะโพกของ เฟรนช บูลด็อก จะส่ายไปมา เมื่อรวมเข้ากับจมูกสั้น ย่น ปากกว้างที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา และใบหูอันใหญ่โตที่คล้ายกับหูค้างคาว ทำให้ใคร ๆ ที่ได้พบ เฟรนช์ บูลด็อก อดที่จะอมยิ้มไม่ได้

          2. เฟรนช์ บูลด็อก มีนิสัยร่างเริง และเป็นมิตร เขาอาจจะเห่าเพื่อเตือนให้เราทราบว่ามีคนแปลกหน้ามาป้วยเปี้ยนอยู่แถวนี้นะจ๊ะ แต่นอกจากนั้นเขาจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อ

          3. เพราะจมูกของ เฟรนช์ บูลด็อก ทั้งย่นทั้งสั้น เวลาที่เขาหายใจจึงมีเสียงดังตลอดเวลา นอกจากนั้นปากที่กว้างมากยังทำให้เขาซดน้ำเสียงดังและมักทำน้ำหกเลอะเทอะไปทั่วบ้าน

          4. หากคุณกิ้นข้าวเวลาเดียวกันกับ เฟรนช์ บูลด็อก เห็นทีจะต้องทำใจในเรื่องมารยาทในการกินอาหารของเขาหน่อยนะ เพราะ เฟรนช์ บูลด็อก จะกินข้างด้วยเสียงจุ๊บจั๊บให้ได้ยินกันถ้วนหน้า เมื่ออิ่มแล้วเขาก็จะมานอนบนตักของคุณและเริ่มผายลมออกมาเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งท้องไส้เริ่มหายปั่นป่วน เขาก็จะนอนหงายท้องอย่างสบายใจ แล้วเริ่มกระบวนการกรนเสียงดังเพื่อให้คุณคลายเหงา(อิอิ)

          5. เฟรนช์ บูลด็อก ไม่ทนต่อความร้อน ดังนั้นจึงต้องให้เขาอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิพอดี ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก

         
          อย่างไรก็ตาม เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว เข้ากับทุกคนในบ้านได้ และเข้ากับสัตว์ได้ทุกประเภท ปกติแล้วจะแทบไม่ได้ยินเสียงเห่าของเขาเลย ยกเว้นแต่เกิดสิ่งปกติอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่สุนัขสำหรับเฝ้าบ้าน เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนมากกว่า นอกจากนี้ จากประสบการณ์ผู้เลี้ยง สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก มักพูดตรงกันว่าเจ้าตูบพันธุ์นี้มีความตลก และชอบทำอะไรแปลก ๆ น่ารัก ๆ ไม่นิ่ง หรือไม่ไฮเปอร์เกินไป ที่สำคัญคือเงียบ ไม่เห่า
หัว : มีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กะโหลกระหว่างหูสองข้างค่อนข้างแบน หน้าผากมีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเนื้อชัดเจน

          ตา : มีลักษณะกลม สีเข้ม ขนาดปานกลาง ตำแหน่งของดวงตาค่อนข้างอยู่ห่างจากใบหู ตาไม่ลึกหรือโปนจนเกินไป

          จมูก : สั้น รูจมูกกว้าง สีอาจดำหรือจางขึ้นอยู่กับสีขน ดั้งจมูกมีมุมหักชัดเจน

          ปาก :  มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากมีเหนียงค่อนข้างหนา กรามแข็งแรง ขณะหุบปากต้องไม่เห็นฟันยื่นออกมา

          คอ : กลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือกค่อนข้างย่น

          อก :  กว้างและลึก

          ขา : ขาหน้าทั้งสองข้างห่างกันพอสมควร ขาตั้งตรง ค่อนข้างสั้น มีกล้ามเนื้อ เท้าหน้ามีขนาดพอเหมาะ นิ้วเท้าชิด ขาหลังตั้งตรง ห่างกันพอประมาณ มีกล้ามเนื้อ เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย นิ้วเท้าชิด

          หู : มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ใบหูค่อนข้างยาว บริเวณปลายโค้งมน

          ลำตัว : ลักษณะสั้น กลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้าง เอวเล็ก

          หาง : ตรงหรือบิดเป็นเกลียวก็ได้ หางค่อนข้างสั้น โคนหางอยู่ในระดับต่ำ

          ขน :  เรียบ สั้น นุ่ม และหนาแน่น

          ความสูงและน้ำหนัก : สูงตั้งแต่ 10-12 นิ้ว พันธุ์เล็กน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ พันธุ์ใหญ่น้ำหนักประมาณ 22-28 ปอนด์

          ลักษณะที่ถือว่าบกพร่อง : หูไม่เหมือนึ้างคาว น้ำหนักเกิน 22 ปอนด์ สำหรับพันธุ์เล็ก

8642

ประวัติ สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก

          เฟรนช์ บูลด็อก (french bulldog) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เฟรนชี่" นี้ ถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูน่ารักแบบแปลก ๆ แต่ถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาไฮโซมาก นั่นก็คือ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจากการค้นข้อมูล ก็พบแหล่งกำเนิดของ เฟรนช์ บูลด็อก ดังนี้

           ปี ค.ศ.1850 – 1860 ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวอังกฤษได้ทำการพัฒนาสายพันธุ์ สุนัข บูลด็อก ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษให้มีขนาดเล็กลง

           ปี ค.ศ.1860 มีผู้นำ สุนัข อิงลิช บูลด็อก ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดเล็กลงเข้าไปยังประเทศฝรั่งเศส

           ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวฝรั่งเศส ได้นำสุนัข อิงลิช บูลด็อก ขนาดเล็กไปผสมกับสุนัขสายพันธุ์ เฟรนช์ เทอร์เรียร์ และต้องชื่อสุนัขพันธุ์ใหม่นี้ว่า "เฟรนช์ บูลด็อก" (French Bulldog)

           นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันได้มาพบสุนัข เฟรนช์ บูลด็อก เข้าและเกิดอาการปิ๊งทันทีที่ได้เห็น จึงนำกลับไปยังประเทศอเมริกา

           เฟรนช์ บูลด็อก ปรากฎตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1896 ในงานประกวดสุนัข Westminster Kennel Club’s Show ที่นิวยอร์ก และได้มีการตั้งสมาคม French Bulldog Club of America ขึ้นเป็นสมาคมสุนัขพันธุ์นี้แห่งแรกในโลก
 
ลักษณะนิสัย        
          1. รูปร่างกลม ๆ ป้อม ๆ บวกกับขาสั้น ๆ ทำให้เวลาเดิน สะโพกของ เฟรนช บูลด็อก จะส่ายไปมา เมื่อรวมเข้ากับจมูกสั้น ย่น ปากกว้างที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา และใบหูอันใหญ่โตที่คล้ายกับหูค้างคาว ทำให้ใคร ๆ ที่ได้พบ เฟรนช์ บูลด็อก อดที่จะอมยิ้มไม่ได้

          2. เฟรนช์ บูลด็อก มีนิสัยร่างเริง และเป็นมิตร เขาอาจจะเห่าเพื่อเตือนให้เราทราบว่ามีคนแปลกหน้ามาป้วยเปี้ยนอยู่แถวนี้นะจ๊ะ แต่นอกจากนั้นเขาจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อ

          3. เพราะจมูกของ เฟรนช์ บูลด็อก ทั้งย่นทั้งสั้น เวลาที่เขาหายใจจึงมีเสียงดังตลอดเวลา นอกจากนั้นปากที่กว้างมากยังทำให้เขาซดน้ำเสียงดังและมักทำน้ำหกเลอะเทอะไปทั่วบ้าน

          4. หากคุณกิ้นข้าวเวลาเดียวกันกับ เฟรนช์ บูลด็อก เห็นทีจะต้องทำใจในเรื่องมารยาทในการกินอาหารของเขาหน่อยนะ เพราะ เฟรนช์ บูลด็อก จะกินข้างด้วยเสียงจุ๊บจั๊บให้ได้ยินกันถ้วนหน้า เมื่ออิ่มแล้วเขาก็จะมานอนบนตักของคุณและเริ่มผายลมออกมาเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งท้องไส้เริ่มหายปั่นป่วน เขาก็จะนอนหงายท้องอย่างสบายใจ แล้วเริ่มกระบวนการกรนเสียงดังเพื่อให้คุณคลายเหงา(อิอิ)

          5. เฟรนช์ บูลด็อก ไม่ทนต่อความร้อน ดังนั้นจึงต้องให้เขาอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิพอดี ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก

         
          อย่างไรก็ตาม เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว เข้ากับทุกคนในบ้านได้ และเข้ากับสัตว์ได้ทุกประเภท ปกติแล้วจะแทบไม่ได้ยินเสียงเห่าของเขาเลย ยกเว้นแต่เกิดสิ่งปกติอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่สุนัขสำหรับเฝ้าบ้าน เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนมากกว่า นอกจากนี้ จากประสบการณ์ผู้เลี้ยง สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก มักพูดตรงกันว่าเจ้าตูบพันธุ์นี้มีความตลก และชอบทำอะไรแปลก ๆ น่ารัก ๆ ไม่นิ่ง หรือไม่ไฮเปอร์เกินไป ที่สำคัญคือเงียบ ไม่เห่า
หัว : มีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กะโหลกระหว่างหูสองข้างค่อนข้างแบน หน้าผากมีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเนื้อชัดเจน

          ตา : มีลักษณะกลม สีเข้ม ขนาดปานกลาง ตำแหน่งของดวงตาค่อนข้างอยู่ห่างจากใบหู ตาไม่ลึกหรือโปนจนเกินไป

          จมูก : สั้น รูจมูกกว้าง สีอาจดำหรือจางขึ้นอยู่กับสีขน ดั้งจมูกมีมุมหักชัดเจน

          ปาก :  มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากมีเหนียงค่อนข้างหนา กรามแข็งแรง ขณะหุบปากต้องไม่เห็นฟันยื่นออกมา

          คอ : กลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือกค่อนข้างย่น

          อก :  กว้างและลึก

          ขา : ขาหน้าทั้งสองข้างห่างกันพอสมควร ขาตั้งตรง ค่อนข้างสั้น มีกล้ามเนื้อ เท้าหน้ามีขนาดพอเหมาะ นิ้วเท้าชิด ขาหลังตั้งตรง ห่างกันพอประมาณ มีกล้ามเนื้อ เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย นิ้วเท้าชิด

          หู : มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ใบหูค่อนข้างยาว บริเวณปลายโค้งมน

          ลำตัว : ลักษณะสั้น กลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้าง เอวเล็ก

          หาง : ตรงหรือบิดเป็นเกลียวก็ได้ หางค่อนข้างสั้น โคนหางอยู่ในระดับต่ำ

          ขน :  เรียบ สั้น นุ่ม และหนาแน่น

          ความสูงและน้ำหนัก : สูงตั้งแต่ 10-12 นิ้ว พันธุ์เล็กน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ พันธุ์ใหญ่น้ำหนักประมาณ 22-28 ปอนด์

          ลักษณะที่ถือว่าบกพร่อง : หูไม่เหมือนึ้างคาว น้ำหนักเกิน 22 ปอนด์ สำหรับพันธุ์เล็ก

8643

ประวัติ สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก

          เฟรนช์ บูลด็อก (french bulldog) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เฟรนชี่" นี้ ถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูน่ารักแบบแปลก ๆ แต่ถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาไฮโซมาก นั่นก็คือ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจากการค้นข้อมูล ก็พบแหล่งกำเนิดของ เฟรนช์ บูลด็อก ดังนี้

           ปี ค.ศ.1850 – 1860 ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวอังกฤษได้ทำการพัฒนาสายพันธุ์ สุนัข บูลด็อก ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษให้มีขนาดเล็กลง

           ปี ค.ศ.1860 มีผู้นำ สุนัข อิงลิช บูลด็อก ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดเล็กลงเข้าไปยังประเทศฝรั่งเศส

           ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวฝรั่งเศส ได้นำสุนัข อิงลิช บูลด็อก ขนาดเล็กไปผสมกับสุนัขสายพันธุ์ เฟรนช์ เทอร์เรียร์ และต้องชื่อสุนัขพันธุ์ใหม่นี้ว่า "เฟรนช์ บูลด็อก" (French Bulldog)

           นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันได้มาพบสุนัข เฟรนช์ บูลด็อก เข้าและเกิดอาการปิ๊งทันทีที่ได้เห็น จึงนำกลับไปยังประเทศอเมริกา

           เฟรนช์ บูลด็อก ปรากฎตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1896 ในงานประกวดสุนัข Westminster Kennel Club’s Show ที่นิวยอร์ก และได้มีการตั้งสมาคม French Bulldog Club of America ขึ้นเป็นสมาคมสุนัขพันธุ์นี้แห่งแรกในโลก
 
ลักษณะนิสัย        
          1. รูปร่างกลม ๆ ป้อม ๆ บวกกับขาสั้น ๆ ทำให้เวลาเดิน สะโพกของ เฟรนช บูลด็อก จะส่ายไปมา เมื่อรวมเข้ากับจมูกสั้น ย่น ปากกว้างที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา และใบหูอันใหญ่โตที่คล้ายกับหูค้างคาว ทำให้ใคร ๆ ที่ได้พบ เฟรนช์ บูลด็อก อดที่จะอมยิ้มไม่ได้

          2. เฟรนช์ บูลด็อก มีนิสัยร่างเริง และเป็นมิตร เขาอาจจะเห่าเพื่อเตือนให้เราทราบว่ามีคนแปลกหน้ามาป้วยเปี้ยนอยู่แถวนี้นะจ๊ะ แต่นอกจากนั้นเขาจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อ

          3. เพราะจมูกของ เฟรนช์ บูลด็อก ทั้งย่นทั้งสั้น เวลาที่เขาหายใจจึงมีเสียงดังตลอดเวลา นอกจากนั้นปากที่กว้างมากยังทำให้เขาซดน้ำเสียงดังและมักทำน้ำหกเลอะเทอะไปทั่วบ้าน

          4. หากคุณกิ้นข้าวเวลาเดียวกันกับ เฟรนช์ บูลด็อก เห็นทีจะต้องทำใจในเรื่องมารยาทในการกินอาหารของเขาหน่อยนะ เพราะ เฟรนช์ บูลด็อก จะกินข้างด้วยเสียงจุ๊บจั๊บให้ได้ยินกันถ้วนหน้า เมื่ออิ่มแล้วเขาก็จะมานอนบนตักของคุณและเริ่มผายลมออกมาเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งท้องไส้เริ่มหายปั่นป่วน เขาก็จะนอนหงายท้องอย่างสบายใจ แล้วเริ่มกระบวนการกรนเสียงดังเพื่อให้คุณคลายเหงา(อิอิ)

          5. เฟรนช์ บูลด็อก ไม่ทนต่อความร้อน ดังนั้นจึงต้องให้เขาอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิพอดี ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก

         
          อย่างไรก็ตาม เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว เข้ากับทุกคนในบ้านได้ และเข้ากับสัตว์ได้ทุกประเภท ปกติแล้วจะแทบไม่ได้ยินเสียงเห่าของเขาเลย ยกเว้นแต่เกิดสิ่งปกติอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่สุนัขสำหรับเฝ้าบ้าน เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนมากกว่า นอกจากนี้ จากประสบการณ์ผู้เลี้ยง สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก มักพูดตรงกันว่าเจ้าตูบพันธุ์นี้มีความตลก และชอบทำอะไรแปลก ๆ น่ารัก ๆ ไม่นิ่ง หรือไม่ไฮเปอร์เกินไป ที่สำคัญคือเงียบ ไม่เห่า
หัว : มีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กะโหลกระหว่างหูสองข้างค่อนข้างแบน หน้าผากมีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเนื้อชัดเจน

          ตา : มีลักษณะกลม สีเข้ม ขนาดปานกลาง ตำแหน่งของดวงตาค่อนข้างอยู่ห่างจากใบหู ตาไม่ลึกหรือโปนจนเกินไป

          จมูก : สั้น รูจมูกกว้าง สีอาจดำหรือจางขึ้นอยู่กับสีขน ดั้งจมูกมีมุมหักชัดเจน

          ปาก :  มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากมีเหนียงค่อนข้างหนา กรามแข็งแรง ขณะหุบปากต้องไม่เห็นฟันยื่นออกมา

          คอ : กลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือกค่อนข้างย่น

          อก :  กว้างและลึก

          ขา : ขาหน้าทั้งสองข้างห่างกันพอสมควร ขาตั้งตรง ค่อนข้างสั้น มีกล้ามเนื้อ เท้าหน้ามีขนาดพอเหมาะ นิ้วเท้าชิด ขาหลังตั้งตรง ห่างกันพอประมาณ มีกล้ามเนื้อ เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย นิ้วเท้าชิด

          หู : มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ใบหูค่อนข้างยาว บริเวณปลายโค้งมน

          ลำตัว : ลักษณะสั้น กลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้าง เอวเล็ก

          หาง : ตรงหรือบิดเป็นเกลียวก็ได้ หางค่อนข้างสั้น โคนหางอยู่ในระดับต่ำ

          ขน :  เรียบ สั้น นุ่ม และหนาแน่น

          ความสูงและน้ำหนัก : สูงตั้งแต่ 10-12 นิ้ว พันธุ์เล็กน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ พันธุ์ใหญ่น้ำหนักประมาณ 22-28 ปอนด์

          ลักษณะที่ถือว่าบกพร่อง : หูไม่เหมือนึ้างคาว น้ำหนักเกิน 22 ปอนด์ สำหรับพันธุ์เล็ก

8644

ประวัติ สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก

          เฟรนช์ บูลด็อก (french bulldog) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เฟรนชี่" นี้ ถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูน่ารักแบบแปลก ๆ แต่ถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาไฮโซมาก นั่นก็คือ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจากการค้นข้อมูล ก็พบแหล่งกำเนิดของ เฟรนช์ บูลด็อก ดังนี้

           ปี ค.ศ.1850 – 1860 ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวอังกฤษได้ทำการพัฒนาสายพันธุ์ สุนัข บูลด็อก ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษให้มีขนาดเล็กลง

           ปี ค.ศ.1860 มีผู้นำ สุนัข อิงลิช บูลด็อก ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดเล็กลงเข้าไปยังประเทศฝรั่งเศส

           ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวฝรั่งเศส ได้นำสุนัข อิงลิช บูลด็อก ขนาดเล็กไปผสมกับสุนัขสายพันธุ์ เฟรนช์ เทอร์เรียร์ และต้องชื่อสุนัขพันธุ์ใหม่นี้ว่า "เฟรนช์ บูลด็อก" (French Bulldog)

           นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันได้มาพบสุนัข เฟรนช์ บูลด็อก เข้าและเกิดอาการปิ๊งทันทีที่ได้เห็น จึงนำกลับไปยังประเทศอเมริกา

           เฟรนช์ บูลด็อก ปรากฎตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1896 ในงานประกวดสุนัข Westminster Kennel Club’s Show ที่นิวยอร์ก และได้มีการตั้งสมาคม French Bulldog Club of America ขึ้นเป็นสมาคมสุนัขพันธุ์นี้แห่งแรกในโลก
 
ลักษณะนิสัย        
          1. รูปร่างกลม ๆ ป้อม ๆ บวกกับขาสั้น ๆ ทำให้เวลาเดิน สะโพกของ เฟรนช บูลด็อก จะส่ายไปมา เมื่อรวมเข้ากับจมูกสั้น ย่น ปากกว้างที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา และใบหูอันใหญ่โตที่คล้ายกับหูค้างคาว ทำให้ใคร ๆ ที่ได้พบ เฟรนช์ บูลด็อก อดที่จะอมยิ้มไม่ได้

          2. เฟรนช์ บูลด็อก มีนิสัยร่างเริง และเป็นมิตร เขาอาจจะเห่าเพื่อเตือนให้เราทราบว่ามีคนแปลกหน้ามาป้วยเปี้ยนอยู่แถวนี้นะจ๊ะ แต่นอกจากนั้นเขาจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อ

          3. เพราะจมูกของ เฟรนช์ บูลด็อก ทั้งย่นทั้งสั้น เวลาที่เขาหายใจจึงมีเสียงดังตลอดเวลา นอกจากนั้นปากที่กว้างมากยังทำให้เขาซดน้ำเสียงดังและมักทำน้ำหกเลอะเทอะไปทั่วบ้าน

          4. หากคุณกิ้นข้าวเวลาเดียวกันกับ เฟรนช์ บูลด็อก เห็นทีจะต้องทำใจในเรื่องมารยาทในการกินอาหารของเขาหน่อยนะ เพราะ เฟรนช์ บูลด็อก จะกินข้างด้วยเสียงจุ๊บจั๊บให้ได้ยินกันถ้วนหน้า เมื่ออิ่มแล้วเขาก็จะมานอนบนตักของคุณและเริ่มผายลมออกมาเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งท้องไส้เริ่มหายปั่นป่วน เขาก็จะนอนหงายท้องอย่างสบายใจ แล้วเริ่มกระบวนการกรนเสียงดังเพื่อให้คุณคลายเหงา(อิอิ)

          5. เฟรนช์ บูลด็อก ไม่ทนต่อความร้อน ดังนั้นจึงต้องให้เขาอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิพอดี ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก

         
          อย่างไรก็ตาม เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว เข้ากับทุกคนในบ้านได้ และเข้ากับสัตว์ได้ทุกประเภท ปกติแล้วจะแทบไม่ได้ยินเสียงเห่าของเขาเลย ยกเว้นแต่เกิดสิ่งปกติอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่สุนัขสำหรับเฝ้าบ้าน เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนมากกว่า นอกจากนี้ จากประสบการณ์ผู้เลี้ยง สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก มักพูดตรงกันว่าเจ้าตูบพันธุ์นี้มีความตลก และชอบทำอะไรแปลก ๆ น่ารัก ๆ ไม่นิ่ง หรือไม่ไฮเปอร์เกินไป ที่สำคัญคือเงียบ ไม่เห่า
หัว : มีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กะโหลกระหว่างหูสองข้างค่อนข้างแบน หน้าผากมีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเนื้อชัดเจน

          ตา : มีลักษณะกลม สีเข้ม ขนาดปานกลาง ตำแหน่งของดวงตาค่อนข้างอยู่ห่างจากใบหู ตาไม่ลึกหรือโปนจนเกินไป

          จมูก : สั้น รูจมูกกว้าง สีอาจดำหรือจางขึ้นอยู่กับสีขน ดั้งจมูกมีมุมหักชัดเจน

          ปาก :  มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากมีเหนียงค่อนข้างหนา กรามแข็งแรง ขณะหุบปากต้องไม่เห็นฟันยื่นออกมา

          คอ : กลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือกค่อนข้างย่น

          อก :  กว้างและลึก

          ขา : ขาหน้าทั้งสองข้างห่างกันพอสมควร ขาตั้งตรง ค่อนข้างสั้น มีกล้ามเนื้อ เท้าหน้ามีขนาดพอเหมาะ นิ้วเท้าชิด ขาหลังตั้งตรง ห่างกันพอประมาณ มีกล้ามเนื้อ เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย นิ้วเท้าชิด

          หู : มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ใบหูค่อนข้างยาว บริเวณปลายโค้งมน

          ลำตัว : ลักษณะสั้น กลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้าง เอวเล็ก

          หาง : ตรงหรือบิดเป็นเกลียวก็ได้ หางค่อนข้างสั้น โคนหางอยู่ในระดับต่ำ

          ขน :  เรียบ สั้น นุ่ม และหนาแน่น

          ความสูงและน้ำหนัก : สูงตั้งแต่ 10-12 นิ้ว พันธุ์เล็กน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ พันธุ์ใหญ่น้ำหนักประมาณ 22-28 ปอนด์

          ลักษณะที่ถือว่าบกพร่อง : หูไม่เหมือนึ้างคาว น้ำหนักเกิน 22 ปอนด์ สำหรับพันธุ์เล็ก

8645


เป็นสุนัขที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน มีประวัติและตำนานอันยาวนาน รูปร่างของเขาเป็นการผสมผสานระหว่าง สุนัขพันธุ์พ้อยเตอร์และสุนัขพันธุ์ฮาวนด์ที่มีใบหูเล็กและผิวหนังที่ตึงของทวีปยุโรปตะวันออก เนื่องจากมันไม่ได้ถูกใช้เป็นสุนัขดมกลิ่นหรือช่วยในการล่าสัตว์ จึงเป็นการยากที่จะรู้ถึงเทือกเถาเหล่ากอที่แน่ชัด ตามตำนานได้เล่าขานว่า เล่าขานว่ามาจากทางตอนเหนือของประเทศอินเดียเมื่อนานมาแล้ว แล้วถูกนำเข้าทวีปยุโรปตะวันออกโดยชาวยิปซี เนื่องจากพบบันทึกเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้ในเมืองดัลเมเชียในยุคแรกๆ จึงมีการตั้งชื่อสุนัขพันธุ์นี้ว่าดัลเมเชียน

ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดอย่างไร เจ้าที่คอยวิ่งตามม้าเทียมรถตั้งแต่ยุคกลาง เพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวจากโจรที่ปล้นคนเดินทาง แต่ในที่สุดมันก็กลายมาเป็นเครื่องประดับของผู้รากมากดี จากภาพที่สุนัขพันธุ์นี้วิ่งไปตามถนนของกรุงลอนดอน เพื่อกันผู้คนไม่ให้ไปเกะกะเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงมีชื่อเล่นว่าสุนัขดับเพลิง ดัลเมเชียนเป็นสัตว์เลี้ยงที่สะอาด สงบเสงี่ยมและมองได้ไกล กลายเป็นสุนัขที่คอยระแวดระวังเกี่ยวกับเพลิงไหม้ เป็นสุนัขที่ไม่ค่อยเห่ายกเว้นจะมีอะไรหลงเข้ามา สุนัขพันธุ์นี้มีความอดทนอย่างเหลือเชื่อ สามารถที่จะวิ่งในความเร็วปานกลางแบบไม่มีกำหนด ความจำเป็นในการออกกำลังกายจึงมีมาก

มาตราฐานสายพันธุ์

ลักษณะทั่วไป
: ดัลเมเชียนเป็นสุนัขที่มีจุดโดดเด่น ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยมัดกล้าม กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย เฉลียวฉลาด เป็นสุนัขที่มีความทรหดอดทนผนวกกับการวิ่งที่ค่อนข้างเร็ว

อุปนิสัย : ร่าเริง รักสะอาด ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยมัดกล้าม กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย เฉลียวฉลาด เป็นสุนัขที่มีความทรหดอดทนผนวกกับการวิ่งที่ค่อนข้างเร็ว

ศีรษะ : มีความสมดุลกับร่างกาย มีความยาวพอสมควร ผิวหนังไม่หย่อน

ตา : อยู่ห่างกันพอประมาณ ขนาดปานกลางและมีลักษณะกลม ตาสีน้ำตาลหรือสีน้ำเงิน ตายิ่งเข้มยิ่งดี ตามักมีสีเข้มในดัลเมเชียนที่มีจุดสีดำมากกว่าในตัวที่มีจุดสีตับ

หู : ขนาดปานกลาง ฐานหูกว้างแล้วค่อยๆ สอบ ปลายหูมน หูบาง เมื่อตื่นตัวส่วนบนของหูจะอยู่ระดับเดียว กันกับยอดของกะโหลกศีรษะ

จมูก : สีดำในสุนัขที่มีจุดสีดำ และสีน้ำตาลในสุนัขที่มีจุดสีตับ
ริมฝีปาก : ปิดสนิท

คอ : เส้นหลัง ลำตัว คอโค้งได้ที่ ค่อนข้างยาว ไม่มีเหนียง
เส้นหลัง : เรียบ

อก : ลึก กว้างปานกลาง

หลัง : อยู่ในแนวราบและแข็งแรง

ชายกระเบนเหน็บ : สั้น เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและโค้งเล็กน้อย

หาง : ต่อจากเส้นหลังอย่างธรรมชาติ ไม่มีการตัดหาง หางชูขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ม้วน
 
เท้า : ทั้งเท้าหน้าและเท้าหลังกลมและกระทัดรัด มีอุ้งเท้าที่หนาและมีสปริง เล็บสีดำหรือขาวในสุนัขที่จุดสีดำ และสีน้ำตาลหรือสีขาวในสุนัขที่มีจุดสีตับ

ขน : ละเอียด หนา สั้น เป็นมัน


8646


เป็นสุนัขที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน มีประวัติและตำนานอันยาวนาน รูปร่างของเขาเป็นการผสมผสานระหว่าง สุนัขพันธุ์พ้อยเตอร์และสุนัขพันธุ์ฮาวนด์ที่มีใบหูเล็กและผิวหนังที่ตึงของทวีปยุโรปตะวันออก เนื่องจากมันไม่ได้ถูกใช้เป็นสุนัขดมกลิ่นหรือช่วยในการล่าสัตว์ จึงเป็นการยากที่จะรู้ถึงเทือกเถาเหล่ากอที่แน่ชัด ตามตำนานได้เล่าขานว่า เล่าขานว่ามาจากทางตอนเหนือของประเทศอินเดียเมื่อนานมาแล้ว แล้วถูกนำเข้าทวีปยุโรปตะวันออกโดยชาวยิปซี เนื่องจากพบบันทึกเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้ในเมืองดัลเมเชียในยุคแรกๆ จึงมีการตั้งชื่อสุนัขพันธุ์นี้ว่าดัลเมเชียน

ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดอย่างไร เจ้าที่คอยวิ่งตามม้าเทียมรถตั้งแต่ยุคกลาง เพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวจากโจรที่ปล้นคนเดินทาง แต่ในที่สุดมันก็กลายมาเป็นเครื่องประดับของผู้รากมากดี จากภาพที่สุนัขพันธุ์นี้วิ่งไปตามถนนของกรุงลอนดอน เพื่อกันผู้คนไม่ให้ไปเกะกะเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงมีชื่อเล่นว่าสุนัขดับเพลิง ดัลเมเชียนเป็นสัตว์เลี้ยงที่สะอาด สงบเสงี่ยมและมองได้ไกล กลายเป็นสุนัขที่คอยระแวดระวังเกี่ยวกับเพลิงไหม้ เป็นสุนัขที่ไม่ค่อยเห่ายกเว้นจะมีอะไรหลงเข้ามา สุนัขพันธุ์นี้มีความอดทนอย่างเหลือเชื่อ สามารถที่จะวิ่งในความเร็วปานกลางแบบไม่มีกำหนด ความจำเป็นในการออกกำลังกายจึงมีมาก

มาตราฐานสายพันธุ์

ลักษณะทั่วไป
: ดัลเมเชียนเป็นสุนัขที่มีจุดโดดเด่น ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยมัดกล้าม กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย เฉลียวฉลาด เป็นสุนัขที่มีความทรหดอดทนผนวกกับการวิ่งที่ค่อนข้างเร็ว

อุปนิสัย : ร่าเริง รักสะอาด ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยมัดกล้าม กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย เฉลียวฉลาด เป็นสุนัขที่มีความทรหดอดทนผนวกกับการวิ่งที่ค่อนข้างเร็ว

ศีรษะ : มีความสมดุลกับร่างกาย มีความยาวพอสมควร ผิวหนังไม่หย่อน

ตา : อยู่ห่างกันพอประมาณ ขนาดปานกลางและมีลักษณะกลม ตาสีน้ำตาลหรือสีน้ำเงิน ตายิ่งเข้มยิ่งดี ตามักมีสีเข้มในดัลเมเชียนที่มีจุดสีดำมากกว่าในตัวที่มีจุดสีตับ

หู : ขนาดปานกลาง ฐานหูกว้างแล้วค่อยๆ สอบ ปลายหูมน หูบาง เมื่อตื่นตัวส่วนบนของหูจะอยู่ระดับเดียว กันกับยอดของกะโหลกศีรษะ

จมูก : สีดำในสุนัขที่มีจุดสีดำ และสีน้ำตาลในสุนัขที่มีจุดสีตับ
ริมฝีปาก : ปิดสนิท

คอ : เส้นหลัง ลำตัว คอโค้งได้ที่ ค่อนข้างยาว ไม่มีเหนียง
เส้นหลัง : เรียบ

อก : ลึก กว้างปานกลาง

หลัง : อยู่ในแนวราบและแข็งแรง

ชายกระเบนเหน็บ : สั้น เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและโค้งเล็กน้อย

หาง : ต่อจากเส้นหลังอย่างธรรมชาติ ไม่มีการตัดหาง หางชูขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ม้วน
 
เท้า : ทั้งเท้าหน้าและเท้าหลังกลมและกระทัดรัด มีอุ้งเท้าที่หนาและมีสปริง เล็บสีดำหรือขาวในสุนัขที่จุดสีดำ และสีน้ำตาลหรือสีขาวในสุนัขที่มีจุดสีตับ

ขน : ละเอียด หนา สั้น เป็นมัน


8647


เป็นสุนัขที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน มีประวัติและตำนานอันยาวนาน รูปร่างของเขาเป็นการผสมผสานระหว่าง สุนัขพันธุ์พ้อยเตอร์และสุนัขพันธุ์ฮาวนด์ที่มีใบหูเล็กและผิวหนังที่ตึงของทวีปยุโรปตะวันออก เนื่องจากมันไม่ได้ถูกใช้เป็นสุนัขดมกลิ่นหรือช่วยในการล่าสัตว์ จึงเป็นการยากที่จะรู้ถึงเทือกเถาเหล่ากอที่แน่ชัด ตามตำนานได้เล่าขานว่า เล่าขานว่ามาจากทางตอนเหนือของประเทศอินเดียเมื่อนานมาแล้ว แล้วถูกนำเข้าทวีปยุโรปตะวันออกโดยชาวยิปซี เนื่องจากพบบันทึกเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้ในเมืองดัลเมเชียในยุคแรกๆ จึงมีการตั้งชื่อสุนัขพันธุ์นี้ว่าดัลเมเชียน

ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดอย่างไร เจ้าที่คอยวิ่งตามม้าเทียมรถตั้งแต่ยุคกลาง เพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวจากโจรที่ปล้นคนเดินทาง แต่ในที่สุดมันก็กลายมาเป็นเครื่องประดับของผู้รากมากดี จากภาพที่สุนัขพันธุ์นี้วิ่งไปตามถนนของกรุงลอนดอน เพื่อกันผู้คนไม่ให้ไปเกะกะเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงมีชื่อเล่นว่าสุนัขดับเพลิง ดัลเมเชียนเป็นสัตว์เลี้ยงที่สะอาด สงบเสงี่ยมและมองได้ไกล กลายเป็นสุนัขที่คอยระแวดระวังเกี่ยวกับเพลิงไหม้ เป็นสุนัขที่ไม่ค่อยเห่ายกเว้นจะมีอะไรหลงเข้ามา สุนัขพันธุ์นี้มีความอดทนอย่างเหลือเชื่อ สามารถที่จะวิ่งในความเร็วปานกลางแบบไม่มีกำหนด ความจำเป็นในการออกกำลังกายจึงมีมาก

มาตราฐานสายพันธุ์

ลักษณะทั่วไป
: ดัลเมเชียนเป็นสุนัขที่มีจุดโดดเด่น ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยมัดกล้าม กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย เฉลียวฉลาด เป็นสุนัขที่มีความทรหดอดทนผนวกกับการวิ่งที่ค่อนข้างเร็ว

อุปนิสัย : ร่าเริง รักสะอาด ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยมัดกล้าม กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย เฉลียวฉลาด เป็นสุนัขที่มีความทรหดอดทนผนวกกับการวิ่งที่ค่อนข้างเร็ว

ศีรษะ : มีความสมดุลกับร่างกาย มีความยาวพอสมควร ผิวหนังไม่หย่อน

ตา : อยู่ห่างกันพอประมาณ ขนาดปานกลางและมีลักษณะกลม ตาสีน้ำตาลหรือสีน้ำเงิน ตายิ่งเข้มยิ่งดี ตามักมีสีเข้มในดัลเมเชียนที่มีจุดสีดำมากกว่าในตัวที่มีจุดสีตับ

หู : ขนาดปานกลาง ฐานหูกว้างแล้วค่อยๆ สอบ ปลายหูมน หูบาง เมื่อตื่นตัวส่วนบนของหูจะอยู่ระดับเดียว กันกับยอดของกะโหลกศีรษะ

จมูก : สีดำในสุนัขที่มีจุดสีดำ และสีน้ำตาลในสุนัขที่มีจุดสีตับ
ริมฝีปาก : ปิดสนิท

คอ : เส้นหลัง ลำตัว คอโค้งได้ที่ ค่อนข้างยาว ไม่มีเหนียง
เส้นหลัง : เรียบ

อก : ลึก กว้างปานกลาง

หลัง : อยู่ในแนวราบและแข็งแรง

ชายกระเบนเหน็บ : สั้น เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและโค้งเล็กน้อย

หาง : ต่อจากเส้นหลังอย่างธรรมชาติ ไม่มีการตัดหาง หางชูขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ม้วน
 
เท้า : ทั้งเท้าหน้าและเท้าหลังกลมและกระทัดรัด มีอุ้งเท้าที่หนาและมีสปริง เล็บสีดำหรือขาวในสุนัขที่จุดสีดำ และสีน้ำตาลหรือสีขาวในสุนัขที่มีจุดสีตับ

ขน : ละเอียด หนา สั้น เป็นมัน


8648


เป็นสุนัขที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน มีประวัติและตำนานอันยาวนาน รูปร่างของเขาเป็นการผสมผสานระหว่าง สุนัขพันธุ์พ้อยเตอร์และสุนัขพันธุ์ฮาวนด์ที่มีใบหูเล็กและผิวหนังที่ตึงของทวีปยุโรปตะวันออก เนื่องจากมันไม่ได้ถูกใช้เป็นสุนัขดมกลิ่นหรือช่วยในการล่าสัตว์ จึงเป็นการยากที่จะรู้ถึงเทือกเถาเหล่ากอที่แน่ชัด ตามตำนานได้เล่าขานว่า เล่าขานว่ามาจากทางตอนเหนือของประเทศอินเดียเมื่อนานมาแล้ว แล้วถูกนำเข้าทวีปยุโรปตะวันออกโดยชาวยิปซี เนื่องจากพบบันทึกเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้ในเมืองดัลเมเชียในยุคแรกๆ จึงมีการตั้งชื่อสุนัขพันธุ์นี้ว่าดัลเมเชียน

ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดอย่างไร เจ้าที่คอยวิ่งตามม้าเทียมรถตั้งแต่ยุคกลาง เพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวจากโจรที่ปล้นคนเดินทาง แต่ในที่สุดมันก็กลายมาเป็นเครื่องประดับของผู้รากมากดี จากภาพที่สุนัขพันธุ์นี้วิ่งไปตามถนนของกรุงลอนดอน เพื่อกันผู้คนไม่ให้ไปเกะกะเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงมีชื่อเล่นว่าสุนัขดับเพลิง ดัลเมเชียนเป็นสัตว์เลี้ยงที่สะอาด สงบเสงี่ยมและมองได้ไกล กลายเป็นสุนัขที่คอยระแวดระวังเกี่ยวกับเพลิงไหม้ เป็นสุนัขที่ไม่ค่อยเห่ายกเว้นจะมีอะไรหลงเข้ามา สุนัขพันธุ์นี้มีความอดทนอย่างเหลือเชื่อ สามารถที่จะวิ่งในความเร็วปานกลางแบบไม่มีกำหนด ความจำเป็นในการออกกำลังกายจึงมีมาก

มาตราฐานสายพันธุ์

ลักษณะทั่วไป
: ดัลเมเชียนเป็นสุนัขที่มีจุดโดดเด่น ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยมัดกล้าม กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย เฉลียวฉลาด เป็นสุนัขที่มีความทรหดอดทนผนวกกับการวิ่งที่ค่อนข้างเร็ว

อุปนิสัย : ร่าเริง รักสะอาด ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยมัดกล้าม กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย เฉลียวฉลาด เป็นสุนัขที่มีความทรหดอดทนผนวกกับการวิ่งที่ค่อนข้างเร็ว

ศีรษะ : มีความสมดุลกับร่างกาย มีความยาวพอสมควร ผิวหนังไม่หย่อน

ตา : อยู่ห่างกันพอประมาณ ขนาดปานกลางและมีลักษณะกลม ตาสีน้ำตาลหรือสีน้ำเงิน ตายิ่งเข้มยิ่งดี ตามักมีสีเข้มในดัลเมเชียนที่มีจุดสีดำมากกว่าในตัวที่มีจุดสีตับ

หู : ขนาดปานกลาง ฐานหูกว้างแล้วค่อยๆ สอบ ปลายหูมน หูบาง เมื่อตื่นตัวส่วนบนของหูจะอยู่ระดับเดียว กันกับยอดของกะโหลกศีรษะ

จมูก : สีดำในสุนัขที่มีจุดสีดำ และสีน้ำตาลในสุนัขที่มีจุดสีตับ
ริมฝีปาก : ปิดสนิท

คอ : เส้นหลัง ลำตัว คอโค้งได้ที่ ค่อนข้างยาว ไม่มีเหนียง
เส้นหลัง : เรียบ

อก : ลึก กว้างปานกลาง

หลัง : อยู่ในแนวราบและแข็งแรง

ชายกระเบนเหน็บ : สั้น เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและโค้งเล็กน้อย

หาง : ต่อจากเส้นหลังอย่างธรรมชาติ ไม่มีการตัดหาง หางชูขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ม้วน
 
เท้า : ทั้งเท้าหน้าและเท้าหลังกลมและกระทัดรัด มีอุ้งเท้าที่หนาและมีสปริง เล็บสีดำหรือขาวในสุนัขที่จุดสีดำ และสีน้ำตาลหรือสีขาวในสุนัขที่มีจุดสีตับ

ขน : ละเอียด หนา สั้น เป็นมัน


8649


สุนัขพันธุ์ SIBERIAN HUSKY มีถิ่นกำเนิดในไซบีเรียน สุนัขพันธุ์นี้ถูกคัดเลือกพันธุ์ขึ้นโดยชาวพื้นเมืองที่เรียกว่า CHUKCHI เพื่อให้ทำหน้าที่ล่าสัตว์และเฝ้ายาม แต่ต่อมาถูกพัฒนาให้มีลักษณะของสุนัขลากเลื่อน ประมาณ คศ.1900 มีการแข่งขันสุนัขลากเลื่อน ALASKA โดยมีระยะทางถึง 400 ไมล์ สุนัขที่ชนะในการแข่งขันคือสุนัขพันธุ์ SIBERIAN HUSKY หลังจากนั้นกีฬาแข่งลูกสุนัขลากเลื่อนก็เป็นที่นิยมมากขึ้น สุนัขพันธุ์นี้ก็มักจะชนะอยู่เสมอ AKC. รับรองสุนัขพันธุ์นี้ในปี คศ.1930


มาตราฐานสายพันธุ์

อุปนิสัย : ฉลาดเป็นมิตร สุขุม สามารถทำงานร่วมกันเป็นฝูงได้

ส่วนหัว : มีขนาดปานกลางสมส่วนกับลำตัว หัวกะโหลกค่อนข้างกลม หัวกะโหลกระหว่างหูจะกว้าง และเรียวลงจรดตาทั้งสองข้าง

หู : มีขนาดปานกลางมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายหูมน ใบหูหนา มีขนแน่นหูตั้ง

ตา : มีลักษณะเป็นรูปกลมรี อยู่หางกันพอประมาณ ตามีสีน้ำตาลเข้ม

ดั้งจมูก : มีมุมหักพอประมาณ

ปาก : ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก ปากมีความกว้างพอประมาณ สันปากตรง โคนปากใหญ่ และเรียวลงจรดปลายจมูก ริมฝีปากตึง มีสีเข้ม

จมูก : มีสีดำ น้ำตาลเข้ม หรือชมพู

ฟัน
: ขาวสะอาด แข็งแรง ขบแบบกรรไกร

ลำตัว : มีขนาดปานกลาง เส้นหลังตรงขนานกับพื้น ความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงของลำตัวเล็กน้อย

คอ : มีความยาวปานกลาง มีลักษณะโค้ง ขณะเดิน หรือวิ่ง คอจะยืดไปข้างหน้า
ลำตัวส่วนหน้า : หัวไหล่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ แข็งแรง

อก : มีลักษณะแข็งแรง อกลึกจรดข้อศอก อกมีความกว้างพอประมาณ ไม่กว้างจนเกินไป

ขาหน้า : มองจากด้านหน้าขาหน้าทั้งสองข้างตรง ห่างกันพอเหมาะ มองจากด้านข้างข้อเท้าเอียงเล็กน้อย ท่อนขาตรง ความยาวของขาจากข้อศอกถึงพื้นจะมากกว่าความยาวจากข้อศอกถึงหัวไหล่เล็กน้อย เท้ามีลักษณะกลมรี นิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น

ขาหลัง : ท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ มีกำลังมาก ข้อเท้าหลังแข็งแรง มองจากเท้าหลัง ขาหลังทั้งสองข้างตั้งตรงขนานกัน ห่างกันพอเหมาะ เท้ามีลักษณะกลมรีนิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น

หาง : มีขนเป็นพวง หางมักจะยกสูงโค้งเล็กน้อย หางไม่บิดเอียงไปทางซ้ายหรือขวา

ขน - สี : ขนมีสองชั้น ขนชั้นในนุ่ม ขนชั้นนอกแข็งแนบชิดผิวหนัง ขนมีหลายสี ตั้งแต่สีดำหรือขาวล้วน

ขนาด
: เป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง

น้ำหนัก : เพศผู้หนักประมาณ 45 - 60 ปอนด์ เพศเมียหนักประมาณ 35 - 50 ปอนด์

ส่วนสูง : เพศผู้สูงประมาณ 21 - 23.5 นิ้ว เพศเมียสูงประมาณ 20 - 22 นิ้ว

การเดิน - วิ่ง : มีความสง่างาม เคลื่อนที่ได้เร็ว ขณะวิ่งเท้าไม่บิด หรือปัด

ข้อบกพร่อง : หูใหญ่ หูตก หางม้วนมาก


8650


สุนัขพันธุ์ SIBERIAN HUSKY มีถิ่นกำเนิดในไซบีเรียน สุนัขพันธุ์นี้ถูกคัดเลือกพันธุ์ขึ้นโดยชาวพื้นเมืองที่เรียกว่า CHUKCHI เพื่อให้ทำหน้าที่ล่าสัตว์และเฝ้ายาม แต่ต่อมาถูกพัฒนาให้มีลักษณะของสุนัขลากเลื่อน ประมาณ คศ.1900 มีการแข่งขันสุนัขลากเลื่อน ALASKA โดยมีระยะทางถึง 400 ไมล์ สุนัขที่ชนะในการแข่งขันคือสุนัขพันธุ์ SIBERIAN HUSKY หลังจากนั้นกีฬาแข่งลูกสุนัขลากเลื่อนก็เป็นที่นิยมมากขึ้น สุนัขพันธุ์นี้ก็มักจะชนะอยู่เสมอ AKC. รับรองสุนัขพันธุ์นี้ในปี คศ.1930


มาตราฐานสายพันธุ์

อุปนิสัย : ฉลาดเป็นมิตร สุขุม สามารถทำงานร่วมกันเป็นฝูงได้

ส่วนหัว : มีขนาดปานกลางสมส่วนกับลำตัว หัวกะโหลกค่อนข้างกลม หัวกะโหลกระหว่างหูจะกว้าง และเรียวลงจรดตาทั้งสองข้าง

หู : มีขนาดปานกลางมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายหูมน ใบหูหนา มีขนแน่นหูตั้ง

ตา : มีลักษณะเป็นรูปกลมรี อยู่หางกันพอประมาณ ตามีสีน้ำตาลเข้ม

ดั้งจมูก : มีมุมหักพอประมาณ

ปาก : ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก ปากมีความกว้างพอประมาณ สันปากตรง โคนปากใหญ่ และเรียวลงจรดปลายจมูก ริมฝีปากตึง มีสีเข้ม

จมูก : มีสีดำ น้ำตาลเข้ม หรือชมพู

ฟัน
: ขาวสะอาด แข็งแรง ขบแบบกรรไกร

ลำตัว : มีขนาดปานกลาง เส้นหลังตรงขนานกับพื้น ความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงของลำตัวเล็กน้อย

คอ : มีความยาวปานกลาง มีลักษณะโค้ง ขณะเดิน หรือวิ่ง คอจะยืดไปข้างหน้า
ลำตัวส่วนหน้า : หัวไหล่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ แข็งแรง

อก : มีลักษณะแข็งแรง อกลึกจรดข้อศอก อกมีความกว้างพอประมาณ ไม่กว้างจนเกินไป

ขาหน้า : มองจากด้านหน้าขาหน้าทั้งสองข้างตรง ห่างกันพอเหมาะ มองจากด้านข้างข้อเท้าเอียงเล็กน้อย ท่อนขาตรง ความยาวของขาจากข้อศอกถึงพื้นจะมากกว่าความยาวจากข้อศอกถึงหัวไหล่เล็กน้อย เท้ามีลักษณะกลมรี นิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น

ขาหลัง : ท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ มีกำลังมาก ข้อเท้าหลังแข็งแรง มองจากเท้าหลัง ขาหลังทั้งสองข้างตั้งตรงขนานกัน ห่างกันพอเหมาะ เท้ามีลักษณะกลมรีนิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น

หาง : มีขนเป็นพวง หางมักจะยกสูงโค้งเล็กน้อย หางไม่บิดเอียงไปทางซ้ายหรือขวา

ขน - สี : ขนมีสองชั้น ขนชั้นในนุ่ม ขนชั้นนอกแข็งแนบชิดผิวหนัง ขนมีหลายสี ตั้งแต่สีดำหรือขาวล้วน

ขนาด
: เป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง

น้ำหนัก : เพศผู้หนักประมาณ 45 - 60 ปอนด์ เพศเมียหนักประมาณ 35 - 50 ปอนด์

ส่วนสูง : เพศผู้สูงประมาณ 21 - 23.5 นิ้ว เพศเมียสูงประมาณ 20 - 22 นิ้ว

การเดิน - วิ่ง : มีความสง่างาม เคลื่อนที่ได้เร็ว ขณะวิ่งเท้าไม่บิด หรือปัด

ข้อบกพร่อง : หูใหญ่ หูตก หางม้วนมาก


8651


สุนัขพันธุ์ SIBERIAN HUSKY มีถิ่นกำเนิดในไซบีเรียน สุนัขพันธุ์นี้ถูกคัดเลือกพันธุ์ขึ้นโดยชาวพื้นเมืองที่เรียกว่า CHUKCHI เพื่อให้ทำหน้าที่ล่าสัตว์และเฝ้ายาม แต่ต่อมาถูกพัฒนาให้มีลักษณะของสุนัขลากเลื่อน ประมาณ คศ.1900 มีการแข่งขันสุนัขลากเลื่อน ALASKA โดยมีระยะทางถึง 400 ไมล์ สุนัขที่ชนะในการแข่งขันคือสุนัขพันธุ์ SIBERIAN HUSKY หลังจากนั้นกีฬาแข่งลูกสุนัขลากเลื่อนก็เป็นที่นิยมมากขึ้น สุนัขพันธุ์นี้ก็มักจะชนะอยู่เสมอ AKC. รับรองสุนัขพันธุ์นี้ในปี คศ.1930


มาตราฐานสายพันธุ์

อุปนิสัย : ฉลาดเป็นมิตร สุขุม สามารถทำงานร่วมกันเป็นฝูงได้

ส่วนหัว : มีขนาดปานกลางสมส่วนกับลำตัว หัวกะโหลกค่อนข้างกลม หัวกะโหลกระหว่างหูจะกว้าง และเรียวลงจรดตาทั้งสองข้าง

หู : มีขนาดปานกลางมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายหูมน ใบหูหนา มีขนแน่นหูตั้ง

ตา : มีลักษณะเป็นรูปกลมรี อยู่หางกันพอประมาณ ตามีสีน้ำตาลเข้ม

ดั้งจมูก : มีมุมหักพอประมาณ

ปาก : ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก ปากมีความกว้างพอประมาณ สันปากตรง โคนปากใหญ่ และเรียวลงจรดปลายจมูก ริมฝีปากตึง มีสีเข้ม

จมูก : มีสีดำ น้ำตาลเข้ม หรือชมพู

ฟัน
: ขาวสะอาด แข็งแรง ขบแบบกรรไกร

ลำตัว : มีขนาดปานกลาง เส้นหลังตรงขนานกับพื้น ความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงของลำตัวเล็กน้อย

คอ : มีความยาวปานกลาง มีลักษณะโค้ง ขณะเดิน หรือวิ่ง คอจะยืดไปข้างหน้า
ลำตัวส่วนหน้า : หัวไหล่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ แข็งแรง

อก : มีลักษณะแข็งแรง อกลึกจรดข้อศอก อกมีความกว้างพอประมาณ ไม่กว้างจนเกินไป

ขาหน้า : มองจากด้านหน้าขาหน้าทั้งสองข้างตรง ห่างกันพอเหมาะ มองจากด้านข้างข้อเท้าเอียงเล็กน้อย ท่อนขาตรง ความยาวของขาจากข้อศอกถึงพื้นจะมากกว่าความยาวจากข้อศอกถึงหัวไหล่เล็กน้อย เท้ามีลักษณะกลมรี นิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น

ขาหลัง : ท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ มีกำลังมาก ข้อเท้าหลังแข็งแรง มองจากเท้าหลัง ขาหลังทั้งสองข้างตั้งตรงขนานกัน ห่างกันพอเหมาะ เท้ามีลักษณะกลมรีนิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น

หาง : มีขนเป็นพวง หางมักจะยกสูงโค้งเล็กน้อย หางไม่บิดเอียงไปทางซ้ายหรือขวา

ขน - สี : ขนมีสองชั้น ขนชั้นในนุ่ม ขนชั้นนอกแข็งแนบชิดผิวหนัง ขนมีหลายสี ตั้งแต่สีดำหรือขาวล้วน

ขนาด
: เป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง

น้ำหนัก : เพศผู้หนักประมาณ 45 - 60 ปอนด์ เพศเมียหนักประมาณ 35 - 50 ปอนด์

ส่วนสูง : เพศผู้สูงประมาณ 21 - 23.5 นิ้ว เพศเมียสูงประมาณ 20 - 22 นิ้ว

การเดิน - วิ่ง : มีความสง่างาม เคลื่อนที่ได้เร็ว ขณะวิ่งเท้าไม่บิด หรือปัด

ข้อบกพร่อง : หูใหญ่ หูตก หางม้วนมาก


8652


สุนัขพันธุ์ SIBERIAN HUSKY มีถิ่นกำเนิดในไซบีเรียน สุนัขพันธุ์นี้ถูกคัดเลือกพันธุ์ขึ้นโดยชาวพื้นเมืองที่เรียกว่า CHUKCHI เพื่อให้ทำหน้าที่ล่าสัตว์และเฝ้ายาม แต่ต่อมาถูกพัฒนาให้มีลักษณะของสุนัขลากเลื่อน ประมาณ คศ.1900 มีการแข่งขันสุนัขลากเลื่อน ALASKA โดยมีระยะทางถึง 400 ไมล์ สุนัขที่ชนะในการแข่งขันคือสุนัขพันธุ์ SIBERIAN HUSKY หลังจากนั้นกีฬาแข่งลูกสุนัขลากเลื่อนก็เป็นที่นิยมมากขึ้น สุนัขพันธุ์นี้ก็มักจะชนะอยู่เสมอ AKC. รับรองสุนัขพันธุ์นี้ในปี คศ.1930


มาตราฐานสายพันธุ์

อุปนิสัย : ฉลาดเป็นมิตร สุขุม สามารถทำงานร่วมกันเป็นฝูงได้

ส่วนหัว : มีขนาดปานกลางสมส่วนกับลำตัว หัวกะโหลกค่อนข้างกลม หัวกะโหลกระหว่างหูจะกว้าง และเรียวลงจรดตาทั้งสองข้าง

หู : มีขนาดปานกลางมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายหูมน ใบหูหนา มีขนแน่นหูตั้ง

ตา : มีลักษณะเป็นรูปกลมรี อยู่หางกันพอประมาณ ตามีสีน้ำตาลเข้ม

ดั้งจมูก : มีมุมหักพอประมาณ

ปาก : ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก ปากมีความกว้างพอประมาณ สันปากตรง โคนปากใหญ่ และเรียวลงจรดปลายจมูก ริมฝีปากตึง มีสีเข้ม

จมูก : มีสีดำ น้ำตาลเข้ม หรือชมพู

ฟัน
: ขาวสะอาด แข็งแรง ขบแบบกรรไกร

ลำตัว : มีขนาดปานกลาง เส้นหลังตรงขนานกับพื้น ความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงของลำตัวเล็กน้อย

คอ : มีความยาวปานกลาง มีลักษณะโค้ง ขณะเดิน หรือวิ่ง คอจะยืดไปข้างหน้า
ลำตัวส่วนหน้า : หัวไหล่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ แข็งแรง

อก : มีลักษณะแข็งแรง อกลึกจรดข้อศอก อกมีความกว้างพอประมาณ ไม่กว้างจนเกินไป

ขาหน้า : มองจากด้านหน้าขาหน้าทั้งสองข้างตรง ห่างกันพอเหมาะ มองจากด้านข้างข้อเท้าเอียงเล็กน้อย ท่อนขาตรง ความยาวของขาจากข้อศอกถึงพื้นจะมากกว่าความยาวจากข้อศอกถึงหัวไหล่เล็กน้อย เท้ามีลักษณะกลมรี นิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น

ขาหลัง : ท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ มีกำลังมาก ข้อเท้าหลังแข็งแรง มองจากเท้าหลัง ขาหลังทั้งสองข้างตั้งตรงขนานกัน ห่างกันพอเหมาะ เท้ามีลักษณะกลมรีนิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น

หาง : มีขนเป็นพวง หางมักจะยกสูงโค้งเล็กน้อย หางไม่บิดเอียงไปทางซ้ายหรือขวา

ขน - สี : ขนมีสองชั้น ขนชั้นในนุ่ม ขนชั้นนอกแข็งแนบชิดผิวหนัง ขนมีหลายสี ตั้งแต่สีดำหรือขาวล้วน

ขนาด
: เป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง

น้ำหนัก : เพศผู้หนักประมาณ 45 - 60 ปอนด์ เพศเมียหนักประมาณ 35 - 50 ปอนด์

ส่วนสูง : เพศผู้สูงประมาณ 21 - 23.5 นิ้ว เพศเมียสูงประมาณ 20 - 22 นิ้ว

การเดิน - วิ่ง : มีความสง่างาม เคลื่อนที่ได้เร็ว ขณะวิ่งเท้าไม่บิด หรือปัด

ข้อบกพร่อง : หูใหญ่ หูตก หางม้วนมาก


8653


     ด้วยอกที่กว้างใหญ่ และร่างกายที่ปราศจากไขมันและมีแต่กล้ามเนื้อ ให้ความรู้สึกถึงพละกำลัง มันเป็นสุนัขที่อ่อนโยน ล่ำสัน แม้จะแลดูใหญ่โต แต่การย่างก้าวที่รวดเร็วทำให้วิ่งเร็วได้อย่างน่าทึ่ง สุนัขที่ทรหดอดทนจะคุ้นเคยกับการมีชีวิตอยู่นอกบ้าน และสามารถทนต่อทุกสภาพอากาศ

     สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์
เป็นสุนัขอารักขาที่น่าเกรงขาม เมื่อถูกฝึกให้ต่อสู้และโจมตี ก็จะทำอันตรายให้แก่ผู้บุกรุก แม้จะฝึกได้ไม่ยาก แต่ต้องมีเจ้านายที่มีวินัยเพื่อทำให้มันเคารพและเชื่อถือ ด้วยความเชื่อมั่นในพละกำลัง โดยธรรมชาติมันจะไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับภยันตรายที่จะเกิดขึ้น จะแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวโดยธรรมชาติ แต่จะไม่เป็นดังกล่าวกับเจ้านายหรือผู้คนในครอบครัว

     ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ร็อทไวเลอร์ได้ถูกเกณฑ์ให้เข้าประจำการในกองทัพบกของเยอรมัน และในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นสุนัขอารักขาให้กับโรงงานและสถานที่ประกอบการ ในประเทศออสเตรเลียมันถูกใช้ในราชการของกรมตำรวจ

    สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์ที่มีความตื่นตัวและเฉลียวฉลาดอย่างน่าทึ่ง สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่สอน การแสดงออกถึงความสงบเยือกเย็น ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญและเสียสละ ด้วยเหตุนี้ทำให้ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว

มาตราฐานสายพันธุ์

ลักษณะทั่วไป : ร็อทไวเลอร์ที่อยู่ในอุดมคติควรมีขนาดปานกลาง ล่ำและมีพลัง ความกระทัดรัดและโครงสร้างที่บึกบึนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความแข็งแรง สุนัขเพศผู้จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่าสุนัขเพศเมีย โดยที่เพศเมียแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย

ศีรษะ : ความยาวปานกลาง มองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย ขากรรไกรบนและล่างแข็งแรง หูขนาดปานกลาง ห้อยลง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่ตื่นตัวหูจะอยู่ในระดับเดียวกับส่วนบนของกะโหลก จมูกกว้างและมีสีดำ ลำตัวกว้างและลึกลงไปจนถึงข้อศอก หลังเหยียดตรงและแข็งแรง ชายกระเบนเหน็บสั้น ลึกและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางตัดสั้นเกือบชิดลำตัว

ส่วนหน้า : ระยะจากจุดสูงสุดถึงข้อศอกมีระยะเท่ากับข้อศอกถึงพื้นดิน ขาได้พัฒนาอย่างแข็งแรง ประกอบด้วยกระดูกที่ใหญ่และเหยียดตรง ฝ่าเท้าแข็งแรง มีสปริงและเกือบจะตั้งฉากกับพื้นดิน กลมและกระทัดรัด โค้งกำลังดี ไม่บิดเข้าหรือบิดออก อุ้งเท้าหนาและแข็ง เล็บเท้าสั้น แข็งแรง และมีสีดำ นิ้วติ่งควรจะตัดทิ้ง

ขน : ขนชั้นนอกเหยียดตรง แน่นและหยาบ ยาวปานกลางและเรียบ ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและตะโพก ส่วนขนจะหนาหรือบางขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศ

สี : ต้องมีสีดำโดยเสมอ โดยอาจจะมีมาร์คกิ้งสีสนิมหรือสีมาฮ็อกกานี มาร์คกิ้งที่ว่าอาจจะอยู่เหนือตาแต่ละข้างบริเวณแก้ม เป็นแถบอยู่ด้านข้างของปากเป็นต้น


8654


     ด้วยอกที่กว้างใหญ่ และร่างกายที่ปราศจากไขมันและมีแต่กล้ามเนื้อ ให้ความรู้สึกถึงพละกำลัง มันเป็นสุนัขที่อ่อนโยน ล่ำสัน แม้จะแลดูใหญ่โต แต่การย่างก้าวที่รวดเร็วทำให้วิ่งเร็วได้อย่างน่าทึ่ง สุนัขที่ทรหดอดทนจะคุ้นเคยกับการมีชีวิตอยู่นอกบ้าน และสามารถทนต่อทุกสภาพอากาศ

     สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์
เป็นสุนัขอารักขาที่น่าเกรงขาม เมื่อถูกฝึกให้ต่อสู้และโจมตี ก็จะทำอันตรายให้แก่ผู้บุกรุก แม้จะฝึกได้ไม่ยาก แต่ต้องมีเจ้านายที่มีวินัยเพื่อทำให้มันเคารพและเชื่อถือ ด้วยความเชื่อมั่นในพละกำลัง โดยธรรมชาติมันจะไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับภยันตรายที่จะเกิดขึ้น จะแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวโดยธรรมชาติ แต่จะไม่เป็นดังกล่าวกับเจ้านายหรือผู้คนในครอบครัว

     ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ร็อทไวเลอร์ได้ถูกเกณฑ์ให้เข้าประจำการในกองทัพบกของเยอรมัน และในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นสุนัขอารักขาให้กับโรงงานและสถานที่ประกอบการ ในประเทศออสเตรเลียมันถูกใช้ในราชการของกรมตำรวจ

    สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์ที่มีความตื่นตัวและเฉลียวฉลาดอย่างน่าทึ่ง สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่สอน การแสดงออกถึงความสงบเยือกเย็น ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญและเสียสละ ด้วยเหตุนี้ทำให้ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว

มาตราฐานสายพันธุ์

ลักษณะทั่วไป : ร็อทไวเลอร์ที่อยู่ในอุดมคติควรมีขนาดปานกลาง ล่ำและมีพลัง ความกระทัดรัดและโครงสร้างที่บึกบึนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความแข็งแรง สุนัขเพศผู้จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่าสุนัขเพศเมีย โดยที่เพศเมียแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย

ศีรษะ : ความยาวปานกลาง มองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย ขากรรไกรบนและล่างแข็งแรง หูขนาดปานกลาง ห้อยลง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่ตื่นตัวหูจะอยู่ในระดับเดียวกับส่วนบนของกะโหลก จมูกกว้างและมีสีดำ ลำตัวกว้างและลึกลงไปจนถึงข้อศอก หลังเหยียดตรงและแข็งแรง ชายกระเบนเหน็บสั้น ลึกและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางตัดสั้นเกือบชิดลำตัว

ส่วนหน้า : ระยะจากจุดสูงสุดถึงข้อศอกมีระยะเท่ากับข้อศอกถึงพื้นดิน ขาได้พัฒนาอย่างแข็งแรง ประกอบด้วยกระดูกที่ใหญ่และเหยียดตรง ฝ่าเท้าแข็งแรง มีสปริงและเกือบจะตั้งฉากกับพื้นดิน กลมและกระทัดรัด โค้งกำลังดี ไม่บิดเข้าหรือบิดออก อุ้งเท้าหนาและแข็ง เล็บเท้าสั้น แข็งแรง และมีสีดำ นิ้วติ่งควรจะตัดทิ้ง

ขน : ขนชั้นนอกเหยียดตรง แน่นและหยาบ ยาวปานกลางและเรียบ ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและตะโพก ส่วนขนจะหนาหรือบางขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศ

สี : ต้องมีสีดำโดยเสมอ โดยอาจจะมีมาร์คกิ้งสีสนิมหรือสีมาฮ็อกกานี มาร์คกิ้งที่ว่าอาจจะอยู่เหนือตาแต่ละข้างบริเวณแก้ม เป็นแถบอยู่ด้านข้างของปากเป็นต้น


8655


     ด้วยอกที่กว้างใหญ่ และร่างกายที่ปราศจากไขมันและมีแต่กล้ามเนื้อ ให้ความรู้สึกถึงพละกำลัง มันเป็นสุนัขที่อ่อนโยน ล่ำสัน แม้จะแลดูใหญ่โต แต่การย่างก้าวที่รวดเร็วทำให้วิ่งเร็วได้อย่างน่าทึ่ง สุนัขที่ทรหดอดทนจะคุ้นเคยกับการมีชีวิตอยู่นอกบ้าน และสามารถทนต่อทุกสภาพอากาศ

     สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์
เป็นสุนัขอารักขาที่น่าเกรงขาม เมื่อถูกฝึกให้ต่อสู้และโจมตี ก็จะทำอันตรายให้แก่ผู้บุกรุก แม้จะฝึกได้ไม่ยาก แต่ต้องมีเจ้านายที่มีวินัยเพื่อทำให้มันเคารพและเชื่อถือ ด้วยความเชื่อมั่นในพละกำลัง โดยธรรมชาติมันจะไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับภยันตรายที่จะเกิดขึ้น จะแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวโดยธรรมชาติ แต่จะไม่เป็นดังกล่าวกับเจ้านายหรือผู้คนในครอบครัว

     ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ร็อทไวเลอร์ได้ถูกเกณฑ์ให้เข้าประจำการในกองทัพบกของเยอรมัน และในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นสุนัขอารักขาให้กับโรงงานและสถานที่ประกอบการ ในประเทศออสเตรเลียมันถูกใช้ในราชการของกรมตำรวจ

    สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์ที่มีความตื่นตัวและเฉลียวฉลาดอย่างน่าทึ่ง สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่สอน การแสดงออกถึงความสงบเยือกเย็น ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญและเสียสละ ด้วยเหตุนี้ทำให้ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว

มาตราฐานสายพันธุ์

ลักษณะทั่วไป : ร็อทไวเลอร์ที่อยู่ในอุดมคติควรมีขนาดปานกลาง ล่ำและมีพลัง ความกระทัดรัดและโครงสร้างที่บึกบึนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความแข็งแรง สุนัขเพศผู้จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่าสุนัขเพศเมีย โดยที่เพศเมียแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย

ศีรษะ : ความยาวปานกลาง มองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย ขากรรไกรบนและล่างแข็งแรง หูขนาดปานกลาง ห้อยลง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่ตื่นตัวหูจะอยู่ในระดับเดียวกับส่วนบนของกะโหลก จมูกกว้างและมีสีดำ ลำตัวกว้างและลึกลงไปจนถึงข้อศอก หลังเหยียดตรงและแข็งแรง ชายกระเบนเหน็บสั้น ลึกและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางตัดสั้นเกือบชิดลำตัว

ส่วนหน้า : ระยะจากจุดสูงสุดถึงข้อศอกมีระยะเท่ากับข้อศอกถึงพื้นดิน ขาได้พัฒนาอย่างแข็งแรง ประกอบด้วยกระดูกที่ใหญ่และเหยียดตรง ฝ่าเท้าแข็งแรง มีสปริงและเกือบจะตั้งฉากกับพื้นดิน กลมและกระทัดรัด โค้งกำลังดี ไม่บิดเข้าหรือบิดออก อุ้งเท้าหนาและแข็ง เล็บเท้าสั้น แข็งแรง และมีสีดำ นิ้วติ่งควรจะตัดทิ้ง

ขน : ขนชั้นนอกเหยียดตรง แน่นและหยาบ ยาวปานกลางและเรียบ ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและตะโพก ส่วนขนจะหนาหรือบางขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศ

สี : ต้องมีสีดำโดยเสมอ โดยอาจจะมีมาร์คกิ้งสีสนิมหรือสีมาฮ็อกกานี มาร์คกิ้งที่ว่าอาจจะอยู่เหนือตาแต่ละข้างบริเวณแก้ม เป็นแถบอยู่ด้านข้างของปากเป็นต้น