สุนัขสายพันธุ์ อินคาไร้ขน (Inca Hairless Dog)



     สุนัขสายพันธุ์ขนาดเล็กที่เป็นสายพันธุ์ที่หายากเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เเละโอกาสในการพบเจอพวกมันตัวเป็นๆ นั้นยากเป็นอย่างยิ่ง ก็คือสุนัขสายพันธุ์ อินคาไร้ขน ซึ่งในปัจจุบันนั้นเป็นอีกหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีผู้ที่นิยมการเลี้ยงสุนัขให้ความสนใจ เเต่การจะนำมันมาเลี้ยงนั้นมีความยากเป็นอย่างยิ่ง เเละเป็นอีกหนึ่งสุนัขที่มีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์อีกด้วย

     Inca Hairless Dog นั้นมีอีกชื่อเรียกสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างมากก็คือ เปรูเวียน แฮร์เลสส ด็อก โดยยังไม่ทราบแน่ชัดนักว่าสุนัขพันธ์ไร้ขนทั้งหมดมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือไม่ แต่มักจะมีสีขนเป็นสีเดียวกันตลอดตัว และอาจแบ่งเป็น 3 ชนิด ตามขนาดรูปร่างเท่านั้น



     อินคาไร้ขน นั้นเริ่มปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครั้งเเรกเมื่อช่วงศตวรรษที่ 12 ในดินเเดนของประเทศเปรูในปัจจุบัน โดยเป็นสุนัขที่ชาวอินคานิยมเลี้ยงมาตั้งเเต่เมื่อครั้งโบราณ เเละมีภาพวาดเเละบันทึกต่างๆ มากมายที่เกี่ยวกับพวกมัน จวบจนอาณาจักอินคาล่มสลายลงทำให้พวกมันหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์พักหนึ่ง เเละไม่มีผู้พบเห็นหลายร้อยปี เเต่ปัจจุบันนั้นในประเทศเปรูยังคงมีการอนุรักสุนัชสายพันธุ์นี้เอาไว้ เเม้ว่าจำนวนของมันจะเหลือน้อยลง เเละมีการควบคุมที่เข้มงวดเลยทีเดียวในเรื่องของการผสมพันธุ์ เพราะต้องการให้พวกมันยังคงดำรงสายพันธุ์ต่อไปได้ จึงมีการเร่งขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เเต่ผลลัพธ์ก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยพวกมันนั้นมีชนิดแป้งผัดหน้าเช่นเดียวกับพันธุ์เม็กซิกันไร้ขน

     Inca Hairless Dog นั้นมีโครงร่างที่น่าสนใจตรงที่มีขนาดความสูงประมาณ 20-28 เซนติเมตร เเละมีน้ำหนักเพียงเเค่ 3-6 กิโลกรัมเท่านั้นเอง โดยมีอายุเฉลี่ยประมาณ 11 ถึง 12 ปี พวกมันมีมีขนเล็กน้อยที่หัวและอาจเลยไปจนถึงใบหู โดยมีโคนใบหูอยู่ต่ำ พร้อมกับตาเล็กสีเข้ม เเละมีกล้ามเนื้อต้นขายาว ส่วนสีขนนั้นก็มีทั้งสีดำ, สีขาว, สีน้ำตาล, สีแดงเเละสีชมพู ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นก็มีความเเสนรู้เเละรักใคร่เจ้าของเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งมีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเเละเป็นสุนัขที่เเสดงออกถึงการปกป้องเเละตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

     อินคาไร้ขน นั้นถูกจำกัดในการเลี้ยงเฉพาะในประเทศเปรูเท่านั้น เเละมีการส่งพวกมันไปขยายพันธุ์ตามศูนย์วิจัยทางสุนัขชั้นนำของโลกหลายเเห่งเพื่อเป็นการดำรงสายพันธุ์ของมันเอาไว้ โดยในประเทศไทยนั้นพวกมันไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเเต่อย่างใด