แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - dognews

421



สำหรับผู้เลี้ยงแมวมือใหม่ การเลี้ยงลูกแมวแรกเกิดคงเป็นเรื่องน่าหนักใจอยู่มาก แต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพราะเรามีเคล็ด (ไม่) ลับ 8 ขั้นตอนง่ายๆ เอาไว้ฝึกสอนลูกแมวที่บ้านมาฝากกัน


1. เริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับคน

เจ้าของควรดูแลลูกแมวอย่างใกล้ชิด ควรจับลูกแมวอย่างเบามือ กอด และอุ้มอย่างต่อเนื่องเมื่อลูกแมวมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ และหากเด็กๆ อยากเล่น ควรสอนวิธีเล่นกับลูกแมวให้เด็กๆด้วย

โดยปกติลูกแมวจะยอมให้คนจับและเข้าใกล้ได้ง่ายขึ้นเมื่อลูกแมวเห็นแม่แมวนอนสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ส่งสัญญาณอันตรายใดๆ การมองเห็นแม่แมวอยู่ในสายตานั้นทำ ให้ลูกแมวมั่นใจได้ว่าสิ่งรอบข้างไม่มีอะไรน่ากลัว

มีงานวิจัยออกมาสนับสนุนว่า การอุ้มและกอดลูกแมวตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวแรกเกิดนั้น สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการลูกแมวได้ การศึกษาพบว่าลูกแมววิเชียรมาศ (ลูกแมวสยาม) ที่ได้รับการเลี้ยงแบบกอด อุ้มใกล้ชิดเป็นเวลา 20 นาทีต่อวันในช่วง 30 วันตั้งแต่แรกเกิด จะลืมตาได้ก่อน และออกมาจากกล่องที่เป็นรังอนุบาลได้เร็วกว่าลูกแมวตัวอื่นๆ

ในทางกลับกัน งานวิจัยอีกชิ้นพบว่าลูกแมวที่เกิดในสถานที่ห่างไกลผู้คนจะใช้เสียงขู่เมื่อมีคนเข้าใกล้ตั้งแต่อายุได้เพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น แต่เมื่อทดลองนำลูกแมวที่เกิดจากครอกเดียวกันมาอยู่ใกล้ชิดคนโดยให้มีคนอุ้มและเล่นกับลูกแมวทุกวัน ลูกแมวในกลุ่มหลังนี้จะไม่แสดงอาการหวาดกลัวผู้คนแต่อย่างใด โดยงานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่าการอุ้มลูกแมว จับและเล่นกับลูกแมวทุกวันตั้งแต่แรกเกิดจนลูกแมวอายุได้ 1 เดือนอาจช่วยกระตุ้นพัฒนาการในการเรียนรู้ของลูกแมวได้





2. ฝึกให้ลูกแมวเข้าสังคม

เมื่อลูกแมวมีอายุได้ 4-8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงวัยเล่นซน ลูกแมวจะเริ่มเรียนรู้ที่จะเล่นกับแมวตัวอื่น แต่สำหรับเจ้าของที่เลี้ยงลูกแมวตัวเดียว ก็สามารถสร้างความคุ้ยเคยด้วยการให้ลูกแมวเล่นกับของเล่น เพื่อฝึกให้ลูกแมวเรียนรู้การสื่อสาร ทำให้สามารถเชื่อฟังเจ้าของมากยิ่งขึ้นเมื่อโตเต็มวัย

และเพื่อลดความกลัวคนแปลกหน้า เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวทำความคุ้นเคยกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก และสอนเด็กเล็กให้เรียนรู้วิธีในการเล่นกับลูกแมวอย่างถูกต้อง ไม่แกล้งหรือแหย่ เพราะอาจทำให้ลูกแมวหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าหาอีก


3. พาลูกแมวไปพบสัตว์แพทย์อยู่เสมอ

เจ้าของควรพาลูกแมวตัวใหม่ไปตรวจสุขภาพก่อนทุกครั้ง โดยสามารถเริ่มตั้งแต่พาไปถ่ายพยาธิเมื่ออายุ 1 เดือน และสามารถเริ่มโปรแกรมวัคซีนได้ตั้งแต่ 2 เดือนเป็นต้นไป และหมั่นพาไปพบสัตว์แพทย์ตามโปรแกรมสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวจะได้รับวัคซีนครบถ้วน ลูกแมวก็จะมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัย


4. ฝึกลูกแมวให้ทานอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัย

เป็นที่รู้กันดีว่าลูกแมวมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว จึงต้องการคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และให้พลังงานสูงเป็นพิเศษ เช่น อาหารสำหรับลูกแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยมจากโปรแพลน ที่นอกจากจะมีโปรตีนสูง และสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกแมวแล้ว ยังมีส่วนผสมของโคลอสตรัม (colostrum) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยตอบสนองต่อการทำวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น

โดยสามารถให้เริ่มทานได้ตั้งแต่หลังหย่านมจนถึง 1 ปี และถึงแม้ว่าในช่วง 5 เดือนแรก ลูกแมวจะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 20 เท่าในช่วงระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากอายุ 6 เดือนขึ้นไป อัตราการเจริญเติบโตของลูกแมวจะค่อยๆ ลดลง เจ้าของจึงต้องปรับเปลี่ยนอาหารให้ลูกแมวทานอาหารอย่างเหมาะสมกับในแต่ละช่วงวัย


5. ฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอาบน้ำและแปรงขน

เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการทำความสะอาดและแปรงขนตั้งแต่ยังเล็กเพราะจะสามารถปรับตัวได้เร็ว ในลูกแมวพันธุ์ขนยาวควรหมั่นแปรงขนให้ทุกวัน ส่วนสำหรับลูกแมวพันธุ์ขนสั้นสามารถแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เทคนิคสำคัญคือการนำอุปกรณ์แปรงขนมาวางให้ลูกแมวเห็น จากนั้นค่อยๆ แปรงลงไปบนตัวลูกแมวเบาๆ ทีละน้อยแต่บ่อยๆ และควรทำในเวลาที่ลูกแมวรู้สึกผ่อนคลาย


6. คอยสังเกตเมื่อลูกแมวมีสัญญาณของอาการป่วย

การแปรงขนและอาบน้ำให้ลูกแมวจะช่วยให้เราได้สำรวจสภาพผิวหนังและขนของลูกแมวเพื่อตรวจหาความผิดปกติ เช่น กลาก เกลื้อน บาดแผลต่างๆ ที่อาจขึ้นมาบนผิวหนัง รวมถึงตัวเห็บ หมัด ก้อนขน และหากเกิดความผิดปกติใดๆ ควรรีบไปปรึกษาสัตวแพทย์ทันที เพราะฉะนั้น เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการจับหรือสัมผัสทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้ลูกแมวเชื่อง เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ไว



7. ฝึกพฤติกรรมลูกแมวให้มีวินัยอยู่เสมอ


เราสามารถเริ่มฝึกพฤติกรรมได้โดยเริ่มจากการตั้งชื่อลูกแมว เมื่อลูกแมวมีชื่อแล้ว เจ้าของควรให้คนในครอบครัวเรียกชื่อเดียวกันนี้ด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรบ่อยๆ เพื่อฝึกให้ลูกแมวจดจำและเชื่องต่อการเรียกชื่อ ในบางครั้งลูกแมวอาจแสดงพฤติกรรมเล่นซนเพราะอยากเล่นสนุก เจ้าของสามารถฝึกลูกแมวให้เล่นกับของเล่นแมวต่างๆ เช่น เสาลับเล็บ กล่อง หรือลูกบอล เป็นต้น แต่ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการเล่นแรงๆ เพราะลูกแมวอาจต่อสู้กลับด้วยการข่วน ตะปบ หรือกัดได้ ซึ่งหากเจ้าของโดนกัดหรือข่วน ก็ควรดุลูกแมวให้จดจำเพื่อให้รับรู้ว่าไม่ควรทำอีก แต่ควรหลีกเลี่ยงการตะโกนใส่เพราะลูกแมวมีหูที่ไวต่อเสียงมาก อาจจะทำให้เขาตกใจกลัว และเมื่อลูกแมวไม่ดื้อไม่ซน ทำตัวตามที่เราฝึกสอนแล้ว ก็ควรเอ่ยชมให้กำลังใจ


8. ฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง

เจ้าของควรฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางด้วยการให้ใช้กระบะทราย โดยควรแยกกระบะทรายไว้ให้เป็นสัดส่วนในบริเวณบ้าน เมื่อถึงเวลาที่ควรขับถ่าย เช่น หลังมื้ออาหาร หลังการงีบหลับยาวๆ ก็จับลูกแมวไปไว้ในห้องน้ำแมว และฝึกให้ลูกแมวขับถ่ายในตอนตื่นและก่อนเข้านอนอย่างสม่ำเสมอ

เจ้าของไม่ควรปล่อยให้ลูกแมวมีอิสระทั่วบริเวณบ้านจนกว่าลูกแมวจะสามารถขับถ่ายในกระบะทรายได้ และควรเก็บกวาดกระบะทรายให้สะอาดอยู่เสมอด้วยตระแกรงหรือแผ่นกรองมูล เพราะลูกแมวจะไม่ถ่ายซ้ำลงไปในกระบะที่ยังสกปรกอยู่ เมื่อต้องเปลี่ยนทรายแมวและทำความสะอาดกระบะ ให้ล้างด้วยสบู่และน้ำอุ่น อย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูกแมว และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังทำความสะอาดกระบะทรายเพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วย





รายการสำหรับการเลี้ยงลูกแมว

• กระเป๋าหรือตะกร้าแมว
• ชามใส่น้ำและอาหารลูกแมว
• กระบะทราย หรืออุปกรณ์ห้องน้ำแมว
• ที่นอนแมว
• เสาลับเล็บแมว
• ปลอกคอ
• อุปกรณ์อาบน้ำ แปรงขนแมว
• ของเล่น

422



สำหรับผู้เลี้ยงแมวมือใหม่ การเลี้ยงลูกแมวแรกเกิดคงเป็นเรื่องน่าหนักใจอยู่มาก แต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพราะเรามีเคล็ด (ไม่) ลับ 8 ขั้นตอนง่ายๆ เอาไว้ฝึกสอนลูกแมวที่บ้านมาฝากกัน


1. เริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับคน

เจ้าของควรดูแลลูกแมวอย่างใกล้ชิด ควรจับลูกแมวอย่างเบามือ กอด และอุ้มอย่างต่อเนื่องเมื่อลูกแมวมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ และหากเด็กๆ อยากเล่น ควรสอนวิธีเล่นกับลูกแมวให้เด็กๆด้วย

โดยปกติลูกแมวจะยอมให้คนจับและเข้าใกล้ได้ง่ายขึ้นเมื่อลูกแมวเห็นแม่แมวนอนสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ส่งสัญญาณอันตรายใดๆ การมองเห็นแม่แมวอยู่ในสายตานั้นทำ ให้ลูกแมวมั่นใจได้ว่าสิ่งรอบข้างไม่มีอะไรน่ากลัว

มีงานวิจัยออกมาสนับสนุนว่า การอุ้มและกอดลูกแมวตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวแรกเกิดนั้น สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการลูกแมวได้ การศึกษาพบว่าลูกแมววิเชียรมาศ (ลูกแมวสยาม) ที่ได้รับการเลี้ยงแบบกอด อุ้มใกล้ชิดเป็นเวลา 20 นาทีต่อวันในช่วง 30 วันตั้งแต่แรกเกิด จะลืมตาได้ก่อน และออกมาจากกล่องที่เป็นรังอนุบาลได้เร็วกว่าลูกแมวตัวอื่นๆ

ในทางกลับกัน งานวิจัยอีกชิ้นพบว่าลูกแมวที่เกิดในสถานที่ห่างไกลผู้คนจะใช้เสียงขู่เมื่อมีคนเข้าใกล้ตั้งแต่อายุได้เพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น แต่เมื่อทดลองนำลูกแมวที่เกิดจากครอกเดียวกันมาอยู่ใกล้ชิดคนโดยให้มีคนอุ้มและเล่นกับลูกแมวทุกวัน ลูกแมวในกลุ่มหลังนี้จะไม่แสดงอาการหวาดกลัวผู้คนแต่อย่างใด โดยงานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่าการอุ้มลูกแมว จับและเล่นกับลูกแมวทุกวันตั้งแต่แรกเกิดจนลูกแมวอายุได้ 1 เดือนอาจช่วยกระตุ้นพัฒนาการในการเรียนรู้ของลูกแมวได้





2. ฝึกให้ลูกแมวเข้าสังคม

เมื่อลูกแมวมีอายุได้ 4-8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงวัยเล่นซน ลูกแมวจะเริ่มเรียนรู้ที่จะเล่นกับแมวตัวอื่น แต่สำหรับเจ้าของที่เลี้ยงลูกแมวตัวเดียว ก็สามารถสร้างความคุ้ยเคยด้วยการให้ลูกแมวเล่นกับของเล่น เพื่อฝึกให้ลูกแมวเรียนรู้การสื่อสาร ทำให้สามารถเชื่อฟังเจ้าของมากยิ่งขึ้นเมื่อโตเต็มวัย

และเพื่อลดความกลัวคนแปลกหน้า เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวทำความคุ้นเคยกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก และสอนเด็กเล็กให้เรียนรู้วิธีในการเล่นกับลูกแมวอย่างถูกต้อง ไม่แกล้งหรือแหย่ เพราะอาจทำให้ลูกแมวหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าหาอีก


3. พาลูกแมวไปพบสัตว์แพทย์อยู่เสมอ

เจ้าของควรพาลูกแมวตัวใหม่ไปตรวจสุขภาพก่อนทุกครั้ง โดยสามารถเริ่มตั้งแต่พาไปถ่ายพยาธิเมื่ออายุ 1 เดือน และสามารถเริ่มโปรแกรมวัคซีนได้ตั้งแต่ 2 เดือนเป็นต้นไป และหมั่นพาไปพบสัตว์แพทย์ตามโปรแกรมสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวจะได้รับวัคซีนครบถ้วน ลูกแมวก็จะมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัย


4. ฝึกลูกแมวให้ทานอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัย

เป็นที่รู้กันดีว่าลูกแมวมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว จึงต้องการคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และให้พลังงานสูงเป็นพิเศษ เช่น อาหารสำหรับลูกแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยมจากโปรแพลน ที่นอกจากจะมีโปรตีนสูง และสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกแมวแล้ว ยังมีส่วนผสมของโคลอสตรัม (colostrum) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยตอบสนองต่อการทำวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น

โดยสามารถให้เริ่มทานได้ตั้งแต่หลังหย่านมจนถึง 1 ปี และถึงแม้ว่าในช่วง 5 เดือนแรก ลูกแมวจะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 20 เท่าในช่วงระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากอายุ 6 เดือนขึ้นไป อัตราการเจริญเติบโตของลูกแมวจะค่อยๆ ลดลง เจ้าของจึงต้องปรับเปลี่ยนอาหารให้ลูกแมวทานอาหารอย่างเหมาะสมกับในแต่ละช่วงวัย


5. ฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอาบน้ำและแปรงขน

เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการทำความสะอาดและแปรงขนตั้งแต่ยังเล็กเพราะจะสามารถปรับตัวได้เร็ว ในลูกแมวพันธุ์ขนยาวควรหมั่นแปรงขนให้ทุกวัน ส่วนสำหรับลูกแมวพันธุ์ขนสั้นสามารถแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เทคนิคสำคัญคือการนำอุปกรณ์แปรงขนมาวางให้ลูกแมวเห็น จากนั้นค่อยๆ แปรงลงไปบนตัวลูกแมวเบาๆ ทีละน้อยแต่บ่อยๆ และควรทำในเวลาที่ลูกแมวรู้สึกผ่อนคลาย


6. คอยสังเกตเมื่อลูกแมวมีสัญญาณของอาการป่วย

การแปรงขนและอาบน้ำให้ลูกแมวจะช่วยให้เราได้สำรวจสภาพผิวหนังและขนของลูกแมวเพื่อตรวจหาความผิดปกติ เช่น กลาก เกลื้อน บาดแผลต่างๆ ที่อาจขึ้นมาบนผิวหนัง รวมถึงตัวเห็บ หมัด ก้อนขน และหากเกิดความผิดปกติใดๆ ควรรีบไปปรึกษาสัตวแพทย์ทันที เพราะฉะนั้น เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการจับหรือสัมผัสทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้ลูกแมวเชื่อง เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ไว



7. ฝึกพฤติกรรมลูกแมวให้มีวินัยอยู่เสมอ


เราสามารถเริ่มฝึกพฤติกรรมได้โดยเริ่มจากการตั้งชื่อลูกแมว เมื่อลูกแมวมีชื่อแล้ว เจ้าของควรให้คนในครอบครัวเรียกชื่อเดียวกันนี้ด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรบ่อยๆ เพื่อฝึกให้ลูกแมวจดจำและเชื่องต่อการเรียกชื่อ ในบางครั้งลูกแมวอาจแสดงพฤติกรรมเล่นซนเพราะอยากเล่นสนุก เจ้าของสามารถฝึกลูกแมวให้เล่นกับของเล่นแมวต่างๆ เช่น เสาลับเล็บ กล่อง หรือลูกบอล เป็นต้น แต่ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการเล่นแรงๆ เพราะลูกแมวอาจต่อสู้กลับด้วยการข่วน ตะปบ หรือกัดได้ ซึ่งหากเจ้าของโดนกัดหรือข่วน ก็ควรดุลูกแมวให้จดจำเพื่อให้รับรู้ว่าไม่ควรทำอีก แต่ควรหลีกเลี่ยงการตะโกนใส่เพราะลูกแมวมีหูที่ไวต่อเสียงมาก อาจจะทำให้เขาตกใจกลัว และเมื่อลูกแมวไม่ดื้อไม่ซน ทำตัวตามที่เราฝึกสอนแล้ว ก็ควรเอ่ยชมให้กำลังใจ


8. ฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง

เจ้าของควรฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางด้วยการให้ใช้กระบะทราย โดยควรแยกกระบะทรายไว้ให้เป็นสัดส่วนในบริเวณบ้าน เมื่อถึงเวลาที่ควรขับถ่าย เช่น หลังมื้ออาหาร หลังการงีบหลับยาวๆ ก็จับลูกแมวไปไว้ในห้องน้ำแมว และฝึกให้ลูกแมวขับถ่ายในตอนตื่นและก่อนเข้านอนอย่างสม่ำเสมอ

เจ้าของไม่ควรปล่อยให้ลูกแมวมีอิสระทั่วบริเวณบ้านจนกว่าลูกแมวจะสามารถขับถ่ายในกระบะทรายได้ และควรเก็บกวาดกระบะทรายให้สะอาดอยู่เสมอด้วยตระแกรงหรือแผ่นกรองมูล เพราะลูกแมวจะไม่ถ่ายซ้ำลงไปในกระบะที่ยังสกปรกอยู่ เมื่อต้องเปลี่ยนทรายแมวและทำความสะอาดกระบะ ให้ล้างด้วยสบู่และน้ำอุ่น อย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูกแมว และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังทำความสะอาดกระบะทรายเพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วย





รายการสำหรับการเลี้ยงลูกแมว

• กระเป๋าหรือตะกร้าแมว
• ชามใส่น้ำและอาหารลูกแมว
• กระบะทราย หรืออุปกรณ์ห้องน้ำแมว
• ที่นอนแมว
• เสาลับเล็บแมว
• ปลอกคอ
• อุปกรณ์อาบน้ำ แปรงขนแมว
• ของเล่น

423



เผยเรื่องราวของน้องหมาที่เกิดมามีขาผิดรูป ทำให้ไม่สามารถเดินได้ปกติเหมือนน้องหมาตัวอื่น ๆ

งานนี้ทุกฝ่ายก็เลยเร่งช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลเพื่อให้น้องหมาได้เข้ารับการผ่าตัด



     น้องหมาตัวนี้ชื่อว่า Mila เป็นน้องหมาสายพันธุ์ปั๊ก อายุ 7 สัปดาห์ที่เกิดมาพร้อมกับขาหน้าที่งอผิดรูป โดยมีอุ้งเท้าคว่ำลง ทำให้ไม่สามารถเดินได้แบบสุนัขทั่วไป

    ตอนนี้ Mila ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Oliver and Friends Farm Rescue and Sanctuary ในรัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา  และกำลังเปิดรับบริจาคเงินสำหรับเป็นค่าผ่าตัดขา

    Mila ไม่ได้เกิดมาเป็นสุนัขที่มีขางอผิดรูปตัวเดียวเท่านั้น แต่พี่น้องตัวอื่นก็มีลักษณะขาที่ผิดปกติเช่นกัน ซึ่งได้รับการรักษาไปก่อนหน้านี้แล้ว

     สำหรับแผนในการผ่าตัดของ Mila จะเป็นการผ่าตัดและจัดกระดูกเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สามารถมีชีวิตที่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้นได้




424



เผยเรื่องราวของน้องหมาที่เกิดมามีขาผิดรูป ทำให้ไม่สามารถเดินได้ปกติเหมือนน้องหมาตัวอื่น ๆ

งานนี้ทุกฝ่ายก็เลยเร่งช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลเพื่อให้น้องหมาได้เข้ารับการผ่าตัด



     น้องหมาตัวนี้ชื่อว่า Mila เป็นน้องหมาสายพันธุ์ปั๊ก อายุ 7 สัปดาห์ที่เกิดมาพร้อมกับขาหน้าที่งอผิดรูป โดยมีอุ้งเท้าคว่ำลง ทำให้ไม่สามารถเดินได้แบบสุนัขทั่วไป

    ตอนนี้ Mila ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Oliver and Friends Farm Rescue and Sanctuary ในรัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา  และกำลังเปิดรับบริจาคเงินสำหรับเป็นค่าผ่าตัดขา

    Mila ไม่ได้เกิดมาเป็นสุนัขที่มีขางอผิดรูปตัวเดียวเท่านั้น แต่พี่น้องตัวอื่นก็มีลักษณะขาที่ผิดปกติเช่นกัน ซึ่งได้รับการรักษาไปก่อนหน้านี้แล้ว

     สำหรับแผนในการผ่าตัดของ Mila จะเป็นการผ่าตัดและจัดกระดูกเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สามารถมีชีวิตที่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้นได้




425



เผยเรื่องราวของน้องหมาที่เกิดมามีขาผิดรูป ทำให้ไม่สามารถเดินได้ปกติเหมือนน้องหมาตัวอื่น ๆ

งานนี้ทุกฝ่ายก็เลยเร่งช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลเพื่อให้น้องหมาได้เข้ารับการผ่าตัด



     น้องหมาตัวนี้ชื่อว่า Mila เป็นน้องหมาสายพันธุ์ปั๊ก อายุ 7 สัปดาห์ที่เกิดมาพร้อมกับขาหน้าที่งอผิดรูป โดยมีอุ้งเท้าคว่ำลง ทำให้ไม่สามารถเดินได้แบบสุนัขทั่วไป

    ตอนนี้ Mila ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Oliver and Friends Farm Rescue and Sanctuary ในรัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา  และกำลังเปิดรับบริจาคเงินสำหรับเป็นค่าผ่าตัดขา

    Mila ไม่ได้เกิดมาเป็นสุนัขที่มีขางอผิดรูปตัวเดียวเท่านั้น แต่พี่น้องตัวอื่นก็มีลักษณะขาที่ผิดปกติเช่นกัน ซึ่งได้รับการรักษาไปก่อนหน้านี้แล้ว

     สำหรับแผนในการผ่าตัดของ Mila จะเป็นการผ่าตัดและจัดกระดูกเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สามารถมีชีวิตที่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้นได้




426



เผยเรื่องราวของน้องหมาที่เกิดมามีขาผิดรูป ทำให้ไม่สามารถเดินได้ปกติเหมือนน้องหมาตัวอื่น ๆ

งานนี้ทุกฝ่ายก็เลยเร่งช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลเพื่อให้น้องหมาได้เข้ารับการผ่าตัด



     น้องหมาตัวนี้ชื่อว่า Mila เป็นน้องหมาสายพันธุ์ปั๊ก อายุ 7 สัปดาห์ที่เกิดมาพร้อมกับขาหน้าที่งอผิดรูป โดยมีอุ้งเท้าคว่ำลง ทำให้ไม่สามารถเดินได้แบบสุนัขทั่วไป

    ตอนนี้ Mila ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Oliver and Friends Farm Rescue and Sanctuary ในรัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา  และกำลังเปิดรับบริจาคเงินสำหรับเป็นค่าผ่าตัดขา

    Mila ไม่ได้เกิดมาเป็นสุนัขที่มีขางอผิดรูปตัวเดียวเท่านั้น แต่พี่น้องตัวอื่นก็มีลักษณะขาที่ผิดปกติเช่นกัน ซึ่งได้รับการรักษาไปก่อนหน้านี้แล้ว

     สำหรับแผนในการผ่าตัดของ Mila จะเป็นการผ่าตัดและจัดกระดูกเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สามารถมีชีวิตที่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้นได้




427



กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ของจีน เมื่อ นายโจว นักธุรกิจในอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิช วัย 33 ปี ใช้เงินไป 340,000 หยวน (ประมาณ 1.7 ล้านบาท) เพื่อสร้างคฤหาสน์สุนัขขนาดเล็กสุดหรู พร้อมเครื่องเล่นในสวนสนุก สำหรับสุนัขกว่า 10 ตัว ของเขา





รายงานข่าว ระบุว่า นายโจว ใช้เวลากว่า 3 ปี ในการสร้างบ้านสุดหรูหราสำหรับสุนัขดังกล่าว ในเขตซวีอี๋ มณฑลเจียงซู โดยภายในบ้านประกอบไปด้วย เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ตู้กดน้ำ เครื่องเป่าขน ลิฟต์ และห้องน้ำสำหรับสุนั

และเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับสุนัข นายโจว ยังได้จึงติดตั้งเครื่องเล่นและจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเสิร์ฟความบันเทิงให้สุนัขของเขา เช่น ชิงช้า สไลเดอร์ ชิงช้าสวรรค์ขนาดเล็ก รถของเล่น โปรเจกเตอร์สำหรับชมภาพยนตร์ สระว่ายน้ำ ห้องดิสโก้ หรือแม้กระทั่งตู้ขายของอัตโนมัติเล็กๆ รวมทั้งยังจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำให้สุนัขอีกด้วย





นายโจว กล่าวถึงเหตุผลที่ใช้เงินไปมากเพื่อสร้างคฤหาสน์ให้กับสุนัขว่า เพราะตนเองรักสุนัขและการสร้างบ้านสุดหรูให้กับพวกมันก็เป็นการสานฝันในวัยเด็กของตนเอง

"ผมไม่ได้ซื้อกระเป๋าหรือเสื้อผ้าราคาแพง ผมแค่ใช้เงินไปกับสุนัข" นายโจว กล่าว

ตอนแรกนายโจวไม่ได้ตั้งใจสร้างบ้านสุนัขให้หรูหราขนาดนี้ แต่นายโจวซึ่งมีผู้ติดตาม ผู้ติดตามกว่า 8.5 ล้านคนในโต่วอิน (TikTok เวอร์ชันจีน) ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากชาวเน็ต จนกระทั่งตัดสินใจแก้แปลนบ้านสุนัขหลังเดิม จนกระทั่งกลายเป็นคฤหาสน์หรูหราดังกล่าว





โดยในสิ้นปี 2564 นายโจว หมดเงินไปกับสุนัขถึง 228,000 หยวน (ประมาณ 1.1 ล้านบาท) แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อต้นปีนี้ นายโจว ยังควักเงินอีก 100,000 หยวน (ประมาณ 5 แสนบาท) ในการสร้างสวนสนุก ที่มีทั้งรถไฟเหาะและรถไฟขนาดเล็กสำหรับสุนัข พร้อมสระน้ำขนาดใหญ่ บนที่ดินขนาด 5,000 ตารางเมตร ข้างทะเลสาบ

ทั้งนี้ หลังข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์มากมาย อาทิ "ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันไม่สะดวกสบายเท่ากับสุนัขของเขาเลย" ขณะที่ชาวเน็ตอีกรายถึงกับถามว่า "พี่โจว พี่ขาดสุนัขหรือเปล่า? ฉันอยากอยู่ในบ้านของพี่"









428



กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ของจีน เมื่อ นายโจว นักธุรกิจในอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิช วัย 33 ปี ใช้เงินไป 340,000 หยวน (ประมาณ 1.7 ล้านบาท) เพื่อสร้างคฤหาสน์สุนัขขนาดเล็กสุดหรู พร้อมเครื่องเล่นในสวนสนุก สำหรับสุนัขกว่า 10 ตัว ของเขา





รายงานข่าว ระบุว่า นายโจว ใช้เวลากว่า 3 ปี ในการสร้างบ้านสุดหรูหราสำหรับสุนัขดังกล่าว ในเขตซวีอี๋ มณฑลเจียงซู โดยภายในบ้านประกอบไปด้วย เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ตู้กดน้ำ เครื่องเป่าขน ลิฟต์ และห้องน้ำสำหรับสุนั

และเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับสุนัข นายโจว ยังได้จึงติดตั้งเครื่องเล่นและจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเสิร์ฟความบันเทิงให้สุนัขของเขา เช่น ชิงช้า สไลเดอร์ ชิงช้าสวรรค์ขนาดเล็ก รถของเล่น โปรเจกเตอร์สำหรับชมภาพยนตร์ สระว่ายน้ำ ห้องดิสโก้ หรือแม้กระทั่งตู้ขายของอัตโนมัติเล็กๆ รวมทั้งยังจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำให้สุนัขอีกด้วย





นายโจว กล่าวถึงเหตุผลที่ใช้เงินไปมากเพื่อสร้างคฤหาสน์ให้กับสุนัขว่า เพราะตนเองรักสุนัขและการสร้างบ้านสุดหรูให้กับพวกมันก็เป็นการสานฝันในวัยเด็กของตนเอง

"ผมไม่ได้ซื้อกระเป๋าหรือเสื้อผ้าราคาแพง ผมแค่ใช้เงินไปกับสุนัข" นายโจว กล่าว

ตอนแรกนายโจวไม่ได้ตั้งใจสร้างบ้านสุนัขให้หรูหราขนาดนี้ แต่นายโจวซึ่งมีผู้ติดตาม ผู้ติดตามกว่า 8.5 ล้านคนในโต่วอิน (TikTok เวอร์ชันจีน) ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากชาวเน็ต จนกระทั่งตัดสินใจแก้แปลนบ้านสุนัขหลังเดิม จนกระทั่งกลายเป็นคฤหาสน์หรูหราดังกล่าว





โดยในสิ้นปี 2564 นายโจว หมดเงินไปกับสุนัขถึง 228,000 หยวน (ประมาณ 1.1 ล้านบาท) แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อต้นปีนี้ นายโจว ยังควักเงินอีก 100,000 หยวน (ประมาณ 5 แสนบาท) ในการสร้างสวนสนุก ที่มีทั้งรถไฟเหาะและรถไฟขนาดเล็กสำหรับสุนัข พร้อมสระน้ำขนาดใหญ่ บนที่ดินขนาด 5,000 ตารางเมตร ข้างทะเลสาบ

ทั้งนี้ หลังข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์มากมาย อาทิ "ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันไม่สะดวกสบายเท่ากับสุนัขของเขาเลย" ขณะที่ชาวเน็ตอีกรายถึงกับถามว่า "พี่โจว พี่ขาดสุนัขหรือเปล่า? ฉันอยากอยู่ในบ้านของพี่"









429



กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ของจีน เมื่อ นายโจว นักธุรกิจในอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิช วัย 33 ปี ใช้เงินไป 340,000 หยวน (ประมาณ 1.7 ล้านบาท) เพื่อสร้างคฤหาสน์สุนัขขนาดเล็กสุดหรู พร้อมเครื่องเล่นในสวนสนุก สำหรับสุนัขกว่า 10 ตัว ของเขา





รายงานข่าว ระบุว่า นายโจว ใช้เวลากว่า 3 ปี ในการสร้างบ้านสุดหรูหราสำหรับสุนัขดังกล่าว ในเขตซวีอี๋ มณฑลเจียงซู โดยภายในบ้านประกอบไปด้วย เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ตู้กดน้ำ เครื่องเป่าขน ลิฟต์ และห้องน้ำสำหรับสุนั

และเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับสุนัข นายโจว ยังได้จึงติดตั้งเครื่องเล่นและจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเสิร์ฟความบันเทิงให้สุนัขของเขา เช่น ชิงช้า สไลเดอร์ ชิงช้าสวรรค์ขนาดเล็ก รถของเล่น โปรเจกเตอร์สำหรับชมภาพยนตร์ สระว่ายน้ำ ห้องดิสโก้ หรือแม้กระทั่งตู้ขายของอัตโนมัติเล็กๆ รวมทั้งยังจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำให้สุนัขอีกด้วย





นายโจว กล่าวถึงเหตุผลที่ใช้เงินไปมากเพื่อสร้างคฤหาสน์ให้กับสุนัขว่า เพราะตนเองรักสุนัขและการสร้างบ้านสุดหรูให้กับพวกมันก็เป็นการสานฝันในวัยเด็กของตนเอง

"ผมไม่ได้ซื้อกระเป๋าหรือเสื้อผ้าราคาแพง ผมแค่ใช้เงินไปกับสุนัข" นายโจว กล่าว

ตอนแรกนายโจวไม่ได้ตั้งใจสร้างบ้านสุนัขให้หรูหราขนาดนี้ แต่นายโจวซึ่งมีผู้ติดตาม ผู้ติดตามกว่า 8.5 ล้านคนในโต่วอิน (TikTok เวอร์ชันจีน) ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากชาวเน็ต จนกระทั่งตัดสินใจแก้แปลนบ้านสุนัขหลังเดิม จนกระทั่งกลายเป็นคฤหาสน์หรูหราดังกล่าว





โดยในสิ้นปี 2564 นายโจว หมดเงินไปกับสุนัขถึง 228,000 หยวน (ประมาณ 1.1 ล้านบาท) แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อต้นปีนี้ นายโจว ยังควักเงินอีก 100,000 หยวน (ประมาณ 5 แสนบาท) ในการสร้างสวนสนุก ที่มีทั้งรถไฟเหาะและรถไฟขนาดเล็กสำหรับสุนัข พร้อมสระน้ำขนาดใหญ่ บนที่ดินขนาด 5,000 ตารางเมตร ข้างทะเลสาบ

ทั้งนี้ หลังข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์มากมาย อาทิ "ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันไม่สะดวกสบายเท่ากับสุนัขของเขาเลย" ขณะที่ชาวเน็ตอีกรายถึงกับถามว่า "พี่โจว พี่ขาดสุนัขหรือเปล่า? ฉันอยากอยู่ในบ้านของพี่"









430



กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ของจีน เมื่อ นายโจว นักธุรกิจในอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิช วัย 33 ปี ใช้เงินไป 340,000 หยวน (ประมาณ 1.7 ล้านบาท) เพื่อสร้างคฤหาสน์สุนัขขนาดเล็กสุดหรู พร้อมเครื่องเล่นในสวนสนุก สำหรับสุนัขกว่า 10 ตัว ของเขา





รายงานข่าว ระบุว่า นายโจว ใช้เวลากว่า 3 ปี ในการสร้างบ้านสุดหรูหราสำหรับสุนัขดังกล่าว ในเขตซวีอี๋ มณฑลเจียงซู โดยภายในบ้านประกอบไปด้วย เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ตู้กดน้ำ เครื่องเป่าขน ลิฟต์ และห้องน้ำสำหรับสุนั

และเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับสุนัข นายโจว ยังได้จึงติดตั้งเครื่องเล่นและจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเสิร์ฟความบันเทิงให้สุนัขของเขา เช่น ชิงช้า สไลเดอร์ ชิงช้าสวรรค์ขนาดเล็ก รถของเล่น โปรเจกเตอร์สำหรับชมภาพยนตร์ สระว่ายน้ำ ห้องดิสโก้ หรือแม้กระทั่งตู้ขายของอัตโนมัติเล็กๆ รวมทั้งยังจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำให้สุนัขอีกด้วย





นายโจว กล่าวถึงเหตุผลที่ใช้เงินไปมากเพื่อสร้างคฤหาสน์ให้กับสุนัขว่า เพราะตนเองรักสุนัขและการสร้างบ้านสุดหรูให้กับพวกมันก็เป็นการสานฝันในวัยเด็กของตนเอง

"ผมไม่ได้ซื้อกระเป๋าหรือเสื้อผ้าราคาแพง ผมแค่ใช้เงินไปกับสุนัข" นายโจว กล่าว

ตอนแรกนายโจวไม่ได้ตั้งใจสร้างบ้านสุนัขให้หรูหราขนาดนี้ แต่นายโจวซึ่งมีผู้ติดตาม ผู้ติดตามกว่า 8.5 ล้านคนในโต่วอิน (TikTok เวอร์ชันจีน) ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากชาวเน็ต จนกระทั่งตัดสินใจแก้แปลนบ้านสุนัขหลังเดิม จนกระทั่งกลายเป็นคฤหาสน์หรูหราดังกล่าว





โดยในสิ้นปี 2564 นายโจว หมดเงินไปกับสุนัขถึง 228,000 หยวน (ประมาณ 1.1 ล้านบาท) แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อต้นปีนี้ นายโจว ยังควักเงินอีก 100,000 หยวน (ประมาณ 5 แสนบาท) ในการสร้างสวนสนุก ที่มีทั้งรถไฟเหาะและรถไฟขนาดเล็กสำหรับสุนัข พร้อมสระน้ำขนาดใหญ่ บนที่ดินขนาด 5,000 ตารางเมตร ข้างทะเลสาบ

ทั้งนี้ หลังข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์มากมาย อาทิ "ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันไม่สะดวกสบายเท่ากับสุนัขของเขาเลย" ขณะที่ชาวเน็ตอีกรายถึงกับถามว่า "พี่โจว พี่ขาดสุนัขหรือเปล่า? ฉันอยากอยู่ในบ้านของพี่"









431



1. แมวเปอร์เซีย (Persian Cat)



เป็นแมวที่น่ารักที่สุดอีกพันธุ์หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าใครๆ ก็ย่อมรู้จักกันดี เพราะเป็นแมวที่คนไทยนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้นๆ และมีชื่อเสียงมาก เรื่องรูปลักษณะที่น่ารักสวยงาม โดดเด่นด้วยขนที่ยาว และบุคลิกเย่อหยิ่งไม่เหมือนใคร

แมวพันธุ์น่ารักๆ พันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากฝั่งตะวันออกกลาง หรือเปอร์เซีย ตามชื่อ แล้วค่อยๆ แพร่หลายเป็นที่รู้จักไปยังฝั่งยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ เพราะมีข้อดีตรงมีอุปนิสัยอ่อนโยน นิ่งๆ ดูสง่า แต่เชื่อง ไม่ดุร้าย และสามารถเข้ากับผู้เลี้ยงได้ง่าย ใครที่ครอบครัวมีเด็กเล็กๆ หรือคนแก่ แนะนำให้ลองดูแมวพันธุ์เปอร์เซีย เลี้ยงง่าย รับรองว่าใครอยู่ใกล้ก็หลงรักแน่นอน

 Tips : ความโดดเด่นเฉพาะของแมวพันธุ์เปอร์เซียคือขนที่ยาว สำหรับใครที่สนใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ รวมถึงผู้ที่เลี้ยงอยู่แล้ว แนะนำให้หมั่นทำความสะอาดขน แปรงขนน้องบ่อยๆ รวมไปถึงเรื่องการกินของน้องแมว เช่น เลือกอาหารแมวยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยบำรุงขน เป็นต้นค่ะใครอยากหาอาหารน้องแมวดีๆ มีคุณภาพ


2. แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American ShortHair)



มาเอาใจคนที่แพ้ฝุ่น แต่อยากเลี้ยงแมวกันบ้าง ด้วยแมวพันธุ์ขนสั้นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้แมวพันธุ์เปอร์เซียอย่างแมวพันธุ์อเมริกัน ชอร์ตแฮร์แมวพันธุ์นี้จะขึ้นชื่อเรื่องลายขนที่สวยงาม ที่สำคัญคือเป็นแมวที่น่ารักที่สุด หน้าตาน่าเอ็นดู มีหลายสีให้เลือกซื้อมาเลี้ยงกัน

แมวพันธุ์นี้เป็นแมวขนาดกลาง ถ้าหากว่าไม่ได้ออกกำลังกาย หรือว่ากินมากจนเกินไป ก็จะทำให้กลายเป็นแมวอ้วนได้ เพราะทรงกะโหลกของแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างกลมอยู่แล้ว อุปนิสัยสำคัญของแมวนิสัยนี้คือเป็นมิตร ร่าเริง ช่างสงสัย และขี้เล่น แต่เห็นขนสั้นแบบนี้ แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ก็มีช่วงเวลาผลัดขนอยู่เช่นกัน แต่ก็แค่ประมาณ 2 ครั้งต่อปีเท่านั้น

Tips : เคล็ดลับที่สำคัญสำหรับใครที่เลี้ยงแมวแล้วอยากให้เส้นขนสวย แข็งแรง และเรียงเส้นได้ดี คือ อาหารการกิน อาหารแมวหรืออาหารเสริมบางอย่างช่วยบำรุงเส้นขนให้สวยงาม ยิ่งเฉพาะคนที่เลี้ยงแมวแล้วนำไปประกวด ก็จะต้องคอยบำรุง และหวีแปรงขนแมวอย่างสม่ำเสมอ


3. วิเชียรมาศ (Siamese)



หนึ่งสายพันธุ์แมวที่น่ารักที่สุด เป็นแมวไทยแท้ อยู่กับคนไทยมาแต่โบราณ ที่มีบันทึกว่านิยมเลี้ยงกันในวังมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเลยค่ะ จะเรียกว่าเป็นแมวชั้นสูงเลยก็ว่าได้ ทาสแมวที่เป็นสามัญชนคนธรรมดาไม่สามารถเลี้ยงได้ในสมัยนั้นเพราะค่าตัวของน้องแมววิเชียรมาศมีราคาสูงมาก ซื้อขายได้ถึงหนึ่งแสนตำลึงทอง มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ถูกนำไปพม่าเพราะเห็นว่าเป็นทรัพย์สินมีค่า หลังจากนั้นก็สูญหายไปจากไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทฺธสโร ท่องเที่ยวเมืองอยุธยาที่ถูกทิ้งร้าง ได้พบสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผาซึ่งเอ่ยถึงแมวนี้ จึงให้คนไปตามหาแมวนี้กลับสู่ไทยค่ะ

ลักษณะเด่นของน้องคือ ขนสั้นแน่นสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน มีสีน้ำตาลเข้มบริเวณหน้า หู เท้า หาง ที่สำคัญอยู่ที่ดวงตาที่มีสีฟ้าใสค่ะ ความน่ารักของน้องคือเป็นแมวที่มีนิสัยซื่อสัตย์ ขี้อ้อน และเข้ากับคนง่าย

Tips : ใครที่อยากจะเลี้ยงน้องแมว เราอยากแนะนำให้ระมัดระวังการติดเชื้อราจากแมว ซึ่งเชื้อรานั้นคือ เชื้อ Microsporum canis เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ผิวหนังของสัตว์ และสามารถติดต่อสู่คนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบาดแผล โดยพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เราติดโรคนี้ คือ การอุ้ม กอดน้องแมว หรือการให้น้องแมวมานอนบนเตียงด้วยนั่นเองค่ะ ดังนั้นอย่าลืมทำความสะอาดเตียง เครื่องนุ่งห่มให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรคนะคะ


4. แมวสก๊อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)




เชื่อได้เลยว่าแมวพันธุ์ “สก๊อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)” ต้องเป็นแมวในฝันที่ใครๆ หลายคนอยากเลี้ยง เพราะขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักเป็นอย่างมาก โดดเด่นด้วยหูที่พับลง ซึ่งหูของแมวที่น่ารักที่สุดพันธุ์นี้ก็ค่อนข้างมีขนาดเล็กอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็ยิ่งทำให้แมวพันธุ์นี้หน้าตาน่ารัก

ความโดดเด่นอีกอย่างนอกจากเรื่องหู คือแมวพันธุ์นี้มีขนที่สั้น แน่น และนุ่มลื่นเหมือนผ้าไหม เวลาที่สัมผัสขนแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างลื่นมือมากกว่าแมวพันธุ์อื่น ว่ากันว่าแมวพันธุ์นี้อุปนิสัยเด่นคือจะเป็นแมวที่ฉลาด สุภาพ และเป็นแมวที่ค่อนข้างติดเจ้าของ ใครที่อยากให้แมวตัวเองมาคลอเคลียมากๆ แนะนำให้จดลิสชื่อสก๊อตติชโฟลด์เอาไว้ได้เลยนะจ๊ะ


5. แร็กดอลล์ (Ragdoll)





มาถึงแมวที่น่ารักที่สุดตัวสุดท้าย  น้องแร็กดอลล์ แมวขนาดใหญ่ มีขนยาวปุกปุย ดวงตาใหญ่มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง ซึ่งน้องแมวพันธุ์นี้มีความคล้ายกับแมววิเชียรมาศของไทย เพียงแต่ขนของแร็กดอลล์จะมีความฟูและขนพองปุกปุยมากกว่าแมววิเชียรมาศ

แมวแร็กดอลล์ถูกพัฒนาสายพันธุ์โดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย นิสัยของแมวพันธุ์แร็กดอลล์เหมาะกับคนที่ชอบความสงบค่ะ เพราะน้องมีนิสัยน่ารัก มารยาทงาม สุภาพเรียบร้อย เป็นแมวที่ไม่ก่อกวนเจ้าของ แต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อน และชอบแสดงความรักกับเจ้าของค่ะ



432



1. แมวเปอร์เซีย (Persian Cat)



เป็นแมวที่น่ารักที่สุดอีกพันธุ์หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าใครๆ ก็ย่อมรู้จักกันดี เพราะเป็นแมวที่คนไทยนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้นๆ และมีชื่อเสียงมาก เรื่องรูปลักษณะที่น่ารักสวยงาม โดดเด่นด้วยขนที่ยาว และบุคลิกเย่อหยิ่งไม่เหมือนใคร

แมวพันธุ์น่ารักๆ พันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากฝั่งตะวันออกกลาง หรือเปอร์เซีย ตามชื่อ แล้วค่อยๆ แพร่หลายเป็นที่รู้จักไปยังฝั่งยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ เพราะมีข้อดีตรงมีอุปนิสัยอ่อนโยน นิ่งๆ ดูสง่า แต่เชื่อง ไม่ดุร้าย และสามารถเข้ากับผู้เลี้ยงได้ง่าย ใครที่ครอบครัวมีเด็กเล็กๆ หรือคนแก่ แนะนำให้ลองดูแมวพันธุ์เปอร์เซีย เลี้ยงง่าย รับรองว่าใครอยู่ใกล้ก็หลงรักแน่นอน

 Tips : ความโดดเด่นเฉพาะของแมวพันธุ์เปอร์เซียคือขนที่ยาว สำหรับใครที่สนใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ รวมถึงผู้ที่เลี้ยงอยู่แล้ว แนะนำให้หมั่นทำความสะอาดขน แปรงขนน้องบ่อยๆ รวมไปถึงเรื่องการกินของน้องแมว เช่น เลือกอาหารแมวยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยบำรุงขน เป็นต้นค่ะใครอยากหาอาหารน้องแมวดีๆ มีคุณภาพ


2. แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American ShortHair)



มาเอาใจคนที่แพ้ฝุ่น แต่อยากเลี้ยงแมวกันบ้าง ด้วยแมวพันธุ์ขนสั้นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้แมวพันธุ์เปอร์เซียอย่างแมวพันธุ์อเมริกัน ชอร์ตแฮร์แมวพันธุ์นี้จะขึ้นชื่อเรื่องลายขนที่สวยงาม ที่สำคัญคือเป็นแมวที่น่ารักที่สุด หน้าตาน่าเอ็นดู มีหลายสีให้เลือกซื้อมาเลี้ยงกัน

แมวพันธุ์นี้เป็นแมวขนาดกลาง ถ้าหากว่าไม่ได้ออกกำลังกาย หรือว่ากินมากจนเกินไป ก็จะทำให้กลายเป็นแมวอ้วนได้ เพราะทรงกะโหลกของแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างกลมอยู่แล้ว อุปนิสัยสำคัญของแมวนิสัยนี้คือเป็นมิตร ร่าเริง ช่างสงสัย และขี้เล่น แต่เห็นขนสั้นแบบนี้ แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ก็มีช่วงเวลาผลัดขนอยู่เช่นกัน แต่ก็แค่ประมาณ 2 ครั้งต่อปีเท่านั้น

Tips : เคล็ดลับที่สำคัญสำหรับใครที่เลี้ยงแมวแล้วอยากให้เส้นขนสวย แข็งแรง และเรียงเส้นได้ดี คือ อาหารการกิน อาหารแมวหรืออาหารเสริมบางอย่างช่วยบำรุงเส้นขนให้สวยงาม ยิ่งเฉพาะคนที่เลี้ยงแมวแล้วนำไปประกวด ก็จะต้องคอยบำรุง และหวีแปรงขนแมวอย่างสม่ำเสมอ


3. วิเชียรมาศ (Siamese)



หนึ่งสายพันธุ์แมวที่น่ารักที่สุด เป็นแมวไทยแท้ อยู่กับคนไทยมาแต่โบราณ ที่มีบันทึกว่านิยมเลี้ยงกันในวังมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเลยค่ะ จะเรียกว่าเป็นแมวชั้นสูงเลยก็ว่าได้ ทาสแมวที่เป็นสามัญชนคนธรรมดาไม่สามารถเลี้ยงได้ในสมัยนั้นเพราะค่าตัวของน้องแมววิเชียรมาศมีราคาสูงมาก ซื้อขายได้ถึงหนึ่งแสนตำลึงทอง มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ถูกนำไปพม่าเพราะเห็นว่าเป็นทรัพย์สินมีค่า หลังจากนั้นก็สูญหายไปจากไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทฺธสโร ท่องเที่ยวเมืองอยุธยาที่ถูกทิ้งร้าง ได้พบสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผาซึ่งเอ่ยถึงแมวนี้ จึงให้คนไปตามหาแมวนี้กลับสู่ไทยค่ะ

ลักษณะเด่นของน้องคือ ขนสั้นแน่นสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน มีสีน้ำตาลเข้มบริเวณหน้า หู เท้า หาง ที่สำคัญอยู่ที่ดวงตาที่มีสีฟ้าใสค่ะ ความน่ารักของน้องคือเป็นแมวที่มีนิสัยซื่อสัตย์ ขี้อ้อน และเข้ากับคนง่าย

Tips : ใครที่อยากจะเลี้ยงน้องแมว เราอยากแนะนำให้ระมัดระวังการติดเชื้อราจากแมว ซึ่งเชื้อรานั้นคือ เชื้อ Microsporum canis เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ผิวหนังของสัตว์ และสามารถติดต่อสู่คนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบาดแผล โดยพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เราติดโรคนี้ คือ การอุ้ม กอดน้องแมว หรือการให้น้องแมวมานอนบนเตียงด้วยนั่นเองค่ะ ดังนั้นอย่าลืมทำความสะอาดเตียง เครื่องนุ่งห่มให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรคนะคะ


4. แมวสก๊อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)




เชื่อได้เลยว่าแมวพันธุ์ “สก๊อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)” ต้องเป็นแมวในฝันที่ใครๆ หลายคนอยากเลี้ยง เพราะขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักเป็นอย่างมาก โดดเด่นด้วยหูที่พับลง ซึ่งหูของแมวที่น่ารักที่สุดพันธุ์นี้ก็ค่อนข้างมีขนาดเล็กอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็ยิ่งทำให้แมวพันธุ์นี้หน้าตาน่ารัก

ความโดดเด่นอีกอย่างนอกจากเรื่องหู คือแมวพันธุ์นี้มีขนที่สั้น แน่น และนุ่มลื่นเหมือนผ้าไหม เวลาที่สัมผัสขนแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างลื่นมือมากกว่าแมวพันธุ์อื่น ว่ากันว่าแมวพันธุ์นี้อุปนิสัยเด่นคือจะเป็นแมวที่ฉลาด สุภาพ และเป็นแมวที่ค่อนข้างติดเจ้าของ ใครที่อยากให้แมวตัวเองมาคลอเคลียมากๆ แนะนำให้จดลิสชื่อสก๊อตติชโฟลด์เอาไว้ได้เลยนะจ๊ะ


5. แร็กดอลล์ (Ragdoll)





มาถึงแมวที่น่ารักที่สุดตัวสุดท้าย  น้องแร็กดอลล์ แมวขนาดใหญ่ มีขนยาวปุกปุย ดวงตาใหญ่มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง ซึ่งน้องแมวพันธุ์นี้มีความคล้ายกับแมววิเชียรมาศของไทย เพียงแต่ขนของแร็กดอลล์จะมีความฟูและขนพองปุกปุยมากกว่าแมววิเชียรมาศ

แมวแร็กดอลล์ถูกพัฒนาสายพันธุ์โดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย นิสัยของแมวพันธุ์แร็กดอลล์เหมาะกับคนที่ชอบความสงบค่ะ เพราะน้องมีนิสัยน่ารัก มารยาทงาม สุภาพเรียบร้อย เป็นแมวที่ไม่ก่อกวนเจ้าของ แต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อน และชอบแสดงความรักกับเจ้าของค่ะ



433



1. แมวเปอร์เซีย (Persian Cat)



เป็นแมวที่น่ารักที่สุดอีกพันธุ์หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าใครๆ ก็ย่อมรู้จักกันดี เพราะเป็นแมวที่คนไทยนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้นๆ และมีชื่อเสียงมาก เรื่องรูปลักษณะที่น่ารักสวยงาม โดดเด่นด้วยขนที่ยาว และบุคลิกเย่อหยิ่งไม่เหมือนใคร

แมวพันธุ์น่ารักๆ พันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากฝั่งตะวันออกกลาง หรือเปอร์เซีย ตามชื่อ แล้วค่อยๆ แพร่หลายเป็นที่รู้จักไปยังฝั่งยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ เพราะมีข้อดีตรงมีอุปนิสัยอ่อนโยน นิ่งๆ ดูสง่า แต่เชื่อง ไม่ดุร้าย และสามารถเข้ากับผู้เลี้ยงได้ง่าย ใครที่ครอบครัวมีเด็กเล็กๆ หรือคนแก่ แนะนำให้ลองดูแมวพันธุ์เปอร์เซีย เลี้ยงง่าย รับรองว่าใครอยู่ใกล้ก็หลงรักแน่นอน

 Tips : ความโดดเด่นเฉพาะของแมวพันธุ์เปอร์เซียคือขนที่ยาว สำหรับใครที่สนใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ รวมถึงผู้ที่เลี้ยงอยู่แล้ว แนะนำให้หมั่นทำความสะอาดขน แปรงขนน้องบ่อยๆ รวมไปถึงเรื่องการกินของน้องแมว เช่น เลือกอาหารแมวยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยบำรุงขน เป็นต้นค่ะใครอยากหาอาหารน้องแมวดีๆ มีคุณภาพ


2. แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American ShortHair)



มาเอาใจคนที่แพ้ฝุ่น แต่อยากเลี้ยงแมวกันบ้าง ด้วยแมวพันธุ์ขนสั้นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้แมวพันธุ์เปอร์เซียอย่างแมวพันธุ์อเมริกัน ชอร์ตแฮร์แมวพันธุ์นี้จะขึ้นชื่อเรื่องลายขนที่สวยงาม ที่สำคัญคือเป็นแมวที่น่ารักที่สุด หน้าตาน่าเอ็นดู มีหลายสีให้เลือกซื้อมาเลี้ยงกัน

แมวพันธุ์นี้เป็นแมวขนาดกลาง ถ้าหากว่าไม่ได้ออกกำลังกาย หรือว่ากินมากจนเกินไป ก็จะทำให้กลายเป็นแมวอ้วนได้ เพราะทรงกะโหลกของแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างกลมอยู่แล้ว อุปนิสัยสำคัญของแมวนิสัยนี้คือเป็นมิตร ร่าเริง ช่างสงสัย และขี้เล่น แต่เห็นขนสั้นแบบนี้ แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ก็มีช่วงเวลาผลัดขนอยู่เช่นกัน แต่ก็แค่ประมาณ 2 ครั้งต่อปีเท่านั้น

Tips : เคล็ดลับที่สำคัญสำหรับใครที่เลี้ยงแมวแล้วอยากให้เส้นขนสวย แข็งแรง และเรียงเส้นได้ดี คือ อาหารการกิน อาหารแมวหรืออาหารเสริมบางอย่างช่วยบำรุงเส้นขนให้สวยงาม ยิ่งเฉพาะคนที่เลี้ยงแมวแล้วนำไปประกวด ก็จะต้องคอยบำรุง และหวีแปรงขนแมวอย่างสม่ำเสมอ


3. วิเชียรมาศ (Siamese)



หนึ่งสายพันธุ์แมวที่น่ารักที่สุด เป็นแมวไทยแท้ อยู่กับคนไทยมาแต่โบราณ ที่มีบันทึกว่านิยมเลี้ยงกันในวังมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเลยค่ะ จะเรียกว่าเป็นแมวชั้นสูงเลยก็ว่าได้ ทาสแมวที่เป็นสามัญชนคนธรรมดาไม่สามารถเลี้ยงได้ในสมัยนั้นเพราะค่าตัวของน้องแมววิเชียรมาศมีราคาสูงมาก ซื้อขายได้ถึงหนึ่งแสนตำลึงทอง มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ถูกนำไปพม่าเพราะเห็นว่าเป็นทรัพย์สินมีค่า หลังจากนั้นก็สูญหายไปจากไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทฺธสโร ท่องเที่ยวเมืองอยุธยาที่ถูกทิ้งร้าง ได้พบสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผาซึ่งเอ่ยถึงแมวนี้ จึงให้คนไปตามหาแมวนี้กลับสู่ไทยค่ะ

ลักษณะเด่นของน้องคือ ขนสั้นแน่นสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน มีสีน้ำตาลเข้มบริเวณหน้า หู เท้า หาง ที่สำคัญอยู่ที่ดวงตาที่มีสีฟ้าใสค่ะ ความน่ารักของน้องคือเป็นแมวที่มีนิสัยซื่อสัตย์ ขี้อ้อน และเข้ากับคนง่าย

Tips : ใครที่อยากจะเลี้ยงน้องแมว เราอยากแนะนำให้ระมัดระวังการติดเชื้อราจากแมว ซึ่งเชื้อรานั้นคือ เชื้อ Microsporum canis เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ผิวหนังของสัตว์ และสามารถติดต่อสู่คนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบาดแผล โดยพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เราติดโรคนี้ คือ การอุ้ม กอดน้องแมว หรือการให้น้องแมวมานอนบนเตียงด้วยนั่นเองค่ะ ดังนั้นอย่าลืมทำความสะอาดเตียง เครื่องนุ่งห่มให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรคนะคะ


4. แมวสก๊อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)




เชื่อได้เลยว่าแมวพันธุ์ “สก๊อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)” ต้องเป็นแมวในฝันที่ใครๆ หลายคนอยากเลี้ยง เพราะขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักเป็นอย่างมาก โดดเด่นด้วยหูที่พับลง ซึ่งหูของแมวที่น่ารักที่สุดพันธุ์นี้ก็ค่อนข้างมีขนาดเล็กอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็ยิ่งทำให้แมวพันธุ์นี้หน้าตาน่ารัก

ความโดดเด่นอีกอย่างนอกจากเรื่องหู คือแมวพันธุ์นี้มีขนที่สั้น แน่น และนุ่มลื่นเหมือนผ้าไหม เวลาที่สัมผัสขนแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างลื่นมือมากกว่าแมวพันธุ์อื่น ว่ากันว่าแมวพันธุ์นี้อุปนิสัยเด่นคือจะเป็นแมวที่ฉลาด สุภาพ และเป็นแมวที่ค่อนข้างติดเจ้าของ ใครที่อยากให้แมวตัวเองมาคลอเคลียมากๆ แนะนำให้จดลิสชื่อสก๊อตติชโฟลด์เอาไว้ได้เลยนะจ๊ะ


5. แร็กดอลล์ (Ragdoll)





มาถึงแมวที่น่ารักที่สุดตัวสุดท้าย  น้องแร็กดอลล์ แมวขนาดใหญ่ มีขนยาวปุกปุย ดวงตาใหญ่มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง ซึ่งน้องแมวพันธุ์นี้มีความคล้ายกับแมววิเชียรมาศของไทย เพียงแต่ขนของแร็กดอลล์จะมีความฟูและขนพองปุกปุยมากกว่าแมววิเชียรมาศ

แมวแร็กดอลล์ถูกพัฒนาสายพันธุ์โดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย นิสัยของแมวพันธุ์แร็กดอลล์เหมาะกับคนที่ชอบความสงบค่ะ เพราะน้องมีนิสัยน่ารัก มารยาทงาม สุภาพเรียบร้อย เป็นแมวที่ไม่ก่อกวนเจ้าของ แต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อน และชอบแสดงความรักกับเจ้าของค่ะ



434



1. แมวเปอร์เซีย (Persian Cat)



เป็นแมวที่น่ารักที่สุดอีกพันธุ์หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าใครๆ ก็ย่อมรู้จักกันดี เพราะเป็นแมวที่คนไทยนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้นๆ และมีชื่อเสียงมาก เรื่องรูปลักษณะที่น่ารักสวยงาม โดดเด่นด้วยขนที่ยาว และบุคลิกเย่อหยิ่งไม่เหมือนใคร

แมวพันธุ์น่ารักๆ พันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากฝั่งตะวันออกกลาง หรือเปอร์เซีย ตามชื่อ แล้วค่อยๆ แพร่หลายเป็นที่รู้จักไปยังฝั่งยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ เพราะมีข้อดีตรงมีอุปนิสัยอ่อนโยน นิ่งๆ ดูสง่า แต่เชื่อง ไม่ดุร้าย และสามารถเข้ากับผู้เลี้ยงได้ง่าย ใครที่ครอบครัวมีเด็กเล็กๆ หรือคนแก่ แนะนำให้ลองดูแมวพันธุ์เปอร์เซีย เลี้ยงง่าย รับรองว่าใครอยู่ใกล้ก็หลงรักแน่นอน

 Tips : ความโดดเด่นเฉพาะของแมวพันธุ์เปอร์เซียคือขนที่ยาว สำหรับใครที่สนใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ รวมถึงผู้ที่เลี้ยงอยู่แล้ว แนะนำให้หมั่นทำความสะอาดขน แปรงขนน้องบ่อยๆ รวมไปถึงเรื่องการกินของน้องแมว เช่น เลือกอาหารแมวยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยบำรุงขน เป็นต้นค่ะใครอยากหาอาหารน้องแมวดีๆ มีคุณภาพ


2. แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American ShortHair)



มาเอาใจคนที่แพ้ฝุ่น แต่อยากเลี้ยงแมวกันบ้าง ด้วยแมวพันธุ์ขนสั้นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้แมวพันธุ์เปอร์เซียอย่างแมวพันธุ์อเมริกัน ชอร์ตแฮร์แมวพันธุ์นี้จะขึ้นชื่อเรื่องลายขนที่สวยงาม ที่สำคัญคือเป็นแมวที่น่ารักที่สุด หน้าตาน่าเอ็นดู มีหลายสีให้เลือกซื้อมาเลี้ยงกัน

แมวพันธุ์นี้เป็นแมวขนาดกลาง ถ้าหากว่าไม่ได้ออกกำลังกาย หรือว่ากินมากจนเกินไป ก็จะทำให้กลายเป็นแมวอ้วนได้ เพราะทรงกะโหลกของแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างกลมอยู่แล้ว อุปนิสัยสำคัญของแมวนิสัยนี้คือเป็นมิตร ร่าเริง ช่างสงสัย และขี้เล่น แต่เห็นขนสั้นแบบนี้ แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ก็มีช่วงเวลาผลัดขนอยู่เช่นกัน แต่ก็แค่ประมาณ 2 ครั้งต่อปีเท่านั้น

Tips : เคล็ดลับที่สำคัญสำหรับใครที่เลี้ยงแมวแล้วอยากให้เส้นขนสวย แข็งแรง และเรียงเส้นได้ดี คือ อาหารการกิน อาหารแมวหรืออาหารเสริมบางอย่างช่วยบำรุงเส้นขนให้สวยงาม ยิ่งเฉพาะคนที่เลี้ยงแมวแล้วนำไปประกวด ก็จะต้องคอยบำรุง และหวีแปรงขนแมวอย่างสม่ำเสมอ


3. วิเชียรมาศ (Siamese)



หนึ่งสายพันธุ์แมวที่น่ารักที่สุด เป็นแมวไทยแท้ อยู่กับคนไทยมาแต่โบราณ ที่มีบันทึกว่านิยมเลี้ยงกันในวังมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเลยค่ะ จะเรียกว่าเป็นแมวชั้นสูงเลยก็ว่าได้ ทาสแมวที่เป็นสามัญชนคนธรรมดาไม่สามารถเลี้ยงได้ในสมัยนั้นเพราะค่าตัวของน้องแมววิเชียรมาศมีราคาสูงมาก ซื้อขายได้ถึงหนึ่งแสนตำลึงทอง มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ถูกนำไปพม่าเพราะเห็นว่าเป็นทรัพย์สินมีค่า หลังจากนั้นก็สูญหายไปจากไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทฺธสโร ท่องเที่ยวเมืองอยุธยาที่ถูกทิ้งร้าง ได้พบสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผาซึ่งเอ่ยถึงแมวนี้ จึงให้คนไปตามหาแมวนี้กลับสู่ไทยค่ะ

ลักษณะเด่นของน้องคือ ขนสั้นแน่นสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน มีสีน้ำตาลเข้มบริเวณหน้า หู เท้า หาง ที่สำคัญอยู่ที่ดวงตาที่มีสีฟ้าใสค่ะ ความน่ารักของน้องคือเป็นแมวที่มีนิสัยซื่อสัตย์ ขี้อ้อน และเข้ากับคนง่าย

Tips : ใครที่อยากจะเลี้ยงน้องแมว เราอยากแนะนำให้ระมัดระวังการติดเชื้อราจากแมว ซึ่งเชื้อรานั้นคือ เชื้อ Microsporum canis เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ผิวหนังของสัตว์ และสามารถติดต่อสู่คนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบาดแผล โดยพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เราติดโรคนี้ คือ การอุ้ม กอดน้องแมว หรือการให้น้องแมวมานอนบนเตียงด้วยนั่นเองค่ะ ดังนั้นอย่าลืมทำความสะอาดเตียง เครื่องนุ่งห่มให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรคนะคะ


4. แมวสก๊อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)




เชื่อได้เลยว่าแมวพันธุ์ “สก๊อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)” ต้องเป็นแมวในฝันที่ใครๆ หลายคนอยากเลี้ยง เพราะขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักเป็นอย่างมาก โดดเด่นด้วยหูที่พับลง ซึ่งหูของแมวที่น่ารักที่สุดพันธุ์นี้ก็ค่อนข้างมีขนาดเล็กอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็ยิ่งทำให้แมวพันธุ์นี้หน้าตาน่ารัก

ความโดดเด่นอีกอย่างนอกจากเรื่องหู คือแมวพันธุ์นี้มีขนที่สั้น แน่น และนุ่มลื่นเหมือนผ้าไหม เวลาที่สัมผัสขนแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างลื่นมือมากกว่าแมวพันธุ์อื่น ว่ากันว่าแมวพันธุ์นี้อุปนิสัยเด่นคือจะเป็นแมวที่ฉลาด สุภาพ และเป็นแมวที่ค่อนข้างติดเจ้าของ ใครที่อยากให้แมวตัวเองมาคลอเคลียมากๆ แนะนำให้จดลิสชื่อสก๊อตติชโฟลด์เอาไว้ได้เลยนะจ๊ะ


5. แร็กดอลล์ (Ragdoll)





มาถึงแมวที่น่ารักที่สุดตัวสุดท้าย  น้องแร็กดอลล์ แมวขนาดใหญ่ มีขนยาวปุกปุย ดวงตาใหญ่มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง ซึ่งน้องแมวพันธุ์นี้มีความคล้ายกับแมววิเชียรมาศของไทย เพียงแต่ขนของแร็กดอลล์จะมีความฟูและขนพองปุกปุยมากกว่าแมววิเชียรมาศ

แมวแร็กดอลล์ถูกพัฒนาสายพันธุ์โดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย นิสัยของแมวพันธุ์แร็กดอลล์เหมาะกับคนที่ชอบความสงบค่ะ เพราะน้องมีนิสัยน่ารัก มารยาทงาม สุภาพเรียบร้อย เป็นแมวที่ไม่ก่อกวนเจ้าของ แต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อน และชอบแสดงความรักกับเจ้าของค่ะ



435
ครอบครัวอเมริกาถึงกับอึ้ง เมื่อพวกเขารับเลี้ยงตูบจากศูนย์พักพิง แต่กลายเป็นรับเลี้ยงหมาป่าซะงั้น





     เรื่องราวของหญิงสาวที่พ่อแม่ของเธอ ได้รับเลี้ยงน้องหมาจากศูนย์พักพิงแพโลอัลโต ประเทศสหรัฐอเมิรกา แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งหมดก็ได้รู้ว่า น้องหมาตัวโตที่พวกเขารับเลี้ยงนั้น ไม่ใช่สุนัขธรรมดาทั่วไป
 
     ในปี พ.ศ.2530 ครอบครัวหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา พึ่งเสียน้องหมาสายพันธุ์เยอรมันตัวหนึ่งไปก็ตัดสินใจว่า จะรับเลี้ยงน้องหมาเพิ่ม โดยพวกเขาได้เซ็นสัญญารับเลี้ยงน้องหมาตัวโต ที่มีน้ำหนักมากถึง 100 ปอนด์ (ประมาณ 45 กิโลกรัม) และได้ตั้งชื่อว่า ‘มาแชล’
 
     มาแชล เป็นน้องหมาที่ฉลาดมาก ๆ ทั้งเปิดปิดประตูเองได้ ชอบล่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น กระรอก หรือแม้แต่ปลดล็อคกลอนประตู พวกเขาแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้เอะใจอะไรกับเรื่องนี้





   หลังจากนั้นไม่นาน คุณแม่ของหญิงสาวก็ได้พา มาแชล ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสัตว์ ดร.ฮามาดะ สัตวแพทย์ของโรงพยาบาล ได้ทำการตรวจร่างกายของ มาแชล ปรากฎว่า มาแชล ไม่ใช่สุนัขธรรมดาทั่วไป แต่เป็นหมาป่านั้นเอง
 
     ถึงแม้ว่า ความจริงที่ได้รับจะน่าตกใจมาก ๆ แต่ครอบครัวของเธอ ก็เลือกที่จะรับเลี้ยงต่อ ด้วยความผูกพัน และรู้สึกสงสาร ที่หมาป่าตัวนี้เคยเป็นสุนัขไร้บ้านมาก่อน และในปัจจุบัน มาแชล ก็ได้ตายไปด้วยอายุครบ 19 ปี