แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

496
ข้อควรรู้ สำหรับคนเริ่มเลี้ยงชิบะ

           ชิบะเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์สุนัขยอดนิยม ที่หลาย ๆ ครอบครัวให้ความสนใจ ด้วยน่าตาที่น่ารัก นิสัยที่ฉลาด และน่าเอ็นดู มีความซื่อสัตว์และกล้าหาญ แต่ถึงแม้ดูเผินๆ เจ้าชิบะจะน่าตาเป็นมิตรจนได้ชื่อว่าสุนัขยิ้มเก่ง แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงไม่มีความเข้าใจในลักษณะนิสัยของเจ้าสุนัขสายพันธุ์นี้ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ มาดูกันว่า สิ่งที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงเจ้าชิบะมีอะไรบ้าง



ข้อควรรู้ สำหรับคนเริ่มเลี้ยงชิบะ

1. เป็นสุนัขที่รักอิสระ

          เจ้าชิบะ นั้นมีนิสัยผสมผสานระหว่างสุนัขที่เป็นมิตรต่อผู้คนใน แต่ค่อนข้างจะดื้อรั้นอยู่บ้าง เพราะชิบะเป็นสุนัขที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ ดังนั้นการเลี้ยงมันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าของจึงต้องเข้าใจและมีความอดทนพอสมควร   

2. เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดี

          ชิบะ เฝ้าบ้าน  เมื่อมีคนบุกรุก เขาเห่าอย่างหนัก และถึงแม้จะมีนิสัยนักเฝ้าบ้านทีดี แต่ก็ไม่เหมาะกับการเลี้ยงนอกบ้าน เพราะด้วยขนที่หนา อาจจะทำให้เป็นฮีทสโตรก และปัญหาอื่น ๆ ตามมา

3. ต้องการการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

          สุนัขชิบะเป็นสุนัขพลังงานระดับกลาง คือต้องการ การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอโดยบ้านที่เหมาะกับสุนัขชิบะควรมีพื้นที่ให้วิ่งเล่น หรือพาวิ่งออกนอกบ้านบ้าง อย่างเช่น ช่วงเช้า หรือช่วงเย็นก็เพียงพอแล้ว



4. ต้องใส่ใจสุภาพช่องปากและฟัน

          สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือเรื่องของสุภาพปากและฟัน เพราะฟันก็ควรได้รับการดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้พวกเขามีฟันไว้บดเคี้ยวอาหารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ซึ่งอาจจะฝึกให้เจ้าชิบะคุ้นเคยกับแปรงสีฟันและยาสีฟันของสุนัขตั้งแต่ยังเด็ก หรือการให้ขนมขัดฟันสุนัข เพื่อเป็นการลดกลิ่นปาก ขจัดคราบหินปูนเพื่อให้ฟันของเขามีสุขภาพดีอยู่เสมอ

5. ไม่เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เล็ก

          เพราะสุนัขชิบะมีสัญชาตญาณนักล่าค่อนข้างสูง อาจจะเกิดปัญหา หรือเกิดอันตรายกับสัตว์เล็กที่เลี้ยงร่วมกันได้

6. ไม่ควรเลี้ยงชิบะเพศเดียวกันในบ้าง

          สุนัขชิบะเป็นสุนัขที่ดุกับสุนัขด้วยกัน โดยเฉพาะเพศเดียวกัน เพราะต้องการทที่จะแสดงความเป็นเจ้าของและต้องการแสดงความเป็นผู้นำ จึงไม่เหมาะที่ผู้เลียงสุนัขมือใหม่จะมีสุนัขชิบะเพศเดียวกันหลายๆ ตัวภายในครั้งเดียว
ถ้าคุณสามารถเข้าใจถึงข้อหลัก ๆ เหล่านี้ที่เกี่ยวกับชิบะ อินุได้ เชื่อว่าการรับมือกับเจ้าสี่ขาสายพันธุ์นี้คงไม่ยากเกินไปแน่นอน และคงสามารถรับมือกับความดื้อในบ้างครั้งของน้องได้ด้วยนะ แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือ ตัวคนเลี้ยง ถ้าคุณคิดแล้วว่าคุณพร้อมทั้งเวลา สถานะ และที่อยู่อาศัย ก็สามารถพาน้องมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านได้อย่างสบายใจ



497
ชิบะ อินุ (Shiba Inu)

          วันนี้เราจะมาเปิด ตัวสุนัข ชิบะ หรือ ชิบะ อินุ (Shiba Inu) หมานักล่าตัวน้อยจากแดนปลาดิบ พร้อมข้อมูลน่ารู้สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงได้รู้จักน้องเพิ่มขึ้นกัน



          หากพูดถึงน้องหมาจากประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องนึกถึง ชิบะ อินุ กันแน่นอน ก็แหม น้องหมาสายพันธุ์นี้ทั้งฉลาด น่ารัก และน่าเอ็นดู อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในหลายประเทศ รวมถึงในไทยเราด้วย

ประวัติสายพันธุ์

          ชิบะ อินุ  : Shiba Inu เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นทั้ง 6 สายพันธุ์  แต่เดิมชิบะอินุถูกพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะกับการล่าสัตว์ โดยมีลักษณะที่คล้ายกับสุนัขพันธุ์อาคิตะ (Akita) แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า และเป็นหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ไม่กี่สายพันธุ์ที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ลักษณะทั่วไป

          ชิบะอินุเป็นสุนัขพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุด เป็นสุนัขในตระกูลเดียวกันกับพันธุ์อะคิตะ (Akita) รูปร่างกระทัดรัด หูตั้ง กล้ามเนื้อกระชับ ขนสั้น 2 ชั้น มีทั้งสีดำผสมสีน้ำตาล สีแดง หรือ สีงาแดง ดวงตาสดใสและรูปริมฝีปากโค้งเหมือนกับกำลังยิ้มมีอายุเฉลี่ยประมาณ 12-15 ปีแต่อาจสามารถอยู่ได้ยืนยาวถึง 26 ปี ก็ขึ้นกับการดูแลของเจ้าของด้วย

ลักษณะนิสัย

          ชิบะ อินุ เป็นสุนัขที่ร่าเริงแจ่มใส คล่องแคล่ว ปราดเปรียว ว่องไว ขี้เล่น ฉลาด รักอิสระซื่อสัตย์ กล้าหาญ ใจดี อ่อนโยน รักและผูกพันกับสมาชิกในครอบครัวมากๆ และเป็นมิตรที่ดีกับเด็กๆ พวกเขาเข้ากับคนแปลกหน้าและสัตว์อื่นๆ ให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้อย่างดีเยี่ยม ถือได้ว่าเป็นสุนัขที่รักการเข้าสังคมมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง แต่ด้วยสายเลือดนักล่า
ข้อเสียก็ตรงค่อนข้างเอาแต่ใจโดยเฉพาะ ขณะฝึกวินัย บางครั้งถึงกับทำให้เจ้าของปวดหัวกับอาการดื้อของพวกเขา ดังนั้นต้องฝึกฝนพวกเขาเป็นประจำอย่างอดทน



การดูแล

          ชิบะ อินุ เป็นสุนัขขนสั้น หนา ง่ายต่อการดูแลรักษา เจ้าของควรแปรงขนให้เขาเป็นประจำ เพื่อแปรงเอาขนที่หลุดล่วงออก ส่วนการอาบน้ำควรอาบให้อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง

          นอกจากขนที่ผู้เลี้ยงต้องดูแลแล้ว ฟันก็ควรได้รับการดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้พวกเขามีฟันไว้บดเคี้ยวอาหารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ช่องหู ควรใช้น้ำมัน (Baby oil) และสำลีทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อในช่องหู เป็นสาเหตุของหูอักเสบ หรือเกิดการทำลายหูชั้นใน
ชิบะ อินุพวกเขาเป็นสุนัขที่ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สามารถอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจต้องพาเขาไปออกกำลังกายนอกบ้านเป็นประจำ

          ชิบะ อินุ นั้นจะมีโรคทางกรรมพันธุ์ คือโรคต้อหิน ต้อกระจก ประสาทตาเสีย สะโพกเสื่อม กระดูกสะบ้าเสื่อม รวมทั้งเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ ดังนั้นถ้าเลี้ยงไว้ต้องควรสังเกตดูอาการที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพาพวกเขาไปตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคอาจเกิดขึ้นทั้งก่อนหรือตามช่วงวัย


498
ชิบะ อินุ (Shiba Inu)

          วันนี้เราจะมาเปิด ตัวสุนัข ชิบะ หรือ ชิบะ อินุ (Shiba Inu) หมานักล่าตัวน้อยจากแดนปลาดิบ พร้อมข้อมูลน่ารู้สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงได้รู้จักน้องเพิ่มขึ้นกัน



          หากพูดถึงน้องหมาจากประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องนึกถึง ชิบะ อินุ กันแน่นอน ก็แหม น้องหมาสายพันธุ์นี้ทั้งฉลาด น่ารัก และน่าเอ็นดู อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในหลายประเทศ รวมถึงในไทยเราด้วย

ประวัติสายพันธุ์

          ชิบะ อินุ  : Shiba Inu เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นทั้ง 6 สายพันธุ์  แต่เดิมชิบะอินุถูกพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะกับการล่าสัตว์ โดยมีลักษณะที่คล้ายกับสุนัขพันธุ์อาคิตะ (Akita) แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า และเป็นหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ไม่กี่สายพันธุ์ที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ลักษณะทั่วไป

          ชิบะอินุเป็นสุนัขพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุด เป็นสุนัขในตระกูลเดียวกันกับพันธุ์อะคิตะ (Akita) รูปร่างกระทัดรัด หูตั้ง กล้ามเนื้อกระชับ ขนสั้น 2 ชั้น มีทั้งสีดำผสมสีน้ำตาล สีแดง หรือ สีงาแดง ดวงตาสดใสและรูปริมฝีปากโค้งเหมือนกับกำลังยิ้มมีอายุเฉลี่ยประมาณ 12-15 ปีแต่อาจสามารถอยู่ได้ยืนยาวถึง 26 ปี ก็ขึ้นกับการดูแลของเจ้าของด้วย

ลักษณะนิสัย

          ชิบะ อินุ เป็นสุนัขที่ร่าเริงแจ่มใส คล่องแคล่ว ปราดเปรียว ว่องไว ขี้เล่น ฉลาด รักอิสระซื่อสัตย์ กล้าหาญ ใจดี อ่อนโยน รักและผูกพันกับสมาชิกในครอบครัวมากๆ และเป็นมิตรที่ดีกับเด็กๆ พวกเขาเข้ากับคนแปลกหน้าและสัตว์อื่นๆ ให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้อย่างดีเยี่ยม ถือได้ว่าเป็นสุนัขที่รักการเข้าสังคมมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง แต่ด้วยสายเลือดนักล่า
ข้อเสียก็ตรงค่อนข้างเอาแต่ใจโดยเฉพาะ ขณะฝึกวินัย บางครั้งถึงกับทำให้เจ้าของปวดหัวกับอาการดื้อของพวกเขา ดังนั้นต้องฝึกฝนพวกเขาเป็นประจำอย่างอดทน



การดูแล

          ชิบะ อินุ เป็นสุนัขขนสั้น หนา ง่ายต่อการดูแลรักษา เจ้าของควรแปรงขนให้เขาเป็นประจำ เพื่อแปรงเอาขนที่หลุดล่วงออก ส่วนการอาบน้ำควรอาบให้อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง

          นอกจากขนที่ผู้เลี้ยงต้องดูแลแล้ว ฟันก็ควรได้รับการดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้พวกเขามีฟันไว้บดเคี้ยวอาหารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ช่องหู ควรใช้น้ำมัน (Baby oil) และสำลีทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อในช่องหู เป็นสาเหตุของหูอักเสบ หรือเกิดการทำลายหูชั้นใน
ชิบะ อินุพวกเขาเป็นสุนัขที่ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สามารถอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจต้องพาเขาไปออกกำลังกายนอกบ้านเป็นประจำ

          ชิบะ อินุ นั้นจะมีโรคทางกรรมพันธุ์ คือโรคต้อหิน ต้อกระจก ประสาทตาเสีย สะโพกเสื่อม กระดูกสะบ้าเสื่อม รวมทั้งเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ ดังนั้นถ้าเลี้ยงไว้ต้องควรสังเกตดูอาการที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพาพวกเขาไปตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคอาจเกิดขึ้นทั้งก่อนหรือตามช่วงวัย


499
ชิบะ อินุ (Shiba Inu)

          วันนี้เราจะมาเปิด ตัวสุนัข ชิบะ หรือ ชิบะ อินุ (Shiba Inu) หมานักล่าตัวน้อยจากแดนปลาดิบ พร้อมข้อมูลน่ารู้สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงได้รู้จักน้องเพิ่มขึ้นกัน



          หากพูดถึงน้องหมาจากประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องนึกถึง ชิบะ อินุ กันแน่นอน ก็แหม น้องหมาสายพันธุ์นี้ทั้งฉลาด น่ารัก และน่าเอ็นดู อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในหลายประเทศ รวมถึงในไทยเราด้วย

ประวัติสายพันธุ์

          ชิบะ อินุ  : Shiba Inu เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นทั้ง 6 สายพันธุ์  แต่เดิมชิบะอินุถูกพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะกับการล่าสัตว์ โดยมีลักษณะที่คล้ายกับสุนัขพันธุ์อาคิตะ (Akita) แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า และเป็นหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ไม่กี่สายพันธุ์ที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ลักษณะทั่วไป

          ชิบะอินุเป็นสุนัขพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุด เป็นสุนัขในตระกูลเดียวกันกับพันธุ์อะคิตะ (Akita) รูปร่างกระทัดรัด หูตั้ง กล้ามเนื้อกระชับ ขนสั้น 2 ชั้น มีทั้งสีดำผสมสีน้ำตาล สีแดง หรือ สีงาแดง ดวงตาสดใสและรูปริมฝีปากโค้งเหมือนกับกำลังยิ้มมีอายุเฉลี่ยประมาณ 12-15 ปีแต่อาจสามารถอยู่ได้ยืนยาวถึง 26 ปี ก็ขึ้นกับการดูแลของเจ้าของด้วย

ลักษณะนิสัย

          ชิบะ อินุ เป็นสุนัขที่ร่าเริงแจ่มใส คล่องแคล่ว ปราดเปรียว ว่องไว ขี้เล่น ฉลาด รักอิสระซื่อสัตย์ กล้าหาญ ใจดี อ่อนโยน รักและผูกพันกับสมาชิกในครอบครัวมากๆ และเป็นมิตรที่ดีกับเด็กๆ พวกเขาเข้ากับคนแปลกหน้าและสัตว์อื่นๆ ให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้อย่างดีเยี่ยม ถือได้ว่าเป็นสุนัขที่รักการเข้าสังคมมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง แต่ด้วยสายเลือดนักล่า
ข้อเสียก็ตรงค่อนข้างเอาแต่ใจโดยเฉพาะ ขณะฝึกวินัย บางครั้งถึงกับทำให้เจ้าของปวดหัวกับอาการดื้อของพวกเขา ดังนั้นต้องฝึกฝนพวกเขาเป็นประจำอย่างอดทน



การดูแล

          ชิบะ อินุ เป็นสุนัขขนสั้น หนา ง่ายต่อการดูแลรักษา เจ้าของควรแปรงขนให้เขาเป็นประจำ เพื่อแปรงเอาขนที่หลุดล่วงออก ส่วนการอาบน้ำควรอาบให้อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง

          นอกจากขนที่ผู้เลี้ยงต้องดูแลแล้ว ฟันก็ควรได้รับการดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้พวกเขามีฟันไว้บดเคี้ยวอาหารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ช่องหู ควรใช้น้ำมัน (Baby oil) และสำลีทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อในช่องหู เป็นสาเหตุของหูอักเสบ หรือเกิดการทำลายหูชั้นใน
ชิบะ อินุพวกเขาเป็นสุนัขที่ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สามารถอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจต้องพาเขาไปออกกำลังกายนอกบ้านเป็นประจำ

          ชิบะ อินุ นั้นจะมีโรคทางกรรมพันธุ์ คือโรคต้อหิน ต้อกระจก ประสาทตาเสีย สะโพกเสื่อม กระดูกสะบ้าเสื่อม รวมทั้งเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ ดังนั้นถ้าเลี้ยงไว้ต้องควรสังเกตดูอาการที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพาพวกเขาไปตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคอาจเกิดขึ้นทั้งก่อนหรือตามช่วงวัย


500
ชิบะ อินุ (Shiba Inu)

          วันนี้เราจะมาเปิด ตัวสุนัข ชิบะ หรือ ชิบะ อินุ (Shiba Inu) หมานักล่าตัวน้อยจากแดนปลาดิบ พร้อมข้อมูลน่ารู้สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงได้รู้จักน้องเพิ่มขึ้นกัน



          หากพูดถึงน้องหมาจากประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องนึกถึง ชิบะ อินุ กันแน่นอน ก็แหม น้องหมาสายพันธุ์นี้ทั้งฉลาด น่ารัก และน่าเอ็นดู อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในหลายประเทศ รวมถึงในไทยเราด้วย

ประวัติสายพันธุ์

          ชิบะ อินุ  : Shiba Inu เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นทั้ง 6 สายพันธุ์  แต่เดิมชิบะอินุถูกพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะกับการล่าสัตว์ โดยมีลักษณะที่คล้ายกับสุนัขพันธุ์อาคิตะ (Akita) แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า และเป็นหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ไม่กี่สายพันธุ์ที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ลักษณะทั่วไป

          ชิบะอินุเป็นสุนัขพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุด เป็นสุนัขในตระกูลเดียวกันกับพันธุ์อะคิตะ (Akita) รูปร่างกระทัดรัด หูตั้ง กล้ามเนื้อกระชับ ขนสั้น 2 ชั้น มีทั้งสีดำผสมสีน้ำตาล สีแดง หรือ สีงาแดง ดวงตาสดใสและรูปริมฝีปากโค้งเหมือนกับกำลังยิ้มมีอายุเฉลี่ยประมาณ 12-15 ปีแต่อาจสามารถอยู่ได้ยืนยาวถึง 26 ปี ก็ขึ้นกับการดูแลของเจ้าของด้วย

ลักษณะนิสัย

          ชิบะ อินุ เป็นสุนัขที่ร่าเริงแจ่มใส คล่องแคล่ว ปราดเปรียว ว่องไว ขี้เล่น ฉลาด รักอิสระซื่อสัตย์ กล้าหาญ ใจดี อ่อนโยน รักและผูกพันกับสมาชิกในครอบครัวมากๆ และเป็นมิตรที่ดีกับเด็กๆ พวกเขาเข้ากับคนแปลกหน้าและสัตว์อื่นๆ ให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้อย่างดีเยี่ยม ถือได้ว่าเป็นสุนัขที่รักการเข้าสังคมมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง แต่ด้วยสายเลือดนักล่า
ข้อเสียก็ตรงค่อนข้างเอาแต่ใจโดยเฉพาะ ขณะฝึกวินัย บางครั้งถึงกับทำให้เจ้าของปวดหัวกับอาการดื้อของพวกเขา ดังนั้นต้องฝึกฝนพวกเขาเป็นประจำอย่างอดทน



การดูแล

          ชิบะ อินุ เป็นสุนัขขนสั้น หนา ง่ายต่อการดูแลรักษา เจ้าของควรแปรงขนให้เขาเป็นประจำ เพื่อแปรงเอาขนที่หลุดล่วงออก ส่วนการอาบน้ำควรอาบให้อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง

          นอกจากขนที่ผู้เลี้ยงต้องดูแลแล้ว ฟันก็ควรได้รับการดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้พวกเขามีฟันไว้บดเคี้ยวอาหารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ช่องหู ควรใช้น้ำมัน (Baby oil) และสำลีทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อในช่องหู เป็นสาเหตุของหูอักเสบ หรือเกิดการทำลายหูชั้นใน
ชิบะ อินุพวกเขาเป็นสุนัขที่ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สามารถอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจต้องพาเขาไปออกกำลังกายนอกบ้านเป็นประจำ

          ชิบะ อินุ นั้นจะมีโรคทางกรรมพันธุ์ คือโรคต้อหิน ต้อกระจก ประสาทตาเสีย สะโพกเสื่อม กระดูกสะบ้าเสื่อม รวมทั้งเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ ดังนั้นถ้าเลี้ยงไว้ต้องควรสังเกตดูอาการที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพาพวกเขาไปตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคอาจเกิดขึ้นทั้งก่อนหรือตามช่วงวัย


501
วิธีฝึกสุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ !!

          พฤติกรรมหลาย ๆ อย่าง นั้นสำหรับน้องหมาที่เราเลี้ยงไว้นั้น เราเองสามารถที่จะควบคุม และฝึกน้องได้ตั้งแต่เด็ก ๆ  เชื่อว่าหลายคนที่เลี้ยงน้องหมาในช่วงแรก ๆ ต้องเจอกับปัญหาน้องหมาอึและฉี่ไม่เป็นที่เป็นทางแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งกลิ่นเหม็นและสกปรกไปทั่วอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เลี้ยงน้องหมาไว้ในบ้าน แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลกันอีกแล้ว เพราะวันนี้เราจะรวบรวมวิธีสอนสุนัขให้ขับถ่ายเป็นที่ มาฝากมีวิธีหรือเทคนิคอะไรบ้างนั้น มาดูกันได้เลยจ้าาา..




1.การเข้าใจพฤติกรรมของสุนัขของคุณ

          การจะสอนน้องหมาให้ขับถ่ายเป็นที่นั้น สามารถฝึกได้ตั้งเเต่หมาเด็ก ถึง หมาแก่ แต่ความยากง่ายนั้น ก็จะแตกต่างกันอยากไปด้วย โดยหมาเด็กจะฝึกได้ง่ายกว่าเพราะฝึกตั้งเเต่ยังเด็ก ส่วนหมาที่โตขึ้นมาหน่อย ก็จะฝึกยากกว่าเพราะก่อนหน้านี้
เจ้าของต้องให้เวลาน้องหมา และใจเย็น ๆ ให้มาก รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการทำโทษน้องหมา เวลาเค้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะนั่นอาจจะทำให้น้องหมากลัวและไม่เชื่อฟังเรา แย่ไปกว่านี้อาจจะเป็นความหวาดระแวงด้วย

2.สังเกตพฤติกรรมของสุนัข

          ต้องพยายามสังเกตชีวิตประจำวันของน้องหมาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะถ้าหากเรารู้ว่าเมื่อไรน้องหมาจะขับถ่าย ก็จะทำให้เราเตรียมรับมือกับมันได้ง่ายยิ่งขึ้น และพยายามสังเกตดูว่าถ้าน้องหมาอยากจะมีอาการ เดินวน ดมกลิ่น นั่งยอง และหางตั้ง
ให้เตรียมพร้อมรีบอุ้มไปเข้าห้องน้ำอย่างไว ทำแบบนี้เป็นประจำ เพื่อให้เค้ารู้ว่าเวลาปวดอึควรทำอย่างไร และถ้าหากฝึกแล้วเจ้าของยังมีปัญหาสุนัขขับถ่ายเรี่ยราดอยู่ ให้ลองพูดเสียงดังใส่น้องหมาว่า ” อย่า หรือ หยุด” หรือทำการชี้และพูดด้วย น้องหมาจะเรียนรู้ตามสัญชาตญาณเอง

3. กำหนดเวลาให้อาหาร

          เจ้าของควรกำหนดเวลาในการให้อาหารอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สุนัขกินอาหารตามต้องการ เพราะถ้าหากสุนัขกินทั้งวัน ก็จะทำให้สุนัขขับถ่ายทั้งวันด้วยเช่นกัน

4. การเลือกสถานที่ให้เหมาะสม

          เจ้าของควรเลือกพื้นที่ขับถ่ายให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละตัว และพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่คนพลุกพล่านเพราะจะทำให้น้องหมาไม่กล้าที่จะขับถ่าย และที่สำคัญพื้นที่ขับถ่ายของสุนัขควรมีพื้นกว้างพอเหมาะกับขนาดของสุนัขด้วยนะ



5. ฝึกให้ฝึกสุนัขขับถ่าย

          เทคนิคที่ช่วยให้สุนัขขับถ่ายเป็นที่ คือ การฝึกให้ทำตามคำสั่ง ขั้นแรกเจ้าของต้องพาน้องหมาไปยังบริเวณบริเวณที่ต้องการก่อน จากนั้นก็ออกคำสั่งให้น้องหมาเช่น “เบ่ง หรือ อึ” เสร็จแล้วรอจนกว่าสุนัขจะขับถ่ายเสร็จ พร้อมตบท้ายด้วยการให้รางวัล จำพวก ขนมสุนัข เป็นต้น

          แต่ถ้าไม่ยอมอึ ก็ให้พากลับเข้าบ้าน แล้วค่อยพาออกมาลองใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าน้องหมายังไม่ยอมขับถ่ายอีก แนะนำให้เจ้าของนำเชือกมาผูกสุนัขไว้กับที่ เช่น ต้นไม้ หรือ รั้ว แล้วรอจนกว่าน้องหมาจะอึหรือฉี่ แล้วค่อยปลดเชือกออก รับรองไม่ช้า สุนัขจะจดจำและขับถ่ายเป็นที่เป็นทางเองโดยสัญชาตญาณ จงอย่าคิดว่านี่คือการใจร้ายกับน้องแต่ เป็นเพียงการสอน เหมือนที่มีคำพูดว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีนั่นเอง

          ถึงแม้การฝึกสุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ ไม่ใช้เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป เจ้าของต้องมีความอดทน ใจเย็น ในช่วงเริ่มแรกที่ฝึกสุนัข และต้องพยายามสอนตามขั้นตอนรับรองได้เลย น้องหมาของคุณจะเชื่อฟังและยอมทำตามคำสั่งคุณแน่นอน


502
วิธีฝึกสุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ !!

          พฤติกรรมหลาย ๆ อย่าง นั้นสำหรับน้องหมาที่เราเลี้ยงไว้นั้น เราเองสามารถที่จะควบคุม และฝึกน้องได้ตั้งแต่เด็ก ๆ  เชื่อว่าหลายคนที่เลี้ยงน้องหมาในช่วงแรก ๆ ต้องเจอกับปัญหาน้องหมาอึและฉี่ไม่เป็นที่เป็นทางแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งกลิ่นเหม็นและสกปรกไปทั่วอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เลี้ยงน้องหมาไว้ในบ้าน แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลกันอีกแล้ว เพราะวันนี้เราจะรวบรวมวิธีสอนสุนัขให้ขับถ่ายเป็นที่ มาฝากมีวิธีหรือเทคนิคอะไรบ้างนั้น มาดูกันได้เลยจ้าาา..




1.การเข้าใจพฤติกรรมของสุนัขของคุณ

          การจะสอนน้องหมาให้ขับถ่ายเป็นที่นั้น สามารถฝึกได้ตั้งเเต่หมาเด็ก ถึง หมาแก่ แต่ความยากง่ายนั้น ก็จะแตกต่างกันอยากไปด้วย โดยหมาเด็กจะฝึกได้ง่ายกว่าเพราะฝึกตั้งเเต่ยังเด็ก ส่วนหมาที่โตขึ้นมาหน่อย ก็จะฝึกยากกว่าเพราะก่อนหน้านี้
เจ้าของต้องให้เวลาน้องหมา และใจเย็น ๆ ให้มาก รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการทำโทษน้องหมา เวลาเค้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะนั่นอาจจะทำให้น้องหมากลัวและไม่เชื่อฟังเรา แย่ไปกว่านี้อาจจะเป็นความหวาดระแวงด้วย

2.สังเกตพฤติกรรมของสุนัข

          ต้องพยายามสังเกตชีวิตประจำวันของน้องหมาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะถ้าหากเรารู้ว่าเมื่อไรน้องหมาจะขับถ่าย ก็จะทำให้เราเตรียมรับมือกับมันได้ง่ายยิ่งขึ้น และพยายามสังเกตดูว่าถ้าน้องหมาอยากจะมีอาการ เดินวน ดมกลิ่น นั่งยอง และหางตั้ง
ให้เตรียมพร้อมรีบอุ้มไปเข้าห้องน้ำอย่างไว ทำแบบนี้เป็นประจำ เพื่อให้เค้ารู้ว่าเวลาปวดอึควรทำอย่างไร และถ้าหากฝึกแล้วเจ้าของยังมีปัญหาสุนัขขับถ่ายเรี่ยราดอยู่ ให้ลองพูดเสียงดังใส่น้องหมาว่า ” อย่า หรือ หยุด” หรือทำการชี้และพูดด้วย น้องหมาจะเรียนรู้ตามสัญชาตญาณเอง

3. กำหนดเวลาให้อาหาร

          เจ้าของควรกำหนดเวลาในการให้อาหารอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สุนัขกินอาหารตามต้องการ เพราะถ้าหากสุนัขกินทั้งวัน ก็จะทำให้สุนัขขับถ่ายทั้งวันด้วยเช่นกัน

4. การเลือกสถานที่ให้เหมาะสม

          เจ้าของควรเลือกพื้นที่ขับถ่ายให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละตัว และพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่คนพลุกพล่านเพราะจะทำให้น้องหมาไม่กล้าที่จะขับถ่าย และที่สำคัญพื้นที่ขับถ่ายของสุนัขควรมีพื้นกว้างพอเหมาะกับขนาดของสุนัขด้วยนะ



5. ฝึกให้ฝึกสุนัขขับถ่าย

          เทคนิคที่ช่วยให้สุนัขขับถ่ายเป็นที่ คือ การฝึกให้ทำตามคำสั่ง ขั้นแรกเจ้าของต้องพาน้องหมาไปยังบริเวณบริเวณที่ต้องการก่อน จากนั้นก็ออกคำสั่งให้น้องหมาเช่น “เบ่ง หรือ อึ” เสร็จแล้วรอจนกว่าสุนัขจะขับถ่ายเสร็จ พร้อมตบท้ายด้วยการให้รางวัล จำพวก ขนมสุนัข เป็นต้น

          แต่ถ้าไม่ยอมอึ ก็ให้พากลับเข้าบ้าน แล้วค่อยพาออกมาลองใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าน้องหมายังไม่ยอมขับถ่ายอีก แนะนำให้เจ้าของนำเชือกมาผูกสุนัขไว้กับที่ เช่น ต้นไม้ หรือ รั้ว แล้วรอจนกว่าน้องหมาจะอึหรือฉี่ แล้วค่อยปลดเชือกออก รับรองไม่ช้า สุนัขจะจดจำและขับถ่ายเป็นที่เป็นทางเองโดยสัญชาตญาณ จงอย่าคิดว่านี่คือการใจร้ายกับน้องแต่ เป็นเพียงการสอน เหมือนที่มีคำพูดว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีนั่นเอง

          ถึงแม้การฝึกสุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ ไม่ใช้เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป เจ้าของต้องมีความอดทน ใจเย็น ในช่วงเริ่มแรกที่ฝึกสุนัข และต้องพยายามสอนตามขั้นตอนรับรองได้เลย น้องหมาของคุณจะเชื่อฟังและยอมทำตามคำสั่งคุณแน่นอน


503
วิธีฝึกสุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ !!

          พฤติกรรมหลาย ๆ อย่าง นั้นสำหรับน้องหมาที่เราเลี้ยงไว้นั้น เราเองสามารถที่จะควบคุม และฝึกน้องได้ตั้งแต่เด็ก ๆ  เชื่อว่าหลายคนที่เลี้ยงน้องหมาในช่วงแรก ๆ ต้องเจอกับปัญหาน้องหมาอึและฉี่ไม่เป็นที่เป็นทางแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งกลิ่นเหม็นและสกปรกไปทั่วอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เลี้ยงน้องหมาไว้ในบ้าน แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลกันอีกแล้ว เพราะวันนี้เราจะรวบรวมวิธีสอนสุนัขให้ขับถ่ายเป็นที่ มาฝากมีวิธีหรือเทคนิคอะไรบ้างนั้น มาดูกันได้เลยจ้าาา..




1.การเข้าใจพฤติกรรมของสุนัขของคุณ

          การจะสอนน้องหมาให้ขับถ่ายเป็นที่นั้น สามารถฝึกได้ตั้งเเต่หมาเด็ก ถึง หมาแก่ แต่ความยากง่ายนั้น ก็จะแตกต่างกันอยากไปด้วย โดยหมาเด็กจะฝึกได้ง่ายกว่าเพราะฝึกตั้งเเต่ยังเด็ก ส่วนหมาที่โตขึ้นมาหน่อย ก็จะฝึกยากกว่าเพราะก่อนหน้านี้
เจ้าของต้องให้เวลาน้องหมา และใจเย็น ๆ ให้มาก รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการทำโทษน้องหมา เวลาเค้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะนั่นอาจจะทำให้น้องหมากลัวและไม่เชื่อฟังเรา แย่ไปกว่านี้อาจจะเป็นความหวาดระแวงด้วย

2.สังเกตพฤติกรรมของสุนัข

          ต้องพยายามสังเกตชีวิตประจำวันของน้องหมาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะถ้าหากเรารู้ว่าเมื่อไรน้องหมาจะขับถ่าย ก็จะทำให้เราเตรียมรับมือกับมันได้ง่ายยิ่งขึ้น และพยายามสังเกตดูว่าถ้าน้องหมาอยากจะมีอาการ เดินวน ดมกลิ่น นั่งยอง และหางตั้ง
ให้เตรียมพร้อมรีบอุ้มไปเข้าห้องน้ำอย่างไว ทำแบบนี้เป็นประจำ เพื่อให้เค้ารู้ว่าเวลาปวดอึควรทำอย่างไร และถ้าหากฝึกแล้วเจ้าของยังมีปัญหาสุนัขขับถ่ายเรี่ยราดอยู่ ให้ลองพูดเสียงดังใส่น้องหมาว่า ” อย่า หรือ หยุด” หรือทำการชี้และพูดด้วย น้องหมาจะเรียนรู้ตามสัญชาตญาณเอง

3. กำหนดเวลาให้อาหาร

          เจ้าของควรกำหนดเวลาในการให้อาหารอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สุนัขกินอาหารตามต้องการ เพราะถ้าหากสุนัขกินทั้งวัน ก็จะทำให้สุนัขขับถ่ายทั้งวันด้วยเช่นกัน

4. การเลือกสถานที่ให้เหมาะสม

          เจ้าของควรเลือกพื้นที่ขับถ่ายให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละตัว และพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่คนพลุกพล่านเพราะจะทำให้น้องหมาไม่กล้าที่จะขับถ่าย และที่สำคัญพื้นที่ขับถ่ายของสุนัขควรมีพื้นกว้างพอเหมาะกับขนาดของสุนัขด้วยนะ



5. ฝึกให้ฝึกสุนัขขับถ่าย

          เทคนิคที่ช่วยให้สุนัขขับถ่ายเป็นที่ คือ การฝึกให้ทำตามคำสั่ง ขั้นแรกเจ้าของต้องพาน้องหมาไปยังบริเวณบริเวณที่ต้องการก่อน จากนั้นก็ออกคำสั่งให้น้องหมาเช่น “เบ่ง หรือ อึ” เสร็จแล้วรอจนกว่าสุนัขจะขับถ่ายเสร็จ พร้อมตบท้ายด้วยการให้รางวัล จำพวก ขนมสุนัข เป็นต้น

          แต่ถ้าไม่ยอมอึ ก็ให้พากลับเข้าบ้าน แล้วค่อยพาออกมาลองใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าน้องหมายังไม่ยอมขับถ่ายอีก แนะนำให้เจ้าของนำเชือกมาผูกสุนัขไว้กับที่ เช่น ต้นไม้ หรือ รั้ว แล้วรอจนกว่าน้องหมาจะอึหรือฉี่ แล้วค่อยปลดเชือกออก รับรองไม่ช้า สุนัขจะจดจำและขับถ่ายเป็นที่เป็นทางเองโดยสัญชาตญาณ จงอย่าคิดว่านี่คือการใจร้ายกับน้องแต่ เป็นเพียงการสอน เหมือนที่มีคำพูดว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีนั่นเอง

          ถึงแม้การฝึกสุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ ไม่ใช้เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป เจ้าของต้องมีความอดทน ใจเย็น ในช่วงเริ่มแรกที่ฝึกสุนัข และต้องพยายามสอนตามขั้นตอนรับรองได้เลย น้องหมาของคุณจะเชื่อฟังและยอมทำตามคำสั่งคุณแน่นอน


504
วิธีฝึกสุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ !!

          พฤติกรรมหลาย ๆ อย่าง นั้นสำหรับน้องหมาที่เราเลี้ยงไว้นั้น เราเองสามารถที่จะควบคุม และฝึกน้องได้ตั้งแต่เด็ก ๆ  เชื่อว่าหลายคนที่เลี้ยงน้องหมาในช่วงแรก ๆ ต้องเจอกับปัญหาน้องหมาอึและฉี่ไม่เป็นที่เป็นทางแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งกลิ่นเหม็นและสกปรกไปทั่วอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เลี้ยงน้องหมาไว้ในบ้าน แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลกันอีกแล้ว เพราะวันนี้เราจะรวบรวมวิธีสอนสุนัขให้ขับถ่ายเป็นที่ มาฝากมีวิธีหรือเทคนิคอะไรบ้างนั้น มาดูกันได้เลยจ้าาา..




1.การเข้าใจพฤติกรรมของสุนัขของคุณ

          การจะสอนน้องหมาให้ขับถ่ายเป็นที่นั้น สามารถฝึกได้ตั้งเเต่หมาเด็ก ถึง หมาแก่ แต่ความยากง่ายนั้น ก็จะแตกต่างกันอยากไปด้วย โดยหมาเด็กจะฝึกได้ง่ายกว่าเพราะฝึกตั้งเเต่ยังเด็ก ส่วนหมาที่โตขึ้นมาหน่อย ก็จะฝึกยากกว่าเพราะก่อนหน้านี้
เจ้าของต้องให้เวลาน้องหมา และใจเย็น ๆ ให้มาก รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการทำโทษน้องหมา เวลาเค้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะนั่นอาจจะทำให้น้องหมากลัวและไม่เชื่อฟังเรา แย่ไปกว่านี้อาจจะเป็นความหวาดระแวงด้วย

2.สังเกตพฤติกรรมของสุนัข

          ต้องพยายามสังเกตชีวิตประจำวันของน้องหมาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะถ้าหากเรารู้ว่าเมื่อไรน้องหมาจะขับถ่าย ก็จะทำให้เราเตรียมรับมือกับมันได้ง่ายยิ่งขึ้น และพยายามสังเกตดูว่าถ้าน้องหมาอยากจะมีอาการ เดินวน ดมกลิ่น นั่งยอง และหางตั้ง
ให้เตรียมพร้อมรีบอุ้มไปเข้าห้องน้ำอย่างไว ทำแบบนี้เป็นประจำ เพื่อให้เค้ารู้ว่าเวลาปวดอึควรทำอย่างไร และถ้าหากฝึกแล้วเจ้าของยังมีปัญหาสุนัขขับถ่ายเรี่ยราดอยู่ ให้ลองพูดเสียงดังใส่น้องหมาว่า ” อย่า หรือ หยุด” หรือทำการชี้และพูดด้วย น้องหมาจะเรียนรู้ตามสัญชาตญาณเอง

3. กำหนดเวลาให้อาหาร

          เจ้าของควรกำหนดเวลาในการให้อาหารอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สุนัขกินอาหารตามต้องการ เพราะถ้าหากสุนัขกินทั้งวัน ก็จะทำให้สุนัขขับถ่ายทั้งวันด้วยเช่นกัน

4. การเลือกสถานที่ให้เหมาะสม

          เจ้าของควรเลือกพื้นที่ขับถ่ายให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละตัว และพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่คนพลุกพล่านเพราะจะทำให้น้องหมาไม่กล้าที่จะขับถ่าย และที่สำคัญพื้นที่ขับถ่ายของสุนัขควรมีพื้นกว้างพอเหมาะกับขนาดของสุนัขด้วยนะ



5. ฝึกให้ฝึกสุนัขขับถ่าย

          เทคนิคที่ช่วยให้สุนัขขับถ่ายเป็นที่ คือ การฝึกให้ทำตามคำสั่ง ขั้นแรกเจ้าของต้องพาน้องหมาไปยังบริเวณบริเวณที่ต้องการก่อน จากนั้นก็ออกคำสั่งให้น้องหมาเช่น “เบ่ง หรือ อึ” เสร็จแล้วรอจนกว่าสุนัขจะขับถ่ายเสร็จ พร้อมตบท้ายด้วยการให้รางวัล จำพวก ขนมสุนัข เป็นต้น

          แต่ถ้าไม่ยอมอึ ก็ให้พากลับเข้าบ้าน แล้วค่อยพาออกมาลองใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าน้องหมายังไม่ยอมขับถ่ายอีก แนะนำให้เจ้าของนำเชือกมาผูกสุนัขไว้กับที่ เช่น ต้นไม้ หรือ รั้ว แล้วรอจนกว่าน้องหมาจะอึหรือฉี่ แล้วค่อยปลดเชือกออก รับรองไม่ช้า สุนัขจะจดจำและขับถ่ายเป็นที่เป็นทางเองโดยสัญชาตญาณ จงอย่าคิดว่านี่คือการใจร้ายกับน้องแต่ เป็นเพียงการสอน เหมือนที่มีคำพูดว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีนั่นเอง

          ถึงแม้การฝึกสุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ ไม่ใช้เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป เจ้าของต้องมีความอดทน ใจเย็น ในช่วงเริ่มแรกที่ฝึกสุนัข และต้องพยายามสอนตามขั้นตอนรับรองได้เลย น้องหมาของคุณจะเชื่อฟังและยอมทำตามคำสั่งคุณแน่นอน


505
ไฟเบอร์! ตัวช่วยสุขภาพดีของน้องหมา

          " ไฟเบอร์ " ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพราะเป็นเส้นใยที่สามารถพบได้จากพืชหลากหลายชนิด ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพของมนุษย์แล้ว ก็ยังมีประโยชน์กับน้องหมาอีกด้วย ซึ่งการที่น้องหมาได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน ก็จะสามารถช่วยให้น้องหมามีสุขภาพที่ดีเช่นกัน มาดูกันค่ะว่า ไฟเบอร์มีประโยชน์กับน้องหมาอย่างไรบ้าง



ไฟเบอร์คืออะไร

          ไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหาร เป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย ส่วนใหญ่จะได้จากส่วนโครงสร้างของพืช เช่น กิ่ง ก้าน เมล็ด ที่ร่างกายมนุษย์และสัตว์ไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงเป็นกาก อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยให้อิ่มท้องได้นาน และดีต่อระบบย่อยอาหารเละช่วยเรื่องการขับถ่าย ช่วยลดอาการท้องผูกได้ดี ไฟเบอร์ ส่วนมากจะพบในพืช รวมถึงผลไม้ ผัก ธัญพืช และถั่ว สำหรับธัญพืชที่ผ่านการขัดสี อาจจะไม่ได้เป็นแหล่งของใยอาหารที่ดีนัก เนื่องจากด้านนอกที่อุดมด้วยเส้นใยถูกขัดออกไป

ไฟเบอร์แบบไหนดีต่อน้องหมาที่สุด?

          ไฟเบอร์นั้นจะมี 2 ชนิด ทั้งละลายน้ำได้ และไม่ละลายน้ำต่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพของน้องหมา จึงเหมาะที่จะให้น้องหมากินทั้ง 2 ชนิดซึ่งจะมีประโยชน์ต่อสุนัขดังนี้

          - น้องหมาที่มีร่างกายมีสุขภาพดี อาจจะให้น้องหมากินผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์บ้างในบางมื้อ เพื่อช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ โดยเลือกให้ผัก ผลไม้ที่ไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา อาจจะปรึกษาคุณหมอก่อนให้ผัก ผลไม้กับน้องหมาก่อนก็ได้

          - ในน้องหมาที่มีอาการท้องเสียเฉียบพลัน การเพิ่มเส้นใยที่ละลายน้ำได้จะสามารถช่วยได้ เนื่องเส้นใยจะช่วยดูดซับน้ำในลำไส้และชะลอกระบวนการย่อยอาหาร โดยอาจจะให้ ฟักทอง มาช่วยในการแก้อาการท้องเสียเป็นครั้งคราวก็ได้



         - หากน้องหมาทรมานจากอาการท้องเสียเรื้อรัง สิ่งสำคัญคือ การตรวจสอบว่า ปัญหาเกิดจากลำไส้ใหญ่ หรือลำไส้เล็ก หากเกิดจากลำไส้ใหญ่ การให้ไฟเบอร์จะสามารถช่วยได้ แต่ถ้าหากเป็นลำไส้เล็กนั้น ไฟเบอร์จะไม่สามารถช่วยได้ ควรพาน้องหมาไปพบคุณหมอเพื่อรักษาตามอาการจะดีที่สุด

           - น้องหมาที่มีอาการท้องผูก การเพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ จะช่วยให้อาหารผ่านในท้องสามารถผ่านทางกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการให้ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำแก่น้องหมาที่มีอาการท้องเสีย เนื่องจากมีทำหน้าที่เป็นยาระบายตามธรรมชาติ

          การเพิ่มไฟเบอร์ในมื้ออาหารของน้องหมา อาจจะทำให้อุจจาระของน้องหมามีปริมาณมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา กลับกันไฟเบอร์จะช่วยปรับสมดุลในระบบทางเดินอาหาร กำจัดของเสียที่คั่งค้าง แต่การให้ไฟเบอร์กับน้องหมา แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับปริมาณและความถี่ในการให้เพื่อความเหมาะสมกับความต้องการของน้องหมาแต่ละตัว



506
ไฟเบอร์! ตัวช่วยสุขภาพดีของน้องหมา

          " ไฟเบอร์ " ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพราะเป็นเส้นใยที่สามารถพบได้จากพืชหลากหลายชนิด ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพของมนุษย์แล้ว ก็ยังมีประโยชน์กับน้องหมาอีกด้วย ซึ่งการที่น้องหมาได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน ก็จะสามารถช่วยให้น้องหมามีสุขภาพที่ดีเช่นกัน มาดูกันค่ะว่า ไฟเบอร์มีประโยชน์กับน้องหมาอย่างไรบ้าง



ไฟเบอร์คืออะไร

          ไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหาร เป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย ส่วนใหญ่จะได้จากส่วนโครงสร้างของพืช เช่น กิ่ง ก้าน เมล็ด ที่ร่างกายมนุษย์และสัตว์ไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงเป็นกาก อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยให้อิ่มท้องได้นาน และดีต่อระบบย่อยอาหารเละช่วยเรื่องการขับถ่าย ช่วยลดอาการท้องผูกได้ดี ไฟเบอร์ ส่วนมากจะพบในพืช รวมถึงผลไม้ ผัก ธัญพืช และถั่ว สำหรับธัญพืชที่ผ่านการขัดสี อาจจะไม่ได้เป็นแหล่งของใยอาหารที่ดีนัก เนื่องจากด้านนอกที่อุดมด้วยเส้นใยถูกขัดออกไป

ไฟเบอร์แบบไหนดีต่อน้องหมาที่สุด?

          ไฟเบอร์นั้นจะมี 2 ชนิด ทั้งละลายน้ำได้ และไม่ละลายน้ำต่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพของน้องหมา จึงเหมาะที่จะให้น้องหมากินทั้ง 2 ชนิดซึ่งจะมีประโยชน์ต่อสุนัขดังนี้

          - น้องหมาที่มีร่างกายมีสุขภาพดี อาจจะให้น้องหมากินผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์บ้างในบางมื้อ เพื่อช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ โดยเลือกให้ผัก ผลไม้ที่ไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา อาจจะปรึกษาคุณหมอก่อนให้ผัก ผลไม้กับน้องหมาก่อนก็ได้

          - ในน้องหมาที่มีอาการท้องเสียเฉียบพลัน การเพิ่มเส้นใยที่ละลายน้ำได้จะสามารถช่วยได้ เนื่องเส้นใยจะช่วยดูดซับน้ำในลำไส้และชะลอกระบวนการย่อยอาหาร โดยอาจจะให้ ฟักทอง มาช่วยในการแก้อาการท้องเสียเป็นครั้งคราวก็ได้



         - หากน้องหมาทรมานจากอาการท้องเสียเรื้อรัง สิ่งสำคัญคือ การตรวจสอบว่า ปัญหาเกิดจากลำไส้ใหญ่ หรือลำไส้เล็ก หากเกิดจากลำไส้ใหญ่ การให้ไฟเบอร์จะสามารถช่วยได้ แต่ถ้าหากเป็นลำไส้เล็กนั้น ไฟเบอร์จะไม่สามารถช่วยได้ ควรพาน้องหมาไปพบคุณหมอเพื่อรักษาตามอาการจะดีที่สุด

           - น้องหมาที่มีอาการท้องผูก การเพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ จะช่วยให้อาหารผ่านในท้องสามารถผ่านทางกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการให้ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำแก่น้องหมาที่มีอาการท้องเสีย เนื่องจากมีทำหน้าที่เป็นยาระบายตามธรรมชาติ

          การเพิ่มไฟเบอร์ในมื้ออาหารของน้องหมา อาจจะทำให้อุจจาระของน้องหมามีปริมาณมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา กลับกันไฟเบอร์จะช่วยปรับสมดุลในระบบทางเดินอาหาร กำจัดของเสียที่คั่งค้าง แต่การให้ไฟเบอร์กับน้องหมา แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับปริมาณและความถี่ในการให้เพื่อความเหมาะสมกับความต้องการของน้องหมาแต่ละตัว



507
ไฟเบอร์! ตัวช่วยสุขภาพดีของน้องหมา

          " ไฟเบอร์ " ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพราะเป็นเส้นใยที่สามารถพบได้จากพืชหลากหลายชนิด ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพของมนุษย์แล้ว ก็ยังมีประโยชน์กับน้องหมาอีกด้วย ซึ่งการที่น้องหมาได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน ก็จะสามารถช่วยให้น้องหมามีสุขภาพที่ดีเช่นกัน มาดูกันค่ะว่า ไฟเบอร์มีประโยชน์กับน้องหมาอย่างไรบ้าง



ไฟเบอร์คืออะไร

          ไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหาร เป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย ส่วนใหญ่จะได้จากส่วนโครงสร้างของพืช เช่น กิ่ง ก้าน เมล็ด ที่ร่างกายมนุษย์และสัตว์ไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงเป็นกาก อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยให้อิ่มท้องได้นาน และดีต่อระบบย่อยอาหารเละช่วยเรื่องการขับถ่าย ช่วยลดอาการท้องผูกได้ดี ไฟเบอร์ ส่วนมากจะพบในพืช รวมถึงผลไม้ ผัก ธัญพืช และถั่ว สำหรับธัญพืชที่ผ่านการขัดสี อาจจะไม่ได้เป็นแหล่งของใยอาหารที่ดีนัก เนื่องจากด้านนอกที่อุดมด้วยเส้นใยถูกขัดออกไป

ไฟเบอร์แบบไหนดีต่อน้องหมาที่สุด?

          ไฟเบอร์นั้นจะมี 2 ชนิด ทั้งละลายน้ำได้ และไม่ละลายน้ำต่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพของน้องหมา จึงเหมาะที่จะให้น้องหมากินทั้ง 2 ชนิดซึ่งจะมีประโยชน์ต่อสุนัขดังนี้

          - น้องหมาที่มีร่างกายมีสุขภาพดี อาจจะให้น้องหมากินผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์บ้างในบางมื้อ เพื่อช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ โดยเลือกให้ผัก ผลไม้ที่ไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา อาจจะปรึกษาคุณหมอก่อนให้ผัก ผลไม้กับน้องหมาก่อนก็ได้

          - ในน้องหมาที่มีอาการท้องเสียเฉียบพลัน การเพิ่มเส้นใยที่ละลายน้ำได้จะสามารถช่วยได้ เนื่องเส้นใยจะช่วยดูดซับน้ำในลำไส้และชะลอกระบวนการย่อยอาหาร โดยอาจจะให้ ฟักทอง มาช่วยในการแก้อาการท้องเสียเป็นครั้งคราวก็ได้



         - หากน้องหมาทรมานจากอาการท้องเสียเรื้อรัง สิ่งสำคัญคือ การตรวจสอบว่า ปัญหาเกิดจากลำไส้ใหญ่ หรือลำไส้เล็ก หากเกิดจากลำไส้ใหญ่ การให้ไฟเบอร์จะสามารถช่วยได้ แต่ถ้าหากเป็นลำไส้เล็กนั้น ไฟเบอร์จะไม่สามารถช่วยได้ ควรพาน้องหมาไปพบคุณหมอเพื่อรักษาตามอาการจะดีที่สุด

           - น้องหมาที่มีอาการท้องผูก การเพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ จะช่วยให้อาหารผ่านในท้องสามารถผ่านทางกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการให้ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำแก่น้องหมาที่มีอาการท้องเสีย เนื่องจากมีทำหน้าที่เป็นยาระบายตามธรรมชาติ

          การเพิ่มไฟเบอร์ในมื้ออาหารของน้องหมา อาจจะทำให้อุจจาระของน้องหมามีปริมาณมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา กลับกันไฟเบอร์จะช่วยปรับสมดุลในระบบทางเดินอาหาร กำจัดของเสียที่คั่งค้าง แต่การให้ไฟเบอร์กับน้องหมา แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับปริมาณและความถี่ในการให้เพื่อความเหมาะสมกับความต้องการของน้องหมาแต่ละตัว



508
ไฟเบอร์! ตัวช่วยสุขภาพดีของน้องหมา

          " ไฟเบอร์ " ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพราะเป็นเส้นใยที่สามารถพบได้จากพืชหลากหลายชนิด ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพของมนุษย์แล้ว ก็ยังมีประโยชน์กับน้องหมาอีกด้วย ซึ่งการที่น้องหมาได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน ก็จะสามารถช่วยให้น้องหมามีสุขภาพที่ดีเช่นกัน มาดูกันค่ะว่า ไฟเบอร์มีประโยชน์กับน้องหมาอย่างไรบ้าง



ไฟเบอร์คืออะไร

          ไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหาร เป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย ส่วนใหญ่จะได้จากส่วนโครงสร้างของพืช เช่น กิ่ง ก้าน เมล็ด ที่ร่างกายมนุษย์และสัตว์ไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงเป็นกาก อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยให้อิ่มท้องได้นาน และดีต่อระบบย่อยอาหารเละช่วยเรื่องการขับถ่าย ช่วยลดอาการท้องผูกได้ดี ไฟเบอร์ ส่วนมากจะพบในพืช รวมถึงผลไม้ ผัก ธัญพืช และถั่ว สำหรับธัญพืชที่ผ่านการขัดสี อาจจะไม่ได้เป็นแหล่งของใยอาหารที่ดีนัก เนื่องจากด้านนอกที่อุดมด้วยเส้นใยถูกขัดออกไป

ไฟเบอร์แบบไหนดีต่อน้องหมาที่สุด?

          ไฟเบอร์นั้นจะมี 2 ชนิด ทั้งละลายน้ำได้ และไม่ละลายน้ำต่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพของน้องหมา จึงเหมาะที่จะให้น้องหมากินทั้ง 2 ชนิดซึ่งจะมีประโยชน์ต่อสุนัขดังนี้

          - น้องหมาที่มีร่างกายมีสุขภาพดี อาจจะให้น้องหมากินผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์บ้างในบางมื้อ เพื่อช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ โดยเลือกให้ผัก ผลไม้ที่ไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา อาจจะปรึกษาคุณหมอก่อนให้ผัก ผลไม้กับน้องหมาก่อนก็ได้

          - ในน้องหมาที่มีอาการท้องเสียเฉียบพลัน การเพิ่มเส้นใยที่ละลายน้ำได้จะสามารถช่วยได้ เนื่องเส้นใยจะช่วยดูดซับน้ำในลำไส้และชะลอกระบวนการย่อยอาหาร โดยอาจจะให้ ฟักทอง มาช่วยในการแก้อาการท้องเสียเป็นครั้งคราวก็ได้



         - หากน้องหมาทรมานจากอาการท้องเสียเรื้อรัง สิ่งสำคัญคือ การตรวจสอบว่า ปัญหาเกิดจากลำไส้ใหญ่ หรือลำไส้เล็ก หากเกิดจากลำไส้ใหญ่ การให้ไฟเบอร์จะสามารถช่วยได้ แต่ถ้าหากเป็นลำไส้เล็กนั้น ไฟเบอร์จะไม่สามารถช่วยได้ ควรพาน้องหมาไปพบคุณหมอเพื่อรักษาตามอาการจะดีที่สุด

           - น้องหมาที่มีอาการท้องผูก การเพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ จะช่วยให้อาหารผ่านในท้องสามารถผ่านทางกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการให้ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำแก่น้องหมาที่มีอาการท้องเสีย เนื่องจากมีทำหน้าที่เป็นยาระบายตามธรรมชาติ

          การเพิ่มไฟเบอร์ในมื้ออาหารของน้องหมา อาจจะทำให้อุจจาระของน้องหมามีปริมาณมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา กลับกันไฟเบอร์จะช่วยปรับสมดุลในระบบทางเดินอาหาร กำจัดของเสียที่คั่งค้าง แต่การให้ไฟเบอร์กับน้องหมา แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับปริมาณและความถี่ในการให้เพื่อความเหมาะสมกับความต้องการของน้องหมาแต่ละตัว



509
บริตทานีสแปเนียล (Brittany Spaniel)

         สายพันธุ์ บริตทานี เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อเมืองทางเหนือของประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นแหล่งกำเนิดของสายพันธุ์นี้ เป็นน้องหมาที่มีที่มาของสายพันธุ์ไม่เด่นชัด แต่ก็เป็นน้องหมาอีกสายพันธุ์ทีมีความน่าสนใจอีกสายพันธุ์หนึ่ง



ลักษณะทั่วไป

         บริตทานีสแปเนียล หรือ บริตทานี เป็นสุนัขล่าเหยื่อขนาดกลาง ขนหนาและสวยเด่นเป็นสง่า ขายาว แข็งแรง คล่องแคล่วว่องไว  อาจมีหางสั้นกุดหรือไม่มีหางก็ได้ สูงประมาณ 17-20 นิ้ว และหนักประมาณ 13-18 กิโลกรัมสีขนมีหลากหลาย เช่น สีส้มขาว สีแดงเลือดกับขาว สีดำขาว และบางทีมีสามสี มักถูกเลี้ยงอยู่ในชนบทเพื่อใช้ล่านก กระรอก และกระต่ายป่า บางที่เลี้ยงไว้ใช้ในการแข่งกีฬาล่าสัตว์ต่างๆ ชอบวิ่งเล่นในที่กว้าง ๆ อายุขัยประมาณ 12-14 ปี

ลักษณะนิสัย

         บริตทานีมีนิสัยร่าเริง ฉลาด รักสนุก รักอิสระ พลังงานเยอะ กระฉับกระเฉง ว่องไว ซื่อสัตย์ เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา บริตทานีเป็นสุนัขประเภทใช้ล่าเหยื่อจึงมีสัญชาตญาณในการล่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น นก กระรอก กระต่ายป่า ชอบพื้นที่กว้าง ๆ ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ มีทักษะในการหาตำแหน่งและกู้ภัย ต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายและจิตใจสมบูรณ์แข็งแรง



การดูแล

         สุนัขพันธุ์นี้ขนจะสั้นกว่าสุนัขล่าเหยื่อพันธุ์อื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องแปรงขนเป็นประจำ และไม่ควรใช้แปรงหมุดหรือแปรงสลิกเกอร์ในการแปรงขนให้บริตทานี แต่ต้องดูแลรักษาความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ บริตทานีมีความกระตือรือร้นสูง มีสามารถรอบด้าน และมีพลังงานเยอะ เลยต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน และต้องการพื้นที่กว้าง ๆ ไว้วิ่งเล่น

         บริตทานี เหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีความกระตือรือร้น และ แข็งแรง พร้อมที่จะบุกป่าผ่าดงไปกับเขาได้ หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบเกมส์กีฬาล่าสัตว์ บริตทานีนั้นไม่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในอพาร์ตเม้นท์ เพราะพวกเขานั้นเป็นน้องหมาที่รักอิสระ และต้องการพื้น ไว้วิ่งเล่นและล่าสัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ ควรเลี้ยงไว้นอกบ้านมากกว่าในบ้าน สามารถเลี้ยงไว้กับเด็กเล็กได้ เพราะเขาสามารถเข้ากับเด็กได้ดี ผู้เลี้ยงที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่แนะนำให้เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้

ข้อควรจำ

         โดยปกติแล้ว สุนัขพันธุ์บริตทานีเป็นสุนัขที่แข็งแรง แต่ควรระวังเรื่องการติดเชื้อตา และความผิดปกติของสะโพก แม้บริตทานีจะเข้ากับเด็กได้ดี แต่เขาก็เป็นสุนัขที่มีพลังงานเหลือเฟือ หากเลี้ยงไว้กับเด็กต้องคอยระวังไม่ให้เขาเล่นแรงกับเด็กเกินไปควรที่จะมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยข้าง ๆ เสมอ เพื่อป้องกันไว้ก่อน และเมื่อถึงกำหนดการฉีดวัคซีนก็จะต้องพาไปรับให้ตรงกำหนด เพื่อสุขภาพของน้องหมาตัวเก่งของเรานั่นเอง






510
บริตทานีสแปเนียล (Brittany Spaniel)

         สายพันธุ์ บริตทานี เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อเมืองทางเหนือของประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นแหล่งกำเนิดของสายพันธุ์นี้ เป็นน้องหมาที่มีที่มาของสายพันธุ์ไม่เด่นชัด แต่ก็เป็นน้องหมาอีกสายพันธุ์ทีมีความน่าสนใจอีกสายพันธุ์หนึ่ง



ลักษณะทั่วไป

         บริตทานีสแปเนียล หรือ บริตทานี เป็นสุนัขล่าเหยื่อขนาดกลาง ขนหนาและสวยเด่นเป็นสง่า ขายาว แข็งแรง คล่องแคล่วว่องไว  อาจมีหางสั้นกุดหรือไม่มีหางก็ได้ สูงประมาณ 17-20 นิ้ว และหนักประมาณ 13-18 กิโลกรัมสีขนมีหลากหลาย เช่น สีส้มขาว สีแดงเลือดกับขาว สีดำขาว และบางทีมีสามสี มักถูกเลี้ยงอยู่ในชนบทเพื่อใช้ล่านก กระรอก และกระต่ายป่า บางที่เลี้ยงไว้ใช้ในการแข่งกีฬาล่าสัตว์ต่างๆ ชอบวิ่งเล่นในที่กว้าง ๆ อายุขัยประมาณ 12-14 ปี

ลักษณะนิสัย

         บริตทานีมีนิสัยร่าเริง ฉลาด รักสนุก รักอิสระ พลังงานเยอะ กระฉับกระเฉง ว่องไว ซื่อสัตย์ เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา บริตทานีเป็นสุนัขประเภทใช้ล่าเหยื่อจึงมีสัญชาตญาณในการล่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น นก กระรอก กระต่ายป่า ชอบพื้นที่กว้าง ๆ ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ มีทักษะในการหาตำแหน่งและกู้ภัย ต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายและจิตใจสมบูรณ์แข็งแรง



การดูแล

         สุนัขพันธุ์นี้ขนจะสั้นกว่าสุนัขล่าเหยื่อพันธุ์อื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องแปรงขนเป็นประจำ และไม่ควรใช้แปรงหมุดหรือแปรงสลิกเกอร์ในการแปรงขนให้บริตทานี แต่ต้องดูแลรักษาความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ บริตทานีมีความกระตือรือร้นสูง มีสามารถรอบด้าน และมีพลังงานเยอะ เลยต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน และต้องการพื้นที่กว้าง ๆ ไว้วิ่งเล่น

         บริตทานี เหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีความกระตือรือร้น และ แข็งแรง พร้อมที่จะบุกป่าผ่าดงไปกับเขาได้ หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบเกมส์กีฬาล่าสัตว์ บริตทานีนั้นไม่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในอพาร์ตเม้นท์ เพราะพวกเขานั้นเป็นน้องหมาที่รักอิสระ และต้องการพื้น ไว้วิ่งเล่นและล่าสัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ ควรเลี้ยงไว้นอกบ้านมากกว่าในบ้าน สามารถเลี้ยงไว้กับเด็กเล็กได้ เพราะเขาสามารถเข้ากับเด็กได้ดี ผู้เลี้ยงที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่แนะนำให้เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้

ข้อควรจำ

         โดยปกติแล้ว สุนัขพันธุ์บริตทานีเป็นสุนัขที่แข็งแรง แต่ควรระวังเรื่องการติดเชื้อตา และความผิดปกติของสะโพก แม้บริตทานีจะเข้ากับเด็กได้ดี แต่เขาก็เป็นสุนัขที่มีพลังงานเหลือเฟือ หากเลี้ยงไว้กับเด็กต้องคอยระวังไม่ให้เขาเล่นแรงกับเด็กเกินไปควรที่จะมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยข้าง ๆ เสมอ เพื่อป้องกันไว้ก่อน และเมื่อถึงกำหนดการฉีดวัคซีนก็จะต้องพาไปรับให้ตรงกำหนด เพื่อสุขภาพของน้องหมาตัวเก่งของเรานั่นเอง