สุนัขสายพันธุ์ เคอร์รี บูล เทอร์เรียร์ (Kerry Blue Terrier) สุนัขเทอร์เรียร์ นั้นมีมากมายหลายสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเเละน่าเลี้ยงเป็นอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในนั้นก็คือสายพันธุ์อย่าง
เคอร์รี บูล เทอร์เรียร์ ที่มีความเป็นสุนัขเทอร์เรีย์ที่สวยงามเเละน่ารัก เป็นมิตรกับผู้คน เเละสามารถช่วยเหลืองานของมนุษย์มาได้ตั้งเเต่เมื่อครั้งอดีตเเล้ว อีกทั้งก็ยังได้รับความนิยมในการเลี้ยงกันอยู่ในปัจจุบัน นับว่าเป็นสุนัขอีกสายพันธุ์ที่มีเรื่องราวน่าติดตามเลยก็ว่าได้
Kerry Blue Terrier นั้นเป็นสุนัขที่มีลักษณะเเปลกเเต่ก็ดูน่ารักน่าชังไปอีกเเบบ โดยที่ลูกสุนัขเกิดใหม่จะมีขนสีดำ จนอายุ 18 เดือน ขนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินตามมาตรฐานสีขนของสุนัขพันธุ์นี้ แต่บางตัวอาจมีขนสีดำแซมในบางบริเวณก็ได้ เเละด้วยการที่เป็นสุนัขเเบบนี้ จึงมีหลายคนที่หลงเสน่ห์ของพวกมันตั้งเเต่ยังเป็นลูกสุนัขอยู่เลย
เคอร์รี บูล เทอร์เรียร์ นั้นมีถิ่นกำเนิดคือ เขตเคอร์รี ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอร์แลนด์ เชื่อว่าเกิดจากการผสมระหว่างสุนัขเทอร์เรียร์พันธุ์เวลซ์ พันธุ์เบดลิงตัน และพันธุ์ซอฟต์โค้ต วีเทน โดยพบพวกมันครั้งเเรกช่วงศตวรรษที่ 18 เเละเริ่มต้นนพมาใช้งานทางด้านเกษตรกรรม โดยพวกมันทำหน้าที่ล่าสัตว์ที่รบกวนการเกษตร จากนั้นก็มีความนิยมเลี้ยงกันไปทั่วในเกาะไอร์เเลนด์ โดยเฉพาะในชนบทที่มีความต้องการความสามารถของพวกมันเป็นอย่างมาก ทำให้พวกมันสามารถดำรงค์อยู่มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ยังคงมีการเลี้ยงอยู่ในฟาร์มเกษตรกรรมต่างๆ อยู่เช่นเดิม ถึงจะมีจำนวนลดลงกว่าในอดีตก็ตามที
Kerry Blue Terrier นั้นมีช่วงชีวิตประมาณ 13 ถึง 15 ปี โดยมีความสูงประมาณ 46-48 เซนติเมตร เเละตัวเมียจะมีน้ำหนักประมาณ 15-18 กิดลกรัม ส่วนตัวผู้นั้นจะมีน้ำหนัก 15-18 กิโลกรัม โดยที่ใบหูรูปตัว V พับมาทางด้านหน้า ส่วนหางนั้นตั้งชี้ขึ้น โคนหางอยู่ค่อนข้างสูง มีหัวรูปทรงเพรียวยาว ขากรรไกรแข็งแรง ขาหน้าตรง เเละมีเท้ากลมเล็ก และมีเล็บเท้าสีดำ ส่วนขนนุ่มและสวยเป็นเงางาม โดยไม่มีการผลัดขนเลย แต่ต้องดูแลขนเป็นประจำทุกวัน โดยมีสีทั้ง สีดำ, สีน้ำเงินคราม, สีเงิน, สีเทา,สีน้ำเงินเเละดำ เเละสีสเรทบลู ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นก็มีความรักใคร่เเละจงรักภักดีต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก โดยมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งมีความมุ่งมั่นเเละเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง
โดยที่
เคอร์รี บูล เทอร์เรียร์ นั้นนิยมเลี้ยงกันเป็นอย่างมากในไอร์เเลนด์ เเละมีหลายเเห่งทั่วโลกที่มีกลุ่มคนนิยมเลี้ยงเเต่เป็นการเลี้ยงในเเบบกลุ่มเเคบๆ เท่านั้นเอง ส่วนในประเทศไทยนั้นก็มีความนิยมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง