แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

4666


     เจ้าของจำนวนไม่น้อยปล่อยให้หมาของตัวเองอ้วนท้วนจนเกินสมบูรณ์เพราะคิดว่าน่ารักดี แต่รู้หรือไม่ว่า โรคอ้วนในหมานั้นส่งผลร้ายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของคุณ และอาจทำให้มันต้องตกอยู่ในภาวะที่ทุกข์ทรมานเมื่อมันอ้วนเกินไป เช่น

- โรคไขข้อ ถ้าข้อต่อของหมาต้องรับน้ำหนักจำนวนมาก อาจทำให้ข้อต่อของมันฉีกขาดหรือเสื่อมสภาพ และเป็นสาเหตุให้กระดูกอ่อนเสื่อมสภาพ หรือเป็นโรคไขข้อที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับมันได้

- หายใจลำบาก เมื่อมีไขมันบริเวณหน้าอกมากเกินไป หมาของคุณจะหายใจได้ลำบากขึ้น

- หมาที่เป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจ จะรักษาได้ยากขึ้นหากเป็นโรคอ้วนร่วมด้วย

และแม้ว่าหมาของคุณอาจไม่มีอาการเหล่านี้ การควบคุมปริมาณอาหารอย่างเหมาะสมก็ทำให้หมาของคุณมีอายุขัยที่ยาวขึ้น



สาเหตุของโรคอ้วนในหมา

     จากการสอบถามสัตว์แพทย์ในรัฐวิกตอเรีย สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2010 ทำให้พบว่า มีหมาอ้วนเพียง 3% ที่มีสาเหตุมาจากปัญหาทางสุขภาพ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ และนั่นก็หมายความว่า ภาวะน้ำหนักเกินในหมาอีก 97% ที่เหลือมีสาเหตุมาจากวิธีการดูแลของเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นให้อาหารมากเกินไป ให้ขนมมากเกินไป หรือการออกกำลังกายที่ไม่พอเพียง

     ยิ่งไปกว่านั้น การทำหมันไม่ได้ทำให้หมาอ้วนขึ้นแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายที่ทำให้หมาของคุณต้องการพลังงานน้อยลง และเมื่อหมาของคุณโตเต็มที่ พลังงานที่มันต้องการก็ลดลงเมื่อเทียบกับตอนที่เป็นลูกหมา

หมาของคุณอ้วนเกินไปรึเปล่า?

     คุณสามารถตรวจได้ง่ายๆ ว่าหมาของคุณน้ำหนักเกินหรือไม่ด้วยการมองดูทั้งจากทางด้านข้างและด้านบน คุณควรเห็นขอบเอวที่อยู่ต่อจากซี่โครงได้อย่างชัดเจน ถ้าคุณไม่เห็นเอว หรือรูปร่างของหมาเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วละก็ ได้เวลาต้องลดน้ำหนักแล้ว

     ใช้มือลูบไปตามหน้าอกหมา และคลำหาซี่โครง ถ้าหากคุณคลำหาเจอได้ไม่ยากนัก นั่นก็เป็นการบ่งบอกว่าหมาของคุณอยู่ในสภาพที่ดี แต่ถ้าคุณหาซี่โครงไม่เจอเลย หมาของคุณก็ต้องไปออกกำลังกาย
ช่วยหมาลดน้ำหนัก

     เนื่องจากภาวะอ้วนของหมาส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการที่มันกินอาหารมากเกินไป และออกกำลังกายไม่เพียงพอ  การลดน้ำหนักส่วนเกิดจึงไม่ควรจะเป็นเรื่องยาก แค่ให้อาหารน้อยลง และพามันไปเดินให้มากขึ้น แน่นอนว่าการพูดเฉยๆ นั้นง่ายว่าลงมือทำจริงมาก...
เราจึงมีวิธีที่คุณสามารถนำไปปรับใช้เพื่อลดน้ำหนักให้หมามาฝากด้วย

- ให้อาหารตามปริมาณที่แนะนำบนฉลากอาหารหมาเท่านั้น ถ้าหมาของคุณน้ำหนักเกิน ให้ลดปริมาณอาหารลงไปอีก จนกว่าจะสามารถมองเห็นขอบเอวและคลำเจอซี่โครง

- ถ้าหมาของคุณต้องลดน้ำหนักปริมาณมาก ใช้อาหารสูตรลดน้ำหนักตามที่สัตวแพทย์แนะนำ อาหารสูตรลดน้ำหนักจะช่วยลดปริมาณแคลลอรี่ที่ร่างกายหมาได้รับ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงได้รับสารอาหารที่ต้องการอย่างเพียงพอ

- ห้ามให้ขนมนอกมื้ออาหาร

- คนในครอบครัวทุกคนต้องร่วมมือกัน ความพยายามของคุณจะไร้ประโยชน์ขึ้นมาทันที ถ้ามีคนอื่นในครอบครัวแอบให้ขนมหมาอยู่เรื่อยๆ

- ทำใจแข็งเมื่อหมามาอ้อน แทนที่จะให้ขนม คุณอาจเปลี่ยนมาเล่นกับมันหรือแปรงขนให้มันแทน มีวิธีมากมายที่คุณสามารถแสดงให้หมารู้ว่าคุณรักมันโดยที่ไม่ต้องให้ขนมเลย



4667


     เจ้าของจำนวนไม่น้อยปล่อยให้หมาของตัวเองอ้วนท้วนจนเกินสมบูรณ์เพราะคิดว่าน่ารักดี แต่รู้หรือไม่ว่า โรคอ้วนในหมานั้นส่งผลร้ายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของคุณ และอาจทำให้มันต้องตกอยู่ในภาวะที่ทุกข์ทรมานเมื่อมันอ้วนเกินไป เช่น

- โรคไขข้อ ถ้าข้อต่อของหมาต้องรับน้ำหนักจำนวนมาก อาจทำให้ข้อต่อของมันฉีกขาดหรือเสื่อมสภาพ และเป็นสาเหตุให้กระดูกอ่อนเสื่อมสภาพ หรือเป็นโรคไขข้อที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับมันได้

- หายใจลำบาก เมื่อมีไขมันบริเวณหน้าอกมากเกินไป หมาของคุณจะหายใจได้ลำบากขึ้น

- หมาที่เป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจ จะรักษาได้ยากขึ้นหากเป็นโรคอ้วนร่วมด้วย

และแม้ว่าหมาของคุณอาจไม่มีอาการเหล่านี้ การควบคุมปริมาณอาหารอย่างเหมาะสมก็ทำให้หมาของคุณมีอายุขัยที่ยาวขึ้น



สาเหตุของโรคอ้วนในหมา

     จากการสอบถามสัตว์แพทย์ในรัฐวิกตอเรีย สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2010 ทำให้พบว่า มีหมาอ้วนเพียง 3% ที่มีสาเหตุมาจากปัญหาทางสุขภาพ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ และนั่นก็หมายความว่า ภาวะน้ำหนักเกินในหมาอีก 97% ที่เหลือมีสาเหตุมาจากวิธีการดูแลของเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นให้อาหารมากเกินไป ให้ขนมมากเกินไป หรือการออกกำลังกายที่ไม่พอเพียง

     ยิ่งไปกว่านั้น การทำหมันไม่ได้ทำให้หมาอ้วนขึ้นแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายที่ทำให้หมาของคุณต้องการพลังงานน้อยลง และเมื่อหมาของคุณโตเต็มที่ พลังงานที่มันต้องการก็ลดลงเมื่อเทียบกับตอนที่เป็นลูกหมา

หมาของคุณอ้วนเกินไปรึเปล่า?

     คุณสามารถตรวจได้ง่ายๆ ว่าหมาของคุณน้ำหนักเกินหรือไม่ด้วยการมองดูทั้งจากทางด้านข้างและด้านบน คุณควรเห็นขอบเอวที่อยู่ต่อจากซี่โครงได้อย่างชัดเจน ถ้าคุณไม่เห็นเอว หรือรูปร่างของหมาเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วละก็ ได้เวลาต้องลดน้ำหนักแล้ว

     ใช้มือลูบไปตามหน้าอกหมา และคลำหาซี่โครง ถ้าหากคุณคลำหาเจอได้ไม่ยากนัก นั่นก็เป็นการบ่งบอกว่าหมาของคุณอยู่ในสภาพที่ดี แต่ถ้าคุณหาซี่โครงไม่เจอเลย หมาของคุณก็ต้องไปออกกำลังกาย
ช่วยหมาลดน้ำหนัก

     เนื่องจากภาวะอ้วนของหมาส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการที่มันกินอาหารมากเกินไป และออกกำลังกายไม่เพียงพอ  การลดน้ำหนักส่วนเกิดจึงไม่ควรจะเป็นเรื่องยาก แค่ให้อาหารน้อยลง และพามันไปเดินให้มากขึ้น แน่นอนว่าการพูดเฉยๆ นั้นง่ายว่าลงมือทำจริงมาก...
เราจึงมีวิธีที่คุณสามารถนำไปปรับใช้เพื่อลดน้ำหนักให้หมามาฝากด้วย

- ให้อาหารตามปริมาณที่แนะนำบนฉลากอาหารหมาเท่านั้น ถ้าหมาของคุณน้ำหนักเกิน ให้ลดปริมาณอาหารลงไปอีก จนกว่าจะสามารถมองเห็นขอบเอวและคลำเจอซี่โครง

- ถ้าหมาของคุณต้องลดน้ำหนักปริมาณมาก ใช้อาหารสูตรลดน้ำหนักตามที่สัตวแพทย์แนะนำ อาหารสูตรลดน้ำหนักจะช่วยลดปริมาณแคลลอรี่ที่ร่างกายหมาได้รับ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงได้รับสารอาหารที่ต้องการอย่างเพียงพอ

- ห้ามให้ขนมนอกมื้ออาหาร

- คนในครอบครัวทุกคนต้องร่วมมือกัน ความพยายามของคุณจะไร้ประโยชน์ขึ้นมาทันที ถ้ามีคนอื่นในครอบครัวแอบให้ขนมหมาอยู่เรื่อยๆ

- ทำใจแข็งเมื่อหมามาอ้อน แทนที่จะให้ขนม คุณอาจเปลี่ยนมาเล่นกับมันหรือแปรงขนให้มันแทน มีวิธีมากมายที่คุณสามารถแสดงให้หมารู้ว่าคุณรักมันโดยที่ไม่ต้องให้ขนมเลย



4668


     เจ้าของจำนวนไม่น้อยปล่อยให้หมาของตัวเองอ้วนท้วนจนเกินสมบูรณ์เพราะคิดว่าน่ารักดี แต่รู้หรือไม่ว่า โรคอ้วนในหมานั้นส่งผลร้ายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของคุณ และอาจทำให้มันต้องตกอยู่ในภาวะที่ทุกข์ทรมานเมื่อมันอ้วนเกินไป เช่น

- โรคไขข้อ ถ้าข้อต่อของหมาต้องรับน้ำหนักจำนวนมาก อาจทำให้ข้อต่อของมันฉีกขาดหรือเสื่อมสภาพ และเป็นสาเหตุให้กระดูกอ่อนเสื่อมสภาพ หรือเป็นโรคไขข้อที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับมันได้

- หายใจลำบาก เมื่อมีไขมันบริเวณหน้าอกมากเกินไป หมาของคุณจะหายใจได้ลำบากขึ้น

- หมาที่เป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจ จะรักษาได้ยากขึ้นหากเป็นโรคอ้วนร่วมด้วย

และแม้ว่าหมาของคุณอาจไม่มีอาการเหล่านี้ การควบคุมปริมาณอาหารอย่างเหมาะสมก็ทำให้หมาของคุณมีอายุขัยที่ยาวขึ้น



สาเหตุของโรคอ้วนในหมา

     จากการสอบถามสัตว์แพทย์ในรัฐวิกตอเรีย สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2010 ทำให้พบว่า มีหมาอ้วนเพียง 3% ที่มีสาเหตุมาจากปัญหาทางสุขภาพ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ และนั่นก็หมายความว่า ภาวะน้ำหนักเกินในหมาอีก 97% ที่เหลือมีสาเหตุมาจากวิธีการดูแลของเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นให้อาหารมากเกินไป ให้ขนมมากเกินไป หรือการออกกำลังกายที่ไม่พอเพียง

     ยิ่งไปกว่านั้น การทำหมันไม่ได้ทำให้หมาอ้วนขึ้นแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายที่ทำให้หมาของคุณต้องการพลังงานน้อยลง และเมื่อหมาของคุณโตเต็มที่ พลังงานที่มันต้องการก็ลดลงเมื่อเทียบกับตอนที่เป็นลูกหมา

หมาของคุณอ้วนเกินไปรึเปล่า?

     คุณสามารถตรวจได้ง่ายๆ ว่าหมาของคุณน้ำหนักเกินหรือไม่ด้วยการมองดูทั้งจากทางด้านข้างและด้านบน คุณควรเห็นขอบเอวที่อยู่ต่อจากซี่โครงได้อย่างชัดเจน ถ้าคุณไม่เห็นเอว หรือรูปร่างของหมาเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วละก็ ได้เวลาต้องลดน้ำหนักแล้ว

     ใช้มือลูบไปตามหน้าอกหมา และคลำหาซี่โครง ถ้าหากคุณคลำหาเจอได้ไม่ยากนัก นั่นก็เป็นการบ่งบอกว่าหมาของคุณอยู่ในสภาพที่ดี แต่ถ้าคุณหาซี่โครงไม่เจอเลย หมาของคุณก็ต้องไปออกกำลังกาย
ช่วยหมาลดน้ำหนัก

     เนื่องจากภาวะอ้วนของหมาส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการที่มันกินอาหารมากเกินไป และออกกำลังกายไม่เพียงพอ  การลดน้ำหนักส่วนเกิดจึงไม่ควรจะเป็นเรื่องยาก แค่ให้อาหารน้อยลง และพามันไปเดินให้มากขึ้น แน่นอนว่าการพูดเฉยๆ นั้นง่ายว่าลงมือทำจริงมาก...
เราจึงมีวิธีที่คุณสามารถนำไปปรับใช้เพื่อลดน้ำหนักให้หมามาฝากด้วย

- ให้อาหารตามปริมาณที่แนะนำบนฉลากอาหารหมาเท่านั้น ถ้าหมาของคุณน้ำหนักเกิน ให้ลดปริมาณอาหารลงไปอีก จนกว่าจะสามารถมองเห็นขอบเอวและคลำเจอซี่โครง

- ถ้าหมาของคุณต้องลดน้ำหนักปริมาณมาก ใช้อาหารสูตรลดน้ำหนักตามที่สัตวแพทย์แนะนำ อาหารสูตรลดน้ำหนักจะช่วยลดปริมาณแคลลอรี่ที่ร่างกายหมาได้รับ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงได้รับสารอาหารที่ต้องการอย่างเพียงพอ

- ห้ามให้ขนมนอกมื้ออาหาร

- คนในครอบครัวทุกคนต้องร่วมมือกัน ความพยายามของคุณจะไร้ประโยชน์ขึ้นมาทันที ถ้ามีคนอื่นในครอบครัวแอบให้ขนมหมาอยู่เรื่อยๆ

- ทำใจแข็งเมื่อหมามาอ้อน แทนที่จะให้ขนม คุณอาจเปลี่ยนมาเล่นกับมันหรือแปรงขนให้มันแทน มีวิธีมากมายที่คุณสามารถแสดงให้หมารู้ว่าคุณรักมันโดยที่ไม่ต้องให้ขนมเลย



4669
8 สายพันธุ์ที่มีความคล้ายกับไซบีเรียน ฮัสกี้

เชื่อว่าหลายๆคน ในที่นี้ ชื่นชอบสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ทุกคนคงรู้ว่า ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขมีความฉลาด, มีพละกำลังสูง , และเป็นมิตรกับทุกคนภายในบ้าน (และนอกบ้าน) และอีกอยากที่อยากจะแนะนำว่าไซบีเรียนไม่ควรเลี้ยงตามอพาร์ทเม้น หรือ คอนโดนะครับ เพราะพวกเขาต้องการพื้นที่มาก เพราะพวกเขารักที่จะออกไปเดินเล่นหรือวิ่ง หรือควรมีเวลาพาเค้าไปเดินเล่นทุกเย็น เกริ่นเรื่องไซบีเรียนมาซะยาวแหละ เข้าเรื่องของวันนี้กันดีกว่าครับวันนี้จะมาพูดถึงสุนัขสายพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึงกับไซบีเรียน เพราะบางครั้งเราเห็นแว๊บแรกอาจจะคิดเป็นเป็นไซบีเรียน เราลองมาดูกันครับว่ามีสายพันธุ์อะไรบ้าง

1. Utonagan Dog
มองแว๊บแรกอาจคิดว่าเป็นไซบีเรียน หรือหมาป่า มันคือสายพันธุ์ Utonagan มันถูกผสมมาจาก 3 สายพันธุ์  อลาสกันมาลามิวท์ (Alaskan Malamutes) ,ไซบีเรียนฮัสกี้ (Siberian Huskies) และ เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German shepherd) แต่ Utonagan มันจะมีขนาดใหญ่กว่าไซบีเรียนเยอะ



2. Tamaskan Dog
Tamaskan เป็นสุนัขที่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในครอบครัว เพราะมันมีนิสัยอ่อนโยนและรักเด็กและยังสามารถเข้ากับสุนัขพันธุ์อื่นๆได้ดี โดยรวมพวกเขามีความฉลาดมาก  ชอบวิ่งเล่น พลังงานล้นเหลือ ดูไปแล้วมันเหมือนกับไซบีเรียนยังกับแกะ



3. Samoyed
สุนัขสายพันธุ์ ซามอยด์ (Samoyed) มักจะถูกเปรียบเทียบกับไซบีเรียนฮัสกี้เสมอเพราะพวกเขามีความเป็นมิตรขี้เล่นเหมือนกัน ชอบไปเดินจ๊อกกิ้งและทำกิจกรรมคล้ายๆกัน



4. Keeshond
Keeshond เป็นสุนัขตระกูลเดียวกับสายพันธุ์ ชามอยด์ เชาเชา และปอมเมอเรเนียน มองไปแล้วก็มีส่วนคล้ายไซบีเรียนอย่างมากและลักษณะนิสัยมันก็คล้ายๆกัน คือฉลาด ร่าเริง และมันตื่นตัวตลอดเวลา



5. Finnish Spitz
ฟินนิช สปิทซ์ (Finnish Spitz) เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึง เพราะฟินนิช สปิทซ์ รูปทรงจะคล้ายๆหมาป่า ส่วนใหญ่ฟินนิช สปิทซ์จะใช้ในการล่าสัตว์ และขนของมันจะมีสีออกน้ำตาลแดง ส่วนนิสัยก็เหมือนกันกับไซบีเรียน



6. Akita Inu
อะคิตะ อินุ (Akita Inu) เป็นสายพันธุ์ที่รักคนในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก เป็นสายพันธุ์ที่มีความซื่อสัตย์มาก มี ความฉลาด สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ชอบที่จะเข้าใกล้คนแปลกหน้า ซึ่งนิสัยอาจจะต่างกับไซบีเรียนคนล่ะขั้วเลย ^^


7. Alaskan Malamute
อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันเลยก็ว่าได้ถ้าเทียบความคล้ายคลึงกันกับไซบีเรียน ฮัสกี้ แต่มาลามิวท์ จะตัวใหญ่และขนฟูกว่า ไซบีเรียนฮัสกี้



8. Alaskan Klee Kai
Alaskan Klee Kai มันถูกพัฒนาสายพันธุ์มากจาก Alaskan Husky แต่หน้าตาเหมือนไซบีเรียนยังกับฝาแฝด แต่ Alaskan Klee Kai ตัวจะเล็กกว่า ถ้าเทียบง่ายๆก็ไซบีเรียนย่อส่วนหรือไซบีเรียน T-Cup ซึ่งมันถูกพัฒนาขึ้นมาจากสุนัขตัวเล็กๆของชาวอินเดียแดงที่อาศัย อยู่ในอลาสก้า โดยนำมันมาใช้ลากเลื่อนเหมือนกันเลย




4670
8 สายพันธุ์ที่มีความคล้ายกับไซบีเรียน ฮัสกี้

เชื่อว่าหลายๆคน ในที่นี้ ชื่นชอบสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ทุกคนคงรู้ว่า ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขมีความฉลาด, มีพละกำลังสูง , และเป็นมิตรกับทุกคนภายในบ้าน (และนอกบ้าน) และอีกอยากที่อยากจะแนะนำว่าไซบีเรียนไม่ควรเลี้ยงตามอพาร์ทเม้น หรือ คอนโดนะครับ เพราะพวกเขาต้องการพื้นที่มาก เพราะพวกเขารักที่จะออกไปเดินเล่นหรือวิ่ง หรือควรมีเวลาพาเค้าไปเดินเล่นทุกเย็น เกริ่นเรื่องไซบีเรียนมาซะยาวแหละ เข้าเรื่องของวันนี้กันดีกว่าครับวันนี้จะมาพูดถึงสุนัขสายพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึงกับไซบีเรียน เพราะบางครั้งเราเห็นแว๊บแรกอาจจะคิดเป็นเป็นไซบีเรียน เราลองมาดูกันครับว่ามีสายพันธุ์อะไรบ้าง

1. Utonagan Dog
มองแว๊บแรกอาจคิดว่าเป็นไซบีเรียน หรือหมาป่า มันคือสายพันธุ์ Utonagan มันถูกผสมมาจาก 3 สายพันธุ์  อลาสกันมาลามิวท์ (Alaskan Malamutes) ,ไซบีเรียนฮัสกี้ (Siberian Huskies) และ เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German shepherd) แต่ Utonagan มันจะมีขนาดใหญ่กว่าไซบีเรียนเยอะ



2. Tamaskan Dog
Tamaskan เป็นสุนัขที่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในครอบครัว เพราะมันมีนิสัยอ่อนโยนและรักเด็กและยังสามารถเข้ากับสุนัขพันธุ์อื่นๆได้ดี โดยรวมพวกเขามีความฉลาดมาก  ชอบวิ่งเล่น พลังงานล้นเหลือ ดูไปแล้วมันเหมือนกับไซบีเรียนยังกับแกะ



3. Samoyed
สุนัขสายพันธุ์ ซามอยด์ (Samoyed) มักจะถูกเปรียบเทียบกับไซบีเรียนฮัสกี้เสมอเพราะพวกเขามีความเป็นมิตรขี้เล่นเหมือนกัน ชอบไปเดินจ๊อกกิ้งและทำกิจกรรมคล้ายๆกัน



4. Keeshond
Keeshond เป็นสุนัขตระกูลเดียวกับสายพันธุ์ ชามอยด์ เชาเชา และปอมเมอเรเนียน มองไปแล้วก็มีส่วนคล้ายไซบีเรียนอย่างมากและลักษณะนิสัยมันก็คล้ายๆกัน คือฉลาด ร่าเริง และมันตื่นตัวตลอดเวลา



5. Finnish Spitz
ฟินนิช สปิทซ์ (Finnish Spitz) เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึง เพราะฟินนิช สปิทซ์ รูปทรงจะคล้ายๆหมาป่า ส่วนใหญ่ฟินนิช สปิทซ์จะใช้ในการล่าสัตว์ และขนของมันจะมีสีออกน้ำตาลแดง ส่วนนิสัยก็เหมือนกันกับไซบีเรียน



6. Akita Inu
อะคิตะ อินุ (Akita Inu) เป็นสายพันธุ์ที่รักคนในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก เป็นสายพันธุ์ที่มีความซื่อสัตย์มาก มี ความฉลาด สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ชอบที่จะเข้าใกล้คนแปลกหน้า ซึ่งนิสัยอาจจะต่างกับไซบีเรียนคนล่ะขั้วเลย ^^


7. Alaskan Malamute
อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันเลยก็ว่าได้ถ้าเทียบความคล้ายคลึงกันกับไซบีเรียน ฮัสกี้ แต่มาลามิวท์ จะตัวใหญ่และขนฟูกว่า ไซบีเรียนฮัสกี้



8. Alaskan Klee Kai
Alaskan Klee Kai มันถูกพัฒนาสายพันธุ์มากจาก Alaskan Husky แต่หน้าตาเหมือนไซบีเรียนยังกับฝาแฝด แต่ Alaskan Klee Kai ตัวจะเล็กกว่า ถ้าเทียบง่ายๆก็ไซบีเรียนย่อส่วนหรือไซบีเรียน T-Cup ซึ่งมันถูกพัฒนาขึ้นมาจากสุนัขตัวเล็กๆของชาวอินเดียแดงที่อาศัย อยู่ในอลาสก้า โดยนำมันมาใช้ลากเลื่อนเหมือนกันเลย




4671
8 สายพันธุ์ที่มีความคล้ายกับไซบีเรียน ฮัสกี้

เชื่อว่าหลายๆคน ในที่นี้ ชื่นชอบสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ทุกคนคงรู้ว่า ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขมีความฉลาด, มีพละกำลังสูง , และเป็นมิตรกับทุกคนภายในบ้าน (และนอกบ้าน) และอีกอยากที่อยากจะแนะนำว่าไซบีเรียนไม่ควรเลี้ยงตามอพาร์ทเม้น หรือ คอนโดนะครับ เพราะพวกเขาต้องการพื้นที่มาก เพราะพวกเขารักที่จะออกไปเดินเล่นหรือวิ่ง หรือควรมีเวลาพาเค้าไปเดินเล่นทุกเย็น เกริ่นเรื่องไซบีเรียนมาซะยาวแหละ เข้าเรื่องของวันนี้กันดีกว่าครับวันนี้จะมาพูดถึงสุนัขสายพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึงกับไซบีเรียน เพราะบางครั้งเราเห็นแว๊บแรกอาจจะคิดเป็นเป็นไซบีเรียน เราลองมาดูกันครับว่ามีสายพันธุ์อะไรบ้าง

1. Utonagan Dog
มองแว๊บแรกอาจคิดว่าเป็นไซบีเรียน หรือหมาป่า มันคือสายพันธุ์ Utonagan มันถูกผสมมาจาก 3 สายพันธุ์  อลาสกันมาลามิวท์ (Alaskan Malamutes) ,ไซบีเรียนฮัสกี้ (Siberian Huskies) และ เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German shepherd) แต่ Utonagan มันจะมีขนาดใหญ่กว่าไซบีเรียนเยอะ



2. Tamaskan Dog
Tamaskan เป็นสุนัขที่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในครอบครัว เพราะมันมีนิสัยอ่อนโยนและรักเด็กและยังสามารถเข้ากับสุนัขพันธุ์อื่นๆได้ดี โดยรวมพวกเขามีความฉลาดมาก  ชอบวิ่งเล่น พลังงานล้นเหลือ ดูไปแล้วมันเหมือนกับไซบีเรียนยังกับแกะ



3. Samoyed
สุนัขสายพันธุ์ ซามอยด์ (Samoyed) มักจะถูกเปรียบเทียบกับไซบีเรียนฮัสกี้เสมอเพราะพวกเขามีความเป็นมิตรขี้เล่นเหมือนกัน ชอบไปเดินจ๊อกกิ้งและทำกิจกรรมคล้ายๆกัน



4. Keeshond
Keeshond เป็นสุนัขตระกูลเดียวกับสายพันธุ์ ชามอยด์ เชาเชา และปอมเมอเรเนียน มองไปแล้วก็มีส่วนคล้ายไซบีเรียนอย่างมากและลักษณะนิสัยมันก็คล้ายๆกัน คือฉลาด ร่าเริง และมันตื่นตัวตลอดเวลา



5. Finnish Spitz
ฟินนิช สปิทซ์ (Finnish Spitz) เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึง เพราะฟินนิช สปิทซ์ รูปทรงจะคล้ายๆหมาป่า ส่วนใหญ่ฟินนิช สปิทซ์จะใช้ในการล่าสัตว์ และขนของมันจะมีสีออกน้ำตาลแดง ส่วนนิสัยก็เหมือนกันกับไซบีเรียน



6. Akita Inu
อะคิตะ อินุ (Akita Inu) เป็นสายพันธุ์ที่รักคนในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก เป็นสายพันธุ์ที่มีความซื่อสัตย์มาก มี ความฉลาด สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ชอบที่จะเข้าใกล้คนแปลกหน้า ซึ่งนิสัยอาจจะต่างกับไซบีเรียนคนล่ะขั้วเลย ^^


7. Alaskan Malamute
อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันเลยก็ว่าได้ถ้าเทียบความคล้ายคลึงกันกับไซบีเรียน ฮัสกี้ แต่มาลามิวท์ จะตัวใหญ่และขนฟูกว่า ไซบีเรียนฮัสกี้



8. Alaskan Klee Kai
Alaskan Klee Kai มันถูกพัฒนาสายพันธุ์มากจาก Alaskan Husky แต่หน้าตาเหมือนไซบีเรียนยังกับฝาแฝด แต่ Alaskan Klee Kai ตัวจะเล็กกว่า ถ้าเทียบง่ายๆก็ไซบีเรียนย่อส่วนหรือไซบีเรียน T-Cup ซึ่งมันถูกพัฒนาขึ้นมาจากสุนัขตัวเล็กๆของชาวอินเดียแดงที่อาศัย อยู่ในอลาสก้า โดยนำมันมาใช้ลากเลื่อนเหมือนกันเลย




4672
8 สายพันธุ์ที่มีความคล้ายกับไซบีเรียน ฮัสกี้

เชื่อว่าหลายๆคน ในที่นี้ ชื่นชอบสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ทุกคนคงรู้ว่า ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขมีความฉลาด, มีพละกำลังสูง , และเป็นมิตรกับทุกคนภายในบ้าน (และนอกบ้าน) และอีกอยากที่อยากจะแนะนำว่าไซบีเรียนไม่ควรเลี้ยงตามอพาร์ทเม้น หรือ คอนโดนะครับ เพราะพวกเขาต้องการพื้นที่มาก เพราะพวกเขารักที่จะออกไปเดินเล่นหรือวิ่ง หรือควรมีเวลาพาเค้าไปเดินเล่นทุกเย็น เกริ่นเรื่องไซบีเรียนมาซะยาวแหละ เข้าเรื่องของวันนี้กันดีกว่าครับวันนี้จะมาพูดถึงสุนัขสายพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึงกับไซบีเรียน เพราะบางครั้งเราเห็นแว๊บแรกอาจจะคิดเป็นเป็นไซบีเรียน เราลองมาดูกันครับว่ามีสายพันธุ์อะไรบ้าง

1. Utonagan Dog
มองแว๊บแรกอาจคิดว่าเป็นไซบีเรียน หรือหมาป่า มันคือสายพันธุ์ Utonagan มันถูกผสมมาจาก 3 สายพันธุ์  อลาสกันมาลามิวท์ (Alaskan Malamutes) ,ไซบีเรียนฮัสกี้ (Siberian Huskies) และ เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German shepherd) แต่ Utonagan มันจะมีขนาดใหญ่กว่าไซบีเรียนเยอะ



2. Tamaskan Dog
Tamaskan เป็นสุนัขที่เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในครอบครัว เพราะมันมีนิสัยอ่อนโยนและรักเด็กและยังสามารถเข้ากับสุนัขพันธุ์อื่นๆได้ดี โดยรวมพวกเขามีความฉลาดมาก  ชอบวิ่งเล่น พลังงานล้นเหลือ ดูไปแล้วมันเหมือนกับไซบีเรียนยังกับแกะ



3. Samoyed
สุนัขสายพันธุ์ ซามอยด์ (Samoyed) มักจะถูกเปรียบเทียบกับไซบีเรียนฮัสกี้เสมอเพราะพวกเขามีความเป็นมิตรขี้เล่นเหมือนกัน ชอบไปเดินจ๊อกกิ้งและทำกิจกรรมคล้ายๆกัน



4. Keeshond
Keeshond เป็นสุนัขตระกูลเดียวกับสายพันธุ์ ชามอยด์ เชาเชา และปอมเมอเรเนียน มองไปแล้วก็มีส่วนคล้ายไซบีเรียนอย่างมากและลักษณะนิสัยมันก็คล้ายๆกัน คือฉลาด ร่าเริง และมันตื่นตัวตลอดเวลา



5. Finnish Spitz
ฟินนิช สปิทซ์ (Finnish Spitz) เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึง เพราะฟินนิช สปิทซ์ รูปทรงจะคล้ายๆหมาป่า ส่วนใหญ่ฟินนิช สปิทซ์จะใช้ในการล่าสัตว์ และขนของมันจะมีสีออกน้ำตาลแดง ส่วนนิสัยก็เหมือนกันกับไซบีเรียน



6. Akita Inu
อะคิตะ อินุ (Akita Inu) เป็นสายพันธุ์ที่รักคนในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก เป็นสายพันธุ์ที่มีความซื่อสัตย์มาก มี ความฉลาด สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ชอบที่จะเข้าใกล้คนแปลกหน้า ซึ่งนิสัยอาจจะต่างกับไซบีเรียนคนล่ะขั้วเลย ^^


7. Alaskan Malamute
อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันเลยก็ว่าได้ถ้าเทียบความคล้ายคลึงกันกับไซบีเรียน ฮัสกี้ แต่มาลามิวท์ จะตัวใหญ่และขนฟูกว่า ไซบีเรียนฮัสกี้



8. Alaskan Klee Kai
Alaskan Klee Kai มันถูกพัฒนาสายพันธุ์มากจาก Alaskan Husky แต่หน้าตาเหมือนไซบีเรียนยังกับฝาแฝด แต่ Alaskan Klee Kai ตัวจะเล็กกว่า ถ้าเทียบง่ายๆก็ไซบีเรียนย่อส่วนหรือไซบีเรียน T-Cup ซึ่งมันถูกพัฒนาขึ้นมาจากสุนัขตัวเล็กๆของชาวอินเดียแดงที่อาศัย อยู่ในอลาสก้า โดยนำมันมาใช้ลากเลื่อนเหมือนกันเลย




4673
แน่นอนเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะเคยเห็นสุนัขเล่นสเก็ตบอร์ดมาก่อน แต่ก็มักจะเป็นสุนัขขนาดเล็กเช่น บลูด๊อก เพราะร่างกายของพวกเขามีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้พวกเขามีสัดส่วนที่ดีในการทรงตัว แต่ครั้งนี้เป็นสุนัขสัดส่วนสูงกว่า บลูด๊อก มาโชว์เทพเก็ตบอร์ดให้เราดูกัน ตามไปดูกันเลยคะ ว่าจะเก่งขนาดไหน






4674
แน่นอนเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะเคยเห็นสุนัขเล่นสเก็ตบอร์ดมาก่อน แต่ก็มักจะเป็นสุนัขขนาดเล็กเช่น บลูด๊อก เพราะร่างกายของพวกเขามีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้พวกเขามีสัดส่วนที่ดีในการทรงตัว แต่ครั้งนี้เป็นสุนัขสัดส่วนสูงกว่า บลูด๊อก มาโชว์เทพเก็ตบอร์ดให้เราดูกัน ตามไปดูกันเลยคะ ว่าจะเก่งขนาดไหน






4675
แน่นอนเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะเคยเห็นสุนัขเล่นสเก็ตบอร์ดมาก่อน แต่ก็มักจะเป็นสุนัขขนาดเล็กเช่น บลูด๊อก เพราะร่างกายของพวกเขามีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้พวกเขามีสัดส่วนที่ดีในการทรงตัว แต่ครั้งนี้เป็นสุนัขสัดส่วนสูงกว่า บลูด๊อก มาโชว์เทพเก็ตบอร์ดให้เราดูกัน ตามไปดูกันเลยคะ ว่าจะเก่งขนาดไหน






4676
แน่นอนเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะเคยเห็นสุนัขเล่นสเก็ตบอร์ดมาก่อน แต่ก็มักจะเป็นสุนัขขนาดเล็กเช่น บลูด๊อก เพราะร่างกายของพวกเขามีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้พวกเขามีสัดส่วนที่ดีในการทรงตัว แต่ครั้งนี้เป็นสุนัขสัดส่วนสูงกว่า บลูด๊อก มาโชว์เทพเก็ตบอร์ดให้เราดูกัน ตามไปดูกันเลยคะ ว่าจะเก่งขนาดไหน






4677
หมา 10 สายพันธุ์สำหรับคนเป็นภูมิแพ้

โดยทั่วไปแล้ว โรคภูมิแพ้มักจะเกิดจากรังแคหรือขนของสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาการแพ้มักไม่รุนแรงนัก เช่น จาม ระคายตา หรือมีผื่นขึ้น แต่สำหรับบางคนก็สามารถมีอาการรุนแรงถึงขั้นหายใจไม่ออกได้เลยทีเดียว ซึ่งเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ขัดขวางความสุขเหล่าคนรักหมาแต่เป็นโรคภูมิแพ้ เป็นอย่างยิ่ง เพราะการมีหมาน่ารักๆ อยู่เคียงข้างคุณนั้นมีข้อดีมากมาย จนทำให้หลายคนยอมทนอยู่กับการจามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วซื้อยาแก้แพ้มาตุนไว้รับมือกับอาการแพ้เอาแทน

แต่รู้หรือไม่ว่า มีหมาหลากหลายสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ! ตามปกติแล้ว หมาจะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 3-4 วัน แต่บางสายพันธุ์จะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 21 วัน ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวน้อยครั้งนี้ หมายถึงจะมีรังแคน้อยลง และทำให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้เกิดอาการแพ้น้อยครั้งลงไปด้วย มาดูกันดีกว่าว่า หมาพันธุ์ไหนบ้างที่เหมาะสำหรับคนรักหมาที่เป็นโรคภูมิแพ้



1. ไอริชวอเตอร์สเปนีล (Irish Water Spaniel)
ไอริชวอเตอร์สเปนีลเป็นพันธุ์ที่ต้องการการออกกำลังกายอย่างหนัก และพันธุ์หายากที่มีลักษณะเฉพาะว่า จะไม่มีขนตรงส่วนหางเลย แต่ร่างกายมีขนหยิกหนา แต่ผลัดขนน้อยครั้งและในปริมาณที่ไม่มากนัก ทำให้มันเหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อย่างยิ่งและเนื่องจากขนของไอริชวอเตอร์สเปนีลค่อนข้างหนา จึงต้องการดูแลและแปรงขนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ควรเล็มและแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะป้องกันขนพันกันหรือเกาะกันเป็นสังกะตังด้วย



2. ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรีย (Irish Soft Coated Wheaten Terrier)
ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียหรือ วีตเทน เป็นหมาที่มีบ้าพลังที่ต้องการการออกกำลังกายทุกวัน มีที่มาจากประเทศไอร์แลนด์ และขึ้นชื่อเรื่องมีนิสัยเหมือนลูกหมานานชั่วชีวิต มันจึงซุกซนและร่าเริงอยู่เสมอ ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทนเทอร์เรียมีขนชั้นเดียว จึงทำให้ลดการผลัดขนลงได้มาก แต่ก็ยังต้องการการดูแลรักษาเพื่อไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตังอยู่ดี

3. ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)
ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ หรือ ยอร์กกี้ มีเอกลักษณ์เป็นหมาน้อยขี้โวยวายที่เต็มไปด้วยความน่ารัก พลังงาน และปราศจากความหวาดกลัว แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่ยอร์กกี้ก็จะเห่าไล่เกือบทุกอย่างที่มันเจอ ค่อนข้างขี้หวง และไม่กลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาที่ตัวใหญ่กว่า ยอร์กกี้เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากยอร์กกี้ไม่มีขนชั้นใน จึงมีการผลัดขนน้อย แต่ก็ยังต้องการการตัดเล็มอย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นแล้วขนจะยาวขึ้นเรื่อยๆ การรักษาขนให้สั้นอยู่เสมอเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากสามารถช่วยลดปริมาณรังแคที่จะเกิดขึ้นได้


4. โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก(Portuguese Water Dog)
โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก เป็นสายพันธุ์อีกที่บ้าพลังตื่นเต้นตลอดเวลา และต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำ มันเป็นพันธุ์ที่ฉลาดและเชื่อฟังเจ้าของ แต่บางครั้ง ความบ้าพลังของมันก็ทำให้เป็นอุปสรรคในการฝึกได้ โปรตุกีสวอเตอร์ด็อกเป็นหมาในฝันของคนเป็นโรคภูมิแพ้ ขนหยิกหนาของมันไม่มีการผลัดขนแค่ต้องการการแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง



5. ชเนาเซอร์ (Schnauzer)
ชเนาเซอร์ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี เกิดจากการผสมกันระหว่างพุดเดิ้ลและ แอฟเฟนพินเชอร์มีทั้งหมด 3 ขนาด ซึ่งมีน้ำหนักได้ตั้งแต่ 11-30 ปอนด์ แม้ว่าจะไม่ใช่หมาพันธุ์ใหญ่ แต่ชเนาเซอร์ก็ช่างปกป้องและจะเห่าไล่คนแปลกหน้าและอะไรก็ตามที่มันไม่คุ้นเคย ที่เข้ามาในอาณาเขตของมันชเนาเซอร์ไม่ผลัดขน แต่ต้องตัดเล็มขนอยู่เสมอเพื่อให้ยาวในระดับที่พอเหมาะ


6. ฮาวาเนส(Havanese)
ฮาวาเนส มีถิ่นกำหนดมาจากประเทศคิวบา เป็นหมาที่ร่าเริง และเป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่ไม่มีการผลัดขนเลย แต่แม้ว่าจะไม่มีการผลัดขน ผิวหนังของหมาพันธุ์นี้ก็ยังสามารถผลิตและเก็บสะสมรังแคเอาไว้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการแปรงขนทุกวันเพื่อลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ที่จะเกิดขึ้น



7. มอลทีส(Maltese)
มอลทีส ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศมอลตา เป็นหมาหมาพันธุ์เล็กที่มีความตื่นตัวสูงและขี้เล่นมากควรพาไปเดินเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อให้ได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ มอลทีสนั้นเป็นที่รู้จักการขนยาวสีขาวบริสุทธิ์ ที่ต้องการการดูและและแปรงขนทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตัง นอกจากนี้ยังต้องคอยเล็มขนเพื่อป้องกันคราบน้ำตารอบดวงตาอีกด้วย แม้ว่ามอลทีสจะมีขนยาว แต่ก็ไม่มีขนชั้นใน ซึ่งช่วยลดการผลัดขนและปริมาณของรังแคลงได้มาก



8. บีชันฟรีส (Bichon Frise)
บีชันฟรีส เป็นหมาเล็นขนฟูนุ่มน่ารักราวกับตุ๊กตาที่ช่างออดอ้อน มันเป็นได้ทุกอย่างที่ก้อนขนฟูๆ ก้อนหนึ่งสามารถเป็นได้และเป็นหมาขี้เล่น มีนิสัยอ่อนโยนนุ่มนวลที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว ขนของบีชันฟรีสมีสีขาวล้วนและมีการผลัดขนน้อยมาก ทำให้จำเป็นต้องตัดเล็มขนอยู่เสมอและจะเกาะเป็นสังกะตังได้ง่ายมากหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม



9. พุดเดิ้ล (Poodle)
แม้ว่าพุดเดิ้ลจะมีภาพลักษณ์ว่าเป็นหมาสำหรับผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วพุดเดิ้ลเป็นพันธุ์ที่ฉลาดมาก เชื่อฟังเจ้าของเป็นอย่างยิ่งและฝึกได้ง่าย พุดเดิ้ลไม่ผลัดขน ปริมาณขนที่ทำให้เกิดอาการแพ้จึงมีน้อย แต่เจ้าของพุดเดิ้ลก็ต้องไม่ลืมว่า มันยังมีรังแคอยู่ และสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้เท่าๆ กับขนของมันเลย



10. ไชนีส เครสเต็ด(Chinese Crested)
ร่าเริง ตื่นตัว และขี้เล่น คือคำที่บรรยายลักษณะนิสัยของไชนีส เครสเต็ดได้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ใช่สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้น้อยที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในหมาไม่กี่สายพันธุ์ที่ร่างกายส่วนใหญ่ไม่มีขน เป็น ไชนีส เครสเต็ดมีขนอยู่แค่ที่บริเวณส่วนหัว เท้า และหางเท่านั้น เมื่อไม่มีขน ปริมาณของขนและรังแคจึงมีน้อย แต่ ด้วยความที่มันไม่มีขนนี่เอง จึงทำให้ผิวหนังของมันมีการป้องกันเท่าๆ กับของมนุษย์ และมีความเสี่ยงจากการถูกแดดเผา ระคายเคืองทางผิวหนังและมันเองก็สามารถเป็นภูมิแพ้ได้เช่นกัน


4678
หมา 10 สายพันธุ์สำหรับคนเป็นภูมิแพ้

โดยทั่วไปแล้ว โรคภูมิแพ้มักจะเกิดจากรังแคหรือขนของสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาการแพ้มักไม่รุนแรงนัก เช่น จาม ระคายตา หรือมีผื่นขึ้น แต่สำหรับบางคนก็สามารถมีอาการรุนแรงถึงขั้นหายใจไม่ออกได้เลยทีเดียว ซึ่งเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ขัดขวางความสุขเหล่าคนรักหมาแต่เป็นโรคภูมิแพ้ เป็นอย่างยิ่ง เพราะการมีหมาน่ารักๆ อยู่เคียงข้างคุณนั้นมีข้อดีมากมาย จนทำให้หลายคนยอมทนอยู่กับการจามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วซื้อยาแก้แพ้มาตุนไว้รับมือกับอาการแพ้เอาแทน

แต่รู้หรือไม่ว่า มีหมาหลากหลายสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ! ตามปกติแล้ว หมาจะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 3-4 วัน แต่บางสายพันธุ์จะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 21 วัน ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวน้อยครั้งนี้ หมายถึงจะมีรังแคน้อยลง และทำให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้เกิดอาการแพ้น้อยครั้งลงไปด้วย มาดูกันดีกว่าว่า หมาพันธุ์ไหนบ้างที่เหมาะสำหรับคนรักหมาที่เป็นโรคภูมิแพ้



1. ไอริชวอเตอร์สเปนีล (Irish Water Spaniel)
ไอริชวอเตอร์สเปนีลเป็นพันธุ์ที่ต้องการการออกกำลังกายอย่างหนัก และพันธุ์หายากที่มีลักษณะเฉพาะว่า จะไม่มีขนตรงส่วนหางเลย แต่ร่างกายมีขนหยิกหนา แต่ผลัดขนน้อยครั้งและในปริมาณที่ไม่มากนัก ทำให้มันเหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อย่างยิ่งและเนื่องจากขนของไอริชวอเตอร์สเปนีลค่อนข้างหนา จึงต้องการดูแลและแปรงขนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ควรเล็มและแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะป้องกันขนพันกันหรือเกาะกันเป็นสังกะตังด้วย



2. ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรีย (Irish Soft Coated Wheaten Terrier)
ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียหรือ วีตเทน เป็นหมาที่มีบ้าพลังที่ต้องการการออกกำลังกายทุกวัน มีที่มาจากประเทศไอร์แลนด์ และขึ้นชื่อเรื่องมีนิสัยเหมือนลูกหมานานชั่วชีวิต มันจึงซุกซนและร่าเริงอยู่เสมอ ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทนเทอร์เรียมีขนชั้นเดียว จึงทำให้ลดการผลัดขนลงได้มาก แต่ก็ยังต้องการการดูแลรักษาเพื่อไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตังอยู่ดี

3. ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)
ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ หรือ ยอร์กกี้ มีเอกลักษณ์เป็นหมาน้อยขี้โวยวายที่เต็มไปด้วยความน่ารัก พลังงาน และปราศจากความหวาดกลัว แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่ยอร์กกี้ก็จะเห่าไล่เกือบทุกอย่างที่มันเจอ ค่อนข้างขี้หวง และไม่กลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาที่ตัวใหญ่กว่า ยอร์กกี้เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากยอร์กกี้ไม่มีขนชั้นใน จึงมีการผลัดขนน้อย แต่ก็ยังต้องการการตัดเล็มอย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นแล้วขนจะยาวขึ้นเรื่อยๆ การรักษาขนให้สั้นอยู่เสมอเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากสามารถช่วยลดปริมาณรังแคที่จะเกิดขึ้นได้


4. โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก(Portuguese Water Dog)
โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก เป็นสายพันธุ์อีกที่บ้าพลังตื่นเต้นตลอดเวลา และต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำ มันเป็นพันธุ์ที่ฉลาดและเชื่อฟังเจ้าของ แต่บางครั้ง ความบ้าพลังของมันก็ทำให้เป็นอุปสรรคในการฝึกได้ โปรตุกีสวอเตอร์ด็อกเป็นหมาในฝันของคนเป็นโรคภูมิแพ้ ขนหยิกหนาของมันไม่มีการผลัดขนแค่ต้องการการแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง



5. ชเนาเซอร์ (Schnauzer)
ชเนาเซอร์ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี เกิดจากการผสมกันระหว่างพุดเดิ้ลและ แอฟเฟนพินเชอร์มีทั้งหมด 3 ขนาด ซึ่งมีน้ำหนักได้ตั้งแต่ 11-30 ปอนด์ แม้ว่าจะไม่ใช่หมาพันธุ์ใหญ่ แต่ชเนาเซอร์ก็ช่างปกป้องและจะเห่าไล่คนแปลกหน้าและอะไรก็ตามที่มันไม่คุ้นเคย ที่เข้ามาในอาณาเขตของมันชเนาเซอร์ไม่ผลัดขน แต่ต้องตัดเล็มขนอยู่เสมอเพื่อให้ยาวในระดับที่พอเหมาะ


6. ฮาวาเนส(Havanese)
ฮาวาเนส มีถิ่นกำหนดมาจากประเทศคิวบา เป็นหมาที่ร่าเริง และเป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่ไม่มีการผลัดขนเลย แต่แม้ว่าจะไม่มีการผลัดขน ผิวหนังของหมาพันธุ์นี้ก็ยังสามารถผลิตและเก็บสะสมรังแคเอาไว้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการแปรงขนทุกวันเพื่อลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ที่จะเกิดขึ้น



7. มอลทีส(Maltese)
มอลทีส ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศมอลตา เป็นหมาหมาพันธุ์เล็กที่มีความตื่นตัวสูงและขี้เล่นมากควรพาไปเดินเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อให้ได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ มอลทีสนั้นเป็นที่รู้จักการขนยาวสีขาวบริสุทธิ์ ที่ต้องการการดูและและแปรงขนทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตัง นอกจากนี้ยังต้องคอยเล็มขนเพื่อป้องกันคราบน้ำตารอบดวงตาอีกด้วย แม้ว่ามอลทีสจะมีขนยาว แต่ก็ไม่มีขนชั้นใน ซึ่งช่วยลดการผลัดขนและปริมาณของรังแคลงได้มาก



8. บีชันฟรีส (Bichon Frise)
บีชันฟรีส เป็นหมาเล็นขนฟูนุ่มน่ารักราวกับตุ๊กตาที่ช่างออดอ้อน มันเป็นได้ทุกอย่างที่ก้อนขนฟูๆ ก้อนหนึ่งสามารถเป็นได้และเป็นหมาขี้เล่น มีนิสัยอ่อนโยนนุ่มนวลที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว ขนของบีชันฟรีสมีสีขาวล้วนและมีการผลัดขนน้อยมาก ทำให้จำเป็นต้องตัดเล็มขนอยู่เสมอและจะเกาะเป็นสังกะตังได้ง่ายมากหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม



9. พุดเดิ้ล (Poodle)
แม้ว่าพุดเดิ้ลจะมีภาพลักษณ์ว่าเป็นหมาสำหรับผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วพุดเดิ้ลเป็นพันธุ์ที่ฉลาดมาก เชื่อฟังเจ้าของเป็นอย่างยิ่งและฝึกได้ง่าย พุดเดิ้ลไม่ผลัดขน ปริมาณขนที่ทำให้เกิดอาการแพ้จึงมีน้อย แต่เจ้าของพุดเดิ้ลก็ต้องไม่ลืมว่า มันยังมีรังแคอยู่ และสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้เท่าๆ กับขนของมันเลย



10. ไชนีส เครสเต็ด(Chinese Crested)
ร่าเริง ตื่นตัว และขี้เล่น คือคำที่บรรยายลักษณะนิสัยของไชนีส เครสเต็ดได้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ใช่สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้น้อยที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในหมาไม่กี่สายพันธุ์ที่ร่างกายส่วนใหญ่ไม่มีขน เป็น ไชนีส เครสเต็ดมีขนอยู่แค่ที่บริเวณส่วนหัว เท้า และหางเท่านั้น เมื่อไม่มีขน ปริมาณของขนและรังแคจึงมีน้อย แต่ ด้วยความที่มันไม่มีขนนี่เอง จึงทำให้ผิวหนังของมันมีการป้องกันเท่าๆ กับของมนุษย์ และมีความเสี่ยงจากการถูกแดดเผา ระคายเคืองทางผิวหนังและมันเองก็สามารถเป็นภูมิแพ้ได้เช่นกัน


4679
หมา 10 สายพันธุ์สำหรับคนเป็นภูมิแพ้

โดยทั่วไปแล้ว โรคภูมิแพ้มักจะเกิดจากรังแคหรือขนของสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาการแพ้มักไม่รุนแรงนัก เช่น จาม ระคายตา หรือมีผื่นขึ้น แต่สำหรับบางคนก็สามารถมีอาการรุนแรงถึงขั้นหายใจไม่ออกได้เลยทีเดียว ซึ่งเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ขัดขวางความสุขเหล่าคนรักหมาแต่เป็นโรคภูมิแพ้ เป็นอย่างยิ่ง เพราะการมีหมาน่ารักๆ อยู่เคียงข้างคุณนั้นมีข้อดีมากมาย จนทำให้หลายคนยอมทนอยู่กับการจามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วซื้อยาแก้แพ้มาตุนไว้รับมือกับอาการแพ้เอาแทน

แต่รู้หรือไม่ว่า มีหมาหลากหลายสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ! ตามปกติแล้ว หมาจะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 3-4 วัน แต่บางสายพันธุ์จะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 21 วัน ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวน้อยครั้งนี้ หมายถึงจะมีรังแคน้อยลง และทำให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้เกิดอาการแพ้น้อยครั้งลงไปด้วย มาดูกันดีกว่าว่า หมาพันธุ์ไหนบ้างที่เหมาะสำหรับคนรักหมาที่เป็นโรคภูมิแพ้



1. ไอริชวอเตอร์สเปนีล (Irish Water Spaniel)
ไอริชวอเตอร์สเปนีลเป็นพันธุ์ที่ต้องการการออกกำลังกายอย่างหนัก และพันธุ์หายากที่มีลักษณะเฉพาะว่า จะไม่มีขนตรงส่วนหางเลย แต่ร่างกายมีขนหยิกหนา แต่ผลัดขนน้อยครั้งและในปริมาณที่ไม่มากนัก ทำให้มันเหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อย่างยิ่งและเนื่องจากขนของไอริชวอเตอร์สเปนีลค่อนข้างหนา จึงต้องการดูแลและแปรงขนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ควรเล็มและแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะป้องกันขนพันกันหรือเกาะกันเป็นสังกะตังด้วย



2. ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรีย (Irish Soft Coated Wheaten Terrier)
ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียหรือ วีตเทน เป็นหมาที่มีบ้าพลังที่ต้องการการออกกำลังกายทุกวัน มีที่มาจากประเทศไอร์แลนด์ และขึ้นชื่อเรื่องมีนิสัยเหมือนลูกหมานานชั่วชีวิต มันจึงซุกซนและร่าเริงอยู่เสมอ ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทนเทอร์เรียมีขนชั้นเดียว จึงทำให้ลดการผลัดขนลงได้มาก แต่ก็ยังต้องการการดูแลรักษาเพื่อไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตังอยู่ดี

3. ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)
ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ หรือ ยอร์กกี้ มีเอกลักษณ์เป็นหมาน้อยขี้โวยวายที่เต็มไปด้วยความน่ารัก พลังงาน และปราศจากความหวาดกลัว แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่ยอร์กกี้ก็จะเห่าไล่เกือบทุกอย่างที่มันเจอ ค่อนข้างขี้หวง และไม่กลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาที่ตัวใหญ่กว่า ยอร์กกี้เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากยอร์กกี้ไม่มีขนชั้นใน จึงมีการผลัดขนน้อย แต่ก็ยังต้องการการตัดเล็มอย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นแล้วขนจะยาวขึ้นเรื่อยๆ การรักษาขนให้สั้นอยู่เสมอเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากสามารถช่วยลดปริมาณรังแคที่จะเกิดขึ้นได้


4. โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก(Portuguese Water Dog)
โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก เป็นสายพันธุ์อีกที่บ้าพลังตื่นเต้นตลอดเวลา และต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำ มันเป็นพันธุ์ที่ฉลาดและเชื่อฟังเจ้าของ แต่บางครั้ง ความบ้าพลังของมันก็ทำให้เป็นอุปสรรคในการฝึกได้ โปรตุกีสวอเตอร์ด็อกเป็นหมาในฝันของคนเป็นโรคภูมิแพ้ ขนหยิกหนาของมันไม่มีการผลัดขนแค่ต้องการการแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง



5. ชเนาเซอร์ (Schnauzer)
ชเนาเซอร์ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี เกิดจากการผสมกันระหว่างพุดเดิ้ลและ แอฟเฟนพินเชอร์มีทั้งหมด 3 ขนาด ซึ่งมีน้ำหนักได้ตั้งแต่ 11-30 ปอนด์ แม้ว่าจะไม่ใช่หมาพันธุ์ใหญ่ แต่ชเนาเซอร์ก็ช่างปกป้องและจะเห่าไล่คนแปลกหน้าและอะไรก็ตามที่มันไม่คุ้นเคย ที่เข้ามาในอาณาเขตของมันชเนาเซอร์ไม่ผลัดขน แต่ต้องตัดเล็มขนอยู่เสมอเพื่อให้ยาวในระดับที่พอเหมาะ


6. ฮาวาเนส(Havanese)
ฮาวาเนส มีถิ่นกำหนดมาจากประเทศคิวบา เป็นหมาที่ร่าเริง และเป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่ไม่มีการผลัดขนเลย แต่แม้ว่าจะไม่มีการผลัดขน ผิวหนังของหมาพันธุ์นี้ก็ยังสามารถผลิตและเก็บสะสมรังแคเอาไว้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการแปรงขนทุกวันเพื่อลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ที่จะเกิดขึ้น



7. มอลทีส(Maltese)
มอลทีส ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศมอลตา เป็นหมาหมาพันธุ์เล็กที่มีความตื่นตัวสูงและขี้เล่นมากควรพาไปเดินเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อให้ได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ มอลทีสนั้นเป็นที่รู้จักการขนยาวสีขาวบริสุทธิ์ ที่ต้องการการดูและและแปรงขนทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตัง นอกจากนี้ยังต้องคอยเล็มขนเพื่อป้องกันคราบน้ำตารอบดวงตาอีกด้วย แม้ว่ามอลทีสจะมีขนยาว แต่ก็ไม่มีขนชั้นใน ซึ่งช่วยลดการผลัดขนและปริมาณของรังแคลงได้มาก



8. บีชันฟรีส (Bichon Frise)
บีชันฟรีส เป็นหมาเล็นขนฟูนุ่มน่ารักราวกับตุ๊กตาที่ช่างออดอ้อน มันเป็นได้ทุกอย่างที่ก้อนขนฟูๆ ก้อนหนึ่งสามารถเป็นได้และเป็นหมาขี้เล่น มีนิสัยอ่อนโยนนุ่มนวลที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว ขนของบีชันฟรีสมีสีขาวล้วนและมีการผลัดขนน้อยมาก ทำให้จำเป็นต้องตัดเล็มขนอยู่เสมอและจะเกาะเป็นสังกะตังได้ง่ายมากหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม



9. พุดเดิ้ล (Poodle)
แม้ว่าพุดเดิ้ลจะมีภาพลักษณ์ว่าเป็นหมาสำหรับผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วพุดเดิ้ลเป็นพันธุ์ที่ฉลาดมาก เชื่อฟังเจ้าของเป็นอย่างยิ่งและฝึกได้ง่าย พุดเดิ้ลไม่ผลัดขน ปริมาณขนที่ทำให้เกิดอาการแพ้จึงมีน้อย แต่เจ้าของพุดเดิ้ลก็ต้องไม่ลืมว่า มันยังมีรังแคอยู่ และสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้เท่าๆ กับขนของมันเลย



10. ไชนีส เครสเต็ด(Chinese Crested)
ร่าเริง ตื่นตัว และขี้เล่น คือคำที่บรรยายลักษณะนิสัยของไชนีส เครสเต็ดได้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ใช่สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้น้อยที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในหมาไม่กี่สายพันธุ์ที่ร่างกายส่วนใหญ่ไม่มีขน เป็น ไชนีส เครสเต็ดมีขนอยู่แค่ที่บริเวณส่วนหัว เท้า และหางเท่านั้น เมื่อไม่มีขน ปริมาณของขนและรังแคจึงมีน้อย แต่ ด้วยความที่มันไม่มีขนนี่เอง จึงทำให้ผิวหนังของมันมีการป้องกันเท่าๆ กับของมนุษย์ และมีความเสี่ยงจากการถูกแดดเผา ระคายเคืองทางผิวหนังและมันเองก็สามารถเป็นภูมิแพ้ได้เช่นกัน


4680
หมา 10 สายพันธุ์สำหรับคนเป็นภูมิแพ้

โดยทั่วไปแล้ว โรคภูมิแพ้มักจะเกิดจากรังแคหรือขนของสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาการแพ้มักไม่รุนแรงนัก เช่น จาม ระคายตา หรือมีผื่นขึ้น แต่สำหรับบางคนก็สามารถมีอาการรุนแรงถึงขั้นหายใจไม่ออกได้เลยทีเดียว ซึ่งเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ขัดขวางความสุขเหล่าคนรักหมาแต่เป็นโรคภูมิแพ้ เป็นอย่างยิ่ง เพราะการมีหมาน่ารักๆ อยู่เคียงข้างคุณนั้นมีข้อดีมากมาย จนทำให้หลายคนยอมทนอยู่กับการจามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วซื้อยาแก้แพ้มาตุนไว้รับมือกับอาการแพ้เอาแทน

แต่รู้หรือไม่ว่า มีหมาหลากหลายสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ! ตามปกติแล้ว หมาจะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 3-4 วัน แต่บางสายพันธุ์จะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 21 วัน ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวน้อยครั้งนี้ หมายถึงจะมีรังแคน้อยลง และทำให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้เกิดอาการแพ้น้อยครั้งลงไปด้วย มาดูกันดีกว่าว่า หมาพันธุ์ไหนบ้างที่เหมาะสำหรับคนรักหมาที่เป็นโรคภูมิแพ้



1. ไอริชวอเตอร์สเปนีล (Irish Water Spaniel)
ไอริชวอเตอร์สเปนีลเป็นพันธุ์ที่ต้องการการออกกำลังกายอย่างหนัก และพันธุ์หายากที่มีลักษณะเฉพาะว่า จะไม่มีขนตรงส่วนหางเลย แต่ร่างกายมีขนหยิกหนา แต่ผลัดขนน้อยครั้งและในปริมาณที่ไม่มากนัก ทำให้มันเหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อย่างยิ่งและเนื่องจากขนของไอริชวอเตอร์สเปนีลค่อนข้างหนา จึงต้องการดูแลและแปรงขนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ควรเล็มและแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะป้องกันขนพันกันหรือเกาะกันเป็นสังกะตังด้วย



2. ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรีย (Irish Soft Coated Wheaten Terrier)
ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทน เทอร์เรียหรือ วีตเทน เป็นหมาที่มีบ้าพลังที่ต้องการการออกกำลังกายทุกวัน มีที่มาจากประเทศไอร์แลนด์ และขึ้นชื่อเรื่องมีนิสัยเหมือนลูกหมานานชั่วชีวิต มันจึงซุกซนและร่าเริงอยู่เสมอ ไอริส ซ๊อฟโค๊ทวีตเทนเทอร์เรียมีขนชั้นเดียว จึงทำให้ลดการผลัดขนลงได้มาก แต่ก็ยังต้องการการดูแลรักษาเพื่อไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตังอยู่ดี

3. ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)
ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ หรือ ยอร์กกี้ มีเอกลักษณ์เป็นหมาน้อยขี้โวยวายที่เต็มไปด้วยความน่ารัก พลังงาน และปราศจากความหวาดกลัว แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่ยอร์กกี้ก็จะเห่าไล่เกือบทุกอย่างที่มันเจอ ค่อนข้างขี้หวง และไม่กลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาที่ตัวใหญ่กว่า ยอร์กกี้เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากยอร์กกี้ไม่มีขนชั้นใน จึงมีการผลัดขนน้อย แต่ก็ยังต้องการการตัดเล็มอย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นแล้วขนจะยาวขึ้นเรื่อยๆ การรักษาขนให้สั้นอยู่เสมอเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากสามารถช่วยลดปริมาณรังแคที่จะเกิดขึ้นได้


4. โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก(Portuguese Water Dog)
โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก เป็นสายพันธุ์อีกที่บ้าพลังตื่นเต้นตลอดเวลา และต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำ มันเป็นพันธุ์ที่ฉลาดและเชื่อฟังเจ้าของ แต่บางครั้ง ความบ้าพลังของมันก็ทำให้เป็นอุปสรรคในการฝึกได้ โปรตุกีสวอเตอร์ด็อกเป็นหมาในฝันของคนเป็นโรคภูมิแพ้ ขนหยิกหนาของมันไม่มีการผลัดขนแค่ต้องการการแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง



5. ชเนาเซอร์ (Schnauzer)
ชเนาเซอร์ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี เกิดจากการผสมกันระหว่างพุดเดิ้ลและ แอฟเฟนพินเชอร์มีทั้งหมด 3 ขนาด ซึ่งมีน้ำหนักได้ตั้งแต่ 11-30 ปอนด์ แม้ว่าจะไม่ใช่หมาพันธุ์ใหญ่ แต่ชเนาเซอร์ก็ช่างปกป้องและจะเห่าไล่คนแปลกหน้าและอะไรก็ตามที่มันไม่คุ้นเคย ที่เข้ามาในอาณาเขตของมันชเนาเซอร์ไม่ผลัดขน แต่ต้องตัดเล็มขนอยู่เสมอเพื่อให้ยาวในระดับที่พอเหมาะ


6. ฮาวาเนส(Havanese)
ฮาวาเนส มีถิ่นกำหนดมาจากประเทศคิวบา เป็นหมาที่ร่าเริง และเป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่ไม่มีการผลัดขนเลย แต่แม้ว่าจะไม่มีการผลัดขน ผิวหนังของหมาพันธุ์นี้ก็ยังสามารถผลิตและเก็บสะสมรังแคเอาไว้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการแปรงขนทุกวันเพื่อลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ที่จะเกิดขึ้น



7. มอลทีส(Maltese)
มอลทีส ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศมอลตา เป็นหมาหมาพันธุ์เล็กที่มีความตื่นตัวสูงและขี้เล่นมากควรพาไปเดินเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อให้ได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ มอลทีสนั้นเป็นที่รู้จักการขนยาวสีขาวบริสุทธิ์ ที่ต้องการการดูและและแปรงขนทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตัง นอกจากนี้ยังต้องคอยเล็มขนเพื่อป้องกันคราบน้ำตารอบดวงตาอีกด้วย แม้ว่ามอลทีสจะมีขนยาว แต่ก็ไม่มีขนชั้นใน ซึ่งช่วยลดการผลัดขนและปริมาณของรังแคลงได้มาก



8. บีชันฟรีส (Bichon Frise)
บีชันฟรีส เป็นหมาเล็นขนฟูนุ่มน่ารักราวกับตุ๊กตาที่ช่างออดอ้อน มันเป็นได้ทุกอย่างที่ก้อนขนฟูๆ ก้อนหนึ่งสามารถเป็นได้และเป็นหมาขี้เล่น มีนิสัยอ่อนโยนนุ่มนวลที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว ขนของบีชันฟรีสมีสีขาวล้วนและมีการผลัดขนน้อยมาก ทำให้จำเป็นต้องตัดเล็มขนอยู่เสมอและจะเกาะเป็นสังกะตังได้ง่ายมากหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม



9. พุดเดิ้ล (Poodle)
แม้ว่าพุดเดิ้ลจะมีภาพลักษณ์ว่าเป็นหมาสำหรับผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วพุดเดิ้ลเป็นพันธุ์ที่ฉลาดมาก เชื่อฟังเจ้าของเป็นอย่างยิ่งและฝึกได้ง่าย พุดเดิ้ลไม่ผลัดขน ปริมาณขนที่ทำให้เกิดอาการแพ้จึงมีน้อย แต่เจ้าของพุดเดิ้ลก็ต้องไม่ลืมว่า มันยังมีรังแคอยู่ และสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้เท่าๆ กับขนของมันเลย



10. ไชนีส เครสเต็ด(Chinese Crested)
ร่าเริง ตื่นตัว และขี้เล่น คือคำที่บรรยายลักษณะนิสัยของไชนีส เครสเต็ดได้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ใช่สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้น้อยที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในหมาไม่กี่สายพันธุ์ที่ร่างกายส่วนใหญ่ไม่มีขน เป็น ไชนีส เครสเต็ดมีขนอยู่แค่ที่บริเวณส่วนหัว เท้า และหางเท่านั้น เมื่อไม่มีขน ปริมาณของขนและรังแคจึงมีน้อย แต่ ด้วยความที่มันไม่มีขนนี่เอง จึงทำให้ผิวหนังของมันมีการป้องกันเท่าๆ กับของมนุษย์ และมีความเสี่ยงจากการถูกแดดเผา ระคายเคืองทางผิวหนังและมันเองก็สามารถเป็นภูมิแพ้ได้เช่นกัน