แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

4456
10 พันธุ์หมาสำหรับเจ้าของที่แอบขี้เกียจ

     คนจำนวนไม่น้อยหมดเงินและเวลามากมายไปกับการเลือกลูกหมาน่ารักๆ มาเลี้ยง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือนก็เริ่มไม่สนใจมัน และละเลยการดูแลเมื่อความเห่อในช่วงแรกหมดลง และเมื่อพวกเขาตระหนักว่า การดูแลหมาตัวหนึ่งนั้นไม่ต่างอะไรกับการทำงานที่ต้องใช้ความรับผิดชอบมาก เพราะหมาต้องการความสนใจ ความรัก การเอาใจใส่ การดูแลรักษาความสะอาด และการออกกำลังกายอยู่เสมอ

     สำหรับคนที่อยากมีหมา แต่ไม่อยากพาหมาออกไปเดินเล่นทุกวัน ไม่อยากใช้เวลา และเงิน หมดไปกับการฝึกให้พวกมันรับคำสั่ง หรือไม่อยากพามันไปตัดขนบ่อยๆ เราขอแนะนำให้คุณเลือกหมาพันธุ์ที่ต้องการการดูแลน้อยจะดีกว่า เราไม่ได้อยากให้คุณทอดทิ้งหรือไม่สนใจหมาของคุณนะ แต่การเลี้ยงหมาที่ต้องการการดูแลมากๆ ทั้งๆ ที่คุณไม่ชอบทำอะไรวุ่นวายก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลย มาดูกันดีกว่าว่า มีหมาพันธุ์อะไรบ้างที่น่ารักมาก แต่ต้องการความขยันของเจ้าของน้อย



1. โบโลเนส (Bolognese)

     โบโลเนส (Bolognese) เริ่มได้รับความนิยมในฐานะของหมาสำหรับเลี้ยงเป็นเพื่อนในหมู่ชนชั้นสูงของสเปน และประเทศอื่นๆ ในยุโรปช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เจ้าหมาตัวนี้ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพทางพันธุกรรมมากนัก และทั้งหมดที่โบโลเนส (Bolognese) ต้องการก็คือ 
 
พื้นที่: น้อยมาก โบโลเนส (Bolognese) เหมาะกับการอยู่ในพื้นที่จำกัด ร่างกายของหมาพันธุ์เล็กตัวนี้แข็งแรง มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 8-14 ปอนด์เท่ากับน้ำหนักของทารกแรกเกิด

การออกกำลังกาย: น้อย มันเป็นหมาขี้เล่น แต่ไม่ได้บ้าพลัง การเดินเล่นแค่ครั้งคราวก็พอ

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อย หมาพันธุ์นี้ฉลาดและฝึกง่าย มันอาจระแวงคนแปลกหน้าอยู่บ้าง แต่ก็สามารถเข้ากับเด็กและสัตว์อื่นๆ ได้ดี

การดูแลรักษาขน: ปานกลาง มันเป็นหมาขนยาวสีขาว ขนเป็นสังกะตังง่าย แต่ผลัดขนไม่มาก ถือได้ว่าเป็นหมาพันธุ์หนึ่งที่ไม่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้



2. เจแปนนิส ชิน (Japanese Chin)

     เชื่อกันว่า เจแปนนิส ชิน (Japanese Chin)  มีที่มาจากประเทศจีน และถูกนำมายังประเทศญี่ปุ่นในฐานะของขวัญจากจักรพรรดิจีน จนเป็นที่นิยมในหมูชนชั้นสูงของญี่ปุ่น ก่อนที่จะมีการนำเข้าไปในยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 19 สิ่งที่ เจแปนนิส ชิน (Japanese Chin) ต้องการคือ

พื้นที่: น้อย มันเป็นหมาพันธุ์เล็กสูงไม่ถึง 1 ฟุต และหนักแค่ 8-11 ปอนด์

การออกกำลังกาย: ต่ำ เจ้าหมาตัวเล็กนี้เหมาะกับการนั่งอยู่บนตัก จมูกสั้นๆ ของมันทำให้การออกกำลังกายอาจสร้างปัญหาเรื่องการหายใจและความร้อนได้ การเดินเล่นระยะสั้นๆ เป็นบางครั้งก็เพียงพอสำหรับมันแล้ว

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อย มันเป็นหมาที่ฉลาด เงียบ และมีมารยาท เจแปนนิส ชิน (Japanese Chin) เข้าได้กับเกือบทุกคนที่มันได้เจอ รวมถึงคนแปลกหน้า เด็ก และสัตว์อื่นๆ แต่พวกมันก็ตื่นตัวและอ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวด้วย

การดูแลรักษาขน: ปานกลาง ขนของเจแปนนิส ชิน (Japanese Chin) ต้องการการแปรงขนเป็นประจำเพื่อให้ดูดีและไม่เป็นสังกะตัง มันผลัดขนปีละครั้งในปริมาณน้อย เป็นหมาที่สะอาดมากและไม่มีกลิ่นตัว



3. เกรย์ฮาวนด์ (Greyhound)

     รู้หรือไม่ แม้ว่า เกรย์ฮาวนด์ (Greyhound) จะสามารถวิ่งระยะสั้นได้เร็วมาก แต่มันก็ไม่ใช่หมาที่มีพลังงานเหลือล้นอะไร มันวิ่งได้เร็วแต่กลับชอบนอนนิ่งๆ ทั้งวัน เกรย์ฮาวนด์ (Greyhound) มักถูกใช้เป็นหมาล่าสัตว์และหมาต้อนฝูงสัตว์ในช่วงสมัยอารยธรรมโบราณที่รุ่งเรืองอย่างกรีกและอียิปต์ สิ่งที่เกรย์ฮาวด์ (Greyhound) ต้องการคือ

พื้นที่: น้อย อาจจะดูไม่น่าเชื่อเพราะมันเป็นหมาพันธุ์ใหญ่ เมื่อโตเต็มที่แล้วหนักได้ถึง 60-70 ปอนด์ และสูง 2.5 ฟุต แต่พวกมันก็มีความสุขดีเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่แคบ เกรย์ฮาวด์ (Greyhound) ส่วนใหญ่จะเงียบและนุ่มนวล และจริงๆ แล้วมันเป็นหมาที่เหมาะกับการเลี้ยงในอพาร์ทเมนต์มากกว่าหมาพันธุ์หลายพันธุ์ด้วยซ้ำ

การออกกำลังกาย: ต่ำถึงปานกลาง เกรย์ฮาวด์ (Greyhound) เป็นหมานักวิ่งระยะสั้น และพวกมันก็รักการวิ่ง แต่ไม่ได้ต้องการการออกกำลังกายมากขนาดนั้น การเดินเล่น 20-30 นาทีหลายวันครั้งก็เพียงพอที่ให้เกรย์ฮาวด์ (Greyhound) แข็งแรงอยู่เสมอ

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: ค่อนข้างน้อย หมาพันธุ์นี้ค่อนข้างเชื่อฟังและเข้ากับคนแปลกหน้า เด็กโต และหมาตัวอื่นๆ ได้ดี แต่ควรสังเกตใกล้ชิดเมื่อมันอยู่กับสัตว์ที่เล็กกว่า หรือเด็กๆ ที่ยังเล็กมาก

การดูแลรักษาขน: น้อย ขนของเกรย์ฮาวด์ (Greyhound) ขนสั้นและเรียบลื่น ไม่มีขนชั้นใน เหมาะกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้



4. บุลล์แมสติฟฟ์ (Bullmastiff)

     บุลล์แมสติฟฟ์ (Bullmastiff) เป็นหมาที่ตัวใหญ่มาก แต่เมื่อเทียบกับหมาพันธุ์ใหญ่อื่นๆ มันต้องการการดูแลที่น้อยมาก เจ้าหมาเฝ้าบ้านที่ทรงพลังตัวนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อไม่ให้โจมตีคนแปลกหน้า พวกมันจะแค่เฝ้าเอาไว้ หรือล้มคนแปลกหน้าลงแล้วตรึงให้อยู่กับที่เท่านั้น สิ่งที่บุลล์แมสติฟฟ์ (Bullmastiff) ต้องการก็คือ

พื้นที่: ค่อนข้างน้อย ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ของมัน จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่โล่งเพียงพอให้มันสามารถเดินไปมาได้อย่างสบาย แต่ก็ยังสามารถเลี้ยงในอพาร์ทเมนต์ที่มีพื้นที่จำกัดได้โดยไม่มีปัญหา
 
การออกกำลังกาย: ต่ำถึงปานกลาง บุลล์แมสติฟฟ์ (Bullmastiff) เป็นหมาที่สงบและใช้พลังงานน้อยจนเข้าขั้นขี้เกียจ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นหมาตัวใหญ่ และอ้วนได้ง่าย การพาออกไปเดินเล่นไกลๆ บ้างจะดีต่อสุขภาพของมัน

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อย ควรจะฝึกมันบ้าง เพื่อที่เวลาพามันไปเดินเล่นเจ้าของจะได้ไม่โดนลากไปมา หมาพันธุ์นี้ภักดีต่อครอบครัวของมันมาก มีอารมณ์ที่มั่นคง สงบ และอดทนต่อเด็กๆ

การดูแลรักษาขน: น้อย บุลล์แมสติฟฟ์ (Bullmastiff) มีขนสั้นลื่น และผลัดขนน้อยมาก


5. ปั๊ก (Pug)

     ต้นกำเนิดของปั๊ก (Pug) มาจากประเทศจีน มักถูกใช้เป็นของขวัญในหมู่ชนชั้นสูงของจีน ทิเบต และญี่ปุ่น สิ่งที่ปั๊กต้องการคือ
พื้นที่: น้อย มันหนักราว 18 ปอนด์ (ถ้าไม่อ้วน) และสูงแค่ 1 ฟุต

การออกกำลังกาย: ต่ำมาก คุณแทบไม่จำเป็นต้องพาหมาพันธุ์นี้ไปออกกำลังกายเลย เพราะหน้าย่นๆ ของมันทำให้มีปัญหาเรื่องการหายใจได้ง่าย หมายความว่าเมื่อมันออกแรงมากเกินไป มันก็จะควบคุมการหายใจและอุณหภูมิในร่างกายได้ยากขึ้น
 
การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อย แม้ว่ามันจะมีหน้าตาที่ดูอารมณ์เสียอยู่เสมอ แต่ปั๊ก (Pug) ก็เป็นหมาที่น่ารักและชอบอยู่กับเด็กๆ มันดื้อพอตัวเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นคุณก็ควรจะฝึกมันบ้างถ้าไม่อยากให้มันมาอยู่บนโซฟาของคุณ

การดูแลรักษาขน: ปานกลาง ปั๊ก (Pug) มีข้อเสียก็คือ แม้ว่าขนของมันจะสั้น แต่ก็มีแนวโน้มผลัดขนจำนวนมาก และรอยย่นบนตัวของมันต้องได้รับการทำความสะอาดบ้าง เพื่อป้องกันผื่นคันหรือการติดเชื้อ



6. เกลน ออฟ อิมาล์ เทอร์เรีย (Glen of Imaal Terrier)

    เกลน ออฟ อิมาล์ เทอร์เรีย (Glen of Imaal Terrier) เป็นหมาใช้งานที่มาจากประเทศไอร์แลนด์ เพาะพันธุ์ขึ้นเพื่อล่าสัตว์พาหะนำโรค สัตว์ที่สร้างความรำคาญ และหมาจิ้งจอก สิ่งที่เกลน ออฟ อิมาล์ เทอร์เรีย (Glen of Imaal Terrier) ต้องการคือ
   
พื้นที่: ค่อนข้างน้อย หนักได้ถึง 35 ปอนด์ และสูง 14 ฟุต เหมาะสำหรับเลี้ยงในอพาร์ทเมนต์ หรือบ้านที่มีสวนขนาดเล็ก

การออกกำลังกาย: ค่อนข้างต่ำ ขาของหมาพันธุ์นี้ค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับขนาดตัว พวกมันจึงไม่เหมาะกับกิจกรรมที่ต้องวิ่งหรือกระโดด การเดินเล่นเป็นช่วงสั้นๆ หรือปล่อยให้มันเล่นในสวนก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว แต่ต้องระวังความชื่นชอบในการขุดสวนของมันด้วย

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อยถึงปลานกลาง มันเป็นหมาที่ฉลาดและฝึกได้ง่ายมาก สามารถเข้าได้ดีกับคนและเด็กๆ แต่อาจจะชอบโวยวายและหวงอาณาเขตเมื่อเจอหมาตัวอื่น และมีแนวโน้มที่จะมองสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้านเป็นเหยื่อของมัน

การดูแลรักษาขน: น้อยถึงปานกลาง ขนชั้นนอกของเกลน ออฟ อิมาล์ เทอร์เรีย (Glen of Imaal Terrier) สามารถยาวได้ถึง 3-4 นิ้วหากไม่ได้รับการดูแล และจะพันเป็นสังกะตัง แต่ผลัดขนไม่มากนัก



7. บูลด็อก (Bulldog)

     บูลด็อก (Bulldog) ได้รับการเพาะพันธุ์ขึ้นเพื่อช่วยคนขายเนื้อจับวัว ต่อมาถูกนำมาต่อสู้กันเอง เมื่อการสู้สุนัขกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เหล่าผู้เพาะพันธุ์ก็ปรับให้บูลด็อก (Bulldog) มีนิสัยที่นุ่มนวลและอ่อนโยนขึ้น บูลด็อก (Bulldog) ต้องการ

พื้นที่: น้อย มันเป็นหมาตัวเล็กที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หนักประมาณ 40-50 ปอนด์

การออกกำลังกาย: มันไม่ใช่หมาที่กระตือรือร้น แต่เนื่องจากมันอ้วนได้ง่าย การออกกำลังกายบ้างจึงเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องเป็นการออกกำลังแบบเบาๆ เท่านั้น เนื่องจากจมูกของมันสั้น การออกกำลายอย่างหนักจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องการหายใจได้

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อย มันเป็นหมาที่น่ารักและซื่อสัตย์มาก บูลด็อก (Bulldog) เข้ากันได้กับคน เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

การดูแลรักษาขน: น้อย ขนของมันสั้น แต่รอยย่นบนตัวและบนใบหน้าของมันต้องการการทำความสะอาดอยู่เสมอ


8. ปั๊กเกิ้ล (Puggle)

     ปั๊กเกิ้ล (Puggle) เป็นหมาพันธุ์ผสมระหว่างปั๊ก (Pug) กับบีเกิ้ล (Beagle) เป็นหมาที่ต้องการการดูแลรักษาต่ำ จึงเหมาะแก่การเลี้ยงในบ้านอย่างยิ่ง สิ่งที่ปั๊กเกิ้ล (Puggle) ต้องการก็คือ

พื้นที่: น้อย ปั๊กเกิ้ล (Puggle) เป็นหมาขนาดเล็ก เหมาะกับการเลี้ยงในบ้านหรือในอพาร์ทเมนต์

การออกกำลังกาย: ค่อนข้างน้อย หมาพันธุ์นี้ต้องการการเผาผลาญพลังงานน้อย การได้เดินเล่นหรือวิ่งเล่นในสวนเป็นครั้งคราวจะดีต่อสุขภาพของมัน แต่พวกมันก็เหนื่อยง่าย ปั๊กเกิ้ล (Puggle) มีโพรงจมูกที่ค่อนข้างสั้น ดังนั้น การออกกำลังกายอย่างหนักจึงเป็นเรื่องต้องห้ามของหมาพันธุ์นี้ เนื่องจากจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องการหายใจและการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อย ปั๊กเกิ้ล (Puggle) เป็นหมาที่ชอบใช้ชีวิตสบายๆ พวกมันแข็งแรงและขี้เล่น แถมยังน่ารักอีกด้วย มันเข้ากันได้กับทุกคนรวมถึงเด็ก และหมา หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ภายในบ้าน พวกมันยังซื่อสัตย์และชอบเอาใจเจ้าของอีกด้วย

การดูแลรักษาขน: น้อยถึงปานกลาง ปกติแล้วปั๊กเกิ้ล (Puggle) จะต้องการการดูแลน้อย แต่ก็ผลัดขนอยู่พอสมควร รอยย่นบนตัวต้องการการทำความสะอาดบ้าง โดยความถี่ในการทำความสะอาดขึ้นอยู่กับว่าพวกมันมีความเป็นปั๊ก (Pug) มากน้อยแค่ไหน



9. แรท เทอร์เรีย (Rat Terrier)

    แรท เทอร์เรีย (Rat Terrier) ได้รับการเพาะพันธุ์ขึ้นเพื่อช่วยกำจัดหนูและสัตว์พาหะอื่นๆ มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ แต่ก็พบได้มากในสหรัฐอเมริกา สิ่งที่แรท เทอร์เรีย (Rat Terrier) ต้องการคือ

พื้นที่: น้อย น้ำหนักสูงสุดของหมาพันธุ์นี้คือ 25 ปอนด์ และสูง 1 ฟุตหรือเตี้ยกว่านั้น

การออกกำลังกาย: น้อย พวกมันชอบนอนเอื่อยอยู่บนโซฟาหรือตักของเจ้าของ พอๆ กับออกไปวิ่งเล่นในสนามหลังบ้าน การออกกำลังกายเป็นครั้งคราว เช่น การเดินเล่นหรือเล่นในสวน จะช่วยให้มันมีร่างกายที่แข็งแรง 

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อย แรท เทอร์เรีย (Rat Terrier) เป็นหมาที่เป็นมิตรและเข้าได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้า เด็ก หมาตัวอื่น หรือแมว ปกติจะมีนิสัยร่าเริง แต่บางครั้งก็เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพรอบตัว เช่น อารมณ์ของเจ้าของ เป็นหมาฉลาดที่ฝึกได้ง่าย

การดูแลรักษาขน: น้อย หมาพันธุ์นี้มีที่ขนนุ่มลื่น และไม่ผลัดขน



10. ชิวาวา (Chihuahua)

     ชิวาว่าเป็นหมาที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ได้รับการตั้งชื่อตามเมืองชิวาว่าในประเทศเม็กซิโก มีที่มาของสายพันธุ์ไม่ชัดเจนนัก แต่เชื่อว่ามาจากหมาของนักสำรวจชาวจีนหรือสเปนในสมัยก่อน สิ่งที่ชิวาว่าต้องการก็คือ

พื้นที่: น้อย เป็นหมาเลี้ยงในบ้านอย่างแท้จริง น้ำหนักอยู่ระหว่าง 2-6 ปอนด์ สูงราว 9 นิ้ว สามารถเอาใส่กระเป๋าได้

การออกกำลังกาย: น้อย การเดินเล่นเป็นสิ่งที่ดี อย่าปล่อยให้พวกมันอ้วนจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมายตามมา

การฝึกเพื่อรับคำสั่ง: น้อย แต่ถ้าคุณอยู่ร่วมบ้านกับสัตว์อื่นหรือเด็ก คุณอาจจะต้องการหมาพันธุ์อื่นที่ไม่เครียดจนหน้ามืดคามือ ชิวาว่าจงรักภักดีต่อเจ้าของเพียงคนเดียว แต่ก็เป็นหมาที่เครียดหรืออารมณ์เสียได้ง่ายมาก

การดูแลรักษาขน: น้อย ทั้งพันธุ์ขนสั้นและขนยาวต่างก็ต้องการการดูน้อยขนที่น้อยมาก

4457
ทำไมหมาจึงต้องเลียหน้า


     ภาพของหมานอนหมอบกับพื้นแล้วเลียปากของหมาอีกตัวหนึ่ง มักถูกมองว่าเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนโยนและเป็นมิตร การเลียหน้าและปากมักจะเป็นการแสดงออกของลูกหมา แต่หมาที่โตเต็มที่แล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน การเลียหน้าเป็นการสื่อสารเพื่อเข้าสังคมและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างหมาด้วยกันเองเท่านั้น แต่การเลียหน้าแบบไหนถึงจะอยู่ในระดับที่รับได้ และแบบไหนถึงเรียกว่ามากเกินไป?

     ลูกหมาเล็กๆ มักได้รับความอ่อนโยนและเมตตาจากหมาที่โตแล้วอยู่เสมอ การทักทายด้วยการเลียหน้า กระโดดไปมา และดีดดิ้นไปรอบๆ ของลูกหมาก็มักจะได้รับอนุญาตจากหมาโตแล้วเช่นกัน หมาที่โตแล้วจะหยุดอยู่นิ่งๆ เพื่อปล่อยให้ลูกหมาทำในสิ่งที่มันต้องการก่อนจะเดินจากไป ทว่าเมื่อลูกหมาโตขึ้น เหล่าหมาๆ ก็จะสอนหมาเด็กเหล่านี้ให้มีนิสัยที่เหมาะสมขึ้น สงบนิ่งขึ้น และเลียหน้าน้อยลง บางครั้ง เมื่อการเลียหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายของลูกหมาเลยเถิดไป หมาที่โตแล้วก็อาจดุพวกมันบ้างเหมือนกัน และแม้ว่าการเลียหน้าของลูกหมาจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และพวกหมาที่โตแล้วก็จะยอมอดทนกับมัน แต่หากหมาตัวนั้นเป็นหมาที่โตแล้ว มันจะกลายเป็นคนละเรื่องกันไปในทันที



     การเลียหน้ามีความซับซ้อนมากกว่าที่เราจะคาดถึงกันมากนัก หมาที่เลียหน้าหมาตัวอื่นอยู่ตลอดเวลามักสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่เสมอ หมาบางตัวอาจจะยอมทนรับการเลียหน้าที่ไม่หยุดหย่อน แต่มันก็ถือว่าเป็นการกระทำที่หยาบคายและไม่มีหมาตัวไหนชอบ

     สำหรับหมาบางตัวแล้ว การเลียหน้าคือการสะท้อนให้เห็นว่ามันกำลังเครียด หมาที่ไม่มั่นใจในตัวเองมักจะมีการแสดงออกในรูปแบบนี้ เนื่องจากความมั่นใจ และความสามารถในการสื่อสารภาษาหมาอย่างมั่นใจและฉะฉานของมันไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม



     การจะบอกได้ว่าการเลียหน้านั้นอยู่ในระดับปกติหรือเกินรับได้จะขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของหมาที่โดนเลียหน้าเป็นหลัก ถ้าหมาที่เลียหน้าผลักดันอีกตัวไปรอบๆ  โดยสิ้นเชิง เหมือนกับว่ามันกำลังต้อนหมาอีกตัวหนึ่งด้วยลิ้นของมัน ก็จะนับว่าเป็นพฤติกรรมที่เลยเถิดเกินไปอย่างชัดเจน

     ถ้าหมาที่โตเต็มที่แล้วของคุณเลียหน้าหมาที่มันไม่สนิทด้วยไม่หยุด ให้พามันออกไปทำอย่างอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน อย่าดุหรือใช้แรงบังคับดึงมันออก เพราะการทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เรื่องเลวร้ายลงไปอีก เรียกมันเพื่อให้มันหยุด และบอกให้มันไปเล่นหรือทำอย่างอื่นอย่างสงบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน หมาตัวอื่นจะดีใจมากทีเดียวที่คุณทำอย่างนี้

     อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ เมื่อหมาเลียหน้าของคุณไม่หยุด มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว หากคุณไม่รังเกียจการล้างหน้าด้วยน้ำลายจากธรรมชาติ(ของหมา) คุณจะปล่อยให้มันเลียต่อไปก็ได้ แต่ถ้าการเลียหน้านั้นเป็นไปด้วยความตื่นเต้นจนเกินเหตุ และทำให้หมาของคุณมีปัญหากับเพื่อนๆ ของมัน และสมาชิกภายในครอบครัวคนอื่นๆ คุณก็ไม่ควรให้ท้ายพฤติกรรมนี้ของมัน

4458
ทำไมหมาจึงต้องเลียหน้า


     ภาพของหมานอนหมอบกับพื้นแล้วเลียปากของหมาอีกตัวหนึ่ง มักถูกมองว่าเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนโยนและเป็นมิตร การเลียหน้าและปากมักจะเป็นการแสดงออกของลูกหมา แต่หมาที่โตเต็มที่แล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน การเลียหน้าเป็นการสื่อสารเพื่อเข้าสังคมและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างหมาด้วยกันเองเท่านั้น แต่การเลียหน้าแบบไหนถึงจะอยู่ในระดับที่รับได้ และแบบไหนถึงเรียกว่ามากเกินไป?

     ลูกหมาเล็กๆ มักได้รับความอ่อนโยนและเมตตาจากหมาที่โตแล้วอยู่เสมอ การทักทายด้วยการเลียหน้า กระโดดไปมา และดีดดิ้นไปรอบๆ ของลูกหมาก็มักจะได้รับอนุญาตจากหมาโตแล้วเช่นกัน หมาที่โตแล้วจะหยุดอยู่นิ่งๆ เพื่อปล่อยให้ลูกหมาทำในสิ่งที่มันต้องการก่อนจะเดินจากไป ทว่าเมื่อลูกหมาโตขึ้น เหล่าหมาๆ ก็จะสอนหมาเด็กเหล่านี้ให้มีนิสัยที่เหมาะสมขึ้น สงบนิ่งขึ้น และเลียหน้าน้อยลง บางครั้ง เมื่อการเลียหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายของลูกหมาเลยเถิดไป หมาที่โตแล้วก็อาจดุพวกมันบ้างเหมือนกัน และแม้ว่าการเลียหน้าของลูกหมาจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และพวกหมาที่โตแล้วก็จะยอมอดทนกับมัน แต่หากหมาตัวนั้นเป็นหมาที่โตแล้ว มันจะกลายเป็นคนละเรื่องกันไปในทันที



     การเลียหน้ามีความซับซ้อนมากกว่าที่เราจะคาดถึงกันมากนัก หมาที่เลียหน้าหมาตัวอื่นอยู่ตลอดเวลามักสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่เสมอ หมาบางตัวอาจจะยอมทนรับการเลียหน้าที่ไม่หยุดหย่อน แต่มันก็ถือว่าเป็นการกระทำที่หยาบคายและไม่มีหมาตัวไหนชอบ

     สำหรับหมาบางตัวแล้ว การเลียหน้าคือการสะท้อนให้เห็นว่ามันกำลังเครียด หมาที่ไม่มั่นใจในตัวเองมักจะมีการแสดงออกในรูปแบบนี้ เนื่องจากความมั่นใจ และความสามารถในการสื่อสารภาษาหมาอย่างมั่นใจและฉะฉานของมันไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม



     การจะบอกได้ว่าการเลียหน้านั้นอยู่ในระดับปกติหรือเกินรับได้จะขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของหมาที่โดนเลียหน้าเป็นหลัก ถ้าหมาที่เลียหน้าผลักดันอีกตัวไปรอบๆ  โดยสิ้นเชิง เหมือนกับว่ามันกำลังต้อนหมาอีกตัวหนึ่งด้วยลิ้นของมัน ก็จะนับว่าเป็นพฤติกรรมที่เลยเถิดเกินไปอย่างชัดเจน

     ถ้าหมาที่โตเต็มที่แล้วของคุณเลียหน้าหมาที่มันไม่สนิทด้วยไม่หยุด ให้พามันออกไปทำอย่างอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน อย่าดุหรือใช้แรงบังคับดึงมันออก เพราะการทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เรื่องเลวร้ายลงไปอีก เรียกมันเพื่อให้มันหยุด และบอกให้มันไปเล่นหรือทำอย่างอื่นอย่างสงบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน หมาตัวอื่นจะดีใจมากทีเดียวที่คุณทำอย่างนี้

     อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ เมื่อหมาเลียหน้าของคุณไม่หยุด มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว หากคุณไม่รังเกียจการล้างหน้าด้วยน้ำลายจากธรรมชาติ(ของหมา) คุณจะปล่อยให้มันเลียต่อไปก็ได้ แต่ถ้าการเลียหน้านั้นเป็นไปด้วยความตื่นเต้นจนเกินเหตุ และทำให้หมาของคุณมีปัญหากับเพื่อนๆ ของมัน และสมาชิกภายในครอบครัวคนอื่นๆ คุณก็ไม่ควรให้ท้ายพฤติกรรมนี้ของมัน

4459
ทำไมหมาจึงต้องเลียหน้า


     ภาพของหมานอนหมอบกับพื้นแล้วเลียปากของหมาอีกตัวหนึ่ง มักถูกมองว่าเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนโยนและเป็นมิตร การเลียหน้าและปากมักจะเป็นการแสดงออกของลูกหมา แต่หมาที่โตเต็มที่แล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน การเลียหน้าเป็นการสื่อสารเพื่อเข้าสังคมและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างหมาด้วยกันเองเท่านั้น แต่การเลียหน้าแบบไหนถึงจะอยู่ในระดับที่รับได้ และแบบไหนถึงเรียกว่ามากเกินไป?

     ลูกหมาเล็กๆ มักได้รับความอ่อนโยนและเมตตาจากหมาที่โตแล้วอยู่เสมอ การทักทายด้วยการเลียหน้า กระโดดไปมา และดีดดิ้นไปรอบๆ ของลูกหมาก็มักจะได้รับอนุญาตจากหมาโตแล้วเช่นกัน หมาที่โตแล้วจะหยุดอยู่นิ่งๆ เพื่อปล่อยให้ลูกหมาทำในสิ่งที่มันต้องการก่อนจะเดินจากไป ทว่าเมื่อลูกหมาโตขึ้น เหล่าหมาๆ ก็จะสอนหมาเด็กเหล่านี้ให้มีนิสัยที่เหมาะสมขึ้น สงบนิ่งขึ้น และเลียหน้าน้อยลง บางครั้ง เมื่อการเลียหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายของลูกหมาเลยเถิดไป หมาที่โตแล้วก็อาจดุพวกมันบ้างเหมือนกัน และแม้ว่าการเลียหน้าของลูกหมาจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และพวกหมาที่โตแล้วก็จะยอมอดทนกับมัน แต่หากหมาตัวนั้นเป็นหมาที่โตแล้ว มันจะกลายเป็นคนละเรื่องกันไปในทันที



     การเลียหน้ามีความซับซ้อนมากกว่าที่เราจะคาดถึงกันมากนัก หมาที่เลียหน้าหมาตัวอื่นอยู่ตลอดเวลามักสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่เสมอ หมาบางตัวอาจจะยอมทนรับการเลียหน้าที่ไม่หยุดหย่อน แต่มันก็ถือว่าเป็นการกระทำที่หยาบคายและไม่มีหมาตัวไหนชอบ

     สำหรับหมาบางตัวแล้ว การเลียหน้าคือการสะท้อนให้เห็นว่ามันกำลังเครียด หมาที่ไม่มั่นใจในตัวเองมักจะมีการแสดงออกในรูปแบบนี้ เนื่องจากความมั่นใจ และความสามารถในการสื่อสารภาษาหมาอย่างมั่นใจและฉะฉานของมันไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม



     การจะบอกได้ว่าการเลียหน้านั้นอยู่ในระดับปกติหรือเกินรับได้จะขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของหมาที่โดนเลียหน้าเป็นหลัก ถ้าหมาที่เลียหน้าผลักดันอีกตัวไปรอบๆ  โดยสิ้นเชิง เหมือนกับว่ามันกำลังต้อนหมาอีกตัวหนึ่งด้วยลิ้นของมัน ก็จะนับว่าเป็นพฤติกรรมที่เลยเถิดเกินไปอย่างชัดเจน

     ถ้าหมาที่โตเต็มที่แล้วของคุณเลียหน้าหมาที่มันไม่สนิทด้วยไม่หยุด ให้พามันออกไปทำอย่างอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน อย่าดุหรือใช้แรงบังคับดึงมันออก เพราะการทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เรื่องเลวร้ายลงไปอีก เรียกมันเพื่อให้มันหยุด และบอกให้มันไปเล่นหรือทำอย่างอื่นอย่างสงบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน หมาตัวอื่นจะดีใจมากทีเดียวที่คุณทำอย่างนี้

     อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ เมื่อหมาเลียหน้าของคุณไม่หยุด มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว หากคุณไม่รังเกียจการล้างหน้าด้วยน้ำลายจากธรรมชาติ(ของหมา) คุณจะปล่อยให้มันเลียต่อไปก็ได้ แต่ถ้าการเลียหน้านั้นเป็นไปด้วยความตื่นเต้นจนเกินเหตุ และทำให้หมาของคุณมีปัญหากับเพื่อนๆ ของมัน และสมาชิกภายในครอบครัวคนอื่นๆ คุณก็ไม่ควรให้ท้ายพฤติกรรมนี้ของมัน

4460
ทำไมหมาจึงต้องเลียหน้า


     ภาพของหมานอนหมอบกับพื้นแล้วเลียปากของหมาอีกตัวหนึ่ง มักถูกมองว่าเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนโยนและเป็นมิตร การเลียหน้าและปากมักจะเป็นการแสดงออกของลูกหมา แต่หมาที่โตเต็มที่แล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน การเลียหน้าเป็นการสื่อสารเพื่อเข้าสังคมและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างหมาด้วยกันเองเท่านั้น แต่การเลียหน้าแบบไหนถึงจะอยู่ในระดับที่รับได้ และแบบไหนถึงเรียกว่ามากเกินไป?

     ลูกหมาเล็กๆ มักได้รับความอ่อนโยนและเมตตาจากหมาที่โตแล้วอยู่เสมอ การทักทายด้วยการเลียหน้า กระโดดไปมา และดีดดิ้นไปรอบๆ ของลูกหมาก็มักจะได้รับอนุญาตจากหมาโตแล้วเช่นกัน หมาที่โตแล้วจะหยุดอยู่นิ่งๆ เพื่อปล่อยให้ลูกหมาทำในสิ่งที่มันต้องการก่อนจะเดินจากไป ทว่าเมื่อลูกหมาโตขึ้น เหล่าหมาๆ ก็จะสอนหมาเด็กเหล่านี้ให้มีนิสัยที่เหมาะสมขึ้น สงบนิ่งขึ้น และเลียหน้าน้อยลง บางครั้ง เมื่อการเลียหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายของลูกหมาเลยเถิดไป หมาที่โตแล้วก็อาจดุพวกมันบ้างเหมือนกัน และแม้ว่าการเลียหน้าของลูกหมาจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และพวกหมาที่โตแล้วก็จะยอมอดทนกับมัน แต่หากหมาตัวนั้นเป็นหมาที่โตแล้ว มันจะกลายเป็นคนละเรื่องกันไปในทันที



     การเลียหน้ามีความซับซ้อนมากกว่าที่เราจะคาดถึงกันมากนัก หมาที่เลียหน้าหมาตัวอื่นอยู่ตลอดเวลามักสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่เสมอ หมาบางตัวอาจจะยอมทนรับการเลียหน้าที่ไม่หยุดหย่อน แต่มันก็ถือว่าเป็นการกระทำที่หยาบคายและไม่มีหมาตัวไหนชอบ

     สำหรับหมาบางตัวแล้ว การเลียหน้าคือการสะท้อนให้เห็นว่ามันกำลังเครียด หมาที่ไม่มั่นใจในตัวเองมักจะมีการแสดงออกในรูปแบบนี้ เนื่องจากความมั่นใจ และความสามารถในการสื่อสารภาษาหมาอย่างมั่นใจและฉะฉานของมันไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม



     การจะบอกได้ว่าการเลียหน้านั้นอยู่ในระดับปกติหรือเกินรับได้จะขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของหมาที่โดนเลียหน้าเป็นหลัก ถ้าหมาที่เลียหน้าผลักดันอีกตัวไปรอบๆ  โดยสิ้นเชิง เหมือนกับว่ามันกำลังต้อนหมาอีกตัวหนึ่งด้วยลิ้นของมัน ก็จะนับว่าเป็นพฤติกรรมที่เลยเถิดเกินไปอย่างชัดเจน

     ถ้าหมาที่โตเต็มที่แล้วของคุณเลียหน้าหมาที่มันไม่สนิทด้วยไม่หยุด ให้พามันออกไปทำอย่างอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน อย่าดุหรือใช้แรงบังคับดึงมันออก เพราะการทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เรื่องเลวร้ายลงไปอีก เรียกมันเพื่อให้มันหยุด และบอกให้มันไปเล่นหรือทำอย่างอื่นอย่างสงบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน หมาตัวอื่นจะดีใจมากทีเดียวที่คุณทำอย่างนี้

     อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ เมื่อหมาเลียหน้าของคุณไม่หยุด มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว หากคุณไม่รังเกียจการล้างหน้าด้วยน้ำลายจากธรรมชาติ(ของหมา) คุณจะปล่อยให้มันเลียต่อไปก็ได้ แต่ถ้าการเลียหน้านั้นเป็นไปด้วยความตื่นเต้นจนเกินเหตุ และทำให้หมาของคุณมีปัญหากับเพื่อนๆ ของมัน และสมาชิกภายในครอบครัวคนอื่นๆ คุณก็ไม่ควรให้ท้ายพฤติกรรมนี้ของมัน

4461
5 สิ่งที่คุณชอบทำแต่หมาเกลียดมาก!

     แน่ละว่าบางครั้งหมาของคุณอาจสร้างเรื่องมากมายให้คุณได้ปวดเศียรเวียนเหล้า แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณทำแล้วหมาของคุณรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน อย่างเช่นพฤติกรรมที่ดูปกติดีเหล่านี้ แต่หมาของคุณบอกว่ามันน่ารำคาญมากเลยละเจ้านาย



1. กอด

     การกอดอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่ดูเหมาะสมดีในการแสดงความรักต่อหมาของคุณ หมาบางตัวก็ชอบ หรืออย่างน้อยก็ทนรับการแสดงความรักในรูปแบบนี้ได้ แต่ว่าในภาพรวมแล้ว ไม่ มันไม่ชอบเลย การกอดไม่ใช่การแสดงออกที่หมาใช้เพื่อแสดงถึงความผูกพันหรือใช้ในการเข้าสังคม ดังนั้น หมาจึงไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่คุณทำ เมื่อคุณโอบแขนรอบตัวมัน สำหรับหมาแล้ว การมีแขนคู่หนึ่งมารัดแน่นรอบตัวสามารถแปลความว่าเป็นการโจมตีได้ และในกรณีที่หมาตัวนั้นมีความก้าวร้าวรุนแรง โดยเฉพาะต่อเด็กๆ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาจากการที่เด็กๆ ไม่เข้าใจในการเว้นระยะห่างของหมาได้

     หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของหมาจำนวนมากที่ชอบกอดหมาแล้วละก็ ขอให้ใส่ใจภาษากายของหมาคุณให้ดี มันทำตัวแข็งรึเปล่า? มันเมินหน้าไม่ยอมมองคุณหรือเลียตัวเองใช่มั้ย? สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณที่บอกว่าพวกมันกำลังไม่สบายใจ และคุณควรปล่อยมันออกจากอ้อมกอดของคุณได้แล้ว



2. นั่งนิ่งอยู่กับที่ทั้งวัน

     มีหมาขี้เกียจนอนแผ่อยู่ทั่วไป แต่หมาส่วนใหญ่จะไม่ชอบนั่งเฉยๆ อยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งวันหรอก ถ้าคุณปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังระหว่างที่คุณออกไปทำงานข้างนอกทั้งวัน หรือเหนื่อยเกินกว่าจะพามันออกไปเดินเล่นข้างนอกเมื่อกลับมาจากที่ทำงาน หมาของคุณก็อาจจะหาวิธีแก้เบื่อให้ตัวเองด้วยการทำลายล้างรองเท้าของคุณ คุ้ยถังขยะ หรือแม้แต่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่างๆ ขึ้นได้ คุณอาจจะมีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย แต่การแบ่งเวลามาอยู่กับหมาของคุณ และพามันไปออกกำลังกายบ้างก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ลองนึกถึงตอนที่คุณออกไปทำธุระกับพ่อแม่ตอนที่คุณยังเป็นเด็กสิ และนั่นก็คือทั้งหมดที่หมาของคุณต้องการ นี่คือสิ่งที่หมาของคุณรู้สึก เมื่อคุณมันทิ้งไว้เฉยๆ ตัวเดียวในบ้านโดยไม่ได้สนใจมัน หรือหาอะไรให้มันทำอะไรบ้างเลย



3. ป่วย

     เมื่อคุณเป็นหวัด หนึ่งในวิธีรักษาตัวที่ดีที่สุดก็คือก็พักผ่อน กินของร้อนๆ และนั่งซุกหมาของคุณ โชคไม่ดีที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หมาของคุณชอบ สำหรับหมาหรือหมาป่าแล้ว เสียงไอและจามฟังคล้ายกับเสียง “ลั่นเขี้ยว” ซึ่งเป็นเสียงที่ใช้ข่มขู่และบอกว่ามีอันตราย ถ้าหมาของคุณร้องงี๊ดเสียงอ่อยและมีปฏิกิริยาเมื่อคุณจามละก็ รู้ไว้เลยว่ามันกำลังอยากให้คุณหายเป็นหวัด แบบด่วนสุดๆ



4. สื่อสารด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว

     แม้ว่าหมาจะสามารถเข้าใจคำพูดบางคำได้ โดยเฉพาะคำว่า “ขนม” พวกมันก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากไปกว่านั้นสักเท่าไร โดยพื้นฐานแล้วหมาใช้ภาษากายในการสื่อสาร และจะคอยสังเกตภาษากายของเจ้าของว่า เรากำลังบอกอะไรกับมัน ซึ่งนี่อาจเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของบางคนหงุดหงิดมาก โดยเฉพาะกับคนที่ปากพูดอย่างหนึ่ง แต่ร่างกายสื่อไปในอีกความหมายหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณสั่งให้หมาหยุดรอ แต่คุณยืนเอนตัวไปข้างหน้า หมาจะถือว่านั่นคือการที่คุณอยากให้มันเดินเข้าไปหา ถ้าคุณพบว่าการสื่อสารระหว่างคุณกับหมาของคุณผิดเพี้ยนไปจากความต้องการของคุณอยู่เสมอ ให้ลองสังเกตว่า ระหว่างที่คุณกำลังพูดนั้น คุณกำลังทำท่าทางอย่างไรอยู่




5. พูดเสียงเล็กเสียงน้อย

     ไม่ว่าใครต่างก็เคยพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับหมาของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ก็เพราะว่าพวกมันน่ารักมากนี่นา! ทว่า เสียงเล็กเสียงน้อยที่คุณใช้พูดกับหมานั้น สำหรับหมาของคุณแล้วมันไม่ได้ฟังดูน่ารักเลย เมื่อคุณพูดหงุงหงิงด้วยเสียงแหลมสูง หมาจะแปลว่าคุณกำลังรู้สึกทรมาน หากคุณเถียงว่า “ก็หมาวิ่งมาหาทุกครั้งที่ใช้เสียงแบบนี้นี่นา” นั่นก็เป็นเพราะว่ามันกำลังเป็นห่วงคุณ!!! และวิ่งมาดูให้แน่ใจว่าคุณไม่เป็นอะไร ลองคิดดูว่าคนสำคัญของคุณร้องเสียงโหยหวนทุกครั้งที่พวกเขาต้องการความรักดูสิ นั่นคือสิ่งที่คุณทำเมื่อคุณพูดกับหมาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย มันยังเป็นการส่งสัญญาณว่าคุณไม่มีความเป็นผู้นำอีกด้วย และหมาของคุณก็ต้องการให้คุณเป็นจ่าฝูงของมัน

4462
5 สิ่งที่คุณชอบทำแต่หมาเกลียดมาก!

     แน่ละว่าบางครั้งหมาของคุณอาจสร้างเรื่องมากมายให้คุณได้ปวดเศียรเวียนเหล้า แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณทำแล้วหมาของคุณรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน อย่างเช่นพฤติกรรมที่ดูปกติดีเหล่านี้ แต่หมาของคุณบอกว่ามันน่ารำคาญมากเลยละเจ้านาย



1. กอด

     การกอดอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่ดูเหมาะสมดีในการแสดงความรักต่อหมาของคุณ หมาบางตัวก็ชอบ หรืออย่างน้อยก็ทนรับการแสดงความรักในรูปแบบนี้ได้ แต่ว่าในภาพรวมแล้ว ไม่ มันไม่ชอบเลย การกอดไม่ใช่การแสดงออกที่หมาใช้เพื่อแสดงถึงความผูกพันหรือใช้ในการเข้าสังคม ดังนั้น หมาจึงไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่คุณทำ เมื่อคุณโอบแขนรอบตัวมัน สำหรับหมาแล้ว การมีแขนคู่หนึ่งมารัดแน่นรอบตัวสามารถแปลความว่าเป็นการโจมตีได้ และในกรณีที่หมาตัวนั้นมีความก้าวร้าวรุนแรง โดยเฉพาะต่อเด็กๆ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาจากการที่เด็กๆ ไม่เข้าใจในการเว้นระยะห่างของหมาได้

     หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของหมาจำนวนมากที่ชอบกอดหมาแล้วละก็ ขอให้ใส่ใจภาษากายของหมาคุณให้ดี มันทำตัวแข็งรึเปล่า? มันเมินหน้าไม่ยอมมองคุณหรือเลียตัวเองใช่มั้ย? สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณที่บอกว่าพวกมันกำลังไม่สบายใจ และคุณควรปล่อยมันออกจากอ้อมกอดของคุณได้แล้ว



2. นั่งนิ่งอยู่กับที่ทั้งวัน

     มีหมาขี้เกียจนอนแผ่อยู่ทั่วไป แต่หมาส่วนใหญ่จะไม่ชอบนั่งเฉยๆ อยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งวันหรอก ถ้าคุณปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังระหว่างที่คุณออกไปทำงานข้างนอกทั้งวัน หรือเหนื่อยเกินกว่าจะพามันออกไปเดินเล่นข้างนอกเมื่อกลับมาจากที่ทำงาน หมาของคุณก็อาจจะหาวิธีแก้เบื่อให้ตัวเองด้วยการทำลายล้างรองเท้าของคุณ คุ้ยถังขยะ หรือแม้แต่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่างๆ ขึ้นได้ คุณอาจจะมีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย แต่การแบ่งเวลามาอยู่กับหมาของคุณ และพามันไปออกกำลังกายบ้างก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ลองนึกถึงตอนที่คุณออกไปทำธุระกับพ่อแม่ตอนที่คุณยังเป็นเด็กสิ และนั่นก็คือทั้งหมดที่หมาของคุณต้องการ นี่คือสิ่งที่หมาของคุณรู้สึก เมื่อคุณมันทิ้งไว้เฉยๆ ตัวเดียวในบ้านโดยไม่ได้สนใจมัน หรือหาอะไรให้มันทำอะไรบ้างเลย



3. ป่วย

     เมื่อคุณเป็นหวัด หนึ่งในวิธีรักษาตัวที่ดีที่สุดก็คือก็พักผ่อน กินของร้อนๆ และนั่งซุกหมาของคุณ โชคไม่ดีที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หมาของคุณชอบ สำหรับหมาหรือหมาป่าแล้ว เสียงไอและจามฟังคล้ายกับเสียง “ลั่นเขี้ยว” ซึ่งเป็นเสียงที่ใช้ข่มขู่และบอกว่ามีอันตราย ถ้าหมาของคุณร้องงี๊ดเสียงอ่อยและมีปฏิกิริยาเมื่อคุณจามละก็ รู้ไว้เลยว่ามันกำลังอยากให้คุณหายเป็นหวัด แบบด่วนสุดๆ



4. สื่อสารด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว

     แม้ว่าหมาจะสามารถเข้าใจคำพูดบางคำได้ โดยเฉพาะคำว่า “ขนม” พวกมันก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากไปกว่านั้นสักเท่าไร โดยพื้นฐานแล้วหมาใช้ภาษากายในการสื่อสาร และจะคอยสังเกตภาษากายของเจ้าของว่า เรากำลังบอกอะไรกับมัน ซึ่งนี่อาจเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของบางคนหงุดหงิดมาก โดยเฉพาะกับคนที่ปากพูดอย่างหนึ่ง แต่ร่างกายสื่อไปในอีกความหมายหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณสั่งให้หมาหยุดรอ แต่คุณยืนเอนตัวไปข้างหน้า หมาจะถือว่านั่นคือการที่คุณอยากให้มันเดินเข้าไปหา ถ้าคุณพบว่าการสื่อสารระหว่างคุณกับหมาของคุณผิดเพี้ยนไปจากความต้องการของคุณอยู่เสมอ ให้ลองสังเกตว่า ระหว่างที่คุณกำลังพูดนั้น คุณกำลังทำท่าทางอย่างไรอยู่




5. พูดเสียงเล็กเสียงน้อย

     ไม่ว่าใครต่างก็เคยพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับหมาของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ก็เพราะว่าพวกมันน่ารักมากนี่นา! ทว่า เสียงเล็กเสียงน้อยที่คุณใช้พูดกับหมานั้น สำหรับหมาของคุณแล้วมันไม่ได้ฟังดูน่ารักเลย เมื่อคุณพูดหงุงหงิงด้วยเสียงแหลมสูง หมาจะแปลว่าคุณกำลังรู้สึกทรมาน หากคุณเถียงว่า “ก็หมาวิ่งมาหาทุกครั้งที่ใช้เสียงแบบนี้นี่นา” นั่นก็เป็นเพราะว่ามันกำลังเป็นห่วงคุณ!!! และวิ่งมาดูให้แน่ใจว่าคุณไม่เป็นอะไร ลองคิดดูว่าคนสำคัญของคุณร้องเสียงโหยหวนทุกครั้งที่พวกเขาต้องการความรักดูสิ นั่นคือสิ่งที่คุณทำเมื่อคุณพูดกับหมาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย มันยังเป็นการส่งสัญญาณว่าคุณไม่มีความเป็นผู้นำอีกด้วย และหมาของคุณก็ต้องการให้คุณเป็นจ่าฝูงของมัน

4463
5 สิ่งที่คุณชอบทำแต่หมาเกลียดมาก!

     แน่ละว่าบางครั้งหมาของคุณอาจสร้างเรื่องมากมายให้คุณได้ปวดเศียรเวียนเหล้า แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณทำแล้วหมาของคุณรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน อย่างเช่นพฤติกรรมที่ดูปกติดีเหล่านี้ แต่หมาของคุณบอกว่ามันน่ารำคาญมากเลยละเจ้านาย



1. กอด

     การกอดอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่ดูเหมาะสมดีในการแสดงความรักต่อหมาของคุณ หมาบางตัวก็ชอบ หรืออย่างน้อยก็ทนรับการแสดงความรักในรูปแบบนี้ได้ แต่ว่าในภาพรวมแล้ว ไม่ มันไม่ชอบเลย การกอดไม่ใช่การแสดงออกที่หมาใช้เพื่อแสดงถึงความผูกพันหรือใช้ในการเข้าสังคม ดังนั้น หมาจึงไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่คุณทำ เมื่อคุณโอบแขนรอบตัวมัน สำหรับหมาแล้ว การมีแขนคู่หนึ่งมารัดแน่นรอบตัวสามารถแปลความว่าเป็นการโจมตีได้ และในกรณีที่หมาตัวนั้นมีความก้าวร้าวรุนแรง โดยเฉพาะต่อเด็กๆ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาจากการที่เด็กๆ ไม่เข้าใจในการเว้นระยะห่างของหมาได้

     หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของหมาจำนวนมากที่ชอบกอดหมาแล้วละก็ ขอให้ใส่ใจภาษากายของหมาคุณให้ดี มันทำตัวแข็งรึเปล่า? มันเมินหน้าไม่ยอมมองคุณหรือเลียตัวเองใช่มั้ย? สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณที่บอกว่าพวกมันกำลังไม่สบายใจ และคุณควรปล่อยมันออกจากอ้อมกอดของคุณได้แล้ว



2. นั่งนิ่งอยู่กับที่ทั้งวัน

     มีหมาขี้เกียจนอนแผ่อยู่ทั่วไป แต่หมาส่วนใหญ่จะไม่ชอบนั่งเฉยๆ อยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งวันหรอก ถ้าคุณปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังระหว่างที่คุณออกไปทำงานข้างนอกทั้งวัน หรือเหนื่อยเกินกว่าจะพามันออกไปเดินเล่นข้างนอกเมื่อกลับมาจากที่ทำงาน หมาของคุณก็อาจจะหาวิธีแก้เบื่อให้ตัวเองด้วยการทำลายล้างรองเท้าของคุณ คุ้ยถังขยะ หรือแม้แต่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่างๆ ขึ้นได้ คุณอาจจะมีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย แต่การแบ่งเวลามาอยู่กับหมาของคุณ และพามันไปออกกำลังกายบ้างก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ลองนึกถึงตอนที่คุณออกไปทำธุระกับพ่อแม่ตอนที่คุณยังเป็นเด็กสิ และนั่นก็คือทั้งหมดที่หมาของคุณต้องการ นี่คือสิ่งที่หมาของคุณรู้สึก เมื่อคุณมันทิ้งไว้เฉยๆ ตัวเดียวในบ้านโดยไม่ได้สนใจมัน หรือหาอะไรให้มันทำอะไรบ้างเลย



3. ป่วย

     เมื่อคุณเป็นหวัด หนึ่งในวิธีรักษาตัวที่ดีที่สุดก็คือก็พักผ่อน กินของร้อนๆ และนั่งซุกหมาของคุณ โชคไม่ดีที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หมาของคุณชอบ สำหรับหมาหรือหมาป่าแล้ว เสียงไอและจามฟังคล้ายกับเสียง “ลั่นเขี้ยว” ซึ่งเป็นเสียงที่ใช้ข่มขู่และบอกว่ามีอันตราย ถ้าหมาของคุณร้องงี๊ดเสียงอ่อยและมีปฏิกิริยาเมื่อคุณจามละก็ รู้ไว้เลยว่ามันกำลังอยากให้คุณหายเป็นหวัด แบบด่วนสุดๆ



4. สื่อสารด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว

     แม้ว่าหมาจะสามารถเข้าใจคำพูดบางคำได้ โดยเฉพาะคำว่า “ขนม” พวกมันก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากไปกว่านั้นสักเท่าไร โดยพื้นฐานแล้วหมาใช้ภาษากายในการสื่อสาร และจะคอยสังเกตภาษากายของเจ้าของว่า เรากำลังบอกอะไรกับมัน ซึ่งนี่อาจเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของบางคนหงุดหงิดมาก โดยเฉพาะกับคนที่ปากพูดอย่างหนึ่ง แต่ร่างกายสื่อไปในอีกความหมายหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณสั่งให้หมาหยุดรอ แต่คุณยืนเอนตัวไปข้างหน้า หมาจะถือว่านั่นคือการที่คุณอยากให้มันเดินเข้าไปหา ถ้าคุณพบว่าการสื่อสารระหว่างคุณกับหมาของคุณผิดเพี้ยนไปจากความต้องการของคุณอยู่เสมอ ให้ลองสังเกตว่า ระหว่างที่คุณกำลังพูดนั้น คุณกำลังทำท่าทางอย่างไรอยู่




5. พูดเสียงเล็กเสียงน้อย

     ไม่ว่าใครต่างก็เคยพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับหมาของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ก็เพราะว่าพวกมันน่ารักมากนี่นา! ทว่า เสียงเล็กเสียงน้อยที่คุณใช้พูดกับหมานั้น สำหรับหมาของคุณแล้วมันไม่ได้ฟังดูน่ารักเลย เมื่อคุณพูดหงุงหงิงด้วยเสียงแหลมสูง หมาจะแปลว่าคุณกำลังรู้สึกทรมาน หากคุณเถียงว่า “ก็หมาวิ่งมาหาทุกครั้งที่ใช้เสียงแบบนี้นี่นา” นั่นก็เป็นเพราะว่ามันกำลังเป็นห่วงคุณ!!! และวิ่งมาดูให้แน่ใจว่าคุณไม่เป็นอะไร ลองคิดดูว่าคนสำคัญของคุณร้องเสียงโหยหวนทุกครั้งที่พวกเขาต้องการความรักดูสิ นั่นคือสิ่งที่คุณทำเมื่อคุณพูดกับหมาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย มันยังเป็นการส่งสัญญาณว่าคุณไม่มีความเป็นผู้นำอีกด้วย และหมาของคุณก็ต้องการให้คุณเป็นจ่าฝูงของมัน

4464
5 สิ่งที่คุณชอบทำแต่หมาเกลียดมาก!

     แน่ละว่าบางครั้งหมาของคุณอาจสร้างเรื่องมากมายให้คุณได้ปวดเศียรเวียนเหล้า แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณทำแล้วหมาของคุณรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน อย่างเช่นพฤติกรรมที่ดูปกติดีเหล่านี้ แต่หมาของคุณบอกว่ามันน่ารำคาญมากเลยละเจ้านาย



1. กอด

     การกอดอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่ดูเหมาะสมดีในการแสดงความรักต่อหมาของคุณ หมาบางตัวก็ชอบ หรืออย่างน้อยก็ทนรับการแสดงความรักในรูปแบบนี้ได้ แต่ว่าในภาพรวมแล้ว ไม่ มันไม่ชอบเลย การกอดไม่ใช่การแสดงออกที่หมาใช้เพื่อแสดงถึงความผูกพันหรือใช้ในการเข้าสังคม ดังนั้น หมาจึงไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่คุณทำ เมื่อคุณโอบแขนรอบตัวมัน สำหรับหมาแล้ว การมีแขนคู่หนึ่งมารัดแน่นรอบตัวสามารถแปลความว่าเป็นการโจมตีได้ และในกรณีที่หมาตัวนั้นมีความก้าวร้าวรุนแรง โดยเฉพาะต่อเด็กๆ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาจากการที่เด็กๆ ไม่เข้าใจในการเว้นระยะห่างของหมาได้

     หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของหมาจำนวนมากที่ชอบกอดหมาแล้วละก็ ขอให้ใส่ใจภาษากายของหมาคุณให้ดี มันทำตัวแข็งรึเปล่า? มันเมินหน้าไม่ยอมมองคุณหรือเลียตัวเองใช่มั้ย? สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณที่บอกว่าพวกมันกำลังไม่สบายใจ และคุณควรปล่อยมันออกจากอ้อมกอดของคุณได้แล้ว



2. นั่งนิ่งอยู่กับที่ทั้งวัน

     มีหมาขี้เกียจนอนแผ่อยู่ทั่วไป แต่หมาส่วนใหญ่จะไม่ชอบนั่งเฉยๆ อยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งวันหรอก ถ้าคุณปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังระหว่างที่คุณออกไปทำงานข้างนอกทั้งวัน หรือเหนื่อยเกินกว่าจะพามันออกไปเดินเล่นข้างนอกเมื่อกลับมาจากที่ทำงาน หมาของคุณก็อาจจะหาวิธีแก้เบื่อให้ตัวเองด้วยการทำลายล้างรองเท้าของคุณ คุ้ยถังขยะ หรือแม้แต่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่างๆ ขึ้นได้ คุณอาจจะมีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย แต่การแบ่งเวลามาอยู่กับหมาของคุณ และพามันไปออกกำลังกายบ้างก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ลองนึกถึงตอนที่คุณออกไปทำธุระกับพ่อแม่ตอนที่คุณยังเป็นเด็กสิ และนั่นก็คือทั้งหมดที่หมาของคุณต้องการ นี่คือสิ่งที่หมาของคุณรู้สึก เมื่อคุณมันทิ้งไว้เฉยๆ ตัวเดียวในบ้านโดยไม่ได้สนใจมัน หรือหาอะไรให้มันทำอะไรบ้างเลย



3. ป่วย

     เมื่อคุณเป็นหวัด หนึ่งในวิธีรักษาตัวที่ดีที่สุดก็คือก็พักผ่อน กินของร้อนๆ และนั่งซุกหมาของคุณ โชคไม่ดีที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หมาของคุณชอบ สำหรับหมาหรือหมาป่าแล้ว เสียงไอและจามฟังคล้ายกับเสียง “ลั่นเขี้ยว” ซึ่งเป็นเสียงที่ใช้ข่มขู่และบอกว่ามีอันตราย ถ้าหมาของคุณร้องงี๊ดเสียงอ่อยและมีปฏิกิริยาเมื่อคุณจามละก็ รู้ไว้เลยว่ามันกำลังอยากให้คุณหายเป็นหวัด แบบด่วนสุดๆ



4. สื่อสารด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว

     แม้ว่าหมาจะสามารถเข้าใจคำพูดบางคำได้ โดยเฉพาะคำว่า “ขนม” พวกมันก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากไปกว่านั้นสักเท่าไร โดยพื้นฐานแล้วหมาใช้ภาษากายในการสื่อสาร และจะคอยสังเกตภาษากายของเจ้าของว่า เรากำลังบอกอะไรกับมัน ซึ่งนี่อาจเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของบางคนหงุดหงิดมาก โดยเฉพาะกับคนที่ปากพูดอย่างหนึ่ง แต่ร่างกายสื่อไปในอีกความหมายหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณสั่งให้หมาหยุดรอ แต่คุณยืนเอนตัวไปข้างหน้า หมาจะถือว่านั่นคือการที่คุณอยากให้มันเดินเข้าไปหา ถ้าคุณพบว่าการสื่อสารระหว่างคุณกับหมาของคุณผิดเพี้ยนไปจากความต้องการของคุณอยู่เสมอ ให้ลองสังเกตว่า ระหว่างที่คุณกำลังพูดนั้น คุณกำลังทำท่าทางอย่างไรอยู่




5. พูดเสียงเล็กเสียงน้อย

     ไม่ว่าใครต่างก็เคยพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับหมาของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ก็เพราะว่าพวกมันน่ารักมากนี่นา! ทว่า เสียงเล็กเสียงน้อยที่คุณใช้พูดกับหมานั้น สำหรับหมาของคุณแล้วมันไม่ได้ฟังดูน่ารักเลย เมื่อคุณพูดหงุงหงิงด้วยเสียงแหลมสูง หมาจะแปลว่าคุณกำลังรู้สึกทรมาน หากคุณเถียงว่า “ก็หมาวิ่งมาหาทุกครั้งที่ใช้เสียงแบบนี้นี่นา” นั่นก็เป็นเพราะว่ามันกำลังเป็นห่วงคุณ!!! และวิ่งมาดูให้แน่ใจว่าคุณไม่เป็นอะไร ลองคิดดูว่าคนสำคัญของคุณร้องเสียงโหยหวนทุกครั้งที่พวกเขาต้องการความรักดูสิ นั่นคือสิ่งที่คุณทำเมื่อคุณพูดกับหมาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย มันยังเป็นการส่งสัญญาณว่าคุณไม่มีความเป็นผู้นำอีกด้วย และหมาของคุณก็ต้องการให้คุณเป็นจ่าฝูงของมัน

4465
จะรู้ได้อย่างไร ว่าถึงเวลาเปลี่ยนสูตรอาหารหมาแล้วหรือยัง

     สิ่งหนึ่งที่สัตว์เลี้ยงและเจ้าของทุกคู่เหมือนกันก็คือความต้องการพื้นฐานอย่างการกิน การนอน และความรักที่ไม่ต้องมากนักแต่ขอให้สม่ำเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะมีความสำคัญอย่างโดดเด่นก็เห็นจะเป็นสารอาหารที่ร่างกายได้รับ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและวิถีชีวิตไม่ว่าจะของหมาหรือของเจ้าของได้อย่างมากมายเหมือนกันในเกือบทุกๆ กรณี

     ความต้องการสารอาหารของมนุษย์นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงวัย หมาเองก็เหมือนกัน ในเมื่อคนเรายังไม่กินอาหารแบบเดียวกับตอนที่ยังเป็นเด็กทารกเลย แล้วทำไมหมาของเราจึงจะกินอาหารแบบเดิมไปตลอดชีวิตล่ะ มีหลายครั้งที่คุณจะสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ถึงเวลาเปลี่ยนสูตรอาหารให้หมาของคุณแล้ว เช่น ร่างกายของหมามีการตอบสนองที่ไม่ดีนักต่ออาหาร หรืออาหารที่เคยให้ไม่มีจำหน่ายอีกแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้รู้ว่า ได้เวลาแล้วที่คุณควรเปลี่ยนสูตรอาหารให้กับเจ้าเพื่อนสี่ขาของคุณ และเหตุผลที่ของการเปลี่ยนสูตรอาหารหมาที่พบโดยทั่วไปก็มีดังต่อไป



ช่วงอายุ

     หมาของคุณต้องการสารอาหารที่ต่างกันออกไปในแต่ละช่วงอายุ และควรเปลี่ยนสูตรอาหารทุกครั้งเมื่อมันก้าวเข้าสู่ช่วงอายุใหม่ อาหารหมาจะถูกผลิตขึ้นตามแต่ละช่วงอายุของหมาโดยเฉพาะ เช่น ลูกหมา หมาโตเต็มวัน หมาแก่ เพราะแต่ละช่วงอายุก็จะมีความต้องการสารอาหารที่ไม่เหมือนกัน การจะบอกว่าหมาของคุณเข้าสู่ช่วงอายุใหม่หรือยัง สามารถดูได้จากขนาดของตัวโดยเฉลี่ยตามสายพันธุ์ ถ้าหมาของคุณมีขนาดเล็กหรือขนาดกลาง มันก็จะถือว่าเป็นลูกหมาจนอายุถึง 12 เดือน ส่วนหมาพันธุ์ใหญ่จะถือว่าเป็นลูกหมาจนกว่าจะอายุถึง 18 เดือน เมื่อถึงช่วงนี้แล้ว คุณก็ควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรสำหรับหมาโตเต็มวัย เพื่อให้มันได้รับสารอาหารที่ต้องการตรงตามช่วงอายุและขนาดตัวของมัน

     การระบุว่าหมาของคุณแก่หรือยังเป็นเรื่องที่ยากกว่า วัยชราของหมาจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของมัน แต่โดยทั่วไปแล้ว หมาจะเข้าสู่ช่วงวัยชราเมื่อมีอายุถึงระหว่าง 7-8 ปี หมาแก่ส่วนใหญ่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น การช่วยเหลือในเรื่องการเคลื่อนไหวและภูมิคุ้มกัน การเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสูตรเฉพาะสำหรับหมาแก่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อที่มันจะได้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่สามารถจะเป็นได้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต



ระดับของกิจกรรมที่ทำ

     อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยบอกได้ว่าถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนสูตรอาหารของหมาแล้วก็คือ การเปลี่ยนแปลงระดับกิจกรรมที่หมาของคุณทำ ระดับกิจกรรมที่ต่างกันจะมีความต้องการปริมาณแคลอรี่เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานที่ต่างกัน หมาที่ออกไปเดินเล่นเป็นระยะทางไกลๆ ทุกวัน กับหมาที่เดินเล่นเป็นช่วงสั้นๆ ในแต่ละวันย่อมมีความต้องการที่ต่างกันในเรื่องของอาหาร คุณจะต้องดูในแน่ใจว่าหมาของคุณได้รับพลังงานเพียงพอ แต่ก็ไม่มากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะเผาผลาญพลังงานที่ได้รับในแต่ละไม่หมดและอาจมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินได้ ถ้าหากว่าหมาของคุณบ้าพลังเป็นพิเศษในฤดูร้อนและชอบนอนนิ่งๆ ในฤดูหนาวละก็ นี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรนำไปพิจารณาด้วย สิ่งที่สำคัญก็คือ อย่าลืมว่าการให้อาหารตามปริมาณที่กำหนดข้างซองนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสำหรับหมาบ้าพลังและหมาที่ชอบนอนทั้งวัน



อาหารที่ให้อยู่ ณ ปัจจุบัน

     คุณเคยดูมั้ยว่า ในอาหารที่คุณให้เจ้าเพื่อนรักสี่ขากินนั้นมีส่วนผสมอะไรอยู่บ้าง หากคุณลองดูสักนิดก็จะสามารถมองหาส่วนผสมส่วนเหล่านั้นแล้วนำมาปรุงเองได้ ส่วนผสมหลายอย่างสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดใกล้บ้านในราคาที่ถูกกว่า นอกจากจะช่วยประหยัดและเป็นการเปลี่ยนอาหารเพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจได้แล้ว ในขณะเดียวกันคุณก็สบายใจได้ว่า หมาของคุณจะยังคงได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนอยู่

หมาที่มีความต้องการพิเศษ

     สุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงของสัตว์เลี้ยง คือผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดเมื่อพิจารณาเรื่องความเหมาะสมของอาหาร มีความเป็นไปได้ว่าหมาของคุณอาจแพ้อาหารบางอย่าง ซึ่งจะทำให้อาหารที่มันกิน และอาหารที่มันกินได้ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ในการเปลี่ยนอาหารแต่ละครั้ง คุณจึงจำเป็นต้องพิจารณาความเปลี่ยนแปลงของหมาคุณอย่างละเอียด หากหมาของคุณเริ่มมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย คันตามผิวหนัง อุ้งเท้าบวมแดง หรือน้ำหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังเปลี่ยนอาหาร คุณก็ต้องรู้ว่าอาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนที่บอกว่าอาหารใหม่มีปัญหา คุณจำเป็นต้องสังเกตอย่างใกล้ชิดว่า อาหารที่หมาของคุณกินและผลที่ตามมานั้น ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพโดยรวมของเพื่อนรักสี่ขาของคุณ เมื่อหมาของคุณมีขีดจำกัดที่มากกว่าหมาอื่นๆ ทั่วไป



4466
จะรู้ได้อย่างไร ว่าถึงเวลาเปลี่ยนสูตรอาหารหมาแล้วหรือยัง

     สิ่งหนึ่งที่สัตว์เลี้ยงและเจ้าของทุกคู่เหมือนกันก็คือความต้องการพื้นฐานอย่างการกิน การนอน และความรักที่ไม่ต้องมากนักแต่ขอให้สม่ำเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะมีความสำคัญอย่างโดดเด่นก็เห็นจะเป็นสารอาหารที่ร่างกายได้รับ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและวิถีชีวิตไม่ว่าจะของหมาหรือของเจ้าของได้อย่างมากมายเหมือนกันในเกือบทุกๆ กรณี

     ความต้องการสารอาหารของมนุษย์นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงวัย หมาเองก็เหมือนกัน ในเมื่อคนเรายังไม่กินอาหารแบบเดียวกับตอนที่ยังเป็นเด็กทารกเลย แล้วทำไมหมาของเราจึงจะกินอาหารแบบเดิมไปตลอดชีวิตล่ะ มีหลายครั้งที่คุณจะสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ถึงเวลาเปลี่ยนสูตรอาหารให้หมาของคุณแล้ว เช่น ร่างกายของหมามีการตอบสนองที่ไม่ดีนักต่ออาหาร หรืออาหารที่เคยให้ไม่มีจำหน่ายอีกแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้รู้ว่า ได้เวลาแล้วที่คุณควรเปลี่ยนสูตรอาหารให้กับเจ้าเพื่อนสี่ขาของคุณ และเหตุผลที่ของการเปลี่ยนสูตรอาหารหมาที่พบโดยทั่วไปก็มีดังต่อไป



ช่วงอายุ

     หมาของคุณต้องการสารอาหารที่ต่างกันออกไปในแต่ละช่วงอายุ และควรเปลี่ยนสูตรอาหารทุกครั้งเมื่อมันก้าวเข้าสู่ช่วงอายุใหม่ อาหารหมาจะถูกผลิตขึ้นตามแต่ละช่วงอายุของหมาโดยเฉพาะ เช่น ลูกหมา หมาโตเต็มวัน หมาแก่ เพราะแต่ละช่วงอายุก็จะมีความต้องการสารอาหารที่ไม่เหมือนกัน การจะบอกว่าหมาของคุณเข้าสู่ช่วงอายุใหม่หรือยัง สามารถดูได้จากขนาดของตัวโดยเฉลี่ยตามสายพันธุ์ ถ้าหมาของคุณมีขนาดเล็กหรือขนาดกลาง มันก็จะถือว่าเป็นลูกหมาจนอายุถึง 12 เดือน ส่วนหมาพันธุ์ใหญ่จะถือว่าเป็นลูกหมาจนกว่าจะอายุถึง 18 เดือน เมื่อถึงช่วงนี้แล้ว คุณก็ควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรสำหรับหมาโตเต็มวัย เพื่อให้มันได้รับสารอาหารที่ต้องการตรงตามช่วงอายุและขนาดตัวของมัน

     การระบุว่าหมาของคุณแก่หรือยังเป็นเรื่องที่ยากกว่า วัยชราของหมาจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของมัน แต่โดยทั่วไปแล้ว หมาจะเข้าสู่ช่วงวัยชราเมื่อมีอายุถึงระหว่าง 7-8 ปี หมาแก่ส่วนใหญ่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น การช่วยเหลือในเรื่องการเคลื่อนไหวและภูมิคุ้มกัน การเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสูตรเฉพาะสำหรับหมาแก่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อที่มันจะได้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่สามารถจะเป็นได้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต



ระดับของกิจกรรมที่ทำ

     อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยบอกได้ว่าถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนสูตรอาหารของหมาแล้วก็คือ การเปลี่ยนแปลงระดับกิจกรรมที่หมาของคุณทำ ระดับกิจกรรมที่ต่างกันจะมีความต้องการปริมาณแคลอรี่เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานที่ต่างกัน หมาที่ออกไปเดินเล่นเป็นระยะทางไกลๆ ทุกวัน กับหมาที่เดินเล่นเป็นช่วงสั้นๆ ในแต่ละวันย่อมมีความต้องการที่ต่างกันในเรื่องของอาหาร คุณจะต้องดูในแน่ใจว่าหมาของคุณได้รับพลังงานเพียงพอ แต่ก็ไม่มากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะเผาผลาญพลังงานที่ได้รับในแต่ละไม่หมดและอาจมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินได้ ถ้าหากว่าหมาของคุณบ้าพลังเป็นพิเศษในฤดูร้อนและชอบนอนนิ่งๆ ในฤดูหนาวละก็ นี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรนำไปพิจารณาด้วย สิ่งที่สำคัญก็คือ อย่าลืมว่าการให้อาหารตามปริมาณที่กำหนดข้างซองนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสำหรับหมาบ้าพลังและหมาที่ชอบนอนทั้งวัน



อาหารที่ให้อยู่ ณ ปัจจุบัน

     คุณเคยดูมั้ยว่า ในอาหารที่คุณให้เจ้าเพื่อนรักสี่ขากินนั้นมีส่วนผสมอะไรอยู่บ้าง หากคุณลองดูสักนิดก็จะสามารถมองหาส่วนผสมส่วนเหล่านั้นแล้วนำมาปรุงเองได้ ส่วนผสมหลายอย่างสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดใกล้บ้านในราคาที่ถูกกว่า นอกจากจะช่วยประหยัดและเป็นการเปลี่ยนอาหารเพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจได้แล้ว ในขณะเดียวกันคุณก็สบายใจได้ว่า หมาของคุณจะยังคงได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนอยู่

หมาที่มีความต้องการพิเศษ

     สุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงของสัตว์เลี้ยง คือผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดเมื่อพิจารณาเรื่องความเหมาะสมของอาหาร มีความเป็นไปได้ว่าหมาของคุณอาจแพ้อาหารบางอย่าง ซึ่งจะทำให้อาหารที่มันกิน และอาหารที่มันกินได้ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ในการเปลี่ยนอาหารแต่ละครั้ง คุณจึงจำเป็นต้องพิจารณาความเปลี่ยนแปลงของหมาคุณอย่างละเอียด หากหมาของคุณเริ่มมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย คันตามผิวหนัง อุ้งเท้าบวมแดง หรือน้ำหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังเปลี่ยนอาหาร คุณก็ต้องรู้ว่าอาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนที่บอกว่าอาหารใหม่มีปัญหา คุณจำเป็นต้องสังเกตอย่างใกล้ชิดว่า อาหารที่หมาของคุณกินและผลที่ตามมานั้น ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพโดยรวมของเพื่อนรักสี่ขาของคุณ เมื่อหมาของคุณมีขีดจำกัดที่มากกว่าหมาอื่นๆ ทั่วไป



4467
จะรู้ได้อย่างไร ว่าถึงเวลาเปลี่ยนสูตรอาหารหมาแล้วหรือยัง

     สิ่งหนึ่งที่สัตว์เลี้ยงและเจ้าของทุกคู่เหมือนกันก็คือความต้องการพื้นฐานอย่างการกิน การนอน และความรักที่ไม่ต้องมากนักแต่ขอให้สม่ำเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะมีความสำคัญอย่างโดดเด่นก็เห็นจะเป็นสารอาหารที่ร่างกายได้รับ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและวิถีชีวิตไม่ว่าจะของหมาหรือของเจ้าของได้อย่างมากมายเหมือนกันในเกือบทุกๆ กรณี

     ความต้องการสารอาหารของมนุษย์นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงวัย หมาเองก็เหมือนกัน ในเมื่อคนเรายังไม่กินอาหารแบบเดียวกับตอนที่ยังเป็นเด็กทารกเลย แล้วทำไมหมาของเราจึงจะกินอาหารแบบเดิมไปตลอดชีวิตล่ะ มีหลายครั้งที่คุณจะสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ถึงเวลาเปลี่ยนสูตรอาหารให้หมาของคุณแล้ว เช่น ร่างกายของหมามีการตอบสนองที่ไม่ดีนักต่ออาหาร หรืออาหารที่เคยให้ไม่มีจำหน่ายอีกแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้รู้ว่า ได้เวลาแล้วที่คุณควรเปลี่ยนสูตรอาหารให้กับเจ้าเพื่อนสี่ขาของคุณ และเหตุผลที่ของการเปลี่ยนสูตรอาหารหมาที่พบโดยทั่วไปก็มีดังต่อไป



ช่วงอายุ

     หมาของคุณต้องการสารอาหารที่ต่างกันออกไปในแต่ละช่วงอายุ และควรเปลี่ยนสูตรอาหารทุกครั้งเมื่อมันก้าวเข้าสู่ช่วงอายุใหม่ อาหารหมาจะถูกผลิตขึ้นตามแต่ละช่วงอายุของหมาโดยเฉพาะ เช่น ลูกหมา หมาโตเต็มวัน หมาแก่ เพราะแต่ละช่วงอายุก็จะมีความต้องการสารอาหารที่ไม่เหมือนกัน การจะบอกว่าหมาของคุณเข้าสู่ช่วงอายุใหม่หรือยัง สามารถดูได้จากขนาดของตัวโดยเฉลี่ยตามสายพันธุ์ ถ้าหมาของคุณมีขนาดเล็กหรือขนาดกลาง มันก็จะถือว่าเป็นลูกหมาจนอายุถึง 12 เดือน ส่วนหมาพันธุ์ใหญ่จะถือว่าเป็นลูกหมาจนกว่าจะอายุถึง 18 เดือน เมื่อถึงช่วงนี้แล้ว คุณก็ควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรสำหรับหมาโตเต็มวัย เพื่อให้มันได้รับสารอาหารที่ต้องการตรงตามช่วงอายุและขนาดตัวของมัน

     การระบุว่าหมาของคุณแก่หรือยังเป็นเรื่องที่ยากกว่า วัยชราของหมาจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของมัน แต่โดยทั่วไปแล้ว หมาจะเข้าสู่ช่วงวัยชราเมื่อมีอายุถึงระหว่าง 7-8 ปี หมาแก่ส่วนใหญ่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น การช่วยเหลือในเรื่องการเคลื่อนไหวและภูมิคุ้มกัน การเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสูตรเฉพาะสำหรับหมาแก่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อที่มันจะได้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่สามารถจะเป็นได้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต



ระดับของกิจกรรมที่ทำ

     อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยบอกได้ว่าถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนสูตรอาหารของหมาแล้วก็คือ การเปลี่ยนแปลงระดับกิจกรรมที่หมาของคุณทำ ระดับกิจกรรมที่ต่างกันจะมีความต้องการปริมาณแคลอรี่เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานที่ต่างกัน หมาที่ออกไปเดินเล่นเป็นระยะทางไกลๆ ทุกวัน กับหมาที่เดินเล่นเป็นช่วงสั้นๆ ในแต่ละวันย่อมมีความต้องการที่ต่างกันในเรื่องของอาหาร คุณจะต้องดูในแน่ใจว่าหมาของคุณได้รับพลังงานเพียงพอ แต่ก็ไม่มากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะเผาผลาญพลังงานที่ได้รับในแต่ละไม่หมดและอาจมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินได้ ถ้าหากว่าหมาของคุณบ้าพลังเป็นพิเศษในฤดูร้อนและชอบนอนนิ่งๆ ในฤดูหนาวละก็ นี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรนำไปพิจารณาด้วย สิ่งที่สำคัญก็คือ อย่าลืมว่าการให้อาหารตามปริมาณที่กำหนดข้างซองนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสำหรับหมาบ้าพลังและหมาที่ชอบนอนทั้งวัน



อาหารที่ให้อยู่ ณ ปัจจุบัน

     คุณเคยดูมั้ยว่า ในอาหารที่คุณให้เจ้าเพื่อนรักสี่ขากินนั้นมีส่วนผสมอะไรอยู่บ้าง หากคุณลองดูสักนิดก็จะสามารถมองหาส่วนผสมส่วนเหล่านั้นแล้วนำมาปรุงเองได้ ส่วนผสมหลายอย่างสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดใกล้บ้านในราคาที่ถูกกว่า นอกจากจะช่วยประหยัดและเป็นการเปลี่ยนอาหารเพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจได้แล้ว ในขณะเดียวกันคุณก็สบายใจได้ว่า หมาของคุณจะยังคงได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนอยู่

หมาที่มีความต้องการพิเศษ

     สุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงของสัตว์เลี้ยง คือผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดเมื่อพิจารณาเรื่องความเหมาะสมของอาหาร มีความเป็นไปได้ว่าหมาของคุณอาจแพ้อาหารบางอย่าง ซึ่งจะทำให้อาหารที่มันกิน และอาหารที่มันกินได้ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ในการเปลี่ยนอาหารแต่ละครั้ง คุณจึงจำเป็นต้องพิจารณาความเปลี่ยนแปลงของหมาคุณอย่างละเอียด หากหมาของคุณเริ่มมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย คันตามผิวหนัง อุ้งเท้าบวมแดง หรือน้ำหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังเปลี่ยนอาหาร คุณก็ต้องรู้ว่าอาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนที่บอกว่าอาหารใหม่มีปัญหา คุณจำเป็นต้องสังเกตอย่างใกล้ชิดว่า อาหารที่หมาของคุณกินและผลที่ตามมานั้น ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพโดยรวมของเพื่อนรักสี่ขาของคุณ เมื่อหมาของคุณมีขีดจำกัดที่มากกว่าหมาอื่นๆ ทั่วไป



4468
จะรู้ได้อย่างไร ว่าถึงเวลาเปลี่ยนสูตรอาหารหมาแล้วหรือยัง

     สิ่งหนึ่งที่สัตว์เลี้ยงและเจ้าของทุกคู่เหมือนกันก็คือความต้องการพื้นฐานอย่างการกิน การนอน และความรักที่ไม่ต้องมากนักแต่ขอให้สม่ำเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะมีความสำคัญอย่างโดดเด่นก็เห็นจะเป็นสารอาหารที่ร่างกายได้รับ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและวิถีชีวิตไม่ว่าจะของหมาหรือของเจ้าของได้อย่างมากมายเหมือนกันในเกือบทุกๆ กรณี

     ความต้องการสารอาหารของมนุษย์นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงวัย หมาเองก็เหมือนกัน ในเมื่อคนเรายังไม่กินอาหารแบบเดียวกับตอนที่ยังเป็นเด็กทารกเลย แล้วทำไมหมาของเราจึงจะกินอาหารแบบเดิมไปตลอดชีวิตล่ะ มีหลายครั้งที่คุณจะสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ถึงเวลาเปลี่ยนสูตรอาหารให้หมาของคุณแล้ว เช่น ร่างกายของหมามีการตอบสนองที่ไม่ดีนักต่ออาหาร หรืออาหารที่เคยให้ไม่มีจำหน่ายอีกแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้รู้ว่า ได้เวลาแล้วที่คุณควรเปลี่ยนสูตรอาหารให้กับเจ้าเพื่อนสี่ขาของคุณ และเหตุผลที่ของการเปลี่ยนสูตรอาหารหมาที่พบโดยทั่วไปก็มีดังต่อไป



ช่วงอายุ

     หมาของคุณต้องการสารอาหารที่ต่างกันออกไปในแต่ละช่วงอายุ และควรเปลี่ยนสูตรอาหารทุกครั้งเมื่อมันก้าวเข้าสู่ช่วงอายุใหม่ อาหารหมาจะถูกผลิตขึ้นตามแต่ละช่วงอายุของหมาโดยเฉพาะ เช่น ลูกหมา หมาโตเต็มวัน หมาแก่ เพราะแต่ละช่วงอายุก็จะมีความต้องการสารอาหารที่ไม่เหมือนกัน การจะบอกว่าหมาของคุณเข้าสู่ช่วงอายุใหม่หรือยัง สามารถดูได้จากขนาดของตัวโดยเฉลี่ยตามสายพันธุ์ ถ้าหมาของคุณมีขนาดเล็กหรือขนาดกลาง มันก็จะถือว่าเป็นลูกหมาจนอายุถึง 12 เดือน ส่วนหมาพันธุ์ใหญ่จะถือว่าเป็นลูกหมาจนกว่าจะอายุถึง 18 เดือน เมื่อถึงช่วงนี้แล้ว คุณก็ควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรสำหรับหมาโตเต็มวัย เพื่อให้มันได้รับสารอาหารที่ต้องการตรงตามช่วงอายุและขนาดตัวของมัน

     การระบุว่าหมาของคุณแก่หรือยังเป็นเรื่องที่ยากกว่า วัยชราของหมาจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของมัน แต่โดยทั่วไปแล้ว หมาจะเข้าสู่ช่วงวัยชราเมื่อมีอายุถึงระหว่าง 7-8 ปี หมาแก่ส่วนใหญ่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น การช่วยเหลือในเรื่องการเคลื่อนไหวและภูมิคุ้มกัน การเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสูตรเฉพาะสำหรับหมาแก่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อที่มันจะได้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่สามารถจะเป็นได้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต



ระดับของกิจกรรมที่ทำ

     อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยบอกได้ว่าถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนสูตรอาหารของหมาแล้วก็คือ การเปลี่ยนแปลงระดับกิจกรรมที่หมาของคุณทำ ระดับกิจกรรมที่ต่างกันจะมีความต้องการปริมาณแคลอรี่เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานที่ต่างกัน หมาที่ออกไปเดินเล่นเป็นระยะทางไกลๆ ทุกวัน กับหมาที่เดินเล่นเป็นช่วงสั้นๆ ในแต่ละวันย่อมมีความต้องการที่ต่างกันในเรื่องของอาหาร คุณจะต้องดูในแน่ใจว่าหมาของคุณได้รับพลังงานเพียงพอ แต่ก็ไม่มากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะเผาผลาญพลังงานที่ได้รับในแต่ละไม่หมดและอาจมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินได้ ถ้าหากว่าหมาของคุณบ้าพลังเป็นพิเศษในฤดูร้อนและชอบนอนนิ่งๆ ในฤดูหนาวละก็ นี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรนำไปพิจารณาด้วย สิ่งที่สำคัญก็คือ อย่าลืมว่าการให้อาหารตามปริมาณที่กำหนดข้างซองนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสำหรับหมาบ้าพลังและหมาที่ชอบนอนทั้งวัน



อาหารที่ให้อยู่ ณ ปัจจุบัน

     คุณเคยดูมั้ยว่า ในอาหารที่คุณให้เจ้าเพื่อนรักสี่ขากินนั้นมีส่วนผสมอะไรอยู่บ้าง หากคุณลองดูสักนิดก็จะสามารถมองหาส่วนผสมส่วนเหล่านั้นแล้วนำมาปรุงเองได้ ส่วนผสมหลายอย่างสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดใกล้บ้านในราคาที่ถูกกว่า นอกจากจะช่วยประหยัดและเป็นการเปลี่ยนอาหารเพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจได้แล้ว ในขณะเดียวกันคุณก็สบายใจได้ว่า หมาของคุณจะยังคงได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนอยู่

หมาที่มีความต้องการพิเศษ

     สุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงของสัตว์เลี้ยง คือผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดเมื่อพิจารณาเรื่องความเหมาะสมของอาหาร มีความเป็นไปได้ว่าหมาของคุณอาจแพ้อาหารบางอย่าง ซึ่งจะทำให้อาหารที่มันกิน และอาหารที่มันกินได้ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ในการเปลี่ยนอาหารแต่ละครั้ง คุณจึงจำเป็นต้องพิจารณาความเปลี่ยนแปลงของหมาคุณอย่างละเอียด หากหมาของคุณเริ่มมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย คันตามผิวหนัง อุ้งเท้าบวมแดง หรือน้ำหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังเปลี่ยนอาหาร คุณก็ต้องรู้ว่าอาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนที่บอกว่าอาหารใหม่มีปัญหา คุณจำเป็นต้องสังเกตอย่างใกล้ชิดว่า อาหารที่หมาของคุณกินและผลที่ตามมานั้น ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพโดยรวมของเพื่อนรักสี่ขาของคุณ เมื่อหมาของคุณมีขีดจำกัดที่มากกว่าหมาอื่นๆ ทั่วไป



4469
5 สายพันธุ์หมาหายากระดับโลก

     หมาบางสายพันธุ์ได้รับความนิยมกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักนอกประเทศบ้านเกิดของมันเลย ยิ่งไปกว่านั้น หมาบางสายพันธุ์ก็ไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศบ้านเกิดของมันด้วย หมาบางพันธุ์ต้องอยู่ในที่โล่งกว้าง ทำให้การเลี้ยงมันในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และนี่คือ  5 สายพันธุ์หมาหายากระดับโลก พร้อมกับสาเหตุที่บอกว่า ทำไมพวกมันจึงไม่เป็นที่นิยมเท่ากับหมาพันธุ์อื่นๆ



1. สตาบิเฮาน์ (Stabyhoun)

     คุณจะแทบไม่ได้เห็นสตาบิเฮาน์อาศัยอยู่นอกเมืองฟรีสลันด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์เลย และมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่หลังช่วงปี 1800 แล้ว สตาบิเฮาน์แทบไม่เคยออกไปนอกประเทศเลยจนถึงช่วงปี 2000 ชื่อหมาพันธุ์นี้แปลได้คร่าวๆ ว่า “หมาที่อยู่เคียงข้างฉัน” ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะกับมันมาก เพราะพวกมันจะยืนอยู่ข้างๆ ชาวไร่ผู้เป็นเจ้าของมันเพื่อทำอะไรก็ตามที่มันทำได้ ส่วนใหญ่แล้วหมาพันธุ์นี้จะเลี้ยงและเพาะพันธุ์โดยเหล่าชาวไร่ที่มีเงินจำกัด แต่ต้องการหมาที่สามารถล่า ปกป้อง ทำงาน และอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาได้ ชาวไร่เหล่านี้ไม่มีเงินพอสำหรับหมาที่มีความสามารถเฉพาะด้าน สำหรับแต่ละหน้าที่เฉพาะอย่าง ดังนั้น พวกเขาจึงชอบหมาที่สามารถทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการได้ในตัวเดียว การที่มันไม่มีความสามารถเฉพาะอย่างด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกมันหายาก เมื่อพวกมันไม่มีความสามารถอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มันจึงเป็นที่ต้องการน้อยลง

     แต่ถึงอย่างนั้น สตาบิเฮาน์ก็เป็นที่รู้จักในเรื่องของความเป็นหมาที่เป็นมิตรและนุ่มนวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสัตว์อื่นๆ และต่อเด็กๆ มันเป็นหมาล่าสัตว์จึงทำให้มันต้องการการใช้แรงงานอยู่เสมอ และมันก็ชอบว่ายน้ำมาก พวกมันจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในสระน้ำ ทะเลสาบ หรือในแหล่งน้ำใกล้บ้านที่ไหนก็ตามที่พวกมันสามารถลงไปเล่นน้ำได้ 



2. มูดี้ (Mudi)

     มูดี้เป็นสายพันธุ์ที่มีความใกล้ชิดกับปูลิ หมาต้อนแกะขนลอนยาวจากฮังการี ขนของมูดี้เองก็หนาและขดเป็นลอนเช่นกัน แม้ว่าจะไม่เป็นหลอดเท่าปูลิก็ตาม มูดี้แยกสายพันธุ์ออกมาจากปูลิในปี 1930 เมื่อการปศุสัตว์เข้ามาแทนที่การทำเกษตรกรรมเกือบทั้งหมด มูดี้ก็ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาเพื่อความเหมาะสมด้านการใช้งานและความสามารถที่หลากหลายกว่า ความจริงแล้ว แม้ว่ามูดี้จะหาพบได้ยาก แต่มันก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อจำนวนประชากรของปูลิเริ่มลดลง

     มูดี้มีความเก่งกาจในด้านการเล่นกีฬาอย่างการโยนจานร่อน และการฝึกในเรื่องความคล่องตัว พวกมันยังคงมีสัญชาตญาณในการต้อนสัตว์อยู่ สาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันไม่ได้รับความนิยมมากไปกว่านี้ก็คือ ระดับพลังงานที่เหลือล้นของมัน ทำให้มันอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรือบ้านที่ไม่มีสวนขนาดใหญ่ได้ยากมาก หมาพันธุ์นี้ต้องการการออกกำลังกายหนักมาก ทำให้มันเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งในที่โล่ง



3. ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan mastiffs)

     นอกจากจะหายากแล้ว ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ยังเป็นหนึ่งในหมาที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย จริงๆ แล้วมันเป็นบรรพบุรุษของหมาหลายสายพันธุ์ รวมถึงมาสทิฟฟ์ บ็อกเซอร์ และเซนต์เบอร์นาร์ด ขนาดตัวที่ใหญ่โตและการเห่าอันดุร้ายทำให้พวกมันได้รับหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ปกป้องคนในหมู่บ้านที่พวกมันอาศัยอยู่ และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกมันหวงอาณาเขตอย่างที่สุด ซึ่งทำให้การเป็นเจ้าของทิเบตัน มาสทิฟฟ์เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง หากคุณอาศัยอยู่ในเขตชุมชนที่มีคนอยู่ค่อนข้างมาก

     แม้ว่ามันจะหายาก แต่ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะของสัญลักษณ์ทางสังคมในสาธารณรัฐประชาชนจีน และเพราะความหายากของมันนี่เอง ทำให้ราคาค่าตัวของเจ้าหมายักษ์พันธุ์นี้สูงเสียดฟ้า ทิเบตัน มาสทิฟฟ์1 ตัวในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ และทำให้มันเป็นหมาที่มีราคาซื้อขายสูงที่สุดอยู่ในปัจจุบัน 



4. อาซาวัค (Azawakh)

     อาซาวัคมีต้นกำเนิดอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่า และในอดีตเคยถูกใช้เพื่อล่าละมั่งกาเซลล์และสัตว์ท้องถิ่นอื่นๆ เป็นหลัก ร่างกายผอมเพรียวแบบนักกีฬาทำให้มันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างฉับพลันเหมือนกับเหยื่อของมัน พวกมันเป็นหมาล่าเนื้อ ซึ่งหมายความว่าพวกมันไวต่อการเคลื่อนไหวต่างๆ พวกมันจะวิ่งไล่ทุกอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นจักรยาน รถยนต์ หรือเด็กที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเจอมนุษย์ที่ไม่คุ้นเคยก็อาจทำให้พวกมันแสดงอาการขี้อายออกมาได้ ปัจจุบันนี้ คุณจะไม่สามารถพบเห็นอาซาวัคได้ง่ายนักนอกเหนือไปจากในประเทศบ้านเกิดของมัน

     การไม่ได้รับความนิยมนอกเขตทะเลทรายมีสาเหตุอยู่ 2-3 อย่าง อย่างแรกเลยคือ พวกมันไม่เหมาะที่จะอาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น การมีที่มาจากพื้นที่ที่ร้อนแห้งทำให้มันไม่ทนทานต่ออากาศหนาว พวกมันยังเป็นหมาที่สงบนิ่งอีกด้วย และจะไม่ยอมให้คนที่ไม่คุ้นเคยเข้าใกล้ ความปรารถนาในการไล่ล่าทุกอย่างของมันก็ทำให้เกิดปัญหาได้มากมายเช่นกัน นอกจากนี้ พวกมันจะมีความต้องการออกเรื่องการวิ่งอยู่เสมอ ซึ่งทำให้การอาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องที่ทำให้มันทุกทรมานเป็นอย่างมาก



5. ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)

     หมาพันธุ์ไทยหลังอานนั้นเพิ่งมีการนำเข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1994 นี้เอง มีเจ้าหลังอานอยู่นอกประเทศไทยเพียง 1,000 ตัวเท่านั้น โดยมีอยู่ในสหรัฐอเมริกาแค่  100 ตัว แต่เดิมหลังอานเป็นหมาที่เพาะพันธุ์ขึ้นเพื่อใช้ล่าสัตว์และให้เป็นหมาเฝ้าบ้าน พวกมันได้รับการยกย่องในเรื่องของความซื่อสัตย์ภักดี และเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องบ้านและครอบครัวที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง หมาไทยหลังอานจะมีขนย้อนกลับตั้งเป็นสันอยู่บนหลังของมัน ลำตัวของมันมีกล้ามเนื้อแน่นและเป็นหมาที่คล่องแคล่วว่องไว
หลังอานไม่ค่อยได้รับความนิยมในระดับโลกนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธรรมชาติในการปกป้องอย่างเกรี้ยวกราดของพวกมัน หลังอานเป็นหมาที่หวงอาณาเขตและเข้ากับหมาตัวอื่นๆ ได้ไม่ดีนัก นอกเสียจากจะได้รับการฝึกอย่างเหมาะสม ความล่ำสันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทำให้มันดูน่ากลัวอยู่บ้าง และแน่นอนว่ามันทนอากาศที่หนาวเย็นได้ไม่ดีนัก เพราะมันมาจากประเทศไทยที่มีอากาศร้อนทั้งปี

4470
5 สายพันธุ์หมาหายากระดับโลก

     หมาบางสายพันธุ์ได้รับความนิยมกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักนอกประเทศบ้านเกิดของมันเลย ยิ่งไปกว่านั้น หมาบางสายพันธุ์ก็ไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศบ้านเกิดของมันด้วย หมาบางพันธุ์ต้องอยู่ในที่โล่งกว้าง ทำให้การเลี้ยงมันในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และนี่คือ  5 สายพันธุ์หมาหายากระดับโลก พร้อมกับสาเหตุที่บอกว่า ทำไมพวกมันจึงไม่เป็นที่นิยมเท่ากับหมาพันธุ์อื่นๆ



1. สตาบิเฮาน์ (Stabyhoun)

     คุณจะแทบไม่ได้เห็นสตาบิเฮาน์อาศัยอยู่นอกเมืองฟรีสลันด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์เลย และมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่หลังช่วงปี 1800 แล้ว สตาบิเฮาน์แทบไม่เคยออกไปนอกประเทศเลยจนถึงช่วงปี 2000 ชื่อหมาพันธุ์นี้แปลได้คร่าวๆ ว่า “หมาที่อยู่เคียงข้างฉัน” ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะกับมันมาก เพราะพวกมันจะยืนอยู่ข้างๆ ชาวไร่ผู้เป็นเจ้าของมันเพื่อทำอะไรก็ตามที่มันทำได้ ส่วนใหญ่แล้วหมาพันธุ์นี้จะเลี้ยงและเพาะพันธุ์โดยเหล่าชาวไร่ที่มีเงินจำกัด แต่ต้องการหมาที่สามารถล่า ปกป้อง ทำงาน และอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาได้ ชาวไร่เหล่านี้ไม่มีเงินพอสำหรับหมาที่มีความสามารถเฉพาะด้าน สำหรับแต่ละหน้าที่เฉพาะอย่าง ดังนั้น พวกเขาจึงชอบหมาที่สามารถทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการได้ในตัวเดียว การที่มันไม่มีความสามารถเฉพาะอย่างด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกมันหายาก เมื่อพวกมันไม่มีความสามารถอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มันจึงเป็นที่ต้องการน้อยลง

     แต่ถึงอย่างนั้น สตาบิเฮาน์ก็เป็นที่รู้จักในเรื่องของความเป็นหมาที่เป็นมิตรและนุ่มนวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสัตว์อื่นๆ และต่อเด็กๆ มันเป็นหมาล่าสัตว์จึงทำให้มันต้องการการใช้แรงงานอยู่เสมอ และมันก็ชอบว่ายน้ำมาก พวกมันจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในสระน้ำ ทะเลสาบ หรือในแหล่งน้ำใกล้บ้านที่ไหนก็ตามที่พวกมันสามารถลงไปเล่นน้ำได้ 



2. มูดี้ (Mudi)

     มูดี้เป็นสายพันธุ์ที่มีความใกล้ชิดกับปูลิ หมาต้อนแกะขนลอนยาวจากฮังการี ขนของมูดี้เองก็หนาและขดเป็นลอนเช่นกัน แม้ว่าจะไม่เป็นหลอดเท่าปูลิก็ตาม มูดี้แยกสายพันธุ์ออกมาจากปูลิในปี 1930 เมื่อการปศุสัตว์เข้ามาแทนที่การทำเกษตรกรรมเกือบทั้งหมด มูดี้ก็ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาเพื่อความเหมาะสมด้านการใช้งานและความสามารถที่หลากหลายกว่า ความจริงแล้ว แม้ว่ามูดี้จะหาพบได้ยาก แต่มันก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อจำนวนประชากรของปูลิเริ่มลดลง

     มูดี้มีความเก่งกาจในด้านการเล่นกีฬาอย่างการโยนจานร่อน และการฝึกในเรื่องความคล่องตัว พวกมันยังคงมีสัญชาตญาณในการต้อนสัตว์อยู่ สาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันไม่ได้รับความนิยมมากไปกว่านี้ก็คือ ระดับพลังงานที่เหลือล้นของมัน ทำให้มันอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรือบ้านที่ไม่มีสวนขนาดใหญ่ได้ยากมาก หมาพันธุ์นี้ต้องการการออกกำลังกายหนักมาก ทำให้มันเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งในที่โล่ง



3. ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan mastiffs)

     นอกจากจะหายากแล้ว ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ยังเป็นหนึ่งในหมาที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย จริงๆ แล้วมันเป็นบรรพบุรุษของหมาหลายสายพันธุ์ รวมถึงมาสทิฟฟ์ บ็อกเซอร์ และเซนต์เบอร์นาร์ด ขนาดตัวที่ใหญ่โตและการเห่าอันดุร้ายทำให้พวกมันได้รับหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ปกป้องคนในหมู่บ้านที่พวกมันอาศัยอยู่ และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกมันหวงอาณาเขตอย่างที่สุด ซึ่งทำให้การเป็นเจ้าของทิเบตัน มาสทิฟฟ์เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง หากคุณอาศัยอยู่ในเขตชุมชนที่มีคนอยู่ค่อนข้างมาก

     แม้ว่ามันจะหายาก แต่ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะของสัญลักษณ์ทางสังคมในสาธารณรัฐประชาชนจีน และเพราะความหายากของมันนี่เอง ทำให้ราคาค่าตัวของเจ้าหมายักษ์พันธุ์นี้สูงเสียดฟ้า ทิเบตัน มาสทิฟฟ์1 ตัวในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ และทำให้มันเป็นหมาที่มีราคาซื้อขายสูงที่สุดอยู่ในปัจจุบัน 



4. อาซาวัค (Azawakh)

     อาซาวัคมีต้นกำเนิดอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่า และในอดีตเคยถูกใช้เพื่อล่าละมั่งกาเซลล์และสัตว์ท้องถิ่นอื่นๆ เป็นหลัก ร่างกายผอมเพรียวแบบนักกีฬาทำให้มันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างฉับพลันเหมือนกับเหยื่อของมัน พวกมันเป็นหมาล่าเนื้อ ซึ่งหมายความว่าพวกมันไวต่อการเคลื่อนไหวต่างๆ พวกมันจะวิ่งไล่ทุกอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นจักรยาน รถยนต์ หรือเด็กที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเจอมนุษย์ที่ไม่คุ้นเคยก็อาจทำให้พวกมันแสดงอาการขี้อายออกมาได้ ปัจจุบันนี้ คุณจะไม่สามารถพบเห็นอาซาวัคได้ง่ายนักนอกเหนือไปจากในประเทศบ้านเกิดของมัน

     การไม่ได้รับความนิยมนอกเขตทะเลทรายมีสาเหตุอยู่ 2-3 อย่าง อย่างแรกเลยคือ พวกมันไม่เหมาะที่จะอาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น การมีที่มาจากพื้นที่ที่ร้อนแห้งทำให้มันไม่ทนทานต่ออากาศหนาว พวกมันยังเป็นหมาที่สงบนิ่งอีกด้วย และจะไม่ยอมให้คนที่ไม่คุ้นเคยเข้าใกล้ ความปรารถนาในการไล่ล่าทุกอย่างของมันก็ทำให้เกิดปัญหาได้มากมายเช่นกัน นอกจากนี้ พวกมันจะมีความต้องการออกเรื่องการวิ่งอยู่เสมอ ซึ่งทำให้การอาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องที่ทำให้มันทุกทรมานเป็นอย่างมาก



5. ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)

     หมาพันธุ์ไทยหลังอานนั้นเพิ่งมีการนำเข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1994 นี้เอง มีเจ้าหลังอานอยู่นอกประเทศไทยเพียง 1,000 ตัวเท่านั้น โดยมีอยู่ในสหรัฐอเมริกาแค่  100 ตัว แต่เดิมหลังอานเป็นหมาที่เพาะพันธุ์ขึ้นเพื่อใช้ล่าสัตว์และให้เป็นหมาเฝ้าบ้าน พวกมันได้รับการยกย่องในเรื่องของความซื่อสัตย์ภักดี และเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องบ้านและครอบครัวที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง หมาไทยหลังอานจะมีขนย้อนกลับตั้งเป็นสันอยู่บนหลังของมัน ลำตัวของมันมีกล้ามเนื้อแน่นและเป็นหมาที่คล่องแคล่วว่องไว
หลังอานไม่ค่อยได้รับความนิยมในระดับโลกนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธรรมชาติในการปกป้องอย่างเกรี้ยวกราดของพวกมัน หลังอานเป็นหมาที่หวงอาณาเขตและเข้ากับหมาตัวอื่นๆ ได้ไม่ดีนัก นอกเสียจากจะได้รับการฝึกอย่างเหมาะสม ความล่ำสันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทำให้มันดูน่ากลัวอยู่บ้าง และแน่นอนว่ามันทนอากาศที่หนาวเย็นได้ไม่ดีนัก เพราะมันมาจากประเทศไทยที่มีอากาศร้อนทั้งปี