แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขายหมา

1051
5 เคล็ดลับ ลดความเครียดให้กับน้องแมว

   น้องแมวที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวก็เกิดอาการเครียด เหงาๆ เบื่อๆได้เหมือนกัน ใครๆที่คิดว่าแมวเป็นสัตว์ที่สันโดษ ชอบอยู่คนเดียวอาจจะไม่ใช่เสมอไป น้องแมวทุกตัวต้องการการเล่น การปลดปล่อยพลังงาน แมวก็อยากหาอะไรทำตามประสาแมวๆเช่นกัน
หากน้องแมวที่บ้านไหนแสดงอาการ ฉี่ไม่เป็นที่ จากที่เคยฉี่ในกระบะทราย ก็ออกมาฉี่ทั่วไปตามผนังหรือชั้นวางของ โดยที่ไม่ใช่อาการป่วย หรือถ้าน้องแมวบ้านไหน ที่แอบกัดแทะสิ่งของตั้งแต่บนชั้นวางของในห้องนั่งเล่น ไปจนถึงกระดาษชำระในห้องน้ำแล้วล่ะก็ น้องแมวของเราอาจจะกำลังส่งสัญญาณเรียกร้องว่าเขาเครียด หรือเบื่ออยู่ก็ได้ มาลองดู 5 วิธีลดความเครียด สร้างสีสันให้กับชีวิตเหมียวๆกันเถอะ !



เคล็ดลับที่ 1 เปิดหน้าต่างภายในบ้าน เปิดรับอากาศ และเสียงนกร้อง !

   น้องแมวเป็นสัตว์ที่มีความเป็นสัตว์ป่าอยู่ในตัวไม่น้อย น้องแมวจะมีความสุขกับการมองดูต้นไม้พัดไหว ฟังเสียงนกร้องในตอนเช้า มองการเคลื่อนไหวของนก หรือแม้กระทั่งมองดูน้ำตกจำลองเล็กๆนอกบ้าน ลองเปิดหน้าต่าง และจัดมุมสบายๆให้น้องแมวได้มองธรรมชาติภายนอก รับรองว่าเจ้าเหมียวจะนั่งติดจอเหมือนพวกเราที่ติดซีรีย์เน็ตฟลิกซ์กันเลยทีเดียว แต่ต้องมั่นใจว่าหน้าต่างของเราแน่นหนาเพียงพอที่จะไม่เกิดอันตรายหากน้องแมวปีนป่ายขึ้นไป

เคล็ดลับที่ 2 ลองเปลี่ยนชามน้ำธรรมดาที่บ้าน ให้กลายเป็นน้ำพุสำหรับแมว !

   น้องแมวชอบกินน้ำที่สะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แม้กระทั่งกลิ่นคลอรีนก็อาจจะทำให้น้องแมวเบือนหน้าหนีได้ ถ้าอยากเพิ่มความสุขเล็กๆให้กับเจ้าเหมียวของเรา ลองเปลี่ยนชามน้ำธรรมดาเป็นน้ำพุ หรือน้ำตกสำหรับแมว แล้วลองสังเกตุการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินน้ำของเจ้าแมวดู รับรองว่าน้องแมวจะวนเวียนกินน้ำมากขึ้น มีความสุขกว่าเดิมแน่นอน

เคล็ดลับที่ 3 เพิ่มที่นอนสงบๆ มุมสูงภายในบ้าน เปลี่ยนที่นอนดูบ้างก็แก้เบื่อได้ !

   น้องแมวชอบนอนที่สูงๆ เพราะเขามีความเป็นสัตว์นักล่าภายในตัว การได้นอนมองเหยื่อ หรือมองสิ่งแวดล้อมจากมุมสูงเป็นอะไรที่ทำให้น้องแมวรู้สึกปลอดภัย และมีความสุขมากขึ้น เริ่มจากการวางกล่องกระดาษธรรมดาไว้ที่หลังตู้หนังสือ หรือทำขั้นบันไดให้น้องแมวได้เดินขึ้นไปสูงๆรอบบ้านดูก็ได้

เคล็ดลับที่ 4 เพิ่มมุมสีเขียวในบ้าน เท่ากับเพิ่มความสุขให้กับน้องแมว !

   อย่างที่ได้บอกไปว่าน้องแมวชอบการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ลองเพิ่มพื้นที่สีเขียว มุมต้นไม้ภายในบ้าน อาจจะเพิ่มต้นไม้บริเวณใกล้ๆกับกระบะทรายของน้องแมว หรือบริเวณใกล้ๆกับที่นอนน้องแมวก็ได้

เคล็ดลับที่ 5 ลองเปิดสารคดีสัตว์โลก สารคดีนก หรือเปิดเสียงธรรมชาติ !

   ถ้าบ้านไหนอยู่ในเมือง จะหาเปิดหน้าต่างให้ดูนก ดูต้นไม้ก็อาจจะยากเกินไป ลองเปิดทีวี โดยเปิดเป็นสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ป่า สารคดีนก หรือใต้ทะเลให้กับน้องแมว น้องแมวบางตัวก็ดูเพลินกันเป็นชั่วโมงทีเดียว หรืออาจจะเปิดคลอเสียงธรรมชาติ เสียงน้ำตก หรือเสียงนกร้องในป่า แต่ไม่ควรเปิดเสียงดังเกินไป อาจจะเปิดคลอเบาๆไว้ให้น้องแมว เวลาทีเราไม่อยู่บ้านก็ได้





1052
5 เคล็ดลับ ลดความเครียดให้กับน้องแมว

   น้องแมวที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวก็เกิดอาการเครียด เหงาๆ เบื่อๆได้เหมือนกัน ใครๆที่คิดว่าแมวเป็นสัตว์ที่สันโดษ ชอบอยู่คนเดียวอาจจะไม่ใช่เสมอไป น้องแมวทุกตัวต้องการการเล่น การปลดปล่อยพลังงาน แมวก็อยากหาอะไรทำตามประสาแมวๆเช่นกัน
หากน้องแมวที่บ้านไหนแสดงอาการ ฉี่ไม่เป็นที่ จากที่เคยฉี่ในกระบะทราย ก็ออกมาฉี่ทั่วไปตามผนังหรือชั้นวางของ โดยที่ไม่ใช่อาการป่วย หรือถ้าน้องแมวบ้านไหน ที่แอบกัดแทะสิ่งของตั้งแต่บนชั้นวางของในห้องนั่งเล่น ไปจนถึงกระดาษชำระในห้องน้ำแล้วล่ะก็ น้องแมวของเราอาจจะกำลังส่งสัญญาณเรียกร้องว่าเขาเครียด หรือเบื่ออยู่ก็ได้ มาลองดู 5 วิธีลดความเครียด สร้างสีสันให้กับชีวิตเหมียวๆกันเถอะ !



เคล็ดลับที่ 1 เปิดหน้าต่างภายในบ้าน เปิดรับอากาศ และเสียงนกร้อง !

   น้องแมวเป็นสัตว์ที่มีความเป็นสัตว์ป่าอยู่ในตัวไม่น้อย น้องแมวจะมีความสุขกับการมองดูต้นไม้พัดไหว ฟังเสียงนกร้องในตอนเช้า มองการเคลื่อนไหวของนก หรือแม้กระทั่งมองดูน้ำตกจำลองเล็กๆนอกบ้าน ลองเปิดหน้าต่าง และจัดมุมสบายๆให้น้องแมวได้มองธรรมชาติภายนอก รับรองว่าเจ้าเหมียวจะนั่งติดจอเหมือนพวกเราที่ติดซีรีย์เน็ตฟลิกซ์กันเลยทีเดียว แต่ต้องมั่นใจว่าหน้าต่างของเราแน่นหนาเพียงพอที่จะไม่เกิดอันตรายหากน้องแมวปีนป่ายขึ้นไป

เคล็ดลับที่ 2 ลองเปลี่ยนชามน้ำธรรมดาที่บ้าน ให้กลายเป็นน้ำพุสำหรับแมว !

   น้องแมวชอบกินน้ำที่สะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แม้กระทั่งกลิ่นคลอรีนก็อาจจะทำให้น้องแมวเบือนหน้าหนีได้ ถ้าอยากเพิ่มความสุขเล็กๆให้กับเจ้าเหมียวของเรา ลองเปลี่ยนชามน้ำธรรมดาเป็นน้ำพุ หรือน้ำตกสำหรับแมว แล้วลองสังเกตุการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินน้ำของเจ้าแมวดู รับรองว่าน้องแมวจะวนเวียนกินน้ำมากขึ้น มีความสุขกว่าเดิมแน่นอน

เคล็ดลับที่ 3 เพิ่มที่นอนสงบๆ มุมสูงภายในบ้าน เปลี่ยนที่นอนดูบ้างก็แก้เบื่อได้ !

   น้องแมวชอบนอนที่สูงๆ เพราะเขามีความเป็นสัตว์นักล่าภายในตัว การได้นอนมองเหยื่อ หรือมองสิ่งแวดล้อมจากมุมสูงเป็นอะไรที่ทำให้น้องแมวรู้สึกปลอดภัย และมีความสุขมากขึ้น เริ่มจากการวางกล่องกระดาษธรรมดาไว้ที่หลังตู้หนังสือ หรือทำขั้นบันไดให้น้องแมวได้เดินขึ้นไปสูงๆรอบบ้านดูก็ได้

เคล็ดลับที่ 4 เพิ่มมุมสีเขียวในบ้าน เท่ากับเพิ่มความสุขให้กับน้องแมว !

   อย่างที่ได้บอกไปว่าน้องแมวชอบการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ลองเพิ่มพื้นที่สีเขียว มุมต้นไม้ภายในบ้าน อาจจะเพิ่มต้นไม้บริเวณใกล้ๆกับกระบะทรายของน้องแมว หรือบริเวณใกล้ๆกับที่นอนน้องแมวก็ได้

เคล็ดลับที่ 5 ลองเปิดสารคดีสัตว์โลก สารคดีนก หรือเปิดเสียงธรรมชาติ !

   ถ้าบ้านไหนอยู่ในเมือง จะหาเปิดหน้าต่างให้ดูนก ดูต้นไม้ก็อาจจะยากเกินไป ลองเปิดทีวี โดยเปิดเป็นสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ป่า สารคดีนก หรือใต้ทะเลให้กับน้องแมว น้องแมวบางตัวก็ดูเพลินกันเป็นชั่วโมงทีเดียว หรืออาจจะเปิดคลอเสียงธรรมชาติ เสียงน้ำตก หรือเสียงนกร้องในป่า แต่ไม่ควรเปิดเสียงดังเกินไป อาจจะเปิดคลอเบาๆไว้ให้น้องแมว เวลาทีเราไม่อยู่บ้านก็ได้





1053
Q & A  การแปรงฟันในน้องหมา น้องแมว

เราควรเริ่มแปรงฟันเมื่อไหร่ ?

สุนัขและแมวจะเริ่มมีฟันน้ำนมเมื่ออายุ 3 - 4 สัปดาห์ เนื่องจากลูกหมาลูกแมวจะยังกินนมแม่อยู่ ฟันน้ำนมจะค่อยๆขึ้นจนครบเมื่อมีอายุ 4 เดือน และฟันแท้จะดันฟันน้ำนมให้หลุดตามมาจนครบ เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป ดังนั้นเราสามารถเริ่มแปรงฟันได้ตั้งแต่เป็นลูกสัตว์ ทั้งนี้เพื่อฝึกความคุ้นชินเสียก่อน 



แปรงฟันอย่างไร ? ให้น้องหมาชอบ น้องแมวไม่หนี

   เราสามารถเริ่มได้ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงของเรายังเป็นลูกหมาลูกแมวกันอยู่ โดยใช้สำลีหรือผ้าก๊อซชุบน้ำอุ่นเช็ดเหงือกและฟันของเค้า เมื่อน้องหมาน้องแมวเริ่มโตมากขึ้นก็อาจจะเริ่มใช้แปรงสีฟันยางแบบสวมนิ้ว ขัดถูเหงือกและฟันอย่างสม่ำเสมอจนเริ่มเคยชิน ปัจจุบันมีแปรงสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ หัวแปรงจะเล็กกว่าทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ทั้งนี้การเลือกแปรงต้องดูพิจารณาขนาดตัวของน้องหมาน้องแมว และดูว่าเป็นสุนัขพันธุ์หน้ายาวหรือหน้าสั้น การแปรงฟันในน้องหมาน้องแมวควรทำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เด็กๆคุ้นเคย ในระยะแรกอาจจะใช้เฉพาะแปรงสีฟันอย่างเดียว โดยไม่มียาสีฟันก่อน พอเริ่มคุ้นชินมากขึ้นก็ค่อยเริ่มยาสีฟันร่วมด้วย โดยหลังจากที่แปรงฟันเสร็จทุกครั้ง เราก็ควรให้รางวัลเป็นขนมหรือของเล่นที่เขาชอบ เป็นการสร้างพฤติกรรมเชิงบวกต่อการแปรงฟันให้กับน้องหมาน้องแมว

ต้องแปรงฟันน้องหมาและน้องแมวบ่อยแค่ไหน ?

   ความถี่ในการแปรงฟันของน้องหมาน้องแมวนั้นขึ้นกับแต่ละตัวด้วย ถ้าไม่เคยแปรงฟันมาก่อนเลยอาจจะเริ่มจากคอยแปรงฟันทุกครั้งที่อาบน้ำก่อนก็ได้ เพื่อจะทำให้เกิดนิสัยและความเคยชิน และจากนั้นจึงค่อยๆเริ่มแปรงฟันบ่อยขึ้น ความถี่ที่แนะนำคือวันละ 1 ครั้ง ก่อนเข้านอน โดยควรแปรงอย่างน้อยด้วยละ 30 วินาที ถ้าน้องหมาน้องแมวยังไม่คุ้นชินกับการแปรงฟันอาจจะใช้ของเล่นในการขัดฟันร่วมด้วย เช่น เชือกขัดฟัน ขนมขัดฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

กินยาสีฟันได้หรือไม่ เป็นอันตรายหรือไม่ ?

   ถ้าหากเป็นยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ สามารถกินได้เลย โดยไม่ต้องบ้วนน้ำเหมือนกันกับยาสีฟันคน และไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันคนเนื่องจากมีสารประกอบที่ไม่สามารถกลืนได้ ถ้ากลืนกินยาสีฟันคนในปริมาณมากอาจจะทำให้ทางเดินอาหารทำงานผิดปกติไป หรืออาจจะรู้สึกไม่สบายท้องได้ รวมทั้งในยาสีฟันของคนบางยี่ห้อยังมีส่วนผสมของไซลิทอล (Xylitol) ซึ่งเป็นพิษกับน้องหมา ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันคนกับน้องหมาน้องแมว



1054
Q & A  การแปรงฟันในน้องหมา น้องแมว

เราควรเริ่มแปรงฟันเมื่อไหร่ ?

สุนัขและแมวจะเริ่มมีฟันน้ำนมเมื่ออายุ 3 - 4 สัปดาห์ เนื่องจากลูกหมาลูกแมวจะยังกินนมแม่อยู่ ฟันน้ำนมจะค่อยๆขึ้นจนครบเมื่อมีอายุ 4 เดือน และฟันแท้จะดันฟันน้ำนมให้หลุดตามมาจนครบ เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป ดังนั้นเราสามารถเริ่มแปรงฟันได้ตั้งแต่เป็นลูกสัตว์ ทั้งนี้เพื่อฝึกความคุ้นชินเสียก่อน 



แปรงฟันอย่างไร ? ให้น้องหมาชอบ น้องแมวไม่หนี

   เราสามารถเริ่มได้ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงของเรายังเป็นลูกหมาลูกแมวกันอยู่ โดยใช้สำลีหรือผ้าก๊อซชุบน้ำอุ่นเช็ดเหงือกและฟันของเค้า เมื่อน้องหมาน้องแมวเริ่มโตมากขึ้นก็อาจจะเริ่มใช้แปรงสีฟันยางแบบสวมนิ้ว ขัดถูเหงือกและฟันอย่างสม่ำเสมอจนเริ่มเคยชิน ปัจจุบันมีแปรงสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ หัวแปรงจะเล็กกว่าทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ทั้งนี้การเลือกแปรงต้องดูพิจารณาขนาดตัวของน้องหมาน้องแมว และดูว่าเป็นสุนัขพันธุ์หน้ายาวหรือหน้าสั้น การแปรงฟันในน้องหมาน้องแมวควรทำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เด็กๆคุ้นเคย ในระยะแรกอาจจะใช้เฉพาะแปรงสีฟันอย่างเดียว โดยไม่มียาสีฟันก่อน พอเริ่มคุ้นชินมากขึ้นก็ค่อยเริ่มยาสีฟันร่วมด้วย โดยหลังจากที่แปรงฟันเสร็จทุกครั้ง เราก็ควรให้รางวัลเป็นขนมหรือของเล่นที่เขาชอบ เป็นการสร้างพฤติกรรมเชิงบวกต่อการแปรงฟันให้กับน้องหมาน้องแมว

ต้องแปรงฟันน้องหมาและน้องแมวบ่อยแค่ไหน ?

   ความถี่ในการแปรงฟันของน้องหมาน้องแมวนั้นขึ้นกับแต่ละตัวด้วย ถ้าไม่เคยแปรงฟันมาก่อนเลยอาจจะเริ่มจากคอยแปรงฟันทุกครั้งที่อาบน้ำก่อนก็ได้ เพื่อจะทำให้เกิดนิสัยและความเคยชิน และจากนั้นจึงค่อยๆเริ่มแปรงฟันบ่อยขึ้น ความถี่ที่แนะนำคือวันละ 1 ครั้ง ก่อนเข้านอน โดยควรแปรงอย่างน้อยด้วยละ 30 วินาที ถ้าน้องหมาน้องแมวยังไม่คุ้นชินกับการแปรงฟันอาจจะใช้ของเล่นในการขัดฟันร่วมด้วย เช่น เชือกขัดฟัน ขนมขัดฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

กินยาสีฟันได้หรือไม่ เป็นอันตรายหรือไม่ ?

   ถ้าหากเป็นยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ สามารถกินได้เลย โดยไม่ต้องบ้วนน้ำเหมือนกันกับยาสีฟันคน และไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันคนเนื่องจากมีสารประกอบที่ไม่สามารถกลืนได้ ถ้ากลืนกินยาสีฟันคนในปริมาณมากอาจจะทำให้ทางเดินอาหารทำงานผิดปกติไป หรืออาจจะรู้สึกไม่สบายท้องได้ รวมทั้งในยาสีฟันของคนบางยี่ห้อยังมีส่วนผสมของไซลิทอล (Xylitol) ซึ่งเป็นพิษกับน้องหมา ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันคนกับน้องหมาน้องแมว



1055
Q & A  การแปรงฟันในน้องหมา น้องแมว

เราควรเริ่มแปรงฟันเมื่อไหร่ ?

สุนัขและแมวจะเริ่มมีฟันน้ำนมเมื่ออายุ 3 - 4 สัปดาห์ เนื่องจากลูกหมาลูกแมวจะยังกินนมแม่อยู่ ฟันน้ำนมจะค่อยๆขึ้นจนครบเมื่อมีอายุ 4 เดือน และฟันแท้จะดันฟันน้ำนมให้หลุดตามมาจนครบ เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป ดังนั้นเราสามารถเริ่มแปรงฟันได้ตั้งแต่เป็นลูกสัตว์ ทั้งนี้เพื่อฝึกความคุ้นชินเสียก่อน 



แปรงฟันอย่างไร ? ให้น้องหมาชอบ น้องแมวไม่หนี

   เราสามารถเริ่มได้ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงของเรายังเป็นลูกหมาลูกแมวกันอยู่ โดยใช้สำลีหรือผ้าก๊อซชุบน้ำอุ่นเช็ดเหงือกและฟันของเค้า เมื่อน้องหมาน้องแมวเริ่มโตมากขึ้นก็อาจจะเริ่มใช้แปรงสีฟันยางแบบสวมนิ้ว ขัดถูเหงือกและฟันอย่างสม่ำเสมอจนเริ่มเคยชิน ปัจจุบันมีแปรงสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ หัวแปรงจะเล็กกว่าทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ทั้งนี้การเลือกแปรงต้องดูพิจารณาขนาดตัวของน้องหมาน้องแมว และดูว่าเป็นสุนัขพันธุ์หน้ายาวหรือหน้าสั้น การแปรงฟันในน้องหมาน้องแมวควรทำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เด็กๆคุ้นเคย ในระยะแรกอาจจะใช้เฉพาะแปรงสีฟันอย่างเดียว โดยไม่มียาสีฟันก่อน พอเริ่มคุ้นชินมากขึ้นก็ค่อยเริ่มยาสีฟันร่วมด้วย โดยหลังจากที่แปรงฟันเสร็จทุกครั้ง เราก็ควรให้รางวัลเป็นขนมหรือของเล่นที่เขาชอบ เป็นการสร้างพฤติกรรมเชิงบวกต่อการแปรงฟันให้กับน้องหมาน้องแมว

ต้องแปรงฟันน้องหมาและน้องแมวบ่อยแค่ไหน ?

   ความถี่ในการแปรงฟันของน้องหมาน้องแมวนั้นขึ้นกับแต่ละตัวด้วย ถ้าไม่เคยแปรงฟันมาก่อนเลยอาจจะเริ่มจากคอยแปรงฟันทุกครั้งที่อาบน้ำก่อนก็ได้ เพื่อจะทำให้เกิดนิสัยและความเคยชิน และจากนั้นจึงค่อยๆเริ่มแปรงฟันบ่อยขึ้น ความถี่ที่แนะนำคือวันละ 1 ครั้ง ก่อนเข้านอน โดยควรแปรงอย่างน้อยด้วยละ 30 วินาที ถ้าน้องหมาน้องแมวยังไม่คุ้นชินกับการแปรงฟันอาจจะใช้ของเล่นในการขัดฟันร่วมด้วย เช่น เชือกขัดฟัน ขนมขัดฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

กินยาสีฟันได้หรือไม่ เป็นอันตรายหรือไม่ ?

   ถ้าหากเป็นยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ สามารถกินได้เลย โดยไม่ต้องบ้วนน้ำเหมือนกันกับยาสีฟันคน และไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันคนเนื่องจากมีสารประกอบที่ไม่สามารถกลืนได้ ถ้ากลืนกินยาสีฟันคนในปริมาณมากอาจจะทำให้ทางเดินอาหารทำงานผิดปกติไป หรืออาจจะรู้สึกไม่สบายท้องได้ รวมทั้งในยาสีฟันของคนบางยี่ห้อยังมีส่วนผสมของไซลิทอล (Xylitol) ซึ่งเป็นพิษกับน้องหมา ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันคนกับน้องหมาน้องแมว



1056
Q & A  การแปรงฟันในน้องหมา น้องแมว

เราควรเริ่มแปรงฟันเมื่อไหร่ ?

สุนัขและแมวจะเริ่มมีฟันน้ำนมเมื่ออายุ 3 - 4 สัปดาห์ เนื่องจากลูกหมาลูกแมวจะยังกินนมแม่อยู่ ฟันน้ำนมจะค่อยๆขึ้นจนครบเมื่อมีอายุ 4 เดือน และฟันแท้จะดันฟันน้ำนมให้หลุดตามมาจนครบ เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป ดังนั้นเราสามารถเริ่มแปรงฟันได้ตั้งแต่เป็นลูกสัตว์ ทั้งนี้เพื่อฝึกความคุ้นชินเสียก่อน 



แปรงฟันอย่างไร ? ให้น้องหมาชอบ น้องแมวไม่หนี

   เราสามารถเริ่มได้ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงของเรายังเป็นลูกหมาลูกแมวกันอยู่ โดยใช้สำลีหรือผ้าก๊อซชุบน้ำอุ่นเช็ดเหงือกและฟันของเค้า เมื่อน้องหมาน้องแมวเริ่มโตมากขึ้นก็อาจจะเริ่มใช้แปรงสีฟันยางแบบสวมนิ้ว ขัดถูเหงือกและฟันอย่างสม่ำเสมอจนเริ่มเคยชิน ปัจจุบันมีแปรงสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ หัวแปรงจะเล็กกว่าทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ทั้งนี้การเลือกแปรงต้องดูพิจารณาขนาดตัวของน้องหมาน้องแมว และดูว่าเป็นสุนัขพันธุ์หน้ายาวหรือหน้าสั้น การแปรงฟันในน้องหมาน้องแมวควรทำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เด็กๆคุ้นเคย ในระยะแรกอาจจะใช้เฉพาะแปรงสีฟันอย่างเดียว โดยไม่มียาสีฟันก่อน พอเริ่มคุ้นชินมากขึ้นก็ค่อยเริ่มยาสีฟันร่วมด้วย โดยหลังจากที่แปรงฟันเสร็จทุกครั้ง เราก็ควรให้รางวัลเป็นขนมหรือของเล่นที่เขาชอบ เป็นการสร้างพฤติกรรมเชิงบวกต่อการแปรงฟันให้กับน้องหมาน้องแมว

ต้องแปรงฟันน้องหมาและน้องแมวบ่อยแค่ไหน ?

   ความถี่ในการแปรงฟันของน้องหมาน้องแมวนั้นขึ้นกับแต่ละตัวด้วย ถ้าไม่เคยแปรงฟันมาก่อนเลยอาจจะเริ่มจากคอยแปรงฟันทุกครั้งที่อาบน้ำก่อนก็ได้ เพื่อจะทำให้เกิดนิสัยและความเคยชิน และจากนั้นจึงค่อยๆเริ่มแปรงฟันบ่อยขึ้น ความถี่ที่แนะนำคือวันละ 1 ครั้ง ก่อนเข้านอน โดยควรแปรงอย่างน้อยด้วยละ 30 วินาที ถ้าน้องหมาน้องแมวยังไม่คุ้นชินกับการแปรงฟันอาจจะใช้ของเล่นในการขัดฟันร่วมด้วย เช่น เชือกขัดฟัน ขนมขัดฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

กินยาสีฟันได้หรือไม่ เป็นอันตรายหรือไม่ ?

   ถ้าหากเป็นยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ สามารถกินได้เลย โดยไม่ต้องบ้วนน้ำเหมือนกันกับยาสีฟันคน และไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันคนเนื่องจากมีสารประกอบที่ไม่สามารถกลืนได้ ถ้ากลืนกินยาสีฟันคนในปริมาณมากอาจจะทำให้ทางเดินอาหารทำงานผิดปกติไป หรืออาจจะรู้สึกไม่สบายท้องได้ รวมทั้งในยาสีฟันของคนบางยี่ห้อยังมีส่วนผสมของไซลิทอล (Xylitol) ซึ่งเป็นพิษกับน้องหมา ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันคนกับน้องหมาน้องแมว



1057
5 ขั้นตอน อาบน้ำสุนัขที่บ้านได้ง่ายๆ

Step 1 แปรงขน - Brushing

เพื่อการอาบน้ำที่ง่ายขึ้น และเพื่อสุขภาพผิวหนังที่ดีของสุนัข ควรแปรงขนสุนัขทุก 1 - 2 วัน เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก และป้องกันขนพันกัน สุนัขชอบการแปรงขน เพราะเป็นเหมือนการนวด ช่วยทำให้ผ่อนคลาย พอวันไหนจะอาบน้ำ ก็ให้แปรงขนก่อนอาบน้ำสัก 1 รอบ ก็จะทำให้ช่วยสางเอาสิ่งสกปรก ขนร่วงที่ค้างอยู่ออกไป ทำให้การอาบน้ำได้สะอาดมากขึ้น




Step 2 อาบน้ำ - Bathing

หลายๆบ้านอาจจะมีคำถามว่าควรอาบน้ำสัตว์เลี้ยงบ่อยแค่ไหน สำหรับความถี่ในการอาบน้ำนั้นขึ้นกับแต่ละสายพันธุ์ และ Life style ของแต่ละตัว เช่น ความถี่การอาบน้ำสุนัขพันธุ์ขนสั้น จะน้อยกว่าสุนัขพันธุ์ขนยาว และความถี่การอาบน้ำของสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน จะน้อยกว่าสุนัขที่เลี้ยงอยู่นอกบ้านร่วมด้วย เป็นต้น แต่โดยทั่วไปประมาณทุก 1-3 สัปดาห์

ขั้นตอนการอาบน้ำสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก อาจจะใช้อ่างอาบน้ำ ร่วมด้วยก็ได้ โดยให้เริ่มเปิดน้ำเริ่มจากบริเวณหัว ลำตัว หาง และบริเวณท้อง ส่วนบริเวณหัวให้ใช้มือลูบบริเวณหัวเบาๆ จากนั้นค่อยๆ ชะโลมแชมพูที่ผสมน้ำลงบนตัวสุนัข สามารถใช้ฟองน้ำ หรือแปรงสำหรับอาบน้ำช่วยในการสางขนร่วมด้วยก็ได้ เน้นบริเวณเท้า ใต้ท้อง และหางเป็นพิเศษ เพราะเป็นบริเวณที่เข้าถึงยาก  อาบด้วยแชมพู 1-2 รอบก็ได้ หลังจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสะอาดจนหมดฟอง

Step 3 เป่าขน - Drying

   หลังจากอาบน้ำเสร็จให้สุนัขได้สะบัดตัว เพื่อให้น้ำส่วนเกินออกจากตัว จากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำให้ทั่วไปตัว สำหรับสุนัขตัวโต อาจจะต้องใช้ผ้าเช็ดตัวหลายผืน หลังใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำออกระดับนึงแล้ว สามารถใช้ไดร์เป่าขนร่วมด้วย เพื่อให้แห้งสนิทได้ แต่ข้อควรระวังคือสุนัขบางตัวจะกลัวเสียงไดร์มาก บางตัวก็อาจจะไม่ ดังนั้นจึงค่อยๆเริ่มเป่าจากเบาๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มหากสุนัขไม่แสดงอาการกลัว

Step 4 เช็ดหู และ ตัดเล็บ - Ear cleansing and Nail Clipping

การเช็ดหู สามารถใช้สำลีแห้งซับน้ำในหูออก และเช็ดรอบนอกใบหูให้สะอาด สามารถใช้สำลีพันก้านร่วมด้วย แต่ต้องระวังสำลีหลุดเข้ารูหูสุนัข ถ้าหากมีขี้หูปริมาณมาก อาจใช้น้ำยาล้างหูร่วมด้วยก็ได้ แต่ถ้าขี้หูมีสีดำ ร่วมกับมีอาการคัน อาจจะเกี่ยวข้องกับไรในหู ซึ่งควรได้รับการตรวจ และรักษาจากสัตวแพทย์

การตัดเล็บ สำหรับสุนัขบางตัวอาจจะไม่ชอบมากๆ ดังนั้นในการตัดเล็บควรมั่นใจว่าสุนัขจะนิ่งพอให้เราตัด อาจจะต้องมีการให้ขนม หรือมีคนช่วยจับในระหว่างนี้ แนะนำให้ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้กรรไกรตัดเล็บของคน เนื่องจากสรีระของ
เล็บที่แตกต่างกัน  สำหรับสุนัขที่มีเล็บสีขาว สามารถสังเกตุเนื้อเล็บสีชมพูด้านในเล็บได้ง่าย ให้เราตัดเล็บส่วนปลายอย่าให้ถึงเนื้อเล็บด้านใน และอย่าตัดสั้นจนเกินไป แต่ถ้าเป็นเล็บสีดำอาจจะสังเกตุได้ยาก ให้ค่อยๆตัดเล็มส่วนปลายเล็บ

Step 5 ให้รางวัล - Reward

ก่อนการอาบน้ำไม่ควรให้สุนัขทานอาหารก่อน เพราะอาจจะทำให้สุนัขรู้สึกไม่สบายท้องได้ โดยแนะนำให้ให้รางวัลเป็นขนมชิ้นเล็กๆ ที่สุนัขชอบ เพื่อเป็นรางวัล โดยสามารถให้หลังทำแต่ละขั้นตอนเสร็จ และให้ขนมร่วมกับกล่าวชมเมื่อทำทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้ไม่กลัวการอาบน้ำ ถ้าสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับการอาบน้ำครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปก็จะง่ายมากๆ ไม่ต้องบังคับ และการอาบน้ำจะเป็นอีกหนึ่งกิจจกรรมที่สุนัขของคุณรอคอย

1058
5 ขั้นตอน อาบน้ำสุนัขที่บ้านได้ง่ายๆ

Step 1 แปรงขน - Brushing

เพื่อการอาบน้ำที่ง่ายขึ้น และเพื่อสุขภาพผิวหนังที่ดีของสุนัข ควรแปรงขนสุนัขทุก 1 - 2 วัน เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก และป้องกันขนพันกัน สุนัขชอบการแปรงขน เพราะเป็นเหมือนการนวด ช่วยทำให้ผ่อนคลาย พอวันไหนจะอาบน้ำ ก็ให้แปรงขนก่อนอาบน้ำสัก 1 รอบ ก็จะทำให้ช่วยสางเอาสิ่งสกปรก ขนร่วงที่ค้างอยู่ออกไป ทำให้การอาบน้ำได้สะอาดมากขึ้น




Step 2 อาบน้ำ - Bathing

หลายๆบ้านอาจจะมีคำถามว่าควรอาบน้ำสัตว์เลี้ยงบ่อยแค่ไหน สำหรับความถี่ในการอาบน้ำนั้นขึ้นกับแต่ละสายพันธุ์ และ Life style ของแต่ละตัว เช่น ความถี่การอาบน้ำสุนัขพันธุ์ขนสั้น จะน้อยกว่าสุนัขพันธุ์ขนยาว และความถี่การอาบน้ำของสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน จะน้อยกว่าสุนัขที่เลี้ยงอยู่นอกบ้านร่วมด้วย เป็นต้น แต่โดยทั่วไปประมาณทุก 1-3 สัปดาห์

ขั้นตอนการอาบน้ำสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก อาจจะใช้อ่างอาบน้ำ ร่วมด้วยก็ได้ โดยให้เริ่มเปิดน้ำเริ่มจากบริเวณหัว ลำตัว หาง และบริเวณท้อง ส่วนบริเวณหัวให้ใช้มือลูบบริเวณหัวเบาๆ จากนั้นค่อยๆ ชะโลมแชมพูที่ผสมน้ำลงบนตัวสุนัข สามารถใช้ฟองน้ำ หรือแปรงสำหรับอาบน้ำช่วยในการสางขนร่วมด้วยก็ได้ เน้นบริเวณเท้า ใต้ท้อง และหางเป็นพิเศษ เพราะเป็นบริเวณที่เข้าถึงยาก  อาบด้วยแชมพู 1-2 รอบก็ได้ หลังจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสะอาดจนหมดฟอง

Step 3 เป่าขน - Drying

   หลังจากอาบน้ำเสร็จให้สุนัขได้สะบัดตัว เพื่อให้น้ำส่วนเกินออกจากตัว จากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำให้ทั่วไปตัว สำหรับสุนัขตัวโต อาจจะต้องใช้ผ้าเช็ดตัวหลายผืน หลังใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำออกระดับนึงแล้ว สามารถใช้ไดร์เป่าขนร่วมด้วย เพื่อให้แห้งสนิทได้ แต่ข้อควรระวังคือสุนัขบางตัวจะกลัวเสียงไดร์มาก บางตัวก็อาจจะไม่ ดังนั้นจึงค่อยๆเริ่มเป่าจากเบาๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มหากสุนัขไม่แสดงอาการกลัว

Step 4 เช็ดหู และ ตัดเล็บ - Ear cleansing and Nail Clipping

การเช็ดหู สามารถใช้สำลีแห้งซับน้ำในหูออก และเช็ดรอบนอกใบหูให้สะอาด สามารถใช้สำลีพันก้านร่วมด้วย แต่ต้องระวังสำลีหลุดเข้ารูหูสุนัข ถ้าหากมีขี้หูปริมาณมาก อาจใช้น้ำยาล้างหูร่วมด้วยก็ได้ แต่ถ้าขี้หูมีสีดำ ร่วมกับมีอาการคัน อาจจะเกี่ยวข้องกับไรในหู ซึ่งควรได้รับการตรวจ และรักษาจากสัตวแพทย์

การตัดเล็บ สำหรับสุนัขบางตัวอาจจะไม่ชอบมากๆ ดังนั้นในการตัดเล็บควรมั่นใจว่าสุนัขจะนิ่งพอให้เราตัด อาจจะต้องมีการให้ขนม หรือมีคนช่วยจับในระหว่างนี้ แนะนำให้ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้กรรไกรตัดเล็บของคน เนื่องจากสรีระของ
เล็บที่แตกต่างกัน  สำหรับสุนัขที่มีเล็บสีขาว สามารถสังเกตุเนื้อเล็บสีชมพูด้านในเล็บได้ง่าย ให้เราตัดเล็บส่วนปลายอย่าให้ถึงเนื้อเล็บด้านใน และอย่าตัดสั้นจนเกินไป แต่ถ้าเป็นเล็บสีดำอาจจะสังเกตุได้ยาก ให้ค่อยๆตัดเล็มส่วนปลายเล็บ

Step 5 ให้รางวัล - Reward

ก่อนการอาบน้ำไม่ควรให้สุนัขทานอาหารก่อน เพราะอาจจะทำให้สุนัขรู้สึกไม่สบายท้องได้ โดยแนะนำให้ให้รางวัลเป็นขนมชิ้นเล็กๆ ที่สุนัขชอบ เพื่อเป็นรางวัล โดยสามารถให้หลังทำแต่ละขั้นตอนเสร็จ และให้ขนมร่วมกับกล่าวชมเมื่อทำทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้ไม่กลัวการอาบน้ำ ถ้าสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับการอาบน้ำครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปก็จะง่ายมากๆ ไม่ต้องบังคับ และการอาบน้ำจะเป็นอีกหนึ่งกิจจกรรมที่สุนัขของคุณรอคอย

1059
5 ขั้นตอน อาบน้ำสุนัขที่บ้านได้ง่ายๆ

Step 1 แปรงขน - Brushing

เพื่อการอาบน้ำที่ง่ายขึ้น และเพื่อสุขภาพผิวหนังที่ดีของสุนัข ควรแปรงขนสุนัขทุก 1 - 2 วัน เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก และป้องกันขนพันกัน สุนัขชอบการแปรงขน เพราะเป็นเหมือนการนวด ช่วยทำให้ผ่อนคลาย พอวันไหนจะอาบน้ำ ก็ให้แปรงขนก่อนอาบน้ำสัก 1 รอบ ก็จะทำให้ช่วยสางเอาสิ่งสกปรก ขนร่วงที่ค้างอยู่ออกไป ทำให้การอาบน้ำได้สะอาดมากขึ้น




Step 2 อาบน้ำ - Bathing

หลายๆบ้านอาจจะมีคำถามว่าควรอาบน้ำสัตว์เลี้ยงบ่อยแค่ไหน สำหรับความถี่ในการอาบน้ำนั้นขึ้นกับแต่ละสายพันธุ์ และ Life style ของแต่ละตัว เช่น ความถี่การอาบน้ำสุนัขพันธุ์ขนสั้น จะน้อยกว่าสุนัขพันธุ์ขนยาว และความถี่การอาบน้ำของสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน จะน้อยกว่าสุนัขที่เลี้ยงอยู่นอกบ้านร่วมด้วย เป็นต้น แต่โดยทั่วไปประมาณทุก 1-3 สัปดาห์

ขั้นตอนการอาบน้ำสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก อาจจะใช้อ่างอาบน้ำ ร่วมด้วยก็ได้ โดยให้เริ่มเปิดน้ำเริ่มจากบริเวณหัว ลำตัว หาง และบริเวณท้อง ส่วนบริเวณหัวให้ใช้มือลูบบริเวณหัวเบาๆ จากนั้นค่อยๆ ชะโลมแชมพูที่ผสมน้ำลงบนตัวสุนัข สามารถใช้ฟองน้ำ หรือแปรงสำหรับอาบน้ำช่วยในการสางขนร่วมด้วยก็ได้ เน้นบริเวณเท้า ใต้ท้อง และหางเป็นพิเศษ เพราะเป็นบริเวณที่เข้าถึงยาก  อาบด้วยแชมพู 1-2 รอบก็ได้ หลังจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสะอาดจนหมดฟอง

Step 3 เป่าขน - Drying

   หลังจากอาบน้ำเสร็จให้สุนัขได้สะบัดตัว เพื่อให้น้ำส่วนเกินออกจากตัว จากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำให้ทั่วไปตัว สำหรับสุนัขตัวโต อาจจะต้องใช้ผ้าเช็ดตัวหลายผืน หลังใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำออกระดับนึงแล้ว สามารถใช้ไดร์เป่าขนร่วมด้วย เพื่อให้แห้งสนิทได้ แต่ข้อควรระวังคือสุนัขบางตัวจะกลัวเสียงไดร์มาก บางตัวก็อาจจะไม่ ดังนั้นจึงค่อยๆเริ่มเป่าจากเบาๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มหากสุนัขไม่แสดงอาการกลัว

Step 4 เช็ดหู และ ตัดเล็บ - Ear cleansing and Nail Clipping

การเช็ดหู สามารถใช้สำลีแห้งซับน้ำในหูออก และเช็ดรอบนอกใบหูให้สะอาด สามารถใช้สำลีพันก้านร่วมด้วย แต่ต้องระวังสำลีหลุดเข้ารูหูสุนัข ถ้าหากมีขี้หูปริมาณมาก อาจใช้น้ำยาล้างหูร่วมด้วยก็ได้ แต่ถ้าขี้หูมีสีดำ ร่วมกับมีอาการคัน อาจจะเกี่ยวข้องกับไรในหู ซึ่งควรได้รับการตรวจ และรักษาจากสัตวแพทย์

การตัดเล็บ สำหรับสุนัขบางตัวอาจจะไม่ชอบมากๆ ดังนั้นในการตัดเล็บควรมั่นใจว่าสุนัขจะนิ่งพอให้เราตัด อาจจะต้องมีการให้ขนม หรือมีคนช่วยจับในระหว่างนี้ แนะนำให้ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้กรรไกรตัดเล็บของคน เนื่องจากสรีระของ
เล็บที่แตกต่างกัน  สำหรับสุนัขที่มีเล็บสีขาว สามารถสังเกตุเนื้อเล็บสีชมพูด้านในเล็บได้ง่าย ให้เราตัดเล็บส่วนปลายอย่าให้ถึงเนื้อเล็บด้านใน และอย่าตัดสั้นจนเกินไป แต่ถ้าเป็นเล็บสีดำอาจจะสังเกตุได้ยาก ให้ค่อยๆตัดเล็มส่วนปลายเล็บ

Step 5 ให้รางวัล - Reward

ก่อนการอาบน้ำไม่ควรให้สุนัขทานอาหารก่อน เพราะอาจจะทำให้สุนัขรู้สึกไม่สบายท้องได้ โดยแนะนำให้ให้รางวัลเป็นขนมชิ้นเล็กๆ ที่สุนัขชอบ เพื่อเป็นรางวัล โดยสามารถให้หลังทำแต่ละขั้นตอนเสร็จ และให้ขนมร่วมกับกล่าวชมเมื่อทำทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้ไม่กลัวการอาบน้ำ ถ้าสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับการอาบน้ำครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปก็จะง่ายมากๆ ไม่ต้องบังคับ และการอาบน้ำจะเป็นอีกหนึ่งกิจจกรรมที่สุนัขของคุณรอคอย

1060
5 ขั้นตอน อาบน้ำสุนัขที่บ้านได้ง่ายๆ

Step 1 แปรงขน - Brushing

เพื่อการอาบน้ำที่ง่ายขึ้น และเพื่อสุขภาพผิวหนังที่ดีของสุนัข ควรแปรงขนสุนัขทุก 1 - 2 วัน เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก และป้องกันขนพันกัน สุนัขชอบการแปรงขน เพราะเป็นเหมือนการนวด ช่วยทำให้ผ่อนคลาย พอวันไหนจะอาบน้ำ ก็ให้แปรงขนก่อนอาบน้ำสัก 1 รอบ ก็จะทำให้ช่วยสางเอาสิ่งสกปรก ขนร่วงที่ค้างอยู่ออกไป ทำให้การอาบน้ำได้สะอาดมากขึ้น




Step 2 อาบน้ำ - Bathing

หลายๆบ้านอาจจะมีคำถามว่าควรอาบน้ำสัตว์เลี้ยงบ่อยแค่ไหน สำหรับความถี่ในการอาบน้ำนั้นขึ้นกับแต่ละสายพันธุ์ และ Life style ของแต่ละตัว เช่น ความถี่การอาบน้ำสุนัขพันธุ์ขนสั้น จะน้อยกว่าสุนัขพันธุ์ขนยาว และความถี่การอาบน้ำของสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน จะน้อยกว่าสุนัขที่เลี้ยงอยู่นอกบ้านร่วมด้วย เป็นต้น แต่โดยทั่วไปประมาณทุก 1-3 สัปดาห์

ขั้นตอนการอาบน้ำสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก อาจจะใช้อ่างอาบน้ำ ร่วมด้วยก็ได้ โดยให้เริ่มเปิดน้ำเริ่มจากบริเวณหัว ลำตัว หาง และบริเวณท้อง ส่วนบริเวณหัวให้ใช้มือลูบบริเวณหัวเบาๆ จากนั้นค่อยๆ ชะโลมแชมพูที่ผสมน้ำลงบนตัวสุนัข สามารถใช้ฟองน้ำ หรือแปรงสำหรับอาบน้ำช่วยในการสางขนร่วมด้วยก็ได้ เน้นบริเวณเท้า ใต้ท้อง และหางเป็นพิเศษ เพราะเป็นบริเวณที่เข้าถึงยาก  อาบด้วยแชมพู 1-2 รอบก็ได้ หลังจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสะอาดจนหมดฟอง

Step 3 เป่าขน - Drying

   หลังจากอาบน้ำเสร็จให้สุนัขได้สะบัดตัว เพื่อให้น้ำส่วนเกินออกจากตัว จากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำให้ทั่วไปตัว สำหรับสุนัขตัวโต อาจจะต้องใช้ผ้าเช็ดตัวหลายผืน หลังใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำออกระดับนึงแล้ว สามารถใช้ไดร์เป่าขนร่วมด้วย เพื่อให้แห้งสนิทได้ แต่ข้อควรระวังคือสุนัขบางตัวจะกลัวเสียงไดร์มาก บางตัวก็อาจจะไม่ ดังนั้นจึงค่อยๆเริ่มเป่าจากเบาๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มหากสุนัขไม่แสดงอาการกลัว

Step 4 เช็ดหู และ ตัดเล็บ - Ear cleansing and Nail Clipping

การเช็ดหู สามารถใช้สำลีแห้งซับน้ำในหูออก และเช็ดรอบนอกใบหูให้สะอาด สามารถใช้สำลีพันก้านร่วมด้วย แต่ต้องระวังสำลีหลุดเข้ารูหูสุนัข ถ้าหากมีขี้หูปริมาณมาก อาจใช้น้ำยาล้างหูร่วมด้วยก็ได้ แต่ถ้าขี้หูมีสีดำ ร่วมกับมีอาการคัน อาจจะเกี่ยวข้องกับไรในหู ซึ่งควรได้รับการตรวจ และรักษาจากสัตวแพทย์

การตัดเล็บ สำหรับสุนัขบางตัวอาจจะไม่ชอบมากๆ ดังนั้นในการตัดเล็บควรมั่นใจว่าสุนัขจะนิ่งพอให้เราตัด อาจจะต้องมีการให้ขนม หรือมีคนช่วยจับในระหว่างนี้ แนะนำให้ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้กรรไกรตัดเล็บของคน เนื่องจากสรีระของ
เล็บที่แตกต่างกัน  สำหรับสุนัขที่มีเล็บสีขาว สามารถสังเกตุเนื้อเล็บสีชมพูด้านในเล็บได้ง่าย ให้เราตัดเล็บส่วนปลายอย่าให้ถึงเนื้อเล็บด้านใน และอย่าตัดสั้นจนเกินไป แต่ถ้าเป็นเล็บสีดำอาจจะสังเกตุได้ยาก ให้ค่อยๆตัดเล็มส่วนปลายเล็บ

Step 5 ให้รางวัล - Reward

ก่อนการอาบน้ำไม่ควรให้สุนัขทานอาหารก่อน เพราะอาจจะทำให้สุนัขรู้สึกไม่สบายท้องได้ โดยแนะนำให้ให้รางวัลเป็นขนมชิ้นเล็กๆ ที่สุนัขชอบ เพื่อเป็นรางวัล โดยสามารถให้หลังทำแต่ละขั้นตอนเสร็จ และให้ขนมร่วมกับกล่าวชมเมื่อทำทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้ไม่กลัวการอาบน้ำ ถ้าสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับการอาบน้ำครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปก็จะง่ายมากๆ ไม่ต้องบังคับ และการอาบน้ำจะเป็นอีกหนึ่งกิจจกรรมที่สุนัขของคุณรอคอย

1061
DO & DON’T เคล็ดลับการดูแลสุขภาพน้องหมาให้สะอาดน่ากอดตั้งแต่หัวจรดหาง

เคล็ดลับการแปรงขน เราควรแปรงขนอย่างไร บ่อยแค่ไหน ?




DO    
   
เราควรเลือกแปรงให้เหมาะกับสภาพขนน้องหมาตามสายพันธุ์ ขนยาวละเอียดอย่าง น้องหมาพันธุ์ชิสุ ยอร์กเชียเทอร์เรีย หรือมอลทีส ควรใช้หวีแปรงที่มีความถี่ มีลักษณะเป็นซี่ๆเพื่อหวีได้ละเอียดช่วยให้เส้นขนไม่พันกัน ส่วนน้องหมาพันธุ์ขนยาว หรือขนหนาอย่างปอมเมอเรเนียน ไซบีเรียน โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ อาจจะต้องใช้แปรงที่มีลักษณะไม่ถี่มาก แต่สามารถเก็บขนที่ร่วงได้ดี ควรเน้นที่มักเกิดขนพันกันง่าย เช่นบริเวณลำคอ หาง ท้ายลำตัว โดยอย่างแปรงขนน้องหมาอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากตัว และป้องกันขนพันกันเป็นก้อน

DON’T       

ไม่ควรแปรงขนแรงเกินไป หรือสางสังกะตังแรงๆ อาจจะทำให้เกิดแผลบาดเจ็บได้ ไม่ควรบังคับน้องหมามาแปรงขน ควรเลือกช่วงเวลาที่ผ่อนคลายทั้งกับเจ้าของและตัวน้องหมาเอง

เคล็ดลับการอาบน้ำ อาบเองดีมั้ย อาบอย่างไรไม่ให้เป็นโรคผิวหนัง ?

DO   
   
สามารถอาบเองได้ ถ้าเรามีเวลามากพอ เพราะแต่ละตัวใช้เวลาไม่เท่ากัน ควรผสมแชมพูกับน้ำแยกในภาชนะ แล้วชะโลมลงบนตัวสุนัข ไม่แนะนำให้ ราดแชมพูลงบนตัวสุนัขโดยตรง เพราะแชมพูอาจจะเข้มข้นเกินไป และอาจจะทำให้เกิดอาหารแพ้ หรือล้างไม่สะอาด  ควรเป่าขนด้วยลมเย็น หรือลมร้อนระดับต่ำ และที่สำคัญสุดคือต้องเป่าให้แห้งเสมอ ทุกซอกทุกมุม เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังตามมา

DON’T   

เวลาอาบน้ำ ห้ามราดน้ำหรือใช้สายยางฉีดโดยตรงบริเวณหน้า เพราะอาจทำให้น้ำ เข้าหู และตาเกิดการระคายเคืองตามมาได้ หลังการอาบน้ำห้ามนำเอาสุนัขไปตากแดดทุกกรณี

เคล็ดลับการตัดเล็บ ตัดเล็บน้องหมายากเหลือเกิน ทำอย่างไรดี ?

DO    
   

พาสุนัขออกไปเดินเล่นบ้าง เพื่อช่วยฝนเล็บไปในตัว สามารถลดความถี่ในการตัดเล็บลงได้ ควรเริ่มฝึกตัดเล็บตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เพื่อให้คุ้นชินและไม่กลัวและควรให้รางวัล อาจจะเป็นขนมชิ้นเล็กๆ เมื่อทำแต่ละขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสุนัข

DON’T      

เจ้าของบางคนอาจจะคิดว่าเวลาตัดเล็บให้สุนัข ควรตัดเล็บให้สั้นๆ จะได้ๆไม่ต้องตัดบ่อยๆ อาจจะทำให้สุนัขไม่สบายเท้าเวลาเดิน หรืออาจจะมีเลือดออกได้ หรือถ้าบางตัวเป็นนักขุด อาจจะไม่ต้องตัดให้สั้น หรือเจ้าของสุนัขบางคนปล่อยไว้จนยาวเกินไป หรือบางตัวเล็บอื่นๆสั้นหมดมีเพียงนิ้วติ่งที่เล็บยาว ซึ่งถ้าปล่อยเล็บนิ้วติ่งยาว อาจจะยาวจนทิ่มเนื้อเกิดแผลตามได้ เราจึงต้องคอยสังเกตุนิ้วติ่งนี้ไว้ด้วย



1062
DO & DON’T เคล็ดลับการดูแลสุขภาพน้องหมาให้สะอาดน่ากอดตั้งแต่หัวจรดหาง

เคล็ดลับการแปรงขน เราควรแปรงขนอย่างไร บ่อยแค่ไหน ?




DO    
   
เราควรเลือกแปรงให้เหมาะกับสภาพขนน้องหมาตามสายพันธุ์ ขนยาวละเอียดอย่าง น้องหมาพันธุ์ชิสุ ยอร์กเชียเทอร์เรีย หรือมอลทีส ควรใช้หวีแปรงที่มีความถี่ มีลักษณะเป็นซี่ๆเพื่อหวีได้ละเอียดช่วยให้เส้นขนไม่พันกัน ส่วนน้องหมาพันธุ์ขนยาว หรือขนหนาอย่างปอมเมอเรเนียน ไซบีเรียน โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ อาจจะต้องใช้แปรงที่มีลักษณะไม่ถี่มาก แต่สามารถเก็บขนที่ร่วงได้ดี ควรเน้นที่มักเกิดขนพันกันง่าย เช่นบริเวณลำคอ หาง ท้ายลำตัว โดยอย่างแปรงขนน้องหมาอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากตัว และป้องกันขนพันกันเป็นก้อน

DON’T       

ไม่ควรแปรงขนแรงเกินไป หรือสางสังกะตังแรงๆ อาจจะทำให้เกิดแผลบาดเจ็บได้ ไม่ควรบังคับน้องหมามาแปรงขน ควรเลือกช่วงเวลาที่ผ่อนคลายทั้งกับเจ้าของและตัวน้องหมาเอง

เคล็ดลับการอาบน้ำ อาบเองดีมั้ย อาบอย่างไรไม่ให้เป็นโรคผิวหนัง ?

DO   
   
สามารถอาบเองได้ ถ้าเรามีเวลามากพอ เพราะแต่ละตัวใช้เวลาไม่เท่ากัน ควรผสมแชมพูกับน้ำแยกในภาชนะ แล้วชะโลมลงบนตัวสุนัข ไม่แนะนำให้ ราดแชมพูลงบนตัวสุนัขโดยตรง เพราะแชมพูอาจจะเข้มข้นเกินไป และอาจจะทำให้เกิดอาหารแพ้ หรือล้างไม่สะอาด  ควรเป่าขนด้วยลมเย็น หรือลมร้อนระดับต่ำ และที่สำคัญสุดคือต้องเป่าให้แห้งเสมอ ทุกซอกทุกมุม เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังตามมา

DON’T   

เวลาอาบน้ำ ห้ามราดน้ำหรือใช้สายยางฉีดโดยตรงบริเวณหน้า เพราะอาจทำให้น้ำ เข้าหู และตาเกิดการระคายเคืองตามมาได้ หลังการอาบน้ำห้ามนำเอาสุนัขไปตากแดดทุกกรณี

เคล็ดลับการตัดเล็บ ตัดเล็บน้องหมายากเหลือเกิน ทำอย่างไรดี ?

DO    
   

พาสุนัขออกไปเดินเล่นบ้าง เพื่อช่วยฝนเล็บไปในตัว สามารถลดความถี่ในการตัดเล็บลงได้ ควรเริ่มฝึกตัดเล็บตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เพื่อให้คุ้นชินและไม่กลัวและควรให้รางวัล อาจจะเป็นขนมชิ้นเล็กๆ เมื่อทำแต่ละขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสุนัข

DON’T      

เจ้าของบางคนอาจจะคิดว่าเวลาตัดเล็บให้สุนัข ควรตัดเล็บให้สั้นๆ จะได้ๆไม่ต้องตัดบ่อยๆ อาจจะทำให้สุนัขไม่สบายเท้าเวลาเดิน หรืออาจจะมีเลือดออกได้ หรือถ้าบางตัวเป็นนักขุด อาจจะไม่ต้องตัดให้สั้น หรือเจ้าของสุนัขบางคนปล่อยไว้จนยาวเกินไป หรือบางตัวเล็บอื่นๆสั้นหมดมีเพียงนิ้วติ่งที่เล็บยาว ซึ่งถ้าปล่อยเล็บนิ้วติ่งยาว อาจจะยาวจนทิ่มเนื้อเกิดแผลตามได้ เราจึงต้องคอยสังเกตุนิ้วติ่งนี้ไว้ด้วย



1063
DO & DON’T เคล็ดลับการดูแลสุขภาพน้องหมาให้สะอาดน่ากอดตั้งแต่หัวจรดหาง

เคล็ดลับการแปรงขน เราควรแปรงขนอย่างไร บ่อยแค่ไหน ?




DO    
   
เราควรเลือกแปรงให้เหมาะกับสภาพขนน้องหมาตามสายพันธุ์ ขนยาวละเอียดอย่าง น้องหมาพันธุ์ชิสุ ยอร์กเชียเทอร์เรีย หรือมอลทีส ควรใช้หวีแปรงที่มีความถี่ มีลักษณะเป็นซี่ๆเพื่อหวีได้ละเอียดช่วยให้เส้นขนไม่พันกัน ส่วนน้องหมาพันธุ์ขนยาว หรือขนหนาอย่างปอมเมอเรเนียน ไซบีเรียน โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ อาจจะต้องใช้แปรงที่มีลักษณะไม่ถี่มาก แต่สามารถเก็บขนที่ร่วงได้ดี ควรเน้นที่มักเกิดขนพันกันง่าย เช่นบริเวณลำคอ หาง ท้ายลำตัว โดยอย่างแปรงขนน้องหมาอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากตัว และป้องกันขนพันกันเป็นก้อน

DON’T       

ไม่ควรแปรงขนแรงเกินไป หรือสางสังกะตังแรงๆ อาจจะทำให้เกิดแผลบาดเจ็บได้ ไม่ควรบังคับน้องหมามาแปรงขน ควรเลือกช่วงเวลาที่ผ่อนคลายทั้งกับเจ้าของและตัวน้องหมาเอง

เคล็ดลับการอาบน้ำ อาบเองดีมั้ย อาบอย่างไรไม่ให้เป็นโรคผิวหนัง ?

DO   
   
สามารถอาบเองได้ ถ้าเรามีเวลามากพอ เพราะแต่ละตัวใช้เวลาไม่เท่ากัน ควรผสมแชมพูกับน้ำแยกในภาชนะ แล้วชะโลมลงบนตัวสุนัข ไม่แนะนำให้ ราดแชมพูลงบนตัวสุนัขโดยตรง เพราะแชมพูอาจจะเข้มข้นเกินไป และอาจจะทำให้เกิดอาหารแพ้ หรือล้างไม่สะอาด  ควรเป่าขนด้วยลมเย็น หรือลมร้อนระดับต่ำ และที่สำคัญสุดคือต้องเป่าให้แห้งเสมอ ทุกซอกทุกมุม เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังตามมา

DON’T   

เวลาอาบน้ำ ห้ามราดน้ำหรือใช้สายยางฉีดโดยตรงบริเวณหน้า เพราะอาจทำให้น้ำ เข้าหู และตาเกิดการระคายเคืองตามมาได้ หลังการอาบน้ำห้ามนำเอาสุนัขไปตากแดดทุกกรณี

เคล็ดลับการตัดเล็บ ตัดเล็บน้องหมายากเหลือเกิน ทำอย่างไรดี ?

DO    
   

พาสุนัขออกไปเดินเล่นบ้าง เพื่อช่วยฝนเล็บไปในตัว สามารถลดความถี่ในการตัดเล็บลงได้ ควรเริ่มฝึกตัดเล็บตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เพื่อให้คุ้นชินและไม่กลัวและควรให้รางวัล อาจจะเป็นขนมชิ้นเล็กๆ เมื่อทำแต่ละขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสุนัข

DON’T      

เจ้าของบางคนอาจจะคิดว่าเวลาตัดเล็บให้สุนัข ควรตัดเล็บให้สั้นๆ จะได้ๆไม่ต้องตัดบ่อยๆ อาจจะทำให้สุนัขไม่สบายเท้าเวลาเดิน หรืออาจจะมีเลือดออกได้ หรือถ้าบางตัวเป็นนักขุด อาจจะไม่ต้องตัดให้สั้น หรือเจ้าของสุนัขบางคนปล่อยไว้จนยาวเกินไป หรือบางตัวเล็บอื่นๆสั้นหมดมีเพียงนิ้วติ่งที่เล็บยาว ซึ่งถ้าปล่อยเล็บนิ้วติ่งยาว อาจจะยาวจนทิ่มเนื้อเกิดแผลตามได้ เราจึงต้องคอยสังเกตุนิ้วติ่งนี้ไว้ด้วย



1064
DO & DON’T เคล็ดลับการดูแลสุขภาพน้องหมาให้สะอาดน่ากอดตั้งแต่หัวจรดหาง

เคล็ดลับการแปรงขน เราควรแปรงขนอย่างไร บ่อยแค่ไหน ?




DO    
   
เราควรเลือกแปรงให้เหมาะกับสภาพขนน้องหมาตามสายพันธุ์ ขนยาวละเอียดอย่าง น้องหมาพันธุ์ชิสุ ยอร์กเชียเทอร์เรีย หรือมอลทีส ควรใช้หวีแปรงที่มีความถี่ มีลักษณะเป็นซี่ๆเพื่อหวีได้ละเอียดช่วยให้เส้นขนไม่พันกัน ส่วนน้องหมาพันธุ์ขนยาว หรือขนหนาอย่างปอมเมอเรเนียน ไซบีเรียน โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ อาจจะต้องใช้แปรงที่มีลักษณะไม่ถี่มาก แต่สามารถเก็บขนที่ร่วงได้ดี ควรเน้นที่มักเกิดขนพันกันง่าย เช่นบริเวณลำคอ หาง ท้ายลำตัว โดยอย่างแปรงขนน้องหมาอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากตัว และป้องกันขนพันกันเป็นก้อน

DON’T       

ไม่ควรแปรงขนแรงเกินไป หรือสางสังกะตังแรงๆ อาจจะทำให้เกิดแผลบาดเจ็บได้ ไม่ควรบังคับน้องหมามาแปรงขน ควรเลือกช่วงเวลาที่ผ่อนคลายทั้งกับเจ้าของและตัวน้องหมาเอง

เคล็ดลับการอาบน้ำ อาบเองดีมั้ย อาบอย่างไรไม่ให้เป็นโรคผิวหนัง ?

DO   
   
สามารถอาบเองได้ ถ้าเรามีเวลามากพอ เพราะแต่ละตัวใช้เวลาไม่เท่ากัน ควรผสมแชมพูกับน้ำแยกในภาชนะ แล้วชะโลมลงบนตัวสุนัข ไม่แนะนำให้ ราดแชมพูลงบนตัวสุนัขโดยตรง เพราะแชมพูอาจจะเข้มข้นเกินไป และอาจจะทำให้เกิดอาหารแพ้ หรือล้างไม่สะอาด  ควรเป่าขนด้วยลมเย็น หรือลมร้อนระดับต่ำ และที่สำคัญสุดคือต้องเป่าให้แห้งเสมอ ทุกซอกทุกมุม เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังตามมา

DON’T   

เวลาอาบน้ำ ห้ามราดน้ำหรือใช้สายยางฉีดโดยตรงบริเวณหน้า เพราะอาจทำให้น้ำ เข้าหู และตาเกิดการระคายเคืองตามมาได้ หลังการอาบน้ำห้ามนำเอาสุนัขไปตากแดดทุกกรณี

เคล็ดลับการตัดเล็บ ตัดเล็บน้องหมายากเหลือเกิน ทำอย่างไรดี ?

DO    
   

พาสุนัขออกไปเดินเล่นบ้าง เพื่อช่วยฝนเล็บไปในตัว สามารถลดความถี่ในการตัดเล็บลงได้ ควรเริ่มฝึกตัดเล็บตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เพื่อให้คุ้นชินและไม่กลัวและควรให้รางวัล อาจจะเป็นขนมชิ้นเล็กๆ เมื่อทำแต่ละขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสุนัข

DON’T      

เจ้าของบางคนอาจจะคิดว่าเวลาตัดเล็บให้สุนัข ควรตัดเล็บให้สั้นๆ จะได้ๆไม่ต้องตัดบ่อยๆ อาจจะทำให้สุนัขไม่สบายเท้าเวลาเดิน หรืออาจจะมีเลือดออกได้ หรือถ้าบางตัวเป็นนักขุด อาจจะไม่ต้องตัดให้สั้น หรือเจ้าของสุนัขบางคนปล่อยไว้จนยาวเกินไป หรือบางตัวเล็บอื่นๆสั้นหมดมีเพียงนิ้วติ่งที่เล็บยาว ซึ่งถ้าปล่อยเล็บนิ้วติ่งยาว อาจจะยาวจนทิ่มเนื้อเกิดแผลตามได้ เราจึงต้องคอยสังเกตุนิ้วติ่งนี้ไว้ด้วย



1065
5 อาการฉุกเฉินในสุนัขและแมว ที่ต้องพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

   อาการฉุกเฉินหลายๆ อาการเจ้าของสุนัขและแมวพอจะทราบ และสามารถรู้ได้ว่าเป็นอาการฉุกเฉินไม่สามารถรอได้ เช่น อาการเลือดออก ถูกรถชน ชัก หมดสติ ไม่มีแรง มีไข้สูง หรือถูกงูกัด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆที่ยังถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉินและจำเป็นต้องพาน้องหมา น้องแมวเข้าพบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุดเช่นกัน



1.   หายใจติดขัด หายใจผิดปกติ

อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน คือ อาการหายใจลำบาก (Dyspnea) โดยน้องหมาน้องแมว จะแสดงอาการ อ้าปากหายใจ ยืดคอหรือแหงนหน้าพยายามจะหายใจ เยื่อเมือกบริเวณเหงือกและลิ้นมีสีคล้ำลง หรือเป็นสีม่วง อัตราการหายใจสูงกว่าปกติ (อัตราการหายใจปกติ 12-24 ครั้งต่อนาทีในสุนัข, 20-30 ครั้งต่อนาทีในแมว) เหนื่อยง่าย บางตัวจะกระวนกระวาย ไม่ยอมนอน เพราะว่าหายใจไม่ออก ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่พามาพบสัตวแพทย์ให้ทันเวลาอาจจะเกิดภาวะระบบทางเดินหายใจลิ้มเหลวเฉียบพลัน และเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ หากมีอาการหายใจลำบาก อาจจะมีได้หลายสาเหตุ ทั้งจากโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเอง เช่น โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โรคหลอดลมตีบ มีสิ่งอุดตันทางเดินหายใจ หรือโรคหัวใจ จึงควรรีบพาน้องหมาน้องแมวที่มีอาการไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคทันที

2.   ปัสสาวะไม่ออก ปวดเบ่งปัสสาวะ

อาการปัสสาวะไม่ออก ปวดเบ่งปัสสาวะ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินเช่นกัน หากปล่อยไว้อาจจะทำให้สุนัขและแมวเกิดภาวะ
ไตวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ โดยน้องแมวจะแสดงอาการ เข้าออกกระบะทรายบ่อย แต่ไม่พบปัสสาวะหรืออุจาระ ปัสสาวะนอกกระบะทราย หรือบริเวณรอบๆอวัยวะเพศจะเปียกปัสสาวะตลอด ส่วนน้องหมาก็จะพยายามเบ่งปัสสาวะ ยืนปัสสาวะนาน สุนัขตัวผู้อาจจะไม่ยกขาฉี่ แต่จะนั่งยองเหมือนน้องสุนัขเพศเมียแทน เนื่องจากเขาเบ่งปัสสาวะนาน แต่เบ่งไม่ออก

3.   เบ่งคลอด แต่ไม่มีลูกออกมา

โดยทั่วไปน้องหมาและน้องแมวจะตั้งท้องประมาณ 60 วัน ในช่วงวันใกล้คลอดอาจจะพยายามหาที่คลอดตามบริเวณที่เงียบสงบภายในบ้าน เจ้าของควรติดตามดูอาการคลอดใกล้ชิด หากพบว่าน้องหมาน้องแมวของเรามีการเบ่งคลอด แต่ไม่มีลูกออกมาภายใน 30 นาทีหลังแสดงอาการเบ่ง หรือระยะห่างของลูกแต่ละตัวเกิน 1 ชั่วโมง ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ อาจจะมีปัญหาลูกตัวใหญ่เกิน ลูกผิดท่า และถ้าปล่อยไว้นานๆแม่อาจจะหมดแรงเบ่ง ทำให้ลูกเสียชีวิตต่อมาได้

4.   อาเจียนติดต่อกันหลายครั้ง

อาการอาเจียนในสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะในลูกสุนัขและลูกแมวติดต่อกันหลายๆครั้ง เป็นสาเหตุให้สูญเสียแร่ธาตุ และอิเล็คโตรไลท์เป็นจำนวนมาก หรือบางตัวอาจจะอาเจียนเพราะไปกินส่งแปลกปลอม หรือสารพิษเข้าไป ถ้าเป็นการกินสารพิษจำเป็นต้องได้รับการล้างท้องภายใน 4 ชั่วโมงหลังจากกินเข้าไป หากอาเจียนหลายครั้งสุนัขและแมวอาจจะแสดงอาการไม่มีแรง เกิดภาวะขาดน้ำ เหงือกแห้ง จมูกแห้ง และบางตัวอาจเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ช็อคและเสียชีวิตได้ หากปล่อยไว้หลายวันอาจจะทำให้ยากต่อการรักษา อาการอาเจียนเป็นหนึ่งในอาการร่วมของหลายๆโรค ดังนั้นการพาน้องหมาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อทำการวินิจฉัยโรคจะดีที่สุด

5.   เหงือกซีด ไม่มีแรง

อาการเหงือกซีด หมดแรง นอนไม่ลุก ไม่ขยับร่างกาย อาจจะบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำรุนแรงจากการไม่ได้กินอาหาร หรือกินน้ำมาหลายวัน หรือมีอาการอาเจียนถ่ายเหลวเป็นจำนวนมากทำให้เกิดการขาดน้ำ ปกติสีเหงือกของสุนัขชุ่มชื้นและเป็นสีชมพู  น้องแมวอาจจะมีสีเหงือกเป็นสีชมพูอ่อนกว่าในสุนัข ซึ่งเหงือกสีชมพูแสดงถึงการไหลเวียนของเลือดเป็นปกติดี หรือมีปริมาณเม็ดเลือดแดงในน้ำเลือดระดับปกติ หากพบอาการเหงือกซีดเป็นสีขาว จึงอาจจะบ่งบอกถึงภาวะโลหิตจางรุนแรง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจากการสูญเสียเลือดปริมาณมากหรือเกิดจากมีจำนวนเม็ดเลือดในน้ำเลือดน้อยกว่าปกติ

   หากเจ้าของน้องหมาและน้องแมวพบอาการเหล่านี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรดูแลอาการอย่างใกล้ชิดและพาน้องหมาน้องแมวของเราไปพบสัตวแพทย์ หรือปรึกษาอาการกับสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด