ไวรัลสุดน่ารักนี้มาจากรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อศูนย์พักพิงสัตว์แห่งหนึ่งได้จัดพิธีแต่งงานให้กับน้องหมาสายพันธุ์ชิวาวา คือ พีนัท อายุ 9 ปี และ แคชชู อายุ 3 ปี โดยงานแต่งครั้งนี้ถูกจัดขึ้นอย่างน่ารักและอบอุ่น

    ศูนย์พักพิงสัตว์ San Antonio Humane Society (SAHS) ได้จัดงานแต่งงานสุดน่ารักให้กับน้องหมาชิวาวาคู่นี้ หลังจากที่พบว่า ทั้งคู่ต่างถูกใจกันตอนที่ถูกนำตัวมารักษาสุขภาพช่องปาก ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้หลังจากนั้น

     ทางเจ้าหน้าที่ก็เลยตัดสินใจจัดพิธีแต่งงานให้กับน้องหมาทั้งสองตัว ด้วยการหาเสื้อผ้าสุดพิเศษ พร้อมด้วยโบสถ์ขนาดเล็กและเครื่องพ่นฟองสบู่ พรมสีแดง รวมถึงเค้กแต่งงานเพื่อให้งานแต่งงานครั้งนี้เป็นงานที่พิเศษสุด ๆ สำหรับน้องหมาทั้งสองตัว

    โดยมีแขกที่เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครและเพื่อน ๆ สนิท ซึ่งบรรยากาศภายในงานมีแต่ความอบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

     เจ้าหน้าที่ของศูนย์พักพิงฯ เผยว่า พีนัท และ แคชชู เป็นคู่ที่พร้อมหาบ้านใหม่ ซึ่งทุกคนต่างก็หวังว่า ในอนาคตน้องหมาทั้งสองตัวจะสามารถหาบ้านที่พร้อมจะรับเลี้ยงทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันได้

     ไวรัลสุดน่ารักนี้มาจากรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อศูนย์พักพิงสัตว์แห่งหนึ่งได้จัดพิธีแต่งงานให้กับน้องหมาสายพันธุ์ชิวาวา คือ พีนัท อายุ 9 ปี และ แคชชู อายุ 3 ปี โดยงานแต่งครั้งนี้ถูกจัดขึ้นอย่างน่ารักและอบอุ่น

    ศูนย์พักพิงสัตว์ San Antonio Humane Society (SAHS) ได้จัดงานแต่งงานสุดน่ารักให้กับน้องหมาชิวาวาคู่นี้ หลังจากที่พบว่า ทั้งคู่ต่างถูกใจกันตอนที่ถูกนำตัวมารักษาสุขภาพช่องปาก ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้หลังจากนั้น

     ทางเจ้าหน้าที่ก็เลยตัดสินใจจัดพิธีแต่งงานให้กับน้องหมาทั้งสองตัว ด้วยการหาเสื้อผ้าสุดพิเศษ พร้อมด้วยโบสถ์ขนาดเล็กและเครื่องพ่นฟองสบู่ พรมสีแดง รวมถึงเค้กแต่งงานเพื่อให้งานแต่งงานครั้งนี้เป็นงานที่พิเศษสุด ๆ สำหรับน้องหมาทั้งสองตัว

    โดยมีแขกที่เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครและเพื่อน ๆ สนิท ซึ่งบรรยากาศภายในงานมีแต่ความอบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

     เจ้าหน้าที่ของศูนย์พักพิงฯ เผยว่า พีนัท และ แคชชู เป็นคู่ที่พร้อมหาบ้านใหม่ ซึ่งทุกคนต่างก็หวังว่า ในอนาคตน้องหมาทั้งสองตัวจะสามารถหาบ้านที่พร้อมจะรับเลี้ยงทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันได้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลวิจัยของ ดร.เจสสิก้า โอลิว่า นักวิจัยของมหาวิทยาลัย James Cook University ที่ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า แมว มีความรู้สึกไม่พอใจ โมโห และหงุดหงิด เมื่อเจ้าของต้องอยู่บ้านนานขึ้น โดยการศึกษานี้สำรวจจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงกว่า 400 คน ในช่วงล็อกดาวน์ โควิด-19 ของประเทศออสเตรเลีย

การศึกษานี้ ระบุว่าในช่วงล็อกดาวน์ โควิด-19 เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวเอง แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะโดยปกติแล้ว เจ้าของแมว จะออกไปทำงานอย่างน้อยเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมง ซึ่งช่วงเวลาเหล่านั้นแมวก็จะใช้เวลาอย่างเป็นอิสระ แต่ว่า ช่วงล็อกดาวน์ โควิด-19 ทั้งแมว และทาสแมวต่างใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ส่งผลให้แมวหลายๆตัว เกิดความหงุดหงิดและอารมณ์ไม่ดี มากขึ้น

นอกจากนี้ ดร.เจสสิก้า โอลิว่า บอกอีกว่า การที่เจ้าของแมวใช้ชีวิตช่วงล็อกดาวน์ เปรียบเหมือนเป็นการไปรบกวนพื้นที่ของเจ้าแมว และบางที แมวอาจจะคิดว่าเจ้าของกำลังรบกวนมันในบ้านของมันอยู่

ทั้งนี้ ผลวิจัยนี้ถือว่าเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับผู้ที่เลี้ยงสุนัข เพราะ  ดร.เจสสิก้า โอลิว่า บอกว่า คนเลี้ยงสุนัขเกือบทุกคนบอกว่า สุนัขของพวกเขามีความสุขมากขึ้นที่มีเวลาอยู่กับเจ้าของมากกว่าเดิม และรู้สึกเติมเต็มให้กันและกัน

เจ้าของแมวประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ รายงานว่า พวกแมวต่างแสดงออกว่ากำลังไม่พอใจต่อเจ้าของตลอดเวลา ในขณะที่เจ้าของสุนัขเกือบ 100% รายงานว่า สุนัขชอบมากที่เจ้าของอยู่บ้านด้วยตลอด

อย่างไรก็ตาาม ดร.เจสสิก้า โอลิว่า กล่าวว่า ในช่วงล็อกดาวน์ และการระบาดของโควิด ออสเตรเลียมีการรับเลี้ยงแมว และสุนัขในมากขึ้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลวิจัยของ ดร.เจสสิก้า โอลิว่า นักวิจัยของมหาวิทยาลัย James Cook University ที่ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า แมว มีความรู้สึกไม่พอใจ โมโห และหงุดหงิด เมื่อเจ้าของต้องอยู่บ้านนานขึ้น โดยการศึกษานี้สำรวจจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงกว่า 400 คน ในช่วงล็อกดาวน์ โควิด-19 ของประเทศออสเตรเลีย

การศึกษานี้ ระบุว่าในช่วงล็อกดาวน์ โควิด-19 เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวเอง แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะโดยปกติแล้ว เจ้าของแมว จะออกไปทำงานอย่างน้อยเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมง ซึ่งช่วงเวลาเหล่านั้นแมวก็จะใช้เวลาอย่างเป็นอิสระ แต่ว่า ช่วงล็อกดาวน์ โควิด-19 ทั้งแมว และทาสแมวต่างใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ส่งผลให้แมวหลายๆตัว เกิดความหงุดหงิดและอารมณ์ไม่ดี มากขึ้น

นอกจากนี้ ดร.เจสสิก้า โอลิว่า บอกอีกว่า การที่เจ้าของแมวใช้ชีวิตช่วงล็อกดาวน์ เปรียบเหมือนเป็นการไปรบกวนพื้นที่ของเจ้าแมว และบางที แมวอาจจะคิดว่าเจ้าของกำลังรบกวนมันในบ้านของมันอยู่

ทั้งนี้ ผลวิจัยนี้ถือว่าเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับผู้ที่เลี้ยงสุนัข เพราะ  ดร.เจสสิก้า โอลิว่า บอกว่า คนเลี้ยงสุนัขเกือบทุกคนบอกว่า สุนัขของพวกเขามีความสุขมากขึ้นที่มีเวลาอยู่กับเจ้าของมากกว่าเดิม และรู้สึกเติมเต็มให้กันและกัน

เจ้าของแมวประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ รายงานว่า พวกแมวต่างแสดงออกว่ากำลังไม่พอใจต่อเจ้าของตลอดเวลา ในขณะที่เจ้าของสุนัขเกือบ 100% รายงานว่า สุนัขชอบมากที่เจ้าของอยู่บ้านด้วยตลอด

อย่างไรก็ตาาม ดร.เจสสิก้า โอลิว่า กล่าวว่า ในช่วงล็อกดาวน์ และการระบาดของโควิด ออสเตรเลียมีการรับเลี้ยงแมว และสุนัขในมากขึ้น

❀ คุณสมบัติขอสุนัข ❀

- ตัวเล็ก
- ขนสั้น
- เป็นมิตรกับเด็กปานกลาง
- ทนต่อความร้อนได้ปานกลาง
- ทนต่อความหนาวได้ปานกลาง

❀ ลักษณะทั่วไป ❀

มิเนเจอร์พินช์เชอร์ สุนัขขนสั้นเรียบ คล่องแคล่ว สัดส่วนกลมกลืนกันทุกส่วนดูแข็งแรง ร่าเริง มีความระวาดระวังตลอดเวลา ว่องไว มีความจงรักภักดี ปกติจะมีนิสัยไม่ค่อยขี้กลัวหรือตกใจ เชื่อฟังคำสั่ง สามารถนำมาฝึกได้ง่าย มีความกล้าหาญอดทนและทนต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ดี เหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนหรือเฝ้าบ้าน

❀ ความเป็นมา ❀

มิน พิ๊น (เป็นชื่อเล่นที่บอกถึงความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้) มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมันและพบหลักฐานตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 18 แต่รู้จักอย่างเป็นทางการในปี 1895 เนื่องจากมีการก่อตั้งชมรมผู้เลี้ย เยอรมัน พินเชอร์ มีหลักฐานชิ้นหนึ่งบอกว่าพบสุนัขพันธุ์นี้ในป่าเยอรมันตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยรียกกันว่า เรด พินเชอร์ หมายถึง "กวางแดงเล็ก". ซึ่งเป็นต้นกำเนิดสุนัขที่ เพาะพันธุ์มาเพื่อการกำจัดหนู



❀ ลักษณะนิสัย ❀

มิเนเจอร์พินช์เชอร์ เป็นสุนัขตัวเล็กๆ ที่หยิ่ง และองอาจเช่นเดียวกับสุนัข เทอร์เรีย์พันธุ์อื่นไม่มีความเป็นสุนัขกลุ่มทอย อยู่เลยเขาเป็นเพื่อนที่ภักดีและฉลาด ปราศจากความกลัว ตื่นตัวอยู่ตลอดเหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้ายามอย่างมาก

❀ การดูแล ❀

มิเนเจอร์พินช์เชอร์เป็นสุนัขที่มีขนสั้นแข็ง ทำให้ไม่ต้องดูแลมากนักเพียงใช้มือลูบ หรือใช้แปรงเล็กๆ สางเอาขนที่หมดอายุออกบ้าง ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้บ่อยเกินไป เพราะจะไปลดความชุ่มชื้นของผิวหนังได้ เพียงเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น ที่หยดด้วยน้ำมันยูคาลิปตัสเล็กน้อย จะช่วยทำสุนัขสดชื่น และกำจัดหมัดที่เจอได้ด้วย ดูแลสุขภาพเท้า ด้วยการตัดเล็บให้สั้นทุกๆ สัปดาห์



❀ ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม ❀

ผู้ที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์ มิเนเจอร์ พินช์เชอร์ คือ ทุกคนยกเว้นเด็กๆ ที่อายุยังน้อยและผู้สูงอายุ (สุนัขซนมาก) พวกเขามีแนวโน้มที่จะจงรักภักดีต่อทุกคนในครอบครัว แต่อาจจะเลือกใครสักคนเป็นเพื่อนแท้ขณะที่ก็ยังสนุกสนานกับทุกๆ คนอยู่ได้

❀ ข้อควรจำ ❀

มิเนเจอร์ พินเชอร์เป็นสุนัขที่ร่าเริงมาก ตื่นตัว และเข้ากับ ทุกคนในครอบครัว แต่ก็ควรสอนให้เขารู้กฎของบ้านตั้งแต่ยังเล็กด้วยและจงตั้งมั่นในความตั้งใจของคุณ แต่อย่าปล่อยให้เดินโดยปราศจากสายจูง อาจหนีวิ่งไล่ไม่ทัน

❀ คุณสมบัติขอสุนัข ❀

- ตัวเล็ก
- ขนสั้น
- เป็นมิตรกับเด็กปานกลาง
- ทนต่อความร้อนได้ปานกลาง
- ทนต่อความหนาวได้ปานกลาง

❀ ลักษณะทั่วไป ❀

มิเนเจอร์พินช์เชอร์ สุนัขขนสั้นเรียบ คล่องแคล่ว สัดส่วนกลมกลืนกันทุกส่วนดูแข็งแรง ร่าเริง มีความระวาดระวังตลอดเวลา ว่องไว มีความจงรักภักดี ปกติจะมีนิสัยไม่ค่อยขี้กลัวหรือตกใจ เชื่อฟังคำสั่ง สามารถนำมาฝึกได้ง่าย มีความกล้าหาญอดทนและทนต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ดี เหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนหรือเฝ้าบ้าน

❀ ความเป็นมา ❀

มิน พิ๊น (เป็นชื่อเล่นที่บอกถึงความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้) มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมันและพบหลักฐานตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 18 แต่รู้จักอย่างเป็นทางการในปี 1895 เนื่องจากมีการก่อตั้งชมรมผู้เลี้ย เยอรมัน พินเชอร์ มีหลักฐานชิ้นหนึ่งบอกว่าพบสุนัขพันธุ์นี้ในป่าเยอรมันตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยรียกกันว่า เรด พินเชอร์ หมายถึง "กวางแดงเล็ก". ซึ่งเป็นต้นกำเนิดสุนัขที่ เพาะพันธุ์มาเพื่อการกำจัดหนู



❀ ลักษณะนิสัย ❀

มิเนเจอร์พินช์เชอร์ เป็นสุนัขตัวเล็กๆ ที่หยิ่ง และองอาจเช่นเดียวกับสุนัข เทอร์เรีย์พันธุ์อื่นไม่มีความเป็นสุนัขกลุ่มทอย อยู่เลยเขาเป็นเพื่อนที่ภักดีและฉลาด ปราศจากความกลัว ตื่นตัวอยู่ตลอดเหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้ายามอย่างมาก

❀ การดูแล ❀

มิเนเจอร์พินช์เชอร์เป็นสุนัขที่มีขนสั้นแข็ง ทำให้ไม่ต้องดูแลมากนักเพียงใช้มือลูบ หรือใช้แปรงเล็กๆ สางเอาขนที่หมดอายุออกบ้าง ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้บ่อยเกินไป เพราะจะไปลดความชุ่มชื้นของผิวหนังได้ เพียงเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น ที่หยดด้วยน้ำมันยูคาลิปตัสเล็กน้อย จะช่วยทำสุนัขสดชื่น และกำจัดหมัดที่เจอได้ด้วย ดูแลสุขภาพเท้า ด้วยการตัดเล็บให้สั้นทุกๆ สัปดาห์



❀ ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม ❀

ผู้ที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์ มิเนเจอร์ พินช์เชอร์ คือ ทุกคนยกเว้นเด็กๆ ที่อายุยังน้อยและผู้สูงอายุ (สุนัขซนมาก) พวกเขามีแนวโน้มที่จะจงรักภักดีต่อทุกคนในครอบครัว แต่อาจจะเลือกใครสักคนเป็นเพื่อนแท้ขณะที่ก็ยังสนุกสนานกับทุกๆ คนอยู่ได้

❀ ข้อควรจำ ❀

มิเนเจอร์ พินเชอร์เป็นสุนัขที่ร่าเริงมาก ตื่นตัว และเข้ากับ ทุกคนในครอบครัว แต่ก็ควรสอนให้เขารู้กฎของบ้านตั้งแต่ยังเล็กด้วยและจงตั้งมั่นในความตั้งใจของคุณ แต่อย่าปล่อยให้เดินโดยปราศจากสายจูง อาจหนีวิ่งไล่ไม่ทัน

เผยเรื่องราวของหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่มีความฝันอยากใช้ชีวิตเป็นสุนัข
 
งานนี้ทำเอาผู้คนทั่วโลกต่างตกตะลึง เพราะหนุ่มรายนี้ทุ่มสุดตัว





เป็นไวรัลดังที่มาจากทวิตเตอร์ เมื่อหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า Toco ได้ทำตามความฝันของตัวเองที่อยากจะมีชีวิตอยู่ในฐานะสัตว์ให้เป็นจริง ด้วยการสั่งทำชุดสุนัขที่ผลิตโดยบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคพิเศษและการสร้างชุดจำลอง

โดยหนุ่มชาวญี่ปุ่นได้ติดต่อให้บริษัท Zeppet ขอให้ทำชุดสุนัขเหมือนจริงที่มนุษย์สามารถใส่ได้ และมีค่าใช้จ่ายในการทำชุดประมาณ 2 ล้านเยน (512,000 บาทไทย) ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ถูกใจเขามาก ๆ

หนึ่งเดือนหลังจากที่สั่งทำชุด ในที่สุดเขาก็ได้ชุดสุนัขที่เหมือนสุนัขสายพันธุ์คอลลี่สมใจ โดยเขาได้โพสต์เรื่องราวนี้บนทวิตเตอร์และช่องยูทูปเพื่อแชร์เรื่องราวให้ทุกคนได้ชื่นชมและเห็นความฝันที่เป็นจริงของเขา

ทาง Zeppet เผยว่า ลักษณะทางกายภาพของคนเราและสุนัขต่างกันมาก การทำชุดสุนัขที่ให้มนุษย์สวมใส่ได้จึงต้องออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยใช้ภาพถ่ายของน้องหมาสายพันธุ์คอลลี่ที่ถ่ายจากมุมที่ต่างกันเพื่อออกแบบชุดให้สมจริงมากที่สุด พร้อมกับเพิ่มขนที่อ่อนนุ่มเพื่อซ่อนเครื่องแต่งกายของผู้สวมใส่ให้มากที่สุด และทำให้ปากเปิดและปิดได้ด้วยตัวเอง

เรื่องราวที่ไม่ธรรมดาของ Taco โด่งดังมาก ๆ ในญี่ปุ่นเมื่อช่วงปลายเดือนก่อน และยังได้ออกรายการโทรทัศน์ระดับประเทศอีกด้วย

การทำชุดน้องหมาของ Taco ทำให้ชาวออนไลน์หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่ Taco ทำเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเงินและไร้สาระ แต่หลายความเห็นก็บอกว่า ถ้าสิ่งที่ทำคือความสุขและไม่ได้ทำร้ายใครก็เป็นเรื่องส่วนตัวและความชื่นชอบของแต่ละบุคคล

เผยเรื่องราวของหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่มีความฝันอยากใช้ชีวิตเป็นสุนัข
 
งานนี้ทำเอาผู้คนทั่วโลกต่างตกตะลึง เพราะหนุ่มรายนี้ทุ่มสุดตัว





เป็นไวรัลดังที่มาจากทวิตเตอร์ เมื่อหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า Toco ได้ทำตามความฝันของตัวเองที่อยากจะมีชีวิตอยู่ในฐานะสัตว์ให้เป็นจริง ด้วยการสั่งทำชุดสุนัขที่ผลิตโดยบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคพิเศษและการสร้างชุดจำลอง

โดยหนุ่มชาวญี่ปุ่นได้ติดต่อให้บริษัท Zeppet ขอให้ทำชุดสุนัขเหมือนจริงที่มนุษย์สามารถใส่ได้ และมีค่าใช้จ่ายในการทำชุดประมาณ 2 ล้านเยน (512,000 บาทไทย) ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ถูกใจเขามาก ๆ

หนึ่งเดือนหลังจากที่สั่งทำชุด ในที่สุดเขาก็ได้ชุดสุนัขที่เหมือนสุนัขสายพันธุ์คอลลี่สมใจ โดยเขาได้โพสต์เรื่องราวนี้บนทวิตเตอร์และช่องยูทูปเพื่อแชร์เรื่องราวให้ทุกคนได้ชื่นชมและเห็นความฝันที่เป็นจริงของเขา

ทาง Zeppet เผยว่า ลักษณะทางกายภาพของคนเราและสุนัขต่างกันมาก การทำชุดสุนัขที่ให้มนุษย์สวมใส่ได้จึงต้องออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยใช้ภาพถ่ายของน้องหมาสายพันธุ์คอลลี่ที่ถ่ายจากมุมที่ต่างกันเพื่อออกแบบชุดให้สมจริงมากที่สุด พร้อมกับเพิ่มขนที่อ่อนนุ่มเพื่อซ่อนเครื่องแต่งกายของผู้สวมใส่ให้มากที่สุด และทำให้ปากเปิดและปิดได้ด้วยตัวเอง

เรื่องราวที่ไม่ธรรมดาของ Taco โด่งดังมาก ๆ ในญี่ปุ่นเมื่อช่วงปลายเดือนก่อน และยังได้ออกรายการโทรทัศน์ระดับประเทศอีกด้วย

การทำชุดน้องหมาของ Taco ทำให้ชาวออนไลน์หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่ Taco ทำเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเงินและไร้สาระ แต่หลายความเห็นก็บอกว่า ถ้าสิ่งที่ทำคือความสุขและไม่ได้ทำร้ายใครก็เป็นเรื่องส่วนตัวและความชื่นชอบของแต่ละบุคคล