แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - dognews

406
เผยเรื่องราวของหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่มีความฝันอยากใช้ชีวิตเป็นสุนัข
 
งานนี้ทำเอาผู้คนทั่วโลกต่างตกตะลึง เพราะหนุ่มรายนี้ทุ่มสุดตัว






เป็นไวรัลดังที่มาจากทวิตเตอร์ เมื่อหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า Toco ได้ทำตามความฝันของตัวเองที่อยากจะมีชีวิตอยู่ในฐานะสัตว์ให้เป็นจริง ด้วยการสั่งทำชุดสุนัขที่ผลิตโดยบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคพิเศษและการสร้างชุดจำลอง

โดยหนุ่มชาวญี่ปุ่นได้ติดต่อให้บริษัท Zeppet ขอให้ทำชุดสุนัขเหมือนจริงที่มนุษย์สามารถใส่ได้ และมีค่าใช้จ่ายในการทำชุดประมาณ 2 ล้านเยน (512,000 บาทไทย) ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ถูกใจเขามาก ๆ

หนึ่งเดือนหลังจากที่สั่งทำชุด ในที่สุดเขาก็ได้ชุดสุนัขที่เหมือนสุนัขสายพันธุ์คอลลี่สมใจ โดยเขาได้โพสต์เรื่องราวนี้บนทวิตเตอร์และช่องยูทูปเพื่อแชร์เรื่องราวให้ทุกคนได้ชื่นชมและเห็นความฝันที่เป็นจริงของเขา

ทาง Zeppet เผยว่า ลักษณะทางกายภาพของคนเราและสุนัขต่างกันมาก การทำชุดสุนัขที่ให้มนุษย์สวมใส่ได้จึงต้องออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยใช้ภาพถ่ายของน้องหมาสายพันธุ์คอลลี่ที่ถ่ายจากมุมที่ต่างกันเพื่อออกแบบชุดให้สมจริงมากที่สุด พร้อมกับเพิ่มขนที่อ่อนนุ่มเพื่อซ่อนเครื่องแต่งกายของผู้สวมใส่ให้มากที่สุด และทำให้ปากเปิดและปิดได้ด้วยตัวเอง

เรื่องราวที่ไม่ธรรมดาของ Taco โด่งดังมาก ๆ ในญี่ปุ่นเมื่อช่วงปลายเดือนก่อน และยังได้ออกรายการโทรทัศน์ระดับประเทศอีกด้วย

การทำชุดน้องหมาของ Taco ทำให้ชาวออนไลน์หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่ Taco ทำเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเงินและไร้สาระ แต่หลายความเห็นก็บอกว่า ถ้าสิ่งที่ทำคือความสุขและไม่ได้ทำร้ายใครก็เป็นเรื่องส่วนตัวและความชื่นชอบของแต่ละบุคคล


407


สัตว์ที่คนไทยนิยมเลี้ยง ที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ ก็คือ สุนัข แมว ปลา นก กระต่าย เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำสุนัขพันธุ์ใหญ่ ใจดี น่าเลี้ยง แถมยังน่ารัก ไม่แพ้สุนัขพันธุ์เล็กอีกด้วย ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาสุนัขพันธุ์ใหญ่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ไว้เป็นเพื่อน หรือเป็นลูก วันนี้เรามีมาแนะนำ 5 สายพันธุ์ จะมีพันธุ์อะไรบ้างไปชมกันเลยค่ะ

5 พันธุ์สุนัขใหญ่ ใจดี ที่คนไทยนิยมเลี้ยง

1.โกลเด้น รีทริฟเวอร์ (Golden Retriever)




โกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ ที่มีขนสีทอง ยาวฟู หัวกว้างมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูรูปสามเหลี่ยมพับลง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน นอกจากนี้โกลเด้น รีทริฟเวอร์ มีนิสัยขี้เล่น สุภาพกับเด็ก ๆ เป็นมิตร ใจดี เข้ากับคนง่าย และเข้ากันได้ดีกับสัตว์ตัวอื่น ไม่ดื้อ ฝึกง่าย และรักเจ้าของมาก ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์สุนัขใหญ่ที่คนนิยมเลี้ยง และยังได้รับความนิยมให้เป็นสุนัขเพื่อช่วยเหลือคนตาบอดหรือพิการ ช่วยในการค้นหาหรือกู้ภัย และตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย


2.ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)




ลาบาดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ลักษณะคล้ายกับ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ต่างกันที่ขนสั้น หนา และแน่น ซึ่งสุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม และขนสีดำ นอกจากนี้เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ฝึกง่าย เพราะสุนัขสายพันธุ์แสนรู้ กะตือรือร้น ฉลาดหลักแหลม และคล่องแคล่ว จึงเหมาะกับการนำมาเลี้ยงเป็นเพื่อน อีกทั้งยังใช้เป็นสุนัขตำรวจ ดมหาสารเสพติด เพราะมีความสามารถดมกลิ่นได้ดีเยี่ยม และยังสามารถใช้ในการบำบัดโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย


3.ไซบีเรียน ฮัสกี (Siberian Husky)




ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นสุนัขขนาดกลาง ขน 2 ชั้น ฟูแน่น สีขนมีดำ เทา ทองแดง และขาวล้วน ในส่วนของดวงตา มีสีดำ น้ำตาลอัลมอนด์ ฟ้า เขียว อาจจะเป็นสีเดียวกันหรือข้างละสี หูตั้ง ในส่วนของนิสัย ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นมิตร แสนรู้ รักอิสระ ฉลาด เข้าสังคมเก่ง และเป็นสุนัขพันธุ์กลางที่นิยมเลี้ยงในไทยอีด้วย นอกจากนี้ไซบีเรียน ฮัสกี ยังชอบการวิ่งหรือการเล่นกับเจ้าของเป็นพิเศษ ดังนั้นหากมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันก็จะยิ่งดีมาก ๆ


4.เยอรมัน เชฟเฟิร์ด (German Shepherd)



เยอรมัน เชฟเฟิร์ด เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดใหญ่ มีสัดส่วนที่ดี มีคอที่ยาว หูขนาดใหญ่ และตั้งขึ้นแบบเปิดมาด้านหน้าขนานกัน สีขนของเยอรมันเชพเพิร์ดมีหลายแบบ โดยสีที่มักพบเห็นได้บ่อยคือสีแทนดำ และสีแดงดำ โดยสีที่แตกต่างกันทั้งสองแบบนั้นจะมีสีดำปกคลุมอยู่บนใบหน้า และลำตัว สุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยเข้ากับเด็ก และสัตว์ตัวอื่นที่เลี้ยงมาด้วยกันได้ดี ฉลาด ฝึกง่าย จึงนิยมนำสุนัขพันธุ์นี้มาเลี้ยงเป็นเพื่อน เป็นสุนัขตำรวจ และสุนัขนำทางคนตาบอด


5.บางแก้ว (Thai Bangkaew)




บางแก้ว เป็นสุนัขพันธุ์ไทยขนาดกลาง มีขนยาวสองชั้นเหมือนสุนัขป่า หูป้องไปข้างหน้าเหมือนจิ้งจอก ซึ่งนิสัยของบางแก้วขึ้นชื่อเรื่องความดุ ไม่ชอบคนแปลกหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็ซื่อสัตย์ หวงเจ้าของมาก ๆ ชอบปกป้อง กระฉับกระเฉง และแสนรู้ สามารถเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านได้ มีสัญชาตญาณนักล่าไม่น้อยเลยทีเดียว ความน่ารักของบางแก้ว คือซุกซน อยากรู้อยากเห็น และมีความฉลาดเป็นอย่างมาก


408


สัตว์ที่คนไทยนิยมเลี้ยง ที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ ก็คือ สุนัข แมว ปลา นก กระต่าย เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำสุนัขพันธุ์ใหญ่ ใจดี น่าเลี้ยง แถมยังน่ารัก ไม่แพ้สุนัขพันธุ์เล็กอีกด้วย ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาสุนัขพันธุ์ใหญ่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ไว้เป็นเพื่อน หรือเป็นลูก วันนี้เรามีมาแนะนำ 5 สายพันธุ์ จะมีพันธุ์อะไรบ้างไปชมกันเลยค่ะ

5 พันธุ์สุนัขใหญ่ ใจดี ที่คนไทยนิยมเลี้ยง

1.โกลเด้น รีทริฟเวอร์ (Golden Retriever)




โกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ ที่มีขนสีทอง ยาวฟู หัวกว้างมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูรูปสามเหลี่ยมพับลง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน นอกจากนี้โกลเด้น รีทริฟเวอร์ มีนิสัยขี้เล่น สุภาพกับเด็ก ๆ เป็นมิตร ใจดี เข้ากับคนง่าย และเข้ากันได้ดีกับสัตว์ตัวอื่น ไม่ดื้อ ฝึกง่าย และรักเจ้าของมาก ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์สุนัขใหญ่ที่คนนิยมเลี้ยง และยังได้รับความนิยมให้เป็นสุนัขเพื่อช่วยเหลือคนตาบอดหรือพิการ ช่วยในการค้นหาหรือกู้ภัย และตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย


2.ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)




ลาบาดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ลักษณะคล้ายกับ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ต่างกันที่ขนสั้น หนา และแน่น ซึ่งสุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม และขนสีดำ นอกจากนี้เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ฝึกง่าย เพราะสุนัขสายพันธุ์แสนรู้ กะตือรือร้น ฉลาดหลักแหลม และคล่องแคล่ว จึงเหมาะกับการนำมาเลี้ยงเป็นเพื่อน อีกทั้งยังใช้เป็นสุนัขตำรวจ ดมหาสารเสพติด เพราะมีความสามารถดมกลิ่นได้ดีเยี่ยม และยังสามารถใช้ในการบำบัดโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย


3.ไซบีเรียน ฮัสกี (Siberian Husky)




ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นสุนัขขนาดกลาง ขน 2 ชั้น ฟูแน่น สีขนมีดำ เทา ทองแดง และขาวล้วน ในส่วนของดวงตา มีสีดำ น้ำตาลอัลมอนด์ ฟ้า เขียว อาจจะเป็นสีเดียวกันหรือข้างละสี หูตั้ง ในส่วนของนิสัย ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นมิตร แสนรู้ รักอิสระ ฉลาด เข้าสังคมเก่ง และเป็นสุนัขพันธุ์กลางที่นิยมเลี้ยงในไทยอีด้วย นอกจากนี้ไซบีเรียน ฮัสกี ยังชอบการวิ่งหรือการเล่นกับเจ้าของเป็นพิเศษ ดังนั้นหากมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันก็จะยิ่งดีมาก ๆ


4.เยอรมัน เชฟเฟิร์ด (German Shepherd)



เยอรมัน เชฟเฟิร์ด เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดใหญ่ มีสัดส่วนที่ดี มีคอที่ยาว หูขนาดใหญ่ และตั้งขึ้นแบบเปิดมาด้านหน้าขนานกัน สีขนของเยอรมันเชพเพิร์ดมีหลายแบบ โดยสีที่มักพบเห็นได้บ่อยคือสีแทนดำ และสีแดงดำ โดยสีที่แตกต่างกันทั้งสองแบบนั้นจะมีสีดำปกคลุมอยู่บนใบหน้า และลำตัว สุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยเข้ากับเด็ก และสัตว์ตัวอื่นที่เลี้ยงมาด้วยกันได้ดี ฉลาด ฝึกง่าย จึงนิยมนำสุนัขพันธุ์นี้มาเลี้ยงเป็นเพื่อน เป็นสุนัขตำรวจ และสุนัขนำทางคนตาบอด


5.บางแก้ว (Thai Bangkaew)




บางแก้ว เป็นสุนัขพันธุ์ไทยขนาดกลาง มีขนยาวสองชั้นเหมือนสุนัขป่า หูป้องไปข้างหน้าเหมือนจิ้งจอก ซึ่งนิสัยของบางแก้วขึ้นชื่อเรื่องความดุ ไม่ชอบคนแปลกหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็ซื่อสัตย์ หวงเจ้าของมาก ๆ ชอบปกป้อง กระฉับกระเฉง และแสนรู้ สามารถเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านได้ มีสัญชาตญาณนักล่าไม่น้อยเลยทีเดียว ความน่ารักของบางแก้ว คือซุกซน อยากรู้อยากเห็น และมีความฉลาดเป็นอย่างมาก


409


สัตว์ที่คนไทยนิยมเลี้ยง ที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ ก็คือ สุนัข แมว ปลา นก กระต่าย เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำสุนัขพันธุ์ใหญ่ ใจดี น่าเลี้ยง แถมยังน่ารัก ไม่แพ้สุนัขพันธุ์เล็กอีกด้วย ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาสุนัขพันธุ์ใหญ่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ไว้เป็นเพื่อน หรือเป็นลูก วันนี้เรามีมาแนะนำ 5 สายพันธุ์ จะมีพันธุ์อะไรบ้างไปชมกันเลยค่ะ

5 พันธุ์สุนัขใหญ่ ใจดี ที่คนไทยนิยมเลี้ยง

1.โกลเด้น รีทริฟเวอร์ (Golden Retriever)




โกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ ที่มีขนสีทอง ยาวฟู หัวกว้างมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูรูปสามเหลี่ยมพับลง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน นอกจากนี้โกลเด้น รีทริฟเวอร์ มีนิสัยขี้เล่น สุภาพกับเด็ก ๆ เป็นมิตร ใจดี เข้ากับคนง่าย และเข้ากันได้ดีกับสัตว์ตัวอื่น ไม่ดื้อ ฝึกง่าย และรักเจ้าของมาก ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์สุนัขใหญ่ที่คนนิยมเลี้ยง และยังได้รับความนิยมให้เป็นสุนัขเพื่อช่วยเหลือคนตาบอดหรือพิการ ช่วยในการค้นหาหรือกู้ภัย และตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย


2.ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)




ลาบาดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ลักษณะคล้ายกับ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ต่างกันที่ขนสั้น หนา และแน่น ซึ่งสุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม และขนสีดำ นอกจากนี้เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ฝึกง่าย เพราะสุนัขสายพันธุ์แสนรู้ กะตือรือร้น ฉลาดหลักแหลม และคล่องแคล่ว จึงเหมาะกับการนำมาเลี้ยงเป็นเพื่อน อีกทั้งยังใช้เป็นสุนัขตำรวจ ดมหาสารเสพติด เพราะมีความสามารถดมกลิ่นได้ดีเยี่ยม และยังสามารถใช้ในการบำบัดโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย


3.ไซบีเรียน ฮัสกี (Siberian Husky)




ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นสุนัขขนาดกลาง ขน 2 ชั้น ฟูแน่น สีขนมีดำ เทา ทองแดง และขาวล้วน ในส่วนของดวงตา มีสีดำ น้ำตาลอัลมอนด์ ฟ้า เขียว อาจจะเป็นสีเดียวกันหรือข้างละสี หูตั้ง ในส่วนของนิสัย ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นมิตร แสนรู้ รักอิสระ ฉลาด เข้าสังคมเก่ง และเป็นสุนัขพันธุ์กลางที่นิยมเลี้ยงในไทยอีด้วย นอกจากนี้ไซบีเรียน ฮัสกี ยังชอบการวิ่งหรือการเล่นกับเจ้าของเป็นพิเศษ ดังนั้นหากมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันก็จะยิ่งดีมาก ๆ


4.เยอรมัน เชฟเฟิร์ด (German Shepherd)



เยอรมัน เชฟเฟิร์ด เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดใหญ่ มีสัดส่วนที่ดี มีคอที่ยาว หูขนาดใหญ่ และตั้งขึ้นแบบเปิดมาด้านหน้าขนานกัน สีขนของเยอรมันเชพเพิร์ดมีหลายแบบ โดยสีที่มักพบเห็นได้บ่อยคือสีแทนดำ และสีแดงดำ โดยสีที่แตกต่างกันทั้งสองแบบนั้นจะมีสีดำปกคลุมอยู่บนใบหน้า และลำตัว สุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยเข้ากับเด็ก และสัตว์ตัวอื่นที่เลี้ยงมาด้วยกันได้ดี ฉลาด ฝึกง่าย จึงนิยมนำสุนัขพันธุ์นี้มาเลี้ยงเป็นเพื่อน เป็นสุนัขตำรวจ และสุนัขนำทางคนตาบอด


5.บางแก้ว (Thai Bangkaew)




บางแก้ว เป็นสุนัขพันธุ์ไทยขนาดกลาง มีขนยาวสองชั้นเหมือนสุนัขป่า หูป้องไปข้างหน้าเหมือนจิ้งจอก ซึ่งนิสัยของบางแก้วขึ้นชื่อเรื่องความดุ ไม่ชอบคนแปลกหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็ซื่อสัตย์ หวงเจ้าของมาก ๆ ชอบปกป้อง กระฉับกระเฉง และแสนรู้ สามารถเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านได้ มีสัญชาตญาณนักล่าไม่น้อยเลยทีเดียว ความน่ารักของบางแก้ว คือซุกซน อยากรู้อยากเห็น และมีความฉลาดเป็นอย่างมาก


410


สัตว์ที่คนไทยนิยมเลี้ยง ที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ ก็คือ สุนัข แมว ปลา นก กระต่าย เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำสุนัขพันธุ์ใหญ่ ใจดี น่าเลี้ยง แถมยังน่ารัก ไม่แพ้สุนัขพันธุ์เล็กอีกด้วย ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาสุนัขพันธุ์ใหญ่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ไว้เป็นเพื่อน หรือเป็นลูก วันนี้เรามีมาแนะนำ 5 สายพันธุ์ จะมีพันธุ์อะไรบ้างไปชมกันเลยค่ะ

5 พันธุ์สุนัขใหญ่ ใจดี ที่คนไทยนิยมเลี้ยง

1.โกลเด้น รีทริฟเวอร์ (Golden Retriever)




โกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ ที่มีขนสีทอง ยาวฟู หัวกว้างมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูรูปสามเหลี่ยมพับลง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน นอกจากนี้โกลเด้น รีทริฟเวอร์ มีนิสัยขี้เล่น สุภาพกับเด็ก ๆ เป็นมิตร ใจดี เข้ากับคนง่าย และเข้ากันได้ดีกับสัตว์ตัวอื่น ไม่ดื้อ ฝึกง่าย และรักเจ้าของมาก ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์สุนัขใหญ่ที่คนนิยมเลี้ยง และยังได้รับความนิยมให้เป็นสุนัขเพื่อช่วยเหลือคนตาบอดหรือพิการ ช่วยในการค้นหาหรือกู้ภัย และตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย


2.ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)




ลาบาดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ลักษณะคล้ายกับ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ต่างกันที่ขนสั้น หนา และแน่น ซึ่งสุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม และขนสีดำ นอกจากนี้เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ฝึกง่าย เพราะสุนัขสายพันธุ์แสนรู้ กะตือรือร้น ฉลาดหลักแหลม และคล่องแคล่ว จึงเหมาะกับการนำมาเลี้ยงเป็นเพื่อน อีกทั้งยังใช้เป็นสุนัขตำรวจ ดมหาสารเสพติด เพราะมีความสามารถดมกลิ่นได้ดีเยี่ยม และยังสามารถใช้ในการบำบัดโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย


3.ไซบีเรียน ฮัสกี (Siberian Husky)




ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นสุนัขขนาดกลาง ขน 2 ชั้น ฟูแน่น สีขนมีดำ เทา ทองแดง และขาวล้วน ในส่วนของดวงตา มีสีดำ น้ำตาลอัลมอนด์ ฟ้า เขียว อาจจะเป็นสีเดียวกันหรือข้างละสี หูตั้ง ในส่วนของนิสัย ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นมิตร แสนรู้ รักอิสระ ฉลาด เข้าสังคมเก่ง และเป็นสุนัขพันธุ์กลางที่นิยมเลี้ยงในไทยอีด้วย นอกจากนี้ไซบีเรียน ฮัสกี ยังชอบการวิ่งหรือการเล่นกับเจ้าของเป็นพิเศษ ดังนั้นหากมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันก็จะยิ่งดีมาก ๆ


4.เยอรมัน เชฟเฟิร์ด (German Shepherd)



เยอรมัน เชฟเฟิร์ด เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดใหญ่ มีสัดส่วนที่ดี มีคอที่ยาว หูขนาดใหญ่ และตั้งขึ้นแบบเปิดมาด้านหน้าขนานกัน สีขนของเยอรมันเชพเพิร์ดมีหลายแบบ โดยสีที่มักพบเห็นได้บ่อยคือสีแทนดำ และสีแดงดำ โดยสีที่แตกต่างกันทั้งสองแบบนั้นจะมีสีดำปกคลุมอยู่บนใบหน้า และลำตัว สุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยเข้ากับเด็ก และสัตว์ตัวอื่นที่เลี้ยงมาด้วยกันได้ดี ฉลาด ฝึกง่าย จึงนิยมนำสุนัขพันธุ์นี้มาเลี้ยงเป็นเพื่อน เป็นสุนัขตำรวจ และสุนัขนำทางคนตาบอด


5.บางแก้ว (Thai Bangkaew)




บางแก้ว เป็นสุนัขพันธุ์ไทยขนาดกลาง มีขนยาวสองชั้นเหมือนสุนัขป่า หูป้องไปข้างหน้าเหมือนจิ้งจอก ซึ่งนิสัยของบางแก้วขึ้นชื่อเรื่องความดุ ไม่ชอบคนแปลกหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็ซื่อสัตย์ หวงเจ้าของมาก ๆ ชอบปกป้อง กระฉับกระเฉง และแสนรู้ สามารถเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านได้ มีสัญชาตญาณนักล่าไม่น้อยเลยทีเดียว ความน่ารักของบางแก้ว คือซุกซน อยากรู้อยากเห็น และมีความฉลาดเป็นอย่างมาก


411



พูดถึงเรื่องการทำหมันแมว หลายคนอาจจะกลัวหรือมีความกังวลในการพาแมวไปทำหมัน แต่ที่จริงแล้ว การทำหมันแมวนั้นมีความปลอดภัยมาก ถ้าหากน้องแมวของเรานั้นมีสภาพร่างกายพร้อม มีการตรวจเลือดก่อนการทำหมัน และได้รับการดูแลแมวหลังทำหมันที่ดีและถูกต้องค่ะ

ทำไมต้องทำหมันแมว
การทำหมันแมว เป็นการควบคุมประชากรแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการป้องกันการเกิดแมวจรได้ดีที่สุด เพราะแมวสามารถตั้งท้องได้ถึง 4 ครั้งต่อปี และในจำนวนลูกแมวในแต่ละครั้งอาจมีได้ถึง 4-5 ตัวเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ต้องการจะขยายหรือเพาะพันธุ์แมวล่ะก็ ควรพาน้องแมวไปทำหมันนะคะ

โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อแมวโตขึ้นจนเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธฺ์แล้ว จะแสดงพฤติกรรมติดสัด ซึ่งเป็นการดึงดูดเรียกแมวเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ เช่น การส่งเสียงร้องหง่าว ดุร้าย ก้าวร้าว ฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตไม่เป็นที่ หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน และอาจจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลจากการต่อสู้ รวมถึงอาจจะติดโรคมาจากแมวตัวอื่นได้


การทำหมันแมวตัวผู้ จะผ่าเอาลูกอัณฑะและท่อนำอสุจิออก เป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน แผลจะหายเร็ว
ส่วนการทำหมันแมวตัวเมีย จะเป็นการผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกทั้งสองข้าง เป็นการผ่าตัดที่ใหญ่กว่าเพราะจะต้องเปิดช่องท้อง จะต้องใช้เวลาดูแลพักฟื้นหลังผ่าตัดนานกว่าค่ะ





ข้อดีของการทำหมันแมว
- ช่วยให้แมวมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเต้านม,มะเร็งอัณฑะ
- แมวตัวเมียจะไม่ทรมานกับพฤติกรรมติดสัดอีกต่อไป
- ลดพฤติกรรมฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย
- ในแมวตัวผู้ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย หรือการกัดทะเลาะกันเพื่อแย่งตัวเมีย
- ป้องกันแมวหายออกจากบ้าน หลังทำหมันแมวจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น จะไม่ค่อยหนีเที่ยวออกจากบ้าน
- ป้องกันการบาดเจ็บ รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆจากการกัดกันกับแมวตัวอื่น หรือการติดเชื้อจากการผสมพันธุ์
- เป็นการควบคุมประชากรแมวที่ดีที่สุด ช่วยลดปัญหาแมวจรจัดในสังคมได้นะคะ






สามารถทำหมันแมวได้เมื่อไร
- แมวตัวเมีย สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 2 kg. ขึ้นไป ต้องไม่ท้องหรือไม่มีการผสมพันธุ์มาภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 1.5 เดือนก่อน หรือเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว จึงสามารถพาแม่แมวไปทำหมันได้นะคะ
- แมวตัวผู้ สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน หรือรอให้ไข่ลงถุงก่อน ควรเริ่มทำหมันก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมหง่าวหรือก้าวร้าวค่ะ

การเตรียมตัวก่อนพาแมวไปทำหมัน
- แมวต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย 💪
- ควรตรวจเลือดก่อนการทำหมัน เพื่อความปลอดภัย 💉
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชม.
**ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากการทำหมันจะมีการวางยาสลบ หากมีน้ำหรือเศษอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร แมวอาจสำลักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะคะ**


การดูแลแมวหลังทำหมัน
-  แมวที่ยังสลบอยู่ ควรจัดท่านอนในท่าที่ตัวเหยียดตรง คอไม่พับงอ เพื่อให้หายใจได้สะดวก
- สถานที่พักฟื้น ควรสะอาดและปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อแมวเริ่มฟื้น
- ไม่ควรป้อนน้ำหรืออาหารในขณะที่แมวยังไม่รู้สึกตัว เพราะจะทำให้สำลักและเป็นอันตรายได้ ควรให้ทานน้ำและอาหารได้หลังจากที่แมวฟื้นเต็มที่แล้วเท่านั้น
- ใส่ยาทาแผลสด(เบตาดีน)ทุกวัน ป้อนยา หรือพาไปฉีดยาแก้อักเสบตามที่สัตวแพทย์สั่ง
- ห้ามแผลถูกน้ำ และห้ามให้แมวเลียแผล ควรใส่คอลล่า หรือใส่เสื้อเพื่อป้องกันแมวเลียหรือแทะแผล
- ห้ามแมวกระโดด เพื่อป้องกันแผลแตกและอาจติดเชื้อได้ ควรให้อยู่ในกรงจนกว่าจะถึงกำหนดตัดไหม
- พาไปตัดไหมเมื่อครบ 7-10 วัน

นิสัยแมวหลังทำหมัน

หลังทำหมัน นิสัยของแมวอาจจะเปลี่ยนไป เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนใหญ่แมวจะกินและนอนมากขึ้น เรียบร้อย และมักจะชอบอยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยหนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน ซึ่งอาจทำให้น้องแมวอ้วนขึ้นได้ ควรควบคุมอาหาร ให้กินอาหารเป็นเวลา เปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสำหรับแมวโตหรือสูตรแมวเลี้ยงในบ้าน และหากิจกรรมหรือของเล่นมาเล่นกับเค้ามากขึ้น ให้เค้าได้ขยับตัวหรือปีนป่ายออกกำลังบ้าง

412



พูดถึงเรื่องการทำหมันแมว หลายคนอาจจะกลัวหรือมีความกังวลในการพาแมวไปทำหมัน แต่ที่จริงแล้ว การทำหมันแมวนั้นมีความปลอดภัยมาก ถ้าหากน้องแมวของเรานั้นมีสภาพร่างกายพร้อม มีการตรวจเลือดก่อนการทำหมัน และได้รับการดูแลแมวหลังทำหมันที่ดีและถูกต้องค่ะ

ทำไมต้องทำหมันแมว
การทำหมันแมว เป็นการควบคุมประชากรแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการป้องกันการเกิดแมวจรได้ดีที่สุด เพราะแมวสามารถตั้งท้องได้ถึง 4 ครั้งต่อปี และในจำนวนลูกแมวในแต่ละครั้งอาจมีได้ถึง 4-5 ตัวเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ต้องการจะขยายหรือเพาะพันธุ์แมวล่ะก็ ควรพาน้องแมวไปทำหมันนะคะ

โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อแมวโตขึ้นจนเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธฺ์แล้ว จะแสดงพฤติกรรมติดสัด ซึ่งเป็นการดึงดูดเรียกแมวเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ เช่น การส่งเสียงร้องหง่าว ดุร้าย ก้าวร้าว ฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตไม่เป็นที่ หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน และอาจจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลจากการต่อสู้ รวมถึงอาจจะติดโรคมาจากแมวตัวอื่นได้


การทำหมันแมวตัวผู้ จะผ่าเอาลูกอัณฑะและท่อนำอสุจิออก เป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน แผลจะหายเร็ว
ส่วนการทำหมันแมวตัวเมีย จะเป็นการผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกทั้งสองข้าง เป็นการผ่าตัดที่ใหญ่กว่าเพราะจะต้องเปิดช่องท้อง จะต้องใช้เวลาดูแลพักฟื้นหลังผ่าตัดนานกว่าค่ะ





ข้อดีของการทำหมันแมว
- ช่วยให้แมวมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเต้านม,มะเร็งอัณฑะ
- แมวตัวเมียจะไม่ทรมานกับพฤติกรรมติดสัดอีกต่อไป
- ลดพฤติกรรมฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย
- ในแมวตัวผู้ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย หรือการกัดทะเลาะกันเพื่อแย่งตัวเมีย
- ป้องกันแมวหายออกจากบ้าน หลังทำหมันแมวจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น จะไม่ค่อยหนีเที่ยวออกจากบ้าน
- ป้องกันการบาดเจ็บ รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆจากการกัดกันกับแมวตัวอื่น หรือการติดเชื้อจากการผสมพันธุ์
- เป็นการควบคุมประชากรแมวที่ดีที่สุด ช่วยลดปัญหาแมวจรจัดในสังคมได้นะคะ






สามารถทำหมันแมวได้เมื่อไร
- แมวตัวเมีย สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 2 kg. ขึ้นไป ต้องไม่ท้องหรือไม่มีการผสมพันธุ์มาภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 1.5 เดือนก่อน หรือเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว จึงสามารถพาแม่แมวไปทำหมันได้นะคะ
- แมวตัวผู้ สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน หรือรอให้ไข่ลงถุงก่อน ควรเริ่มทำหมันก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมหง่าวหรือก้าวร้าวค่ะ

การเตรียมตัวก่อนพาแมวไปทำหมัน
- แมวต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย 💪
- ควรตรวจเลือดก่อนการทำหมัน เพื่อความปลอดภัย 💉
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชม.
**ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากการทำหมันจะมีการวางยาสลบ หากมีน้ำหรือเศษอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร แมวอาจสำลักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะคะ**


การดูแลแมวหลังทำหมัน
-  แมวที่ยังสลบอยู่ ควรจัดท่านอนในท่าที่ตัวเหยียดตรง คอไม่พับงอ เพื่อให้หายใจได้สะดวก
- สถานที่พักฟื้น ควรสะอาดและปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อแมวเริ่มฟื้น
- ไม่ควรป้อนน้ำหรืออาหารในขณะที่แมวยังไม่รู้สึกตัว เพราะจะทำให้สำลักและเป็นอันตรายได้ ควรให้ทานน้ำและอาหารได้หลังจากที่แมวฟื้นเต็มที่แล้วเท่านั้น
- ใส่ยาทาแผลสด(เบตาดีน)ทุกวัน ป้อนยา หรือพาไปฉีดยาแก้อักเสบตามที่สัตวแพทย์สั่ง
- ห้ามแผลถูกน้ำ และห้ามให้แมวเลียแผล ควรใส่คอลล่า หรือใส่เสื้อเพื่อป้องกันแมวเลียหรือแทะแผล
- ห้ามแมวกระโดด เพื่อป้องกันแผลแตกและอาจติดเชื้อได้ ควรให้อยู่ในกรงจนกว่าจะถึงกำหนดตัดไหม
- พาไปตัดไหมเมื่อครบ 7-10 วัน

นิสัยแมวหลังทำหมัน

หลังทำหมัน นิสัยของแมวอาจจะเปลี่ยนไป เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนใหญ่แมวจะกินและนอนมากขึ้น เรียบร้อย และมักจะชอบอยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยหนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน ซึ่งอาจทำให้น้องแมวอ้วนขึ้นได้ ควรควบคุมอาหาร ให้กินอาหารเป็นเวลา เปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสำหรับแมวโตหรือสูตรแมวเลี้ยงในบ้าน และหากิจกรรมหรือของเล่นมาเล่นกับเค้ามากขึ้น ให้เค้าได้ขยับตัวหรือปีนป่ายออกกำลังบ้าง

413



พูดถึงเรื่องการทำหมันแมว หลายคนอาจจะกลัวหรือมีความกังวลในการพาแมวไปทำหมัน แต่ที่จริงแล้ว การทำหมันแมวนั้นมีความปลอดภัยมาก ถ้าหากน้องแมวของเรานั้นมีสภาพร่างกายพร้อม มีการตรวจเลือดก่อนการทำหมัน และได้รับการดูแลแมวหลังทำหมันที่ดีและถูกต้องค่ะ

ทำไมต้องทำหมันแมว
การทำหมันแมว เป็นการควบคุมประชากรแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการป้องกันการเกิดแมวจรได้ดีที่สุด เพราะแมวสามารถตั้งท้องได้ถึง 4 ครั้งต่อปี และในจำนวนลูกแมวในแต่ละครั้งอาจมีได้ถึง 4-5 ตัวเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ต้องการจะขยายหรือเพาะพันธุ์แมวล่ะก็ ควรพาน้องแมวไปทำหมันนะคะ

โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อแมวโตขึ้นจนเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธฺ์แล้ว จะแสดงพฤติกรรมติดสัด ซึ่งเป็นการดึงดูดเรียกแมวเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ เช่น การส่งเสียงร้องหง่าว ดุร้าย ก้าวร้าว ฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตไม่เป็นที่ หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน และอาจจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลจากการต่อสู้ รวมถึงอาจจะติดโรคมาจากแมวตัวอื่นได้


การทำหมันแมวตัวผู้ จะผ่าเอาลูกอัณฑะและท่อนำอสุจิออก เป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน แผลจะหายเร็ว
ส่วนการทำหมันแมวตัวเมีย จะเป็นการผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกทั้งสองข้าง เป็นการผ่าตัดที่ใหญ่กว่าเพราะจะต้องเปิดช่องท้อง จะต้องใช้เวลาดูแลพักฟื้นหลังผ่าตัดนานกว่าค่ะ





ข้อดีของการทำหมันแมว
- ช่วยให้แมวมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเต้านม,มะเร็งอัณฑะ
- แมวตัวเมียจะไม่ทรมานกับพฤติกรรมติดสัดอีกต่อไป
- ลดพฤติกรรมฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย
- ในแมวตัวผู้ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย หรือการกัดทะเลาะกันเพื่อแย่งตัวเมีย
- ป้องกันแมวหายออกจากบ้าน หลังทำหมันแมวจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น จะไม่ค่อยหนีเที่ยวออกจากบ้าน
- ป้องกันการบาดเจ็บ รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆจากการกัดกันกับแมวตัวอื่น หรือการติดเชื้อจากการผสมพันธุ์
- เป็นการควบคุมประชากรแมวที่ดีที่สุด ช่วยลดปัญหาแมวจรจัดในสังคมได้นะคะ






สามารถทำหมันแมวได้เมื่อไร
- แมวตัวเมีย สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 2 kg. ขึ้นไป ต้องไม่ท้องหรือไม่มีการผสมพันธุ์มาภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 1.5 เดือนก่อน หรือเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว จึงสามารถพาแม่แมวไปทำหมันได้นะคะ
- แมวตัวผู้ สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน หรือรอให้ไข่ลงถุงก่อน ควรเริ่มทำหมันก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมหง่าวหรือก้าวร้าวค่ะ

การเตรียมตัวก่อนพาแมวไปทำหมัน
- แมวต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย 💪
- ควรตรวจเลือดก่อนการทำหมัน เพื่อความปลอดภัย 💉
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชม.
**ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากการทำหมันจะมีการวางยาสลบ หากมีน้ำหรือเศษอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร แมวอาจสำลักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะคะ**


การดูแลแมวหลังทำหมัน
-  แมวที่ยังสลบอยู่ ควรจัดท่านอนในท่าที่ตัวเหยียดตรง คอไม่พับงอ เพื่อให้หายใจได้สะดวก
- สถานที่พักฟื้น ควรสะอาดและปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อแมวเริ่มฟื้น
- ไม่ควรป้อนน้ำหรืออาหารในขณะที่แมวยังไม่รู้สึกตัว เพราะจะทำให้สำลักและเป็นอันตรายได้ ควรให้ทานน้ำและอาหารได้หลังจากที่แมวฟื้นเต็มที่แล้วเท่านั้น
- ใส่ยาทาแผลสด(เบตาดีน)ทุกวัน ป้อนยา หรือพาไปฉีดยาแก้อักเสบตามที่สัตวแพทย์สั่ง
- ห้ามแผลถูกน้ำ และห้ามให้แมวเลียแผล ควรใส่คอลล่า หรือใส่เสื้อเพื่อป้องกันแมวเลียหรือแทะแผล
- ห้ามแมวกระโดด เพื่อป้องกันแผลแตกและอาจติดเชื้อได้ ควรให้อยู่ในกรงจนกว่าจะถึงกำหนดตัดไหม
- พาไปตัดไหมเมื่อครบ 7-10 วัน

นิสัยแมวหลังทำหมัน

หลังทำหมัน นิสัยของแมวอาจจะเปลี่ยนไป เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนใหญ่แมวจะกินและนอนมากขึ้น เรียบร้อย และมักจะชอบอยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยหนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน ซึ่งอาจทำให้น้องแมวอ้วนขึ้นได้ ควรควบคุมอาหาร ให้กินอาหารเป็นเวลา เปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสำหรับแมวโตหรือสูตรแมวเลี้ยงในบ้าน และหากิจกรรมหรือของเล่นมาเล่นกับเค้ามากขึ้น ให้เค้าได้ขยับตัวหรือปีนป่ายออกกำลังบ้าง

414



พูดถึงเรื่องการทำหมันแมว หลายคนอาจจะกลัวหรือมีความกังวลในการพาแมวไปทำหมัน แต่ที่จริงแล้ว การทำหมันแมวนั้นมีความปลอดภัยมาก ถ้าหากน้องแมวของเรานั้นมีสภาพร่างกายพร้อม มีการตรวจเลือดก่อนการทำหมัน และได้รับการดูแลแมวหลังทำหมันที่ดีและถูกต้องค่ะ

ทำไมต้องทำหมันแมว
การทำหมันแมว เป็นการควบคุมประชากรแมวไม่ให้มีมากเกินไป เป็นการป้องกันการเกิดแมวจรได้ดีที่สุด เพราะแมวสามารถตั้งท้องได้ถึง 4 ครั้งต่อปี และในจำนวนลูกแมวในแต่ละครั้งอาจมีได้ถึง 4-5 ตัวเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของไม่ได้ต้องการจะขยายหรือเพาะพันธุ์แมวล่ะก็ ควรพาน้องแมวไปทำหมันนะคะ

โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อแมวโตขึ้นจนเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธฺ์แล้ว จะแสดงพฤติกรรมติดสัด ซึ่งเป็นการดึงดูดเรียกแมวเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ เช่น การส่งเสียงร้องหง่าว ดุร้าย ก้าวร้าว ฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตไม่เป็นที่ หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน และอาจจะกลับมาพร้อมกับบาดแผลจากการต่อสู้ รวมถึงอาจจะติดโรคมาจากแมวตัวอื่นได้


การทำหมันแมวตัวผู้ จะผ่าเอาลูกอัณฑะและท่อนำอสุจิออก เป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน แผลจะหายเร็ว
ส่วนการทำหมันแมวตัวเมีย จะเป็นการผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกทั้งสองข้าง เป็นการผ่าตัดที่ใหญ่กว่าเพราะจะต้องเปิดช่องท้อง จะต้องใช้เวลาดูแลพักฟื้นหลังผ่าตัดนานกว่าค่ะ





ข้อดีของการทำหมันแมว
- ช่วยให้แมวมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูกอักเสบ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเต้านม,มะเร็งอัณฑะ
- แมวตัวเมียจะไม่ทรมานกับพฤติกรรมติดสัดอีกต่อไป
- ลดพฤติกรรมฉี่เรี่ยราดวางอาณาเขตทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย
- ในแมวตัวผู้ จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย หรือการกัดทะเลาะกันเพื่อแย่งตัวเมีย
- ป้องกันแมวหายออกจากบ้าน หลังทำหมันแมวจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น จะไม่ค่อยหนีเที่ยวออกจากบ้าน
- ป้องกันการบาดเจ็บ รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆจากการกัดกันกับแมวตัวอื่น หรือการติดเชื้อจากการผสมพันธุ์
- เป็นการควบคุมประชากรแมวที่ดีที่สุด ช่วยลดปัญหาแมวจรจัดในสังคมได้นะคะ






สามารถทำหมันแมวได้เมื่อไร
- แมวตัวเมีย สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 2 kg. ขึ้นไป ต้องไม่ท้องหรือไม่มีการผสมพันธุ์มาภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 1.5 เดือนก่อน หรือเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว จึงสามารถพาแม่แมวไปทำหมันได้นะคะ
- แมวตัวผู้ สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน หรือรอให้ไข่ลงถุงก่อน ควรเริ่มทำหมันก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมหง่าวหรือก้าวร้าวค่ะ

การเตรียมตัวก่อนพาแมวไปทำหมัน
- แมวต้องมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วย 💪
- ควรตรวจเลือดก่อนการทำหมัน เพื่อความปลอดภัย 💉
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชม.
**ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากการทำหมันจะมีการวางยาสลบ หากมีน้ำหรือเศษอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร แมวอาจสำลักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะคะ**


การดูแลแมวหลังทำหมัน
-  แมวที่ยังสลบอยู่ ควรจัดท่านอนในท่าที่ตัวเหยียดตรง คอไม่พับงอ เพื่อให้หายใจได้สะดวก
- สถานที่พักฟื้น ควรสะอาดและปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อแมวเริ่มฟื้น
- ไม่ควรป้อนน้ำหรืออาหารในขณะที่แมวยังไม่รู้สึกตัว เพราะจะทำให้สำลักและเป็นอันตรายได้ ควรให้ทานน้ำและอาหารได้หลังจากที่แมวฟื้นเต็มที่แล้วเท่านั้น
- ใส่ยาทาแผลสด(เบตาดีน)ทุกวัน ป้อนยา หรือพาไปฉีดยาแก้อักเสบตามที่สัตวแพทย์สั่ง
- ห้ามแผลถูกน้ำ และห้ามให้แมวเลียแผล ควรใส่คอลล่า หรือใส่เสื้อเพื่อป้องกันแมวเลียหรือแทะแผล
- ห้ามแมวกระโดด เพื่อป้องกันแผลแตกและอาจติดเชื้อได้ ควรให้อยู่ในกรงจนกว่าจะถึงกำหนดตัดไหม
- พาไปตัดไหมเมื่อครบ 7-10 วัน

นิสัยแมวหลังทำหมัน

หลังทำหมัน นิสัยของแมวอาจจะเปลี่ยนไป เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนใหญ่แมวจะกินและนอนมากขึ้น เรียบร้อย และมักจะชอบอยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยหนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน ซึ่งอาจทำให้น้องแมวอ้วนขึ้นได้ ควรควบคุมอาหาร ให้กินอาหารเป็นเวลา เปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสำหรับแมวโตหรือสูตรแมวเลี้ยงในบ้าน และหากิจกรรมหรือของเล่นมาเล่นกับเค้ามากขึ้น ให้เค้าได้ขยับตัวหรือปีนป่ายออกกำลังบ้าง

415
เผยเรื่องราวของน้องหมาที่สามารถเดินทางรอบโลกได้สำเร็จ

 
มิตรภาพแสนน่ารักของทั้งคู่นี้ได้สร้างรอยยิ้มให้ผู้คนไปทั่วโลก






น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า สะวันนา เป็นน้องหมาที่เดินทางรอบโลกสำเร็จเป็นตัวแรก โดยน้องได้เดินทางพร้อมกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชื่อ ทอม เทอซิส ที่อาศัยอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่า ทอม เป็นคนที่ 10 ที่เดินรอบโลกจนสำเร็จ แต่ สะวันนา เป็นสุนัขตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้

    ทั้งคู่ได้ออกเดินทางเกือบ 40 ประเทศ และใช้ระยะทางกว่า 28,583 ไมล์ (ประมาณ 46,000 กิโลเมตร)

     ตามรายงานระบุว่า ตอนที่ ทอม อายุ 26 ปี เพื่อนในวัยเด็ก 2 คนของเขาได้เสียชีวิตกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกห่อเหี่ยวและไม่อยากใช้ชีวิตต่อก็เลยพยายามหาอะไรที่จะทำให้เขาไม่คิดฟุ้งซ่าน นั่นก็คือการออกเดินทางเพื่อจะได้พบเจอผู้คนและสถานที่ใหม่ ๆ

     แต่การเดินทางเพียงลำพังทำให้เขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว ก็เลยตัดสินใจรับเลี้ยง สะวันนา ซึ่งเป็นสุนัขที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ในรัฐเท็กซัส ที่อดีตเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายและเป็นน้องหมาที่เคยถูกทิ้งให้เติบโตอยู่ข้างถนน

    แต่ ทอม ก็เลือกรับเลี้ยงและกลายมาเป็นเพื่อนคู่ใจที่เดินทางรอบโลกไปด้วยกันนานถึง 5 ปี จนที่สุดก็สามารถเดินทางรอบโลกจนสำเร็จ แม้ว่า ทั้งคู่จะพบอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ทั้งความเจ็บป่วย ข้อจำกัดต่าง ๆ หรือสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักในบางช่วงก็ตาม

416
เผยเรื่องราวของน้องหมาที่สามารถเดินทางรอบโลกได้สำเร็จ

 
มิตรภาพแสนน่ารักของทั้งคู่นี้ได้สร้างรอยยิ้มให้ผู้คนไปทั่วโลก






น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า สะวันนา เป็นน้องหมาที่เดินทางรอบโลกสำเร็จเป็นตัวแรก โดยน้องได้เดินทางพร้อมกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชื่อ ทอม เทอซิส ที่อาศัยอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่า ทอม เป็นคนที่ 10 ที่เดินรอบโลกจนสำเร็จ แต่ สะวันนา เป็นสุนัขตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้

    ทั้งคู่ได้ออกเดินทางเกือบ 40 ประเทศ และใช้ระยะทางกว่า 28,583 ไมล์ (ประมาณ 46,000 กิโลเมตร)

     ตามรายงานระบุว่า ตอนที่ ทอม อายุ 26 ปี เพื่อนในวัยเด็ก 2 คนของเขาได้เสียชีวิตกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกห่อเหี่ยวและไม่อยากใช้ชีวิตต่อก็เลยพยายามหาอะไรที่จะทำให้เขาไม่คิดฟุ้งซ่าน นั่นก็คือการออกเดินทางเพื่อจะได้พบเจอผู้คนและสถานที่ใหม่ ๆ

     แต่การเดินทางเพียงลำพังทำให้เขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว ก็เลยตัดสินใจรับเลี้ยง สะวันนา ซึ่งเป็นสุนัขที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ในรัฐเท็กซัส ที่อดีตเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายและเป็นน้องหมาที่เคยถูกทิ้งให้เติบโตอยู่ข้างถนน

    แต่ ทอม ก็เลือกรับเลี้ยงและกลายมาเป็นเพื่อนคู่ใจที่เดินทางรอบโลกไปด้วยกันนานถึง 5 ปี จนที่สุดก็สามารถเดินทางรอบโลกจนสำเร็จ แม้ว่า ทั้งคู่จะพบอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ทั้งความเจ็บป่วย ข้อจำกัดต่าง ๆ หรือสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักในบางช่วงก็ตาม

417
เผยเรื่องราวของน้องหมาที่สามารถเดินทางรอบโลกได้สำเร็จ

 
มิตรภาพแสนน่ารักของทั้งคู่นี้ได้สร้างรอยยิ้มให้ผู้คนไปทั่วโลก






น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า สะวันนา เป็นน้องหมาที่เดินทางรอบโลกสำเร็จเป็นตัวแรก โดยน้องได้เดินทางพร้อมกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชื่อ ทอม เทอซิส ที่อาศัยอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่า ทอม เป็นคนที่ 10 ที่เดินรอบโลกจนสำเร็จ แต่ สะวันนา เป็นสุนัขตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้

    ทั้งคู่ได้ออกเดินทางเกือบ 40 ประเทศ และใช้ระยะทางกว่า 28,583 ไมล์ (ประมาณ 46,000 กิโลเมตร)

     ตามรายงานระบุว่า ตอนที่ ทอม อายุ 26 ปี เพื่อนในวัยเด็ก 2 คนของเขาได้เสียชีวิตกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกห่อเหี่ยวและไม่อยากใช้ชีวิตต่อก็เลยพยายามหาอะไรที่จะทำให้เขาไม่คิดฟุ้งซ่าน นั่นก็คือการออกเดินทางเพื่อจะได้พบเจอผู้คนและสถานที่ใหม่ ๆ

     แต่การเดินทางเพียงลำพังทำให้เขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว ก็เลยตัดสินใจรับเลี้ยง สะวันนา ซึ่งเป็นสุนัขที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ในรัฐเท็กซัส ที่อดีตเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายและเป็นน้องหมาที่เคยถูกทิ้งให้เติบโตอยู่ข้างถนน

    แต่ ทอม ก็เลือกรับเลี้ยงและกลายมาเป็นเพื่อนคู่ใจที่เดินทางรอบโลกไปด้วยกันนานถึง 5 ปี จนที่สุดก็สามารถเดินทางรอบโลกจนสำเร็จ แม้ว่า ทั้งคู่จะพบอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ทั้งความเจ็บป่วย ข้อจำกัดต่าง ๆ หรือสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักในบางช่วงก็ตาม

418
เผยเรื่องราวของน้องหมาที่สามารถเดินทางรอบโลกได้สำเร็จ

 
มิตรภาพแสนน่ารักของทั้งคู่นี้ได้สร้างรอยยิ้มให้ผู้คนไปทั่วโลก






น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่า สะวันนา เป็นน้องหมาที่เดินทางรอบโลกสำเร็จเป็นตัวแรก โดยน้องได้เดินทางพร้อมกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชื่อ ทอม เทอซิส ที่อาศัยอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่า ทอม เป็นคนที่ 10 ที่เดินรอบโลกจนสำเร็จ แต่ สะวันนา เป็นสุนัขตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้

    ทั้งคู่ได้ออกเดินทางเกือบ 40 ประเทศ และใช้ระยะทางกว่า 28,583 ไมล์ (ประมาณ 46,000 กิโลเมตร)

     ตามรายงานระบุว่า ตอนที่ ทอม อายุ 26 ปี เพื่อนในวัยเด็ก 2 คนของเขาได้เสียชีวิตกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกห่อเหี่ยวและไม่อยากใช้ชีวิตต่อก็เลยพยายามหาอะไรที่จะทำให้เขาไม่คิดฟุ้งซ่าน นั่นก็คือการออกเดินทางเพื่อจะได้พบเจอผู้คนและสถานที่ใหม่ ๆ

     แต่การเดินทางเพียงลำพังทำให้เขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว ก็เลยตัดสินใจรับเลี้ยง สะวันนา ซึ่งเป็นสุนัขที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ในรัฐเท็กซัส ที่อดีตเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายและเป็นน้องหมาที่เคยถูกทิ้งให้เติบโตอยู่ข้างถนน

    แต่ ทอม ก็เลือกรับเลี้ยงและกลายมาเป็นเพื่อนคู่ใจที่เดินทางรอบโลกไปด้วยกันนานถึง 5 ปี จนที่สุดก็สามารถเดินทางรอบโลกจนสำเร็จ แม้ว่า ทั้งคู่จะพบอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ทั้งความเจ็บป่วย ข้อจำกัดต่าง ๆ หรือสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักในบางช่วงก็ตาม

419



สำหรับผู้เลี้ยงแมวมือใหม่ การเลี้ยงลูกแมวแรกเกิดคงเป็นเรื่องน่าหนักใจอยู่มาก แต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพราะเรามีเคล็ด (ไม่) ลับ 8 ขั้นตอนง่ายๆ เอาไว้ฝึกสอนลูกแมวที่บ้านมาฝากกัน


1. เริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับคน

เจ้าของควรดูแลลูกแมวอย่างใกล้ชิด ควรจับลูกแมวอย่างเบามือ กอด และอุ้มอย่างต่อเนื่องเมื่อลูกแมวมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ และหากเด็กๆ อยากเล่น ควรสอนวิธีเล่นกับลูกแมวให้เด็กๆด้วย

โดยปกติลูกแมวจะยอมให้คนจับและเข้าใกล้ได้ง่ายขึ้นเมื่อลูกแมวเห็นแม่แมวนอนสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ส่งสัญญาณอันตรายใดๆ การมองเห็นแม่แมวอยู่ในสายตานั้นทำ ให้ลูกแมวมั่นใจได้ว่าสิ่งรอบข้างไม่มีอะไรน่ากลัว

มีงานวิจัยออกมาสนับสนุนว่า การอุ้มและกอดลูกแมวตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวแรกเกิดนั้น สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการลูกแมวได้ การศึกษาพบว่าลูกแมววิเชียรมาศ (ลูกแมวสยาม) ที่ได้รับการเลี้ยงแบบกอด อุ้มใกล้ชิดเป็นเวลา 20 นาทีต่อวันในช่วง 30 วันตั้งแต่แรกเกิด จะลืมตาได้ก่อน และออกมาจากกล่องที่เป็นรังอนุบาลได้เร็วกว่าลูกแมวตัวอื่นๆ

ในทางกลับกัน งานวิจัยอีกชิ้นพบว่าลูกแมวที่เกิดในสถานที่ห่างไกลผู้คนจะใช้เสียงขู่เมื่อมีคนเข้าใกล้ตั้งแต่อายุได้เพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น แต่เมื่อทดลองนำลูกแมวที่เกิดจากครอกเดียวกันมาอยู่ใกล้ชิดคนโดยให้มีคนอุ้มและเล่นกับลูกแมวทุกวัน ลูกแมวในกลุ่มหลังนี้จะไม่แสดงอาการหวาดกลัวผู้คนแต่อย่างใด โดยงานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่าการอุ้มลูกแมว จับและเล่นกับลูกแมวทุกวันตั้งแต่แรกเกิดจนลูกแมวอายุได้ 1 เดือนอาจช่วยกระตุ้นพัฒนาการในการเรียนรู้ของลูกแมวได้





2. ฝึกให้ลูกแมวเข้าสังคม

เมื่อลูกแมวมีอายุได้ 4-8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงวัยเล่นซน ลูกแมวจะเริ่มเรียนรู้ที่จะเล่นกับแมวตัวอื่น แต่สำหรับเจ้าของที่เลี้ยงลูกแมวตัวเดียว ก็สามารถสร้างความคุ้ยเคยด้วยการให้ลูกแมวเล่นกับของเล่น เพื่อฝึกให้ลูกแมวเรียนรู้การสื่อสาร ทำให้สามารถเชื่อฟังเจ้าของมากยิ่งขึ้นเมื่อโตเต็มวัย

และเพื่อลดความกลัวคนแปลกหน้า เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวทำความคุ้นเคยกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก และสอนเด็กเล็กให้เรียนรู้วิธีในการเล่นกับลูกแมวอย่างถูกต้อง ไม่แกล้งหรือแหย่ เพราะอาจทำให้ลูกแมวหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าหาอีก


3. พาลูกแมวไปพบสัตว์แพทย์อยู่เสมอ

เจ้าของควรพาลูกแมวตัวใหม่ไปตรวจสุขภาพก่อนทุกครั้ง โดยสามารถเริ่มตั้งแต่พาไปถ่ายพยาธิเมื่ออายุ 1 เดือน และสามารถเริ่มโปรแกรมวัคซีนได้ตั้งแต่ 2 เดือนเป็นต้นไป และหมั่นพาไปพบสัตว์แพทย์ตามโปรแกรมสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวจะได้รับวัคซีนครบถ้วน ลูกแมวก็จะมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัย


4. ฝึกลูกแมวให้ทานอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัย

เป็นที่รู้กันดีว่าลูกแมวมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว จึงต้องการคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และให้พลังงานสูงเป็นพิเศษ เช่น อาหารสำหรับลูกแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยมจากโปรแพลน ที่นอกจากจะมีโปรตีนสูง และสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกแมวแล้ว ยังมีส่วนผสมของโคลอสตรัม (colostrum) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยตอบสนองต่อการทำวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น

โดยสามารถให้เริ่มทานได้ตั้งแต่หลังหย่านมจนถึง 1 ปี และถึงแม้ว่าในช่วง 5 เดือนแรก ลูกแมวจะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 20 เท่าในช่วงระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากอายุ 6 เดือนขึ้นไป อัตราการเจริญเติบโตของลูกแมวจะค่อยๆ ลดลง เจ้าของจึงต้องปรับเปลี่ยนอาหารให้ลูกแมวทานอาหารอย่างเหมาะสมกับในแต่ละช่วงวัย


5. ฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอาบน้ำและแปรงขน

เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการทำความสะอาดและแปรงขนตั้งแต่ยังเล็กเพราะจะสามารถปรับตัวได้เร็ว ในลูกแมวพันธุ์ขนยาวควรหมั่นแปรงขนให้ทุกวัน ส่วนสำหรับลูกแมวพันธุ์ขนสั้นสามารถแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เทคนิคสำคัญคือการนำอุปกรณ์แปรงขนมาวางให้ลูกแมวเห็น จากนั้นค่อยๆ แปรงลงไปบนตัวลูกแมวเบาๆ ทีละน้อยแต่บ่อยๆ และควรทำในเวลาที่ลูกแมวรู้สึกผ่อนคลาย


6. คอยสังเกตเมื่อลูกแมวมีสัญญาณของอาการป่วย

การแปรงขนและอาบน้ำให้ลูกแมวจะช่วยให้เราได้สำรวจสภาพผิวหนังและขนของลูกแมวเพื่อตรวจหาความผิดปกติ เช่น กลาก เกลื้อน บาดแผลต่างๆ ที่อาจขึ้นมาบนผิวหนัง รวมถึงตัวเห็บ หมัด ก้อนขน และหากเกิดความผิดปกติใดๆ ควรรีบไปปรึกษาสัตวแพทย์ทันที เพราะฉะนั้น เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการจับหรือสัมผัสทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้ลูกแมวเชื่อง เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ไว



7. ฝึกพฤติกรรมลูกแมวให้มีวินัยอยู่เสมอ


เราสามารถเริ่มฝึกพฤติกรรมได้โดยเริ่มจากการตั้งชื่อลูกแมว เมื่อลูกแมวมีชื่อแล้ว เจ้าของควรให้คนในครอบครัวเรียกชื่อเดียวกันนี้ด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรบ่อยๆ เพื่อฝึกให้ลูกแมวจดจำและเชื่องต่อการเรียกชื่อ ในบางครั้งลูกแมวอาจแสดงพฤติกรรมเล่นซนเพราะอยากเล่นสนุก เจ้าของสามารถฝึกลูกแมวให้เล่นกับของเล่นแมวต่างๆ เช่น เสาลับเล็บ กล่อง หรือลูกบอล เป็นต้น แต่ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการเล่นแรงๆ เพราะลูกแมวอาจต่อสู้กลับด้วยการข่วน ตะปบ หรือกัดได้ ซึ่งหากเจ้าของโดนกัดหรือข่วน ก็ควรดุลูกแมวให้จดจำเพื่อให้รับรู้ว่าไม่ควรทำอีก แต่ควรหลีกเลี่ยงการตะโกนใส่เพราะลูกแมวมีหูที่ไวต่อเสียงมาก อาจจะทำให้เขาตกใจกลัว และเมื่อลูกแมวไม่ดื้อไม่ซน ทำตัวตามที่เราฝึกสอนแล้ว ก็ควรเอ่ยชมให้กำลังใจ


8. ฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง

เจ้าของควรฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางด้วยการให้ใช้กระบะทราย โดยควรแยกกระบะทรายไว้ให้เป็นสัดส่วนในบริเวณบ้าน เมื่อถึงเวลาที่ควรขับถ่าย เช่น หลังมื้ออาหาร หลังการงีบหลับยาวๆ ก็จับลูกแมวไปไว้ในห้องน้ำแมว และฝึกให้ลูกแมวขับถ่ายในตอนตื่นและก่อนเข้านอนอย่างสม่ำเสมอ

เจ้าของไม่ควรปล่อยให้ลูกแมวมีอิสระทั่วบริเวณบ้านจนกว่าลูกแมวจะสามารถขับถ่ายในกระบะทรายได้ และควรเก็บกวาดกระบะทรายให้สะอาดอยู่เสมอด้วยตระแกรงหรือแผ่นกรองมูล เพราะลูกแมวจะไม่ถ่ายซ้ำลงไปในกระบะที่ยังสกปรกอยู่ เมื่อต้องเปลี่ยนทรายแมวและทำความสะอาดกระบะ ให้ล้างด้วยสบู่และน้ำอุ่น อย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูกแมว และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังทำความสะอาดกระบะทรายเพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วย





รายการสำหรับการเลี้ยงลูกแมว

• กระเป๋าหรือตะกร้าแมว
• ชามใส่น้ำและอาหารลูกแมว
• กระบะทราย หรืออุปกรณ์ห้องน้ำแมว
• ที่นอนแมว
• เสาลับเล็บแมว
• ปลอกคอ
• อุปกรณ์อาบน้ำ แปรงขนแมว
• ของเล่น

420



สำหรับผู้เลี้ยงแมวมือใหม่ การเลี้ยงลูกแมวแรกเกิดคงเป็นเรื่องน่าหนักใจอยู่มาก แต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพราะเรามีเคล็ด (ไม่) ลับ 8 ขั้นตอนง่ายๆ เอาไว้ฝึกสอนลูกแมวที่บ้านมาฝากกัน


1. เริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับคน

เจ้าของควรดูแลลูกแมวอย่างใกล้ชิด ควรจับลูกแมวอย่างเบามือ กอด และอุ้มอย่างต่อเนื่องเมื่อลูกแมวมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ และหากเด็กๆ อยากเล่น ควรสอนวิธีเล่นกับลูกแมวให้เด็กๆด้วย

โดยปกติลูกแมวจะยอมให้คนจับและเข้าใกล้ได้ง่ายขึ้นเมื่อลูกแมวเห็นแม่แมวนอนสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ส่งสัญญาณอันตรายใดๆ การมองเห็นแม่แมวอยู่ในสายตานั้นทำ ให้ลูกแมวมั่นใจได้ว่าสิ่งรอบข้างไม่มีอะไรน่ากลัว

มีงานวิจัยออกมาสนับสนุนว่า การอุ้มและกอดลูกแมวตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวแรกเกิดนั้น สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการลูกแมวได้ การศึกษาพบว่าลูกแมววิเชียรมาศ (ลูกแมวสยาม) ที่ได้รับการเลี้ยงแบบกอด อุ้มใกล้ชิดเป็นเวลา 20 นาทีต่อวันในช่วง 30 วันตั้งแต่แรกเกิด จะลืมตาได้ก่อน และออกมาจากกล่องที่เป็นรังอนุบาลได้เร็วกว่าลูกแมวตัวอื่นๆ

ในทางกลับกัน งานวิจัยอีกชิ้นพบว่าลูกแมวที่เกิดในสถานที่ห่างไกลผู้คนจะใช้เสียงขู่เมื่อมีคนเข้าใกล้ตั้งแต่อายุได้เพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น แต่เมื่อทดลองนำลูกแมวที่เกิดจากครอกเดียวกันมาอยู่ใกล้ชิดคนโดยให้มีคนอุ้มและเล่นกับลูกแมวทุกวัน ลูกแมวในกลุ่มหลังนี้จะไม่แสดงอาการหวาดกลัวผู้คนแต่อย่างใด โดยงานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่าการอุ้มลูกแมว จับและเล่นกับลูกแมวทุกวันตั้งแต่แรกเกิดจนลูกแมวอายุได้ 1 เดือนอาจช่วยกระตุ้นพัฒนาการในการเรียนรู้ของลูกแมวได้





2. ฝึกให้ลูกแมวเข้าสังคม

เมื่อลูกแมวมีอายุได้ 4-8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงวัยเล่นซน ลูกแมวจะเริ่มเรียนรู้ที่จะเล่นกับแมวตัวอื่น แต่สำหรับเจ้าของที่เลี้ยงลูกแมวตัวเดียว ก็สามารถสร้างความคุ้ยเคยด้วยการให้ลูกแมวเล่นกับของเล่น เพื่อฝึกให้ลูกแมวเรียนรู้การสื่อสาร ทำให้สามารถเชื่อฟังเจ้าของมากยิ่งขึ้นเมื่อโตเต็มวัย

และเพื่อลดความกลัวคนแปลกหน้า เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวทำความคุ้นเคยกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก และสอนเด็กเล็กให้เรียนรู้วิธีในการเล่นกับลูกแมวอย่างถูกต้อง ไม่แกล้งหรือแหย่ เพราะอาจทำให้ลูกแมวหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าหาอีก


3. พาลูกแมวไปพบสัตว์แพทย์อยู่เสมอ

เจ้าของควรพาลูกแมวตัวใหม่ไปตรวจสุขภาพก่อนทุกครั้ง โดยสามารถเริ่มตั้งแต่พาไปถ่ายพยาธิเมื่ออายุ 1 เดือน และสามารถเริ่มโปรแกรมวัคซีนได้ตั้งแต่ 2 เดือนเป็นต้นไป และหมั่นพาไปพบสัตว์แพทย์ตามโปรแกรมสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวจะได้รับวัคซีนครบถ้วน ลูกแมวก็จะมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัย


4. ฝึกลูกแมวให้ทานอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัย

เป็นที่รู้กันดีว่าลูกแมวมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว จึงต้องการคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และให้พลังงานสูงเป็นพิเศษ เช่น อาหารสำหรับลูกแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยมจากโปรแพลน ที่นอกจากจะมีโปรตีนสูง และสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกแมวแล้ว ยังมีส่วนผสมของโคลอสตรัม (colostrum) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยตอบสนองต่อการทำวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น

โดยสามารถให้เริ่มทานได้ตั้งแต่หลังหย่านมจนถึง 1 ปี และถึงแม้ว่าในช่วง 5 เดือนแรก ลูกแมวจะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 20 เท่าในช่วงระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากอายุ 6 เดือนขึ้นไป อัตราการเจริญเติบโตของลูกแมวจะค่อยๆ ลดลง เจ้าของจึงต้องปรับเปลี่ยนอาหารให้ลูกแมวทานอาหารอย่างเหมาะสมกับในแต่ละช่วงวัย


5. ฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอาบน้ำและแปรงขน

เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการทำความสะอาดและแปรงขนตั้งแต่ยังเล็กเพราะจะสามารถปรับตัวได้เร็ว ในลูกแมวพันธุ์ขนยาวควรหมั่นแปรงขนให้ทุกวัน ส่วนสำหรับลูกแมวพันธุ์ขนสั้นสามารถแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เทคนิคสำคัญคือการนำอุปกรณ์แปรงขนมาวางให้ลูกแมวเห็น จากนั้นค่อยๆ แปรงลงไปบนตัวลูกแมวเบาๆ ทีละน้อยแต่บ่อยๆ และควรทำในเวลาที่ลูกแมวรู้สึกผ่อนคลาย


6. คอยสังเกตเมื่อลูกแมวมีสัญญาณของอาการป่วย

การแปรงขนและอาบน้ำให้ลูกแมวจะช่วยให้เราได้สำรวจสภาพผิวหนังและขนของลูกแมวเพื่อตรวจหาความผิดปกติ เช่น กลาก เกลื้อน บาดแผลต่างๆ ที่อาจขึ้นมาบนผิวหนัง รวมถึงตัวเห็บ หมัด ก้อนขน และหากเกิดความผิดปกติใดๆ ควรรีบไปปรึกษาสัตวแพทย์ทันที เพราะฉะนั้น เจ้าของควรฝึกให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการจับหรือสัมผัสทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้ลูกแมวเชื่อง เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ไว



7. ฝึกพฤติกรรมลูกแมวให้มีวินัยอยู่เสมอ


เราสามารถเริ่มฝึกพฤติกรรมได้โดยเริ่มจากการตั้งชื่อลูกแมว เมื่อลูกแมวมีชื่อแล้ว เจ้าของควรให้คนในครอบครัวเรียกชื่อเดียวกันนี้ด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรบ่อยๆ เพื่อฝึกให้ลูกแมวจดจำและเชื่องต่อการเรียกชื่อ ในบางครั้งลูกแมวอาจแสดงพฤติกรรมเล่นซนเพราะอยากเล่นสนุก เจ้าของสามารถฝึกลูกแมวให้เล่นกับของเล่นแมวต่างๆ เช่น เสาลับเล็บ กล่อง หรือลูกบอล เป็นต้น แต่ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการเล่นแรงๆ เพราะลูกแมวอาจต่อสู้กลับด้วยการข่วน ตะปบ หรือกัดได้ ซึ่งหากเจ้าของโดนกัดหรือข่วน ก็ควรดุลูกแมวให้จดจำเพื่อให้รับรู้ว่าไม่ควรทำอีก แต่ควรหลีกเลี่ยงการตะโกนใส่เพราะลูกแมวมีหูที่ไวต่อเสียงมาก อาจจะทำให้เขาตกใจกลัว และเมื่อลูกแมวไม่ดื้อไม่ซน ทำตัวตามที่เราฝึกสอนแล้ว ก็ควรเอ่ยชมให้กำลังใจ


8. ฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง

เจ้าของควรฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางด้วยการให้ใช้กระบะทราย โดยควรแยกกระบะทรายไว้ให้เป็นสัดส่วนในบริเวณบ้าน เมื่อถึงเวลาที่ควรขับถ่าย เช่น หลังมื้ออาหาร หลังการงีบหลับยาวๆ ก็จับลูกแมวไปไว้ในห้องน้ำแมว และฝึกให้ลูกแมวขับถ่ายในตอนตื่นและก่อนเข้านอนอย่างสม่ำเสมอ

เจ้าของไม่ควรปล่อยให้ลูกแมวมีอิสระทั่วบริเวณบ้านจนกว่าลูกแมวจะสามารถขับถ่ายในกระบะทรายได้ และควรเก็บกวาดกระบะทรายให้สะอาดอยู่เสมอด้วยตระแกรงหรือแผ่นกรองมูล เพราะลูกแมวจะไม่ถ่ายซ้ำลงไปในกระบะที่ยังสกปรกอยู่ เมื่อต้องเปลี่ยนทรายแมวและทำความสะอาดกระบะ ให้ล้างด้วยสบู่และน้ำอุ่น อย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูกแมว และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังทำความสะอาดกระบะทรายเพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วย





รายการสำหรับการเลี้ยงลูกแมว

• กระเป๋าหรือตะกร้าแมว
• ชามใส่น้ำและอาหารลูกแมว
• กระบะทราย หรืออุปกรณ์ห้องน้ำแมว
• ที่นอนแมว
• เสาลับเล็บแมว
• ปลอกคอ
• อุปกรณ์อาบน้ำ แปรงขนแมว
• ของเล่น