แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

8296
เคยสงสัยมั้ยคะ ทำไมเด็กๆมันจะชอบถูกสุนัขกัดบ่อยๆ ลองมาดูสาเหตุเหล่านี้กันนะคะ
1.ลักษณะของเด็กเปรียบเสมือนเหยื่อที่อ่อนแอ  หากเด็กที่ตัวเล็กๆอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาของสุนัข ตามสัญชาตญาณของสุนัขจะมองว่านั่นคือเหยื่อ จะเข้าไปจู่โจมใส่เหยื่อทันที
2.เด็กชอบวิ่ง ทำให้กระตุกต่อมนักล่า  ปกติของความซุกซนของเด็กๆ ที่ชอบวิ่งไปวิ่งมา  นั่นแหละคือจุดไปกระตุกต่อมสัญชาติญาณลักล่าของสุนัข ทำให้สุนัขทั้งเห่าและเข้าไปกัดได้
3.เด็กๆชอบไปจับหรือลูบหัวสุนัข  การเอามือไปจับหรือลูบหัวสุนัข หมายถึงการแสดงตัวว่าอยู่เหนือเค้า หรือแสดงการขมขู่ ในสุนัขบางตัวที่ไม่ดุก็จะรู้สึกดีกับพฤติกรรมนี้ แต่บางตัวอาจจะไม่ได้ยินดีเลยขู่กลับ หรืออาจจะงับมือของเด็กๆได้
4.เสียงแหลมๆ เสียงดังๆของเด็ก   ด้วยเสียงของเด็กๆที่ทั้งแหลม และชอบตะโกนเสียงดัง เมื่อสุนัขได้ยินจึงเกิดความตื่นตัวกับเสียงที่ได้ยืน ส่งผลให้เค้าแสดงอาการตอบโต้ไม่ว่าจะเห่าใส่กลับ หรืออาจจะกระโดดกระโจนเข้าหาที่มาของเสียงก็เป็นได้
5.เด็กๆชอบแกล้งสุนัข  ด้วยเหตุที่เด็กๆเห็นสุนัขแล้วอยากจจะไปเล่นด้วย ทั้งดึงหาง ดึงหู แย่งชามข้าว พฤติกรรมเหล่านี้ที่เด็กไปแหย่สุนัขล้วนกระตุ้นให้เค้าแสดงอาการก้าวร้าวได้
6.เด็กไม่เข้าใจพฤติกรรม และอารมณ์ของสุนัข  อาการที่สุนัขแสดงออกมา บางครั้งเด็กไม่เข้าใจว่านั้นคือ อารมณ์ดีหรือไม่ดี เด็กก็ยังคงเล่นกับสุนัขต่อไป เช่น สุนัขแยกเขี้ยว ร้องขู่ แต่เด็กๆก็ยังแหย่สุนัขอีก อาจทำให้โดนสุนัขกัดได้

จากเหตุผลข้างต้น หากที่บ้านเลี้ยงสุนัขและมีเด็กๆด้วยละก็ ควรดูแลใส่จนิดนะคะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นกับทั้งคู่ทั้งสุนัขที่รักและเด็กๆทั้งหลาย

8297
รวมฮิตปั๊กคอเลคชั่นล่าสุดค่ะ ^^









8298
รวมฮิตปั๊กคอเลคชั่นล่าสุดค่ะ ^^









8299
รวมฮิตปั๊กคอเลคชั่นล่าสุดค่ะ ^^









8300
รวมฮิตปั๊กคอเลคชั่นล่าสุดค่ะ ^^









8301

        เจ้าของน้องหมาทั้งมือใหม่และก็มือเก่า ต่างต้องควรตรวจดูและใส่ใจน้องหมาว่าท้องหรือไม่ หลังจากที่เห็นว่าตัวผู้ผสมพันธุ์ เรามีคำแนะนำสำหรับเจ้าของนะคะ เชิญทางนี้คะ

ระยะตั้งท้อง
เราจะนับไป 63 + / - 1 วันจากวันที่ไข่ตก หรืออีกแบบถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ผสมพันธุ์ก็คือ 57-62 วัน ซึ่งฮอร์โมนหลักที่มีหน้าที่ช่วยควบคุมการท้อง คือ progesterone (ปริมาณอย่างน้อยที่สุด 2 ng/ml) ที่ผลิตออกมาจากรังไข่ได้ corpus luteum  ในการตั้งท้องของน้องหมาอาจะเกิดอาการที่สร้างความสับสนให้เจ้าของเรื่องการตั้งท้องได้เช่นกัน นั่นคือ การเกิดท้องเทียม อาการเต้านมอักเสบ เนื้องอกที่บริเวณเต้านม ช่องท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นจากของเหลวที่สะสม อวัยวะภายในที่ขยายใหญ่ขึ้น และอาการมดลูกอักเสบเป็นหนอง
การสังเกตการตั้งครรภ์ เจ้าของน้องหมาสามารถสังเกตเองได้ง่ายๆดังข้อต่อไปนี้
-   พฤติกรรมของน้องหมาในการทำรังไว้คลอดลูก ตามสัญชาตญาณความเป็นแม่ ด้วยการฉีกหรือตะกุยกระดาษหรือสิ่งรองนอนมาไว้ใกล้ๆตัว
-   หลังจากน้องหมาตั้งครรภ์ได้ 4 อาทิตย์ น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น ช่องท้องบวมหรือขยายใหญ่ขึ้น ส่วนเต้านมจะใหญ่ขึ้นและมีน้ำนมม แต่หากสังเกตเห็นอาการเซื่องซึม หรือน้ำไหลออกมาจากมดลูกหรือช่องคลอด ต้องรีบพบสัตวแพทยื เนื่องจากคือ เป็นอาการมดลูกอักเสบไม่ใช่การตั้งท้อง
การดูแลขณะน้องหมาตั้งท้อง
-   ในขณะที่น้องหมาตั้งท้องห้ามฉีดวัคซีนหรือได้รับยาใดๆโดยไม่จำเป็น ก่อนช่วงที่น้องหมาจะเป็นสัดให้พาน้องหมาไปฉัดวัคโซนหรือกินยาถ่ายพยาธิให้เรียบร้อยก่อน
-   ควรให้อาหารในปริมาณพอเหมาะ และให้ออกกำลังกายเบา เพื่อช่วยในเรื่องการคลอดได้คลอดง่ายๆ
-   จำนวนลูกๆจะเพิ่มจำนวนเร็วมากในช่วง 4-5 สัปดาห์ก่อนคลอด ทำให้น้ำหนักคุณแม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเจ้าของต้องค่อยๆเพิ่มปริมาณและคุณค่าทางอาหารเรื่อยๆ หรืออาจจะเพิ่มมื้ออาหาร เพื่อลูกๆที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์
-   ข้อสำคัญ ช่วงใกล้คลอดคุณแม่จะออกอาการเบื่ออาหาร หากเราให้อาหารที่มีอาหารครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเน้นเพิ่มแคลเซียมให้เค้าอีก เพราะอาจส่งผลให้เกิดไขน้ำนมและการคลอดยากได้
การคาดคะเนวันคลอดของลูกแสนน่ารัก
ด้วยการวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก โดยอุณหภูมิที่ลดลงสัมพันธ์กับโดยตรงกับปริมาณของฮอร์โมน progesterone ซึ่ง 12-24 ชั่วโมงก่อนการคลอด อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 98-100 องศาเซลเซียส ให้เริ่มทำและจดบันทึกในช่องก่อนคลอดประมาณ 3 วัน โดยทำทุกๆ 3 ชั่วโมง

การคลอดลูกของน้องหมา มีให้สังเกตกัน 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1
ก่อนวันคลอด 2-3 วัน คุณแม่จะมีอาการเบื่ออาหาร กระวนกระวาย หรือหอบ บวกกับเต้านมจะขยายใหญ่ขึ้นแล้วมีน้ำนมไหลออกมา แต่อาการเหล่านี้อาจเกิดได้ตั้งแต่ 1-2 อาทิตย์หรือไม่กี่ชั่วโมงก่อนการคลอด ในระยะนี้จะเป้นการคลายตัวของช่องเชิงกราน การบีบตัวของมดลูกและการเปิดของปากมดลูก
ระยะที่2
ในระยะนี้ปากมดลูกจะขยายเต็มที่ โดยลูกๆจะขยับตัวมาตามปากมดลูกและของคลอดของแม่ มดลูกจะบีบตัวเฉพาะลูกที่อยู่ใกล้ปากมดลูกมากที่สุด เมื่อลูกคลอดออกมาจากท้องจะมีรกชั้นในหุ้มตัว รกชั้นนอกอาจจะขาดตอนที่ออกมาจากปากมดลูก คถณแม่หรือเจ้าของอาจต้องช่วยฉีกรกชั้นในออกให้ แต่อาจจะมีลูกบางตัวที่ออกมามีรกทั้งสองชั้นใน-นอก หรือไม่มีเลยสักชั้น คุณแม่จะเลียลูกเพื่อกระตุ้นให้หายใจ กัดและทำความสะอาดสายสะดือให้ลูก แต่หากเป็นน้องหมาบางสายพันธุ์ที่คลอดลูกไม่เป็น เจ้าของต้องช่วยตัดสายสะดือ
ระยะที่3
ระยะนี้เป็นช่วงขับรก ปกติรกจะออกมากับการคลอดลูกๆในระยะที่2 อยู่แล้ว หรืออาจจะออกตามหลังจากที่คลอดลูกแต่ละตัวประมาณ 5-15 นาที ซึ่งภาวะรกที่ค้างในท้องนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก
   วิธีการดูแลลูกๆน้องหมาแรกเกิด
   ลูกๆที่แรกเกิดจะนอนสุมกัน จะกินนมทุกๆ2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าเค้าหิวนมจะร้องแล้วไม่ยอมนอน หากคุณแม่มีนมไม่เพียงพอต่อลูกๆ เจ้าของต้องให้นมผงสำหรับลูกๆ โดยใช้ขวดนมหรือ  syringe ให้นมลูกๆ และพยายามอย่าให้เด็กๆสำลักนม ในเด็กๆแต่ละตัวเนี่ยใน 100 กรัม ต้องการพลังงานประมาณ 22-26 กิโลแคลลอรี่ และเมื่ออายุได้ 2-3 อาทิตย์ น้ำหนักที่ควรจะเป็นควรจะต้องเพิ่ม 10-15 % ต่อวัน
   เด็กๆแรกเกิดอุณหภูมิร่างกายจะค่อนข้างต่ำมาก วิธีแก้คือต้อง ให้เด็กๆกกไฟขนาด 60 วัตต์ โดยระยะห่างจากไฟ 1ฟุต ซึ่งหากใกล้เกินไปเด็กๆอาจะเกิดภาวะแห้งน้ำ อีกอย่างคือเด็กๆเนี่ยมักจะเกิดภาวะน้ำตาลน้อยได้ง่าย ต้องระวังให้ว่าจะได้รับนมในปริมาณที่พอเพียง

8302

        เจ้าของน้องหมาทั้งมือใหม่และก็มือเก่า ต่างต้องควรตรวจดูและใส่ใจน้องหมาว่าท้องหรือไม่ หลังจากที่เห็นว่าตัวผู้ผสมพันธุ์ เรามีคำแนะนำสำหรับเจ้าของนะคะ เชิญทางนี้คะ

ระยะตั้งท้อง
เราจะนับไป 63 + / - 1 วันจากวันที่ไข่ตก หรืออีกแบบถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ผสมพันธุ์ก็คือ 57-62 วัน ซึ่งฮอร์โมนหลักที่มีหน้าที่ช่วยควบคุมการท้อง คือ progesterone (ปริมาณอย่างน้อยที่สุด 2 ng/ml) ที่ผลิตออกมาจากรังไข่ได้ corpus luteum  ในการตั้งท้องของน้องหมาอาจะเกิดอาการที่สร้างความสับสนให้เจ้าของเรื่องการตั้งท้องได้เช่นกัน นั่นคือ การเกิดท้องเทียม อาการเต้านมอักเสบ เนื้องอกที่บริเวณเต้านม ช่องท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นจากของเหลวที่สะสม อวัยวะภายในที่ขยายใหญ่ขึ้น และอาการมดลูกอักเสบเป็นหนอง
การสังเกตการตั้งครรภ์ เจ้าของน้องหมาสามารถสังเกตเองได้ง่ายๆดังข้อต่อไปนี้
-   พฤติกรรมของน้องหมาในการทำรังไว้คลอดลูก ตามสัญชาตญาณความเป็นแม่ ด้วยการฉีกหรือตะกุยกระดาษหรือสิ่งรองนอนมาไว้ใกล้ๆตัว
-   หลังจากน้องหมาตั้งครรภ์ได้ 4 อาทิตย์ น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น ช่องท้องบวมหรือขยายใหญ่ขึ้น ส่วนเต้านมจะใหญ่ขึ้นและมีน้ำนมม แต่หากสังเกตเห็นอาการเซื่องซึม หรือน้ำไหลออกมาจากมดลูกหรือช่องคลอด ต้องรีบพบสัตวแพทยื เนื่องจากคือ เป็นอาการมดลูกอักเสบไม่ใช่การตั้งท้อง
การดูแลขณะน้องหมาตั้งท้อง
-   ในขณะที่น้องหมาตั้งท้องห้ามฉีดวัคซีนหรือได้รับยาใดๆโดยไม่จำเป็น ก่อนช่วงที่น้องหมาจะเป็นสัดให้พาน้องหมาไปฉัดวัคโซนหรือกินยาถ่ายพยาธิให้เรียบร้อยก่อน
-   ควรให้อาหารในปริมาณพอเหมาะ และให้ออกกำลังกายเบา เพื่อช่วยในเรื่องการคลอดได้คลอดง่ายๆ
-   จำนวนลูกๆจะเพิ่มจำนวนเร็วมากในช่วง 4-5 สัปดาห์ก่อนคลอด ทำให้น้ำหนักคุณแม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเจ้าของต้องค่อยๆเพิ่มปริมาณและคุณค่าทางอาหารเรื่อยๆ หรืออาจจะเพิ่มมื้ออาหาร เพื่อลูกๆที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์
-   ข้อสำคัญ ช่วงใกล้คลอดคุณแม่จะออกอาการเบื่ออาหาร หากเราให้อาหารที่มีอาหารครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเน้นเพิ่มแคลเซียมให้เค้าอีก เพราะอาจส่งผลให้เกิดไขน้ำนมและการคลอดยากได้
การคาดคะเนวันคลอดของลูกแสนน่ารัก
ด้วยการวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก โดยอุณหภูมิที่ลดลงสัมพันธ์กับโดยตรงกับปริมาณของฮอร์โมน progesterone ซึ่ง 12-24 ชั่วโมงก่อนการคลอด อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 98-100 องศาเซลเซียส ให้เริ่มทำและจดบันทึกในช่องก่อนคลอดประมาณ 3 วัน โดยทำทุกๆ 3 ชั่วโมง

การคลอดลูกของน้องหมา มีให้สังเกตกัน 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1
ก่อนวันคลอด 2-3 วัน คุณแม่จะมีอาการเบื่ออาหาร กระวนกระวาย หรือหอบ บวกกับเต้านมจะขยายใหญ่ขึ้นแล้วมีน้ำนมไหลออกมา แต่อาการเหล่านี้อาจเกิดได้ตั้งแต่ 1-2 อาทิตย์หรือไม่กี่ชั่วโมงก่อนการคลอด ในระยะนี้จะเป้นการคลายตัวของช่องเชิงกราน การบีบตัวของมดลูกและการเปิดของปากมดลูก
ระยะที่2
ในระยะนี้ปากมดลูกจะขยายเต็มที่ โดยลูกๆจะขยับตัวมาตามปากมดลูกและของคลอดของแม่ มดลูกจะบีบตัวเฉพาะลูกที่อยู่ใกล้ปากมดลูกมากที่สุด เมื่อลูกคลอดออกมาจากท้องจะมีรกชั้นในหุ้มตัว รกชั้นนอกอาจจะขาดตอนที่ออกมาจากปากมดลูก คถณแม่หรือเจ้าของอาจต้องช่วยฉีกรกชั้นในออกให้ แต่อาจจะมีลูกบางตัวที่ออกมามีรกทั้งสองชั้นใน-นอก หรือไม่มีเลยสักชั้น คุณแม่จะเลียลูกเพื่อกระตุ้นให้หายใจ กัดและทำความสะอาดสายสะดือให้ลูก แต่หากเป็นน้องหมาบางสายพันธุ์ที่คลอดลูกไม่เป็น เจ้าของต้องช่วยตัดสายสะดือ
ระยะที่3
ระยะนี้เป็นช่วงขับรก ปกติรกจะออกมากับการคลอดลูกๆในระยะที่2 อยู่แล้ว หรืออาจจะออกตามหลังจากที่คลอดลูกแต่ละตัวประมาณ 5-15 นาที ซึ่งภาวะรกที่ค้างในท้องนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก
   วิธีการดูแลลูกๆน้องหมาแรกเกิด
   ลูกๆที่แรกเกิดจะนอนสุมกัน จะกินนมทุกๆ2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าเค้าหิวนมจะร้องแล้วไม่ยอมนอน หากคุณแม่มีนมไม่เพียงพอต่อลูกๆ เจ้าของต้องให้นมผงสำหรับลูกๆ โดยใช้ขวดนมหรือ  syringe ให้นมลูกๆ และพยายามอย่าให้เด็กๆสำลักนม ในเด็กๆแต่ละตัวเนี่ยใน 100 กรัม ต้องการพลังงานประมาณ 22-26 กิโลแคลลอรี่ และเมื่ออายุได้ 2-3 อาทิตย์ น้ำหนักที่ควรจะเป็นควรจะต้องเพิ่ม 10-15 % ต่อวัน
   เด็กๆแรกเกิดอุณหภูมิร่างกายจะค่อนข้างต่ำมาก วิธีแก้คือต้อง ให้เด็กๆกกไฟขนาด 60 วัตต์ โดยระยะห่างจากไฟ 1ฟุต ซึ่งหากใกล้เกินไปเด็กๆอาจะเกิดภาวะแห้งน้ำ อีกอย่างคือเด็กๆเนี่ยมักจะเกิดภาวะน้ำตาลน้อยได้ง่าย ต้องระวังให้ว่าจะได้รับนมในปริมาณที่พอเพียง

8303

        เจ้าของน้องหมาทั้งมือใหม่และก็มือเก่า ต่างต้องควรตรวจดูและใส่ใจน้องหมาว่าท้องหรือไม่ หลังจากที่เห็นว่าตัวผู้ผสมพันธุ์ เรามีคำแนะนำสำหรับเจ้าของนะคะ เชิญทางนี้คะ

ระยะตั้งท้อง
เราจะนับไป 63 + / - 1 วันจากวันที่ไข่ตก หรืออีกแบบถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ผสมพันธุ์ก็คือ 57-62 วัน ซึ่งฮอร์โมนหลักที่มีหน้าที่ช่วยควบคุมการท้อง คือ progesterone (ปริมาณอย่างน้อยที่สุด 2 ng/ml) ที่ผลิตออกมาจากรังไข่ได้ corpus luteum  ในการตั้งท้องของน้องหมาอาจะเกิดอาการที่สร้างความสับสนให้เจ้าของเรื่องการตั้งท้องได้เช่นกัน นั่นคือ การเกิดท้องเทียม อาการเต้านมอักเสบ เนื้องอกที่บริเวณเต้านม ช่องท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นจากของเหลวที่สะสม อวัยวะภายในที่ขยายใหญ่ขึ้น และอาการมดลูกอักเสบเป็นหนอง
การสังเกตการตั้งครรภ์ เจ้าของน้องหมาสามารถสังเกตเองได้ง่ายๆดังข้อต่อไปนี้
-   พฤติกรรมของน้องหมาในการทำรังไว้คลอดลูก ตามสัญชาตญาณความเป็นแม่ ด้วยการฉีกหรือตะกุยกระดาษหรือสิ่งรองนอนมาไว้ใกล้ๆตัว
-   หลังจากน้องหมาตั้งครรภ์ได้ 4 อาทิตย์ น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น ช่องท้องบวมหรือขยายใหญ่ขึ้น ส่วนเต้านมจะใหญ่ขึ้นและมีน้ำนมม แต่หากสังเกตเห็นอาการเซื่องซึม หรือน้ำไหลออกมาจากมดลูกหรือช่องคลอด ต้องรีบพบสัตวแพทยื เนื่องจากคือ เป็นอาการมดลูกอักเสบไม่ใช่การตั้งท้อง
การดูแลขณะน้องหมาตั้งท้อง
-   ในขณะที่น้องหมาตั้งท้องห้ามฉีดวัคซีนหรือได้รับยาใดๆโดยไม่จำเป็น ก่อนช่วงที่น้องหมาจะเป็นสัดให้พาน้องหมาไปฉัดวัคโซนหรือกินยาถ่ายพยาธิให้เรียบร้อยก่อน
-   ควรให้อาหารในปริมาณพอเหมาะ และให้ออกกำลังกายเบา เพื่อช่วยในเรื่องการคลอดได้คลอดง่ายๆ
-   จำนวนลูกๆจะเพิ่มจำนวนเร็วมากในช่วง 4-5 สัปดาห์ก่อนคลอด ทำให้น้ำหนักคุณแม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเจ้าของต้องค่อยๆเพิ่มปริมาณและคุณค่าทางอาหารเรื่อยๆ หรืออาจจะเพิ่มมื้ออาหาร เพื่อลูกๆที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์
-   ข้อสำคัญ ช่วงใกล้คลอดคุณแม่จะออกอาการเบื่ออาหาร หากเราให้อาหารที่มีอาหารครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเน้นเพิ่มแคลเซียมให้เค้าอีก เพราะอาจส่งผลให้เกิดไขน้ำนมและการคลอดยากได้
การคาดคะเนวันคลอดของลูกแสนน่ารัก
ด้วยการวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก โดยอุณหภูมิที่ลดลงสัมพันธ์กับโดยตรงกับปริมาณของฮอร์โมน progesterone ซึ่ง 12-24 ชั่วโมงก่อนการคลอด อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 98-100 องศาเซลเซียส ให้เริ่มทำและจดบันทึกในช่องก่อนคลอดประมาณ 3 วัน โดยทำทุกๆ 3 ชั่วโมง

การคลอดลูกของน้องหมา มีให้สังเกตกัน 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1
ก่อนวันคลอด 2-3 วัน คุณแม่จะมีอาการเบื่ออาหาร กระวนกระวาย หรือหอบ บวกกับเต้านมจะขยายใหญ่ขึ้นแล้วมีน้ำนมไหลออกมา แต่อาการเหล่านี้อาจเกิดได้ตั้งแต่ 1-2 อาทิตย์หรือไม่กี่ชั่วโมงก่อนการคลอด ในระยะนี้จะเป้นการคลายตัวของช่องเชิงกราน การบีบตัวของมดลูกและการเปิดของปากมดลูก
ระยะที่2
ในระยะนี้ปากมดลูกจะขยายเต็มที่ โดยลูกๆจะขยับตัวมาตามปากมดลูกและของคลอดของแม่ มดลูกจะบีบตัวเฉพาะลูกที่อยู่ใกล้ปากมดลูกมากที่สุด เมื่อลูกคลอดออกมาจากท้องจะมีรกชั้นในหุ้มตัว รกชั้นนอกอาจจะขาดตอนที่ออกมาจากปากมดลูก คถณแม่หรือเจ้าของอาจต้องช่วยฉีกรกชั้นในออกให้ แต่อาจจะมีลูกบางตัวที่ออกมามีรกทั้งสองชั้นใน-นอก หรือไม่มีเลยสักชั้น คุณแม่จะเลียลูกเพื่อกระตุ้นให้หายใจ กัดและทำความสะอาดสายสะดือให้ลูก แต่หากเป็นน้องหมาบางสายพันธุ์ที่คลอดลูกไม่เป็น เจ้าของต้องช่วยตัดสายสะดือ
ระยะที่3
ระยะนี้เป็นช่วงขับรก ปกติรกจะออกมากับการคลอดลูกๆในระยะที่2 อยู่แล้ว หรืออาจจะออกตามหลังจากที่คลอดลูกแต่ละตัวประมาณ 5-15 นาที ซึ่งภาวะรกที่ค้างในท้องนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก
   วิธีการดูแลลูกๆน้องหมาแรกเกิด
   ลูกๆที่แรกเกิดจะนอนสุมกัน จะกินนมทุกๆ2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าเค้าหิวนมจะร้องแล้วไม่ยอมนอน หากคุณแม่มีนมไม่เพียงพอต่อลูกๆ เจ้าของต้องให้นมผงสำหรับลูกๆ โดยใช้ขวดนมหรือ  syringe ให้นมลูกๆ และพยายามอย่าให้เด็กๆสำลักนม ในเด็กๆแต่ละตัวเนี่ยใน 100 กรัม ต้องการพลังงานประมาณ 22-26 กิโลแคลลอรี่ และเมื่ออายุได้ 2-3 อาทิตย์ น้ำหนักที่ควรจะเป็นควรจะต้องเพิ่ม 10-15 % ต่อวัน
   เด็กๆแรกเกิดอุณหภูมิร่างกายจะค่อนข้างต่ำมาก วิธีแก้คือต้อง ให้เด็กๆกกไฟขนาด 60 วัตต์ โดยระยะห่างจากไฟ 1ฟุต ซึ่งหากใกล้เกินไปเด็กๆอาจะเกิดภาวะแห้งน้ำ อีกอย่างคือเด็กๆเนี่ยมักจะเกิดภาวะน้ำตาลน้อยได้ง่าย ต้องระวังให้ว่าจะได้รับนมในปริมาณที่พอเพียง

8304

        เจ้าของน้องหมาทั้งมือใหม่และก็มือเก่า ต่างต้องควรตรวจดูและใส่ใจน้องหมาว่าท้องหรือไม่ หลังจากที่เห็นว่าตัวผู้ผสมพันธุ์ เรามีคำแนะนำสำหรับเจ้าของนะคะ เชิญทางนี้คะ

ระยะตั้งท้อง
เราจะนับไป 63 + / - 1 วันจากวันที่ไข่ตก หรืออีกแบบถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ผสมพันธุ์ก็คือ 57-62 วัน ซึ่งฮอร์โมนหลักที่มีหน้าที่ช่วยควบคุมการท้อง คือ progesterone (ปริมาณอย่างน้อยที่สุด 2 ng/ml) ที่ผลิตออกมาจากรังไข่ได้ corpus luteum  ในการตั้งท้องของน้องหมาอาจะเกิดอาการที่สร้างความสับสนให้เจ้าของเรื่องการตั้งท้องได้เช่นกัน นั่นคือ การเกิดท้องเทียม อาการเต้านมอักเสบ เนื้องอกที่บริเวณเต้านม ช่องท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นจากของเหลวที่สะสม อวัยวะภายในที่ขยายใหญ่ขึ้น และอาการมดลูกอักเสบเป็นหนอง
การสังเกตการตั้งครรภ์ เจ้าของน้องหมาสามารถสังเกตเองได้ง่ายๆดังข้อต่อไปนี้
-   พฤติกรรมของน้องหมาในการทำรังไว้คลอดลูก ตามสัญชาตญาณความเป็นแม่ ด้วยการฉีกหรือตะกุยกระดาษหรือสิ่งรองนอนมาไว้ใกล้ๆตัว
-   หลังจากน้องหมาตั้งครรภ์ได้ 4 อาทิตย์ น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น ช่องท้องบวมหรือขยายใหญ่ขึ้น ส่วนเต้านมจะใหญ่ขึ้นและมีน้ำนมม แต่หากสังเกตเห็นอาการเซื่องซึม หรือน้ำไหลออกมาจากมดลูกหรือช่องคลอด ต้องรีบพบสัตวแพทยื เนื่องจากคือ เป็นอาการมดลูกอักเสบไม่ใช่การตั้งท้อง
การดูแลขณะน้องหมาตั้งท้อง
-   ในขณะที่น้องหมาตั้งท้องห้ามฉีดวัคซีนหรือได้รับยาใดๆโดยไม่จำเป็น ก่อนช่วงที่น้องหมาจะเป็นสัดให้พาน้องหมาไปฉัดวัคโซนหรือกินยาถ่ายพยาธิให้เรียบร้อยก่อน
-   ควรให้อาหารในปริมาณพอเหมาะ และให้ออกกำลังกายเบา เพื่อช่วยในเรื่องการคลอดได้คลอดง่ายๆ
-   จำนวนลูกๆจะเพิ่มจำนวนเร็วมากในช่วง 4-5 สัปดาห์ก่อนคลอด ทำให้น้ำหนักคุณแม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเจ้าของต้องค่อยๆเพิ่มปริมาณและคุณค่าทางอาหารเรื่อยๆ หรืออาจจะเพิ่มมื้ออาหาร เพื่อลูกๆที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์
-   ข้อสำคัญ ช่วงใกล้คลอดคุณแม่จะออกอาการเบื่ออาหาร หากเราให้อาหารที่มีอาหารครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเน้นเพิ่มแคลเซียมให้เค้าอีก เพราะอาจส่งผลให้เกิดไขน้ำนมและการคลอดยากได้
การคาดคะเนวันคลอดของลูกแสนน่ารัก
ด้วยการวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก โดยอุณหภูมิที่ลดลงสัมพันธ์กับโดยตรงกับปริมาณของฮอร์โมน progesterone ซึ่ง 12-24 ชั่วโมงก่อนการคลอด อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 98-100 องศาเซลเซียส ให้เริ่มทำและจดบันทึกในช่องก่อนคลอดประมาณ 3 วัน โดยทำทุกๆ 3 ชั่วโมง

การคลอดลูกของน้องหมา มีให้สังเกตกัน 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1
ก่อนวันคลอด 2-3 วัน คุณแม่จะมีอาการเบื่ออาหาร กระวนกระวาย หรือหอบ บวกกับเต้านมจะขยายใหญ่ขึ้นแล้วมีน้ำนมไหลออกมา แต่อาการเหล่านี้อาจเกิดได้ตั้งแต่ 1-2 อาทิตย์หรือไม่กี่ชั่วโมงก่อนการคลอด ในระยะนี้จะเป้นการคลายตัวของช่องเชิงกราน การบีบตัวของมดลูกและการเปิดของปากมดลูก
ระยะที่2
ในระยะนี้ปากมดลูกจะขยายเต็มที่ โดยลูกๆจะขยับตัวมาตามปากมดลูกและของคลอดของแม่ มดลูกจะบีบตัวเฉพาะลูกที่อยู่ใกล้ปากมดลูกมากที่สุด เมื่อลูกคลอดออกมาจากท้องจะมีรกชั้นในหุ้มตัว รกชั้นนอกอาจจะขาดตอนที่ออกมาจากปากมดลูก คถณแม่หรือเจ้าของอาจต้องช่วยฉีกรกชั้นในออกให้ แต่อาจจะมีลูกบางตัวที่ออกมามีรกทั้งสองชั้นใน-นอก หรือไม่มีเลยสักชั้น คุณแม่จะเลียลูกเพื่อกระตุ้นให้หายใจ กัดและทำความสะอาดสายสะดือให้ลูก แต่หากเป็นน้องหมาบางสายพันธุ์ที่คลอดลูกไม่เป็น เจ้าของต้องช่วยตัดสายสะดือ
ระยะที่3
ระยะนี้เป็นช่วงขับรก ปกติรกจะออกมากับการคลอดลูกๆในระยะที่2 อยู่แล้ว หรืออาจจะออกตามหลังจากที่คลอดลูกแต่ละตัวประมาณ 5-15 นาที ซึ่งภาวะรกที่ค้างในท้องนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก
   วิธีการดูแลลูกๆน้องหมาแรกเกิด
   ลูกๆที่แรกเกิดจะนอนสุมกัน จะกินนมทุกๆ2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าเค้าหิวนมจะร้องแล้วไม่ยอมนอน หากคุณแม่มีนมไม่เพียงพอต่อลูกๆ เจ้าของต้องให้นมผงสำหรับลูกๆ โดยใช้ขวดนมหรือ  syringe ให้นมลูกๆ และพยายามอย่าให้เด็กๆสำลักนม ในเด็กๆแต่ละตัวเนี่ยใน 100 กรัม ต้องการพลังงานประมาณ 22-26 กิโลแคลลอรี่ และเมื่ออายุได้ 2-3 อาทิตย์ น้ำหนักที่ควรจะเป็นควรจะต้องเพิ่ม 10-15 % ต่อวัน
   เด็กๆแรกเกิดอุณหภูมิร่างกายจะค่อนข้างต่ำมาก วิธีแก้คือต้อง ให้เด็กๆกกไฟขนาด 60 วัตต์ โดยระยะห่างจากไฟ 1ฟุต ซึ่งหากใกล้เกินไปเด็กๆอาจะเกิดภาวะแห้งน้ำ อีกอย่างคือเด็กๆเนี่ยมักจะเกิดภาวะน้ำตาลน้อยได้ง่าย ต้องระวังให้ว่าจะได้รับนมในปริมาณที่พอเพียง

8305
น้องหมากับโรคอ้วน

   โรคอ้วน เป็นปัญหาที่พบบ่อยในน้องหมา ช่วงวัยที่พบมากคือช่วงอายุกลางวัย  ส่วนมากเราจะเห็นว่าอาหารสำเร็จรูปมีสารอาหารครบถ้วน มีความสะดวกต่อการกิน แต่หากเราเลือกอาหารที่ผิดสูตร ผิดขนาดกับน้องหมาเราแล้ว อาจจะก่อให้เกิดผลเสียตามมา  เราต้องศึกษาและใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
สาเหตุของโรคอ้วน
ความอ้วน เกิดจากภาวะที่ร่างกายของน้องหมามีการไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันจำนวนมาก ทำให้น้ำหนักตัวเกินกว่าปกติถึง 15-20 % เมื่อน้องหมาจองเราเป็นโรคอ้วน ยังจะส่งให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้อีก เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ อีกก็เป็นได้   สาเหตุของความอ้วน มี 2 แบบ คือ

1. ขนาดเซลล์ไขมันในตัวน้องหมาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ( Hypertropic Obesity )

2. ทั้งขนาดเซลล์และจำนวนของเซลล์ไขมันในตัวน้องหมาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ( Hyperplastic Obesity)

ปัจจัยที่มีผลต่อโรคอ้วน ส่วนมากเกิดจาก การที่เราให้อาหารน้องหมามากเกินไป และน้องหมาขาดการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถแบ่งปัจจัยได้เป็น 2 แบบด้วยกัน

1.ปัจจัยที่เกิดจากภายในร่างกาย ได้แก่ 
    - อายุ  หากน้องหมาที่มีอายุมาก การใช้พลังงานจะมีจำนวนน้อยลง ซึ่งหากเรายังให้กินเท่าเดิม น้องหมาก็จะมีไขมันสะสมมากขึ้นๆ
    - เพศ
    - ภาวะของระบบสืบพันธุ์ การทำหมันอาจจะส่งผลให้น้องหมาอ้วนตามมา
    - พันธุกรรม เป็นตามสายพันธุกรรมที่เสี่ยงกับโรคอ้วน
    - ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง
    - ความผิดปกติของระดับฮอร์โมนในร่างกาย

2. ปัจจัยที่เกิดจากภายนอก ได้แก่
    - การกินอาหาร
    - ส่วนประกอบของอาหารที่น้องหมากิน อาหารที่กินอยู่มีความน่าจะกินสูง
    - กิจวัตรประจำวันของน้องหมา

การดูแลขณะที่เห็นว่าน้องหมากำลังจะเป็นโรคอ้วน
   1.ต้องควบคุมพฤติกรรมทั้งน้องหมาและเจ้าของ คือ เจ้าของลดปริมาณอาหารที่ให้น้องหมา หรือลดจำนวนมื้ออาหาร หรือการเลือกให้อาหาร
   2.ต้องควบคุมอาหาร คือ เลือกเป็นสูตรลดน้ำหนัก
   3.การออกกำลังกาย ควรให้น้องหมาออกกำลังกายบ้างเช่น การวิ่งเล้น การว่ายน้ำ
 

8306
น้องหมากับโรคอ้วน

   โรคอ้วน เป็นปัญหาที่พบบ่อยในน้องหมา ช่วงวัยที่พบมากคือช่วงอายุกลางวัย  ส่วนมากเราจะเห็นว่าอาหารสำเร็จรูปมีสารอาหารครบถ้วน มีความสะดวกต่อการกิน แต่หากเราเลือกอาหารที่ผิดสูตร ผิดขนาดกับน้องหมาเราแล้ว อาจจะก่อให้เกิดผลเสียตามมา  เราต้องศึกษาและใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
สาเหตุของโรคอ้วน
ความอ้วน เกิดจากภาวะที่ร่างกายของน้องหมามีการไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันจำนวนมาก ทำให้น้ำหนักตัวเกินกว่าปกติถึง 15-20 % เมื่อน้องหมาจองเราเป็นโรคอ้วน ยังจะส่งให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้อีก เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ อีกก็เป็นได้   สาเหตุของความอ้วน มี 2 แบบ คือ

1. ขนาดเซลล์ไขมันในตัวน้องหมาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ( Hypertropic Obesity )

2. ทั้งขนาดเซลล์และจำนวนของเซลล์ไขมันในตัวน้องหมาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ( Hyperplastic Obesity)

ปัจจัยที่มีผลต่อโรคอ้วน ส่วนมากเกิดจาก การที่เราให้อาหารน้องหมามากเกินไป และน้องหมาขาดการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถแบ่งปัจจัยได้เป็น 2 แบบด้วยกัน

1.ปัจจัยที่เกิดจากภายในร่างกาย ได้แก่ 
    - อายุ  หากน้องหมาที่มีอายุมาก การใช้พลังงานจะมีจำนวนน้อยลง ซึ่งหากเรายังให้กินเท่าเดิม น้องหมาก็จะมีไขมันสะสมมากขึ้นๆ
    - เพศ
    - ภาวะของระบบสืบพันธุ์ การทำหมันอาจจะส่งผลให้น้องหมาอ้วนตามมา
    - พันธุกรรม เป็นตามสายพันธุกรรมที่เสี่ยงกับโรคอ้วน
    - ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง
    - ความผิดปกติของระดับฮอร์โมนในร่างกาย

2. ปัจจัยที่เกิดจากภายนอก ได้แก่
    - การกินอาหาร
    - ส่วนประกอบของอาหารที่น้องหมากิน อาหารที่กินอยู่มีความน่าจะกินสูง
    - กิจวัตรประจำวันของน้องหมา

การดูแลขณะที่เห็นว่าน้องหมากำลังจะเป็นโรคอ้วน
   1.ต้องควบคุมพฤติกรรมทั้งน้องหมาและเจ้าของ คือ เจ้าของลดปริมาณอาหารที่ให้น้องหมา หรือลดจำนวนมื้ออาหาร หรือการเลือกให้อาหาร
   2.ต้องควบคุมอาหาร คือ เลือกเป็นสูตรลดน้ำหนัก
   3.การออกกำลังกาย ควรให้น้องหมาออกกำลังกายบ้างเช่น การวิ่งเล้น การว่ายน้ำ
 

8307
น้องหมากับโรคอ้วน

   โรคอ้วน เป็นปัญหาที่พบบ่อยในน้องหมา ช่วงวัยที่พบมากคือช่วงอายุกลางวัย  ส่วนมากเราจะเห็นว่าอาหารสำเร็จรูปมีสารอาหารครบถ้วน มีความสะดวกต่อการกิน แต่หากเราเลือกอาหารที่ผิดสูตร ผิดขนาดกับน้องหมาเราแล้ว อาจจะก่อให้เกิดผลเสียตามมา  เราต้องศึกษาและใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
สาเหตุของโรคอ้วน
ความอ้วน เกิดจากภาวะที่ร่างกายของน้องหมามีการไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันจำนวนมาก ทำให้น้ำหนักตัวเกินกว่าปกติถึง 15-20 % เมื่อน้องหมาจองเราเป็นโรคอ้วน ยังจะส่งให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้อีก เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ อีกก็เป็นได้   สาเหตุของความอ้วน มี 2 แบบ คือ

1. ขนาดเซลล์ไขมันในตัวน้องหมาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ( Hypertropic Obesity )

2. ทั้งขนาดเซลล์และจำนวนของเซลล์ไขมันในตัวน้องหมาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ( Hyperplastic Obesity)

ปัจจัยที่มีผลต่อโรคอ้วน ส่วนมากเกิดจาก การที่เราให้อาหารน้องหมามากเกินไป และน้องหมาขาดการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถแบ่งปัจจัยได้เป็น 2 แบบด้วยกัน

1.ปัจจัยที่เกิดจากภายในร่างกาย ได้แก่ 
    - อายุ  หากน้องหมาที่มีอายุมาก การใช้พลังงานจะมีจำนวนน้อยลง ซึ่งหากเรายังให้กินเท่าเดิม น้องหมาก็จะมีไขมันสะสมมากขึ้นๆ
    - เพศ
    - ภาวะของระบบสืบพันธุ์ การทำหมันอาจจะส่งผลให้น้องหมาอ้วนตามมา
    - พันธุกรรม เป็นตามสายพันธุกรรมที่เสี่ยงกับโรคอ้วน
    - ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง
    - ความผิดปกติของระดับฮอร์โมนในร่างกาย

2. ปัจจัยที่เกิดจากภายนอก ได้แก่
    - การกินอาหาร
    - ส่วนประกอบของอาหารที่น้องหมากิน อาหารที่กินอยู่มีความน่าจะกินสูง
    - กิจวัตรประจำวันของน้องหมา

การดูแลขณะที่เห็นว่าน้องหมากำลังจะเป็นโรคอ้วน
   1.ต้องควบคุมพฤติกรรมทั้งน้องหมาและเจ้าของ คือ เจ้าของลดปริมาณอาหารที่ให้น้องหมา หรือลดจำนวนมื้ออาหาร หรือการเลือกให้อาหาร
   2.ต้องควบคุมอาหาร คือ เลือกเป็นสูตรลดน้ำหนัก
   3.การออกกำลังกาย ควรให้น้องหมาออกกำลังกายบ้างเช่น การวิ่งเล้น การว่ายน้ำ
 

8308
น้องหมากับโรคอ้วน

   โรคอ้วน เป็นปัญหาที่พบบ่อยในน้องหมา ช่วงวัยที่พบมากคือช่วงอายุกลางวัย  ส่วนมากเราจะเห็นว่าอาหารสำเร็จรูปมีสารอาหารครบถ้วน มีความสะดวกต่อการกิน แต่หากเราเลือกอาหารที่ผิดสูตร ผิดขนาดกับน้องหมาเราแล้ว อาจจะก่อให้เกิดผลเสียตามมา  เราต้องศึกษาและใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
สาเหตุของโรคอ้วน
ความอ้วน เกิดจากภาวะที่ร่างกายของน้องหมามีการไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันจำนวนมาก ทำให้น้ำหนักตัวเกินกว่าปกติถึง 15-20 % เมื่อน้องหมาจองเราเป็นโรคอ้วน ยังจะส่งให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้อีก เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ อีกก็เป็นได้   สาเหตุของความอ้วน มี 2 แบบ คือ

1. ขนาดเซลล์ไขมันในตัวน้องหมาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ( Hypertropic Obesity )

2. ทั้งขนาดเซลล์และจำนวนของเซลล์ไขมันในตัวน้องหมาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ( Hyperplastic Obesity)

ปัจจัยที่มีผลต่อโรคอ้วน ส่วนมากเกิดจาก การที่เราให้อาหารน้องหมามากเกินไป และน้องหมาขาดการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถแบ่งปัจจัยได้เป็น 2 แบบด้วยกัน

1.ปัจจัยที่เกิดจากภายในร่างกาย ได้แก่ 
    - อายุ  หากน้องหมาที่มีอายุมาก การใช้พลังงานจะมีจำนวนน้อยลง ซึ่งหากเรายังให้กินเท่าเดิม น้องหมาก็จะมีไขมันสะสมมากขึ้นๆ
    - เพศ
    - ภาวะของระบบสืบพันธุ์ การทำหมันอาจจะส่งผลให้น้องหมาอ้วนตามมา
    - พันธุกรรม เป็นตามสายพันธุกรรมที่เสี่ยงกับโรคอ้วน
    - ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง
    - ความผิดปกติของระดับฮอร์โมนในร่างกาย

2. ปัจจัยที่เกิดจากภายนอก ได้แก่
    - การกินอาหาร
    - ส่วนประกอบของอาหารที่น้องหมากิน อาหารที่กินอยู่มีความน่าจะกินสูง
    - กิจวัตรประจำวันของน้องหมา

การดูแลขณะที่เห็นว่าน้องหมากำลังจะเป็นโรคอ้วน
   1.ต้องควบคุมพฤติกรรมทั้งน้องหมาและเจ้าของ คือ เจ้าของลดปริมาณอาหารที่ให้น้องหมา หรือลดจำนวนมื้ออาหาร หรือการเลือกให้อาหาร
   2.ต้องควบคุมอาหาร คือ เลือกเป็นสูตรลดน้ำหนัก
   3.การออกกำลังกาย ควรให้น้องหมาออกกำลังกายบ้างเช่น การวิ่งเล้น การว่ายน้ำ
 

8309
     
      วันนี้เรามาดูวิธีเลือกสุนัขมาเลี้ยงในคอนโดหรือพื้นที่จำกัดกันครับ การเลี้ยงสุนัขในคอนโดนั้นคอนโดส่วนใหญ่จะไม่อนุญาติให้เลี้ยงสุนัขได้นะครับ แต่บางคอนโดอาจจะอนุญาติหรือถ้าขอเป็นกรณีไป หรืออาจจะมีการเรียกเก็บเพิ่ม หรือทำการลงทะเบียนไว้ แต่ก็มีไม่น้อยที่มีการแอบเลี้ยง ซึ่งถ้าถามว่าผิดไหม ก็ต้องตอบว่าผิดครับ แต่ว่าถ้าจะเลี้ยงแล้วเราก็ควรจะดูแลสุนัขของเราให้ดีไม่สร้างความรำคาญให้ผู้อื่นนะครับ และถ้าเกิดเค้าพบเจอ และไม่อนุญาติจริงๆ ขอก็แล้ว อ้อนว้อนก็แล้ว ก็ไม่อนุญาติก็ต้องทำใจ ยอมรับตามกฏของเค้านะครับ ก่อนนำมาเลี้ยงควรขออนุญาติก่อนนะครับ ถ้าเลี้ยงได้เก็มาดูกระทู้นี้กันครับ ว่าควรเลือกเลี้ยงสายพันธุ์ไหนดี

เสียง เรื่องเสียงนี้ อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้เลี้ยง แต่เป็นปัญหาของเพื่อนบ้านหรือข้างห้องข้างๆครับ เนื่องจากในเวลาที่เราไม่อยู่ สุนัขของเราอาจจะมีการส่งเสียงทั้งเห่า หรือ หอน รวมถึงถ้าเกิดมีหลายตัวอาจจะมีการวิ่งเล่นกันอีกด้วย ตรงจุดนี้ต้องระวังหน่อยนะครับ อยากจะเตือนไว้ก่อนว่า ถ้าเกิดไปรบกวนผู้อื่นแล้วถ้าเค้านำไปฟ้อง ทางคอนโด อาจจะมีปัญหา หรือผิดใจกันได้นะครับ
กลิ่น แน่นอนว่า เรื่องกลิ่นอาจจะเป็นปัญหาสำคัญได้ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่ คอนโดขนาดเล็กมักจะมีส่วนต่างๆอยู่ติดกันหมด เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ ทำให้ถ้าเกิดเพื่อนๆเลี้ยงสุนัขแล้ว ถ้าเกิดสุนัขขับถ่ายถึงแม้จะเป็นที่เป็นทาง ก็อาจจะทำให้กลิ่นโชยไปทั้งห้องได้ครับ แต่ถ้าเกิดสุนัขขับถ่ายไม่เป็นที่แล้วด้วยละก็ไม่ต้องพูดถึง ห้องของเพื่อนๆ จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เอามากๆ เวลามีแขกมาเยี่ยมอาจจะทำให้อับอายกันได้ และที่สำคัญเป็นเรื่องของสุขอนามัยกับตัวเราเอง และสุนัขที่เรารักด้วย
มาดูกันเลยคับว่าสายพันธุ์ไหนที่เหมาะกับการเลี้ยงบ้าง

1.  เฟรนช์ บูลด็อก
 เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว เข้ากับทุกคนในบ้านได้ และเข้ากับสัตว์ได้ทุกประเภท ปกติแล้วจะแทบไม่ได้ยินเสียงเห่าของเขาเลย ยกเว้นแต่เกิดสิ่งปกติอย่างมาก เหมาะสำหรับการเลี้ยงในห้อง หรือ คอนโด นอกจากนี้ จากประสบการณ์ผู้เลี้ยง สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก มักพูดตรงกันว่าเจ้าตูบพันธุ์นี้มีความตลก และชอบทำอะไรแปลก ๆ น่ารัก ๆ ไม่นิ่ง หรือไม่ไฮเปอร์เกินไป ที่สำคัญคือเงียบ ไม่เห่า
2. ปั๊ก
สุนัขพันธุ์ ปั๊ก โดยส่วนมากจะขี้เกียจ ถ้าปล่อยให้อยู่ตามลำพัง หรือไม่มีอุปกรณ์ฝึกเขา ให้พาเขาเดินหรือเล่นเกม โยนของไปให้เขาเก็บทุกวัน แต่อย่าให้เขาออกกำลัง กายหนักๆในช่วงที่ มีอากาศร้อนหรือหลังกินอาหารเสร็จ ถ้ามีพื้นที่น้อยหรืออาศัยในห้องชุด ปั๊ก จะเป็นคำตอบสำหรับคุณ พวกเขาไร้ซึ่งกลิ่นอับที่อาจพบในสุนัขเล็กพันธุ์อื่น มีขนที่สั้นและไม่ค่อยมีการผลัดขน จึงเป็นสุนัขที่ค่อนข้างสะอาด
3. บีเกิล
 สุนัขสายพันธุ์บีเกิลมีนิสัยขี้เล่น ใจดี ไม่ขี้หงุดหงิด เป็นสุนัขขนสั้น ดูแลทำความสะอาดง่าย มีจมูกไว จึงมีทักษะการดมกลิ่นที่ดีเยี่ยม และ สุนัขสายพันธุ์บีเกิลจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อนอกจากว่ามีคนแปลกหน้าเดินรุกล้ำเข้ามาในบ้าน ดังนั้นเรื่องเสียงจึงไม่น่ากังวลครับ
4. ชิห์สุ
ชิห์สุเป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้เล่น อ่อนโยน ชอบเล่นกับเด็ก เป็นสุนัขขนาดเล็ก ขนยาวจรดพื้น ไม่ชอบเห่า และไม่มีกลิ่นตัวแรง ทำให้เหมาะแก่การเลี้ยงในคอนโด
5.  ปอมเมอเรเนียน
ปอมเมอเรเนียนมีขนาดเล็กมีนิสัย  ร่าเริง, ปราดเปรียว, คล่องแคล่วว่องไว, กล้าหาญ, ฉลาดและช่างสงสัย
ตื่นตัวในสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว และมีความชำนาญในการเตือนภัยกับการมาเยือนของคนแปลกหน้าถ้าคิดจะเลี้ยงในคอนโดควรระวังเรื่องเห่านะครับ
6. พุดเดิ้ล
พุดเดิ้ล ได้ชื่อว่าเป็น สุนัข ที่มีความนิยมอันดับหนึ่งของโลก และขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทนไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย แม้จะปากเปราะไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมาที่เห่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งในบ้านเรา พุดเดิ้ล สายพันธุ์นิยมเลี้ยงกันคือ พุดเดิ้ลทอย มันกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลายๆ ครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต เหมาะกับการเลี้ยงในคอนโดได้ดีเลยครับ
7. ซิลกี้ เทอร์เรียร์
สุนัขพันธุ์นี้ถูกจัดว่าเป็นสุนัขขนาดตุ๊กตา แต่จากนิสัยแล้ว พวกเขาไม่ใช่สุนัขที่เราจะจับมานั่งเล่นบนตักได้เหมือนสุนัขเล็ก ๆ ทั่วไป พวกเขาเฉลียวฉลาดและมีบุคลิกที่ไม่ยอมใครของสายพันธุ์เทอร์เรียร์ แต่ก็มีข้อได้เปรียบตรงที่ขนาดตัวที่เล็ก ทำให้เขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้เป็นอย่างดี ซิลกี้ เทอร์เรียร์ ชอบได้รับการดูแลตัดแต่งขน อาบน้ำ เป็นสุนัขที่ไม่ชอบสกปรก เป็นอีกสายพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่น้อยหรือคอนโด

8310
     
      วันนี้เรามาดูวิธีเลือกสุนัขมาเลี้ยงในคอนโดหรือพื้นที่จำกัดกันครับ การเลี้ยงสุนัขในคอนโดนั้นคอนโดส่วนใหญ่จะไม่อนุญาติให้เลี้ยงสุนัขได้นะครับ แต่บางคอนโดอาจจะอนุญาติหรือถ้าขอเป็นกรณีไป หรืออาจจะมีการเรียกเก็บเพิ่ม หรือทำการลงทะเบียนไว้ แต่ก็มีไม่น้อยที่มีการแอบเลี้ยง ซึ่งถ้าถามว่าผิดไหม ก็ต้องตอบว่าผิดครับ แต่ว่าถ้าจะเลี้ยงแล้วเราก็ควรจะดูแลสุนัขของเราให้ดีไม่สร้างความรำคาญให้ผู้อื่นนะครับ และถ้าเกิดเค้าพบเจอ และไม่อนุญาติจริงๆ ขอก็แล้ว อ้อนว้อนก็แล้ว ก็ไม่อนุญาติก็ต้องทำใจ ยอมรับตามกฏของเค้านะครับ ก่อนนำมาเลี้ยงควรขออนุญาติก่อนนะครับ ถ้าเลี้ยงได้เก็มาดูกระทู้นี้กันครับ ว่าควรเลือกเลี้ยงสายพันธุ์ไหนดี

เสียง เรื่องเสียงนี้ อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้เลี้ยง แต่เป็นปัญหาของเพื่อนบ้านหรือข้างห้องข้างๆครับ เนื่องจากในเวลาที่เราไม่อยู่ สุนัขของเราอาจจะมีการส่งเสียงทั้งเห่า หรือ หอน รวมถึงถ้าเกิดมีหลายตัวอาจจะมีการวิ่งเล่นกันอีกด้วย ตรงจุดนี้ต้องระวังหน่อยนะครับ อยากจะเตือนไว้ก่อนว่า ถ้าเกิดไปรบกวนผู้อื่นแล้วถ้าเค้านำไปฟ้อง ทางคอนโด อาจจะมีปัญหา หรือผิดใจกันได้นะครับ
กลิ่น แน่นอนว่า เรื่องกลิ่นอาจจะเป็นปัญหาสำคัญได้ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่ คอนโดขนาดเล็กมักจะมีส่วนต่างๆอยู่ติดกันหมด เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ ทำให้ถ้าเกิดเพื่อนๆเลี้ยงสุนัขแล้ว ถ้าเกิดสุนัขขับถ่ายถึงแม้จะเป็นที่เป็นทาง ก็อาจจะทำให้กลิ่นโชยไปทั้งห้องได้ครับ แต่ถ้าเกิดสุนัขขับถ่ายไม่เป็นที่แล้วด้วยละก็ไม่ต้องพูดถึง ห้องของเพื่อนๆ จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เอามากๆ เวลามีแขกมาเยี่ยมอาจจะทำให้อับอายกันได้ และที่สำคัญเป็นเรื่องของสุขอนามัยกับตัวเราเอง และสุนัขที่เรารักด้วย
มาดูกันเลยคับว่าสายพันธุ์ไหนที่เหมาะกับการเลี้ยงบ้าง

1.  เฟรนช์ บูลด็อก
 เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว เข้ากับทุกคนในบ้านได้ และเข้ากับสัตว์ได้ทุกประเภท ปกติแล้วจะแทบไม่ได้ยินเสียงเห่าของเขาเลย ยกเว้นแต่เกิดสิ่งปกติอย่างมาก เหมาะสำหรับการเลี้ยงในห้อง หรือ คอนโด นอกจากนี้ จากประสบการณ์ผู้เลี้ยง สุนัข เฟรนช์ บูลด็อก มักพูดตรงกันว่าเจ้าตูบพันธุ์นี้มีความตลก และชอบทำอะไรแปลก ๆ น่ารัก ๆ ไม่นิ่ง หรือไม่ไฮเปอร์เกินไป ที่สำคัญคือเงียบ ไม่เห่า
2. ปั๊ก
สุนัขพันธุ์ ปั๊ก โดยส่วนมากจะขี้เกียจ ถ้าปล่อยให้อยู่ตามลำพัง หรือไม่มีอุปกรณ์ฝึกเขา ให้พาเขาเดินหรือเล่นเกม โยนของไปให้เขาเก็บทุกวัน แต่อย่าให้เขาออกกำลัง กายหนักๆในช่วงที่ มีอากาศร้อนหรือหลังกินอาหารเสร็จ ถ้ามีพื้นที่น้อยหรืออาศัยในห้องชุด ปั๊ก จะเป็นคำตอบสำหรับคุณ พวกเขาไร้ซึ่งกลิ่นอับที่อาจพบในสุนัขเล็กพันธุ์อื่น มีขนที่สั้นและไม่ค่อยมีการผลัดขน จึงเป็นสุนัขที่ค่อนข้างสะอาด
3. บีเกิล
 สุนัขสายพันธุ์บีเกิลมีนิสัยขี้เล่น ใจดี ไม่ขี้หงุดหงิด เป็นสุนัขขนสั้น ดูแลทำความสะอาดง่าย มีจมูกไว จึงมีทักษะการดมกลิ่นที่ดีเยี่ยม และ สุนัขสายพันธุ์บีเกิลจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อนอกจากว่ามีคนแปลกหน้าเดินรุกล้ำเข้ามาในบ้าน ดังนั้นเรื่องเสียงจึงไม่น่ากังวลครับ
4. ชิห์สุ
ชิห์สุเป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้เล่น อ่อนโยน ชอบเล่นกับเด็ก เป็นสุนัขขนาดเล็ก ขนยาวจรดพื้น ไม่ชอบเห่า และไม่มีกลิ่นตัวแรง ทำให้เหมาะแก่การเลี้ยงในคอนโด
5.  ปอมเมอเรเนียน
ปอมเมอเรเนียนมีขนาดเล็กมีนิสัย  ร่าเริง, ปราดเปรียว, คล่องแคล่วว่องไว, กล้าหาญ, ฉลาดและช่างสงสัย
ตื่นตัวในสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว และมีความชำนาญในการเตือนภัยกับการมาเยือนของคนแปลกหน้าถ้าคิดจะเลี้ยงในคอนโดควรระวังเรื่องเห่านะครับ
6. พุดเดิ้ล
พุดเดิ้ล ได้ชื่อว่าเป็น สุนัข ที่มีความนิยมอันดับหนึ่งของโลก และขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทนไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย แม้จะปากเปราะไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมาที่เห่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งในบ้านเรา พุดเดิ้ล สายพันธุ์นิยมเลี้ยงกันคือ พุดเดิ้ลทอย มันกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลายๆ ครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต เหมาะกับการเลี้ยงในคอนโดได้ดีเลยครับ
7. ซิลกี้ เทอร์เรียร์
สุนัขพันธุ์นี้ถูกจัดว่าเป็นสุนัขขนาดตุ๊กตา แต่จากนิสัยแล้ว พวกเขาไม่ใช่สุนัขที่เราจะจับมานั่งเล่นบนตักได้เหมือนสุนัขเล็ก ๆ ทั่วไป พวกเขาเฉลียวฉลาดและมีบุคลิกที่ไม่ยอมใครของสายพันธุ์เทอร์เรียร์ แต่ก็มีข้อได้เปรียบตรงที่ขนาดตัวที่เล็ก ทำให้เขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้เป็นอย่างดี ซิลกี้ เทอร์เรียร์ ชอบได้รับการดูแลตัดแต่งขน อาบน้ำ เป็นสุนัขที่ไม่ชอบสกปรก เป็นอีกสายพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่น้อยหรือคอนโด