แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - dognews

376


เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า มีน้องหมาบางสายพันธุ์ที่ชอบความอบอุ่น ชอบแดด อึด ถึก ทน กับสภาพอากาศร้อน ... ถ้าอย่างนั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่า มีน้องหมาสายพันธุ์ไหนที่สามารถทนกับอาอาศร้อนได้ดีบ้าง

1. พุดเดิ้ล





    พุดเดิ้ล เป็นน้องหมาสายพันธุ์เล็ก ที่มีขนเป็นปุยดูคล้ายขนแกะ และมีกลิ่นตัวน้อยมาก เป็นสายพันธุ์ตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักน้องหมาที่กำลังมองหาคู่หูที่ฉลาดและกระตือรือร้น เพราะพุดเดิ้ลเป็นสุนัขที่ฝึกง่าย สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ซึ่งควรฝึกสอนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วคุณจะเห็นว่ามันมีความสามารถในการทำตามคำสั่งที่ยอดเยี่ยมทีเดียว

    สำหรับ พุดเดิ้ล จำเป็นต้องดูแลเส้นขนเป็นพิเศษเพราะหากปล่อยยาว ไม่ตัดแต่งขนก็จะทำให้เกิดสังกะตังได้ นอกจากนี้เรื่องของสุขภาพของพุดเดิ้ลยังสามารถดูแลได้โดยการให้อาหารที่ครบถ้วน คุณค่าสารอาหารและสมดุล รวมทั้งการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นกับสุนัขทุกตัว


2.มอลทีส



       มอลทีส เป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส เรียบร้อย และเชื่อฟังคำสั่ง สุภาพอ่อนโยน มีความเป็นมิตรกับคนทั่วไปเป็นสุนัขในอุดมคติของใครหลาย ๆ คน และมอลทีสชอบที่จะให้อุ้มหรือกอดอยู่เสมอ ในบางครั้งอาจจะเกรี้ยวกราดบ้างกับสุนัขด้วยกัน มอลทีสเป็นสุนัขที่มีนิสัยอิจฉาชอบประจบเจ้าของ รักเจ้าของมาก ชอบปกป้องเจ้านายหรืออาณาเขตของมันเองออดอ้อนออเซาะ ไม่เป็นรองใครมีความฉลาดแสนรู้ แต่จิตใจกล้าหาญ

    และมอลทีสยังเป็นสุนัขที่มีขนสวย แทบไม่มีกลิ่นตัว สามารถเล็มแต่งขนเขาสั้นลงเพื่อดูแลรักษาง่าย ๆ แต่เราต้องแปรงขนเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ขนพันกัน อาบน้ำให้น้องมอลทีสซักสัปดาห์ละครั้ง พร้อมทั้งเป่าขนให้แห้งเสมอเพื่อสุขภาพผิวหนังและเส้นขนที่ดี


3. บีเกิ้ล



     บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่เป็นมิตร ร่าเริง ไม่ขี้อาย ไม่ขี้กลัว และไม่ก้าวร้าว ต่อคนหรือสัตว์อื่น ๆ ด้วยขนาดที่กระทัดรัด และด้วยที่เค้าชอบคน บีเกิ้ลจึงเป็นสุนัขที่เข้ากับเด็ก ๆ และผู้คนได้เป็นอย่างดีจนเค้าไม่เหมาะจะเป็นสุนัขกลางแจ้ง การที่ถูกทิ้งไว้หลังบ้านตลอดเวลา จะทำให้เค้าเบื่อซึ่งจะแสดงออกโดย การเห่า หอน ขุด และพยายามหนี

     บีเกิ้ล เป็นสุนัขที่แทบไม่มีกลิ่นตัว การดูแลทำความสะอาดให้เป็นเรื่องง่าย แค่อาบน้ำให้เค้าอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ จากนั้นก็เช็ดหรือเป่าตัวของเค้าให้แห้งพร้อม ๆ กับแปรงขนไปด้วย หรือถ้าไม่สกปรกมากอาจใช้แค่ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตัวให้เค้าก็ได้

      ส่วนเรื่องการแปรงขนให้บีเกิ้ลสามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากว่าเค้ามีขนสั้นและสีเข้ม ควรแปรงขนให้แก่น้องบีเกิลทุก ๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไปและช่วยเพิ่มความเงางามแข็งแรงแก่เส้นขน


4. บอสตัน เทอร์เรีย



     บอสตัน เทอร์เรียเป็นน้องหมาขนสั้น เรียบเนียน ดูแลทำความสะอาดง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว มีขนร่วงเล็กน้อยถึงปานกลาง ให้เน้นการแปรงขนเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยผลัดขน อาบน้ำอย่างมากที่สุดไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อเดือน เพราะ การอาบน้ำบ่อยๆ จะทำให้ผิวแห้ง ควรเน้นการดูแลรอบใบหน้า โดยเฉพาะตามร่องผิวหนังที่ย่น และควรทำความสะอาดดวงตากับหูเป็นพิเศษ ลดการติดเชื้อ การอักเสบค่ะ

     สำหรับ บอสตัน เทอร์เรีย เป็นน้องหมาที่เลี้ยงไม่ยาก สามารถอยู่ได้ในพื้นที่แคบอย่างเช่นอพาร์ตเม้นท์ พาเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก การทำความสะอาดก็ไม่ยุ่งยาก ชอบอยู่เงียบๆ สงบๆ จึงเหมาะกับผู้เลี้ยงที่ชอบอยู่เงียบๆ ชิวๆ สบายๆ ไม่ต้องประคบประหงมมากเป็นพิเศษทั้งเรื่องความเป็นอยู่ ลักษณะนิสัย การดูแล แต่ก็ต้องให้ความรัก ไม่ใช้ความรุนแรงกับพวกเขานะคะ เพราะบอสตัน เทอร์เรีย ค่อนข้างอ่อนไหวง่ายทางความรู้สึก ชอบอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว นอกจากนี้ผู้เลี้ยงก็ต้องระมัดระวังเรื่องการกินเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่ค่อยแอคทีฟ หรือ ชอบออกกำลังกายมากๆ ถ้ากินเยอะเกิน ไม่ได้รับการเผาผลาญที่ดีอาจอ้วนได้ค่ะ


5. ปอมเมอเรเนียน



        ปอมเมอเรเนียน เป็นหนึ่งในน้องหมาพันธุ์เล็กที่หลายคนทั่วโลกชื่นชอบมากว่า 100 ปี ด้วยบุคคลิกน่ารัก ขี้เล่น ฉลาด มีไหวพริบ จะแต่งตัว ตัดขนทรงไหนก็ดูน่ารักไปหมด อินเทรนด์ไม่มีตกยุค ... สำหรับปอมเมอเรเนียนเป็นน้องหมาขนยาว 2 ชั้น ส่วนใหญ่ที่เราเคยเห็นกันก็จะมีขนสีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลอ่อน สีแดง สีส้ม สีขาว สีดำ และ สีที่แซมกัน 2 สี

    แต่สมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐอเมเริกา (AKC) ได้มีจัดระเบียบสีขนของปอมเมอเรเนียนไว้ถึง 23 สี และยังบอกอีกว่า ปอมเมอเรเนียนเป็นน้องหมาที่มีความกระฉับกระเฉง และมีชีวิตชีวา ไม่ต้องการออกกำลังกายมากนัก และที่สำคัญยังเป็นน้องหมาที่ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวกวนใจอีกด้วย

377


เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า มีน้องหมาบางสายพันธุ์ที่ชอบความอบอุ่น ชอบแดด อึด ถึก ทน กับสภาพอากาศร้อน ... ถ้าอย่างนั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่า มีน้องหมาสายพันธุ์ไหนที่สามารถทนกับอาอาศร้อนได้ดีบ้าง

1. พุดเดิ้ล





    พุดเดิ้ล เป็นน้องหมาสายพันธุ์เล็ก ที่มีขนเป็นปุยดูคล้ายขนแกะ และมีกลิ่นตัวน้อยมาก เป็นสายพันธุ์ตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักน้องหมาที่กำลังมองหาคู่หูที่ฉลาดและกระตือรือร้น เพราะพุดเดิ้ลเป็นสุนัขที่ฝึกง่าย สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ซึ่งควรฝึกสอนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วคุณจะเห็นว่ามันมีความสามารถในการทำตามคำสั่งที่ยอดเยี่ยมทีเดียว

    สำหรับ พุดเดิ้ล จำเป็นต้องดูแลเส้นขนเป็นพิเศษเพราะหากปล่อยยาว ไม่ตัดแต่งขนก็จะทำให้เกิดสังกะตังได้ นอกจากนี้เรื่องของสุขภาพของพุดเดิ้ลยังสามารถดูแลได้โดยการให้อาหารที่ครบถ้วน คุณค่าสารอาหารและสมดุล รวมทั้งการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นกับสุนัขทุกตัว


2.มอลทีส



       มอลทีส เป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส เรียบร้อย และเชื่อฟังคำสั่ง สุภาพอ่อนโยน มีความเป็นมิตรกับคนทั่วไปเป็นสุนัขในอุดมคติของใครหลาย ๆ คน และมอลทีสชอบที่จะให้อุ้มหรือกอดอยู่เสมอ ในบางครั้งอาจจะเกรี้ยวกราดบ้างกับสุนัขด้วยกัน มอลทีสเป็นสุนัขที่มีนิสัยอิจฉาชอบประจบเจ้าของ รักเจ้าของมาก ชอบปกป้องเจ้านายหรืออาณาเขตของมันเองออดอ้อนออเซาะ ไม่เป็นรองใครมีความฉลาดแสนรู้ แต่จิตใจกล้าหาญ

    และมอลทีสยังเป็นสุนัขที่มีขนสวย แทบไม่มีกลิ่นตัว สามารถเล็มแต่งขนเขาสั้นลงเพื่อดูแลรักษาง่าย ๆ แต่เราต้องแปรงขนเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ขนพันกัน อาบน้ำให้น้องมอลทีสซักสัปดาห์ละครั้ง พร้อมทั้งเป่าขนให้แห้งเสมอเพื่อสุขภาพผิวหนังและเส้นขนที่ดี


3. บีเกิ้ล



     บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่เป็นมิตร ร่าเริง ไม่ขี้อาย ไม่ขี้กลัว และไม่ก้าวร้าว ต่อคนหรือสัตว์อื่น ๆ ด้วยขนาดที่กระทัดรัด และด้วยที่เค้าชอบคน บีเกิ้ลจึงเป็นสุนัขที่เข้ากับเด็ก ๆ และผู้คนได้เป็นอย่างดีจนเค้าไม่เหมาะจะเป็นสุนัขกลางแจ้ง การที่ถูกทิ้งไว้หลังบ้านตลอดเวลา จะทำให้เค้าเบื่อซึ่งจะแสดงออกโดย การเห่า หอน ขุด และพยายามหนี

     บีเกิ้ล เป็นสุนัขที่แทบไม่มีกลิ่นตัว การดูแลทำความสะอาดให้เป็นเรื่องง่าย แค่อาบน้ำให้เค้าอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ จากนั้นก็เช็ดหรือเป่าตัวของเค้าให้แห้งพร้อม ๆ กับแปรงขนไปด้วย หรือถ้าไม่สกปรกมากอาจใช้แค่ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตัวให้เค้าก็ได้

      ส่วนเรื่องการแปรงขนให้บีเกิ้ลสามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากว่าเค้ามีขนสั้นและสีเข้ม ควรแปรงขนให้แก่น้องบีเกิลทุก ๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไปและช่วยเพิ่มความเงางามแข็งแรงแก่เส้นขน


4. บอสตัน เทอร์เรีย



     บอสตัน เทอร์เรียเป็นน้องหมาขนสั้น เรียบเนียน ดูแลทำความสะอาดง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว มีขนร่วงเล็กน้อยถึงปานกลาง ให้เน้นการแปรงขนเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยผลัดขน อาบน้ำอย่างมากที่สุดไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อเดือน เพราะ การอาบน้ำบ่อยๆ จะทำให้ผิวแห้ง ควรเน้นการดูแลรอบใบหน้า โดยเฉพาะตามร่องผิวหนังที่ย่น และควรทำความสะอาดดวงตากับหูเป็นพิเศษ ลดการติดเชื้อ การอักเสบค่ะ

     สำหรับ บอสตัน เทอร์เรีย เป็นน้องหมาที่เลี้ยงไม่ยาก สามารถอยู่ได้ในพื้นที่แคบอย่างเช่นอพาร์ตเม้นท์ พาเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก การทำความสะอาดก็ไม่ยุ่งยาก ชอบอยู่เงียบๆ สงบๆ จึงเหมาะกับผู้เลี้ยงที่ชอบอยู่เงียบๆ ชิวๆ สบายๆ ไม่ต้องประคบประหงมมากเป็นพิเศษทั้งเรื่องความเป็นอยู่ ลักษณะนิสัย การดูแล แต่ก็ต้องให้ความรัก ไม่ใช้ความรุนแรงกับพวกเขานะคะ เพราะบอสตัน เทอร์เรีย ค่อนข้างอ่อนไหวง่ายทางความรู้สึก ชอบอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว นอกจากนี้ผู้เลี้ยงก็ต้องระมัดระวังเรื่องการกินเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่ค่อยแอคทีฟ หรือ ชอบออกกำลังกายมากๆ ถ้ากินเยอะเกิน ไม่ได้รับการเผาผลาญที่ดีอาจอ้วนได้ค่ะ


5. ปอมเมอเรเนียน



        ปอมเมอเรเนียน เป็นหนึ่งในน้องหมาพันธุ์เล็กที่หลายคนทั่วโลกชื่นชอบมากว่า 100 ปี ด้วยบุคคลิกน่ารัก ขี้เล่น ฉลาด มีไหวพริบ จะแต่งตัว ตัดขนทรงไหนก็ดูน่ารักไปหมด อินเทรนด์ไม่มีตกยุค ... สำหรับปอมเมอเรเนียนเป็นน้องหมาขนยาว 2 ชั้น ส่วนใหญ่ที่เราเคยเห็นกันก็จะมีขนสีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลอ่อน สีแดง สีส้ม สีขาว สีดำ และ สีที่แซมกัน 2 สี

    แต่สมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐอเมเริกา (AKC) ได้มีจัดระเบียบสีขนของปอมเมอเรเนียนไว้ถึง 23 สี และยังบอกอีกว่า ปอมเมอเรเนียนเป็นน้องหมาที่มีความกระฉับกระเฉง และมีชีวิตชีวา ไม่ต้องการออกกำลังกายมากนัก และที่สำคัญยังเป็นน้องหมาที่ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวกวนใจอีกด้วย

378


เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า มีน้องหมาบางสายพันธุ์ที่ชอบความอบอุ่น ชอบแดด อึด ถึก ทน กับสภาพอากาศร้อน ... ถ้าอย่างนั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่า มีน้องหมาสายพันธุ์ไหนที่สามารถทนกับอาอาศร้อนได้ดีบ้าง

1. พุดเดิ้ล





    พุดเดิ้ล เป็นน้องหมาสายพันธุ์เล็ก ที่มีขนเป็นปุยดูคล้ายขนแกะ และมีกลิ่นตัวน้อยมาก เป็นสายพันธุ์ตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักน้องหมาที่กำลังมองหาคู่หูที่ฉลาดและกระตือรือร้น เพราะพุดเดิ้ลเป็นสุนัขที่ฝึกง่าย สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ซึ่งควรฝึกสอนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วคุณจะเห็นว่ามันมีความสามารถในการทำตามคำสั่งที่ยอดเยี่ยมทีเดียว

    สำหรับ พุดเดิ้ล จำเป็นต้องดูแลเส้นขนเป็นพิเศษเพราะหากปล่อยยาว ไม่ตัดแต่งขนก็จะทำให้เกิดสังกะตังได้ นอกจากนี้เรื่องของสุขภาพของพุดเดิ้ลยังสามารถดูแลได้โดยการให้อาหารที่ครบถ้วน คุณค่าสารอาหารและสมดุล รวมทั้งการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นกับสุนัขทุกตัว


2.มอลทีส



       มอลทีส เป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส เรียบร้อย และเชื่อฟังคำสั่ง สุภาพอ่อนโยน มีความเป็นมิตรกับคนทั่วไปเป็นสุนัขในอุดมคติของใครหลาย ๆ คน และมอลทีสชอบที่จะให้อุ้มหรือกอดอยู่เสมอ ในบางครั้งอาจจะเกรี้ยวกราดบ้างกับสุนัขด้วยกัน มอลทีสเป็นสุนัขที่มีนิสัยอิจฉาชอบประจบเจ้าของ รักเจ้าของมาก ชอบปกป้องเจ้านายหรืออาณาเขตของมันเองออดอ้อนออเซาะ ไม่เป็นรองใครมีความฉลาดแสนรู้ แต่จิตใจกล้าหาญ

    และมอลทีสยังเป็นสุนัขที่มีขนสวย แทบไม่มีกลิ่นตัว สามารถเล็มแต่งขนเขาสั้นลงเพื่อดูแลรักษาง่าย ๆ แต่เราต้องแปรงขนเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ขนพันกัน อาบน้ำให้น้องมอลทีสซักสัปดาห์ละครั้ง พร้อมทั้งเป่าขนให้แห้งเสมอเพื่อสุขภาพผิวหนังและเส้นขนที่ดี


3. บีเกิ้ล



     บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่เป็นมิตร ร่าเริง ไม่ขี้อาย ไม่ขี้กลัว และไม่ก้าวร้าว ต่อคนหรือสัตว์อื่น ๆ ด้วยขนาดที่กระทัดรัด และด้วยที่เค้าชอบคน บีเกิ้ลจึงเป็นสุนัขที่เข้ากับเด็ก ๆ และผู้คนได้เป็นอย่างดีจนเค้าไม่เหมาะจะเป็นสุนัขกลางแจ้ง การที่ถูกทิ้งไว้หลังบ้านตลอดเวลา จะทำให้เค้าเบื่อซึ่งจะแสดงออกโดย การเห่า หอน ขุด และพยายามหนี

     บีเกิ้ล เป็นสุนัขที่แทบไม่มีกลิ่นตัว การดูแลทำความสะอาดให้เป็นเรื่องง่าย แค่อาบน้ำให้เค้าอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ จากนั้นก็เช็ดหรือเป่าตัวของเค้าให้แห้งพร้อม ๆ กับแปรงขนไปด้วย หรือถ้าไม่สกปรกมากอาจใช้แค่ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตัวให้เค้าก็ได้

      ส่วนเรื่องการแปรงขนให้บีเกิ้ลสามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากว่าเค้ามีขนสั้นและสีเข้ม ควรแปรงขนให้แก่น้องบีเกิลทุก ๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไปและช่วยเพิ่มความเงางามแข็งแรงแก่เส้นขน


4. บอสตัน เทอร์เรีย



     บอสตัน เทอร์เรียเป็นน้องหมาขนสั้น เรียบเนียน ดูแลทำความสะอาดง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว มีขนร่วงเล็กน้อยถึงปานกลาง ให้เน้นการแปรงขนเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยผลัดขน อาบน้ำอย่างมากที่สุดไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อเดือน เพราะ การอาบน้ำบ่อยๆ จะทำให้ผิวแห้ง ควรเน้นการดูแลรอบใบหน้า โดยเฉพาะตามร่องผิวหนังที่ย่น และควรทำความสะอาดดวงตากับหูเป็นพิเศษ ลดการติดเชื้อ การอักเสบค่ะ

     สำหรับ บอสตัน เทอร์เรีย เป็นน้องหมาที่เลี้ยงไม่ยาก สามารถอยู่ได้ในพื้นที่แคบอย่างเช่นอพาร์ตเม้นท์ พาเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก การทำความสะอาดก็ไม่ยุ่งยาก ชอบอยู่เงียบๆ สงบๆ จึงเหมาะกับผู้เลี้ยงที่ชอบอยู่เงียบๆ ชิวๆ สบายๆ ไม่ต้องประคบประหงมมากเป็นพิเศษทั้งเรื่องความเป็นอยู่ ลักษณะนิสัย การดูแล แต่ก็ต้องให้ความรัก ไม่ใช้ความรุนแรงกับพวกเขานะคะ เพราะบอสตัน เทอร์เรีย ค่อนข้างอ่อนไหวง่ายทางความรู้สึก ชอบอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว นอกจากนี้ผู้เลี้ยงก็ต้องระมัดระวังเรื่องการกินเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่ค่อยแอคทีฟ หรือ ชอบออกกำลังกายมากๆ ถ้ากินเยอะเกิน ไม่ได้รับการเผาผลาญที่ดีอาจอ้วนได้ค่ะ


5. ปอมเมอเรเนียน



        ปอมเมอเรเนียน เป็นหนึ่งในน้องหมาพันธุ์เล็กที่หลายคนทั่วโลกชื่นชอบมากว่า 100 ปี ด้วยบุคคลิกน่ารัก ขี้เล่น ฉลาด มีไหวพริบ จะแต่งตัว ตัดขนทรงไหนก็ดูน่ารักไปหมด อินเทรนด์ไม่มีตกยุค ... สำหรับปอมเมอเรเนียนเป็นน้องหมาขนยาว 2 ชั้น ส่วนใหญ่ที่เราเคยเห็นกันก็จะมีขนสีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลอ่อน สีแดง สีส้ม สีขาว สีดำ และ สีที่แซมกัน 2 สี

    แต่สมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐอเมเริกา (AKC) ได้มีจัดระเบียบสีขนของปอมเมอเรเนียนไว้ถึง 23 สี และยังบอกอีกว่า ปอมเมอเรเนียนเป็นน้องหมาที่มีความกระฉับกระเฉง และมีชีวิตชีวา ไม่ต้องการออกกำลังกายมากนัก และที่สำคัญยังเป็นน้องหมาที่ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวกวนใจอีกด้วย

379



เผยเรื่องราวของน้องหมาที่ทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำโรงพยาบาล

คอยช่วยคลายเครียดให้เจ้าหน้าที่ บุคลากรของโรงพยาบาลรวมถึงคนไข้ด้วย


น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า บัดดี้ เป็นน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุ 17 เดือนที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำโรงพยาบาลนิวตัน เวลเลสลีย์ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

   โดยก่อนหน้านี้ แคนดิส ลาเวียน ซึ่งทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตเด็กของโรงพยาบาลรู้สึกว่า บุคลากรในโรงพยาบาลมีความเครียดจากการทำงานสูง รวมถึงผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัว เธอจึงเสนอความคิดเรื่องสุนัขบำบัด ทำให้ทุกฝ่ายช่วยกันระดมทุนและได้ บัดดี้ มาทำหน้าที่สุนัขบำบัดในที่สุด

    ซึ่งก่อนหน้านี้ แคนดิส ได้เข้าไปเรียนรู้และฝึกทำงานร่วมกับ บัดดี้ ที่ Canine Assistants ในเมืองอัลฟาเรตตา รัฐจอร์เจีย เพื่อกลับมาช่วยบำบัดและลดความเครียดให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ซึ่งบัดดี้มีตารางการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

     ตอนนี้ บัดดี้ กลายเป็นที่รักของเจ้าหน้าที่มากกว่า 3,000 คน รวมถึงคนไข้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งการมี บัดดี้ ในโรงพยาบาล นอกจากจะช่วยทำให้การทำงานมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมแรงทางบวกให้ผู้ป่วย เช่น เด็ก ๆ ที่มีความไม่มั่นใจ หรือกลัวเครื่องมือแพทย์ได้มีกำลังใจในการรักษาตัวมากขึ้นอีกด้วย



380



เผยเรื่องราวของน้องหมาที่ทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำโรงพยาบาล

คอยช่วยคลายเครียดให้เจ้าหน้าที่ บุคลากรของโรงพยาบาลรวมถึงคนไข้ด้วย


น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า บัดดี้ เป็นน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุ 17 เดือนที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำโรงพยาบาลนิวตัน เวลเลสลีย์ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

   โดยก่อนหน้านี้ แคนดิส ลาเวียน ซึ่งทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตเด็กของโรงพยาบาลรู้สึกว่า บุคลากรในโรงพยาบาลมีความเครียดจากการทำงานสูง รวมถึงผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัว เธอจึงเสนอความคิดเรื่องสุนัขบำบัด ทำให้ทุกฝ่ายช่วยกันระดมทุนและได้ บัดดี้ มาทำหน้าที่สุนัขบำบัดในที่สุด

    ซึ่งก่อนหน้านี้ แคนดิส ได้เข้าไปเรียนรู้และฝึกทำงานร่วมกับ บัดดี้ ที่ Canine Assistants ในเมืองอัลฟาเรตตา รัฐจอร์เจีย เพื่อกลับมาช่วยบำบัดและลดความเครียดให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ซึ่งบัดดี้มีตารางการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

     ตอนนี้ บัดดี้ กลายเป็นที่รักของเจ้าหน้าที่มากกว่า 3,000 คน รวมถึงคนไข้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งการมี บัดดี้ ในโรงพยาบาล นอกจากจะช่วยทำให้การทำงานมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมแรงทางบวกให้ผู้ป่วย เช่น เด็ก ๆ ที่มีความไม่มั่นใจ หรือกลัวเครื่องมือแพทย์ได้มีกำลังใจในการรักษาตัวมากขึ้นอีกด้วย



381



เผยเรื่องราวของน้องหมาที่ทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำโรงพยาบาล

คอยช่วยคลายเครียดให้เจ้าหน้าที่ บุคลากรของโรงพยาบาลรวมถึงคนไข้ด้วย


น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า บัดดี้ เป็นน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุ 17 เดือนที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำโรงพยาบาลนิวตัน เวลเลสลีย์ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

   โดยก่อนหน้านี้ แคนดิส ลาเวียน ซึ่งทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตเด็กของโรงพยาบาลรู้สึกว่า บุคลากรในโรงพยาบาลมีความเครียดจากการทำงานสูง รวมถึงผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัว เธอจึงเสนอความคิดเรื่องสุนัขบำบัด ทำให้ทุกฝ่ายช่วยกันระดมทุนและได้ บัดดี้ มาทำหน้าที่สุนัขบำบัดในที่สุด

    ซึ่งก่อนหน้านี้ แคนดิส ได้เข้าไปเรียนรู้และฝึกทำงานร่วมกับ บัดดี้ ที่ Canine Assistants ในเมืองอัลฟาเรตตา รัฐจอร์เจีย เพื่อกลับมาช่วยบำบัดและลดความเครียดให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ซึ่งบัดดี้มีตารางการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

     ตอนนี้ บัดดี้ กลายเป็นที่รักของเจ้าหน้าที่มากกว่า 3,000 คน รวมถึงคนไข้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งการมี บัดดี้ ในโรงพยาบาล นอกจากจะช่วยทำให้การทำงานมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมแรงทางบวกให้ผู้ป่วย เช่น เด็ก ๆ ที่มีความไม่มั่นใจ หรือกลัวเครื่องมือแพทย์ได้มีกำลังใจในการรักษาตัวมากขึ้นอีกด้วย



382



เผยเรื่องราวของน้องหมาที่ทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำโรงพยาบาล

คอยช่วยคลายเครียดให้เจ้าหน้าที่ บุคลากรของโรงพยาบาลรวมถึงคนไข้ด้วย


น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า บัดดี้ เป็นน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุ 17 เดือนที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำโรงพยาบาลนิวตัน เวลเลสลีย์ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

   โดยก่อนหน้านี้ แคนดิส ลาเวียน ซึ่งทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตเด็กของโรงพยาบาลรู้สึกว่า บุคลากรในโรงพยาบาลมีความเครียดจากการทำงานสูง รวมถึงผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัว เธอจึงเสนอความคิดเรื่องสุนัขบำบัด ทำให้ทุกฝ่ายช่วยกันระดมทุนและได้ บัดดี้ มาทำหน้าที่สุนัขบำบัดในที่สุด

    ซึ่งก่อนหน้านี้ แคนดิส ได้เข้าไปเรียนรู้และฝึกทำงานร่วมกับ บัดดี้ ที่ Canine Assistants ในเมืองอัลฟาเรตตา รัฐจอร์เจีย เพื่อกลับมาช่วยบำบัดและลดความเครียดให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ซึ่งบัดดี้มีตารางการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

     ตอนนี้ บัดดี้ กลายเป็นที่รักของเจ้าหน้าที่มากกว่า 3,000 คน รวมถึงคนไข้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งการมี บัดดี้ ในโรงพยาบาล นอกจากจะช่วยทำให้การทำงานมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมแรงทางบวกให้ผู้ป่วย เช่น เด็ก ๆ ที่มีความไม่มั่นใจ หรือกลัวเครื่องมือแพทย์ได้มีกำลังใจในการรักษาตัวมากขึ้นอีกด้วย



383



หากพูดถึงแมวแปลกที่เหล่าดารา เซเลบบิตี้ และคนทั่วไปนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น แมวสฟิงซ์ (Sphynx) เนื่องจากแมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่มีรูปร่างหน้าตา และลักษณะทั่วไปที่ค่อนข้างแปลก และเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่ว่าใครที่เป็นต้องจดจำน้องแมวสายพันธุ์นี้ได้อย่างแน่นอน และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ตัวนี้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนที่กำลังมองหาน้องแมวที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณได้ไปลองหาน้องแมวสายพันธุ์นี้มาเลี้ยงสักตัว


ประวัติความเป็นมา และลักษณะทั่วไปของแมวสฟิงซ์ (Sphynx)




หากพูดแมวสฟิงซ์ (Sphynx) หลายคนคงเข้าใจว่าแมวสายพันธุ์นี้ อาจจะเป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอียิปต์ แต่ประวัติของแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ที่แท้จริงนั้นมีถิ่นกำเนิดในแคนาดา เมื่อราว ๆ ปี 1966 ซึ่งเป็นลูกแมวบ้านตัวหนึ่งที่คลอดออกมา และเจ้าของพบว่าลูกแมวตัวนั้นไร้ขน ซึ่งต่อมาก็พบว่า นั่นคือการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ และใน 30 ปีต่อมาเหล่านักเพาะพันธุ์ทั้งในสหรัฐอเมริกา และยุโรป พยายามเพาะพันธุ์แมวสฟิงซ์ที่ได้พ่อและแม่พันธุ์ที่แข็งแรง เพื่อให้ได้แมวรุ่นลูกไม่เป็นหมันนั้นเอง




ลักษณะเฉพาะของสฟิงซ์ ที่ไม่สามารถพบในสุนัข หรือแมวที่มีขน คือแมวสายพันธุ์นี้จะมีต่อมเหงื่อค่อนข้างมาก คล้ายกับผิวหนังของคน ดังนั้น เหงื่อของมันจึงระบายออกทางผิวหนัง และจะไม่มีอาการหอบ หรือต้องอ้าปากเพื่อระบายความร้อน เหมือนแมวหรือสุนัขทั่ว ๆ ไป

นอกจากนี้ในส่วนของนิสัย แมวสฟิงซ์ นิสัยค่อนข้างติดเจ้าของ แต่เต็มไปด้วยความฉลาด, ร่าเริง และขี้เล่น แต่น้องแมวบางตัวอาจจะมีความขี้อ้อน หรือชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า ซึ่งน้องแมวสายพันธุ์นี้สามารถเป็นพลังบวกให้กับเจ้าของได้ ซึ่งหลาย ๆ คนมักจะบอกว่านิสัยของเขาค่อนข้างสวนทางกับรูปร่างหน้าตาของเขาไม่น้อย แต่เราต้องขอบอกว่าหากใครที่ได้ลองได้ใกล้ชิดกับน้องแมวสายพันธุ์นี้ ต้องระวังหลงเสน่ห์ความน่ารักของน้อง ๆ นะคะ


ราคาและฟาร์มเพาะเลี้ยง แมวสฟิงซ์ (Sphynx)

สำหรับใครที่อยากเลี้ยงแมวสฟิงซ์ (Sphynx) แต่ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับราคา หรือฟาร์มของน้องแมวสายพันธุ์นี้ ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาให้กับคุณแล้วค่ะ โดยราคาแมวสฟิงซ์ 2021 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 104,000 บาทเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากนี้ในส่วนของฟาร์มของสฟิงซ์ในไทยนั้นมีหลายฟาร์มด้วยกัน แต่ฟาร์มที่เราอยากแนะนำคือ Pornpinit Cattery (Facebook: Sphynx Cats Thailand แมวสฟิงซ์ แมวไม่มีขน ) โดยฟาร์มนี้จะเป็นฟาร์มที่มีน้องสฟิงซ์หลายสีให้เลือก รวมไปถึงแมวสฟิงซ์ สีขาว ซึ่งเป็นสีที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะชื่นชอบไม่น้อย

384



หากพูดถึงแมวแปลกที่เหล่าดารา เซเลบบิตี้ และคนทั่วไปนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น แมวสฟิงซ์ (Sphynx) เนื่องจากแมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่มีรูปร่างหน้าตา และลักษณะทั่วไปที่ค่อนข้างแปลก และเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่ว่าใครที่เป็นต้องจดจำน้องแมวสายพันธุ์นี้ได้อย่างแน่นอน และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ตัวนี้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนที่กำลังมองหาน้องแมวที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณได้ไปลองหาน้องแมวสายพันธุ์นี้มาเลี้ยงสักตัว


ประวัติความเป็นมา และลักษณะทั่วไปของแมวสฟิงซ์ (Sphynx)




หากพูดแมวสฟิงซ์ (Sphynx) หลายคนคงเข้าใจว่าแมวสายพันธุ์นี้ อาจจะเป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอียิปต์ แต่ประวัติของแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ที่แท้จริงนั้นมีถิ่นกำเนิดในแคนาดา เมื่อราว ๆ ปี 1966 ซึ่งเป็นลูกแมวบ้านตัวหนึ่งที่คลอดออกมา และเจ้าของพบว่าลูกแมวตัวนั้นไร้ขน ซึ่งต่อมาก็พบว่า นั่นคือการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ และใน 30 ปีต่อมาเหล่านักเพาะพันธุ์ทั้งในสหรัฐอเมริกา และยุโรป พยายามเพาะพันธุ์แมวสฟิงซ์ที่ได้พ่อและแม่พันธุ์ที่แข็งแรง เพื่อให้ได้แมวรุ่นลูกไม่เป็นหมันนั้นเอง




ลักษณะเฉพาะของสฟิงซ์ ที่ไม่สามารถพบในสุนัข หรือแมวที่มีขน คือแมวสายพันธุ์นี้จะมีต่อมเหงื่อค่อนข้างมาก คล้ายกับผิวหนังของคน ดังนั้น เหงื่อของมันจึงระบายออกทางผิวหนัง และจะไม่มีอาการหอบ หรือต้องอ้าปากเพื่อระบายความร้อน เหมือนแมวหรือสุนัขทั่ว ๆ ไป

นอกจากนี้ในส่วนของนิสัย แมวสฟิงซ์ นิสัยค่อนข้างติดเจ้าของ แต่เต็มไปด้วยความฉลาด, ร่าเริง และขี้เล่น แต่น้องแมวบางตัวอาจจะมีความขี้อ้อน หรือชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า ซึ่งน้องแมวสายพันธุ์นี้สามารถเป็นพลังบวกให้กับเจ้าของได้ ซึ่งหลาย ๆ คนมักจะบอกว่านิสัยของเขาค่อนข้างสวนทางกับรูปร่างหน้าตาของเขาไม่น้อย แต่เราต้องขอบอกว่าหากใครที่ได้ลองได้ใกล้ชิดกับน้องแมวสายพันธุ์นี้ ต้องระวังหลงเสน่ห์ความน่ารักของน้อง ๆ นะคะ


ราคาและฟาร์มเพาะเลี้ยง แมวสฟิงซ์ (Sphynx)

สำหรับใครที่อยากเลี้ยงแมวสฟิงซ์ (Sphynx) แต่ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับราคา หรือฟาร์มของน้องแมวสายพันธุ์นี้ ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาให้กับคุณแล้วค่ะ โดยราคาแมวสฟิงซ์ 2021 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 104,000 บาทเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากนี้ในส่วนของฟาร์มของสฟิงซ์ในไทยนั้นมีหลายฟาร์มด้วยกัน แต่ฟาร์มที่เราอยากแนะนำคือ Pornpinit Cattery (Facebook: Sphynx Cats Thailand แมวสฟิงซ์ แมวไม่มีขน ) โดยฟาร์มนี้จะเป็นฟาร์มที่มีน้องสฟิงซ์หลายสีให้เลือก รวมไปถึงแมวสฟิงซ์ สีขาว ซึ่งเป็นสีที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะชื่นชอบไม่น้อย

385



หากพูดถึงแมวแปลกที่เหล่าดารา เซเลบบิตี้ และคนทั่วไปนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น แมวสฟิงซ์ (Sphynx) เนื่องจากแมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่มีรูปร่างหน้าตา และลักษณะทั่วไปที่ค่อนข้างแปลก และเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่ว่าใครที่เป็นต้องจดจำน้องแมวสายพันธุ์นี้ได้อย่างแน่นอน และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ตัวนี้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนที่กำลังมองหาน้องแมวที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณได้ไปลองหาน้องแมวสายพันธุ์นี้มาเลี้ยงสักตัว


ประวัติความเป็นมา และลักษณะทั่วไปของแมวสฟิงซ์ (Sphynx)




หากพูดแมวสฟิงซ์ (Sphynx) หลายคนคงเข้าใจว่าแมวสายพันธุ์นี้ อาจจะเป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอียิปต์ แต่ประวัติของแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ที่แท้จริงนั้นมีถิ่นกำเนิดในแคนาดา เมื่อราว ๆ ปี 1966 ซึ่งเป็นลูกแมวบ้านตัวหนึ่งที่คลอดออกมา และเจ้าของพบว่าลูกแมวตัวนั้นไร้ขน ซึ่งต่อมาก็พบว่า นั่นคือการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ และใน 30 ปีต่อมาเหล่านักเพาะพันธุ์ทั้งในสหรัฐอเมริกา และยุโรป พยายามเพาะพันธุ์แมวสฟิงซ์ที่ได้พ่อและแม่พันธุ์ที่แข็งแรง เพื่อให้ได้แมวรุ่นลูกไม่เป็นหมันนั้นเอง




ลักษณะเฉพาะของสฟิงซ์ ที่ไม่สามารถพบในสุนัข หรือแมวที่มีขน คือแมวสายพันธุ์นี้จะมีต่อมเหงื่อค่อนข้างมาก คล้ายกับผิวหนังของคน ดังนั้น เหงื่อของมันจึงระบายออกทางผิวหนัง และจะไม่มีอาการหอบ หรือต้องอ้าปากเพื่อระบายความร้อน เหมือนแมวหรือสุนัขทั่ว ๆ ไป

นอกจากนี้ในส่วนของนิสัย แมวสฟิงซ์ นิสัยค่อนข้างติดเจ้าของ แต่เต็มไปด้วยความฉลาด, ร่าเริง และขี้เล่น แต่น้องแมวบางตัวอาจจะมีความขี้อ้อน หรือชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า ซึ่งน้องแมวสายพันธุ์นี้สามารถเป็นพลังบวกให้กับเจ้าของได้ ซึ่งหลาย ๆ คนมักจะบอกว่านิสัยของเขาค่อนข้างสวนทางกับรูปร่างหน้าตาของเขาไม่น้อย แต่เราต้องขอบอกว่าหากใครที่ได้ลองได้ใกล้ชิดกับน้องแมวสายพันธุ์นี้ ต้องระวังหลงเสน่ห์ความน่ารักของน้อง ๆ นะคะ


ราคาและฟาร์มเพาะเลี้ยง แมวสฟิงซ์ (Sphynx)

สำหรับใครที่อยากเลี้ยงแมวสฟิงซ์ (Sphynx) แต่ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับราคา หรือฟาร์มของน้องแมวสายพันธุ์นี้ ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาให้กับคุณแล้วค่ะ โดยราคาแมวสฟิงซ์ 2021 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 104,000 บาทเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากนี้ในส่วนของฟาร์มของสฟิงซ์ในไทยนั้นมีหลายฟาร์มด้วยกัน แต่ฟาร์มที่เราอยากแนะนำคือ Pornpinit Cattery (Facebook: Sphynx Cats Thailand แมวสฟิงซ์ แมวไม่มีขน ) โดยฟาร์มนี้จะเป็นฟาร์มที่มีน้องสฟิงซ์หลายสีให้เลือก รวมไปถึงแมวสฟิงซ์ สีขาว ซึ่งเป็นสีที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะชื่นชอบไม่น้อย

386



หากพูดถึงแมวแปลกที่เหล่าดารา เซเลบบิตี้ และคนทั่วไปนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น แมวสฟิงซ์ (Sphynx) เนื่องจากแมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่มีรูปร่างหน้าตา และลักษณะทั่วไปที่ค่อนข้างแปลก และเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่ว่าใครที่เป็นต้องจดจำน้องแมวสายพันธุ์นี้ได้อย่างแน่นอน และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ตัวนี้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนที่กำลังมองหาน้องแมวที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณได้ไปลองหาน้องแมวสายพันธุ์นี้มาเลี้ยงสักตัว


ประวัติความเป็นมา และลักษณะทั่วไปของแมวสฟิงซ์ (Sphynx)




หากพูดแมวสฟิงซ์ (Sphynx) หลายคนคงเข้าใจว่าแมวสายพันธุ์นี้ อาจจะเป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอียิปต์ แต่ประวัติของแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ที่แท้จริงนั้นมีถิ่นกำเนิดในแคนาดา เมื่อราว ๆ ปี 1966 ซึ่งเป็นลูกแมวบ้านตัวหนึ่งที่คลอดออกมา และเจ้าของพบว่าลูกแมวตัวนั้นไร้ขน ซึ่งต่อมาก็พบว่า นั่นคือการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ และใน 30 ปีต่อมาเหล่านักเพาะพันธุ์ทั้งในสหรัฐอเมริกา และยุโรป พยายามเพาะพันธุ์แมวสฟิงซ์ที่ได้พ่อและแม่พันธุ์ที่แข็งแรง เพื่อให้ได้แมวรุ่นลูกไม่เป็นหมันนั้นเอง




ลักษณะเฉพาะของสฟิงซ์ ที่ไม่สามารถพบในสุนัข หรือแมวที่มีขน คือแมวสายพันธุ์นี้จะมีต่อมเหงื่อค่อนข้างมาก คล้ายกับผิวหนังของคน ดังนั้น เหงื่อของมันจึงระบายออกทางผิวหนัง และจะไม่มีอาการหอบ หรือต้องอ้าปากเพื่อระบายความร้อน เหมือนแมวหรือสุนัขทั่ว ๆ ไป

นอกจากนี้ในส่วนของนิสัย แมวสฟิงซ์ นิสัยค่อนข้างติดเจ้าของ แต่เต็มไปด้วยความฉลาด, ร่าเริง และขี้เล่น แต่น้องแมวบางตัวอาจจะมีความขี้อ้อน หรือชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า ซึ่งน้องแมวสายพันธุ์นี้สามารถเป็นพลังบวกให้กับเจ้าของได้ ซึ่งหลาย ๆ คนมักจะบอกว่านิสัยของเขาค่อนข้างสวนทางกับรูปร่างหน้าตาของเขาไม่น้อย แต่เราต้องขอบอกว่าหากใครที่ได้ลองได้ใกล้ชิดกับน้องแมวสายพันธุ์นี้ ต้องระวังหลงเสน่ห์ความน่ารักของน้อง ๆ นะคะ


ราคาและฟาร์มเพาะเลี้ยง แมวสฟิงซ์ (Sphynx)

สำหรับใครที่อยากเลี้ยงแมวสฟิงซ์ (Sphynx) แต่ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับราคา หรือฟาร์มของน้องแมวสายพันธุ์นี้ ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาให้กับคุณแล้วค่ะ โดยราคาแมวสฟิงซ์ 2021 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 104,000 บาทเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากนี้ในส่วนของฟาร์มของสฟิงซ์ในไทยนั้นมีหลายฟาร์มด้วยกัน แต่ฟาร์มที่เราอยากแนะนำคือ Pornpinit Cattery (Facebook: Sphynx Cats Thailand แมวสฟิงซ์ แมวไม่มีขน ) โดยฟาร์มนี้จะเป็นฟาร์มที่มีน้องสฟิงซ์หลายสีให้เลือก รวมไปถึงแมวสฟิงซ์ สีขาว ซึ่งเป็นสีที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะชื่นชอบไม่น้อย

387


    เผยเรื่องราวสุดน่ารักของน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟวเวอร์ ชื่อ เรมิงตัน ที่ทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัด ช่วยคลายความเครียดให้กับทีมนักกีฬาเบสบอลของมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา โดยน้องทำงานร่วมกับ เทอร์รี โจ รูซินสกี้ หัวหน้าครูฝึกทีมเบสบอล

     โดยน้อง เรมิงตัน เป็นน้องหมาที่มาจากโครงการของ paws4people ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่เลี้ยง ฝึกสุนัขเพื่อช่วยเหลือผู้มีความต้องการด้านต่าง ๆ โดยน้องหมาของที่นี่จะมีใบรับรองในด้านต่างๆ เช่น สุนัขที่ช่วยเรื่องการเคลื่อนไหว สุนัขที่ช่วยด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพและจิตใจ และสุนัขบำบัดต่าง ๆ

    บทบาทสำคัญของ เรมิงตัน คือการทำให้นักกีฬารู้สึกสงบ มีสมาธิ และคอยสร้างเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานในทีม

    ซึ่ง เทอร์รี บอกว่า  เรมิงตัน มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่เพราะทำให้ผู้คนหัวเราะและยิ้มเมื่อพวกเขามีวันที่แย่ หรือขาดกำลังใจที่ดี

     เรมิงตัน ไม่ได้ช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับทีมนักกีฬาเบสบอลเท่านั้น แต่ยังเข้ายิมไปเพื่อช่วยทีมนักกีฬาอื่น ๆ อีกมาก เช่น ลาครอส ฟุตบอล และยิมนาสติก ฯลฯ ซึ่งต่างทำให้นักกีฬามีกำลังใจและช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี



388


    เผยเรื่องราวสุดน่ารักของน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟวเวอร์ ชื่อ เรมิงตัน ที่ทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัด ช่วยคลายความเครียดให้กับทีมนักกีฬาเบสบอลของมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา โดยน้องทำงานร่วมกับ เทอร์รี โจ รูซินสกี้ หัวหน้าครูฝึกทีมเบสบอล

     โดยน้อง เรมิงตัน เป็นน้องหมาที่มาจากโครงการของ paws4people ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่เลี้ยง ฝึกสุนัขเพื่อช่วยเหลือผู้มีความต้องการด้านต่าง ๆ โดยน้องหมาของที่นี่จะมีใบรับรองในด้านต่างๆ เช่น สุนัขที่ช่วยเรื่องการเคลื่อนไหว สุนัขที่ช่วยด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพและจิตใจ และสุนัขบำบัดต่าง ๆ

    บทบาทสำคัญของ เรมิงตัน คือการทำให้นักกีฬารู้สึกสงบ มีสมาธิ และคอยสร้างเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานในทีม

    ซึ่ง เทอร์รี บอกว่า  เรมิงตัน มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่เพราะทำให้ผู้คนหัวเราะและยิ้มเมื่อพวกเขามีวันที่แย่ หรือขาดกำลังใจที่ดี

     เรมิงตัน ไม่ได้ช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับทีมนักกีฬาเบสบอลเท่านั้น แต่ยังเข้ายิมไปเพื่อช่วยทีมนักกีฬาอื่น ๆ อีกมาก เช่น ลาครอส ฟุตบอล และยิมนาสติก ฯลฯ ซึ่งต่างทำให้นักกีฬามีกำลังใจและช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี



389


    เผยเรื่องราวสุดน่ารักของน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟวเวอร์ ชื่อ เรมิงตัน ที่ทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัด ช่วยคลายความเครียดให้กับทีมนักกีฬาเบสบอลของมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา โดยน้องทำงานร่วมกับ เทอร์รี โจ รูซินสกี้ หัวหน้าครูฝึกทีมเบสบอล

     โดยน้อง เรมิงตัน เป็นน้องหมาที่มาจากโครงการของ paws4people ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่เลี้ยง ฝึกสุนัขเพื่อช่วยเหลือผู้มีความต้องการด้านต่าง ๆ โดยน้องหมาของที่นี่จะมีใบรับรองในด้านต่างๆ เช่น สุนัขที่ช่วยเรื่องการเคลื่อนไหว สุนัขที่ช่วยด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพและจิตใจ และสุนัขบำบัดต่าง ๆ

    บทบาทสำคัญของ เรมิงตัน คือการทำให้นักกีฬารู้สึกสงบ มีสมาธิ และคอยสร้างเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานในทีม

    ซึ่ง เทอร์รี บอกว่า  เรมิงตัน มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่เพราะทำให้ผู้คนหัวเราะและยิ้มเมื่อพวกเขามีวันที่แย่ หรือขาดกำลังใจที่ดี

     เรมิงตัน ไม่ได้ช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับทีมนักกีฬาเบสบอลเท่านั้น แต่ยังเข้ายิมไปเพื่อช่วยทีมนักกีฬาอื่น ๆ อีกมาก เช่น ลาครอส ฟุตบอล และยิมนาสติก ฯลฯ ซึ่งต่างทำให้นักกีฬามีกำลังใจและช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี



390


    เผยเรื่องราวสุดน่ารักของน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟวเวอร์ ชื่อ เรมิงตัน ที่ทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัด ช่วยคลายความเครียดให้กับทีมนักกีฬาเบสบอลของมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา โดยน้องทำงานร่วมกับ เทอร์รี โจ รูซินสกี้ หัวหน้าครูฝึกทีมเบสบอล

     โดยน้อง เรมิงตัน เป็นน้องหมาที่มาจากโครงการของ paws4people ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่เลี้ยง ฝึกสุนัขเพื่อช่วยเหลือผู้มีความต้องการด้านต่าง ๆ โดยน้องหมาของที่นี่จะมีใบรับรองในด้านต่างๆ เช่น สุนัขที่ช่วยเรื่องการเคลื่อนไหว สุนัขที่ช่วยด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพและจิตใจ และสุนัขบำบัดต่าง ๆ

    บทบาทสำคัญของ เรมิงตัน คือการทำให้นักกีฬารู้สึกสงบ มีสมาธิ และคอยสร้างเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานในทีม

    ซึ่ง เทอร์รี บอกว่า  เรมิงตัน มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่เพราะทำให้ผู้คนหัวเราะและยิ้มเมื่อพวกเขามีวันที่แย่ หรือขาดกำลังใจที่ดี

     เรมิงตัน ไม่ได้ช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับทีมนักกีฬาเบสบอลเท่านั้น แต่ยังเข้ายิมไปเพื่อช่วยทีมนักกีฬาอื่น ๆ อีกมาก เช่น ลาครอส ฟุตบอล และยิมนาสติก ฯลฯ ซึ่งต่างทำให้นักกีฬามีกำลังใจและช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี