แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

8416
<iframe width="640" height="385" src="//www.youtube.com/embed/F_G_ksfm1S0?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

8417
<iframe width="640" height="385" src="//www.youtube.com/embed/VpMdJSRMI9w?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

8418
<iframe width="640" height="385" src="//www.youtube.com/embed/VpMdJSRMI9w?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

8419
<iframe width="640" height="385" src="//www.youtube.com/embed/VpMdJSRMI9w?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

8420
<iframe width="640" height="385" src="//www.youtube.com/embed/VpMdJSRMI9w?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

8421

          โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันจัดงานรวมพลคนรักปั๊ก เพื่อให้ความรู้แก่เจ้าของหมาปั๊ก  ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สรีระของร่างกายเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย ในหัวข้อ   “เลี้ยงปั๊กอย่างไรให้ห่างไกลโรคผิวหนังขี้เรื้อน โรคเชื้อรา เชื้อยีสต์ในหูและโรคฮีทสโตก” ให้สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการเลี้ยงหมาพันธุ์ปั๊กให้ห่างไกลโรค
     โดยโรคฮีทสโตก (Heatstroke) หรือภาวะช็อคจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของสุนัขมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 41-44 องศาเซลเซียส จึงทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการระบายความร้อน ทำให้น้องหมามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 36-50%   วิธีการป้องกัน คือ คอยสังเกตอาการของสุนัขบ่อยๆ หากเมื่อใดก็ตามที่สุนัขดูหอบมากกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณเริ่มแรกของโรคฮีทสโตก เจ้าของต้องรีบให้สุนัขอยู่ในที่เย็น หลบแดด หาน้ำให้ทาน และรีบเช็ดตัวด้วยน้ำเย็นเมื่อมีไข้ ตรวจสอบสถานที่ๆสุนัขอยู่ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก
      โรคติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา แบคทีเรียจะมีอยู่ที่ตัวสุนัขเอง เนื่องจากปั๊กมีชั้นผิวหนังหนา มีการผลิตไขมันที่ผิวเยอะ โดยไขมันก็เป็นอาหารของเชื้อโรค จึงทำให้มีปัญหาโรคติดเชื้อได้ง่าย เมื่อเป็นโรคจะเกิดอาการตุ่มแดง ตุ่มหนอง ขนร่วง ผิวแดง มีรังแค คัน ส่วนเชื้อยีสต์ เชื้อราและไรในหูจะส่งผลให้เกิดการอักเสบของหลืบผิวหนัง และช่องหูอักเสบ เนื่องจากซอกหลืบผิวหนังนี้เป็นบริเวณที่อาหารถ่ายเทไม่สะดวกและอับชื้นง่าย สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วง ผิวแดง วิธีการดูแลต้องเช็ดทำความสะอาดทำให้ซอกหลืบแห้งอยู่เสมอและการคุมน้ำหนักจะลดการเกิดโรคนี้ได้
        สุดท้ายโรคขี้เรื้อนแห้งที่จะทำให้สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วงและสะเก็ดแห้งๆ มักเกาะอยู่บริเวณใบหูก่อน แล้วลามไปบริเวณอื่น หากตรวจพบเร็วการรักษาจะไม่ยุ่งยาก การใช้ยาฆ่าตัวไรเพียง 2 ครั้ง โดยมีระยะเวลาห่างกัน 2 สัปดาห์ก็สามารถตัดวงจรได้ ส่วนโรคขี้เรื้อนเปียกพบเชื้อได้ในผิวหนังปกติ แต่หากร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีปัญหาโน้มนำจากโรคอื่น เช่น ภูมิแพ้ โรคฮอร์โมนต่างๆ ก็จะทำให้ขี้เรื้อนมีจำนวนมากขึ้นและก่อโรคได้ ทั้งนี้ การรักษาขี้เรื้อนเปียกนั้นค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลาในการรักษานาน ต้องใช้การรักษาหลายอย่างร่วมกันทั้งยาทานและยาภายนอก รวมถึงแชมพูยาด้วยและสุนัขอาจกลับมาเป็นใหม่ได้ จำเป็นต้องหมั่นตรวจดูแลปั๊กสม่ำเสมอ และการจัดสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีควบคู่ไปด้วยจะลดโอกาสการเกิดโรคของน้องหมา หรือหากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดเพราะหากมีอาการมากแล้วการรักษาจะยุ่งยาก ซับซ้อน ใช้เวลาในการรักษานาน

8422

          โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันจัดงานรวมพลคนรักปั๊ก เพื่อให้ความรู้แก่เจ้าของหมาปั๊ก  ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สรีระของร่างกายเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย ในหัวข้อ   “เลี้ยงปั๊กอย่างไรให้ห่างไกลโรคผิวหนังขี้เรื้อน โรคเชื้อรา เชื้อยีสต์ในหูและโรคฮีทสโตก” ให้สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการเลี้ยงหมาพันธุ์ปั๊กให้ห่างไกลโรค
     โดยโรคฮีทสโตก (Heatstroke) หรือภาวะช็อคจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของสุนัขมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 41-44 องศาเซลเซียส จึงทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการระบายความร้อน ทำให้น้องหมามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 36-50%   วิธีการป้องกัน คือ คอยสังเกตอาการของสุนัขบ่อยๆ หากเมื่อใดก็ตามที่สุนัขดูหอบมากกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณเริ่มแรกของโรคฮีทสโตก เจ้าของต้องรีบให้สุนัขอยู่ในที่เย็น หลบแดด หาน้ำให้ทาน และรีบเช็ดตัวด้วยน้ำเย็นเมื่อมีไข้ ตรวจสอบสถานที่ๆสุนัขอยู่ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก
      โรคติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา แบคทีเรียจะมีอยู่ที่ตัวสุนัขเอง เนื่องจากปั๊กมีชั้นผิวหนังหนา มีการผลิตไขมันที่ผิวเยอะ โดยไขมันก็เป็นอาหารของเชื้อโรค จึงทำให้มีปัญหาโรคติดเชื้อได้ง่าย เมื่อเป็นโรคจะเกิดอาการตุ่มแดง ตุ่มหนอง ขนร่วง ผิวแดง มีรังแค คัน ส่วนเชื้อยีสต์ เชื้อราและไรในหูจะส่งผลให้เกิดการอักเสบของหลืบผิวหนัง และช่องหูอักเสบ เนื่องจากซอกหลืบผิวหนังนี้เป็นบริเวณที่อาหารถ่ายเทไม่สะดวกและอับชื้นง่าย สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วง ผิวแดง วิธีการดูแลต้องเช็ดทำความสะอาดทำให้ซอกหลืบแห้งอยู่เสมอและการคุมน้ำหนักจะลดการเกิดโรคนี้ได้
        สุดท้ายโรคขี้เรื้อนแห้งที่จะทำให้สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วงและสะเก็ดแห้งๆ มักเกาะอยู่บริเวณใบหูก่อน แล้วลามไปบริเวณอื่น หากตรวจพบเร็วการรักษาจะไม่ยุ่งยาก การใช้ยาฆ่าตัวไรเพียง 2 ครั้ง โดยมีระยะเวลาห่างกัน 2 สัปดาห์ก็สามารถตัดวงจรได้ ส่วนโรคขี้เรื้อนเปียกพบเชื้อได้ในผิวหนังปกติ แต่หากร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีปัญหาโน้มนำจากโรคอื่น เช่น ภูมิแพ้ โรคฮอร์โมนต่างๆ ก็จะทำให้ขี้เรื้อนมีจำนวนมากขึ้นและก่อโรคได้ ทั้งนี้ การรักษาขี้เรื้อนเปียกนั้นค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลาในการรักษานาน ต้องใช้การรักษาหลายอย่างร่วมกันทั้งยาทานและยาภายนอก รวมถึงแชมพูยาด้วยและสุนัขอาจกลับมาเป็นใหม่ได้ จำเป็นต้องหมั่นตรวจดูแลปั๊กสม่ำเสมอ และการจัดสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีควบคู่ไปด้วยจะลดโอกาสการเกิดโรคของน้องหมา หรือหากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดเพราะหากมีอาการมากแล้วการรักษาจะยุ่งยาก ซับซ้อน ใช้เวลาในการรักษานาน

8423

          โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันจัดงานรวมพลคนรักปั๊ก เพื่อให้ความรู้แก่เจ้าของหมาปั๊ก  ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สรีระของร่างกายเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย ในหัวข้อ   “เลี้ยงปั๊กอย่างไรให้ห่างไกลโรคผิวหนังขี้เรื้อน โรคเชื้อรา เชื้อยีสต์ในหูและโรคฮีทสโตก” ให้สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการเลี้ยงหมาพันธุ์ปั๊กให้ห่างไกลโรค
     โดยโรคฮีทสโตก (Heatstroke) หรือภาวะช็อคจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของสุนัขมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 41-44 องศาเซลเซียส จึงทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการระบายความร้อน ทำให้น้องหมามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 36-50%   วิธีการป้องกัน คือ คอยสังเกตอาการของสุนัขบ่อยๆ หากเมื่อใดก็ตามที่สุนัขดูหอบมากกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณเริ่มแรกของโรคฮีทสโตก เจ้าของต้องรีบให้สุนัขอยู่ในที่เย็น หลบแดด หาน้ำให้ทาน และรีบเช็ดตัวด้วยน้ำเย็นเมื่อมีไข้ ตรวจสอบสถานที่ๆสุนัขอยู่ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก
      โรคติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา แบคทีเรียจะมีอยู่ที่ตัวสุนัขเอง เนื่องจากปั๊กมีชั้นผิวหนังหนา มีการผลิตไขมันที่ผิวเยอะ โดยไขมันก็เป็นอาหารของเชื้อโรค จึงทำให้มีปัญหาโรคติดเชื้อได้ง่าย เมื่อเป็นโรคจะเกิดอาการตุ่มแดง ตุ่มหนอง ขนร่วง ผิวแดง มีรังแค คัน ส่วนเชื้อยีสต์ เชื้อราและไรในหูจะส่งผลให้เกิดการอักเสบของหลืบผิวหนัง และช่องหูอักเสบ เนื่องจากซอกหลืบผิวหนังนี้เป็นบริเวณที่อาหารถ่ายเทไม่สะดวกและอับชื้นง่าย สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วง ผิวแดง วิธีการดูแลต้องเช็ดทำความสะอาดทำให้ซอกหลืบแห้งอยู่เสมอและการคุมน้ำหนักจะลดการเกิดโรคนี้ได้
        สุดท้ายโรคขี้เรื้อนแห้งที่จะทำให้สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วงและสะเก็ดแห้งๆ มักเกาะอยู่บริเวณใบหูก่อน แล้วลามไปบริเวณอื่น หากตรวจพบเร็วการรักษาจะไม่ยุ่งยาก การใช้ยาฆ่าตัวไรเพียง 2 ครั้ง โดยมีระยะเวลาห่างกัน 2 สัปดาห์ก็สามารถตัดวงจรได้ ส่วนโรคขี้เรื้อนเปียกพบเชื้อได้ในผิวหนังปกติ แต่หากร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีปัญหาโน้มนำจากโรคอื่น เช่น ภูมิแพ้ โรคฮอร์โมนต่างๆ ก็จะทำให้ขี้เรื้อนมีจำนวนมากขึ้นและก่อโรคได้ ทั้งนี้ การรักษาขี้เรื้อนเปียกนั้นค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลาในการรักษานาน ต้องใช้การรักษาหลายอย่างร่วมกันทั้งยาทานและยาภายนอก รวมถึงแชมพูยาด้วยและสุนัขอาจกลับมาเป็นใหม่ได้ จำเป็นต้องหมั่นตรวจดูแลปั๊กสม่ำเสมอ และการจัดสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีควบคู่ไปด้วยจะลดโอกาสการเกิดโรคของน้องหมา หรือหากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดเพราะหากมีอาการมากแล้วการรักษาจะยุ่งยาก ซับซ้อน ใช้เวลาในการรักษานาน

8424

          โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันจัดงานรวมพลคนรักปั๊ก เพื่อให้ความรู้แก่เจ้าของหมาปั๊ก  ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สรีระของร่างกายเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย ในหัวข้อ   “เลี้ยงปั๊กอย่างไรให้ห่างไกลโรคผิวหนังขี้เรื้อน โรคเชื้อรา เชื้อยีสต์ในหูและโรคฮีทสโตก” ให้สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการเลี้ยงหมาพันธุ์ปั๊กให้ห่างไกลโรค
     โดยโรคฮีทสโตก (Heatstroke) หรือภาวะช็อคจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของสุนัขมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 41-44 องศาเซลเซียส จึงทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการระบายความร้อน ทำให้น้องหมามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 36-50%   วิธีการป้องกัน คือ คอยสังเกตอาการของสุนัขบ่อยๆ หากเมื่อใดก็ตามที่สุนัขดูหอบมากกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณเริ่มแรกของโรคฮีทสโตก เจ้าของต้องรีบให้สุนัขอยู่ในที่เย็น หลบแดด หาน้ำให้ทาน และรีบเช็ดตัวด้วยน้ำเย็นเมื่อมีไข้ ตรวจสอบสถานที่ๆสุนัขอยู่ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก
      โรคติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา แบคทีเรียจะมีอยู่ที่ตัวสุนัขเอง เนื่องจากปั๊กมีชั้นผิวหนังหนา มีการผลิตไขมันที่ผิวเยอะ โดยไขมันก็เป็นอาหารของเชื้อโรค จึงทำให้มีปัญหาโรคติดเชื้อได้ง่าย เมื่อเป็นโรคจะเกิดอาการตุ่มแดง ตุ่มหนอง ขนร่วง ผิวแดง มีรังแค คัน ส่วนเชื้อยีสต์ เชื้อราและไรในหูจะส่งผลให้เกิดการอักเสบของหลืบผิวหนัง และช่องหูอักเสบ เนื่องจากซอกหลืบผิวหนังนี้เป็นบริเวณที่อาหารถ่ายเทไม่สะดวกและอับชื้นง่าย สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วง ผิวแดง วิธีการดูแลต้องเช็ดทำความสะอาดทำให้ซอกหลืบแห้งอยู่เสมอและการคุมน้ำหนักจะลดการเกิดโรคนี้ได้
        สุดท้ายโรคขี้เรื้อนแห้งที่จะทำให้สุนัขจะมีอาการคันมาก ขนร่วงและสะเก็ดแห้งๆ มักเกาะอยู่บริเวณใบหูก่อน แล้วลามไปบริเวณอื่น หากตรวจพบเร็วการรักษาจะไม่ยุ่งยาก การใช้ยาฆ่าตัวไรเพียง 2 ครั้ง โดยมีระยะเวลาห่างกัน 2 สัปดาห์ก็สามารถตัดวงจรได้ ส่วนโรคขี้เรื้อนเปียกพบเชื้อได้ในผิวหนังปกติ แต่หากร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีปัญหาโน้มนำจากโรคอื่น เช่น ภูมิแพ้ โรคฮอร์โมนต่างๆ ก็จะทำให้ขี้เรื้อนมีจำนวนมากขึ้นและก่อโรคได้ ทั้งนี้ การรักษาขี้เรื้อนเปียกนั้นค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลาในการรักษานาน ต้องใช้การรักษาหลายอย่างร่วมกันทั้งยาทานและยาภายนอก รวมถึงแชมพูยาด้วยและสุนัขอาจกลับมาเป็นใหม่ได้ จำเป็นต้องหมั่นตรวจดูแลปั๊กสม่ำเสมอ และการจัดสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีควบคู่ไปด้วยจะลดโอกาสการเกิดโรคของน้องหมา หรือหากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดเพราะหากมีอาการมากแล้วการรักษาจะยุ่งยาก ซับซ้อน ใช้เวลาในการรักษานาน

8425


อาการปวดท้องของน้องหมาเกิดได้หลายสาเหตุ เรามาลองดูกันว่าส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

เริ่มด้วยการปวดท้องที่พบบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนก็คือ การติดเชื้อในทางเดินอาหาร เป็นต้นว่า ลำไส้อักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัสที่พบบ่อยอย่าง พาร์โวไวรัส หรือ โคโรน่าไวรัส เชื้อเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เกิดการถ่ายอุจจาระ ร่วมกับมีการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้น้องหมามีอาการอาเจียนด้วย โดยจะเริ่มด้วยอาการปวดท้อง และต่อมาอาจทำให้เกิดการกลืนกันของลำไส้ หมายถึงการที่ลำไส้เคลื่อนตัวไปซ้อนทับกันจนเกิดการกีดขวางและอุดตันในทางเดินอาหารตามมา ซึ่งภาวะนี้ต้องรีบทำการผ่าตัดโดยด่วน ไม่เช่นนั้นน้องหมาอาจเสียชีวิตได้จากภาวะที่ลำไส้ขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นเนื้อตายและมีการติดเชื้อ ในบางรายที่เจ้าของไม่รู้แล้วปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้เกิดภาวะของการติดเชื้อในช่องท้องตามมา


สาเหตุต่อมาที่ทำให้น้องหมาปวดท้องและพบได้บ่อยอีกเช่นกัน คือ การอักเสบของตับอ่อน ซึ่งมักจะเกิดในกรณีของน้องหมาที่มีการใช้ยาบางชนิด เช่น เสตียรอยด์ และพฤติกรรมการกินอาหารของน้องหมาที่ชอบกินอาหารที่ย่อยยาก มีไขมันสูง รวมถึงน้องหมาที่กินเก่งมากๆ ทำให้เกิดการกะตุ้นให้ตับอ่อนทำงานหนักตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดการอักเสบของตับอ่อนขึ้น ซึ่งถ้าเจ้าของน้องหมาสงสัยว่าน้องหมาจะป่วยด้วยภาวะตับอ่อนอักเสบ ให้สังเกตอาการปวดท้อง อาเจียน บางตัวมีถ่ายเหลวร่วมด้วย ให้รีบพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์ อาจต้องมีการให้น้ำเกลือ สารอาหาร ให้ยาปฏิชีวนะ และยา  ตามอาการ และงดอาหารน้องหมาจนกว่าจะหยุดอาเจียน และปรับเปลี่ยนอาหารใหม่

อาการปวดท้องต่อมาที่พบได้บ่อยในน้องหมาสูงอายุ หรือแก่มากแล้ว คือการพบน้องหมามีเนื้องอกหรือมะเร็งต่างๆ ในช่องท้อง ไม่ว่าจะเป็นที่ตับ ม้าม หรือบริเวณอื่นๆ ในช่องท้อง เมื่อมีเนื้องอกเกิดขึ้นไม่ว่าจะที่ส่วนใดของอวัยวะในช่องท้อง มักจะส่งผลให้อวัยวะนั้นสูญเสียการทำงานตามปกติ ในขณะเดียวกันเนื้องอกนั้นๆ ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการกดเบียดอวัยวะอื่นๆ โดยสุนัขจะมีอาการปวดเกร็งช่องท้องอย่างมาก สุดท้ายอาจตามมาด้วยการแตก หรือฉีกขาดของอวัยวะ ซึ่งจะทำให้มีเลือดออกในช่องท้องและตายในที่สุด ขณะเดียวกันการฉีกขาดของอวัยวะในช่องท้องก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการประสบอุบัติเหตุ ถูกรถชน และการกัดกันกับสุนัขตัวอื่นเช่นกัน ซึ่งจะแสดงอาการในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน


ต่อมา การมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ จากภาวะของการตกตะกอนของสารและแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำปัสสาวะ หรือจากการที่มีตะกอนโปรตีนในน้ำปัสสาวะเป็นจำนวนมากเข้ามาร่วมด้วย เหล่านี้เป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้เกิดการฟอร์มตัวของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อจำนวนก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการอุดตันที่ท่อทางเดินปัสสาวะ ทำให้น้องหมาไม่สามารถฉี่ได้ ซึ่งอาจแสดงอาการฉี่กระปริกระปรอย หรือในรายที่มีการอุดตันโดยสมบูรณ์ จะแสดงอาการเบ่งฉี่และปวดท้อง ซึ่งต้องรีบพาหาหมอ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะไตวายแบบเฉียบพลัน และตายได้


โรคสุดท้ายที่มักพบในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ที่มีช่องอกลึก คือโรคกระเพาะบิด มักเกิดขึ้นในช่วงหลังการกินอาหารอิ่ม หรือกินอาหารในปริมาณที่มาก แล้วปล่อยให้น้องหมาไปวิ่ง ทำให้เกิดการบิดตัวของกระเพาะอาหารในช่องท้อง ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงที่กระเพาะอาหาร ซึ่งน้องหมาจะแสดงอาการปวดช่องท้องอย่างมาก กรณีนี้ต้องรีบพาน้องหมาไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน ไม่เช่นนั้นน้องหมาจะตายได้เช่นกันค่ะ


8426


อาการปวดท้องของน้องหมาเกิดได้หลายสาเหตุ เรามาลองดูกันว่าส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

เริ่มด้วยการปวดท้องที่พบบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนก็คือ การติดเชื้อในทางเดินอาหาร เป็นต้นว่า ลำไส้อักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัสที่พบบ่อยอย่าง พาร์โวไวรัส หรือ โคโรน่าไวรัส เชื้อเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เกิดการถ่ายอุจจาระ ร่วมกับมีการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้น้องหมามีอาการอาเจียนด้วย โดยจะเริ่มด้วยอาการปวดท้อง และต่อมาอาจทำให้เกิดการกลืนกันของลำไส้ หมายถึงการที่ลำไส้เคลื่อนตัวไปซ้อนทับกันจนเกิดการกีดขวางและอุดตันในทางเดินอาหารตามมา ซึ่งภาวะนี้ต้องรีบทำการผ่าตัดโดยด่วน ไม่เช่นนั้นน้องหมาอาจเสียชีวิตได้จากภาวะที่ลำไส้ขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นเนื้อตายและมีการติดเชื้อ ในบางรายที่เจ้าของไม่รู้แล้วปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้เกิดภาวะของการติดเชื้อในช่องท้องตามมา


สาเหตุต่อมาที่ทำให้น้องหมาปวดท้องและพบได้บ่อยอีกเช่นกัน คือ การอักเสบของตับอ่อน ซึ่งมักจะเกิดในกรณีของน้องหมาที่มีการใช้ยาบางชนิด เช่น เสตียรอยด์ และพฤติกรรมการกินอาหารของน้องหมาที่ชอบกินอาหารที่ย่อยยาก มีไขมันสูง รวมถึงน้องหมาที่กินเก่งมากๆ ทำให้เกิดการกะตุ้นให้ตับอ่อนทำงานหนักตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดการอักเสบของตับอ่อนขึ้น ซึ่งถ้าเจ้าของน้องหมาสงสัยว่าน้องหมาจะป่วยด้วยภาวะตับอ่อนอักเสบ ให้สังเกตอาการปวดท้อง อาเจียน บางตัวมีถ่ายเหลวร่วมด้วย ให้รีบพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์ อาจต้องมีการให้น้ำเกลือ สารอาหาร ให้ยาปฏิชีวนะ และยา  ตามอาการ และงดอาหารน้องหมาจนกว่าจะหยุดอาเจียน และปรับเปลี่ยนอาหารใหม่

อาการปวดท้องต่อมาที่พบได้บ่อยในน้องหมาสูงอายุ หรือแก่มากแล้ว คือการพบน้องหมามีเนื้องอกหรือมะเร็งต่างๆ ในช่องท้อง ไม่ว่าจะเป็นที่ตับ ม้าม หรือบริเวณอื่นๆ ในช่องท้อง เมื่อมีเนื้องอกเกิดขึ้นไม่ว่าจะที่ส่วนใดของอวัยวะในช่องท้อง มักจะส่งผลให้อวัยวะนั้นสูญเสียการทำงานตามปกติ ในขณะเดียวกันเนื้องอกนั้นๆ ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการกดเบียดอวัยวะอื่นๆ โดยสุนัขจะมีอาการปวดเกร็งช่องท้องอย่างมาก สุดท้ายอาจตามมาด้วยการแตก หรือฉีกขาดของอวัยวะ ซึ่งจะทำให้มีเลือดออกในช่องท้องและตายในที่สุด ขณะเดียวกันการฉีกขาดของอวัยวะในช่องท้องก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการประสบอุบัติเหตุ ถูกรถชน และการกัดกันกับสุนัขตัวอื่นเช่นกัน ซึ่งจะแสดงอาการในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน


ต่อมา การมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ จากภาวะของการตกตะกอนของสารและแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำปัสสาวะ หรือจากการที่มีตะกอนโปรตีนในน้ำปัสสาวะเป็นจำนวนมากเข้ามาร่วมด้วย เหล่านี้เป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้เกิดการฟอร์มตัวของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อจำนวนก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการอุดตันที่ท่อทางเดินปัสสาวะ ทำให้น้องหมาไม่สามารถฉี่ได้ ซึ่งอาจแสดงอาการฉี่กระปริกระปรอย หรือในรายที่มีการอุดตันโดยสมบูรณ์ จะแสดงอาการเบ่งฉี่และปวดท้อง ซึ่งต้องรีบพาหาหมอ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะไตวายแบบเฉียบพลัน และตายได้


โรคสุดท้ายที่มักพบในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ที่มีช่องอกลึก คือโรคกระเพาะบิด มักเกิดขึ้นในช่วงหลังการกินอาหารอิ่ม หรือกินอาหารในปริมาณที่มาก แล้วปล่อยให้น้องหมาไปวิ่ง ทำให้เกิดการบิดตัวของกระเพาะอาหารในช่องท้อง ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงที่กระเพาะอาหาร ซึ่งน้องหมาจะแสดงอาการปวดช่องท้องอย่างมาก กรณีนี้ต้องรีบพาน้องหมาไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน ไม่เช่นนั้นน้องหมาจะตายได้เช่นกันค่ะ


8427


อาการปวดท้องของน้องหมาเกิดได้หลายสาเหตุ เรามาลองดูกันว่าส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

เริ่มด้วยการปวดท้องที่พบบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนก็คือ การติดเชื้อในทางเดินอาหาร เป็นต้นว่า ลำไส้อักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัสที่พบบ่อยอย่าง พาร์โวไวรัส หรือ โคโรน่าไวรัส เชื้อเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เกิดการถ่ายอุจจาระ ร่วมกับมีการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้น้องหมามีอาการอาเจียนด้วย โดยจะเริ่มด้วยอาการปวดท้อง และต่อมาอาจทำให้เกิดการกลืนกันของลำไส้ หมายถึงการที่ลำไส้เคลื่อนตัวไปซ้อนทับกันจนเกิดการกีดขวางและอุดตันในทางเดินอาหารตามมา ซึ่งภาวะนี้ต้องรีบทำการผ่าตัดโดยด่วน ไม่เช่นนั้นน้องหมาอาจเสียชีวิตได้จากภาวะที่ลำไส้ขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นเนื้อตายและมีการติดเชื้อ ในบางรายที่เจ้าของไม่รู้แล้วปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้เกิดภาวะของการติดเชื้อในช่องท้องตามมา


สาเหตุต่อมาที่ทำให้น้องหมาปวดท้องและพบได้บ่อยอีกเช่นกัน คือ การอักเสบของตับอ่อน ซึ่งมักจะเกิดในกรณีของน้องหมาที่มีการใช้ยาบางชนิด เช่น เสตียรอยด์ และพฤติกรรมการกินอาหารของน้องหมาที่ชอบกินอาหารที่ย่อยยาก มีไขมันสูง รวมถึงน้องหมาที่กินเก่งมากๆ ทำให้เกิดการกะตุ้นให้ตับอ่อนทำงานหนักตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดการอักเสบของตับอ่อนขึ้น ซึ่งถ้าเจ้าของน้องหมาสงสัยว่าน้องหมาจะป่วยด้วยภาวะตับอ่อนอักเสบ ให้สังเกตอาการปวดท้อง อาเจียน บางตัวมีถ่ายเหลวร่วมด้วย ให้รีบพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์ อาจต้องมีการให้น้ำเกลือ สารอาหาร ให้ยาปฏิชีวนะ และยา  ตามอาการ และงดอาหารน้องหมาจนกว่าจะหยุดอาเจียน และปรับเปลี่ยนอาหารใหม่

อาการปวดท้องต่อมาที่พบได้บ่อยในน้องหมาสูงอายุ หรือแก่มากแล้ว คือการพบน้องหมามีเนื้องอกหรือมะเร็งต่างๆ ในช่องท้อง ไม่ว่าจะเป็นที่ตับ ม้าม หรือบริเวณอื่นๆ ในช่องท้อง เมื่อมีเนื้องอกเกิดขึ้นไม่ว่าจะที่ส่วนใดของอวัยวะในช่องท้อง มักจะส่งผลให้อวัยวะนั้นสูญเสียการทำงานตามปกติ ในขณะเดียวกันเนื้องอกนั้นๆ ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการกดเบียดอวัยวะอื่นๆ โดยสุนัขจะมีอาการปวดเกร็งช่องท้องอย่างมาก สุดท้ายอาจตามมาด้วยการแตก หรือฉีกขาดของอวัยวะ ซึ่งจะทำให้มีเลือดออกในช่องท้องและตายในที่สุด ขณะเดียวกันการฉีกขาดของอวัยวะในช่องท้องก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการประสบอุบัติเหตุ ถูกรถชน และการกัดกันกับสุนัขตัวอื่นเช่นกัน ซึ่งจะแสดงอาการในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน


ต่อมา การมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ จากภาวะของการตกตะกอนของสารและแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำปัสสาวะ หรือจากการที่มีตะกอนโปรตีนในน้ำปัสสาวะเป็นจำนวนมากเข้ามาร่วมด้วย เหล่านี้เป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้เกิดการฟอร์มตัวของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อจำนวนก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการอุดตันที่ท่อทางเดินปัสสาวะ ทำให้น้องหมาไม่สามารถฉี่ได้ ซึ่งอาจแสดงอาการฉี่กระปริกระปรอย หรือในรายที่มีการอุดตันโดยสมบูรณ์ จะแสดงอาการเบ่งฉี่และปวดท้อง ซึ่งต้องรีบพาหาหมอ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะไตวายแบบเฉียบพลัน และตายได้


โรคสุดท้ายที่มักพบในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ที่มีช่องอกลึก คือโรคกระเพาะบิด มักเกิดขึ้นในช่วงหลังการกินอาหารอิ่ม หรือกินอาหารในปริมาณที่มาก แล้วปล่อยให้น้องหมาไปวิ่ง ทำให้เกิดการบิดตัวของกระเพาะอาหารในช่องท้อง ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงที่กระเพาะอาหาร ซึ่งน้องหมาจะแสดงอาการปวดช่องท้องอย่างมาก กรณีนี้ต้องรีบพาน้องหมาไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน ไม่เช่นนั้นน้องหมาจะตายได้เช่นกันค่ะ


8428


อาการปวดท้องของน้องหมาเกิดได้หลายสาเหตุ เรามาลองดูกันว่าส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

เริ่มด้วยการปวดท้องที่พบบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนก็คือ การติดเชื้อในทางเดินอาหาร เป็นต้นว่า ลำไส้อักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัสที่พบบ่อยอย่าง พาร์โวไวรัส หรือ โคโรน่าไวรัส เชื้อเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เกิดการถ่ายอุจจาระ ร่วมกับมีการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้น้องหมามีอาการอาเจียนด้วย โดยจะเริ่มด้วยอาการปวดท้อง และต่อมาอาจทำให้เกิดการกลืนกันของลำไส้ หมายถึงการที่ลำไส้เคลื่อนตัวไปซ้อนทับกันจนเกิดการกีดขวางและอุดตันในทางเดินอาหารตามมา ซึ่งภาวะนี้ต้องรีบทำการผ่าตัดโดยด่วน ไม่เช่นนั้นน้องหมาอาจเสียชีวิตได้จากภาวะที่ลำไส้ขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นเนื้อตายและมีการติดเชื้อ ในบางรายที่เจ้าของไม่รู้แล้วปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้เกิดภาวะของการติดเชื้อในช่องท้องตามมา


สาเหตุต่อมาที่ทำให้น้องหมาปวดท้องและพบได้บ่อยอีกเช่นกัน คือ การอักเสบของตับอ่อน ซึ่งมักจะเกิดในกรณีของน้องหมาที่มีการใช้ยาบางชนิด เช่น เสตียรอยด์ และพฤติกรรมการกินอาหารของน้องหมาที่ชอบกินอาหารที่ย่อยยาก มีไขมันสูง รวมถึงน้องหมาที่กินเก่งมากๆ ทำให้เกิดการกะตุ้นให้ตับอ่อนทำงานหนักตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดการอักเสบของตับอ่อนขึ้น ซึ่งถ้าเจ้าของน้องหมาสงสัยว่าน้องหมาจะป่วยด้วยภาวะตับอ่อนอักเสบ ให้สังเกตอาการปวดท้อง อาเจียน บางตัวมีถ่ายเหลวร่วมด้วย ให้รีบพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์ อาจต้องมีการให้น้ำเกลือ สารอาหาร ให้ยาปฏิชีวนะ และยา  ตามอาการ และงดอาหารน้องหมาจนกว่าจะหยุดอาเจียน และปรับเปลี่ยนอาหารใหม่

อาการปวดท้องต่อมาที่พบได้บ่อยในน้องหมาสูงอายุ หรือแก่มากแล้ว คือการพบน้องหมามีเนื้องอกหรือมะเร็งต่างๆ ในช่องท้อง ไม่ว่าจะเป็นที่ตับ ม้าม หรือบริเวณอื่นๆ ในช่องท้อง เมื่อมีเนื้องอกเกิดขึ้นไม่ว่าจะที่ส่วนใดของอวัยวะในช่องท้อง มักจะส่งผลให้อวัยวะนั้นสูญเสียการทำงานตามปกติ ในขณะเดียวกันเนื้องอกนั้นๆ ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการกดเบียดอวัยวะอื่นๆ โดยสุนัขจะมีอาการปวดเกร็งช่องท้องอย่างมาก สุดท้ายอาจตามมาด้วยการแตก หรือฉีกขาดของอวัยวะ ซึ่งจะทำให้มีเลือดออกในช่องท้องและตายในที่สุด ขณะเดียวกันการฉีกขาดของอวัยวะในช่องท้องก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการประสบอุบัติเหตุ ถูกรถชน และการกัดกันกับสุนัขตัวอื่นเช่นกัน ซึ่งจะแสดงอาการในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน


ต่อมา การมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ จากภาวะของการตกตะกอนของสารและแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำปัสสาวะ หรือจากการที่มีตะกอนโปรตีนในน้ำปัสสาวะเป็นจำนวนมากเข้ามาร่วมด้วย เหล่านี้เป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้เกิดการฟอร์มตัวของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อจำนวนก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการอุดตันที่ท่อทางเดินปัสสาวะ ทำให้น้องหมาไม่สามารถฉี่ได้ ซึ่งอาจแสดงอาการฉี่กระปริกระปรอย หรือในรายที่มีการอุดตันโดยสมบูรณ์ จะแสดงอาการเบ่งฉี่และปวดท้อง ซึ่งต้องรีบพาหาหมอ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะไตวายแบบเฉียบพลัน และตายได้


โรคสุดท้ายที่มักพบในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ที่มีช่องอกลึก คือโรคกระเพาะบิด มักเกิดขึ้นในช่วงหลังการกินอาหารอิ่ม หรือกินอาหารในปริมาณที่มาก แล้วปล่อยให้น้องหมาไปวิ่ง ทำให้เกิดการบิดตัวของกระเพาะอาหารในช่องท้อง ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงที่กระเพาะอาหาร ซึ่งน้องหมาจะแสดงอาการปวดช่องท้องอย่างมาก กรณีนี้ต้องรีบพาน้องหมาไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน ไม่เช่นนั้นน้องหมาจะตายได้เช่นกันค่ะ


8429


หมาพันธุ์ปักกิ่งราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 6,000 - 7,500
ส้วนราคาเกรดสวยๆจะเริ่มที่ราคา 10,000 - 15,000 ครับผม


8430


หมาพันธุ์ปักกิ่งราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 6,000 - 7,500
ส้วนราคาเกรดสวยๆจะเริ่มที่ราคา 10,000 - 15,000 ครับผม