แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

481
ข้อดีของการพาแมวไปทำหมัน

          เมื่อพูดพูดถึงเรื่องการเลี้ยงน้องแมวแล้วทาสหลาย ๆ คนคงเคยพาจับน้องแมวของท่านนั้นไปทำหมันแน่นอน แต่มีบางคนที่ยังไม่กล้าที่จะทำหมันเพราะไม่รู้ว่าทำแล้วมันจะดีไหม กลัวน้องเปลี่ยนไปในทางที่แน่กว่าแต่ไม่ต้องกังวนไปเนื่องการทำหมันมันมีข้อดีเต็มไปหมดจะมีอะไรบ้างนั้น อ่านกันด้านล่างเลย
ทำไมต้องทำหมันแมว



          การทำหมันแมว เป็นการควบคุมประชากรแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการป้องกันการเกิดแมวจรได้ดีที่สุด เพราะแมวสามารถตั้งท้องได้ถึง 4 ครั้งต่อปี และในจำนวนลูกแมวในแต่ละครั้งอาจมีได้ถึง 4-5 ตัวเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ต้องการจะขยายหรือเพาะพันธุ์แมวล่ะก็ ควรพาน้องแมวไปทำหมันนะ

          โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อแมวโตขึ้นจนเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธฺ์แล้ว จะแสดงพฤติกรรมติดสัด ซึ่งเป็นการดึงดูดเรียกแมวเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ เช่น การส่งเสียงร้องหง่าว ดุร้าย ก้าวร้าว ฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตไม่เป็นที่ หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน และอาจจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลจากการต่อสู้ รวมถึงอาจจะติดโรคมาจากแมวตัวอื่นได้
ข้อดีของการทำหมันแมว

1.   ช่วยให้แมวมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเต้านม,มะเร็งอัณฑะ

2.   แมวตัวเมียจะไม่ทรมานกับพฤติกรรมติดสัดอีกต่อไป

3.   ลดพฤติกรรมฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย

4.   ในแมวตัวผู้ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย หรือการกัดทะเลาะกันเพื่อแย่งตัวเมีย

5.   ป้องกันแมวหายออกจากบ้าน หลังทำหมันแมวจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น จะไม่ค่อยหนีเที่ยวออกจากบ้าน

6.   ป้องกันการบาดเจ็บ รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆจากการกัดกันกับแมวตัวอื่น หรือการติดเชื้อจากการผสมพันธุ์

7.   เป็นการควบคุมประชากรแมวที่ดีที่สุด ช่วยลดปัญหาแมวจรจัดในสังคมได้นะ



สามารถทำหมันแมวได้เมื่อไร

•   แมวตัวเมีย สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 2 kg. ขึ้นไป ต้องไม่ท้องหรือไม่มีการผสมพันธุ์มาภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 1.5 เดือนก่อน หรือเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว จึงสามารถพาแม่แมวไปทำหมันได้นะ

•   แมวตัวผู้ สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน หรือรอให้ไข่ลงถุงก่อน ควรเริ่มทำหมันก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมหง่าวหรือก้าวร้าว

การเตรียมตัวก่อนพาแมวไปทำหมัน

•   แมวต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย

•   ควรตรวจเลือดก่อนการทำหมัน เพื่อความปลอดภัย

•   งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชม. **ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากการทำหมันจะมีการวางยาสลบ หากมีน้ำหรือเศษอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร แมวอาจสำลักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะ**



482
ข้อดีของการพาแมวไปทำหมัน

          เมื่อพูดพูดถึงเรื่องการเลี้ยงน้องแมวแล้วทาสหลาย ๆ คนคงเคยพาจับน้องแมวของท่านนั้นไปทำหมันแน่นอน แต่มีบางคนที่ยังไม่กล้าที่จะทำหมันเพราะไม่รู้ว่าทำแล้วมันจะดีไหม กลัวน้องเปลี่ยนไปในทางที่แน่กว่าแต่ไม่ต้องกังวนไปเนื่องการทำหมันมันมีข้อดีเต็มไปหมดจะมีอะไรบ้างนั้น อ่านกันด้านล่างเลย
ทำไมต้องทำหมันแมว



          การทำหมันแมว เป็นการควบคุมประชากรแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการป้องกันการเกิดแมวจรได้ดีที่สุด เพราะแมวสามารถตั้งท้องได้ถึง 4 ครั้งต่อปี และในจำนวนลูกแมวในแต่ละครั้งอาจมีได้ถึง 4-5 ตัวเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ต้องการจะขยายหรือเพาะพันธุ์แมวล่ะก็ ควรพาน้องแมวไปทำหมันนะ

          โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อแมวโตขึ้นจนเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธฺ์แล้ว จะแสดงพฤติกรรมติดสัด ซึ่งเป็นการดึงดูดเรียกแมวเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ เช่น การส่งเสียงร้องหง่าว ดุร้าย ก้าวร้าว ฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตไม่เป็นที่ หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน และอาจจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลจากการต่อสู้ รวมถึงอาจจะติดโรคมาจากแมวตัวอื่นได้
ข้อดีของการทำหมันแมว

1.   ช่วยให้แมวมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเต้านม,มะเร็งอัณฑะ

2.   แมวตัวเมียจะไม่ทรมานกับพฤติกรรมติดสัดอีกต่อไป

3.   ลดพฤติกรรมฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย

4.   ในแมวตัวผู้ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย หรือการกัดทะเลาะกันเพื่อแย่งตัวเมีย

5.   ป้องกันแมวหายออกจากบ้าน หลังทำหมันแมวจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น จะไม่ค่อยหนีเที่ยวออกจากบ้าน

6.   ป้องกันการบาดเจ็บ รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆจากการกัดกันกับแมวตัวอื่น หรือการติดเชื้อจากการผสมพันธุ์

7.   เป็นการควบคุมประชากรแมวที่ดีที่สุด ช่วยลดปัญหาแมวจรจัดในสังคมได้นะ



สามารถทำหมันแมวได้เมื่อไร

•   แมวตัวเมีย สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 2 kg. ขึ้นไป ต้องไม่ท้องหรือไม่มีการผสมพันธุ์มาภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 1.5 เดือนก่อน หรือเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว จึงสามารถพาแม่แมวไปทำหมันได้นะ

•   แมวตัวผู้ สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน หรือรอให้ไข่ลงถุงก่อน ควรเริ่มทำหมันก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมหง่าวหรือก้าวร้าว

การเตรียมตัวก่อนพาแมวไปทำหมัน

•   แมวต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย

•   ควรตรวจเลือดก่อนการทำหมัน เพื่อความปลอดภัย

•   งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชม. **ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากการทำหมันจะมีการวางยาสลบ หากมีน้ำหรือเศษอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร แมวอาจสำลักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะ**



483
ข้อดีของการพาแมวไปทำหมัน

          เมื่อพูดพูดถึงเรื่องการเลี้ยงน้องแมวแล้วทาสหลาย ๆ คนคงเคยพาจับน้องแมวของท่านนั้นไปทำหมันแน่นอน แต่มีบางคนที่ยังไม่กล้าที่จะทำหมันเพราะไม่รู้ว่าทำแล้วมันจะดีไหม กลัวน้องเปลี่ยนไปในทางที่แน่กว่าแต่ไม่ต้องกังวนไปเนื่องการทำหมันมันมีข้อดีเต็มไปหมดจะมีอะไรบ้างนั้น อ่านกันด้านล่างเลย
ทำไมต้องทำหมันแมว



          การทำหมันแมว เป็นการควบคุมประชากรแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการป้องกันการเกิดแมวจรได้ดีที่สุด เพราะแมวสามารถตั้งท้องได้ถึง 4 ครั้งต่อปี และในจำนวนลูกแมวในแต่ละครั้งอาจมีได้ถึง 4-5 ตัวเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ต้องการจะขยายหรือเพาะพันธุ์แมวล่ะก็ ควรพาน้องแมวไปทำหมันนะ

          โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อแมวโตขึ้นจนเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธฺ์แล้ว จะแสดงพฤติกรรมติดสัด ซึ่งเป็นการดึงดูดเรียกแมวเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ เช่น การส่งเสียงร้องหง่าว ดุร้าย ก้าวร้าว ฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตไม่เป็นที่ หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน และอาจจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลจากการต่อสู้ รวมถึงอาจจะติดโรคมาจากแมวตัวอื่นได้
ข้อดีของการทำหมันแมว

1.   ช่วยให้แมวมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเต้านม,มะเร็งอัณฑะ

2.   แมวตัวเมียจะไม่ทรมานกับพฤติกรรมติดสัดอีกต่อไป

3.   ลดพฤติกรรมฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย

4.   ในแมวตัวผู้ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย หรือการกัดทะเลาะกันเพื่อแย่งตัวเมีย

5.   ป้องกันแมวหายออกจากบ้าน หลังทำหมันแมวจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น จะไม่ค่อยหนีเที่ยวออกจากบ้าน

6.   ป้องกันการบาดเจ็บ รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆจากการกัดกันกับแมวตัวอื่น หรือการติดเชื้อจากการผสมพันธุ์

7.   เป็นการควบคุมประชากรแมวที่ดีที่สุด ช่วยลดปัญหาแมวจรจัดในสังคมได้นะ



สามารถทำหมันแมวได้เมื่อไร

•   แมวตัวเมีย สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 2 kg. ขึ้นไป ต้องไม่ท้องหรือไม่มีการผสมพันธุ์มาภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 1.5 เดือนก่อน หรือเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว จึงสามารถพาแม่แมวไปทำหมันได้นะ

•   แมวตัวผู้ สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน หรือรอให้ไข่ลงถุงก่อน ควรเริ่มทำหมันก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมหง่าวหรือก้าวร้าว

การเตรียมตัวก่อนพาแมวไปทำหมัน

•   แมวต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย

•   ควรตรวจเลือดก่อนการทำหมัน เพื่อความปลอดภัย

•   งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชม. **ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากการทำหมันจะมีการวางยาสลบ หากมีน้ำหรือเศษอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร แมวอาจสำลักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะ**



484
ข้อดีของการพาแมวไปทำหมัน

          เมื่อพูดพูดถึงเรื่องการเลี้ยงน้องแมวแล้วทาสหลาย ๆ คนคงเคยพาจับน้องแมวของท่านนั้นไปทำหมันแน่นอน แต่มีบางคนที่ยังไม่กล้าที่จะทำหมันเพราะไม่รู้ว่าทำแล้วมันจะดีไหม กลัวน้องเปลี่ยนไปในทางที่แน่กว่าแต่ไม่ต้องกังวนไปเนื่องการทำหมันมันมีข้อดีเต็มไปหมดจะมีอะไรบ้างนั้น อ่านกันด้านล่างเลย
ทำไมต้องทำหมันแมว



          การทำหมันแมว เป็นการควบคุมประชากรแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการป้องกันการเกิดแมวจรได้ดีที่สุด เพราะแมวสามารถตั้งท้องได้ถึง 4 ครั้งต่อปี และในจำนวนลูกแมวในแต่ละครั้งอาจมีได้ถึง 4-5 ตัวเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ต้องการจะขยายหรือเพาะพันธุ์แมวล่ะก็ ควรพาน้องแมวไปทำหมันนะ

          โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อแมวโตขึ้นจนเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธฺ์แล้ว จะแสดงพฤติกรรมติดสัด ซึ่งเป็นการดึงดูดเรียกแมวเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ เช่น การส่งเสียงร้องหง่าว ดุร้าย ก้าวร้าว ฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตไม่เป็นที่ หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน และอาจจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลจากการต่อสู้ รวมถึงอาจจะติดโรคมาจากแมวตัวอื่นได้
ข้อดีของการทำหมันแมว

1.   ช่วยให้แมวมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเต้านม,มะเร็งอัณฑะ

2.   แมวตัวเมียจะไม่ทรมานกับพฤติกรรมติดสัดอีกต่อไป

3.   ลดพฤติกรรมฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย

4.   ในแมวตัวผู้ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย หรือการกัดทะเลาะกันเพื่อแย่งตัวเมีย

5.   ป้องกันแมวหายออกจากบ้าน หลังทำหมันแมวจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น จะไม่ค่อยหนีเที่ยวออกจากบ้าน

6.   ป้องกันการบาดเจ็บ รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆจากการกัดกันกับแมวตัวอื่น หรือการติดเชื้อจากการผสมพันธุ์

7.   เป็นการควบคุมประชากรแมวที่ดีที่สุด ช่วยลดปัญหาแมวจรจัดในสังคมได้นะ



สามารถทำหมันแมวได้เมื่อไร

•   แมวตัวเมีย สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 2 kg. ขึ้นไป ต้องไม่ท้องหรือไม่มีการผสมพันธุ์มาภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 1.5 เดือนก่อน หรือเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว จึงสามารถพาแม่แมวไปทำหมันได้นะ

•   แมวตัวผู้ สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน หรือรอให้ไข่ลงถุงก่อน ควรเริ่มทำหมันก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมหง่าวหรือก้าวร้าว

การเตรียมตัวก่อนพาแมวไปทำหมัน

•   แมวต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย

•   ควรตรวจเลือดก่อนการทำหมัน เพื่อความปลอดภัย

•   งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชม. **ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากการทำหมันจะมีการวางยาสลบ หากมีน้ำหรือเศษอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร แมวอาจสำลักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะ**



485
สิ่งต้องระวังตอนอาบน้ำสุนัข

          เมื่อถึงวันที่ต้องอาบน้ำให้กับเจ้าน้องหมาตัวแสบ สำหรับคนที่อาบให้เองนั้นก็คงต้องปาดเหงื่อ แล้วแอบเบ้หน้ากันเป็นแถว ยิ่งที่บ้านมีจำนวนสมาชิกเยอะ ยิ่งเหมือนมหกรรมอาบน้ำหมาประจำปีเลย มองแล้วออกจะดูวุ่นวายใช่ย่อยเลย
แต่ถึงจะวุ่นวายสักแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่เจ้าของต้องเน้นและให้ความสำคัญกับเรื่องการอาบน้ำให้นอน ๆ นั้นก็พลาดไม่ได้ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องนี้กันเสียหน่อย เป็นเรื่องสิ่งที่ต้องระวังระหว่างที่ทำกิจกรรมการอาบน้ำหมานั่นเองจะมีเรื่องอะไรบ้างมาดูกันเลย
สิ่งต้องระวังตอนอาบน้ำสุนัข



1.ขยันอาบบ่อยเกินไป

          หลายคนคงยังไม่รู้ว่า การอาบน้ำหมานั้นจะต้องมีความห่างถี่สักแค่ไหน หรือว่าต้องยึดอะไรเป็นหลัก กะเก็งกันไม่ถูก ซี่งที่ถูกต้องแล้วนั้นควรยึดความถี่ในการอาบน้ำขึ้นอยู่กับหลายสิ่ง เช่น สายพันธุ์ , ความสกปรก(แอบไปเล่นซนจะเลอะเทอะ) , กลิ่นของสุนัข

          แต่ก็ไม่ควรที่จะอาบน้ำที่บ่อยเกินไป เพราะนั่นอาจไปชะล้างน้ำมันธรรมชาติและอาจมีปัญหาเรื่องผิวหนังแห้งหรือคัน ถ้าได้แชมพูที่มีความชุ่มชื่นให้ผิวหนังสุนัขจะดีมาก

2.ระวังเกิดการลื่น

          การอาบน้ำน้องหมานั้นมักจะมีฟองของแชมพูที่เยอะมากจนเหมือนโรงงานผลิตฟองเลย และระหว่างการอาบนี่ล่ะอาจเกิดการล้อฟรี ลื่นปรี๊ดกันได้ทั้งคนและสุนัข ให้ลองหาแผ่นยางมาวางนะจุดยืนของทั้งสองฝ่าย ถ้าใหญ่พอ จะแบ่งยืนด้วยกันก็ได้ ต่อไปนี้รากฐานของสองเราก็จะมั่นคง ไม่ต้องอาบน้ำไปกังวลไปว่าใครจะล้มก่อนกัน



3.เจ้าน้องหมาตัวแสบวิ่งหนี

          จงอย่าไว้ใจเป็นอันขาดว่าจะสามารถเอาน้องหมาอยู่ได้ด้วยสองมือ เพราะน้องหมานั้นโหยหาอิสระภาพขณะที่ฟองสบู่ยังเต็มตัวแล้วยิ่งคึก มักจะวิ่งไปไล่ไถลพื้นอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะจับมาอยู่จุดเดิมเหมือนต้องเริ่มกันใหม่จากศูนย์
          ดังนั้นขอแนะนำว่า ถ้ายิ่งเป็นน้องหมาใหญ่ล่ามเอาไว้จะทำให้อุ่นใจมากกว่า  ส่วนหมาเล็กจะล่ามก็ได้หรือปิดทางหนีทีไล่ทั้งประตูและช่องหลบหนีทั้งหลายให้มิดชิด การทำแบบนี้ทำให้เราไม่ต้องพะวงคอยจับมือหนึ่งอาบมือหนึ่งด้วย

4.หมาหนาว

          พยายามใช้เวลาอย่านานมาก เพราะอาจทำให้โอกาสป่วยเป็นโรคปอดบวมได้ง่าย การอาบน้ำควรอาบให้ในเวลาที่มีแดดออก อากาศไม่หนาวมาก เมื่ออาบเสร็จแล้วจึงเช็ดตัวสุนัขให้แห้งในทันที  วิธีการอาบก็เช่นกัน การใช้สายฉีดอาบน้ำตอนฉีดน้ำยังไม่เท่าไรแต่พอฉีดเสร็จอุณหภูมิจะลดลงอย่างเร็วหมาอาจจะหนาวได้ การอาบโดยให้น้องหมาแช่ในอ่างขณะที่อาบก็ช่วยได้  อาบเสร็จเช็ดตัวเป่าขนกันให้เสร็จสรรพด้วยนะ เพื่อเจ้าแสบของเราจะได้ไม่ป่วยจ้า

          อาจดูเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ  แต่ก็ไม่ควรมองข้ามนะ สำหรับสิ่งที่ต้องระวังในการอาบน้ำให้เหล่าจอมซนสี่ขาที่น่ารักของทุกคน



486
สิ่งต้องระวังตอนอาบน้ำสุนัข

          เมื่อถึงวันที่ต้องอาบน้ำให้กับเจ้าน้องหมาตัวแสบ สำหรับคนที่อาบให้เองนั้นก็คงต้องปาดเหงื่อ แล้วแอบเบ้หน้ากันเป็นแถว ยิ่งที่บ้านมีจำนวนสมาชิกเยอะ ยิ่งเหมือนมหกรรมอาบน้ำหมาประจำปีเลย มองแล้วออกจะดูวุ่นวายใช่ย่อยเลย
แต่ถึงจะวุ่นวายสักแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่เจ้าของต้องเน้นและให้ความสำคัญกับเรื่องการอาบน้ำให้นอน ๆ นั้นก็พลาดไม่ได้ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องนี้กันเสียหน่อย เป็นเรื่องสิ่งที่ต้องระวังระหว่างที่ทำกิจกรรมการอาบน้ำหมานั่นเองจะมีเรื่องอะไรบ้างมาดูกันเลย
สิ่งต้องระวังตอนอาบน้ำสุนัข



1.ขยันอาบบ่อยเกินไป

          หลายคนคงยังไม่รู้ว่า การอาบน้ำหมานั้นจะต้องมีความห่างถี่สักแค่ไหน หรือว่าต้องยึดอะไรเป็นหลัก กะเก็งกันไม่ถูก ซี่งที่ถูกต้องแล้วนั้นควรยึดความถี่ในการอาบน้ำขึ้นอยู่กับหลายสิ่ง เช่น สายพันธุ์ , ความสกปรก(แอบไปเล่นซนจะเลอะเทอะ) , กลิ่นของสุนัข

          แต่ก็ไม่ควรที่จะอาบน้ำที่บ่อยเกินไป เพราะนั่นอาจไปชะล้างน้ำมันธรรมชาติและอาจมีปัญหาเรื่องผิวหนังแห้งหรือคัน ถ้าได้แชมพูที่มีความชุ่มชื่นให้ผิวหนังสุนัขจะดีมาก

2.ระวังเกิดการลื่น

          การอาบน้ำน้องหมานั้นมักจะมีฟองของแชมพูที่เยอะมากจนเหมือนโรงงานผลิตฟองเลย และระหว่างการอาบนี่ล่ะอาจเกิดการล้อฟรี ลื่นปรี๊ดกันได้ทั้งคนและสุนัข ให้ลองหาแผ่นยางมาวางนะจุดยืนของทั้งสองฝ่าย ถ้าใหญ่พอ จะแบ่งยืนด้วยกันก็ได้ ต่อไปนี้รากฐานของสองเราก็จะมั่นคง ไม่ต้องอาบน้ำไปกังวลไปว่าใครจะล้มก่อนกัน



3.เจ้าน้องหมาตัวแสบวิ่งหนี

          จงอย่าไว้ใจเป็นอันขาดว่าจะสามารถเอาน้องหมาอยู่ได้ด้วยสองมือ เพราะน้องหมานั้นโหยหาอิสระภาพขณะที่ฟองสบู่ยังเต็มตัวแล้วยิ่งคึก มักจะวิ่งไปไล่ไถลพื้นอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะจับมาอยู่จุดเดิมเหมือนต้องเริ่มกันใหม่จากศูนย์
          ดังนั้นขอแนะนำว่า ถ้ายิ่งเป็นน้องหมาใหญ่ล่ามเอาไว้จะทำให้อุ่นใจมากกว่า  ส่วนหมาเล็กจะล่ามก็ได้หรือปิดทางหนีทีไล่ทั้งประตูและช่องหลบหนีทั้งหลายให้มิดชิด การทำแบบนี้ทำให้เราไม่ต้องพะวงคอยจับมือหนึ่งอาบมือหนึ่งด้วย

4.หมาหนาว

          พยายามใช้เวลาอย่านานมาก เพราะอาจทำให้โอกาสป่วยเป็นโรคปอดบวมได้ง่าย การอาบน้ำควรอาบให้ในเวลาที่มีแดดออก อากาศไม่หนาวมาก เมื่ออาบเสร็จแล้วจึงเช็ดตัวสุนัขให้แห้งในทันที  วิธีการอาบก็เช่นกัน การใช้สายฉีดอาบน้ำตอนฉีดน้ำยังไม่เท่าไรแต่พอฉีดเสร็จอุณหภูมิจะลดลงอย่างเร็วหมาอาจจะหนาวได้ การอาบโดยให้น้องหมาแช่ในอ่างขณะที่อาบก็ช่วยได้  อาบเสร็จเช็ดตัวเป่าขนกันให้เสร็จสรรพด้วยนะ เพื่อเจ้าแสบของเราจะได้ไม่ป่วยจ้า

          อาจดูเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ  แต่ก็ไม่ควรมองข้ามนะ สำหรับสิ่งที่ต้องระวังในการอาบน้ำให้เหล่าจอมซนสี่ขาที่น่ารักของทุกคน



487
สิ่งต้องระวังตอนอาบน้ำสุนัข

          เมื่อถึงวันที่ต้องอาบน้ำให้กับเจ้าน้องหมาตัวแสบ สำหรับคนที่อาบให้เองนั้นก็คงต้องปาดเหงื่อ แล้วแอบเบ้หน้ากันเป็นแถว ยิ่งที่บ้านมีจำนวนสมาชิกเยอะ ยิ่งเหมือนมหกรรมอาบน้ำหมาประจำปีเลย มองแล้วออกจะดูวุ่นวายใช่ย่อยเลย
แต่ถึงจะวุ่นวายสักแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่เจ้าของต้องเน้นและให้ความสำคัญกับเรื่องการอาบน้ำให้นอน ๆ นั้นก็พลาดไม่ได้ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องนี้กันเสียหน่อย เป็นเรื่องสิ่งที่ต้องระวังระหว่างที่ทำกิจกรรมการอาบน้ำหมานั่นเองจะมีเรื่องอะไรบ้างมาดูกันเลย
สิ่งต้องระวังตอนอาบน้ำสุนัข



1.ขยันอาบบ่อยเกินไป

          หลายคนคงยังไม่รู้ว่า การอาบน้ำหมานั้นจะต้องมีความห่างถี่สักแค่ไหน หรือว่าต้องยึดอะไรเป็นหลัก กะเก็งกันไม่ถูก ซี่งที่ถูกต้องแล้วนั้นควรยึดความถี่ในการอาบน้ำขึ้นอยู่กับหลายสิ่ง เช่น สายพันธุ์ , ความสกปรก(แอบไปเล่นซนจะเลอะเทอะ) , กลิ่นของสุนัข

          แต่ก็ไม่ควรที่จะอาบน้ำที่บ่อยเกินไป เพราะนั่นอาจไปชะล้างน้ำมันธรรมชาติและอาจมีปัญหาเรื่องผิวหนังแห้งหรือคัน ถ้าได้แชมพูที่มีความชุ่มชื่นให้ผิวหนังสุนัขจะดีมาก

2.ระวังเกิดการลื่น

          การอาบน้ำน้องหมานั้นมักจะมีฟองของแชมพูที่เยอะมากจนเหมือนโรงงานผลิตฟองเลย และระหว่างการอาบนี่ล่ะอาจเกิดการล้อฟรี ลื่นปรี๊ดกันได้ทั้งคนและสุนัข ให้ลองหาแผ่นยางมาวางนะจุดยืนของทั้งสองฝ่าย ถ้าใหญ่พอ จะแบ่งยืนด้วยกันก็ได้ ต่อไปนี้รากฐานของสองเราก็จะมั่นคง ไม่ต้องอาบน้ำไปกังวลไปว่าใครจะล้มก่อนกัน



3.เจ้าน้องหมาตัวแสบวิ่งหนี

          จงอย่าไว้ใจเป็นอันขาดว่าจะสามารถเอาน้องหมาอยู่ได้ด้วยสองมือ เพราะน้องหมานั้นโหยหาอิสระภาพขณะที่ฟองสบู่ยังเต็มตัวแล้วยิ่งคึก มักจะวิ่งไปไล่ไถลพื้นอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะจับมาอยู่จุดเดิมเหมือนต้องเริ่มกันใหม่จากศูนย์
          ดังนั้นขอแนะนำว่า ถ้ายิ่งเป็นน้องหมาใหญ่ล่ามเอาไว้จะทำให้อุ่นใจมากกว่า  ส่วนหมาเล็กจะล่ามก็ได้หรือปิดทางหนีทีไล่ทั้งประตูและช่องหลบหนีทั้งหลายให้มิดชิด การทำแบบนี้ทำให้เราไม่ต้องพะวงคอยจับมือหนึ่งอาบมือหนึ่งด้วย

4.หมาหนาว

          พยายามใช้เวลาอย่านานมาก เพราะอาจทำให้โอกาสป่วยเป็นโรคปอดบวมได้ง่าย การอาบน้ำควรอาบให้ในเวลาที่มีแดดออก อากาศไม่หนาวมาก เมื่ออาบเสร็จแล้วจึงเช็ดตัวสุนัขให้แห้งในทันที  วิธีการอาบก็เช่นกัน การใช้สายฉีดอาบน้ำตอนฉีดน้ำยังไม่เท่าไรแต่พอฉีดเสร็จอุณหภูมิจะลดลงอย่างเร็วหมาอาจจะหนาวได้ การอาบโดยให้น้องหมาแช่ในอ่างขณะที่อาบก็ช่วยได้  อาบเสร็จเช็ดตัวเป่าขนกันให้เสร็จสรรพด้วยนะ เพื่อเจ้าแสบของเราจะได้ไม่ป่วยจ้า

          อาจดูเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ  แต่ก็ไม่ควรมองข้ามนะ สำหรับสิ่งที่ต้องระวังในการอาบน้ำให้เหล่าจอมซนสี่ขาที่น่ารักของทุกคน



488
สิ่งต้องระวังตอนอาบน้ำสุนัข

          เมื่อถึงวันที่ต้องอาบน้ำให้กับเจ้าน้องหมาตัวแสบ สำหรับคนที่อาบให้เองนั้นก็คงต้องปาดเหงื่อ แล้วแอบเบ้หน้ากันเป็นแถว ยิ่งที่บ้านมีจำนวนสมาชิกเยอะ ยิ่งเหมือนมหกรรมอาบน้ำหมาประจำปีเลย มองแล้วออกจะดูวุ่นวายใช่ย่อยเลย
แต่ถึงจะวุ่นวายสักแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่เจ้าของต้องเน้นและให้ความสำคัญกับเรื่องการอาบน้ำให้นอน ๆ นั้นก็พลาดไม่ได้ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องนี้กันเสียหน่อย เป็นเรื่องสิ่งที่ต้องระวังระหว่างที่ทำกิจกรรมการอาบน้ำหมานั่นเองจะมีเรื่องอะไรบ้างมาดูกันเลย
สิ่งต้องระวังตอนอาบน้ำสุนัข



1.ขยันอาบบ่อยเกินไป

          หลายคนคงยังไม่รู้ว่า การอาบน้ำหมานั้นจะต้องมีความห่างถี่สักแค่ไหน หรือว่าต้องยึดอะไรเป็นหลัก กะเก็งกันไม่ถูก ซี่งที่ถูกต้องแล้วนั้นควรยึดความถี่ในการอาบน้ำขึ้นอยู่กับหลายสิ่ง เช่น สายพันธุ์ , ความสกปรก(แอบไปเล่นซนจะเลอะเทอะ) , กลิ่นของสุนัข

          แต่ก็ไม่ควรที่จะอาบน้ำที่บ่อยเกินไป เพราะนั่นอาจไปชะล้างน้ำมันธรรมชาติและอาจมีปัญหาเรื่องผิวหนังแห้งหรือคัน ถ้าได้แชมพูที่มีความชุ่มชื่นให้ผิวหนังสุนัขจะดีมาก

2.ระวังเกิดการลื่น

          การอาบน้ำน้องหมานั้นมักจะมีฟองของแชมพูที่เยอะมากจนเหมือนโรงงานผลิตฟองเลย และระหว่างการอาบนี่ล่ะอาจเกิดการล้อฟรี ลื่นปรี๊ดกันได้ทั้งคนและสุนัข ให้ลองหาแผ่นยางมาวางนะจุดยืนของทั้งสองฝ่าย ถ้าใหญ่พอ จะแบ่งยืนด้วยกันก็ได้ ต่อไปนี้รากฐานของสองเราก็จะมั่นคง ไม่ต้องอาบน้ำไปกังวลไปว่าใครจะล้มก่อนกัน



3.เจ้าน้องหมาตัวแสบวิ่งหนี

          จงอย่าไว้ใจเป็นอันขาดว่าจะสามารถเอาน้องหมาอยู่ได้ด้วยสองมือ เพราะน้องหมานั้นโหยหาอิสระภาพขณะที่ฟองสบู่ยังเต็มตัวแล้วยิ่งคึก มักจะวิ่งไปไล่ไถลพื้นอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะจับมาอยู่จุดเดิมเหมือนต้องเริ่มกันใหม่จากศูนย์
          ดังนั้นขอแนะนำว่า ถ้ายิ่งเป็นน้องหมาใหญ่ล่ามเอาไว้จะทำให้อุ่นใจมากกว่า  ส่วนหมาเล็กจะล่ามก็ได้หรือปิดทางหนีทีไล่ทั้งประตูและช่องหลบหนีทั้งหลายให้มิดชิด การทำแบบนี้ทำให้เราไม่ต้องพะวงคอยจับมือหนึ่งอาบมือหนึ่งด้วย

4.หมาหนาว

          พยายามใช้เวลาอย่านานมาก เพราะอาจทำให้โอกาสป่วยเป็นโรคปอดบวมได้ง่าย การอาบน้ำควรอาบให้ในเวลาที่มีแดดออก อากาศไม่หนาวมาก เมื่ออาบเสร็จแล้วจึงเช็ดตัวสุนัขให้แห้งในทันที  วิธีการอาบก็เช่นกัน การใช้สายฉีดอาบน้ำตอนฉีดน้ำยังไม่เท่าไรแต่พอฉีดเสร็จอุณหภูมิจะลดลงอย่างเร็วหมาอาจจะหนาวได้ การอาบโดยให้น้องหมาแช่ในอ่างขณะที่อาบก็ช่วยได้  อาบเสร็จเช็ดตัวเป่าขนกันให้เสร็จสรรพด้วยนะ เพื่อเจ้าแสบของเราจะได้ไม่ป่วยจ้า

          อาจดูเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ  แต่ก็ไม่ควรมองข้ามนะ สำหรับสิ่งที่ต้องระวังในการอาบน้ำให้เหล่าจอมซนสี่ขาที่น่ารักของทุกคน



489
สัญญาณที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณ เริ่มแก่

          สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ มากที่สุดและย่อมมีช่วงอายุที่เปลี่ยนแปลงไป  ช่วงเวลาชีวิตของน้องหมาผ่านไปเร็วกว่าเราหลายเท่าตัว รู้ตัวอีกที น้องหมาของเราก็ก้าวสู่วัยแก่แล้ว อายุเพียง 6-7 ปี ของน้องหมาพันธุ์ใหญ่ก็เริ่มที่จะเข้าสู่ช่วงวัยแก่ เป็นหมาสูงอายุ อาจเทียบเคียงกับวัยของคนได้อย่างคร่าวๆ โดยการคูณ 7 แต่ความจริงแล้วหมาต่างพันธุ์ต่างขนาด จะโตและแก่ต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของเจ้าของอีกด้วย

          แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าน้องหมาของเรานั้นเริ่มเข้าสู่วัยแก่ เราจะต้องสังเกตอย่างไร เพื่อที่จะได้ทำการดูแลเขาได้ดอย่างเหมาะสม ที่สุด ซึ่งพฤติกรรมที่สามารถสังเกตุได้เมื่อสุนัขของคุณเริ่มเข้าสู่วัยแก่ คือ
สัญญาณบ่งบอกว่าน้องหมาเริ่มเข้าใกล้วัยเกษียณ



1.ไม่สนใจอาหาร

          โดยปกติน้องหมาที่เริ่มเข้าสู่วัยชรานั้นมักจะมีอาการกินยากและกินน้อย เพราะระบบประสาทและสมองของเขาเริ่มเสื่อมลง ทำให้ประสาทการรับกลิ่นและรสเสื่อมลงไปด้วย หรืออาจเกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายของน้อง รวมถึงการหลั่งฮอร์โมนที่ผิดปกติ ในกรณีนี้ควรพาน้องไปพบคุณหมอนะคะ เพราะการที่น้องหมากินอาหารได้น้อยลงนั้นอาจทำให้น้องขาดสารอาหาร ในระยะยาวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



2. ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน

          น้องเริ่มมีอาการซึม ชอบนอนอยู่กับที่ ไม่ค่อยลุกขึ้นเดินไปไหนมาไหนเหมือนแต่ก่อน หากน้องมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าข้อเข่าของน้องเริ่มเสื่อมสภาพ กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ทำให้การเดินเหินไม่สะดวกเหมือนตอนที่อายุยังน้อย ๆ
หากน้องยังพอเดินไหวแนะนำให้พาน้องออกไปเดินออกกำลังกายบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อยังได้ทำงานอยู่

3.เดินวนไปมาอยู่ที่เดิม

          บางครั้งน้องหมาก็เกิดอาการหลงๆ ลืมๆ ได้เหมือนกับคนเรานั่นแหละ ทำให้น้องเดินวนไปวนมา ครุ่นคิดว่ากำลังจะทำอะไร ซึ่งอาการนี้อาจมีสาเหตุมาจากโรคอัลไซเมอร์ที่มักจะพบบ่อยในน้องหมาที่มีอายุเยอะแล้ว จึงควรพาน้องทำกิจกรรม รวมถึงการให้น้องทำตามคำสั่งเพือเป็นการกระตุ้นความทรงจำของน้องได้อีกด้วย

4.เดินชนข้าวของในบ้าน

          เมื่อน้องหมามีอายุสักประมาณ 5 ปี มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับสายตาเกิดขึ้น จอประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดต้อกระจกที่ดวงตาของน้อง ทำให้ภาพที่เคยเห็นอย่างชัดเจนเริ่มพร่ามัว
พฤติกรรมนี้สามารถบ่งชี้ได้ว่าน้องกำลังมีปัญหาทางสายตาอยู่ ถ้าหากคุณสามารถสังเกตพฤติกรรมของน้องได้เร็ว ก็จะช่วยให้น้องได้รับการรักษาจากคุณหมอได้ทันท่วงที

5.อ้วน หรือมีภาวะน้ำหนักเกิน

          ก็เหมือนคนที่อายุที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายก็เปลี่ยนไป เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้แย่ลง โอกาสที่จะมีน้ำหนักเกินจึงมีเพิ่มมากขึ้น ที่เป็นต้นเหตุของโรคเสื่อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ รวมถึงทำให้อาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรงขึ้นอีกด้วย การควบคุมอาหาร ควบคุมแคลอรี่ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และให้น้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  และทั้ง 5 พฤติกรรมนี้ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ช่วยบอกเราว่าน้องเหมาของเราเริ่มเข้าสู่วัยแก่แล้วนั่นเอง ยิ่งสังเกตได้เร็วมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเตรียมพร้อมรับมือได้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะอายุของเขาเมื่อเทียบกับคนเราแล้วถือว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นอย่าละเลยที่จะสังเกตอาการง่ายๆ เหล่านี้ เพื่อดูแลน้องหมาที่เรารักให้ดีที่สุด ก่อนที่เขาจะจากไปเมื่อถึงเวลา

          น้องหมาที่บ้านเราในวันนี้อาจจะไม่ได้น่ารัก รูปลักษณ์อาจจะเปลี่ยนไป ไม่สวยเหมือนเดิม แต่ทุกๆประสบการณ์ ทุกความทรงจำเวลาที่เคยใช้ร่วมกันมาจะยังคงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุด เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าในอนาคตเขาจะเป็นยังไง ก็อย่าลืมที่จะรักและใส่ใจเขาให้เหมือนกันในทุกๆวันนะคะ


490
สัญญาณที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณ เริ่มแก่

          สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ มากที่สุดและย่อมมีช่วงอายุที่เปลี่ยนแปลงไป  ช่วงเวลาชีวิตของน้องหมาผ่านไปเร็วกว่าเราหลายเท่าตัว รู้ตัวอีกที น้องหมาของเราก็ก้าวสู่วัยแก่แล้ว อายุเพียง 6-7 ปี ของน้องหมาพันธุ์ใหญ่ก็เริ่มที่จะเข้าสู่ช่วงวัยแก่ เป็นหมาสูงอายุ อาจเทียบเคียงกับวัยของคนได้อย่างคร่าวๆ โดยการคูณ 7 แต่ความจริงแล้วหมาต่างพันธุ์ต่างขนาด จะโตและแก่ต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของเจ้าของอีกด้วย

          แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าน้องหมาของเรานั้นเริ่มเข้าสู่วัยแก่ เราจะต้องสังเกตอย่างไร เพื่อที่จะได้ทำการดูแลเขาได้ดอย่างเหมาะสม ที่สุด ซึ่งพฤติกรรมที่สามารถสังเกตุได้เมื่อสุนัขของคุณเริ่มเข้าสู่วัยแก่ คือ
สัญญาณบ่งบอกว่าน้องหมาเริ่มเข้าใกล้วัยเกษียณ



1.ไม่สนใจอาหาร

          โดยปกติน้องหมาที่เริ่มเข้าสู่วัยชรานั้นมักจะมีอาการกินยากและกินน้อย เพราะระบบประสาทและสมองของเขาเริ่มเสื่อมลง ทำให้ประสาทการรับกลิ่นและรสเสื่อมลงไปด้วย หรืออาจเกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายของน้อง รวมถึงการหลั่งฮอร์โมนที่ผิดปกติ ในกรณีนี้ควรพาน้องไปพบคุณหมอนะคะ เพราะการที่น้องหมากินอาหารได้น้อยลงนั้นอาจทำให้น้องขาดสารอาหาร ในระยะยาวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



2. ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน

          น้องเริ่มมีอาการซึม ชอบนอนอยู่กับที่ ไม่ค่อยลุกขึ้นเดินไปไหนมาไหนเหมือนแต่ก่อน หากน้องมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าข้อเข่าของน้องเริ่มเสื่อมสภาพ กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ทำให้การเดินเหินไม่สะดวกเหมือนตอนที่อายุยังน้อย ๆ
หากน้องยังพอเดินไหวแนะนำให้พาน้องออกไปเดินออกกำลังกายบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อยังได้ทำงานอยู่

3.เดินวนไปมาอยู่ที่เดิม

          บางครั้งน้องหมาก็เกิดอาการหลงๆ ลืมๆ ได้เหมือนกับคนเรานั่นแหละ ทำให้น้องเดินวนไปวนมา ครุ่นคิดว่ากำลังจะทำอะไร ซึ่งอาการนี้อาจมีสาเหตุมาจากโรคอัลไซเมอร์ที่มักจะพบบ่อยในน้องหมาที่มีอายุเยอะแล้ว จึงควรพาน้องทำกิจกรรม รวมถึงการให้น้องทำตามคำสั่งเพือเป็นการกระตุ้นความทรงจำของน้องได้อีกด้วย

4.เดินชนข้าวของในบ้าน

          เมื่อน้องหมามีอายุสักประมาณ 5 ปี มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับสายตาเกิดขึ้น จอประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดต้อกระจกที่ดวงตาของน้อง ทำให้ภาพที่เคยเห็นอย่างชัดเจนเริ่มพร่ามัว
พฤติกรรมนี้สามารถบ่งชี้ได้ว่าน้องกำลังมีปัญหาทางสายตาอยู่ ถ้าหากคุณสามารถสังเกตพฤติกรรมของน้องได้เร็ว ก็จะช่วยให้น้องได้รับการรักษาจากคุณหมอได้ทันท่วงที

5.อ้วน หรือมีภาวะน้ำหนักเกิน

          ก็เหมือนคนที่อายุที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายก็เปลี่ยนไป เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้แย่ลง โอกาสที่จะมีน้ำหนักเกินจึงมีเพิ่มมากขึ้น ที่เป็นต้นเหตุของโรคเสื่อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ รวมถึงทำให้อาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรงขึ้นอีกด้วย การควบคุมอาหาร ควบคุมแคลอรี่ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และให้น้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  และทั้ง 5 พฤติกรรมนี้ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ช่วยบอกเราว่าน้องเหมาของเราเริ่มเข้าสู่วัยแก่แล้วนั่นเอง ยิ่งสังเกตได้เร็วมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเตรียมพร้อมรับมือได้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะอายุของเขาเมื่อเทียบกับคนเราแล้วถือว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นอย่าละเลยที่จะสังเกตอาการง่ายๆ เหล่านี้ เพื่อดูแลน้องหมาที่เรารักให้ดีที่สุด ก่อนที่เขาจะจากไปเมื่อถึงเวลา

          น้องหมาที่บ้านเราในวันนี้อาจจะไม่ได้น่ารัก รูปลักษณ์อาจจะเปลี่ยนไป ไม่สวยเหมือนเดิม แต่ทุกๆประสบการณ์ ทุกความทรงจำเวลาที่เคยใช้ร่วมกันมาจะยังคงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุด เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าในอนาคตเขาจะเป็นยังไง ก็อย่าลืมที่จะรักและใส่ใจเขาให้เหมือนกันในทุกๆวันนะคะ


491
สัญญาณที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณ เริ่มแก่

          สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ มากที่สุดและย่อมมีช่วงอายุที่เปลี่ยนแปลงไป  ช่วงเวลาชีวิตของน้องหมาผ่านไปเร็วกว่าเราหลายเท่าตัว รู้ตัวอีกที น้องหมาของเราก็ก้าวสู่วัยแก่แล้ว อายุเพียง 6-7 ปี ของน้องหมาพันธุ์ใหญ่ก็เริ่มที่จะเข้าสู่ช่วงวัยแก่ เป็นหมาสูงอายุ อาจเทียบเคียงกับวัยของคนได้อย่างคร่าวๆ โดยการคูณ 7 แต่ความจริงแล้วหมาต่างพันธุ์ต่างขนาด จะโตและแก่ต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของเจ้าของอีกด้วย

          แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าน้องหมาของเรานั้นเริ่มเข้าสู่วัยแก่ เราจะต้องสังเกตอย่างไร เพื่อที่จะได้ทำการดูแลเขาได้ดอย่างเหมาะสม ที่สุด ซึ่งพฤติกรรมที่สามารถสังเกตุได้เมื่อสุนัขของคุณเริ่มเข้าสู่วัยแก่ คือ
สัญญาณบ่งบอกว่าน้องหมาเริ่มเข้าใกล้วัยเกษียณ



1.ไม่สนใจอาหาร

          โดยปกติน้องหมาที่เริ่มเข้าสู่วัยชรานั้นมักจะมีอาการกินยากและกินน้อย เพราะระบบประสาทและสมองของเขาเริ่มเสื่อมลง ทำให้ประสาทการรับกลิ่นและรสเสื่อมลงไปด้วย หรืออาจเกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายของน้อง รวมถึงการหลั่งฮอร์โมนที่ผิดปกติ ในกรณีนี้ควรพาน้องไปพบคุณหมอนะคะ เพราะการที่น้องหมากินอาหารได้น้อยลงนั้นอาจทำให้น้องขาดสารอาหาร ในระยะยาวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



2. ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน

          น้องเริ่มมีอาการซึม ชอบนอนอยู่กับที่ ไม่ค่อยลุกขึ้นเดินไปไหนมาไหนเหมือนแต่ก่อน หากน้องมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าข้อเข่าของน้องเริ่มเสื่อมสภาพ กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ทำให้การเดินเหินไม่สะดวกเหมือนตอนที่อายุยังน้อย ๆ
หากน้องยังพอเดินไหวแนะนำให้พาน้องออกไปเดินออกกำลังกายบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อยังได้ทำงานอยู่

3.เดินวนไปมาอยู่ที่เดิม

          บางครั้งน้องหมาก็เกิดอาการหลงๆ ลืมๆ ได้เหมือนกับคนเรานั่นแหละ ทำให้น้องเดินวนไปวนมา ครุ่นคิดว่ากำลังจะทำอะไร ซึ่งอาการนี้อาจมีสาเหตุมาจากโรคอัลไซเมอร์ที่มักจะพบบ่อยในน้องหมาที่มีอายุเยอะแล้ว จึงควรพาน้องทำกิจกรรม รวมถึงการให้น้องทำตามคำสั่งเพือเป็นการกระตุ้นความทรงจำของน้องได้อีกด้วย

4.เดินชนข้าวของในบ้าน

          เมื่อน้องหมามีอายุสักประมาณ 5 ปี มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับสายตาเกิดขึ้น จอประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดต้อกระจกที่ดวงตาของน้อง ทำให้ภาพที่เคยเห็นอย่างชัดเจนเริ่มพร่ามัว
พฤติกรรมนี้สามารถบ่งชี้ได้ว่าน้องกำลังมีปัญหาทางสายตาอยู่ ถ้าหากคุณสามารถสังเกตพฤติกรรมของน้องได้เร็ว ก็จะช่วยให้น้องได้รับการรักษาจากคุณหมอได้ทันท่วงที

5.อ้วน หรือมีภาวะน้ำหนักเกิน

          ก็เหมือนคนที่อายุที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายก็เปลี่ยนไป เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้แย่ลง โอกาสที่จะมีน้ำหนักเกินจึงมีเพิ่มมากขึ้น ที่เป็นต้นเหตุของโรคเสื่อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ รวมถึงทำให้อาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรงขึ้นอีกด้วย การควบคุมอาหาร ควบคุมแคลอรี่ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และให้น้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  และทั้ง 5 พฤติกรรมนี้ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ช่วยบอกเราว่าน้องเหมาของเราเริ่มเข้าสู่วัยแก่แล้วนั่นเอง ยิ่งสังเกตได้เร็วมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเตรียมพร้อมรับมือได้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะอายุของเขาเมื่อเทียบกับคนเราแล้วถือว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นอย่าละเลยที่จะสังเกตอาการง่ายๆ เหล่านี้ เพื่อดูแลน้องหมาที่เรารักให้ดีที่สุด ก่อนที่เขาจะจากไปเมื่อถึงเวลา

          น้องหมาที่บ้านเราในวันนี้อาจจะไม่ได้น่ารัก รูปลักษณ์อาจจะเปลี่ยนไป ไม่สวยเหมือนเดิม แต่ทุกๆประสบการณ์ ทุกความทรงจำเวลาที่เคยใช้ร่วมกันมาจะยังคงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุด เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าในอนาคตเขาจะเป็นยังไง ก็อย่าลืมที่จะรักและใส่ใจเขาให้เหมือนกันในทุกๆวันนะคะ


492
สัญญาณที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณ เริ่มแก่

          สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ มากที่สุดและย่อมมีช่วงอายุที่เปลี่ยนแปลงไป  ช่วงเวลาชีวิตของน้องหมาผ่านไปเร็วกว่าเราหลายเท่าตัว รู้ตัวอีกที น้องหมาของเราก็ก้าวสู่วัยแก่แล้ว อายุเพียง 6-7 ปี ของน้องหมาพันธุ์ใหญ่ก็เริ่มที่จะเข้าสู่ช่วงวัยแก่ เป็นหมาสูงอายุ อาจเทียบเคียงกับวัยของคนได้อย่างคร่าวๆ โดยการคูณ 7 แต่ความจริงแล้วหมาต่างพันธุ์ต่างขนาด จะโตและแก่ต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของเจ้าของอีกด้วย

          แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าน้องหมาของเรานั้นเริ่มเข้าสู่วัยแก่ เราจะต้องสังเกตอย่างไร เพื่อที่จะได้ทำการดูแลเขาได้ดอย่างเหมาะสม ที่สุด ซึ่งพฤติกรรมที่สามารถสังเกตุได้เมื่อสุนัขของคุณเริ่มเข้าสู่วัยแก่ คือ
สัญญาณบ่งบอกว่าน้องหมาเริ่มเข้าใกล้วัยเกษียณ



1.ไม่สนใจอาหาร

          โดยปกติน้องหมาที่เริ่มเข้าสู่วัยชรานั้นมักจะมีอาการกินยากและกินน้อย เพราะระบบประสาทและสมองของเขาเริ่มเสื่อมลง ทำให้ประสาทการรับกลิ่นและรสเสื่อมลงไปด้วย หรืออาจเกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายของน้อง รวมถึงการหลั่งฮอร์โมนที่ผิดปกติ ในกรณีนี้ควรพาน้องไปพบคุณหมอนะคะ เพราะการที่น้องหมากินอาหารได้น้อยลงนั้นอาจทำให้น้องขาดสารอาหาร ในระยะยาวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



2. ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน

          น้องเริ่มมีอาการซึม ชอบนอนอยู่กับที่ ไม่ค่อยลุกขึ้นเดินไปไหนมาไหนเหมือนแต่ก่อน หากน้องมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าข้อเข่าของน้องเริ่มเสื่อมสภาพ กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ทำให้การเดินเหินไม่สะดวกเหมือนตอนที่อายุยังน้อย ๆ
หากน้องยังพอเดินไหวแนะนำให้พาน้องออกไปเดินออกกำลังกายบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อยังได้ทำงานอยู่

3.เดินวนไปมาอยู่ที่เดิม

          บางครั้งน้องหมาก็เกิดอาการหลงๆ ลืมๆ ได้เหมือนกับคนเรานั่นแหละ ทำให้น้องเดินวนไปวนมา ครุ่นคิดว่ากำลังจะทำอะไร ซึ่งอาการนี้อาจมีสาเหตุมาจากโรคอัลไซเมอร์ที่มักจะพบบ่อยในน้องหมาที่มีอายุเยอะแล้ว จึงควรพาน้องทำกิจกรรม รวมถึงการให้น้องทำตามคำสั่งเพือเป็นการกระตุ้นความทรงจำของน้องได้อีกด้วย

4.เดินชนข้าวของในบ้าน

          เมื่อน้องหมามีอายุสักประมาณ 5 ปี มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับสายตาเกิดขึ้น จอประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดต้อกระจกที่ดวงตาของน้อง ทำให้ภาพที่เคยเห็นอย่างชัดเจนเริ่มพร่ามัว
พฤติกรรมนี้สามารถบ่งชี้ได้ว่าน้องกำลังมีปัญหาทางสายตาอยู่ ถ้าหากคุณสามารถสังเกตพฤติกรรมของน้องได้เร็ว ก็จะช่วยให้น้องได้รับการรักษาจากคุณหมอได้ทันท่วงที

5.อ้วน หรือมีภาวะน้ำหนักเกิน

          ก็เหมือนคนที่อายุที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายก็เปลี่ยนไป เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้แย่ลง โอกาสที่จะมีน้ำหนักเกินจึงมีเพิ่มมากขึ้น ที่เป็นต้นเหตุของโรคเสื่อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ รวมถึงทำให้อาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรงขึ้นอีกด้วย การควบคุมอาหาร ควบคุมแคลอรี่ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และให้น้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  และทั้ง 5 พฤติกรรมนี้ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ช่วยบอกเราว่าน้องเหมาของเราเริ่มเข้าสู่วัยแก่แล้วนั่นเอง ยิ่งสังเกตได้เร็วมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเตรียมพร้อมรับมือได้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะอายุของเขาเมื่อเทียบกับคนเราแล้วถือว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นอย่าละเลยที่จะสังเกตอาการง่ายๆ เหล่านี้ เพื่อดูแลน้องหมาที่เรารักให้ดีที่สุด ก่อนที่เขาจะจากไปเมื่อถึงเวลา

          น้องหมาที่บ้านเราในวันนี้อาจจะไม่ได้น่ารัก รูปลักษณ์อาจจะเปลี่ยนไป ไม่สวยเหมือนเดิม แต่ทุกๆประสบการณ์ ทุกความทรงจำเวลาที่เคยใช้ร่วมกันมาจะยังคงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุด เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าในอนาคตเขาจะเป็นยังไง ก็อย่าลืมที่จะรักและใส่ใจเขาให้เหมือนกันในทุกๆวันนะคะ


493
ข้อควรรู้ สำหรับคนเริ่มเลี้ยงชิบะ

           ชิบะเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์สุนัขยอดนิยม ที่หลาย ๆ ครอบครัวให้ความสนใจ ด้วยน่าตาที่น่ารัก นิสัยที่ฉลาด และน่าเอ็นดู มีความซื่อสัตว์และกล้าหาญ แต่ถึงแม้ดูเผินๆ เจ้าชิบะจะน่าตาเป็นมิตรจนได้ชื่อว่าสุนัขยิ้มเก่ง แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงไม่มีความเข้าใจในลักษณะนิสัยของเจ้าสุนัขสายพันธุ์นี้ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ มาดูกันว่า สิ่งที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงเจ้าชิบะมีอะไรบ้าง



ข้อควรรู้ สำหรับคนเริ่มเลี้ยงชิบะ

1. เป็นสุนัขที่รักอิสระ

          เจ้าชิบะ นั้นมีนิสัยผสมผสานระหว่างสุนัขที่เป็นมิตรต่อผู้คนใน แต่ค่อนข้างจะดื้อรั้นอยู่บ้าง เพราะชิบะเป็นสุนัขที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ ดังนั้นการเลี้ยงมันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าของจึงต้องเข้าใจและมีความอดทนพอสมควร   

2. เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดี

          ชิบะ เฝ้าบ้าน  เมื่อมีคนบุกรุก เขาเห่าอย่างหนัก และถึงแม้จะมีนิสัยนักเฝ้าบ้านทีดี แต่ก็ไม่เหมาะกับการเลี้ยงนอกบ้าน เพราะด้วยขนที่หนา อาจจะทำให้เป็นฮีทสโตรก และปัญหาอื่น ๆ ตามมา

3. ต้องการการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

          สุนัขชิบะเป็นสุนัขพลังงานระดับกลาง คือต้องการ การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอโดยบ้านที่เหมาะกับสุนัขชิบะควรมีพื้นที่ให้วิ่งเล่น หรือพาวิ่งออกนอกบ้านบ้าง อย่างเช่น ช่วงเช้า หรือช่วงเย็นก็เพียงพอแล้ว



4. ต้องใส่ใจสุภาพช่องปากและฟัน

          สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือเรื่องของสุภาพปากและฟัน เพราะฟันก็ควรได้รับการดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้พวกเขามีฟันไว้บดเคี้ยวอาหารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ซึ่งอาจจะฝึกให้เจ้าชิบะคุ้นเคยกับแปรงสีฟันและยาสีฟันของสุนัขตั้งแต่ยังเด็ก หรือการให้ขนมขัดฟันสุนัข เพื่อเป็นการลดกลิ่นปาก ขจัดคราบหินปูนเพื่อให้ฟันของเขามีสุขภาพดีอยู่เสมอ

5. ไม่เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เล็ก

          เพราะสุนัขชิบะมีสัญชาตญาณนักล่าค่อนข้างสูง อาจจะเกิดปัญหา หรือเกิดอันตรายกับสัตว์เล็กที่เลี้ยงร่วมกันได้

6. ไม่ควรเลี้ยงชิบะเพศเดียวกันในบ้าง

          สุนัขชิบะเป็นสุนัขที่ดุกับสุนัขด้วยกัน โดยเฉพาะเพศเดียวกัน เพราะต้องการทที่จะแสดงความเป็นเจ้าของและต้องการแสดงความเป็นผู้นำ จึงไม่เหมาะที่ผู้เลียงสุนัขมือใหม่จะมีสุนัขชิบะเพศเดียวกันหลายๆ ตัวภายในครั้งเดียว
ถ้าคุณสามารถเข้าใจถึงข้อหลัก ๆ เหล่านี้ที่เกี่ยวกับชิบะ อินุได้ เชื่อว่าการรับมือกับเจ้าสี่ขาสายพันธุ์นี้คงไม่ยากเกินไปแน่นอน และคงสามารถรับมือกับความดื้อในบ้างครั้งของน้องได้ด้วยนะ แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือ ตัวคนเลี้ยง ถ้าคุณคิดแล้วว่าคุณพร้อมทั้งเวลา สถานะ และที่อยู่อาศัย ก็สามารถพาน้องมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านได้อย่างสบายใจ



494
ข้อควรรู้ สำหรับคนเริ่มเลี้ยงชิบะ

           ชิบะเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์สุนัขยอดนิยม ที่หลาย ๆ ครอบครัวให้ความสนใจ ด้วยน่าตาที่น่ารัก นิสัยที่ฉลาด และน่าเอ็นดู มีความซื่อสัตว์และกล้าหาญ แต่ถึงแม้ดูเผินๆ เจ้าชิบะจะน่าตาเป็นมิตรจนได้ชื่อว่าสุนัขยิ้มเก่ง แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงไม่มีความเข้าใจในลักษณะนิสัยของเจ้าสุนัขสายพันธุ์นี้ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ มาดูกันว่า สิ่งที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงเจ้าชิบะมีอะไรบ้าง



ข้อควรรู้ สำหรับคนเริ่มเลี้ยงชิบะ

1. เป็นสุนัขที่รักอิสระ

          เจ้าชิบะ นั้นมีนิสัยผสมผสานระหว่างสุนัขที่เป็นมิตรต่อผู้คนใน แต่ค่อนข้างจะดื้อรั้นอยู่บ้าง เพราะชิบะเป็นสุนัขที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ ดังนั้นการเลี้ยงมันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าของจึงต้องเข้าใจและมีความอดทนพอสมควร   

2. เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดี

          ชิบะ เฝ้าบ้าน  เมื่อมีคนบุกรุก เขาเห่าอย่างหนัก และถึงแม้จะมีนิสัยนักเฝ้าบ้านทีดี แต่ก็ไม่เหมาะกับการเลี้ยงนอกบ้าน เพราะด้วยขนที่หนา อาจจะทำให้เป็นฮีทสโตรก และปัญหาอื่น ๆ ตามมา

3. ต้องการการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

          สุนัขชิบะเป็นสุนัขพลังงานระดับกลาง คือต้องการ การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอโดยบ้านที่เหมาะกับสุนัขชิบะควรมีพื้นที่ให้วิ่งเล่น หรือพาวิ่งออกนอกบ้านบ้าง อย่างเช่น ช่วงเช้า หรือช่วงเย็นก็เพียงพอแล้ว



4. ต้องใส่ใจสุภาพช่องปากและฟัน

          สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือเรื่องของสุภาพปากและฟัน เพราะฟันก็ควรได้รับการดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้พวกเขามีฟันไว้บดเคี้ยวอาหารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ซึ่งอาจจะฝึกให้เจ้าชิบะคุ้นเคยกับแปรงสีฟันและยาสีฟันของสุนัขตั้งแต่ยังเด็ก หรือการให้ขนมขัดฟันสุนัข เพื่อเป็นการลดกลิ่นปาก ขจัดคราบหินปูนเพื่อให้ฟันของเขามีสุขภาพดีอยู่เสมอ

5. ไม่เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เล็ก

          เพราะสุนัขชิบะมีสัญชาตญาณนักล่าค่อนข้างสูง อาจจะเกิดปัญหา หรือเกิดอันตรายกับสัตว์เล็กที่เลี้ยงร่วมกันได้

6. ไม่ควรเลี้ยงชิบะเพศเดียวกันในบ้าง

          สุนัขชิบะเป็นสุนัขที่ดุกับสุนัขด้วยกัน โดยเฉพาะเพศเดียวกัน เพราะต้องการทที่จะแสดงความเป็นเจ้าของและต้องการแสดงความเป็นผู้นำ จึงไม่เหมาะที่ผู้เลียงสุนัขมือใหม่จะมีสุนัขชิบะเพศเดียวกันหลายๆ ตัวภายในครั้งเดียว
ถ้าคุณสามารถเข้าใจถึงข้อหลัก ๆ เหล่านี้ที่เกี่ยวกับชิบะ อินุได้ เชื่อว่าการรับมือกับเจ้าสี่ขาสายพันธุ์นี้คงไม่ยากเกินไปแน่นอน และคงสามารถรับมือกับความดื้อในบ้างครั้งของน้องได้ด้วยนะ แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือ ตัวคนเลี้ยง ถ้าคุณคิดแล้วว่าคุณพร้อมทั้งเวลา สถานะ และที่อยู่อาศัย ก็สามารถพาน้องมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านได้อย่างสบายใจ



495
ข้อควรรู้ สำหรับคนเริ่มเลี้ยงชิบะ

           ชิบะเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์สุนัขยอดนิยม ที่หลาย ๆ ครอบครัวให้ความสนใจ ด้วยน่าตาที่น่ารัก นิสัยที่ฉลาด และน่าเอ็นดู มีความซื่อสัตว์และกล้าหาญ แต่ถึงแม้ดูเผินๆ เจ้าชิบะจะน่าตาเป็นมิตรจนได้ชื่อว่าสุนัขยิ้มเก่ง แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงไม่มีความเข้าใจในลักษณะนิสัยของเจ้าสุนัขสายพันธุ์นี้ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ มาดูกันว่า สิ่งที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงเจ้าชิบะมีอะไรบ้าง



ข้อควรรู้ สำหรับคนเริ่มเลี้ยงชิบะ

1. เป็นสุนัขที่รักอิสระ

          เจ้าชิบะ นั้นมีนิสัยผสมผสานระหว่างสุนัขที่เป็นมิตรต่อผู้คนใน แต่ค่อนข้างจะดื้อรั้นอยู่บ้าง เพราะชิบะเป็นสุนัขที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ ดังนั้นการเลี้ยงมันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าของจึงต้องเข้าใจและมีความอดทนพอสมควร   

2. เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดี

          ชิบะ เฝ้าบ้าน  เมื่อมีคนบุกรุก เขาเห่าอย่างหนัก และถึงแม้จะมีนิสัยนักเฝ้าบ้านทีดี แต่ก็ไม่เหมาะกับการเลี้ยงนอกบ้าน เพราะด้วยขนที่หนา อาจจะทำให้เป็นฮีทสโตรก และปัญหาอื่น ๆ ตามมา

3. ต้องการการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

          สุนัขชิบะเป็นสุนัขพลังงานระดับกลาง คือต้องการ การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอโดยบ้านที่เหมาะกับสุนัขชิบะควรมีพื้นที่ให้วิ่งเล่น หรือพาวิ่งออกนอกบ้านบ้าง อย่างเช่น ช่วงเช้า หรือช่วงเย็นก็เพียงพอแล้ว



4. ต้องใส่ใจสุภาพช่องปากและฟัน

          สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือเรื่องของสุภาพปากและฟัน เพราะฟันก็ควรได้รับการดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้พวกเขามีฟันไว้บดเคี้ยวอาหารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ซึ่งอาจจะฝึกให้เจ้าชิบะคุ้นเคยกับแปรงสีฟันและยาสีฟันของสุนัขตั้งแต่ยังเด็ก หรือการให้ขนมขัดฟันสุนัข เพื่อเป็นการลดกลิ่นปาก ขจัดคราบหินปูนเพื่อให้ฟันของเขามีสุขภาพดีอยู่เสมอ

5. ไม่เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เล็ก

          เพราะสุนัขชิบะมีสัญชาตญาณนักล่าค่อนข้างสูง อาจจะเกิดปัญหา หรือเกิดอันตรายกับสัตว์เล็กที่เลี้ยงร่วมกันได้

6. ไม่ควรเลี้ยงชิบะเพศเดียวกันในบ้าง

          สุนัขชิบะเป็นสุนัขที่ดุกับสุนัขด้วยกัน โดยเฉพาะเพศเดียวกัน เพราะต้องการทที่จะแสดงความเป็นเจ้าของและต้องการแสดงความเป็นผู้นำ จึงไม่เหมาะที่ผู้เลียงสุนัขมือใหม่จะมีสุนัขชิบะเพศเดียวกันหลายๆ ตัวภายในครั้งเดียว
ถ้าคุณสามารถเข้าใจถึงข้อหลัก ๆ เหล่านี้ที่เกี่ยวกับชิบะ อินุได้ เชื่อว่าการรับมือกับเจ้าสี่ขาสายพันธุ์นี้คงไม่ยากเกินไปแน่นอน และคงสามารถรับมือกับความดื้อในบ้างครั้งของน้องได้ด้วยนะ แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือ ตัวคนเลี้ยง ถ้าคุณคิดแล้วว่าคุณพร้อมทั้งเวลา สถานะ และที่อยู่อาศัย ก็สามารถพาน้องมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านได้อย่างสบายใจ