แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

511
บริตทานีสแปเนียล (Brittany Spaniel)

         สายพันธุ์ บริตทานี เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อเมืองทางเหนือของประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นแหล่งกำเนิดของสายพันธุ์นี้ เป็นน้องหมาที่มีที่มาของสายพันธุ์ไม่เด่นชัด แต่ก็เป็นน้องหมาอีกสายพันธุ์ทีมีความน่าสนใจอีกสายพันธุ์หนึ่ง



ลักษณะทั่วไป

         บริตทานีสแปเนียล หรือ บริตทานี เป็นสุนัขล่าเหยื่อขนาดกลาง ขนหนาและสวยเด่นเป็นสง่า ขายาว แข็งแรง คล่องแคล่วว่องไว  อาจมีหางสั้นกุดหรือไม่มีหางก็ได้ สูงประมาณ 17-20 นิ้ว และหนักประมาณ 13-18 กิโลกรัมสีขนมีหลากหลาย เช่น สีส้มขาว สีแดงเลือดกับขาว สีดำขาว และบางทีมีสามสี มักถูกเลี้ยงอยู่ในชนบทเพื่อใช้ล่านก กระรอก และกระต่ายป่า บางที่เลี้ยงไว้ใช้ในการแข่งกีฬาล่าสัตว์ต่างๆ ชอบวิ่งเล่นในที่กว้าง ๆ อายุขัยประมาณ 12-14 ปี

ลักษณะนิสัย

         บริตทานีมีนิสัยร่าเริง ฉลาด รักสนุก รักอิสระ พลังงานเยอะ กระฉับกระเฉง ว่องไว ซื่อสัตย์ เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา บริตทานีเป็นสุนัขประเภทใช้ล่าเหยื่อจึงมีสัญชาตญาณในการล่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น นก กระรอก กระต่ายป่า ชอบพื้นที่กว้าง ๆ ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ มีทักษะในการหาตำแหน่งและกู้ภัย ต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายและจิตใจสมบูรณ์แข็งแรง



การดูแล

         สุนัขพันธุ์นี้ขนจะสั้นกว่าสุนัขล่าเหยื่อพันธุ์อื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องแปรงขนเป็นประจำ และไม่ควรใช้แปรงหมุดหรือแปรงสลิกเกอร์ในการแปรงขนให้บริตทานี แต่ต้องดูแลรักษาความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ บริตทานีมีความกระตือรือร้นสูง มีสามารถรอบด้าน และมีพลังงานเยอะ เลยต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน และต้องการพื้นที่กว้าง ๆ ไว้วิ่งเล่น

         บริตทานี เหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีความกระตือรือร้น และ แข็งแรง พร้อมที่จะบุกป่าผ่าดงไปกับเขาได้ หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบเกมส์กีฬาล่าสัตว์ บริตทานีนั้นไม่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในอพาร์ตเม้นท์ เพราะพวกเขานั้นเป็นน้องหมาที่รักอิสระ และต้องการพื้น ไว้วิ่งเล่นและล่าสัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ ควรเลี้ยงไว้นอกบ้านมากกว่าในบ้าน สามารถเลี้ยงไว้กับเด็กเล็กได้ เพราะเขาสามารถเข้ากับเด็กได้ดี ผู้เลี้ยงที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่แนะนำให้เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้

ข้อควรจำ

         โดยปกติแล้ว สุนัขพันธุ์บริตทานีเป็นสุนัขที่แข็งแรง แต่ควรระวังเรื่องการติดเชื้อตา และความผิดปกติของสะโพก แม้บริตทานีจะเข้ากับเด็กได้ดี แต่เขาก็เป็นสุนัขที่มีพลังงานเหลือเฟือ หากเลี้ยงไว้กับเด็กต้องคอยระวังไม่ให้เขาเล่นแรงกับเด็กเกินไปควรที่จะมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยข้าง ๆ เสมอ เพื่อป้องกันไว้ก่อน และเมื่อถึงกำหนดการฉีดวัคซีนก็จะต้องพาไปรับให้ตรงกำหนด เพื่อสุขภาพของน้องหมาตัวเก่งของเรานั่นเอง






512
บริตทานีสแปเนียล (Brittany Spaniel)

         สายพันธุ์ บริตทานี เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อเมืองทางเหนือของประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นแหล่งกำเนิดของสายพันธุ์นี้ เป็นน้องหมาที่มีที่มาของสายพันธุ์ไม่เด่นชัด แต่ก็เป็นน้องหมาอีกสายพันธุ์ทีมีความน่าสนใจอีกสายพันธุ์หนึ่ง



ลักษณะทั่วไป

         บริตทานีสแปเนียล หรือ บริตทานี เป็นสุนัขล่าเหยื่อขนาดกลาง ขนหนาและสวยเด่นเป็นสง่า ขายาว แข็งแรง คล่องแคล่วว่องไว  อาจมีหางสั้นกุดหรือไม่มีหางก็ได้ สูงประมาณ 17-20 นิ้ว และหนักประมาณ 13-18 กิโลกรัมสีขนมีหลากหลาย เช่น สีส้มขาว สีแดงเลือดกับขาว สีดำขาว และบางทีมีสามสี มักถูกเลี้ยงอยู่ในชนบทเพื่อใช้ล่านก กระรอก และกระต่ายป่า บางที่เลี้ยงไว้ใช้ในการแข่งกีฬาล่าสัตว์ต่างๆ ชอบวิ่งเล่นในที่กว้าง ๆ อายุขัยประมาณ 12-14 ปี

ลักษณะนิสัย

         บริตทานีมีนิสัยร่าเริง ฉลาด รักสนุก รักอิสระ พลังงานเยอะ กระฉับกระเฉง ว่องไว ซื่อสัตย์ เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา บริตทานีเป็นสุนัขประเภทใช้ล่าเหยื่อจึงมีสัญชาตญาณในการล่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น นก กระรอก กระต่ายป่า ชอบพื้นที่กว้าง ๆ ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ มีทักษะในการหาตำแหน่งและกู้ภัย ต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายและจิตใจสมบูรณ์แข็งแรง



การดูแล

         สุนัขพันธุ์นี้ขนจะสั้นกว่าสุนัขล่าเหยื่อพันธุ์อื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องแปรงขนเป็นประจำ และไม่ควรใช้แปรงหมุดหรือแปรงสลิกเกอร์ในการแปรงขนให้บริตทานี แต่ต้องดูแลรักษาความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ บริตทานีมีความกระตือรือร้นสูง มีสามารถรอบด้าน และมีพลังงานเยอะ เลยต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน และต้องการพื้นที่กว้าง ๆ ไว้วิ่งเล่น

         บริตทานี เหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีความกระตือรือร้น และ แข็งแรง พร้อมที่จะบุกป่าผ่าดงไปกับเขาได้ หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบเกมส์กีฬาล่าสัตว์ บริตทานีนั้นไม่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในอพาร์ตเม้นท์ เพราะพวกเขานั้นเป็นน้องหมาที่รักอิสระ และต้องการพื้น ไว้วิ่งเล่นและล่าสัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ ควรเลี้ยงไว้นอกบ้านมากกว่าในบ้าน สามารถเลี้ยงไว้กับเด็กเล็กได้ เพราะเขาสามารถเข้ากับเด็กได้ดี ผู้เลี้ยงที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่แนะนำให้เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้

ข้อควรจำ

         โดยปกติแล้ว สุนัขพันธุ์บริตทานีเป็นสุนัขที่แข็งแรง แต่ควรระวังเรื่องการติดเชื้อตา และความผิดปกติของสะโพก แม้บริตทานีจะเข้ากับเด็กได้ดี แต่เขาก็เป็นสุนัขที่มีพลังงานเหลือเฟือ หากเลี้ยงไว้กับเด็กต้องคอยระวังไม่ให้เขาเล่นแรงกับเด็กเกินไปควรที่จะมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยข้าง ๆ เสมอ เพื่อป้องกันไว้ก่อน และเมื่อถึงกำหนดการฉีดวัคซีนก็จะต้องพาไปรับให้ตรงกำหนด เพื่อสุขภาพของน้องหมาตัวเก่งของเรานั่นเอง






513
สกาย เทอร์เรีย (Skye Terrier) น้องหมานิสัยดี ช่างประจบ

          สกาย เทอร์เรียเป็นน้องหมาสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่สกอตแลนด์ มักถูกเลี้ยงไว้ใช้งานล่าสัตว์ สกาย เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ผูกพันกับมนุษย์มาเป็นเวลานานหลายร้อยปี เนื่องจากเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ขี้เล่น สดใส สนุกสนานร่าเริง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสกายเพิ่มขึ้นกัน



ลักษณะทั่วไป

          สกาย เทอร์เรียเป็นน้องหมาเป็นพันธุ์เตี้ย สูงแค่ 8.5 ถึง 10 นิ้วที่มีความเก่าแก่มากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ที่มีความน่ารักเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกเขามีขนยาวปิดหน้า ทั่วจรดปลายขน และขนยาวปกลงมาจากหูที่ตั้งขึ้น เหมือนมีผ้าแพรคลุมลงมาจากใบหู สีขนมีหลายสีหลายเชด ไม่ว่าจะสีดำ สีน้ำเงิน สีเทาอ่อน ๆ สีเทาเข้ม มีลำตัวยาวกว่าส่วนสูงซึ่งสูงเพียง 25 เซนติเมตร มีอายุเฉลี่ย 12-14 ปี

ลักษณะนิสัย

          สกาย เทอร์เรีย เป็นน้องหมานิสัยดี ชอบที่จะประจบเอาใจเจ้าของและเป็นที่รักของครอบครัว ขี้เล่น สดใส สนุกสนานร่าเริง แต่สกาย เทอร์เรียก็ยังเป็นนน้องหมาสายพันธุ์เทอร์เรีย จึงมีสัญชาตญาณของความเป็นนักล่าสูง ชอบไล่จับสัตว์ตัวเล็ก ๆ และคอยเห่าเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

การดูแล

          สกาย เทอร์เรีย เป็นน้องหมาที่ดูเหมือนจะดูแลขนยาก แต่จริง ๆ แล้วการดูแลเส้นขนไม่ยากเลยเพียงแค่ควรได้รับการแปรงขนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือทุกวัน ขนของน้องนั้นไม่จำเป็นต้องตัดขนเพราะขนของสกาย เทอร์เรียมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว
นอกจากนี้ควรทำความสะอาดหูเป็นประจำป้องกันการสะสมของไขมันและสิ่งสกปรกที่บริเวณใบหู ส่วนการออกกำลังกายควรพาพวกเขาไปเดินเล่นเป็นประทุกวัน การเล่นเกม ทำกิจกรรมเป็นสิ่งที่พวกเขาโปรดปราน  ควรมีพื้นที่บ้านให้พวกเขาได้วิ่งเล่น มีเวลาว่างพอจะพาไปออกกำลังกาย ชอบความตื่นตัวสดใส มีเวลาอยู่กับน้องหมาไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่เองตามลำพัง และมีพลังงานที่มั่นคง เพื่อไม่ให้พวกเขามีพฤติกรรมก้าวร้าว เอาแต่ใจ



ข้อควรจำ

          มีแนวโน้มเกิดปัญหาเกี่ยวโรคตา เช่น ต้อหิน ฯลฯ ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ปัญหาในการแข็งของเลือด หากมีบาดแผลเลือดจะหยุดยาก นอกจากนี้ยังมีโรคภูมิแพ้ และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เจ้าของจึงต้องหมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

          สำหรับใครที่กำลังอยากจะเลี้ยงสกาย ทรอเรีย ก็ควรที่จะทำความเข้าใจกับสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น และควรที่จะจัดสรรเวลาเพื่อน้องด้วยเพื่อจะได้ไม่รู้สึกว่าการเลี้ยงน้องนั้นเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น หรือคุณไม่มีเวลาเพียงพอที่จะแบ่งให้กับน้องนั่นเองเพราะสำหรับสายพันธุ์นี้ออาจไม่ค่อยเหมาะสมสำหรับ คนที่ขาดความอดทน หรือคนที่ไม่ชอบสุนัขที่ต้องคอยดูแลรักษาขนอยู่ตลอดเวลา



514
สกาย เทอร์เรีย (Skye Terrier) น้องหมานิสัยดี ช่างประจบ

          สกาย เทอร์เรียเป็นน้องหมาสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่สกอตแลนด์ มักถูกเลี้ยงไว้ใช้งานล่าสัตว์ สกาย เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ผูกพันกับมนุษย์มาเป็นเวลานานหลายร้อยปี เนื่องจากเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ขี้เล่น สดใส สนุกสนานร่าเริง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสกายเพิ่มขึ้นกัน



ลักษณะทั่วไป

          สกาย เทอร์เรียเป็นน้องหมาเป็นพันธุ์เตี้ย สูงแค่ 8.5 ถึง 10 นิ้วที่มีความเก่าแก่มากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ที่มีความน่ารักเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกเขามีขนยาวปิดหน้า ทั่วจรดปลายขน และขนยาวปกลงมาจากหูที่ตั้งขึ้น เหมือนมีผ้าแพรคลุมลงมาจากใบหู สีขนมีหลายสีหลายเชด ไม่ว่าจะสีดำ สีน้ำเงิน สีเทาอ่อน ๆ สีเทาเข้ม มีลำตัวยาวกว่าส่วนสูงซึ่งสูงเพียง 25 เซนติเมตร มีอายุเฉลี่ย 12-14 ปี

ลักษณะนิสัย

          สกาย เทอร์เรีย เป็นน้องหมานิสัยดี ชอบที่จะประจบเอาใจเจ้าของและเป็นที่รักของครอบครัว ขี้เล่น สดใส สนุกสนานร่าเริง แต่สกาย เทอร์เรียก็ยังเป็นนน้องหมาสายพันธุ์เทอร์เรีย จึงมีสัญชาตญาณของความเป็นนักล่าสูง ชอบไล่จับสัตว์ตัวเล็ก ๆ และคอยเห่าเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

การดูแล

          สกาย เทอร์เรีย เป็นน้องหมาที่ดูเหมือนจะดูแลขนยาก แต่จริง ๆ แล้วการดูแลเส้นขนไม่ยากเลยเพียงแค่ควรได้รับการแปรงขนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือทุกวัน ขนของน้องนั้นไม่จำเป็นต้องตัดขนเพราะขนของสกาย เทอร์เรียมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว
นอกจากนี้ควรทำความสะอาดหูเป็นประจำป้องกันการสะสมของไขมันและสิ่งสกปรกที่บริเวณใบหู ส่วนการออกกำลังกายควรพาพวกเขาไปเดินเล่นเป็นประทุกวัน การเล่นเกม ทำกิจกรรมเป็นสิ่งที่พวกเขาโปรดปราน  ควรมีพื้นที่บ้านให้พวกเขาได้วิ่งเล่น มีเวลาว่างพอจะพาไปออกกำลังกาย ชอบความตื่นตัวสดใส มีเวลาอยู่กับน้องหมาไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่เองตามลำพัง และมีพลังงานที่มั่นคง เพื่อไม่ให้พวกเขามีพฤติกรรมก้าวร้าว เอาแต่ใจ



ข้อควรจำ

          มีแนวโน้มเกิดปัญหาเกี่ยวโรคตา เช่น ต้อหิน ฯลฯ ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ปัญหาในการแข็งของเลือด หากมีบาดแผลเลือดจะหยุดยาก นอกจากนี้ยังมีโรคภูมิแพ้ และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เจ้าของจึงต้องหมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

          สำหรับใครที่กำลังอยากจะเลี้ยงสกาย ทรอเรีย ก็ควรที่จะทำความเข้าใจกับสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น และควรที่จะจัดสรรเวลาเพื่อน้องด้วยเพื่อจะได้ไม่รู้สึกว่าการเลี้ยงน้องนั้นเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น หรือคุณไม่มีเวลาเพียงพอที่จะแบ่งให้กับน้องนั่นเองเพราะสำหรับสายพันธุ์นี้ออาจไม่ค่อยเหมาะสมสำหรับ คนที่ขาดความอดทน หรือคนที่ไม่ชอบสุนัขที่ต้องคอยดูแลรักษาขนอยู่ตลอดเวลา



515
สกาย เทอร์เรีย (Skye Terrier) น้องหมานิสัยดี ช่างประจบ

          สกาย เทอร์เรียเป็นน้องหมาสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่สกอตแลนด์ มักถูกเลี้ยงไว้ใช้งานล่าสัตว์ สกาย เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ผูกพันกับมนุษย์มาเป็นเวลานานหลายร้อยปี เนื่องจากเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ขี้เล่น สดใส สนุกสนานร่าเริง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสกายเพิ่มขึ้นกัน



ลักษณะทั่วไป

          สกาย เทอร์เรียเป็นน้องหมาเป็นพันธุ์เตี้ย สูงแค่ 8.5 ถึง 10 นิ้วที่มีความเก่าแก่มากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ที่มีความน่ารักเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกเขามีขนยาวปิดหน้า ทั่วจรดปลายขน และขนยาวปกลงมาจากหูที่ตั้งขึ้น เหมือนมีผ้าแพรคลุมลงมาจากใบหู สีขนมีหลายสีหลายเชด ไม่ว่าจะสีดำ สีน้ำเงิน สีเทาอ่อน ๆ สีเทาเข้ม มีลำตัวยาวกว่าส่วนสูงซึ่งสูงเพียง 25 เซนติเมตร มีอายุเฉลี่ย 12-14 ปี

ลักษณะนิสัย

          สกาย เทอร์เรีย เป็นน้องหมานิสัยดี ชอบที่จะประจบเอาใจเจ้าของและเป็นที่รักของครอบครัว ขี้เล่น สดใส สนุกสนานร่าเริง แต่สกาย เทอร์เรียก็ยังเป็นนน้องหมาสายพันธุ์เทอร์เรีย จึงมีสัญชาตญาณของความเป็นนักล่าสูง ชอบไล่จับสัตว์ตัวเล็ก ๆ และคอยเห่าเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

การดูแล

          สกาย เทอร์เรีย เป็นน้องหมาที่ดูเหมือนจะดูแลขนยาก แต่จริง ๆ แล้วการดูแลเส้นขนไม่ยากเลยเพียงแค่ควรได้รับการแปรงขนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือทุกวัน ขนของน้องนั้นไม่จำเป็นต้องตัดขนเพราะขนของสกาย เทอร์เรียมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว
นอกจากนี้ควรทำความสะอาดหูเป็นประจำป้องกันการสะสมของไขมันและสิ่งสกปรกที่บริเวณใบหู ส่วนการออกกำลังกายควรพาพวกเขาไปเดินเล่นเป็นประทุกวัน การเล่นเกม ทำกิจกรรมเป็นสิ่งที่พวกเขาโปรดปราน  ควรมีพื้นที่บ้านให้พวกเขาได้วิ่งเล่น มีเวลาว่างพอจะพาไปออกกำลังกาย ชอบความตื่นตัวสดใส มีเวลาอยู่กับน้องหมาไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่เองตามลำพัง และมีพลังงานที่มั่นคง เพื่อไม่ให้พวกเขามีพฤติกรรมก้าวร้าว เอาแต่ใจ



ข้อควรจำ

          มีแนวโน้มเกิดปัญหาเกี่ยวโรคตา เช่น ต้อหิน ฯลฯ ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ปัญหาในการแข็งของเลือด หากมีบาดแผลเลือดจะหยุดยาก นอกจากนี้ยังมีโรคภูมิแพ้ และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เจ้าของจึงต้องหมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

          สำหรับใครที่กำลังอยากจะเลี้ยงสกาย ทรอเรีย ก็ควรที่จะทำความเข้าใจกับสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น และควรที่จะจัดสรรเวลาเพื่อน้องด้วยเพื่อจะได้ไม่รู้สึกว่าการเลี้ยงน้องนั้นเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น หรือคุณไม่มีเวลาเพียงพอที่จะแบ่งให้กับน้องนั่นเองเพราะสำหรับสายพันธุ์นี้ออาจไม่ค่อยเหมาะสมสำหรับ คนที่ขาดความอดทน หรือคนที่ไม่ชอบสุนัขที่ต้องคอยดูแลรักษาขนอยู่ตลอดเวลา



516
สกาย เทอร์เรีย (Skye Terrier) น้องหมานิสัยดี ช่างประจบ

          สกาย เทอร์เรียเป็นน้องหมาสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่สกอตแลนด์ มักถูกเลี้ยงไว้ใช้งานล่าสัตว์ สกาย เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ผูกพันกับมนุษย์มาเป็นเวลานานหลายร้อยปี เนื่องจากเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ขี้เล่น สดใส สนุกสนานร่าเริง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสกายเพิ่มขึ้นกัน



ลักษณะทั่วไป

          สกาย เทอร์เรียเป็นน้องหมาเป็นพันธุ์เตี้ย สูงแค่ 8.5 ถึง 10 นิ้วที่มีความเก่าแก่มากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ที่มีความน่ารักเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกเขามีขนยาวปิดหน้า ทั่วจรดปลายขน และขนยาวปกลงมาจากหูที่ตั้งขึ้น เหมือนมีผ้าแพรคลุมลงมาจากใบหู สีขนมีหลายสีหลายเชด ไม่ว่าจะสีดำ สีน้ำเงิน สีเทาอ่อน ๆ สีเทาเข้ม มีลำตัวยาวกว่าส่วนสูงซึ่งสูงเพียง 25 เซนติเมตร มีอายุเฉลี่ย 12-14 ปี

ลักษณะนิสัย

          สกาย เทอร์เรีย เป็นน้องหมานิสัยดี ชอบที่จะประจบเอาใจเจ้าของและเป็นที่รักของครอบครัว ขี้เล่น สดใส สนุกสนานร่าเริง แต่สกาย เทอร์เรียก็ยังเป็นนน้องหมาสายพันธุ์เทอร์เรีย จึงมีสัญชาตญาณของความเป็นนักล่าสูง ชอบไล่จับสัตว์ตัวเล็ก ๆ และคอยเห่าเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

การดูแล

          สกาย เทอร์เรีย เป็นน้องหมาที่ดูเหมือนจะดูแลขนยาก แต่จริง ๆ แล้วการดูแลเส้นขนไม่ยากเลยเพียงแค่ควรได้รับการแปรงขนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือทุกวัน ขนของน้องนั้นไม่จำเป็นต้องตัดขนเพราะขนของสกาย เทอร์เรียมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว
นอกจากนี้ควรทำความสะอาดหูเป็นประจำป้องกันการสะสมของไขมันและสิ่งสกปรกที่บริเวณใบหู ส่วนการออกกำลังกายควรพาพวกเขาไปเดินเล่นเป็นประทุกวัน การเล่นเกม ทำกิจกรรมเป็นสิ่งที่พวกเขาโปรดปราน  ควรมีพื้นที่บ้านให้พวกเขาได้วิ่งเล่น มีเวลาว่างพอจะพาไปออกกำลังกาย ชอบความตื่นตัวสดใส มีเวลาอยู่กับน้องหมาไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่เองตามลำพัง และมีพลังงานที่มั่นคง เพื่อไม่ให้พวกเขามีพฤติกรรมก้าวร้าว เอาแต่ใจ



ข้อควรจำ

          มีแนวโน้มเกิดปัญหาเกี่ยวโรคตา เช่น ต้อหิน ฯลฯ ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ปัญหาในการแข็งของเลือด หากมีบาดแผลเลือดจะหยุดยาก นอกจากนี้ยังมีโรคภูมิแพ้ และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เจ้าของจึงต้องหมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

          สำหรับใครที่กำลังอยากจะเลี้ยงสกาย ทรอเรีย ก็ควรที่จะทำความเข้าใจกับสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น และควรที่จะจัดสรรเวลาเพื่อน้องด้วยเพื่อจะได้ไม่รู้สึกว่าการเลี้ยงน้องนั้นเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น หรือคุณไม่มีเวลาเพียงพอที่จะแบ่งให้กับน้องนั่นเองเพราะสำหรับสายพันธุ์นี้ออาจไม่ค่อยเหมาะสมสำหรับ คนที่ขาดความอดทน หรือคนที่ไม่ชอบสุนัขที่ต้องคอยดูแลรักษาขนอยู่ตลอดเวลา



517
เยอรมัน สปิตซ์ (German Spitz)

          สุนัข spitz จริง ๆ แล้วมีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกัน เช่น Japanese spitz , Finnish Spitz ,German Spitz แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเราที่สุดคือ Japanese spitz และเมื่อสังเกตก็จะเห็นว่าหน้าตาของเจ้าน้องหมาสายพันธุ์สปิตซ์นั้นเหมือนเจ้า Samoyed ทุกอย่าง เพียงแต่ว่าขนาดเล็กลงมาเท่านั้นเอง วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับสปิตช์อีกสายพันธุ์นั่นก็คือ เยอรมัน สปิตซ์ นั่นเอง



ลักษณะทั่วไป

          เยอรมัน สปิตซ์ เป็นสุนัขที่มีขนาดกลางจนถึงขนาดเล็ก มีรูปร่างและใบหน้าคล้ายกับสุนัขสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน แต่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า ขนมีลักษณะยาวหนาและมักจะเป็นสีขาว หูตั้งและหน้ายื่น หางมักจะม้วนกลับขึ้นไปที่หลังของสุนัข มีนิสัยร่าเริง ฉลาด และขี้เล่น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และเชื่อฟังเจ้าของ อาจจะเห่าเก่ง

ลักษณะนิสัย

          มีนิสัยร่าเริง ฉลาด และขี้เล่น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นสุนัขที่เลี้ยงในครอบครัวที่มีเด็กได้ รักความเป็นอิสระ รวมถึงมีสัญชาติญาณในการเตือนภัยให้เจ้าของเมื่อมันรู้สึกว่ามีอันตราย หรือมีคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ มันจะทำตัวเป็นยามปกป้องบ้านอยู่เสมอ และเป็นสุนัขที่ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเสียงเห่า เพราะมันจะเห่าเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ แต่จะส่งเสียงครวญครางเบา ๆ เมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย และเป็นสุนัขที่รักความสะอาด จะชอบเลียทำความสะอาดขนของตัวเองเสมอ

การดูแล

          สุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสองชั้น จึงต้องได้รับการแปรงหรือหวีอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่มีความจำเป็นจะต้องพาไปตัดขน เจ้าสปิตซ์เป็นหมาที่รักสะอาดมาก อาจจะไม่ต้องอาบน้ำบ่อยนักในหน้าผลัดขนที่จะผลัดปีละ 2 ครั้ง ขนของสุนัขพันธุ์นี้จะร่วงค่อนข้างเยอะจึงต้องคอยดูแลเรื่องขนมากเป็นพิเศษ ต้องระวังขนเป็นสังกะตัง ส่วนเรื่องการแปรงฟันก็ควรใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขทำความสะอาดฟันเป็นประจำเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ตัดเล็บ และดูแลดวงตาให้สะอาดเสมอ

          ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องมีเวลา ดูแลเรื่องขนของและมีเวลาพาพวกเขาออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เพราะเยอรมัน สปิตซ์ เป็นสุนัขที่พลังงานปานกลาง ในแต่ละวันควรให้โอกาสได้วิ่งเล่น หรือทำกิจกรรม ฝึกทักษะ คำสั่งต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าและความน่ารักให้เขาบ้าง

ข้อควรจำ

          เยอรมัน สปิตซ์ ปัญหาเรื่องสุขภาพที่เจ้าของนั้นต้องเน้น และควรระวังเป็นพิเศษ ก็จะเป็นพวกโรคลมชัก โรคสะบ้าเคลื่อน โรคจอประสาทตาเสื่อม จึงควรพาไปตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำและต้องควรรับวัคซีนให้ครบ เพื่อสุขภาพของน้องนั่นเองดังนั้นหากคุณไม่มีเวลาที่จะดูแลหรือเวลาที่จะพาน้อง ๆ ออกไปออกกำลังกาย ก็แนะนำว่าควร


518
เยอรมัน สปิตซ์ (German Spitz)

          สุนัข spitz จริง ๆ แล้วมีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกัน เช่น Japanese spitz , Finnish Spitz ,German Spitz แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเราที่สุดคือ Japanese spitz และเมื่อสังเกตก็จะเห็นว่าหน้าตาของเจ้าน้องหมาสายพันธุ์สปิตซ์นั้นเหมือนเจ้า Samoyed ทุกอย่าง เพียงแต่ว่าขนาดเล็กลงมาเท่านั้นเอง วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับสปิตช์อีกสายพันธุ์นั่นก็คือ เยอรมัน สปิตซ์ นั่นเอง



ลักษณะทั่วไป

          เยอรมัน สปิตซ์ เป็นสุนัขที่มีขนาดกลางจนถึงขนาดเล็ก มีรูปร่างและใบหน้าคล้ายกับสุนัขสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน แต่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า ขนมีลักษณะยาวหนาและมักจะเป็นสีขาว หูตั้งและหน้ายื่น หางมักจะม้วนกลับขึ้นไปที่หลังของสุนัข มีนิสัยร่าเริง ฉลาด และขี้เล่น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และเชื่อฟังเจ้าของ อาจจะเห่าเก่ง

ลักษณะนิสัย

          มีนิสัยร่าเริง ฉลาด และขี้เล่น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นสุนัขที่เลี้ยงในครอบครัวที่มีเด็กได้ รักความเป็นอิสระ รวมถึงมีสัญชาติญาณในการเตือนภัยให้เจ้าของเมื่อมันรู้สึกว่ามีอันตราย หรือมีคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ มันจะทำตัวเป็นยามปกป้องบ้านอยู่เสมอ และเป็นสุนัขที่ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเสียงเห่า เพราะมันจะเห่าเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ แต่จะส่งเสียงครวญครางเบา ๆ เมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย และเป็นสุนัขที่รักความสะอาด จะชอบเลียทำความสะอาดขนของตัวเองเสมอ

การดูแล

          สุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสองชั้น จึงต้องได้รับการแปรงหรือหวีอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่มีความจำเป็นจะต้องพาไปตัดขน เจ้าสปิตซ์เป็นหมาที่รักสะอาดมาก อาจจะไม่ต้องอาบน้ำบ่อยนักในหน้าผลัดขนที่จะผลัดปีละ 2 ครั้ง ขนของสุนัขพันธุ์นี้จะร่วงค่อนข้างเยอะจึงต้องคอยดูแลเรื่องขนมากเป็นพิเศษ ต้องระวังขนเป็นสังกะตัง ส่วนเรื่องการแปรงฟันก็ควรใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขทำความสะอาดฟันเป็นประจำเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ตัดเล็บ และดูแลดวงตาให้สะอาดเสมอ

          ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องมีเวลา ดูแลเรื่องขนของและมีเวลาพาพวกเขาออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เพราะเยอรมัน สปิตซ์ เป็นสุนัขที่พลังงานปานกลาง ในแต่ละวันควรให้โอกาสได้วิ่งเล่น หรือทำกิจกรรม ฝึกทักษะ คำสั่งต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าและความน่ารักให้เขาบ้าง

ข้อควรจำ

          เยอรมัน สปิตซ์ ปัญหาเรื่องสุขภาพที่เจ้าของนั้นต้องเน้น และควรระวังเป็นพิเศษ ก็จะเป็นพวกโรคลมชัก โรคสะบ้าเคลื่อน โรคจอประสาทตาเสื่อม จึงควรพาไปตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำและต้องควรรับวัคซีนให้ครบ เพื่อสุขภาพของน้องนั่นเองดังนั้นหากคุณไม่มีเวลาที่จะดูแลหรือเวลาที่จะพาน้อง ๆ ออกไปออกกำลังกาย ก็แนะนำว่าควร


519
เยอรมัน สปิตซ์ (German Spitz)

          สุนัข spitz จริง ๆ แล้วมีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกัน เช่น Japanese spitz , Finnish Spitz ,German Spitz แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเราที่สุดคือ Japanese spitz และเมื่อสังเกตก็จะเห็นว่าหน้าตาของเจ้าน้องหมาสายพันธุ์สปิตซ์นั้นเหมือนเจ้า Samoyed ทุกอย่าง เพียงแต่ว่าขนาดเล็กลงมาเท่านั้นเอง วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับสปิตช์อีกสายพันธุ์นั่นก็คือ เยอรมัน สปิตซ์ นั่นเอง



ลักษณะทั่วไป

          เยอรมัน สปิตซ์ เป็นสุนัขที่มีขนาดกลางจนถึงขนาดเล็ก มีรูปร่างและใบหน้าคล้ายกับสุนัขสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน แต่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า ขนมีลักษณะยาวหนาและมักจะเป็นสีขาว หูตั้งและหน้ายื่น หางมักจะม้วนกลับขึ้นไปที่หลังของสุนัข มีนิสัยร่าเริง ฉลาด และขี้เล่น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และเชื่อฟังเจ้าของ อาจจะเห่าเก่ง

ลักษณะนิสัย

          มีนิสัยร่าเริง ฉลาด และขี้เล่น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นสุนัขที่เลี้ยงในครอบครัวที่มีเด็กได้ รักความเป็นอิสระ รวมถึงมีสัญชาติญาณในการเตือนภัยให้เจ้าของเมื่อมันรู้สึกว่ามีอันตราย หรือมีคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ มันจะทำตัวเป็นยามปกป้องบ้านอยู่เสมอ และเป็นสุนัขที่ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเสียงเห่า เพราะมันจะเห่าเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ แต่จะส่งเสียงครวญครางเบา ๆ เมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย และเป็นสุนัขที่รักความสะอาด จะชอบเลียทำความสะอาดขนของตัวเองเสมอ

การดูแล

          สุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสองชั้น จึงต้องได้รับการแปรงหรือหวีอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่มีความจำเป็นจะต้องพาไปตัดขน เจ้าสปิตซ์เป็นหมาที่รักสะอาดมาก อาจจะไม่ต้องอาบน้ำบ่อยนักในหน้าผลัดขนที่จะผลัดปีละ 2 ครั้ง ขนของสุนัขพันธุ์นี้จะร่วงค่อนข้างเยอะจึงต้องคอยดูแลเรื่องขนมากเป็นพิเศษ ต้องระวังขนเป็นสังกะตัง ส่วนเรื่องการแปรงฟันก็ควรใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขทำความสะอาดฟันเป็นประจำเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ตัดเล็บ และดูแลดวงตาให้สะอาดเสมอ

          ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องมีเวลา ดูแลเรื่องขนของและมีเวลาพาพวกเขาออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เพราะเยอรมัน สปิตซ์ เป็นสุนัขที่พลังงานปานกลาง ในแต่ละวันควรให้โอกาสได้วิ่งเล่น หรือทำกิจกรรม ฝึกทักษะ คำสั่งต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าและความน่ารักให้เขาบ้าง

ข้อควรจำ

          เยอรมัน สปิตซ์ ปัญหาเรื่องสุขภาพที่เจ้าของนั้นต้องเน้น และควรระวังเป็นพิเศษ ก็จะเป็นพวกโรคลมชัก โรคสะบ้าเคลื่อน โรคจอประสาทตาเสื่อม จึงควรพาไปตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำและต้องควรรับวัคซีนให้ครบ เพื่อสุขภาพของน้องนั่นเองดังนั้นหากคุณไม่มีเวลาที่จะดูแลหรือเวลาที่จะพาน้อง ๆ ออกไปออกกำลังกาย ก็แนะนำว่าควร


520
เยอรมัน สปิตซ์ (German Spitz)

          สุนัข spitz จริง ๆ แล้วมีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกัน เช่น Japanese spitz , Finnish Spitz ,German Spitz แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเราที่สุดคือ Japanese spitz และเมื่อสังเกตก็จะเห็นว่าหน้าตาของเจ้าน้องหมาสายพันธุ์สปิตซ์นั้นเหมือนเจ้า Samoyed ทุกอย่าง เพียงแต่ว่าขนาดเล็กลงมาเท่านั้นเอง วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับสปิตช์อีกสายพันธุ์นั่นก็คือ เยอรมัน สปิตซ์ นั่นเอง



ลักษณะทั่วไป

          เยอรมัน สปิตซ์ เป็นสุนัขที่มีขนาดกลางจนถึงขนาดเล็ก มีรูปร่างและใบหน้าคล้ายกับสุนัขสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน แต่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า ขนมีลักษณะยาวหนาและมักจะเป็นสีขาว หูตั้งและหน้ายื่น หางมักจะม้วนกลับขึ้นไปที่หลังของสุนัข มีนิสัยร่าเริง ฉลาด และขี้เล่น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และเชื่อฟังเจ้าของ อาจจะเห่าเก่ง

ลักษณะนิสัย

          มีนิสัยร่าเริง ฉลาด และขี้เล่น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นสุนัขที่เลี้ยงในครอบครัวที่มีเด็กได้ รักความเป็นอิสระ รวมถึงมีสัญชาติญาณในการเตือนภัยให้เจ้าของเมื่อมันรู้สึกว่ามีอันตราย หรือมีคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ มันจะทำตัวเป็นยามปกป้องบ้านอยู่เสมอ และเป็นสุนัขที่ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเสียงเห่า เพราะมันจะเห่าเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ แต่จะส่งเสียงครวญครางเบา ๆ เมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย และเป็นสุนัขที่รักความสะอาด จะชอบเลียทำความสะอาดขนของตัวเองเสมอ

การดูแล

          สุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสองชั้น จึงต้องได้รับการแปรงหรือหวีอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่มีความจำเป็นจะต้องพาไปตัดขน เจ้าสปิตซ์เป็นหมาที่รักสะอาดมาก อาจจะไม่ต้องอาบน้ำบ่อยนักในหน้าผลัดขนที่จะผลัดปีละ 2 ครั้ง ขนของสุนัขพันธุ์นี้จะร่วงค่อนข้างเยอะจึงต้องคอยดูแลเรื่องขนมากเป็นพิเศษ ต้องระวังขนเป็นสังกะตัง ส่วนเรื่องการแปรงฟันก็ควรใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขทำความสะอาดฟันเป็นประจำเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ตัดเล็บ และดูแลดวงตาให้สะอาดเสมอ

          ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องมีเวลา ดูแลเรื่องขนของและมีเวลาพาพวกเขาออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เพราะเยอรมัน สปิตซ์ เป็นสุนัขที่พลังงานปานกลาง ในแต่ละวันควรให้โอกาสได้วิ่งเล่น หรือทำกิจกรรม ฝึกทักษะ คำสั่งต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าและความน่ารักให้เขาบ้าง

ข้อควรจำ

          เยอรมัน สปิตซ์ ปัญหาเรื่องสุขภาพที่เจ้าของนั้นต้องเน้น และควรระวังเป็นพิเศษ ก็จะเป็นพวกโรคลมชัก โรคสะบ้าเคลื่อน โรคจอประสาทตาเสื่อม จึงควรพาไปตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำและต้องควรรับวัคซีนให้ครบ เพื่อสุขภาพของน้องนั่นเองดังนั้นหากคุณไม่มีเวลาที่จะดูแลหรือเวลาที่จะพาน้อง ๆ ออกไปออกกำลังกาย ก็แนะนำว่าควร


521
7 วิธีรับมืออาการกลัวเสียงดัง

          ปัญหาของคนเลี้ยงสุนัขนั่นก็คือ อาการน้องหมาที่เลี้ยงไว้นั้นกลัวเสียงพลุหรือเสียงฟ้าร้องที่พบเจอได้บ่อยแทบจะทุกบ้าน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีการจุดพลุ จุดประทัด เป็นเหตุที่ทำให้น้องหมานั้นเกิดหวาดกลัว จิตตก สติแตก จนสุนัขหลาย ๆ ตัวกลายเป็น สุนัขโรคจิตที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ขู่ กัดเจ้าของ หรือผู้อื่นได้แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านี้สุนัขบางตัวที่มีอาการหวาดกลัวเสียงพลุหรือเสียงประทัดอาจจะตกใจจนหนีเตลิดหายออกจากบ้าน



วิธีรับมือกับอาการหวาดกลัวเสียงดังของสุนัข

1.ฝึกสุนัขให้เข้มแข็ง 

          สิ่งสำคัญที่สุดในการปรับพฤติกรรมสุนัข คือ เจ้าของต้องไม่คิดแทนสุนัขว่า เมื่อมีเสียงดังแล้วน้องจะกลัวแล้วมานั่งกอดน้อง แต่ทางที่ถูกต้องคือ เจ้าของต้องทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ถ้าเค้ากลัวก็บอกไปในโทนเสียงเรียบๆว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือไม่มีไร เก่งๆ พร้อมตบไหล่เบาๆ แบบแมนๆ ไปเลย สุนัขก็จะเกิดความมั่นใจขึ้น

2.ป้องกันอาการหวาดกลัวจนหนีกระเจิงด้วยสายจูงสุนัข

          ฝึกการใช้สายจูงให้กับน้อง ๆ ไม่ใช่เพื่อจะเป็นการกักขังแต่เพื่อป้องกันไม่ให้น้องตกใจแล้วเตลิดไปไหน และหามุม Safe Zone ให้เขาได้หลบเมื่อตกใจ เช่นอาจจะเป็นใต้โต๊ะ ถ้าเค้าหลุดเข้าไป พยายามพาเค้าออกมา ให้ขนมเป็นรางวัล แต่ห้ามให้กระโดดขึ้นบนตักหรือปลอบประโลม ห้ามทำอะไรที่ทำให้เค้าเข้าใจว่าเราเห็นด้วยกับการกระทำนี้เด็ดขาด

3.การเสริมความมั่นใจให้สุนัขด้วยการฝึกท่านอนตะแคง

          ท่านอนตะแคง ท่านี้เป้นท่าที่สุนัขจะทำต่อเมื่อผ่อนคลาย สบายใจ หรือต้องการอ้อนเจ้าของเท่านั้น การฝึกให้เค้าทำท่านี้บ่อยๆ เป็นการสร้างความเชื่อใจให้เค้ารู้จักผ่อนคลายเวลามีเสียงดัง เวลาฝึกลองใช้เสียงแปลกๆประกอบการฝึก โดยเจ้าของต้องให้สุนัขคงอยู่ในท่านอน แล้วผ่อนคลายเค้าด้วยการเกา หรือนวดไปด้วย



4.สร้างความเคยชินกับเสียงเจ้าปัญหา

          สร้างความคุ้นชินด้วยการเปิดเสียงเหล่านี้ให้เค้าฟัง โดยเริ่มจากระดับเสียงที่เบาๆ แล้วจึงเพิ่มให้ดัง เมื่อต้องเจอกับสถานะการณ์จริง สุนัขก็จะไม่แสดงอาการตื่นกลัว หรือวิ่งหนีเข้ามุมจนหนีกระเจิงอีกแล้วล่ะค่ะ

5.คลายกังวลด้วยสัมผัสบำบัด

          การสัมผัสจะช่วยให้สุนัขสงบลงได้ และรู้สึกมั่นคง สัมผัสที่จะช่วยให้สุนัขคลายความกังวลคือให้วางมือบริเวณไหล่หรือหน้าอกนิ่ง ๆ โดยที่ตัวคุณเองก็จะต้องนิ่งและสงบเช่นกัน รับมือสุนัขกลัวเสียงฟ้าร้องด้วยการออกกำลังกาย

6.ปรึกษาสัตวแพทย์

          หากลองทุกวิธีที่บอกมาแล้วยังไม่ได้ผล ลองปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับพฤติกรรม คุณหมออาจจะมองลึกลงไปในเรื่องระบบประสาท ความผิดปกติอื่นๆที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือการให้ยาคลายเครียด

          ถ้าใครที่เลี้ยงสุนัขแล้วมักจะเจอกับปัญหาสุนัขหวาดกลัวเสียงดังก็ลองเอาเทคนิคที่เอามาฝากไปลองปรับใช้กันดู หวังว่าจำนวนสุนัขที่ตกใจกลัวเสียงดังจนหนีเตลิดออกจากบ้านจนต้องกลายเป็นสุนัขจรจัดและเสียชีวิตจะลดลงได้เพราะเราได้เข้าใจและพร้อมที่จะฝึกให้น้องมีความเข้มแข็งขึ้น



522
7 วิธีรับมืออาการกลัวเสียงดัง

          ปัญหาของคนเลี้ยงสุนัขนั่นก็คือ อาการน้องหมาที่เลี้ยงไว้นั้นกลัวเสียงพลุหรือเสียงฟ้าร้องที่พบเจอได้บ่อยแทบจะทุกบ้าน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีการจุดพลุ จุดประทัด เป็นเหตุที่ทำให้น้องหมานั้นเกิดหวาดกลัว จิตตก สติแตก จนสุนัขหลาย ๆ ตัวกลายเป็น สุนัขโรคจิตที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ขู่ กัดเจ้าของ หรือผู้อื่นได้แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านี้สุนัขบางตัวที่มีอาการหวาดกลัวเสียงพลุหรือเสียงประทัดอาจจะตกใจจนหนีเตลิดหายออกจากบ้าน



วิธีรับมือกับอาการหวาดกลัวเสียงดังของสุนัข

1.ฝึกสุนัขให้เข้มแข็ง 

          สิ่งสำคัญที่สุดในการปรับพฤติกรรมสุนัข คือ เจ้าของต้องไม่คิดแทนสุนัขว่า เมื่อมีเสียงดังแล้วน้องจะกลัวแล้วมานั่งกอดน้อง แต่ทางที่ถูกต้องคือ เจ้าของต้องทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ถ้าเค้ากลัวก็บอกไปในโทนเสียงเรียบๆว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือไม่มีไร เก่งๆ พร้อมตบไหล่เบาๆ แบบแมนๆ ไปเลย สุนัขก็จะเกิดความมั่นใจขึ้น

2.ป้องกันอาการหวาดกลัวจนหนีกระเจิงด้วยสายจูงสุนัข

          ฝึกการใช้สายจูงให้กับน้อง ๆ ไม่ใช่เพื่อจะเป็นการกักขังแต่เพื่อป้องกันไม่ให้น้องตกใจแล้วเตลิดไปไหน และหามุม Safe Zone ให้เขาได้หลบเมื่อตกใจ เช่นอาจจะเป็นใต้โต๊ะ ถ้าเค้าหลุดเข้าไป พยายามพาเค้าออกมา ให้ขนมเป็นรางวัล แต่ห้ามให้กระโดดขึ้นบนตักหรือปลอบประโลม ห้ามทำอะไรที่ทำให้เค้าเข้าใจว่าเราเห็นด้วยกับการกระทำนี้เด็ดขาด

3.การเสริมความมั่นใจให้สุนัขด้วยการฝึกท่านอนตะแคง

          ท่านอนตะแคง ท่านี้เป้นท่าที่สุนัขจะทำต่อเมื่อผ่อนคลาย สบายใจ หรือต้องการอ้อนเจ้าของเท่านั้น การฝึกให้เค้าทำท่านี้บ่อยๆ เป็นการสร้างความเชื่อใจให้เค้ารู้จักผ่อนคลายเวลามีเสียงดัง เวลาฝึกลองใช้เสียงแปลกๆประกอบการฝึก โดยเจ้าของต้องให้สุนัขคงอยู่ในท่านอน แล้วผ่อนคลายเค้าด้วยการเกา หรือนวดไปด้วย



4.สร้างความเคยชินกับเสียงเจ้าปัญหา

          สร้างความคุ้นชินด้วยการเปิดเสียงเหล่านี้ให้เค้าฟัง โดยเริ่มจากระดับเสียงที่เบาๆ แล้วจึงเพิ่มให้ดัง เมื่อต้องเจอกับสถานะการณ์จริง สุนัขก็จะไม่แสดงอาการตื่นกลัว หรือวิ่งหนีเข้ามุมจนหนีกระเจิงอีกแล้วล่ะค่ะ

5.คลายกังวลด้วยสัมผัสบำบัด

          การสัมผัสจะช่วยให้สุนัขสงบลงได้ และรู้สึกมั่นคง สัมผัสที่จะช่วยให้สุนัขคลายความกังวลคือให้วางมือบริเวณไหล่หรือหน้าอกนิ่ง ๆ โดยที่ตัวคุณเองก็จะต้องนิ่งและสงบเช่นกัน รับมือสุนัขกลัวเสียงฟ้าร้องด้วยการออกกำลังกาย

6.ปรึกษาสัตวแพทย์

          หากลองทุกวิธีที่บอกมาแล้วยังไม่ได้ผล ลองปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับพฤติกรรม คุณหมออาจจะมองลึกลงไปในเรื่องระบบประสาท ความผิดปกติอื่นๆที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือการให้ยาคลายเครียด

          ถ้าใครที่เลี้ยงสุนัขแล้วมักจะเจอกับปัญหาสุนัขหวาดกลัวเสียงดังก็ลองเอาเทคนิคที่เอามาฝากไปลองปรับใช้กันดู หวังว่าจำนวนสุนัขที่ตกใจกลัวเสียงดังจนหนีเตลิดออกจากบ้านจนต้องกลายเป็นสุนัขจรจัดและเสียชีวิตจะลดลงได้เพราะเราได้เข้าใจและพร้อมที่จะฝึกให้น้องมีความเข้มแข็งขึ้น



523
7 วิธีรับมืออาการกลัวเสียงดัง

          ปัญหาของคนเลี้ยงสุนัขนั่นก็คือ อาการน้องหมาที่เลี้ยงไว้นั้นกลัวเสียงพลุหรือเสียงฟ้าร้องที่พบเจอได้บ่อยแทบจะทุกบ้าน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีการจุดพลุ จุดประทัด เป็นเหตุที่ทำให้น้องหมานั้นเกิดหวาดกลัว จิตตก สติแตก จนสุนัขหลาย ๆ ตัวกลายเป็น สุนัขโรคจิตที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ขู่ กัดเจ้าของ หรือผู้อื่นได้แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านี้สุนัขบางตัวที่มีอาการหวาดกลัวเสียงพลุหรือเสียงประทัดอาจจะตกใจจนหนีเตลิดหายออกจากบ้าน



วิธีรับมือกับอาการหวาดกลัวเสียงดังของสุนัข

1.ฝึกสุนัขให้เข้มแข็ง 

          สิ่งสำคัญที่สุดในการปรับพฤติกรรมสุนัข คือ เจ้าของต้องไม่คิดแทนสุนัขว่า เมื่อมีเสียงดังแล้วน้องจะกลัวแล้วมานั่งกอดน้อง แต่ทางที่ถูกต้องคือ เจ้าของต้องทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ถ้าเค้ากลัวก็บอกไปในโทนเสียงเรียบๆว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือไม่มีไร เก่งๆ พร้อมตบไหล่เบาๆ แบบแมนๆ ไปเลย สุนัขก็จะเกิดความมั่นใจขึ้น

2.ป้องกันอาการหวาดกลัวจนหนีกระเจิงด้วยสายจูงสุนัข

          ฝึกการใช้สายจูงให้กับน้อง ๆ ไม่ใช่เพื่อจะเป็นการกักขังแต่เพื่อป้องกันไม่ให้น้องตกใจแล้วเตลิดไปไหน และหามุม Safe Zone ให้เขาได้หลบเมื่อตกใจ เช่นอาจจะเป็นใต้โต๊ะ ถ้าเค้าหลุดเข้าไป พยายามพาเค้าออกมา ให้ขนมเป็นรางวัล แต่ห้ามให้กระโดดขึ้นบนตักหรือปลอบประโลม ห้ามทำอะไรที่ทำให้เค้าเข้าใจว่าเราเห็นด้วยกับการกระทำนี้เด็ดขาด

3.การเสริมความมั่นใจให้สุนัขด้วยการฝึกท่านอนตะแคง

          ท่านอนตะแคง ท่านี้เป้นท่าที่สุนัขจะทำต่อเมื่อผ่อนคลาย สบายใจ หรือต้องการอ้อนเจ้าของเท่านั้น การฝึกให้เค้าทำท่านี้บ่อยๆ เป็นการสร้างความเชื่อใจให้เค้ารู้จักผ่อนคลายเวลามีเสียงดัง เวลาฝึกลองใช้เสียงแปลกๆประกอบการฝึก โดยเจ้าของต้องให้สุนัขคงอยู่ในท่านอน แล้วผ่อนคลายเค้าด้วยการเกา หรือนวดไปด้วย



4.สร้างความเคยชินกับเสียงเจ้าปัญหา

          สร้างความคุ้นชินด้วยการเปิดเสียงเหล่านี้ให้เค้าฟัง โดยเริ่มจากระดับเสียงที่เบาๆ แล้วจึงเพิ่มให้ดัง เมื่อต้องเจอกับสถานะการณ์จริง สุนัขก็จะไม่แสดงอาการตื่นกลัว หรือวิ่งหนีเข้ามุมจนหนีกระเจิงอีกแล้วล่ะค่ะ

5.คลายกังวลด้วยสัมผัสบำบัด

          การสัมผัสจะช่วยให้สุนัขสงบลงได้ และรู้สึกมั่นคง สัมผัสที่จะช่วยให้สุนัขคลายความกังวลคือให้วางมือบริเวณไหล่หรือหน้าอกนิ่ง ๆ โดยที่ตัวคุณเองก็จะต้องนิ่งและสงบเช่นกัน รับมือสุนัขกลัวเสียงฟ้าร้องด้วยการออกกำลังกาย

6.ปรึกษาสัตวแพทย์

          หากลองทุกวิธีที่บอกมาแล้วยังไม่ได้ผล ลองปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับพฤติกรรม คุณหมออาจจะมองลึกลงไปในเรื่องระบบประสาท ความผิดปกติอื่นๆที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือการให้ยาคลายเครียด

          ถ้าใครที่เลี้ยงสุนัขแล้วมักจะเจอกับปัญหาสุนัขหวาดกลัวเสียงดังก็ลองเอาเทคนิคที่เอามาฝากไปลองปรับใช้กันดู หวังว่าจำนวนสุนัขที่ตกใจกลัวเสียงดังจนหนีเตลิดออกจากบ้านจนต้องกลายเป็นสุนัขจรจัดและเสียชีวิตจะลดลงได้เพราะเราได้เข้าใจและพร้อมที่จะฝึกให้น้องมีความเข้มแข็งขึ้น



524
7 วิธีรับมืออาการกลัวเสียงดัง

          ปัญหาของคนเลี้ยงสุนัขนั่นก็คือ อาการน้องหมาที่เลี้ยงไว้นั้นกลัวเสียงพลุหรือเสียงฟ้าร้องที่พบเจอได้บ่อยแทบจะทุกบ้าน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีการจุดพลุ จุดประทัด เป็นเหตุที่ทำให้น้องหมานั้นเกิดหวาดกลัว จิตตก สติแตก จนสุนัขหลาย ๆ ตัวกลายเป็น สุนัขโรคจิตที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ขู่ กัดเจ้าของ หรือผู้อื่นได้แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านี้สุนัขบางตัวที่มีอาการหวาดกลัวเสียงพลุหรือเสียงประทัดอาจจะตกใจจนหนีเตลิดหายออกจากบ้าน



วิธีรับมือกับอาการหวาดกลัวเสียงดังของสุนัข

1.ฝึกสุนัขให้เข้มแข็ง 

          สิ่งสำคัญที่สุดในการปรับพฤติกรรมสุนัข คือ เจ้าของต้องไม่คิดแทนสุนัขว่า เมื่อมีเสียงดังแล้วน้องจะกลัวแล้วมานั่งกอดน้อง แต่ทางที่ถูกต้องคือ เจ้าของต้องทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ถ้าเค้ากลัวก็บอกไปในโทนเสียงเรียบๆว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือไม่มีไร เก่งๆ พร้อมตบไหล่เบาๆ แบบแมนๆ ไปเลย สุนัขก็จะเกิดความมั่นใจขึ้น

2.ป้องกันอาการหวาดกลัวจนหนีกระเจิงด้วยสายจูงสุนัข

          ฝึกการใช้สายจูงให้กับน้อง ๆ ไม่ใช่เพื่อจะเป็นการกักขังแต่เพื่อป้องกันไม่ให้น้องตกใจแล้วเตลิดไปไหน และหามุม Safe Zone ให้เขาได้หลบเมื่อตกใจ เช่นอาจจะเป็นใต้โต๊ะ ถ้าเค้าหลุดเข้าไป พยายามพาเค้าออกมา ให้ขนมเป็นรางวัล แต่ห้ามให้กระโดดขึ้นบนตักหรือปลอบประโลม ห้ามทำอะไรที่ทำให้เค้าเข้าใจว่าเราเห็นด้วยกับการกระทำนี้เด็ดขาด

3.การเสริมความมั่นใจให้สุนัขด้วยการฝึกท่านอนตะแคง

          ท่านอนตะแคง ท่านี้เป้นท่าที่สุนัขจะทำต่อเมื่อผ่อนคลาย สบายใจ หรือต้องการอ้อนเจ้าของเท่านั้น การฝึกให้เค้าทำท่านี้บ่อยๆ เป็นการสร้างความเชื่อใจให้เค้ารู้จักผ่อนคลายเวลามีเสียงดัง เวลาฝึกลองใช้เสียงแปลกๆประกอบการฝึก โดยเจ้าของต้องให้สุนัขคงอยู่ในท่านอน แล้วผ่อนคลายเค้าด้วยการเกา หรือนวดไปด้วย



4.สร้างความเคยชินกับเสียงเจ้าปัญหา

          สร้างความคุ้นชินด้วยการเปิดเสียงเหล่านี้ให้เค้าฟัง โดยเริ่มจากระดับเสียงที่เบาๆ แล้วจึงเพิ่มให้ดัง เมื่อต้องเจอกับสถานะการณ์จริง สุนัขก็จะไม่แสดงอาการตื่นกลัว หรือวิ่งหนีเข้ามุมจนหนีกระเจิงอีกแล้วล่ะค่ะ

5.คลายกังวลด้วยสัมผัสบำบัด

          การสัมผัสจะช่วยให้สุนัขสงบลงได้ และรู้สึกมั่นคง สัมผัสที่จะช่วยให้สุนัขคลายความกังวลคือให้วางมือบริเวณไหล่หรือหน้าอกนิ่ง ๆ โดยที่ตัวคุณเองก็จะต้องนิ่งและสงบเช่นกัน รับมือสุนัขกลัวเสียงฟ้าร้องด้วยการออกกำลังกาย

6.ปรึกษาสัตวแพทย์

          หากลองทุกวิธีที่บอกมาแล้วยังไม่ได้ผล ลองปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับพฤติกรรม คุณหมออาจจะมองลึกลงไปในเรื่องระบบประสาท ความผิดปกติอื่นๆที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือการให้ยาคลายเครียด

          ถ้าใครที่เลี้ยงสุนัขแล้วมักจะเจอกับปัญหาสุนัขหวาดกลัวเสียงดังก็ลองเอาเทคนิคที่เอามาฝากไปลองปรับใช้กันดู หวังว่าจำนวนสุนัขที่ตกใจกลัวเสียงดังจนหนีเตลิดออกจากบ้านจนต้องกลายเป็นสุนัขจรจัดและเสียชีวิตจะลดลงได้เพราะเราได้เข้าใจและพร้อมที่จะฝึกให้น้องมีความเข้มแข็งขึ้น



525
สาเหตุที่ทำให้สุนัขเบื่ออาหาร

         ปัญหาสุนัขเบื่ออาหาร สามารถเกิดขึ้นได้กับสุนัขทั่วไป ซึ่งก็ทำให้เจ้าของนั้นต้องกังวลใจเพราะ กลัวว่าเจ้าตูบของเรานั้นจะป่วยได้นั่นเอง



         แต่ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวิธีรับมือกับปัญหาสุนัขเบื่ออาหารมาฝาก ไปดูกันเลยว่า สาเหตุของการเบื่ออาหารนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะรับมือหรือแก้ปัญหาสุนัขเบื่ออาหารได้อย่างไรบ้าง

สาเหตุที่ทำให้สุนัขเบื่ออาหาร

1.อาการป่วยในช่องปาก 
   
         ไม่ว่าจะเป็นหินปูนเกาะมากจนเกินไป ทำให้เหงือกอักเสบ และปัญหาฟันผุตามมา ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการที่มองข้ามสุขภาพช่องปากของสุนัขเป็นระยะเวลานาน ทำให้กินอาหารได้ยากลำบาก ซึ่งจะทำให้สุนัขผ่ายผอมไม่แข็งแรง ดังนั้นควรพาสุนัขไปตรวจช่องปากกับสัตวแพทย์เป็นประจำ

2.ผ่านการฉีดวัคซีนมา     
 
         การฉีดวัคซีน อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมาเบื่ออาหารได้เช่นกัน แต่จะเป็นระยะเวลาไม่นาน ประมาณ 1-7วันหลังจากฉีดวัคซีน ไม่เพียงแต่การเบื่ออาหารเท่านั้น อาจจะไม่ร่าเริงเหมือนเดิม ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเอง จึงไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก

3.พฤติกรรมการกินส่วนตัว 

         พฤติกรรมการเลือกกินมีส่วนจากเจ้าของสุนัขเองด้วย ที่ให้อาหารสุนัขไม่หลากหลาย จึงเป็นการสร้างนิสัยกลายๆ ให้สุนัขเลือกกิน ถ้าเปลี่ยนอาหารกะทันหัน จึงทำให้สุนัขไม่ยอมกินอาหารได้ ดังนั้นควรฝึกให้สุนัขกินอาหารหลากหลายจะดีกว่า

4.อยู่ในที่ไม่คุ้นเคย 
                     
         เช่นการย้ายบ้านใหม่ ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดิม ๆ อาจทำให้สุนัขเกิดความเครียดและไม่อยากอาหาร ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก ให้สุนัขคุ้นเคยกับสถานที่ใหม่เสียก่อน จะทำให้สุนัขมากินอาหารได้ตามปกติอีกครั้ง



5.ป่วยเป็นโรคบางชนิด   
   
         โรคบางชนิดก็จะทำให้สุนัขเกิดเบื่ออาหารขึ้นมาได้ เพื่อความชัดเจนจึงควรพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว โดยมีโรคหนึ่งที่ทำให้สุนัขแสดงอาหารเบื่ออาหารขั้นต้นคือ โรคพยาธิหนอนหัวใจ ซึ่งนับว่าเป็นโรคร้ายแรง ที่มียุงเป็นพาหะ เบื้องต้นสุนัขจะยังไม่แสดงอาการป่วยใดๆ แต่เมื่อพยาธิหนอนหัวใจแพร่พันธุ์เป็นจำนวนมาก มีความเสี่ยงที่จะทำให้หัวใจของสุนัขเต้นผิดจังหวะ และหัวใจวายได้

Trick แก้ไขปัญหาสุนัขเบื่ออาหาร เพิ่มเติม

         สุนัขก็มีความรู้สึกเหมือนคน การที่ทานแต่อาหารเดิม ๆ ก็อาจทำให้รู้สึกเบื่อ คุณลองสร้างความน่าสนใจด้วยการ ลองให้อาหารอื่น ๆ ที่แตกต่างออกไปบ้าง เช่น ของกินเล่นอื่นๆ เช่น สันในไก่ เนื้อ ฟักทอง นำมาอบให้แห้ง หรือ ปรุงรสให้มีกลิ่นหอม ผลไม้ เช่น สาลี่ แอปเปิ้ล เป็นต้น

         หวังว่าเกร็ดความรู้เรื่องสุนัขเบื่ออาหารในวันนี้จะช่วยให้เจ้าของสุนัขที่กำลังเผชิญกับปัญหาสุนัขเบื่ออาหารเบาใจลงได้บ้างไม่มากก็น้อย สุนัขที่กินอาหารได้ตามปกติ นับว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่แสดงถึงว่าสุนัขมีสุขภาพกายที่ดี และได้รับการดูแลที่ดีนั่นเอง