แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - K33T

5
สุนัขสายพันธุ์ ไฮเจนฮาวนด์ (Hygen Hound)


         อีกหนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์นิยมเอาสัตว์อย่างสุนัขเข้ามาช่วยงานเป็นอย่างมากก็คือการล่าสัตว์ เเละในโลกของสุนัขนั้นก็มีสุนัขมากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงในการล่าสัตว์เเละถูกนำมาใช้งานตั้งเเต่อดีตเเล้ว โดยอย่าง ไฮเจนฮุนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงเเละสามารถนำมาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



         สำหรับ Hygenhund เเล้วมีอีกชื่อเรียกสายพันธุ์ว่า ไฮเจนฮาวนด์ โดยสุนัขพันธุ์นี้ลำตัวค่อนข้างสั้นและกล้ามเนื้อแน่น มีสีขนหลากหลาย แต่ขนสีเหลืองซึ่งมีแถบขนสีขาวแซมจะพบบ่อยที่สุด โดยมันเป็นสุนัขที่มีความน่าสนใจเเละเพิ่งจะถึงกำเนิดได้มาไม่นานนัก

         ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า ไฮเจนฮุนด์ นั้นถือกำเนิดมาในศตวรรษที่ 18 โดยถิ่นกำเนิดของพวกมันนั้นอยู่ในประเทศนอร์เวย์ โดยที่นาย เอฟ ไฮเกน ชาวนอร์เวย์ได้ผสมสุนัขพันธุ์โฮลชไตเนอร์ ฮาวนด์ ของเยอรมนีกับสุนัขล่าเนื้อพันธุ์อื่นๆ ของสแกนดิเนเวีย จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา เเละถูกนำมาใช่ในการล่าสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งพวกมันนั้นก็สามารถทำผลงานได้อย่างดี จนกลายเป็นอีกหนึ่งในสุนัขล่าสัตว์ที่ได้รับความนิยมเเละยอมรับของบรรดาผู้ล่าสัตว์ในยุโรปเหนือกันเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกมันมีความอดทนสูง จึงใช้ล่าสัตว์กับเจ้าของตามลำพัง เเต่ปัจจุบันนั้นความนิยมเหล่านี้เริ่มลดน้อยลงเป็นอย่างมาก เเละเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้พบเจอพวกมันยากขึ้นกว่าเเต่ก่อน



         ลักษณะเด่นของสุนัขสายพันธุ์ Hygenhund นั้นมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 20-24 กิโลกรัม ส่วนความสูงเฉลี่ยของทั้งตัวผู้เเละตัวเมียนั้นอยู่ที่ 47-58 เซนติเมตร โดยที่มีหัวรูปทรงคล้ายลิ่ม เเละมีช่วงปากเรียวเล็กลง หูอยู่ค่อนไปด้านหลัง ช่วงอกลึก ส่วนนิ้วเท้าค่อนข้างโค้งมาก โดยที่มีขนตรงและหนา ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นมีความร่าเริงเเละมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นสุนัขที่น่าสนใจอีกหนึ่งสายพันธุ์ เเม้ว่าจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักมากมายอะไรนัก เเต่ก็นับได้ว่าเป็นสุนัขที่ดีอีกหนึ่งสายพันธุ์

         ส่วนความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ ไฮเจนฮุนด์ นั้นมีความนิยมในการเลี้ยงกันในประเทศนอร์เวย์ เเละบางส่วนของประเทศออสเตรีย เเต่จะเป็นการเลี้ยงในกลุ่มเฉพาะเท่านั้นเอง อีกทั้งพวกมันมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน ส่วนความนิยมในการเลี้ยงในวงกว้างนั้นเเทบจะไม่เกิดขึ้นเลย เเละไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ เลยรวมทั้งที่ประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศไทยแต่อย่างใด   



6
สุนัขสายพันธุ์ ไฮเจนฮาวนด์ (Hygen Hound)


         อีกหนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์นิยมเอาสัตว์อย่างสุนัขเข้ามาช่วยงานเป็นอย่างมากก็คือการล่าสัตว์ เเละในโลกของสุนัขนั้นก็มีสุนัขมากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงในการล่าสัตว์เเละถูกนำมาใช้งานตั้งเเต่อดีตเเล้ว โดยอย่าง ไฮเจนฮุนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงเเละสามารถนำมาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



         สำหรับ Hygenhund เเล้วมีอีกชื่อเรียกสายพันธุ์ว่า ไฮเจนฮาวนด์ โดยสุนัขพันธุ์นี้ลำตัวค่อนข้างสั้นและกล้ามเนื้อแน่น มีสีขนหลากหลาย แต่ขนสีเหลืองซึ่งมีแถบขนสีขาวแซมจะพบบ่อยที่สุด โดยมันเป็นสุนัขที่มีความน่าสนใจเเละเพิ่งจะถึงกำเนิดได้มาไม่นานนัก

         ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า ไฮเจนฮุนด์ นั้นถือกำเนิดมาในศตวรรษที่ 18 โดยถิ่นกำเนิดของพวกมันนั้นอยู่ในประเทศนอร์เวย์ โดยที่นาย เอฟ ไฮเกน ชาวนอร์เวย์ได้ผสมสุนัขพันธุ์โฮลชไตเนอร์ ฮาวนด์ ของเยอรมนีกับสุนัขล่าเนื้อพันธุ์อื่นๆ ของสแกนดิเนเวีย จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา เเละถูกนำมาใช่ในการล่าสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งพวกมันนั้นก็สามารถทำผลงานได้อย่างดี จนกลายเป็นอีกหนึ่งในสุนัขล่าสัตว์ที่ได้รับความนิยมเเละยอมรับของบรรดาผู้ล่าสัตว์ในยุโรปเหนือกันเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกมันมีความอดทนสูง จึงใช้ล่าสัตว์กับเจ้าของตามลำพัง เเต่ปัจจุบันนั้นความนิยมเหล่านี้เริ่มลดน้อยลงเป็นอย่างมาก เเละเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้พบเจอพวกมันยากขึ้นกว่าเเต่ก่อน



         ลักษณะเด่นของสุนัขสายพันธุ์ Hygenhund นั้นมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 20-24 กิโลกรัม ส่วนความสูงเฉลี่ยของทั้งตัวผู้เเละตัวเมียนั้นอยู่ที่ 47-58 เซนติเมตร โดยที่มีหัวรูปทรงคล้ายลิ่ม เเละมีช่วงปากเรียวเล็กลง หูอยู่ค่อนไปด้านหลัง ช่วงอกลึก ส่วนนิ้วเท้าค่อนข้างโค้งมาก โดยที่มีขนตรงและหนา ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นมีความร่าเริงเเละมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นสุนัขที่น่าสนใจอีกหนึ่งสายพันธุ์ เเม้ว่าจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักมากมายอะไรนัก เเต่ก็นับได้ว่าเป็นสุนัขที่ดีอีกหนึ่งสายพันธุ์

         ส่วนความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ ไฮเจนฮุนด์ นั้นมีความนิยมในการเลี้ยงกันในประเทศนอร์เวย์ เเละบางส่วนของประเทศออสเตรีย เเต่จะเป็นการเลี้ยงในกลุ่มเฉพาะเท่านั้นเอง อีกทั้งพวกมันมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน ส่วนความนิยมในการเลี้ยงในวงกว้างนั้นเเทบจะไม่เกิดขึ้นเลย เเละไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ เลยรวมทั้งที่ประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศไทยแต่อย่างใด   



7
สุนัขสายพันธุ์ ไฮเจนฮาวนด์ (Hygen Hound)


         อีกหนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์นิยมเอาสัตว์อย่างสุนัขเข้ามาช่วยงานเป็นอย่างมากก็คือการล่าสัตว์ เเละในโลกของสุนัขนั้นก็มีสุนัขมากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงในการล่าสัตว์เเละถูกนำมาใช้งานตั้งเเต่อดีตเเล้ว โดยอย่าง ไฮเจนฮุนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงเเละสามารถนำมาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



         สำหรับ Hygenhund เเล้วมีอีกชื่อเรียกสายพันธุ์ว่า ไฮเจนฮาวนด์ โดยสุนัขพันธุ์นี้ลำตัวค่อนข้างสั้นและกล้ามเนื้อแน่น มีสีขนหลากหลาย แต่ขนสีเหลืองซึ่งมีแถบขนสีขาวแซมจะพบบ่อยที่สุด โดยมันเป็นสุนัขที่มีความน่าสนใจเเละเพิ่งจะถึงกำเนิดได้มาไม่นานนัก

         ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า ไฮเจนฮุนด์ นั้นถือกำเนิดมาในศตวรรษที่ 18 โดยถิ่นกำเนิดของพวกมันนั้นอยู่ในประเทศนอร์เวย์ โดยที่นาย เอฟ ไฮเกน ชาวนอร์เวย์ได้ผสมสุนัขพันธุ์โฮลชไตเนอร์ ฮาวนด์ ของเยอรมนีกับสุนัขล่าเนื้อพันธุ์อื่นๆ ของสแกนดิเนเวีย จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา เเละถูกนำมาใช่ในการล่าสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งพวกมันนั้นก็สามารถทำผลงานได้อย่างดี จนกลายเป็นอีกหนึ่งในสุนัขล่าสัตว์ที่ได้รับความนิยมเเละยอมรับของบรรดาผู้ล่าสัตว์ในยุโรปเหนือกันเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกมันมีความอดทนสูง จึงใช้ล่าสัตว์กับเจ้าของตามลำพัง เเต่ปัจจุบันนั้นความนิยมเหล่านี้เริ่มลดน้อยลงเป็นอย่างมาก เเละเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้พบเจอพวกมันยากขึ้นกว่าเเต่ก่อน



         ลักษณะเด่นของสุนัขสายพันธุ์ Hygenhund นั้นมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 20-24 กิโลกรัม ส่วนความสูงเฉลี่ยของทั้งตัวผู้เเละตัวเมียนั้นอยู่ที่ 47-58 เซนติเมตร โดยที่มีหัวรูปทรงคล้ายลิ่ม เเละมีช่วงปากเรียวเล็กลง หูอยู่ค่อนไปด้านหลัง ช่วงอกลึก ส่วนนิ้วเท้าค่อนข้างโค้งมาก โดยที่มีขนตรงและหนา ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นมีความร่าเริงเเละมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นสุนัขที่น่าสนใจอีกหนึ่งสายพันธุ์ เเม้ว่าจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักมากมายอะไรนัก เเต่ก็นับได้ว่าเป็นสุนัขที่ดีอีกหนึ่งสายพันธุ์

         ส่วนความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ ไฮเจนฮุนด์ นั้นมีความนิยมในการเลี้ยงกันในประเทศนอร์เวย์ เเละบางส่วนของประเทศออสเตรีย เเต่จะเป็นการเลี้ยงในกลุ่มเฉพาะเท่านั้นเอง อีกทั้งพวกมันมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน ส่วนความนิยมในการเลี้ยงในวงกว้างนั้นเเทบจะไม่เกิดขึ้นเลย เเละไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ เลยรวมทั้งที่ประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศไทยแต่อย่างใด   



8
สุนัขสายพันธุ์ ไฮเจนฮาวนด์ (Hygen Hound)


         อีกหนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์นิยมเอาสัตว์อย่างสุนัขเข้ามาช่วยงานเป็นอย่างมากก็คือการล่าสัตว์ เเละในโลกของสุนัขนั้นก็มีสุนัขมากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงในการล่าสัตว์เเละถูกนำมาใช้งานตั้งเเต่อดีตเเล้ว โดยอย่าง ไฮเจนฮุนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงเเละสามารถนำมาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



         สำหรับ Hygenhund เเล้วมีอีกชื่อเรียกสายพันธุ์ว่า ไฮเจนฮาวนด์ โดยสุนัขพันธุ์นี้ลำตัวค่อนข้างสั้นและกล้ามเนื้อแน่น มีสีขนหลากหลาย แต่ขนสีเหลืองซึ่งมีแถบขนสีขาวแซมจะพบบ่อยที่สุด โดยมันเป็นสุนัขที่มีความน่าสนใจเเละเพิ่งจะถึงกำเนิดได้มาไม่นานนัก

         ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า ไฮเจนฮุนด์ นั้นถือกำเนิดมาในศตวรรษที่ 18 โดยถิ่นกำเนิดของพวกมันนั้นอยู่ในประเทศนอร์เวย์ โดยที่นาย เอฟ ไฮเกน ชาวนอร์เวย์ได้ผสมสุนัขพันธุ์โฮลชไตเนอร์ ฮาวนด์ ของเยอรมนีกับสุนัขล่าเนื้อพันธุ์อื่นๆ ของสแกนดิเนเวีย จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา เเละถูกนำมาใช่ในการล่าสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งพวกมันนั้นก็สามารถทำผลงานได้อย่างดี จนกลายเป็นอีกหนึ่งในสุนัขล่าสัตว์ที่ได้รับความนิยมเเละยอมรับของบรรดาผู้ล่าสัตว์ในยุโรปเหนือกันเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกมันมีความอดทนสูง จึงใช้ล่าสัตว์กับเจ้าของตามลำพัง เเต่ปัจจุบันนั้นความนิยมเหล่านี้เริ่มลดน้อยลงเป็นอย่างมาก เเละเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้พบเจอพวกมันยากขึ้นกว่าเเต่ก่อน



         ลักษณะเด่นของสุนัขสายพันธุ์ Hygenhund นั้นมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 20-24 กิโลกรัม ส่วนความสูงเฉลี่ยของทั้งตัวผู้เเละตัวเมียนั้นอยู่ที่ 47-58 เซนติเมตร โดยที่มีหัวรูปทรงคล้ายลิ่ม เเละมีช่วงปากเรียวเล็กลง หูอยู่ค่อนไปด้านหลัง ช่วงอกลึก ส่วนนิ้วเท้าค่อนข้างโค้งมาก โดยที่มีขนตรงและหนา ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นมีความร่าเริงเเละมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นสุนัขที่น่าสนใจอีกหนึ่งสายพันธุ์ เเม้ว่าจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักมากมายอะไรนัก เเต่ก็นับได้ว่าเป็นสุนัขที่ดีอีกหนึ่งสายพันธุ์

         ส่วนความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ ไฮเจนฮุนด์ นั้นมีความนิยมในการเลี้ยงกันในประเทศนอร์เวย์ เเละบางส่วนของประเทศออสเตรีย เเต่จะเป็นการเลี้ยงในกลุ่มเฉพาะเท่านั้นเอง อีกทั้งพวกมันมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน ส่วนความนิยมในการเลี้ยงในวงกว้างนั้นเเทบจะไม่เกิดขึ้นเลย เเละไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ เลยรวมทั้งที่ประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศไทยแต่อย่างใด   



9
สุนัขสายพันธุ์ แฮร์เรียร์ (Harrier)


          หนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์นิยมเอาสัตว์อย่างสุนัขเข้ามาช่วยงานเป็นอย่างมากก็คือการล่าสัตว์ เเละในโลกของสุนัขนั้นก็มีสุนัขมากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงในการล่าสัตว์เเละถูกนำมาใช้งานตั้งเเต่อดีตเเล้ว โดยอย่าง แฮร์เรียร์ ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงเเละสามารถนำมาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



          โดยสำหรับสุนัขสายพันธุ์อย่าง Harrier เเล้วเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจเเละเป็นสุนัขขนาดกลาง สมส่วน แข็งแรง ลำตัวมีขนสามสี ปัจจุบันมีจำนวนลดน้อยลง เนื่องจากสุนัขพันธุ์อิงลิช ฟอกซ์ฮาวนด์ ได้รับความนิยมมากกว่า เเต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังคงได้รับการเลี้ยงดูอยู่ตามบ้านเรือนพอสมควร

          ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า แฮร์เรียร์ นั้นถือกำเนิดขึ้นบนเกาะบริเตน ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ราวๆ ปี ค.ศ.1260 โดยพวกมันเกิดจากการผสมพันธุ์ฟอกซ์ฮาวนด์ พันธุ์เกรย์ฮาวนด์ และพันธุ์ฟอกซ์ เทอร์เรียร์ มีการนำมาใช้งานในการล่ากระต่ายป่า ซึ่งก็สามารถสร้างผลงานได้ดีเป็นอย่างมาก จนเป็นที่นิยมของบรรดานายพรานในการเลี้ยงเอาไว้ ซึ่งพวกมันนั้นได้รับความนิยมมานานราว 500 ปีเลยทีเดียว เเละถึงเเม้ว่าปัจจุบันจะมีจำนวนลดลงเป็นอย่างมากก็ตาม เเต่ก็ยังคงได้รับความใส่ใจในการเลี้ยงจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบพวกมันอยู่ดี



          ส่วนทางด้านของลักษณะเเล้ว Harrier นั้นมีช่วงชีวิตระหว่าง 10 ถึง 12 ปี โดยมีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 46-56 เซนติเมตร เเละมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 22-27 กิโลกรัม โดยมีช่วงอกกว้างและลึก ส่วนหลังตรงได้ระนาบและแข็งแรง เเละมีกระดูกขาตรงและสมส่วน โดยมีเท้ากลมและงุ้มเข้าคล้ายเท้าแมว ส่วนทางด้านของสีขนนั้นก็มีทั้งสีขาว, สีดำและน้ำตาลแทน, สามสี, สีเลมอนและสีขาว, สีแดงและสีขาว โดยที่พวกมันนั้นมีลักษณะนิสัยที่โดดเด่นคือการมีนิสัยที่เป็นมิตรเเละเข้าสังคมเก่ง รวมทั้งมีความอ่อนหวานเเละกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมากอีกด้วย

          โดยที่ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อย่าง แฮร์เรียร์ นั้นก็มีอย่างมากในดินเเดนของประเทศอังกฤษ เเต่ก็เป็นการเลี้ยงภายในกลุ่มที่ชื่นชอบซึ่งมีขนาดเล็กเท่านั้นเอง เเละพวกมันมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน ส่วนความนิยมในการเลี้ยงในวงกว้างนั้นเเทบจะไม่เกิดขึ้นเลย เเละไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ เลยรวมทั้งที่ประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศไทยแต่อย่างใด



10
สุนัขสายพันธุ์ แฮร์เรียร์ (Harrier)


          หนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์นิยมเอาสัตว์อย่างสุนัขเข้ามาช่วยงานเป็นอย่างมากก็คือการล่าสัตว์ เเละในโลกของสุนัขนั้นก็มีสุนัขมากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงในการล่าสัตว์เเละถูกนำมาใช้งานตั้งเเต่อดีตเเล้ว โดยอย่าง แฮร์เรียร์ ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงเเละสามารถนำมาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



          โดยสำหรับสุนัขสายพันธุ์อย่าง Harrier เเล้วเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจเเละเป็นสุนัขขนาดกลาง สมส่วน แข็งแรง ลำตัวมีขนสามสี ปัจจุบันมีจำนวนลดน้อยลง เนื่องจากสุนัขพันธุ์อิงลิช ฟอกซ์ฮาวนด์ ได้รับความนิยมมากกว่า เเต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังคงได้รับการเลี้ยงดูอยู่ตามบ้านเรือนพอสมควร

          ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า แฮร์เรียร์ นั้นถือกำเนิดขึ้นบนเกาะบริเตน ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ราวๆ ปี ค.ศ.1260 โดยพวกมันเกิดจากการผสมพันธุ์ฟอกซ์ฮาวนด์ พันธุ์เกรย์ฮาวนด์ และพันธุ์ฟอกซ์ เทอร์เรียร์ มีการนำมาใช้งานในการล่ากระต่ายป่า ซึ่งก็สามารถสร้างผลงานได้ดีเป็นอย่างมาก จนเป็นที่นิยมของบรรดานายพรานในการเลี้ยงเอาไว้ ซึ่งพวกมันนั้นได้รับความนิยมมานานราว 500 ปีเลยทีเดียว เเละถึงเเม้ว่าปัจจุบันจะมีจำนวนลดลงเป็นอย่างมากก็ตาม เเต่ก็ยังคงได้รับความใส่ใจในการเลี้ยงจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบพวกมันอยู่ดี



          ส่วนทางด้านของลักษณะเเล้ว Harrier นั้นมีช่วงชีวิตระหว่าง 10 ถึง 12 ปี โดยมีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 46-56 เซนติเมตร เเละมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 22-27 กิโลกรัม โดยมีช่วงอกกว้างและลึก ส่วนหลังตรงได้ระนาบและแข็งแรง เเละมีกระดูกขาตรงและสมส่วน โดยมีเท้ากลมและงุ้มเข้าคล้ายเท้าแมว ส่วนทางด้านของสีขนนั้นก็มีทั้งสีขาว, สีดำและน้ำตาลแทน, สามสี, สีเลมอนและสีขาว, สีแดงและสีขาว โดยที่พวกมันนั้นมีลักษณะนิสัยที่โดดเด่นคือการมีนิสัยที่เป็นมิตรเเละเข้าสังคมเก่ง รวมทั้งมีความอ่อนหวานเเละกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมากอีกด้วย

          โดยที่ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อย่าง แฮร์เรียร์ นั้นก็มีอย่างมากในดินเเดนของประเทศอังกฤษ เเต่ก็เป็นการเลี้ยงภายในกลุ่มที่ชื่นชอบซึ่งมีขนาดเล็กเท่านั้นเอง เเละพวกมันมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน ส่วนความนิยมในการเลี้ยงในวงกว้างนั้นเเทบจะไม่เกิดขึ้นเลย เเละไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ เลยรวมทั้งที่ประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศไทยแต่อย่างใด



11
สุนัขสายพันธุ์ แฮร์เรียร์ (Harrier)


          หนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์นิยมเอาสัตว์อย่างสุนัขเข้ามาช่วยงานเป็นอย่างมากก็คือการล่าสัตว์ เเละในโลกของสุนัขนั้นก็มีสุนัขมากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงในการล่าสัตว์เเละถูกนำมาใช้งานตั้งเเต่อดีตเเล้ว โดยอย่าง แฮร์เรียร์ ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงเเละสามารถนำมาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



          โดยสำหรับสุนัขสายพันธุ์อย่าง Harrier เเล้วเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจเเละเป็นสุนัขขนาดกลาง สมส่วน แข็งแรง ลำตัวมีขนสามสี ปัจจุบันมีจำนวนลดน้อยลง เนื่องจากสุนัขพันธุ์อิงลิช ฟอกซ์ฮาวนด์ ได้รับความนิยมมากกว่า เเต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังคงได้รับการเลี้ยงดูอยู่ตามบ้านเรือนพอสมควร

          ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า แฮร์เรียร์ นั้นถือกำเนิดขึ้นบนเกาะบริเตน ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ราวๆ ปี ค.ศ.1260 โดยพวกมันเกิดจากการผสมพันธุ์ฟอกซ์ฮาวนด์ พันธุ์เกรย์ฮาวนด์ และพันธุ์ฟอกซ์ เทอร์เรียร์ มีการนำมาใช้งานในการล่ากระต่ายป่า ซึ่งก็สามารถสร้างผลงานได้ดีเป็นอย่างมาก จนเป็นที่นิยมของบรรดานายพรานในการเลี้ยงเอาไว้ ซึ่งพวกมันนั้นได้รับความนิยมมานานราว 500 ปีเลยทีเดียว เเละถึงเเม้ว่าปัจจุบันจะมีจำนวนลดลงเป็นอย่างมากก็ตาม เเต่ก็ยังคงได้รับความใส่ใจในการเลี้ยงจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบพวกมันอยู่ดี



          ส่วนทางด้านของลักษณะเเล้ว Harrier นั้นมีช่วงชีวิตระหว่าง 10 ถึง 12 ปี โดยมีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 46-56 เซนติเมตร เเละมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 22-27 กิโลกรัม โดยมีช่วงอกกว้างและลึก ส่วนหลังตรงได้ระนาบและแข็งแรง เเละมีกระดูกขาตรงและสมส่วน โดยมีเท้ากลมและงุ้มเข้าคล้ายเท้าแมว ส่วนทางด้านของสีขนนั้นก็มีทั้งสีขาว, สีดำและน้ำตาลแทน, สามสี, สีเลมอนและสีขาว, สีแดงและสีขาว โดยที่พวกมันนั้นมีลักษณะนิสัยที่โดดเด่นคือการมีนิสัยที่เป็นมิตรเเละเข้าสังคมเก่ง รวมทั้งมีความอ่อนหวานเเละกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมากอีกด้วย

          โดยที่ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อย่าง แฮร์เรียร์ นั้นก็มีอย่างมากในดินเเดนของประเทศอังกฤษ เเต่ก็เป็นการเลี้ยงภายในกลุ่มที่ชื่นชอบซึ่งมีขนาดเล็กเท่านั้นเอง เเละพวกมันมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน ส่วนความนิยมในการเลี้ยงในวงกว้างนั้นเเทบจะไม่เกิดขึ้นเลย เเละไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ เลยรวมทั้งที่ประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศไทยแต่อย่างใด



12
สุนัขสายพันธุ์ แฮร์เรียร์ (Harrier)


          หนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์นิยมเอาสัตว์อย่างสุนัขเข้ามาช่วยงานเป็นอย่างมากก็คือการล่าสัตว์ เเละในโลกของสุนัขนั้นก็มีสุนัขมากมายหลากหลายสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงในการล่าสัตว์เเละถูกนำมาใช้งานตั้งเเต่อดีตเเล้ว โดยอย่าง แฮร์เรียร์ ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความสามารถสูงเเละสามารถนำมาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



          โดยสำหรับสุนัขสายพันธุ์อย่าง Harrier เเล้วเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจเเละเป็นสุนัขขนาดกลาง สมส่วน แข็งแรง ลำตัวมีขนสามสี ปัจจุบันมีจำนวนลดน้อยลง เนื่องจากสุนัขพันธุ์อิงลิช ฟอกซ์ฮาวนด์ ได้รับความนิยมมากกว่า เเต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังคงได้รับการเลี้ยงดูอยู่ตามบ้านเรือนพอสมควร

          ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า แฮร์เรียร์ นั้นถือกำเนิดขึ้นบนเกาะบริเตน ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ราวๆ ปี ค.ศ.1260 โดยพวกมันเกิดจากการผสมพันธุ์ฟอกซ์ฮาวนด์ พันธุ์เกรย์ฮาวนด์ และพันธุ์ฟอกซ์ เทอร์เรียร์ มีการนำมาใช้งานในการล่ากระต่ายป่า ซึ่งก็สามารถสร้างผลงานได้ดีเป็นอย่างมาก จนเป็นที่นิยมของบรรดานายพรานในการเลี้ยงเอาไว้ ซึ่งพวกมันนั้นได้รับความนิยมมานานราว 500 ปีเลยทีเดียว เเละถึงเเม้ว่าปัจจุบันจะมีจำนวนลดลงเป็นอย่างมากก็ตาม เเต่ก็ยังคงได้รับความใส่ใจในการเลี้ยงจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบพวกมันอยู่ดี



          ส่วนทางด้านของลักษณะเเล้ว Harrier นั้นมีช่วงชีวิตระหว่าง 10 ถึง 12 ปี โดยมีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 46-56 เซนติเมตร เเละมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 22-27 กิโลกรัม โดยมีช่วงอกกว้างและลึก ส่วนหลังตรงได้ระนาบและแข็งแรง เเละมีกระดูกขาตรงและสมส่วน โดยมีเท้ากลมและงุ้มเข้าคล้ายเท้าแมว ส่วนทางด้านของสีขนนั้นก็มีทั้งสีขาว, สีดำและน้ำตาลแทน, สามสี, สีเลมอนและสีขาว, สีแดงและสีขาว โดยที่พวกมันนั้นมีลักษณะนิสัยที่โดดเด่นคือการมีนิสัยที่เป็นมิตรเเละเข้าสังคมเก่ง รวมทั้งมีความอ่อนหวานเเละกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมากอีกด้วย

          โดยที่ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อย่าง แฮร์เรียร์ นั้นก็มีอย่างมากในดินเเดนของประเทศอังกฤษ เเต่ก็เป็นการเลี้ยงภายในกลุ่มที่ชื่นชอบซึ่งมีขนาดเล็กเท่านั้นเอง เเละพวกมันมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษก่อน ส่วนความนิยมในการเลี้ยงในวงกว้างนั้นเเทบจะไม่เกิดขึ้นเลย เเละไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ เลยรวมทั้งที่ประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศไทยแต่อย่างใด



13
สุนัขสายพันธุ์ โทสะอินุ (Tosa Inu)


          สุนัขใช้งานอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับกันเป็นอย่างมากเเละมีชื่อเสียงพอสมควรในเอเชียก็คงหนีไม่พ้นสุนัขสายพันธุ์อย่าง โทสะอินุ ที่มีลักษณะท่าทางที่โดดเด่น สง่างาม เเละเเฝงไว้ด้วยน่ารักเเละเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้มาพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง เเละยังคงได้รับทั้งความสนใจเเละความนิยมในการเลี้ยงอย่างมากเลยทีเดียวในปัจจุบัน



          Tosa Inu นั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์ที่มีความเเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก เเละมีความเป็นนักสู้อยู่ทุกอณูเลยทีเดียว อีกทั้งมันยังเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงมาตั้งเเต่อดีตเเล้วอีกด้วย ถึงเเม้ว่าพวกมันจะมีนิสัยที่ดุดันเเละก้าวร้าวจนในหลายประเทศต้องออกกฎหมายห้ามเลี้ยงสุนัขโทสะอินุกันก็ตาม เเต่มันก็ยังคงได้รับความสนใจในการเลี้ยงอยู่จนถึงทุกวันนี้

          ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า สุนัขสายพันธุ์อย่าง โทสะอินุ นั้นมีจุดกำเนิดเมื่อช่วงศตวรรษที่ 16 ในดินเเดนที่เป็นแคว้นโทสะ หรือในปัจจุบันนั้นเป็นที่ตั้งของจังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยพวกมันได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้เป็นสุนัขนักสู้ โดยว่ากันว่ามีพื้นฐานมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างนัขชิโกกุอินุกับสุนัขสายพันธุ์อิงลิช มาสทิฟฟ์ เกรทเดน เยอรมันพอยน์-เตอร์ ทำให้พวกมันนั้นมีนิสัยที่ดุร้ายในช่วงเเรกๆ เเละนำมาใช้สำหรับการต่อสู้เเละเป็นสุนัขอารักขา เเละมีบันทึกเอาไว้ว่าพวกมันถูกนำเข้าใช้ในการสงครามระหว่างเเคว้นหลายต่อหลายครั้งอีกด้วย เเต่เมื่อเข้าสู่สมัยเอโดะเเล้วพวกมันกลายเป็นสุนัขอารักขาเเละลดความดุร้ายลงมาบ้าง เเต่ในปัจจุบันก็ยังมีกฎข้อบังคับในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้อยู่



          ลักษณะของสุนัขสายพันธุ์ Tosa Inu โดยมีอายุขัยระหว่าง 12–15 ปี มีน้ำหนักเฉลี่ยทั้งตัวผู้เเละตัวเมียที่ 90-100 กิโลกรัม ส่วนความสูงเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 55-65 เซนติเมตร โดยมีหัวซึ่งมีขนาดใหญ่ ส่วนใบหน้านั้นย่น มีใบหูตก ส่วนขนสั้นและหางยาว โดยที่มีของขนนั้นจะมีทั้งสีแดง, สีแอพพริคอต, สีดำ ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นมีความดุร้ายอยู่ ถึงเเม้จะเชื่อฟังคำสั่งเเต่ก็ไม่ค่อยชื่นชอบการพบปะผู้คนมากนัก ทำให้พวกมันถูกจำกัดในการเลี้ยงเอาไว้อีกด้วย

          ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ โทสะอินุ นั้นมีอยู่อย่างมากในจังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีความนิยมถึงขนาดมีการจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์สุนัขโทสะอินุ  กันเลยทีเดียว ส่วนในบริเวณอื่นๆ ของญี่ปุ่นนั้นก็พอมีเลี้ยงกันบ้างเเต่เป็นในวงจำกัดเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศเเล้วมีข้อห้ามมากมายเลยทำให้ไม่เป็นที่นิยมในการเลี้ยงกันมากมายเท่าใดนัก ส่วนในประเทศไทยนั้นพวกมันไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอะไรมากมายนัก เเละไม่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเเต่อย่างใด



14
สุนัขสายพันธุ์ โทสะอินุ (Tosa Inu)


          สุนัขใช้งานอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับกันเป็นอย่างมากเเละมีชื่อเสียงพอสมควรในเอเชียก็คงหนีไม่พ้นสุนัขสายพันธุ์อย่าง โทสะอินุ ที่มีลักษณะท่าทางที่โดดเด่น สง่างาม เเละเเฝงไว้ด้วยน่ารักเเละเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้มาพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง เเละยังคงได้รับทั้งความสนใจเเละความนิยมในการเลี้ยงอย่างมากเลยทีเดียวในปัจจุบัน



          Tosa Inu นั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์ที่มีความเเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก เเละมีความเป็นนักสู้อยู่ทุกอณูเลยทีเดียว อีกทั้งมันยังเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงมาตั้งเเต่อดีตเเล้วอีกด้วย ถึงเเม้ว่าพวกมันจะมีนิสัยที่ดุดันเเละก้าวร้าวจนในหลายประเทศต้องออกกฎหมายห้ามเลี้ยงสุนัขโทสะอินุกันก็ตาม เเต่มันก็ยังคงได้รับความสนใจในการเลี้ยงอยู่จนถึงทุกวันนี้

          ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า สุนัขสายพันธุ์อย่าง โทสะอินุ นั้นมีจุดกำเนิดเมื่อช่วงศตวรรษที่ 16 ในดินเเดนที่เป็นแคว้นโทสะ หรือในปัจจุบันนั้นเป็นที่ตั้งของจังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยพวกมันได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้เป็นสุนัขนักสู้ โดยว่ากันว่ามีพื้นฐานมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างนัขชิโกกุอินุกับสุนัขสายพันธุ์อิงลิช มาสทิฟฟ์ เกรทเดน เยอรมันพอยน์-เตอร์ ทำให้พวกมันนั้นมีนิสัยที่ดุร้ายในช่วงเเรกๆ เเละนำมาใช้สำหรับการต่อสู้เเละเป็นสุนัขอารักขา เเละมีบันทึกเอาไว้ว่าพวกมันถูกนำเข้าใช้ในการสงครามระหว่างเเคว้นหลายต่อหลายครั้งอีกด้วย เเต่เมื่อเข้าสู่สมัยเอโดะเเล้วพวกมันกลายเป็นสุนัขอารักขาเเละลดความดุร้ายลงมาบ้าง เเต่ในปัจจุบันก็ยังมีกฎข้อบังคับในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้อยู่



          ลักษณะของสุนัขสายพันธุ์ Tosa Inu โดยมีอายุขัยระหว่าง 12–15 ปี มีน้ำหนักเฉลี่ยทั้งตัวผู้เเละตัวเมียที่ 90-100 กิโลกรัม ส่วนความสูงเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 55-65 เซนติเมตร โดยมีหัวซึ่งมีขนาดใหญ่ ส่วนใบหน้านั้นย่น มีใบหูตก ส่วนขนสั้นและหางยาว โดยที่มีของขนนั้นจะมีทั้งสีแดง, สีแอพพริคอต, สีดำ ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นมีความดุร้ายอยู่ ถึงเเม้จะเชื่อฟังคำสั่งเเต่ก็ไม่ค่อยชื่นชอบการพบปะผู้คนมากนัก ทำให้พวกมันถูกจำกัดในการเลี้ยงเอาไว้อีกด้วย

          ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ โทสะอินุ นั้นมีอยู่อย่างมากในจังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีความนิยมถึงขนาดมีการจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์สุนัขโทสะอินุ  กันเลยทีเดียว ส่วนในบริเวณอื่นๆ ของญี่ปุ่นนั้นก็พอมีเลี้ยงกันบ้างเเต่เป็นในวงจำกัดเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศเเล้วมีข้อห้ามมากมายเลยทำให้ไม่เป็นที่นิยมในการเลี้ยงกันมากมายเท่าใดนัก ส่วนในประเทศไทยนั้นพวกมันไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอะไรมากมายนัก เเละไม่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเเต่อย่างใด



15
สุนัขสายพันธุ์ โทสะอินุ (Tosa Inu)


          สุนัขใช้งานอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับกันเป็นอย่างมากเเละมีชื่อเสียงพอสมควรในเอเชียก็คงหนีไม่พ้นสุนัขสายพันธุ์อย่าง โทสะอินุ ที่มีลักษณะท่าทางที่โดดเด่น สง่างาม เเละเเฝงไว้ด้วยน่ารักเเละเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้มาพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง เเละยังคงได้รับทั้งความสนใจเเละความนิยมในการเลี้ยงอย่างมากเลยทีเดียวในปัจจุบัน



          Tosa Inu นั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์ที่มีความเเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก เเละมีความเป็นนักสู้อยู่ทุกอณูเลยทีเดียว อีกทั้งมันยังเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงมาตั้งเเต่อดีตเเล้วอีกด้วย ถึงเเม้ว่าพวกมันจะมีนิสัยที่ดุดันเเละก้าวร้าวจนในหลายประเทศต้องออกกฎหมายห้ามเลี้ยงสุนัขโทสะอินุกันก็ตาม เเต่มันก็ยังคงได้รับความสนใจในการเลี้ยงอยู่จนถึงทุกวันนี้

          ตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า สุนัขสายพันธุ์อย่าง โทสะอินุ นั้นมีจุดกำเนิดเมื่อช่วงศตวรรษที่ 16 ในดินเเดนที่เป็นแคว้นโทสะ หรือในปัจจุบันนั้นเป็นที่ตั้งของจังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยพวกมันได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้เป็นสุนัขนักสู้ โดยว่ากันว่ามีพื้นฐานมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างนัขชิโกกุอินุกับสุนัขสายพันธุ์อิงลิช มาสทิฟฟ์ เกรทเดน เยอรมันพอยน์-เตอร์ ทำให้พวกมันนั้นมีนิสัยที่ดุร้ายในช่วงเเรกๆ เเละนำมาใช้สำหรับการต่อสู้เเละเป็นสุนัขอารักขา เเละมีบันทึกเอาไว้ว่าพวกมันถูกนำเข้าใช้ในการสงครามระหว่างเเคว้นหลายต่อหลายครั้งอีกด้วย เเต่เมื่อเข้าสู่สมัยเอโดะเเล้วพวกมันกลายเป็นสุนัขอารักขาเเละลดความดุร้ายลงมาบ้าง เเต่ในปัจจุบันก็ยังมีกฎข้อบังคับในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้อยู่



          ลักษณะของสุนัขสายพันธุ์ Tosa Inu โดยมีอายุขัยระหว่าง 12–15 ปี มีน้ำหนักเฉลี่ยทั้งตัวผู้เเละตัวเมียที่ 90-100 กิโลกรัม ส่วนความสูงเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 55-65 เซนติเมตร โดยมีหัวซึ่งมีขนาดใหญ่ ส่วนใบหน้านั้นย่น มีใบหูตก ส่วนขนสั้นและหางยาว โดยที่มีของขนนั้นจะมีทั้งสีแดง, สีแอพพริคอต, สีดำ ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นมีความดุร้ายอยู่ ถึงเเม้จะเชื่อฟังคำสั่งเเต่ก็ไม่ค่อยชื่นชอบการพบปะผู้คนมากนัก ทำให้พวกมันถูกจำกัดในการเลี้ยงเอาไว้อีกด้วย

          ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ โทสะอินุ นั้นมีอยู่อย่างมากในจังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีความนิยมถึงขนาดมีการจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์สุนัขโทสะอินุ  กันเลยทีเดียว ส่วนในบริเวณอื่นๆ ของญี่ปุ่นนั้นก็พอมีเลี้ยงกันบ้างเเต่เป็นในวงจำกัดเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศเเล้วมีข้อห้ามมากมายเลยทำให้ไม่เป็นที่นิยมในการเลี้ยงกันมากมายเท่าใดนัก ส่วนในประเทศไทยนั้นพวกมันไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอะไรมากมายนัก เเละไม่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเเต่อย่างใด



หน้า:
  • 1 (current)
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
  • 6
  • ...
  • 8