Bolinha  มันเป็นเพียงลูกสุนัขที่ถูกทอดทิ้งที่สถานีบริการน้ำมันตามแถบชนบทในบราซิล จนตอนนี้มันอายุได้ 13 ปี  Bolinha เป็นหมาจรจัดอาศัยอยู่นอกร้านกาแฟของสถานีบริการน้ำมัน มันถูกเลี้ยงด้วยเศษอาหารจากพนักงานและผู้ขับขี่รถยนต์ที่หยุดเติมน้ำมัน


   เมื่อเวลาผ่านไป Bolinha เป็นสุนัขแก่และเป็นโรคอ้วนมันหนักถึง 36 กิโล ทำให้มีปัญหาการหายใจและไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ น่าเศร้าที่คนทั่วไปปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับสิ่งไม่มีชีวิต



   แต่ที่ผ่านมาในเดือนกันยายนนี้ก็มีข่าวดีสำหรับ  Bolinha เมื่อมีคนได้ยินเรื่องราวว่ามีหมาอ้วนอยู่ท่ามกลางกองขยะ  ได้มีผู้ช่วยเหลือนำ  Bolinha ไปส่งให้องค์กรคุ้มครองสัตว์ ซึ่งได้เข้ามาเติมเต็มทั้งความรักและความเอาใจใส่ ทั้งด้านจิตใจ และสุขภาพของมัน



   และแน่นอน Bolinha ได้เข้าคอร์สลดน้ำหนัก ซึ่งเวลาผ่านไปไม่ถึงปี มันสามารถลดน้ำหนักได้ 13 กิโล เริ่มหนักเริ่มอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและสุขภาพจิตใจมันดีขึ้น Bolinha ต้องขอบคุณวีรบุรุษที่ก้าวเข้ามาและอุทิศตัวเองเพื่อช่วยให้หมาแก่ๆ อ้วนๆ ตัวนึงได้มีชีวิตที่มีความสุขและมีคนรักมัน

โรบินสัน เป็นครูฝึกสุนัขมืออาชีพที่ทำงาน K9 เมื่อเดือนกรกฎาคม โรบินสันได้รับ เรย์เข้ามายังศูนย์ฝึก เพราะก่อนที่เค้าจะรับเรย์เข้ามาในศูนย์ฝึก เค้าได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของ ของเรย์ ชื่อ โดโด ว่า "หมอได้วินิจฉัยอาการปวดหัวอย่างรุนแรงของเธอว่ามีเนื้องอกในสมองของเธอขั้นร้ายแรง" โรบินสันมั่นใจว่าเจ้าของเรย์เธอจะดูแลเขาให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ในขณะที่เธอเข้ารับการรักษา  โรบินสัน บอกกับ โดโด ว่า "ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เค้าจะดูแลเรย์เอง"



   น่าเศร้าเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเจ้าของเรย์ ได้เสียชีวิตเล้ว เรย์จะไม่ได้กลับบ้านไปเจอกับเธออีกแล้ว  ตอนนี้เรย์อยู่ที่ศุนย์ฝึก เขามีชีวิตอยู่ดีและความสะดวกสบาย และโรบินสันก็จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าของเก่าของมัน ว่าจะดูแลเขาจนกว่าจะสามารถหาบ้านใหม่



        เรย์ตาบอดตั้งแต่เขาอายุ 2 ปี  เนื่องจากโรคต้อหิน แต่เค้าก็ยังเหมือนสุนัขปกติ รื่นเริง วิ่งเล่นได้ และที่สำคัญยังคงซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ
"คุณจะไม่รู้เลยว่าเขาตาบอดเพราะเค้ามีความสามารถพิเศษกว่าหมาทั่วๆไปคือเค้ามีความสามารถเป็นเลิศในการดมกลิ่น" โรบินสันกล่าว  ตอนนี้โรบินสันและคู่หมั้น  คริส กำลังพยายามที่จะหาเรย์ครอบครัวใหม่



เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนแปลงของเรย์โรบินสันจึงเสนอการฝึกอบรมฟรีสำหรับคนที่จะรับเลี้ยงเรย์ หวังว่าเร็ว ๆ เรย์จะได้บ้านใหม่ ^^

โรบินสัน เป็นครูฝึกสุนัขมืออาชีพที่ทำงาน K9 เมื่อเดือนกรกฎาคม โรบินสันได้รับ เรย์เข้ามายังศูนย์ฝึก เพราะก่อนที่เค้าจะรับเรย์เข้ามาในศูนย์ฝึก เค้าได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของ ของเรย์ ชื่อ โดโด ว่า "หมอได้วินิจฉัยอาการปวดหัวอย่างรุนแรงของเธอว่ามีเนื้องอกในสมองของเธอขั้นร้ายแรง" โรบินสันมั่นใจว่าเจ้าของเรย์เธอจะดูแลเขาให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ในขณะที่เธอเข้ารับการรักษา  โรบินสัน บอกกับ โดโด ว่า "ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เค้าจะดูแลเรย์เอง"



   น่าเศร้าเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเจ้าของเรย์ ได้เสียชีวิตเล้ว เรย์จะไม่ได้กลับบ้านไปเจอกับเธออีกแล้ว  ตอนนี้เรย์อยู่ที่ศุนย์ฝึก เขามีชีวิตอยู่ดีและความสะดวกสบาย และโรบินสันก็จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าของเก่าของมัน ว่าจะดูแลเขาจนกว่าจะสามารถหาบ้านใหม่



        เรย์ตาบอดตั้งแต่เขาอายุ 2 ปี  เนื่องจากโรคต้อหิน แต่เค้าก็ยังเหมือนสุนัขปกติ รื่นเริง วิ่งเล่นได้ และที่สำคัญยังคงซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ
"คุณจะไม่รู้เลยว่าเขาตาบอดเพราะเค้ามีความสามารถพิเศษกว่าหมาทั่วๆไปคือเค้ามีความสามารถเป็นเลิศในการดมกลิ่น" โรบินสันกล่าว  ตอนนี้โรบินสันและคู่หมั้น  คริส กำลังพยายามที่จะหาเรย์ครอบครัวใหม่



เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนแปลงของเรย์โรบินสันจึงเสนอการฝึกอบรมฟรีสำหรับคนที่จะรับเลี้ยงเรย์ หวังว่าเร็ว ๆ เรย์จะได้บ้านใหม่ ^^

     ครั้งแรกที่เมลิสสา  และสามีของ เธออดัมโฮล์มส์ ไปเดินป่ากับสุนัขของพวกเขา ชื่อลูน่า สายพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog) ที่พวกเขาคิดว่าลูน่า น่าจะเดินตามพวกเค้าไปแต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด โดยจบลงที่ ลูน่าอยู่ในกระเป๋าเป้



     เมลิสสา  และโฮล์มส์เป็นนักปีนเขาตัวยงและนักเดินทางไกล พวกเขาอาศัยอยู่ใน Salt Lake City ซึ่งครั้งแรกเลยที่เค้าพาลูน่า เดินทางความเข้าใจของเค้าคือ ลูน่าจะวิ่งเล่นด้วยความสนุกสนาน กระโดดไปมา เล่นโน่นนี่ตามภาษาของสุนัขทั่วไป แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เค้าคิด เพราะ ลูน่าติดอยู่กับเป้ตั้งแต่เด็กจนโต เพราะเวลาพาไปไหนมาไหน เค้ามักจะให้ลูน่าอยู่ในกระเป๋าเป้ ทำให้มันชินกับการออกไปไหนมาไหน ต้องอยู่ในกระเป๋าเป้ เพื่อนๆลองดูสีหน้าลูน่าสิ ว่ามันฟินขนาดไหน

     ครั้งแรกที่เมลิสสา  และสามีของ เธออดัมโฮล์มส์ ไปเดินป่ากับสุนัขของพวกเขา ชื่อลูน่า สายพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog) ที่พวกเขาคิดว่าลูน่า น่าจะเดินตามพวกเค้าไปแต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด โดยจบลงที่ ลูน่าอยู่ในกระเป๋าเป้



     เมลิสสา  และโฮล์มส์เป็นนักปีนเขาตัวยงและนักเดินทางไกล พวกเขาอาศัยอยู่ใน Salt Lake City ซึ่งครั้งแรกเลยที่เค้าพาลูน่า เดินทางความเข้าใจของเค้าคือ ลูน่าจะวิ่งเล่นด้วยความสนุกสนาน กระโดดไปมา เล่นโน่นนี่ตามภาษาของสุนัขทั่วไป แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เค้าคิด เพราะ ลูน่าติดอยู่กับเป้ตั้งแต่เด็กจนโต เพราะเวลาพาไปไหนมาไหน เค้ามักจะให้ลูน่าอยู่ในกระเป๋าเป้ ทำให้มันชินกับการออกไปไหนมาไหน ต้องอยู่ในกระเป๋าเป้ เพื่อนๆลองดูสีหน้าลูน่าสิ ว่ามันฟินขนาดไหน

     ในภาพคือสุนัขตำรวจแวนคูเวอร์ ชื่อ เจ้านิโก้ จะเห็นได้ว่าการฝึกซ้อมโดยการโรยตัวลงจากผนังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะสังเกตุได้ว่าอุ้งเท้าของมันเกี่ยวกับขาของเจ้าหน้าที่ไว้ซะแน่นเลย สีหน้าแสดงถึงความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก



   แวนคูเวอร์กรมตำรวจโพสต์ภาพบนหน้า Facebook ของตนเมื่อเดือนที่แล้วและก็ตั้งแต่ racked ขึ้นจำนวนของชอบและหุ้น - น่าจะเกิดจากลักษณะที่ล้ำค่าบนใบหน้าของนิโก้



   ตามที่หน้า [url=https://www.facebook.com/VancouverPoliceDepartment/]Facebook Page[/url]  ของกรมตำรวจ นิโก้ได้รับการมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมที่มีการดำเนินการของนายตำรวจผู้ดูแลนิโก้ กรมตำรวจอธิบายในส่วนความเห็นของภาพที่นิโก้ยึดสลิงและขาเกี่ยวที่ขาของนายตำรวจว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้ามองจะภาพเราอาจจะตีความได้ผิดไปเอง ^^ ที่จริงแล้วนิโก้เก่งนะ ^^

     ในภาพคือสุนัขตำรวจแวนคูเวอร์ ชื่อ เจ้านิโก้ จะเห็นได้ว่าการฝึกซ้อมโดยการโรยตัวลงจากผนังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะสังเกตุได้ว่าอุ้งเท้าของมันเกี่ยวกับขาของเจ้าหน้าที่ไว้ซะแน่นเลย สีหน้าแสดงถึงความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก



   แวนคูเวอร์กรมตำรวจโพสต์ภาพบนหน้า Facebook ของตนเมื่อเดือนที่แล้วและก็ตั้งแต่ racked ขึ้นจำนวนของชอบและหุ้น - น่าจะเกิดจากลักษณะที่ล้ำค่าบนใบหน้าของนิโก้



   ตามที่หน้า [url=https://www.facebook.com/VancouverPoliceDepartment/]Facebook Page[/url]  ของกรมตำรวจ นิโก้ได้รับการมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมที่มีการดำเนินการของนายตำรวจผู้ดูแลนิโก้ กรมตำรวจอธิบายในส่วนความเห็นของภาพที่นิโก้ยึดสลิงและขาเกี่ยวที่ขาของนายตำรวจว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้ามองจะภาพเราอาจจะตีความได้ผิดไปเอง ^^ ที่จริงแล้วนิโก้เก่งนะ ^^

     จากเวป ForeignPolicy.com ได้กล่าวว่า สุนัขได้ต่อสู้ร่วมกับทหารสหรัฐมานานกว่า 100 ปีที่ผ่านมาได้เห็นการต่อสู้ในสงครามกลางเมืองและสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้รับการแต่งตั้งให้สุนัขบรรจุเข้ากองทัพอย่างเป็นทางการในปี 1942 วันนี้พวกเขากำลังเป็นส่วนสำคัญของความพยายามของสหรัฐในตะวันออกกลาง  ณ ต้นปี 2010 กองทัพสหรัฐมีสุนัขทหารอยู่ 2,800 ตัว และในปัจจุบันมีประมาณสุนัขทหาร 600 ตัว ทำงานร่วมกับทหารในอัฟกานิสถาน



     กองทัพเรือซีลสุนัขได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างมากที่มีทักษะสูงปฏิบัติการพิเศษมีแรงจูงใจสูงผู้เชี่ยวชาญสามารถที่จะดำเนินการปฏิบัติการทางทหารที่ไม่ธรรมดา ในความเป็นจริงเพียงหนึ่งใน 81 สมาชิกของซุปเปอร์ลับหน่วยซีล DEVGRU (ทีมคอมมานโดที่ฆ่าอุซามะห์บินลาดิน) มีชื่อว่า Cairo (ไคโร)


ภาพ Cairo[/center]


     ไคโรอยู่ในหน่วยซีลของกองทัพเรือสหรัฐเป็นสายพันธุ์ Belgian Malinois ไคโรสามารถกระโดดร่มชูชีพควบคู่และการดำเนินงานโรยตัวซึ่งมันทำได้ดี  หน้าที่ของไคโรในปฏิบัติการ คือ ตรวจค้นหาวัตถุระเบิดและกับดักต่างๆ และการค้นหาที่ซ่อนบินลาเดน