แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

4591
หมาจ้องหน้าเราเพราะว่า ?

เคยรู้สึกเหมือนโดนจ้องมองบ้างมั้ย ก็เมื่อหันไป... ใครเอ่ยที่อยู่ตรงนั้น หมาของคุณนั่นเอง! แล้วหมาของคุณกำลังมองคุณเพราะอะไรนะ? กำลังสารภาพว่ามันเพิ่งจะแทะรองเท้าคู่โปรดของคุณไป พยายามจะบอกว่ามันไม่สบาย หรือว่าวางแผนจะขโมยอาหารในจานของคุณอยู่? อันที่จริงแล้ว การที่หมาจ้องหน้าคุณนั้นมีหลายเหตุผล และส่วนใหญ่ก็เป็นเหตุผลที่ดีเสียด้วย


1. มันกำลังบอกรักคุณ
ก็เหมือนกับเวลาที่คุณมองสบตาคนรักของคุณนั่นแหละ การที่หมามองตาคุณก็คือการพยายามบอกว่า มันชอบคุณ คุณจะเห็นว่ามันมีสีหน้าที่อ่อนโยน และอาจจะหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วย แต่นี่ต้องเป็นสิ่งที่หมาของคุณทำด้วยความสมัครใจของมันเอง การจับหน้าบังคับให้หมาหันมาสบตาไม่ได้ทำให้มันรักคุณมากขึ้นได้ การกระทำนี้ถือว่าไม่สมควรด้วยซ้ำ เพราะหมาถือว่านี่เป็นการข่มขู่ และมันจะไม่ตอบสนองคุณด้วยความรักอย่างแน่นอน



2. มันกำลังดูว่าคุณคิดอะไรอยู่
สำหรับหมาแล้ว คุณคือจ่าฝูง คุณคือคนที่ตัดสินใจว่ามันจะได้กินอะไรและเมื่อไร มันจะได้ออกไปข้างนอกตอนไหน มันจะได้เล่นอะไรตอนไหน มันควรจะไปหาหมอเมื่อไร และมันควรจะนอนที่ไหน คุณคือคนที่เลือกว่ามันจะได้พบกับเพื่อนตัวไหน หรือว่าคนไหนบ้าง คุณคือคนที่ควบคุมทุกอย่างในชีวิตของมัน ดังนั้น หมาจึงพยายามค้นหาอยู่ตลอดเวลาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะว่าความคิดของคุณส่งผลกับชีวิตของมันโดยตรงนั่นเอง
หมาอ่านภาษากายเก่งกว่ามนุษย์มาก ความสามารถด้านการรับรู้กลิ่นและการได้ยินของหมาก็ดีกว่าเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้หมาเป็นนักสังเกตการณ์ชั้นยอด มันรู้ว่าคุณกำลังจะออกไปทำงานเมื่อเห็นคุณเดินไปหยิบกระเป๋า มันรู้ว่าเมื่อคุณเอากระเป๋าเดินทางออกมา มันกำลังจะถูกทิ้งให้เฝ้าบ้าน และบ่อยครั้งที่มันสามารถรับรู้ได้ว่าคุณกำลังไม่สบาย อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเสียใจ การที่หมาจ้องมองคุณจึงหมายถึงว่า มันกำลังสังเกตพฤติกรรมของคุณอยู่ เพื่อให้รู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร และสิ่งที่คุณทำนั้นจะส่งผลกระทบต่อตัวมันเองอย่างไรบ้าง



3. มันกำลังต้องการอะไรบางอย่าง
บางทีมันอาจจะอยากออกไปฉี่จนทนไม่ไหวแล้ว บางทีมันอาจจะหิวมากเพราะคุณให้อาหารมันช้าไป 5 นาที บางทีมันอาจจะทำของเล่นชิ้นโปรดหายไปใต้ตู้ และอยากให้คุณหยิบให้ หมาพูดไม่ได้ มันบอกเจ้าของอย่างเราๆ ไม่ได้ว่ามันต้องการอะไร หมาหลายตัวสามารถแสดงความคิดและอารมณ์ผ่านทางสายตาได้อย่างดีเยี่ยม และใช้วิธีนี้ในการสื่อสารกับคุณ ดังนั้น การที่หมาคอยมานั่งมองหน้าคุณก็อาจหมายความว่า มันกำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณ หรือไม่ก็ต้องการให้คุณไปทำอะไรสักอย่างให้มัน



4. คุณกำลังกินอะไรสักอย่างอยู่
การที่หมาของคุณไม่เคยกินขนมในมือของคุณเลย ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เต็มใจช่วยคุณกินจนหมด เจ้าของหมาบางคนไม่สบายใจและคิดว่านี่เป็นการแสดงออกถึงการข่ม และยกตัวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในฝูงของหมา ในความเป็นจริงแล้ว การได้กินอาหารก่อนไม่ได้แสดงความเป็นจ่าฝูงเสมอไป ไม่เลย มันแค่อยากกินด้วย อยากให้คุณแบ่งขนมให้มันบ้าง ขนมหอมจังเลย แค่นั้นแหละ และถ้าคุณเคยให้อาหารหมาระหว่างที่คุณกำลังกินอยู่ละก็ คุณกำลังสอนให้มันนั่งจ้องคุณ เพราะมันจะคาดหวังว่าการทำแบบนี้จะทำให้มันได้กินอีกนั่นเอง



5. มันกำลังแสดงความก้าวร้าว
นี่ไม่ใช่สาเหตุที่พบได้บ่อยนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถ้าหมาของคุณจ้องคุณเขม็ง ไม่กะพริบตา และอยู่ในท่าที่แข็งเกร็ง นั่นคือการแสดงความก้าวร้าว คุณอาจจะพบกับการจ้องมองแบบนี้ถ้าคุณเอื้อมไปหยิบอาหารหรือของเล่นที่หมากำลังปกป้อง หรือเมื่อคุณพยายามเข้าหาหมาที่ไม่ต้องการให้คุณเข้าไปใกล้มัน เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าจ้องตาหมากลับ ค่อยๆ ถอยห่างจากมันช้าๆ และถ้านั่นเป็นหมาของคุณเอง คุณควรไปปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากครูฝึกหมามืออาชีพด้วย เพราะการแสดงออกแบบนี้หมายความว่า หมาของคุณอาจมีโอกาสจู่โจมและทำร้ายคุณได้

4592
หมาจ้องหน้าเราเพราะว่า ?

เคยรู้สึกเหมือนโดนจ้องมองบ้างมั้ย ก็เมื่อหันไป... ใครเอ่ยที่อยู่ตรงนั้น หมาของคุณนั่นเอง! แล้วหมาของคุณกำลังมองคุณเพราะอะไรนะ? กำลังสารภาพว่ามันเพิ่งจะแทะรองเท้าคู่โปรดของคุณไป พยายามจะบอกว่ามันไม่สบาย หรือว่าวางแผนจะขโมยอาหารในจานของคุณอยู่? อันที่จริงแล้ว การที่หมาจ้องหน้าคุณนั้นมีหลายเหตุผล และส่วนใหญ่ก็เป็นเหตุผลที่ดีเสียด้วย


1. มันกำลังบอกรักคุณ
ก็เหมือนกับเวลาที่คุณมองสบตาคนรักของคุณนั่นแหละ การที่หมามองตาคุณก็คือการพยายามบอกว่า มันชอบคุณ คุณจะเห็นว่ามันมีสีหน้าที่อ่อนโยน และอาจจะหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วย แต่นี่ต้องเป็นสิ่งที่หมาของคุณทำด้วยความสมัครใจของมันเอง การจับหน้าบังคับให้หมาหันมาสบตาไม่ได้ทำให้มันรักคุณมากขึ้นได้ การกระทำนี้ถือว่าไม่สมควรด้วยซ้ำ เพราะหมาถือว่านี่เป็นการข่มขู่ และมันจะไม่ตอบสนองคุณด้วยความรักอย่างแน่นอน



2. มันกำลังดูว่าคุณคิดอะไรอยู่
สำหรับหมาแล้ว คุณคือจ่าฝูง คุณคือคนที่ตัดสินใจว่ามันจะได้กินอะไรและเมื่อไร มันจะได้ออกไปข้างนอกตอนไหน มันจะได้เล่นอะไรตอนไหน มันควรจะไปหาหมอเมื่อไร และมันควรจะนอนที่ไหน คุณคือคนที่เลือกว่ามันจะได้พบกับเพื่อนตัวไหน หรือว่าคนไหนบ้าง คุณคือคนที่ควบคุมทุกอย่างในชีวิตของมัน ดังนั้น หมาจึงพยายามค้นหาอยู่ตลอดเวลาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะว่าความคิดของคุณส่งผลกับชีวิตของมันโดยตรงนั่นเอง
หมาอ่านภาษากายเก่งกว่ามนุษย์มาก ความสามารถด้านการรับรู้กลิ่นและการได้ยินของหมาก็ดีกว่าเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้หมาเป็นนักสังเกตการณ์ชั้นยอด มันรู้ว่าคุณกำลังจะออกไปทำงานเมื่อเห็นคุณเดินไปหยิบกระเป๋า มันรู้ว่าเมื่อคุณเอากระเป๋าเดินทางออกมา มันกำลังจะถูกทิ้งให้เฝ้าบ้าน และบ่อยครั้งที่มันสามารถรับรู้ได้ว่าคุณกำลังไม่สบาย อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเสียใจ การที่หมาจ้องมองคุณจึงหมายถึงว่า มันกำลังสังเกตพฤติกรรมของคุณอยู่ เพื่อให้รู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร และสิ่งที่คุณทำนั้นจะส่งผลกระทบต่อตัวมันเองอย่างไรบ้าง



3. มันกำลังต้องการอะไรบางอย่าง
บางทีมันอาจจะอยากออกไปฉี่จนทนไม่ไหวแล้ว บางทีมันอาจจะหิวมากเพราะคุณให้อาหารมันช้าไป 5 นาที บางทีมันอาจจะทำของเล่นชิ้นโปรดหายไปใต้ตู้ และอยากให้คุณหยิบให้ หมาพูดไม่ได้ มันบอกเจ้าของอย่างเราๆ ไม่ได้ว่ามันต้องการอะไร หมาหลายตัวสามารถแสดงความคิดและอารมณ์ผ่านทางสายตาได้อย่างดีเยี่ยม และใช้วิธีนี้ในการสื่อสารกับคุณ ดังนั้น การที่หมาคอยมานั่งมองหน้าคุณก็อาจหมายความว่า มันกำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณ หรือไม่ก็ต้องการให้คุณไปทำอะไรสักอย่างให้มัน



4. คุณกำลังกินอะไรสักอย่างอยู่
การที่หมาของคุณไม่เคยกินขนมในมือของคุณเลย ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เต็มใจช่วยคุณกินจนหมด เจ้าของหมาบางคนไม่สบายใจและคิดว่านี่เป็นการแสดงออกถึงการข่ม และยกตัวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในฝูงของหมา ในความเป็นจริงแล้ว การได้กินอาหารก่อนไม่ได้แสดงความเป็นจ่าฝูงเสมอไป ไม่เลย มันแค่อยากกินด้วย อยากให้คุณแบ่งขนมให้มันบ้าง ขนมหอมจังเลย แค่นั้นแหละ และถ้าคุณเคยให้อาหารหมาระหว่างที่คุณกำลังกินอยู่ละก็ คุณกำลังสอนให้มันนั่งจ้องคุณ เพราะมันจะคาดหวังว่าการทำแบบนี้จะทำให้มันได้กินอีกนั่นเอง



5. มันกำลังแสดงความก้าวร้าว
นี่ไม่ใช่สาเหตุที่พบได้บ่อยนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถ้าหมาของคุณจ้องคุณเขม็ง ไม่กะพริบตา และอยู่ในท่าที่แข็งเกร็ง นั่นคือการแสดงความก้าวร้าว คุณอาจจะพบกับการจ้องมองแบบนี้ถ้าคุณเอื้อมไปหยิบอาหารหรือของเล่นที่หมากำลังปกป้อง หรือเมื่อคุณพยายามเข้าหาหมาที่ไม่ต้องการให้คุณเข้าไปใกล้มัน เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าจ้องตาหมากลับ ค่อยๆ ถอยห่างจากมันช้าๆ และถ้านั่นเป็นหมาของคุณเอง คุณควรไปปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากครูฝึกหมามืออาชีพด้วย เพราะการแสดงออกแบบนี้หมายความว่า หมาของคุณอาจมีโอกาสจู่โจมและทำร้ายคุณได้

4593
15 ภาพ Before & After ของน้องหมาและเจ้าของ

   แม้ว่าน้องหมาจะมีอายุได้เพียง 10 – 18 ปี เหมือนจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่มีทั้งความรัก ความสนุกสนาน ร่วมกันกับเจ้าของ ที่ไม่เคยทำให้เรารู้สึกอ้างว้างเลยสักวันเดียว นั่นก็เป็นเพราะความรักและความผูกพัน ของทั้งคู่ วันนี้ Marketdogs เลยรวบรวมภาพถ่ายของทั้งคู่ ตั้งแต่เด็ก และโต มาดูกันว่าใครจะเป็นไปได้ขนาดไหน ^^

1. โตซะจนเต็มที่นอนเลยนะเนี่ย


2. ไม่ได้โตแค่ตัวนะ พุงด้วย แบกจะไม่ไหวเเล้ว


3. น่ารักมากๆเลย ตอนเด็กนะ ^^


4. ที่เดิมเปะ


5. ที่เดิมเปะ เปะ


6. โอ้ยจะอุ้มแกไม่ไหวเเล้ว

7. เปะจริงๆ


8. ตุ๊กตายังตัวเดิม


9. ครบแก๊ง น่ารักทั้งน๊านนนน


10. นอนบนตัวฉานตั้งแต่เด็กจนโต หลังจะหักล่ะเนี่ย


11. โตมายิ้มซะน่ารักเชียว


12. น่ารักทั้งตอนเด็กและตอนโต


13. มี๊คิดว่าแกโตเกินไปแล้วล่ะ


14. เด๋วนะ ใครเป็นพี่เป็นน้องกันเนี่ย

15. โตมาก็ยังน่าร๊ากกกเหมือนเดิม



4594
15 ภาพ Before & After ของน้องหมาและเจ้าของ

   แม้ว่าน้องหมาจะมีอายุได้เพียง 10 – 18 ปี เหมือนจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่มีทั้งความรัก ความสนุกสนาน ร่วมกันกับเจ้าของ ที่ไม่เคยทำให้เรารู้สึกอ้างว้างเลยสักวันเดียว นั่นก็เป็นเพราะความรักและความผูกพัน ของทั้งคู่ วันนี้ Marketdogs เลยรวบรวมภาพถ่ายของทั้งคู่ ตั้งแต่เด็ก และโต มาดูกันว่าใครจะเป็นไปได้ขนาดไหน ^^

1. โตซะจนเต็มที่นอนเลยนะเนี่ย


2. ไม่ได้โตแค่ตัวนะ พุงด้วย แบกจะไม่ไหวเเล้ว


3. น่ารักมากๆเลย ตอนเด็กนะ ^^


4. ที่เดิมเปะ


5. ที่เดิมเปะ เปะ


6. โอ้ยจะอุ้มแกไม่ไหวเเล้ว

7. เปะจริงๆ


8. ตุ๊กตายังตัวเดิม


9. ครบแก๊ง น่ารักทั้งน๊านนนน


10. นอนบนตัวฉานตั้งแต่เด็กจนโต หลังจะหักล่ะเนี่ย


11. โตมายิ้มซะน่ารักเชียว


12. น่ารักทั้งตอนเด็กและตอนโต


13. มี๊คิดว่าแกโตเกินไปแล้วล่ะ


14. เด๋วนะ ใครเป็นพี่เป็นน้องกันเนี่ย

15. โตมาก็ยังน่าร๊ากกกเหมือนเดิม



4595
15 ภาพ Before & After ของน้องหมาและเจ้าของ

   แม้ว่าน้องหมาจะมีอายุได้เพียง 10 – 18 ปี เหมือนจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่มีทั้งความรัก ความสนุกสนาน ร่วมกันกับเจ้าของ ที่ไม่เคยทำให้เรารู้สึกอ้างว้างเลยสักวันเดียว นั่นก็เป็นเพราะความรักและความผูกพัน ของทั้งคู่ วันนี้ Marketdogs เลยรวบรวมภาพถ่ายของทั้งคู่ ตั้งแต่เด็ก และโต มาดูกันว่าใครจะเป็นไปได้ขนาดไหน ^^

1. โตซะจนเต็มที่นอนเลยนะเนี่ย


2. ไม่ได้โตแค่ตัวนะ พุงด้วย แบกจะไม่ไหวเเล้ว


3. น่ารักมากๆเลย ตอนเด็กนะ ^^


4. ที่เดิมเปะ


5. ที่เดิมเปะ เปะ


6. โอ้ยจะอุ้มแกไม่ไหวเเล้ว

7. เปะจริงๆ


8. ตุ๊กตายังตัวเดิม


9. ครบแก๊ง น่ารักทั้งน๊านนนน


10. นอนบนตัวฉานตั้งแต่เด็กจนโต หลังจะหักล่ะเนี่ย


11. โตมายิ้มซะน่ารักเชียว


12. น่ารักทั้งตอนเด็กและตอนโต


13. มี๊คิดว่าแกโตเกินไปแล้วล่ะ


14. เด๋วนะ ใครเป็นพี่เป็นน้องกันเนี่ย

15. โตมาก็ยังน่าร๊ากกกเหมือนเดิม



4596
15 ภาพ Before & After ของน้องหมาและเจ้าของ

   แม้ว่าน้องหมาจะมีอายุได้เพียง 10 – 18 ปี เหมือนจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่มีทั้งความรัก ความสนุกสนาน ร่วมกันกับเจ้าของ ที่ไม่เคยทำให้เรารู้สึกอ้างว้างเลยสักวันเดียว นั่นก็เป็นเพราะความรักและความผูกพัน ของทั้งคู่ วันนี้ Marketdogs เลยรวบรวมภาพถ่ายของทั้งคู่ ตั้งแต่เด็ก และโต มาดูกันว่าใครจะเป็นไปได้ขนาดไหน ^^

1. โตซะจนเต็มที่นอนเลยนะเนี่ย


2. ไม่ได้โตแค่ตัวนะ พุงด้วย แบกจะไม่ไหวเเล้ว


3. น่ารักมากๆเลย ตอนเด็กนะ ^^


4. ที่เดิมเปะ


5. ที่เดิมเปะ เปะ


6. โอ้ยจะอุ้มแกไม่ไหวเเล้ว

7. เปะจริงๆ


8. ตุ๊กตายังตัวเดิม


9. ครบแก๊ง น่ารักทั้งน๊านนนน


10. นอนบนตัวฉานตั้งแต่เด็กจนโต หลังจะหักล่ะเนี่ย


11. โตมายิ้มซะน่ารักเชียว


12. น่ารักทั้งตอนเด็กและตอนโต


13. มี๊คิดว่าแกโตเกินไปแล้วล่ะ


14. เด๋วนะ ใครเป็นพี่เป็นน้องกันเนี่ย

15. โตมาก็ยังน่าร๊ากกกเหมือนเดิม



4597
7 เมนูอาหารที่หมาก็กินได้

ด้วยสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะกินอาหารอย่างเดียวกัน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อหมาและคนนั้น เป็นไปได้ว่าจะต่างกันสุดขั้ว อาหารบางอย่างคนกินได้อร่อยดี แต่หมากินแล้วมีปัญหาแน่นอน อาหารที่คนเรากินกันนั้นหลายอย่างเป็นพิษต่อร่างกายหมาและทำให้มันป่วยได้ ด้วยเหตุนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของหมาที่คุณรัก การให้หมากินอาหารที่ผลิตเพื่อหมาโดยเฉพาะจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีอาหารของคนหลายอย่างที่คุณสามารถให้หมากินได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเจ้าเพื่อนสี่ขาอีกด้วย



1. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตเป็นแหล่งแคลเซียมและโปรตีนชั้นดี เมื่อคุณเลือกซื้อโยเกิร์ตแบบเผื่อให้หมาของคุณกินด้วย ควรเลือกแบบที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตผสมอยู่ และไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานลงในโยเกิร์ต ในวันที่อากาศร้อนๆ การให้โยเกิร์ตที่แช่เย็นจนเป็นเกล็ดน้ำแข็งเป็นของว่างจะทำให้หมาของคุณรักคุณมากขึ้นไปอีก



2. แซลมอน
ไขมันดีที่เป็นแหล่งกำเนิดกรดไขมันโอเมก้า 3 ไขมันเหล่านี้จะช่วยเสริมภูมิต้านทานและส่งผลดีต่อสุขภาพผิวและขนของหมา นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า แซลมอนมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพของหมาที่มีอาการภูมิแพ้อีกด้วย คุณสามารถให้หมากินได้ทั้งเนื้อและน้ำมันจากปลาแซลมอน หากคุณให้เนื้อแซลมอนก็ควรทำให้สุกเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ปรสิตที่อยู่ในเนื้อปลาดิบทำให้หมาของคุณป่วย


3. ฟักทอง
ฟักมองเป็นแหล่งเส้นใยอาหารและเบต้าแคโรทีนที่ผลิตวิตามินเอ หมาเองก็ต้องการเส้นใยอาหารในอาหารของพวกมันเช่นกัน เจ้าของบางรายอาจชอบให้อาหารย่อยง่ายเพื่อลดปริมาณอึ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพลำไส้ของหมาเลย


4. มันเทศ
มันเทศเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีเส้นใยอาหาร และยังมีวิตามินบี 6 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแร่แมงกานีส คุณสามารถให้หมาแทะมันเทศต้มหั่นเป็นชิ้นๆ กินเล่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อขนมแพงๆ ให้มันกินเลย



5. ถั่วลันเตา
ถั่วลันเตาเองก็มีเส้นใยอาหารเช่นกัน และยังมีวิตามินเค วิตามันซี และแร่แมงกานีสอีกด้วย หากหมาของคุณเริ่มมีแนวโน้มว่าจะอ้วน การผสมเมล็ดถั่วลันเตาลงไปในอาหารที่ให้ตามปกติ จะสามารถช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายของมันได้รับลง แต่ยังคงอิ่มท้องอยู่ หมาหลายตัวชอบกินเมล็ดถั่วลันเตาแช่แข็งด้วยนะ



6. ไข่
ไข่คือแหล่งโปรตีนย่อยง่ายที่มีวิตามินบี 2 และแร่ซีลีเนียม หากหมาของคุณมีปัญหาเรื่องการย่อยอาการ ไข่สามารถช่วยเสริมโปรตีนที่มันต้องการได้ การเพิ่มไข่ลงไปในอาหารหมาถือได้ว่าเป็นการให้ของแถมที่ดีต่อสุขภาพ แต่คุณต้องแน่ใจว่าไข่ที่ให้นั้นสุกจริงๆ เนื่องจากไข่ขาวดิบทำให้การดูดซับแร่ไบโอติกบกพร่อง และอาจทำให้หมาของคุณมีอาการขนร่วง



7. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นของว่างกรุบกรอบที่ยอดเยี่ยมสำหรับหมา เปลือกแอปเปิ้ลเต็มไปด้วยสารเคมีตามธรรมชาติที่เชื่อว่ากันสามารถช่วยต้านมะเร็งบางชนิดในมนุษย์ได้ มันยังเป็นแหล่งวิตามินเอ วิตามินซี และใยอาหาร แต่ทว่า เมล็ดแอปเปิ้ลนั้นกลับมีสารไซยาไนด์อยู่ และหมาของคุณก็ไม่ควรกินแกนแอปเปิ้ลลงไป จริงอยู่ว่าเมล็ดแอปเปิ้ลเล็กๆ ไม่กี่เมล็ดอาจไม่มีอันตรายอะไรต่อหมาของคุณในทันที แต่คุณต้องไม่ลืมว่า การกินอย่างต่อเนื่องก็สามารถทำให้เกิดสารพิษสะสมได้

4598
7 เมนูอาหารที่หมาก็กินได้

ด้วยสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะกินอาหารอย่างเดียวกัน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อหมาและคนนั้น เป็นไปได้ว่าจะต่างกันสุดขั้ว อาหารบางอย่างคนกินได้อร่อยดี แต่หมากินแล้วมีปัญหาแน่นอน อาหารที่คนเรากินกันนั้นหลายอย่างเป็นพิษต่อร่างกายหมาและทำให้มันป่วยได้ ด้วยเหตุนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของหมาที่คุณรัก การให้หมากินอาหารที่ผลิตเพื่อหมาโดยเฉพาะจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีอาหารของคนหลายอย่างที่คุณสามารถให้หมากินได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเจ้าเพื่อนสี่ขาอีกด้วย



1. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตเป็นแหล่งแคลเซียมและโปรตีนชั้นดี เมื่อคุณเลือกซื้อโยเกิร์ตแบบเผื่อให้หมาของคุณกินด้วย ควรเลือกแบบที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตผสมอยู่ และไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานลงในโยเกิร์ต ในวันที่อากาศร้อนๆ การให้โยเกิร์ตที่แช่เย็นจนเป็นเกล็ดน้ำแข็งเป็นของว่างจะทำให้หมาของคุณรักคุณมากขึ้นไปอีก



2. แซลมอน
ไขมันดีที่เป็นแหล่งกำเนิดกรดไขมันโอเมก้า 3 ไขมันเหล่านี้จะช่วยเสริมภูมิต้านทานและส่งผลดีต่อสุขภาพผิวและขนของหมา นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า แซลมอนมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพของหมาที่มีอาการภูมิแพ้อีกด้วย คุณสามารถให้หมากินได้ทั้งเนื้อและน้ำมันจากปลาแซลมอน หากคุณให้เนื้อแซลมอนก็ควรทำให้สุกเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ปรสิตที่อยู่ในเนื้อปลาดิบทำให้หมาของคุณป่วย


3. ฟักทอง
ฟักมองเป็นแหล่งเส้นใยอาหารและเบต้าแคโรทีนที่ผลิตวิตามินเอ หมาเองก็ต้องการเส้นใยอาหารในอาหารของพวกมันเช่นกัน เจ้าของบางรายอาจชอบให้อาหารย่อยง่ายเพื่อลดปริมาณอึ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพลำไส้ของหมาเลย


4. มันเทศ
มันเทศเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีเส้นใยอาหาร และยังมีวิตามินบี 6 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแร่แมงกานีส คุณสามารถให้หมาแทะมันเทศต้มหั่นเป็นชิ้นๆ กินเล่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อขนมแพงๆ ให้มันกินเลย



5. ถั่วลันเตา
ถั่วลันเตาเองก็มีเส้นใยอาหารเช่นกัน และยังมีวิตามินเค วิตามันซี และแร่แมงกานีสอีกด้วย หากหมาของคุณเริ่มมีแนวโน้มว่าจะอ้วน การผสมเมล็ดถั่วลันเตาลงไปในอาหารที่ให้ตามปกติ จะสามารถช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายของมันได้รับลง แต่ยังคงอิ่มท้องอยู่ หมาหลายตัวชอบกินเมล็ดถั่วลันเตาแช่แข็งด้วยนะ



6. ไข่
ไข่คือแหล่งโปรตีนย่อยง่ายที่มีวิตามินบี 2 และแร่ซีลีเนียม หากหมาของคุณมีปัญหาเรื่องการย่อยอาการ ไข่สามารถช่วยเสริมโปรตีนที่มันต้องการได้ การเพิ่มไข่ลงไปในอาหารหมาถือได้ว่าเป็นการให้ของแถมที่ดีต่อสุขภาพ แต่คุณต้องแน่ใจว่าไข่ที่ให้นั้นสุกจริงๆ เนื่องจากไข่ขาวดิบทำให้การดูดซับแร่ไบโอติกบกพร่อง และอาจทำให้หมาของคุณมีอาการขนร่วง



7. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นของว่างกรุบกรอบที่ยอดเยี่ยมสำหรับหมา เปลือกแอปเปิ้ลเต็มไปด้วยสารเคมีตามธรรมชาติที่เชื่อว่ากันสามารถช่วยต้านมะเร็งบางชนิดในมนุษย์ได้ มันยังเป็นแหล่งวิตามินเอ วิตามินซี และใยอาหาร แต่ทว่า เมล็ดแอปเปิ้ลนั้นกลับมีสารไซยาไนด์อยู่ และหมาของคุณก็ไม่ควรกินแกนแอปเปิ้ลลงไป จริงอยู่ว่าเมล็ดแอปเปิ้ลเล็กๆ ไม่กี่เมล็ดอาจไม่มีอันตรายอะไรต่อหมาของคุณในทันที แต่คุณต้องไม่ลืมว่า การกินอย่างต่อเนื่องก็สามารถทำให้เกิดสารพิษสะสมได้

4599
7 เมนูอาหารที่หมาก็กินได้

ด้วยสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะกินอาหารอย่างเดียวกัน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อหมาและคนนั้น เป็นไปได้ว่าจะต่างกันสุดขั้ว อาหารบางอย่างคนกินได้อร่อยดี แต่หมากินแล้วมีปัญหาแน่นอน อาหารที่คนเรากินกันนั้นหลายอย่างเป็นพิษต่อร่างกายหมาและทำให้มันป่วยได้ ด้วยเหตุนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของหมาที่คุณรัก การให้หมากินอาหารที่ผลิตเพื่อหมาโดยเฉพาะจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีอาหารของคนหลายอย่างที่คุณสามารถให้หมากินได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเจ้าเพื่อนสี่ขาอีกด้วย



1. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตเป็นแหล่งแคลเซียมและโปรตีนชั้นดี เมื่อคุณเลือกซื้อโยเกิร์ตแบบเผื่อให้หมาของคุณกินด้วย ควรเลือกแบบที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตผสมอยู่ และไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานลงในโยเกิร์ต ในวันที่อากาศร้อนๆ การให้โยเกิร์ตที่แช่เย็นจนเป็นเกล็ดน้ำแข็งเป็นของว่างจะทำให้หมาของคุณรักคุณมากขึ้นไปอีก



2. แซลมอน
ไขมันดีที่เป็นแหล่งกำเนิดกรดไขมันโอเมก้า 3 ไขมันเหล่านี้จะช่วยเสริมภูมิต้านทานและส่งผลดีต่อสุขภาพผิวและขนของหมา นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า แซลมอนมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพของหมาที่มีอาการภูมิแพ้อีกด้วย คุณสามารถให้หมากินได้ทั้งเนื้อและน้ำมันจากปลาแซลมอน หากคุณให้เนื้อแซลมอนก็ควรทำให้สุกเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ปรสิตที่อยู่ในเนื้อปลาดิบทำให้หมาของคุณป่วย


3. ฟักทอง
ฟักมองเป็นแหล่งเส้นใยอาหารและเบต้าแคโรทีนที่ผลิตวิตามินเอ หมาเองก็ต้องการเส้นใยอาหารในอาหารของพวกมันเช่นกัน เจ้าของบางรายอาจชอบให้อาหารย่อยง่ายเพื่อลดปริมาณอึ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพลำไส้ของหมาเลย


4. มันเทศ
มันเทศเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีเส้นใยอาหาร และยังมีวิตามินบี 6 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแร่แมงกานีส คุณสามารถให้หมาแทะมันเทศต้มหั่นเป็นชิ้นๆ กินเล่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อขนมแพงๆ ให้มันกินเลย



5. ถั่วลันเตา
ถั่วลันเตาเองก็มีเส้นใยอาหารเช่นกัน และยังมีวิตามินเค วิตามันซี และแร่แมงกานีสอีกด้วย หากหมาของคุณเริ่มมีแนวโน้มว่าจะอ้วน การผสมเมล็ดถั่วลันเตาลงไปในอาหารที่ให้ตามปกติ จะสามารถช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายของมันได้รับลง แต่ยังคงอิ่มท้องอยู่ หมาหลายตัวชอบกินเมล็ดถั่วลันเตาแช่แข็งด้วยนะ



6. ไข่
ไข่คือแหล่งโปรตีนย่อยง่ายที่มีวิตามินบี 2 และแร่ซีลีเนียม หากหมาของคุณมีปัญหาเรื่องการย่อยอาการ ไข่สามารถช่วยเสริมโปรตีนที่มันต้องการได้ การเพิ่มไข่ลงไปในอาหารหมาถือได้ว่าเป็นการให้ของแถมที่ดีต่อสุขภาพ แต่คุณต้องแน่ใจว่าไข่ที่ให้นั้นสุกจริงๆ เนื่องจากไข่ขาวดิบทำให้การดูดซับแร่ไบโอติกบกพร่อง และอาจทำให้หมาของคุณมีอาการขนร่วง



7. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นของว่างกรุบกรอบที่ยอดเยี่ยมสำหรับหมา เปลือกแอปเปิ้ลเต็มไปด้วยสารเคมีตามธรรมชาติที่เชื่อว่ากันสามารถช่วยต้านมะเร็งบางชนิดในมนุษย์ได้ มันยังเป็นแหล่งวิตามินเอ วิตามินซี และใยอาหาร แต่ทว่า เมล็ดแอปเปิ้ลนั้นกลับมีสารไซยาไนด์อยู่ และหมาของคุณก็ไม่ควรกินแกนแอปเปิ้ลลงไป จริงอยู่ว่าเมล็ดแอปเปิ้ลเล็กๆ ไม่กี่เมล็ดอาจไม่มีอันตรายอะไรต่อหมาของคุณในทันที แต่คุณต้องไม่ลืมว่า การกินอย่างต่อเนื่องก็สามารถทำให้เกิดสารพิษสะสมได้

4600
7 เมนูอาหารที่หมาก็กินได้

ด้วยสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะกินอาหารอย่างเดียวกัน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อหมาและคนนั้น เป็นไปได้ว่าจะต่างกันสุดขั้ว อาหารบางอย่างคนกินได้อร่อยดี แต่หมากินแล้วมีปัญหาแน่นอน อาหารที่คนเรากินกันนั้นหลายอย่างเป็นพิษต่อร่างกายหมาและทำให้มันป่วยได้ ด้วยเหตุนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของหมาที่คุณรัก การให้หมากินอาหารที่ผลิตเพื่อหมาโดยเฉพาะจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีอาหารของคนหลายอย่างที่คุณสามารถให้หมากินได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเจ้าเพื่อนสี่ขาอีกด้วย



1. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตเป็นแหล่งแคลเซียมและโปรตีนชั้นดี เมื่อคุณเลือกซื้อโยเกิร์ตแบบเผื่อให้หมาของคุณกินด้วย ควรเลือกแบบที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตผสมอยู่ และไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานลงในโยเกิร์ต ในวันที่อากาศร้อนๆ การให้โยเกิร์ตที่แช่เย็นจนเป็นเกล็ดน้ำแข็งเป็นของว่างจะทำให้หมาของคุณรักคุณมากขึ้นไปอีก



2. แซลมอน
ไขมันดีที่เป็นแหล่งกำเนิดกรดไขมันโอเมก้า 3 ไขมันเหล่านี้จะช่วยเสริมภูมิต้านทานและส่งผลดีต่อสุขภาพผิวและขนของหมา นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า แซลมอนมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพของหมาที่มีอาการภูมิแพ้อีกด้วย คุณสามารถให้หมากินได้ทั้งเนื้อและน้ำมันจากปลาแซลมอน หากคุณให้เนื้อแซลมอนก็ควรทำให้สุกเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ปรสิตที่อยู่ในเนื้อปลาดิบทำให้หมาของคุณป่วย


3. ฟักทอง
ฟักมองเป็นแหล่งเส้นใยอาหารและเบต้าแคโรทีนที่ผลิตวิตามินเอ หมาเองก็ต้องการเส้นใยอาหารในอาหารของพวกมันเช่นกัน เจ้าของบางรายอาจชอบให้อาหารย่อยง่ายเพื่อลดปริมาณอึ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพลำไส้ของหมาเลย


4. มันเทศ
มันเทศเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีเส้นใยอาหาร และยังมีวิตามินบี 6 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแร่แมงกานีส คุณสามารถให้หมาแทะมันเทศต้มหั่นเป็นชิ้นๆ กินเล่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อขนมแพงๆ ให้มันกินเลย



5. ถั่วลันเตา
ถั่วลันเตาเองก็มีเส้นใยอาหารเช่นกัน และยังมีวิตามินเค วิตามันซี และแร่แมงกานีสอีกด้วย หากหมาของคุณเริ่มมีแนวโน้มว่าจะอ้วน การผสมเมล็ดถั่วลันเตาลงไปในอาหารที่ให้ตามปกติ จะสามารถช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายของมันได้รับลง แต่ยังคงอิ่มท้องอยู่ หมาหลายตัวชอบกินเมล็ดถั่วลันเตาแช่แข็งด้วยนะ



6. ไข่
ไข่คือแหล่งโปรตีนย่อยง่ายที่มีวิตามินบี 2 และแร่ซีลีเนียม หากหมาของคุณมีปัญหาเรื่องการย่อยอาการ ไข่สามารถช่วยเสริมโปรตีนที่มันต้องการได้ การเพิ่มไข่ลงไปในอาหารหมาถือได้ว่าเป็นการให้ของแถมที่ดีต่อสุขภาพ แต่คุณต้องแน่ใจว่าไข่ที่ให้นั้นสุกจริงๆ เนื่องจากไข่ขาวดิบทำให้การดูดซับแร่ไบโอติกบกพร่อง และอาจทำให้หมาของคุณมีอาการขนร่วง



7. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นของว่างกรุบกรอบที่ยอดเยี่ยมสำหรับหมา เปลือกแอปเปิ้ลเต็มไปด้วยสารเคมีตามธรรมชาติที่เชื่อว่ากันสามารถช่วยต้านมะเร็งบางชนิดในมนุษย์ได้ มันยังเป็นแหล่งวิตามินเอ วิตามินซี และใยอาหาร แต่ทว่า เมล็ดแอปเปิ้ลนั้นกลับมีสารไซยาไนด์อยู่ และหมาของคุณก็ไม่ควรกินแกนแอปเปิ้ลลงไป จริงอยู่ว่าเมล็ดแอปเปิ้ลเล็กๆ ไม่กี่เมล็ดอาจไม่มีอันตรายอะไรต่อหมาของคุณในทันที แต่คุณต้องไม่ลืมว่า การกินอย่างต่อเนื่องก็สามารถทำให้เกิดสารพิษสะสมได้

4601
10 น้องหมาที่เกิดมาพร้อมกับ “หิมะ”

1. ซามอยด์ (Samoyed)
ต้นกำเนิดของ ซามอยด์ (Samoyed)  มาจากไซบีเรีย ได้มีการบันทึกการค้นพบครั้งแรกของสุนัขสายพันธุ์ ซามอยด์ (Samoyed)  โดยอาศัยอยู่ในไซบีเรีย โดยชนเผ่าซามอยด์ หลายศตวรรษที่ผ่านมา พวกเขาได้ใช้สุนัขเหล่านี้ในการลากเลื่อนสำหรับการย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่ และใช้สุนัขเหล่านี้ไปยังพื้นที่ที่ยากลำบากในธารน้ำแข็ง ซามอยด์ (Samoyed) เป็นสายพันธุ์สุนัขใช้งานที่เก่าแก่ มีเชื้อสายใกล้กับสุนัขพื้นเมือง ซึ่งการผสมพันธุ์ร่วมกับหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอก



2. เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain Dog)
ต้นกำเนิดของ เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain Dog) มาจากวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาเป็นสุนัขที่มีความทนทานและสามารถปรับตัวเข้ากับประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดีมาก ส่วนมากจะใช้งานในการคุมฝูงสัตว์และเป็นสุนัขเฝ้ายามของกองทัพโรมัน โดยได้รับความนิยมมากในกรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์



3. เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees)
แหล่งกำเนิดของ เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees) จากเอเชียกลางและฝรั่งเศส มันได้รับการตั้งชื่อนี้เพราะมันถูกค้นพบในเทือกเขา Pyrenees มันถูกนำมาใช้ในการดูแลฝูงแกะ สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนความหนา ทำให้ช่วยปกป้องร่างกายจากสภาพอากาศหนาวเย็น สายพันธุ์เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees) ถูกนำไปที่อเมริกาครั้งแรกเมื่อปี 1824



4. นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland)
ต้นกำเนิดของ นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) อยู่ที่แคนาดาและอังกฤษ นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) มีขนที่หนาทำให้มันสามารถทนต่อสภาพประเทศที่หนาวเย็นได้ดี ในประเทศแคนาดาได้ใช้งานสุนัขเหล่านี้ในการขนส่งวัตถุ โดยธรรมชาติแล้ว นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) เป็นสุนัขที่ร่าเริง และเชื่อง แม้ว่าตัวจะใหญ่มาก แต่นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) เป็นสุนัขที่สุภาพ รักสงบ ซื่อสัตย์



5. เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs)
แหล่งกำเนิดของ  เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs) ในสวิสวิตเซอร์แลนด์ ผู้คนจะเลี้ยงไว้ดูแลบ้านในภูเขา เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs) เป็นสายพันธุ์ที่ทุกคนคิดว่าสูญพันธุ์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่มันกลับถูกค้นพบในปี 1995 และได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการโดย American Kennel Club.



6. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)
แหล่งกำเนิดของ ไซบีเรียน อัสกี นี้มีต้นกำเนิดในตะวันออกของไซบีเรีย คำว่า “ฮัสกี้” ได้มาจากชื่อที่ใช้เรียกชาวอินนูอิต(Inuit) ส่วนคำว่า "ไซบีเรียน (Siberian)" ได้มาจากดินแดนไซบีเรียนั่นเอง สุนัขที่สืบเชื้อสายมาจากสุนัขเอซคิโมสามารถพบได้ตลอดซีกโลกด้านเหนือจากไซบีเรียถึงประเทศแคนาดา, มลรัฐอะแลสกา ต่อมาได้ถูกนำเข้ามาใน อลาสกาและแพร่พันธุ์เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา จนพัฒนามาเป็นสุนัขลากเลื่อนเมื่อประมาณ ค.ศ.1900



7. เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard)
แหล่งกำเนิดของ เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard) มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เซนต์เบอร์นาร์ดเป็นสุนัขที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 1 พันปี โดยในสมัยนั้น มีนักบุญที่ชื่อว่า Bernard ได้ทำการไล่ต้อนพวกโจรฮังการีที่มักสร้างความเดือดร้อน ด้วยการปล้น ฆ่า แต่เส้นทางในบริเวณนั้นที่สัญจรไปมามีอันตรายและความยากลำบากในการเดินทาง เป็นอย่างมาก ทั้งอากาศที่หนาวเย็น และอันตรายจากพายุหิมะและหิมะถล่ม ทำให้ นักเดินทางที่ใช้เส้นทางดังกล่าวโดนหิมะถล่มใส่และติดค้างอยู่ นักบุญ Bernard จึงได้นำสุนัข มาช่วยเหลือและฝึกฝน เนื่องจาก ประสาทการดมกลิ่นของเซนต์เบอร์นาร์ดนั้นดีมากๆสามารถค้นหานักเดินทางที่ ประสบภัยอยู่ใต้หิมะได้แม้จะอยู่ต่ำลงไปหลายฟุตก็ตาม ต่อมาผู้คนจึงได้ชื่นชมและยกย่องว่าเป็น หมานักบุญ หรือ St. Bernard และเซนต์เบอร์นาร์ด ยังเป็นสุนัขประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย



8. อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)
แหล่งกำเนิดของ อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดของโลกสายพันธุ์หนึ่งเลยทีเดียว มีถิ่นกำเนิดตามชื่อของมันนั่นก็คือ แถบอลาสก้า ได้รับการตั้งชื่อตามชาวพื้นเมือง อินนุยท์ (Innuit) ที่มีชื่อว่า มาลามิว (Mahlamuts) ผู้ที่อาสัยอยู่แถบชายฝั่งโค เซบู เซาด์ (Kot – zebue sound) ในทางตะวันตกตอนบนอลาสก้า เป็นสายพันธุ์สุนัขที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งแดนน้ำแข็ง เจ้าถิ่นแห่งความหนาวเย็นตัวจริง



9. นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ (Norwegian elkhound)
ต้นกำเนิดของ นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ (Norwegian elkhound)  มีถิ่นกำเนิดในประเทศนอร์เวย์ คนเลี้ยง นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ จะไว้ใช้สำหรับการล่าสัตว์ในฤดูหนาวของสแกนดิเนเวี สุนัขเหล่านี้มีความภักดีและมีความต้านทานมากในสภาพอากาศหนาวเย็น



10. โอลด์อิงลิชชีปด็อก (Old English Sheepdog)
ต้นกำเนิดของ โอลด์อิงลิชชีปด็อก (Old English Sheepdog) ในประเทศอังกฤษ ขนของพวกเขาจะหนาและทนสภาพอากาศหนาวเย็น พวกเขาใช้งานโดยการดูแลฝูงวัว



4602
10 น้องหมาที่เกิดมาพร้อมกับ “หิมะ”

1. ซามอยด์ (Samoyed)
ต้นกำเนิดของ ซามอยด์ (Samoyed)  มาจากไซบีเรีย ได้มีการบันทึกการค้นพบครั้งแรกของสุนัขสายพันธุ์ ซามอยด์ (Samoyed)  โดยอาศัยอยู่ในไซบีเรีย โดยชนเผ่าซามอยด์ หลายศตวรรษที่ผ่านมา พวกเขาได้ใช้สุนัขเหล่านี้ในการลากเลื่อนสำหรับการย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่ และใช้สุนัขเหล่านี้ไปยังพื้นที่ที่ยากลำบากในธารน้ำแข็ง ซามอยด์ (Samoyed) เป็นสายพันธุ์สุนัขใช้งานที่เก่าแก่ มีเชื้อสายใกล้กับสุนัขพื้นเมือง ซึ่งการผสมพันธุ์ร่วมกับหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอก



2. เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain Dog)
ต้นกำเนิดของ เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain Dog) มาจากวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาเป็นสุนัขที่มีความทนทานและสามารถปรับตัวเข้ากับประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดีมาก ส่วนมากจะใช้งานในการคุมฝูงสัตว์และเป็นสุนัขเฝ้ายามของกองทัพโรมัน โดยได้รับความนิยมมากในกรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์



3. เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees)
แหล่งกำเนิดของ เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees) จากเอเชียกลางและฝรั่งเศส มันได้รับการตั้งชื่อนี้เพราะมันถูกค้นพบในเทือกเขา Pyrenees มันถูกนำมาใช้ในการดูแลฝูงแกะ สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนความหนา ทำให้ช่วยปกป้องร่างกายจากสภาพอากาศหนาวเย็น สายพันธุ์เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees) ถูกนำไปที่อเมริกาครั้งแรกเมื่อปี 1824



4. นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland)
ต้นกำเนิดของ นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) อยู่ที่แคนาดาและอังกฤษ นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) มีขนที่หนาทำให้มันสามารถทนต่อสภาพประเทศที่หนาวเย็นได้ดี ในประเทศแคนาดาได้ใช้งานสุนัขเหล่านี้ในการขนส่งวัตถุ โดยธรรมชาติแล้ว นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) เป็นสุนัขที่ร่าเริง และเชื่อง แม้ว่าตัวจะใหญ่มาก แต่นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) เป็นสุนัขที่สุภาพ รักสงบ ซื่อสัตย์



5. เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs)
แหล่งกำเนิดของ  เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs) ในสวิสวิตเซอร์แลนด์ ผู้คนจะเลี้ยงไว้ดูแลบ้านในภูเขา เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs) เป็นสายพันธุ์ที่ทุกคนคิดว่าสูญพันธุ์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่มันกลับถูกค้นพบในปี 1995 และได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการโดย American Kennel Club.



6. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)
แหล่งกำเนิดของ ไซบีเรียน อัสกี นี้มีต้นกำเนิดในตะวันออกของไซบีเรีย คำว่า “ฮัสกี้” ได้มาจากชื่อที่ใช้เรียกชาวอินนูอิต(Inuit) ส่วนคำว่า "ไซบีเรียน (Siberian)" ได้มาจากดินแดนไซบีเรียนั่นเอง สุนัขที่สืบเชื้อสายมาจากสุนัขเอซคิโมสามารถพบได้ตลอดซีกโลกด้านเหนือจากไซบีเรียถึงประเทศแคนาดา, มลรัฐอะแลสกา ต่อมาได้ถูกนำเข้ามาใน อลาสกาและแพร่พันธุ์เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา จนพัฒนามาเป็นสุนัขลากเลื่อนเมื่อประมาณ ค.ศ.1900



7. เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard)
แหล่งกำเนิดของ เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard) มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เซนต์เบอร์นาร์ดเป็นสุนัขที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 1 พันปี โดยในสมัยนั้น มีนักบุญที่ชื่อว่า Bernard ได้ทำการไล่ต้อนพวกโจรฮังการีที่มักสร้างความเดือดร้อน ด้วยการปล้น ฆ่า แต่เส้นทางในบริเวณนั้นที่สัญจรไปมามีอันตรายและความยากลำบากในการเดินทาง เป็นอย่างมาก ทั้งอากาศที่หนาวเย็น และอันตรายจากพายุหิมะและหิมะถล่ม ทำให้ นักเดินทางที่ใช้เส้นทางดังกล่าวโดนหิมะถล่มใส่และติดค้างอยู่ นักบุญ Bernard จึงได้นำสุนัข มาช่วยเหลือและฝึกฝน เนื่องจาก ประสาทการดมกลิ่นของเซนต์เบอร์นาร์ดนั้นดีมากๆสามารถค้นหานักเดินทางที่ ประสบภัยอยู่ใต้หิมะได้แม้จะอยู่ต่ำลงไปหลายฟุตก็ตาม ต่อมาผู้คนจึงได้ชื่นชมและยกย่องว่าเป็น หมานักบุญ หรือ St. Bernard และเซนต์เบอร์นาร์ด ยังเป็นสุนัขประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย



8. อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)
แหล่งกำเนิดของ อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดของโลกสายพันธุ์หนึ่งเลยทีเดียว มีถิ่นกำเนิดตามชื่อของมันนั่นก็คือ แถบอลาสก้า ได้รับการตั้งชื่อตามชาวพื้นเมือง อินนุยท์ (Innuit) ที่มีชื่อว่า มาลามิว (Mahlamuts) ผู้ที่อาสัยอยู่แถบชายฝั่งโค เซบู เซาด์ (Kot – zebue sound) ในทางตะวันตกตอนบนอลาสก้า เป็นสายพันธุ์สุนัขที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งแดนน้ำแข็ง เจ้าถิ่นแห่งความหนาวเย็นตัวจริง



9. นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ (Norwegian elkhound)
ต้นกำเนิดของ นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ (Norwegian elkhound)  มีถิ่นกำเนิดในประเทศนอร์เวย์ คนเลี้ยง นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ จะไว้ใช้สำหรับการล่าสัตว์ในฤดูหนาวของสแกนดิเนเวี สุนัขเหล่านี้มีความภักดีและมีความต้านทานมากในสภาพอากาศหนาวเย็น



10. โอลด์อิงลิชชีปด็อก (Old English Sheepdog)
ต้นกำเนิดของ โอลด์อิงลิชชีปด็อก (Old English Sheepdog) ในประเทศอังกฤษ ขนของพวกเขาจะหนาและทนสภาพอากาศหนาวเย็น พวกเขาใช้งานโดยการดูแลฝูงวัว



4603
10 น้องหมาที่เกิดมาพร้อมกับ “หิมะ”

1. ซามอยด์ (Samoyed)
ต้นกำเนิดของ ซามอยด์ (Samoyed)  มาจากไซบีเรีย ได้มีการบันทึกการค้นพบครั้งแรกของสุนัขสายพันธุ์ ซามอยด์ (Samoyed)  โดยอาศัยอยู่ในไซบีเรีย โดยชนเผ่าซามอยด์ หลายศตวรรษที่ผ่านมา พวกเขาได้ใช้สุนัขเหล่านี้ในการลากเลื่อนสำหรับการย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่ และใช้สุนัขเหล่านี้ไปยังพื้นที่ที่ยากลำบากในธารน้ำแข็ง ซามอยด์ (Samoyed) เป็นสายพันธุ์สุนัขใช้งานที่เก่าแก่ มีเชื้อสายใกล้กับสุนัขพื้นเมือง ซึ่งการผสมพันธุ์ร่วมกับหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอก



2. เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain Dog)
ต้นกำเนิดของ เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain Dog) มาจากวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาเป็นสุนัขที่มีความทนทานและสามารถปรับตัวเข้ากับประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดีมาก ส่วนมากจะใช้งานในการคุมฝูงสัตว์และเป็นสุนัขเฝ้ายามของกองทัพโรมัน โดยได้รับความนิยมมากในกรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์



3. เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees)
แหล่งกำเนิดของ เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees) จากเอเชียกลางและฝรั่งเศส มันได้รับการตั้งชื่อนี้เพราะมันถูกค้นพบในเทือกเขา Pyrenees มันถูกนำมาใช้ในการดูแลฝูงแกะ สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนความหนา ทำให้ช่วยปกป้องร่างกายจากสภาพอากาศหนาวเย็น สายพันธุ์เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees) ถูกนำไปที่อเมริกาครั้งแรกเมื่อปี 1824



4. นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland)
ต้นกำเนิดของ นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) อยู่ที่แคนาดาและอังกฤษ นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) มีขนที่หนาทำให้มันสามารถทนต่อสภาพประเทศที่หนาวเย็นได้ดี ในประเทศแคนาดาได้ใช้งานสุนัขเหล่านี้ในการขนส่งวัตถุ โดยธรรมชาติแล้ว นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) เป็นสุนัขที่ร่าเริง และเชื่อง แม้ว่าตัวจะใหญ่มาก แต่นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) เป็นสุนัขที่สุภาพ รักสงบ ซื่อสัตย์



5. เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs)
แหล่งกำเนิดของ  เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs) ในสวิสวิตเซอร์แลนด์ ผู้คนจะเลี้ยงไว้ดูแลบ้านในภูเขา เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs) เป็นสายพันธุ์ที่ทุกคนคิดว่าสูญพันธุ์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่มันกลับถูกค้นพบในปี 1995 และได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการโดย American Kennel Club.



6. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)
แหล่งกำเนิดของ ไซบีเรียน อัสกี นี้มีต้นกำเนิดในตะวันออกของไซบีเรีย คำว่า “ฮัสกี้” ได้มาจากชื่อที่ใช้เรียกชาวอินนูอิต(Inuit) ส่วนคำว่า "ไซบีเรียน (Siberian)" ได้มาจากดินแดนไซบีเรียนั่นเอง สุนัขที่สืบเชื้อสายมาจากสุนัขเอซคิโมสามารถพบได้ตลอดซีกโลกด้านเหนือจากไซบีเรียถึงประเทศแคนาดา, มลรัฐอะแลสกา ต่อมาได้ถูกนำเข้ามาใน อลาสกาและแพร่พันธุ์เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา จนพัฒนามาเป็นสุนัขลากเลื่อนเมื่อประมาณ ค.ศ.1900



7. เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard)
แหล่งกำเนิดของ เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard) มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เซนต์เบอร์นาร์ดเป็นสุนัขที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 1 พันปี โดยในสมัยนั้น มีนักบุญที่ชื่อว่า Bernard ได้ทำการไล่ต้อนพวกโจรฮังการีที่มักสร้างความเดือดร้อน ด้วยการปล้น ฆ่า แต่เส้นทางในบริเวณนั้นที่สัญจรไปมามีอันตรายและความยากลำบากในการเดินทาง เป็นอย่างมาก ทั้งอากาศที่หนาวเย็น และอันตรายจากพายุหิมะและหิมะถล่ม ทำให้ นักเดินทางที่ใช้เส้นทางดังกล่าวโดนหิมะถล่มใส่และติดค้างอยู่ นักบุญ Bernard จึงได้นำสุนัข มาช่วยเหลือและฝึกฝน เนื่องจาก ประสาทการดมกลิ่นของเซนต์เบอร์นาร์ดนั้นดีมากๆสามารถค้นหานักเดินทางที่ ประสบภัยอยู่ใต้หิมะได้แม้จะอยู่ต่ำลงไปหลายฟุตก็ตาม ต่อมาผู้คนจึงได้ชื่นชมและยกย่องว่าเป็น หมานักบุญ หรือ St. Bernard และเซนต์เบอร์นาร์ด ยังเป็นสุนัขประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย



8. อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)
แหล่งกำเนิดของ อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดของโลกสายพันธุ์หนึ่งเลยทีเดียว มีถิ่นกำเนิดตามชื่อของมันนั่นก็คือ แถบอลาสก้า ได้รับการตั้งชื่อตามชาวพื้นเมือง อินนุยท์ (Innuit) ที่มีชื่อว่า มาลามิว (Mahlamuts) ผู้ที่อาสัยอยู่แถบชายฝั่งโค เซบู เซาด์ (Kot – zebue sound) ในทางตะวันตกตอนบนอลาสก้า เป็นสายพันธุ์สุนัขที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งแดนน้ำแข็ง เจ้าถิ่นแห่งความหนาวเย็นตัวจริง



9. นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ (Norwegian elkhound)
ต้นกำเนิดของ นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ (Norwegian elkhound)  มีถิ่นกำเนิดในประเทศนอร์เวย์ คนเลี้ยง นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ จะไว้ใช้สำหรับการล่าสัตว์ในฤดูหนาวของสแกนดิเนเวี สุนัขเหล่านี้มีความภักดีและมีความต้านทานมากในสภาพอากาศหนาวเย็น



10. โอลด์อิงลิชชีปด็อก (Old English Sheepdog)
ต้นกำเนิดของ โอลด์อิงลิชชีปด็อก (Old English Sheepdog) ในประเทศอังกฤษ ขนของพวกเขาจะหนาและทนสภาพอากาศหนาวเย็น พวกเขาใช้งานโดยการดูแลฝูงวัว



4604
10 น้องหมาที่เกิดมาพร้อมกับ “หิมะ”

1. ซามอยด์ (Samoyed)
ต้นกำเนิดของ ซามอยด์ (Samoyed)  มาจากไซบีเรีย ได้มีการบันทึกการค้นพบครั้งแรกของสุนัขสายพันธุ์ ซามอยด์ (Samoyed)  โดยอาศัยอยู่ในไซบีเรีย โดยชนเผ่าซามอยด์ หลายศตวรรษที่ผ่านมา พวกเขาได้ใช้สุนัขเหล่านี้ในการลากเลื่อนสำหรับการย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่ และใช้สุนัขเหล่านี้ไปยังพื้นที่ที่ยากลำบากในธารน้ำแข็ง ซามอยด์ (Samoyed) เป็นสายพันธุ์สุนัขใช้งานที่เก่าแก่ มีเชื้อสายใกล้กับสุนัขพื้นเมือง ซึ่งการผสมพันธุ์ร่วมกับหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอก



2. เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain Dog)
ต้นกำเนิดของ เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain Dog) มาจากวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาเป็นสุนัขที่มีความทนทานและสามารถปรับตัวเข้ากับประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดีมาก ส่วนมากจะใช้งานในการคุมฝูงสัตว์และเป็นสุนัขเฝ้ายามของกองทัพโรมัน โดยได้รับความนิยมมากในกรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์



3. เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees)
แหล่งกำเนิดของ เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees) จากเอเชียกลางและฝรั่งเศส มันได้รับการตั้งชื่อนี้เพราะมันถูกค้นพบในเทือกเขา Pyrenees มันถูกนำมาใช้ในการดูแลฝูงแกะ สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนความหนา ทำให้ช่วยปกป้องร่างกายจากสภาพอากาศหนาวเย็น สายพันธุ์เกรท ไพรีนีส (Great Pyrenees) ถูกนำไปที่อเมริกาครั้งแรกเมื่อปี 1824



4. นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland)
ต้นกำเนิดของ นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) อยู่ที่แคนาดาและอังกฤษ นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) มีขนที่หนาทำให้มันสามารถทนต่อสภาพประเทศที่หนาวเย็นได้ดี ในประเทศแคนาดาได้ใช้งานสุนัขเหล่านี้ในการขนส่งวัตถุ โดยธรรมชาติแล้ว นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) เป็นสุนัขที่ร่าเริง และเชื่อง แม้ว่าตัวจะใหญ่มาก แต่นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland) เป็นสุนัขที่สุภาพ รักสงบ ซื่อสัตย์



5. เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs)
แหล่งกำเนิดของ  เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs) ในสวิสวิตเซอร์แลนด์ ผู้คนจะเลี้ยงไว้ดูแลบ้านในภูเขา เกรทเทอร์ สวิสส์ เมาน์เทนด๊อก (Greater Swiss Mountain Dogs) เป็นสายพันธุ์ที่ทุกคนคิดว่าสูญพันธุ์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่มันกลับถูกค้นพบในปี 1995 และได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการโดย American Kennel Club.



6. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)
แหล่งกำเนิดของ ไซบีเรียน อัสกี นี้มีต้นกำเนิดในตะวันออกของไซบีเรีย คำว่า “ฮัสกี้” ได้มาจากชื่อที่ใช้เรียกชาวอินนูอิต(Inuit) ส่วนคำว่า "ไซบีเรียน (Siberian)" ได้มาจากดินแดนไซบีเรียนั่นเอง สุนัขที่สืบเชื้อสายมาจากสุนัขเอซคิโมสามารถพบได้ตลอดซีกโลกด้านเหนือจากไซบีเรียถึงประเทศแคนาดา, มลรัฐอะแลสกา ต่อมาได้ถูกนำเข้ามาใน อลาสกาและแพร่พันธุ์เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา จนพัฒนามาเป็นสุนัขลากเลื่อนเมื่อประมาณ ค.ศ.1900



7. เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard)
แหล่งกำเนิดของ เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard) มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เซนต์เบอร์นาร์ดเป็นสุนัขที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 1 พันปี โดยในสมัยนั้น มีนักบุญที่ชื่อว่า Bernard ได้ทำการไล่ต้อนพวกโจรฮังการีที่มักสร้างความเดือดร้อน ด้วยการปล้น ฆ่า แต่เส้นทางในบริเวณนั้นที่สัญจรไปมามีอันตรายและความยากลำบากในการเดินทาง เป็นอย่างมาก ทั้งอากาศที่หนาวเย็น และอันตรายจากพายุหิมะและหิมะถล่ม ทำให้ นักเดินทางที่ใช้เส้นทางดังกล่าวโดนหิมะถล่มใส่และติดค้างอยู่ นักบุญ Bernard จึงได้นำสุนัข มาช่วยเหลือและฝึกฝน เนื่องจาก ประสาทการดมกลิ่นของเซนต์เบอร์นาร์ดนั้นดีมากๆสามารถค้นหานักเดินทางที่ ประสบภัยอยู่ใต้หิมะได้แม้จะอยู่ต่ำลงไปหลายฟุตก็ตาม ต่อมาผู้คนจึงได้ชื่นชมและยกย่องว่าเป็น หมานักบุญ หรือ St. Bernard และเซนต์เบอร์นาร์ด ยังเป็นสุนัขประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย



8. อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)
แหล่งกำเนิดของ อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute) เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดของโลกสายพันธุ์หนึ่งเลยทีเดียว มีถิ่นกำเนิดตามชื่อของมันนั่นก็คือ แถบอลาสก้า ได้รับการตั้งชื่อตามชาวพื้นเมือง อินนุยท์ (Innuit) ที่มีชื่อว่า มาลามิว (Mahlamuts) ผู้ที่อาสัยอยู่แถบชายฝั่งโค เซบู เซาด์ (Kot – zebue sound) ในทางตะวันตกตอนบนอลาสก้า เป็นสายพันธุ์สุนัขที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งแดนน้ำแข็ง เจ้าถิ่นแห่งความหนาวเย็นตัวจริง



9. นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ (Norwegian elkhound)
ต้นกำเนิดของ นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ (Norwegian elkhound)  มีถิ่นกำเนิดในประเทศนอร์เวย์ คนเลี้ยง นอร์วีเจียนเอลก์ฮาวด์ จะไว้ใช้สำหรับการล่าสัตว์ในฤดูหนาวของสแกนดิเนเวี สุนัขเหล่านี้มีความภักดีและมีความต้านทานมากในสภาพอากาศหนาวเย็น



10. โอลด์อิงลิชชีปด็อก (Old English Sheepdog)
ต้นกำเนิดของ โอลด์อิงลิชชีปด็อก (Old English Sheepdog) ในประเทศอังกฤษ ขนของพวกเขาจะหนาและทนสภาพอากาศหนาวเย็น พวกเขาใช้งานโดยการดูแลฝูงวัว



4605
ความกังวลจากการแยกจากเจ้าของ เมื่อหมาของคุณไม่อยากอยู่ตัวเดียว
สำหรับหมาหรือสัตว์เลี้ยงบางตัวที่ใกล้ชิดกับเจ้าของมากๆ นั้น การต้องอยู่ตามลำพังสามารถทำให้มันทรมานและมีพฤติกรรมที่สร้างความยุ่งยากให้คุณได้ แม้ว่าวิธีแก้จะไม่ง่ายนัก แต่ก็มีหลักพื้นฐานบางอย่างที่ทำให้หมาของคุณอยู่ตัวเดียวได้อย่างสบายใจ



ความกังวลจากการแยกจากเจ้าของคืออะไร
หมาที่ชอบเห่า ทำลายข้าวของในบ้าน หรือแสดงความหงุดหงิดไม่พอใจก่อนที่คุณจะออกจากบ้าน มักเป็นหมาที่ป่วยด้วยความกังวลจากการแยกจากเจ้าของ บางตัวอาจไม่แสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน แต่ทำให้บ้านของคุณได้รับความเสียหาย แม้ว่ามันจะผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม หมาบางตัวที่เห่าเสียงดังตลอดเวลาจนทำให้เพื่อนบ้านรำคาญ ก็อาจมีสาเหตุมาจากความหดหู่และความกังวลจากการแยกจากเจ้าของได้เช่นกัน



ความกังวลจากการแยกจากเจ้าของเกิดจากอะไร
มีการสันนิษฐานกันว่า ความกังวลจากการแยกจากเจ้าของมีสาเหตุมาจากความผิดปกติในยีน ดังนั้น แม้ว่าหมาของคุณจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี และมีการเข้าสังคมอย่างสม่ำเสมอ มันก็ยังสามารถเกิดความกังวลจากการแยกจากเจ้าของได้ หมาที่ติดเจ้าของมากเป็นพิเศษและแทบจะไม่ต้องอยู่ตามลำพังเลยอาจมีอาการนี้ขั้นรุนแรง หากไม่เคยเรียนรู้เลยว่าต้องอยู่ตามลำพังอย่างไร
อย่าลืมว่า โดยพื้นฐานแล้วหมาเป็นสัตว์ฝูงที่ต้องการการเข้าสังคม มันไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ตามลำพังระหว่างที่คุณออกไปทำงาน หมาชอบอยู่เป็นฝูงโดยธรรมชาติ ดังนั้น วิถีชีวิตของหมายุคปัจจุบันจึงเรียกได้ว่าค่อนข้างผิดปกติ



จะรู้ได้อย่างไรว่าหมาของคุณมีอาการนี้หรือไม่
หากหมาของคุณเริ่มร้องคร่ำครวญ เดินตามคุณตลอดเวลา หรือเดินวนไปมาด้วยความกระวนกระวายเมื่อคุณทำท่าว่าจะออกจากบ้าน นั่นแปลว่าหมาของคุณไม่สบายใจที่คุณจะออกไปข้างนอก เมื่อคุณกลับมาถึงบ้านแล้วพบว่าข้าวของในบ้านเสียหาย หรือถูกกัดแทะ ถ้าอย่างนั้นหมาของคุณก็อาจมีความกังวลจากการแยกจากเจ้าของ ถ้าเพื่อนบ้านของคุณบอกว่าหมาของคุณเห่าหอนคร่ำครวญระหว่างที่คุณไม่อยู่ นี่ก็เป็นอาการบ่งชี้ว่าหมาของคุณกำลังเครียดและเกิดความกังวลได้เช่นกัน

การรักษาความกังวลจากการแยกจากเจ้าของ
สำหรับหมาที่มีความกังวลจากการแยกจากเจ้าของในระดับเบา การใส่เสื้อให้หมาจะใช้ได้ผลดี โดยเฉพาะกับหมาที่ชอบมานั่งใกล้ๆ หรือนั่งซบคุณ การทิ้งขนมขบเคี้ยวไว้ให้ก่อนออกจากบ้านก็สามารถช่วยได้เช่นกัน การได้กัดแทะจะช่วยลดความเครียดให้หมาได้
สำหรับหมาที่มีความกังวลจากการแยกจากเจ้าของขั้นเรื้อรัง และมีทีท่าว่าอาการจะแย่ลงเรื่อยๆ หมาของคุณจะต้องการการรักษาอย่างเป็นทางการจากสัตวแพทย์ โดยการรักษานี้จะเน้นไปที่การใช้ยาช่วยลดความกระวนกระวาย และปรับให้สารเคมีในสมองกลับมาอยู่ในระดับปกติ ซึ่งการรักษาในขั้นนี้ต้องได้รับคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากสัตวแพทย์

ความกังวลที่เกิดขึ้นก่อนแยกจากเจ้าของ
สำหรับหมาที่เพิ่งเริ่มแสดงความกังวลก่อนที่คุณจะออกจากบ้าน การปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของคุณเองสามารถช่วยแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้ เช่น ถ้าหมาของคุณเริ่มเดินวนไปมาด้วยความกังวลเมื่อคุณหยิบกระเป๋าและกุญแจเตรียมออกจากบ้าน ให้คุณเดินกลับมานั่งในบ้านแทนที่จะออกไปข้างนอกทันที การปรับการแสดงออกของตัวคุณเองให้ไม่ซ้ำกัน จะช่วยทำให้หมาคาดเดาพฤติกรรมของคุณได้น้อยลง
ระหว่างช่วงปรับพฤติกรรมให้หมาอยู่ตามลำพังได้ การไม่กระตุ้นให้เกิดความกังวลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยอาจลองใช้วิธีต่อไปนี้
-   หาคนอื่น เช่น สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนบ้านที่ว่างมาอยู่เป็นเพื่อนหมา
-   ฝากหมาไว้กับร้านหรือคลินิกที่รับฝากเลี้ยงหมา
-   หาเพื่อนเล่นให้หมาของคุณ อาจจะเป็นหมาตัวอื่นที่เล่นกับหมาของคุณเป็นประจำเมื่อคุณพามันไปเดินเล่น
-   รับหมามาเลี้ยงเพิ่ม

การฝึกให้อยู่ในกรง
ในบางกรณี สามารถฝึกหมาให้อยู่ในกรงสำหรับขนย้าย และให้กรงนั้นกลายเป็นที่ๆ ทันสามารถเข้าไปหลบภัยได้อย่างสบายใจ คุณอาจจะใช้ของเล่นหรือขนมที่หมาชอบเพื่อหลอกล่อให้มันเข้าไปอยู่ในกรง อย่าลืมเปิดประตูกรงทิ้งไว้ด้วย คอยให้รางวัลหรือชมเมื่อมันสามารถอยู่ในนั้นได้อย่างสงบ อาจต้องใช้เวลานานพอควรก่อนที่หมาจะชินกับกรง และในบางครั้ง การให้หมาอยู่ในกรงก็ทำให้อาการแย่ลงได้เช่นกัน