แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

8416
วิธีการเลือกซื้อน้องหมา
ควรเลือกตามหลักการดังนี้
1.ให้ศึกษานิสัย ใจคอ ตลอดจนความต้องการของคุณและตัวสุนัขเสียก่อนว่า คุณต้องการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใดและวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงเพื่ออะไร เพราะสุนัขแต่ละชนิดแต่ละพันธุ์มีนิสัยใจคอ หรือมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน
2.ให้ซื้อลูกสุนัขจากฟาร์มที่ใหญ่ ดี มีชื่อเสียง มีมาตรฐานเท่านั้น เพราะจะทำให้คุณไม่ถูกหลอกขายสุนัข จะได้ไม่ต้องเสียงใจในภายหลัง
3.ให้เลือกลูกสุนัขที่เป็นสุนัขสายพันธุ์แท้เท่านั้น โดยจะต้องมีคุณสมบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานสายพันธุ์ที่กำหนด ให้เลือกเอาชนิดที่โครงสร้างใหญ่ สมส่วนไว้ก่อน โดยสุนัขตัวนั้นๆจะต้องมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และร่าเริงอยู่เสมอ โดยจะต้องไม่เป็นสุนัขที่ขี้ขลาดหรือ มีความก้าวร้าวอย่างเด็ดขาด
4.ให้ดูที่พ่อ-แม่พันธุ์เป็นหลัก คือพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์จะต้องมีความสวยงามสง่า และที่สำคัญขณะอยู่กับเจ้าของหรือครูฝึกจะต้องไม่แสดงความก้าวร้าว หรือความดุร้ายออกให้เห็นโดยเด็ดขาด เพราะลักษณะที่ไม่ดีดังกล่าวอาจจะมีการถ่ายทอดสายเลือดทางพันธุ์กรรมต่อไปในอนาคต
5.ขนสะอาดและนุ่มนิ่ม ผิวหนังไม่ลอก ตกสะเก็ด ไม่มีเห็บหรือหมัด
6.รูปร่างสมส่วนกับสายพันธุ์ ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป
7.ลูกสุนัขควรหย่านมแล้ว (6 สัปดาห์ขึ้นไป หรือมาก-น้อย ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์)
8.ดูบริเวณใต้โคนหาง  ไม่ควรมีคราบอุจจาระเปรอะเปื้อน  ซึ่งแสดงถึงอาการท้องร่วง
9.ให้ดูที่สายพันธุ์ประวัติของสุนัข (Pedigree) หากพ่อ, แม่, ปู่, ย่า, ตา, ยาย, ทวด มีสายเลือดที่ดีมีผลการประกวดระดับแชมป์ หรือ เป็นแชมป์ด้วยก็จะดีมาก เพราะจะทำให้สุนัขตัวที่คุณจะซื้อจะมีความสามารถมากขึ้นในการถ่ายลูกชุดต่อไปเพราะเคยมีประวัติของบรรพบุรุษที่ดีในการถ่ายลูกมาแล้ว
10.ก่อนจะซื้อสุนัขให้ถามถึงประวัติของการฉีดวัคซีนและการถ่ายพยาธิ์ ด้วยว่าจัดการครบหรือไม่อย่างไร หากยังไม่เรียบร้อยรีบไปปรึกษาสัตว์แพทย์โดยทันที

8417
อัพเดตข่าวหมา / ชีวิต ของ เจ้าหมา
« เมื่อ: 06 ธ.ค. 56, 14:01:34น. »

           “หมา”หรือสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงตั้งแต่อดีตกาลผ่านมาหลายยุคหลายสมัยถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งหมาก็ยังคงดำรงความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเอาไว้ในสายเลือดของมันที่มีต่อเจ้าของไม่เสื่อมคลาย 
           แต่ก่อนนั้นมนุษย์เลี้ยงสุนัขเอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์โดยการเฝ้าฝูงสัตว์ ล่าสัตว์ เฝ้าสวน เฝ้าไร่ และที่สำคัญเลี้ยงไว้ด้วยความรัก แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าเจ้าของที่พวกมันเคารพและซื่อสัตย์เป็นคนทำลายน้ำใจของมันโดยสิ้นเชิง เลี้ยงพวกมันเพียงเพราะว่า ตอนเด็กๆดูน่ารัก น่าเอ็นดู หรือการเลี้ยงไม่ได้ตั้งใจเพราะต้องการตามใจลูก เลี้ยงโดยไม่ได้รักมันจากใจจริง เพราะว่า “เบื่อ”

           เมื่อหมดความรัก พอพวกมันโตขึ้น ดูขี้เหร่ไม่น่ารัก ซน เกเร ดุ กัด ทำลายข้าวของ ขี้โรค หรืออะไรก็ตามที่มนุษย์สรรหามาเพื่อเพราะต้องการจะทิ้งพวกมันอยู่แล้ว
           

           แล้วเมื่อพวกมันถูกอัปเปหิออกจากรั้วบ้าน จาก "หมาบ้าน” ก็กลายเป็น ”หมาจรจัด” โดยที่มันไม่อยากจะเป็นแม้แต่น้อย และเหตุนี้จึงกลายเป็นปัญหาของสังคมในปัจจุบัน ถึงจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรก็ทำได้ยากเพราะมนุษย์มุ่งประเด็นไปที่สุนัข แต่ไม่มองเลยว่าที่จริงแล้วใครกันที่สมควรรับผิดชอบกับปัญหาเหล่านี้

           หมาถูกนำไปทิ้งที่ไหน? เจ้าของคงคิดว่าที่ไหนก็ได้ที่มีอาหารเพียงพอที่จะไม่ให้หมาอดตาย ดูเหมือนว่าเจ้าของจะมีความคิด แต่เปล่า กลับสร้างปัญหามากขึ้นเท่านั้น วัดอาจจะเป็นความคิดแรก ซึ่งเจ้าของอาจจะคิดว่าวัดนั้นดีที่สุดสำหรับมัน แต่วัดเองก็ไม่สามารถที่จะดูแลหรือหาอาหารมาเลี้ยง ”หมาวัด” เหล่านี้ได้ทั้งหมด แถมยังส่งมันไปสนามรบอันดุเดือดของ ”หมานักเลง” ที่ต้องต่อสู้เพื่อหาอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัด ต้องปรับตัวให้เข้ากลับกลุ่มสุนัขเจ้าถิ่นเพื่อความอยู่รอด หากไม่สามารถเข้ากับพวกมาเหล่านั้นได้ ความหมายเดียวคือ ตาย..
 
           หากเจ้าของไม่มีความคิด ไม่มีความกรุณา สงสาร เพียงแต่ต้องการกำจัดทิ้งแล้วปล่อยพวกมันกลายเป็น ”หมาข้างทาง” บนท้องถนนที่แสนน่ากลัว อันตราย การอาศัยอยู่อย่างไร้จุดหมาย ทำให้พวกมันต้องพบเจออุบัติเหตุบ่อยครั้ง มักถูกรถยนต์วิ่งทับเป็นประจำ ระหว่างข้ามถนนหรือแม้กระทั่งนอนหลับอยู่บนขอบข้างทางยังไม่เว้นถูกรถชน กลายเป็น ”หมาเน่า” ปล่อยกลิ่นอบอวล นอนอืดตายอยู่ข้างทาง เป็นภาพที่ไม่น่ามอง โดยไม่มีใครสนใจที่จะนำมันไปฝังลงดินแม้แต่น้อย คงจะมีแต่เทศบาลที่ทำได้แค่ทิ้งลงถังขยะเท่านั้น กลายเป็น ”หมาขยะ” ที่ไม่มีใครเหลียวและ             

          สิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่ต้องเกิดขึ้นกับเจ้าหมาเหล่านี้ คือการกลายมาเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าคนชอบของแปลก กลายมาเป็น ”หมาอร่อย” ที่เหล่านักเปิบพิสดารนั้นชื่นชอบ การขายสุนัขแล้วกำจัดพวกมันโดยวิธีนี้ เป็นวิธีที่โหดร้ายทารุณที่สุด แววตาที่อ่อนแสงแสดงความเป็นมิตรรอคอยความช่วยเหลือ ที่ฉายออกมาให้เห็นก่อนที่จะถูกเชือดทิ้ง ชีวิตที่ดูหมดหวัง.. ซึ่งความหวังที่มันเคยมีมาทั้งหมดนั้นได้หายไปตั้งแต่เจ้าของที่มันรักปล่อยทิ้งมันไปตั้งแต่แรกแล้ว
               
           ความหมายของคำว่า ”หมา” ที่จริงแล้วเราตีความไว้อย่างไรกันแน่ หมาโง่ หมาวัด หมาจรจัด หรืออะไรก็ตาม แต่ความหมายของมันที่ได้แสดงออกมานั้นมันไม่ยากที่จะเข้าใจแม้แต่น้อย ความจริงใจ ไม่เสแสร้ง จงรักภักดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญหมามันไม่สนใจหรอกว่าเจ้าของมันจะขี้เหร่ พิการ เป็นขโมย เป็นอาชญากรรม หรืออะไรก็ตาม สิ่งเดียวที่มันคิดคือ “รัก” ยิ่งกว่าชีวิตของมันเอง ถึงจะเป็น ”หมาน่าโง่” ที่ไม่มีใครเหลียวแล ละทิ้งพวกมันอย่างไม่มีความอาลัยอาวรณ์ เพียงเพราะว่าไม่รักมัน แต่หมามันไม่มีเหตุผลอะไรนอกเหนือไปจากเป็น ”หมาที่รักเจ้าของอย่างสุดหัวใจ”

ที่มา exteen blog

8418
อัพเดตข่าวหมา / ชีวิต ของ เจ้าหมา
« เมื่อ: 06 ธ.ค. 56, 14:01:34น. »

           “หมา”หรือสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงตั้งแต่อดีตกาลผ่านมาหลายยุคหลายสมัยถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งหมาก็ยังคงดำรงความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเอาไว้ในสายเลือดของมันที่มีต่อเจ้าของไม่เสื่อมคลาย 
           แต่ก่อนนั้นมนุษย์เลี้ยงสุนัขเอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์โดยการเฝ้าฝูงสัตว์ ล่าสัตว์ เฝ้าสวน เฝ้าไร่ และที่สำคัญเลี้ยงไว้ด้วยความรัก แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าเจ้าของที่พวกมันเคารพและซื่อสัตย์เป็นคนทำลายน้ำใจของมันโดยสิ้นเชิง เลี้ยงพวกมันเพียงเพราะว่า ตอนเด็กๆดูน่ารัก น่าเอ็นดู หรือการเลี้ยงไม่ได้ตั้งใจเพราะต้องการตามใจลูก เลี้ยงโดยไม่ได้รักมันจากใจจริง เพราะว่า “เบื่อ”

           เมื่อหมดความรัก พอพวกมันโตขึ้น ดูขี้เหร่ไม่น่ารัก ซน เกเร ดุ กัด ทำลายข้าวของ ขี้โรค หรืออะไรก็ตามที่มนุษย์สรรหามาเพื่อเพราะต้องการจะทิ้งพวกมันอยู่แล้ว
           

           แล้วเมื่อพวกมันถูกอัปเปหิออกจากรั้วบ้าน จาก "หมาบ้าน” ก็กลายเป็น ”หมาจรจัด” โดยที่มันไม่อยากจะเป็นแม้แต่น้อย และเหตุนี้จึงกลายเป็นปัญหาของสังคมในปัจจุบัน ถึงจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรก็ทำได้ยากเพราะมนุษย์มุ่งประเด็นไปที่สุนัข แต่ไม่มองเลยว่าที่จริงแล้วใครกันที่สมควรรับผิดชอบกับปัญหาเหล่านี้

           หมาถูกนำไปทิ้งที่ไหน? เจ้าของคงคิดว่าที่ไหนก็ได้ที่มีอาหารเพียงพอที่จะไม่ให้หมาอดตาย ดูเหมือนว่าเจ้าของจะมีความคิด แต่เปล่า กลับสร้างปัญหามากขึ้นเท่านั้น วัดอาจจะเป็นความคิดแรก ซึ่งเจ้าของอาจจะคิดว่าวัดนั้นดีที่สุดสำหรับมัน แต่วัดเองก็ไม่สามารถที่จะดูแลหรือหาอาหารมาเลี้ยง ”หมาวัด” เหล่านี้ได้ทั้งหมด แถมยังส่งมันไปสนามรบอันดุเดือดของ ”หมานักเลง” ที่ต้องต่อสู้เพื่อหาอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัด ต้องปรับตัวให้เข้ากลับกลุ่มสุนัขเจ้าถิ่นเพื่อความอยู่รอด หากไม่สามารถเข้ากับพวกมาเหล่านั้นได้ ความหมายเดียวคือ ตาย..
 
           หากเจ้าของไม่มีความคิด ไม่มีความกรุณา สงสาร เพียงแต่ต้องการกำจัดทิ้งแล้วปล่อยพวกมันกลายเป็น ”หมาข้างทาง” บนท้องถนนที่แสนน่ากลัว อันตราย การอาศัยอยู่อย่างไร้จุดหมาย ทำให้พวกมันต้องพบเจออุบัติเหตุบ่อยครั้ง มักถูกรถยนต์วิ่งทับเป็นประจำ ระหว่างข้ามถนนหรือแม้กระทั่งนอนหลับอยู่บนขอบข้างทางยังไม่เว้นถูกรถชน กลายเป็น ”หมาเน่า” ปล่อยกลิ่นอบอวล นอนอืดตายอยู่ข้างทาง เป็นภาพที่ไม่น่ามอง โดยไม่มีใครสนใจที่จะนำมันไปฝังลงดินแม้แต่น้อย คงจะมีแต่เทศบาลที่ทำได้แค่ทิ้งลงถังขยะเท่านั้น กลายเป็น ”หมาขยะ” ที่ไม่มีใครเหลียวและ             

          สิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่ต้องเกิดขึ้นกับเจ้าหมาเหล่านี้ คือการกลายมาเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าคนชอบของแปลก กลายมาเป็น ”หมาอร่อย” ที่เหล่านักเปิบพิสดารนั้นชื่นชอบ การขายสุนัขแล้วกำจัดพวกมันโดยวิธีนี้ เป็นวิธีที่โหดร้ายทารุณที่สุด แววตาที่อ่อนแสงแสดงความเป็นมิตรรอคอยความช่วยเหลือ ที่ฉายออกมาให้เห็นก่อนที่จะถูกเชือดทิ้ง ชีวิตที่ดูหมดหวัง.. ซึ่งความหวังที่มันเคยมีมาทั้งหมดนั้นได้หายไปตั้งแต่เจ้าของที่มันรักปล่อยทิ้งมันไปตั้งแต่แรกแล้ว
               
           ความหมายของคำว่า ”หมา” ที่จริงแล้วเราตีความไว้อย่างไรกันแน่ หมาโง่ หมาวัด หมาจรจัด หรืออะไรก็ตาม แต่ความหมายของมันที่ได้แสดงออกมานั้นมันไม่ยากที่จะเข้าใจแม้แต่น้อย ความจริงใจ ไม่เสแสร้ง จงรักภักดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญหมามันไม่สนใจหรอกว่าเจ้าของมันจะขี้เหร่ พิการ เป็นขโมย เป็นอาชญากรรม หรืออะไรก็ตาม สิ่งเดียวที่มันคิดคือ “รัก” ยิ่งกว่าชีวิตของมันเอง ถึงจะเป็น ”หมาน่าโง่” ที่ไม่มีใครเหลียวแล ละทิ้งพวกมันอย่างไม่มีความอาลัยอาวรณ์ เพียงเพราะว่าไม่รักมัน แต่หมามันไม่มีเหตุผลอะไรนอกเหนือไปจากเป็น ”หมาที่รักเจ้าของอย่างสุดหัวใจ”

ที่มา exteen blog

8419
อัพเดตข่าวหมา / ชีวิต ของ เจ้าหมา
« เมื่อ: 06 ธ.ค. 56, 14:01:34น. »

           “หมา”หรือสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงตั้งแต่อดีตกาลผ่านมาหลายยุคหลายสมัยถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งหมาก็ยังคงดำรงความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเอาไว้ในสายเลือดของมันที่มีต่อเจ้าของไม่เสื่อมคลาย 
           แต่ก่อนนั้นมนุษย์เลี้ยงสุนัขเอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์โดยการเฝ้าฝูงสัตว์ ล่าสัตว์ เฝ้าสวน เฝ้าไร่ และที่สำคัญเลี้ยงไว้ด้วยความรัก แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าเจ้าของที่พวกมันเคารพและซื่อสัตย์เป็นคนทำลายน้ำใจของมันโดยสิ้นเชิง เลี้ยงพวกมันเพียงเพราะว่า ตอนเด็กๆดูน่ารัก น่าเอ็นดู หรือการเลี้ยงไม่ได้ตั้งใจเพราะต้องการตามใจลูก เลี้ยงโดยไม่ได้รักมันจากใจจริง เพราะว่า “เบื่อ”

           เมื่อหมดความรัก พอพวกมันโตขึ้น ดูขี้เหร่ไม่น่ารัก ซน เกเร ดุ กัด ทำลายข้าวของ ขี้โรค หรืออะไรก็ตามที่มนุษย์สรรหามาเพื่อเพราะต้องการจะทิ้งพวกมันอยู่แล้ว
           

           แล้วเมื่อพวกมันถูกอัปเปหิออกจากรั้วบ้าน จาก "หมาบ้าน” ก็กลายเป็น ”หมาจรจัด” โดยที่มันไม่อยากจะเป็นแม้แต่น้อย และเหตุนี้จึงกลายเป็นปัญหาของสังคมในปัจจุบัน ถึงจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรก็ทำได้ยากเพราะมนุษย์มุ่งประเด็นไปที่สุนัข แต่ไม่มองเลยว่าที่จริงแล้วใครกันที่สมควรรับผิดชอบกับปัญหาเหล่านี้

           หมาถูกนำไปทิ้งที่ไหน? เจ้าของคงคิดว่าที่ไหนก็ได้ที่มีอาหารเพียงพอที่จะไม่ให้หมาอดตาย ดูเหมือนว่าเจ้าของจะมีความคิด แต่เปล่า กลับสร้างปัญหามากขึ้นเท่านั้น วัดอาจจะเป็นความคิดแรก ซึ่งเจ้าของอาจจะคิดว่าวัดนั้นดีที่สุดสำหรับมัน แต่วัดเองก็ไม่สามารถที่จะดูแลหรือหาอาหารมาเลี้ยง ”หมาวัด” เหล่านี้ได้ทั้งหมด แถมยังส่งมันไปสนามรบอันดุเดือดของ ”หมานักเลง” ที่ต้องต่อสู้เพื่อหาอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัด ต้องปรับตัวให้เข้ากลับกลุ่มสุนัขเจ้าถิ่นเพื่อความอยู่รอด หากไม่สามารถเข้ากับพวกมาเหล่านั้นได้ ความหมายเดียวคือ ตาย..
 
           หากเจ้าของไม่มีความคิด ไม่มีความกรุณา สงสาร เพียงแต่ต้องการกำจัดทิ้งแล้วปล่อยพวกมันกลายเป็น ”หมาข้างทาง” บนท้องถนนที่แสนน่ากลัว อันตราย การอาศัยอยู่อย่างไร้จุดหมาย ทำให้พวกมันต้องพบเจออุบัติเหตุบ่อยครั้ง มักถูกรถยนต์วิ่งทับเป็นประจำ ระหว่างข้ามถนนหรือแม้กระทั่งนอนหลับอยู่บนขอบข้างทางยังไม่เว้นถูกรถชน กลายเป็น ”หมาเน่า” ปล่อยกลิ่นอบอวล นอนอืดตายอยู่ข้างทาง เป็นภาพที่ไม่น่ามอง โดยไม่มีใครสนใจที่จะนำมันไปฝังลงดินแม้แต่น้อย คงจะมีแต่เทศบาลที่ทำได้แค่ทิ้งลงถังขยะเท่านั้น กลายเป็น ”หมาขยะ” ที่ไม่มีใครเหลียวและ             

          สิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่ต้องเกิดขึ้นกับเจ้าหมาเหล่านี้ คือการกลายมาเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าคนชอบของแปลก กลายมาเป็น ”หมาอร่อย” ที่เหล่านักเปิบพิสดารนั้นชื่นชอบ การขายสุนัขแล้วกำจัดพวกมันโดยวิธีนี้ เป็นวิธีที่โหดร้ายทารุณที่สุด แววตาที่อ่อนแสงแสดงความเป็นมิตรรอคอยความช่วยเหลือ ที่ฉายออกมาให้เห็นก่อนที่จะถูกเชือดทิ้ง ชีวิตที่ดูหมดหวัง.. ซึ่งความหวังที่มันเคยมีมาทั้งหมดนั้นได้หายไปตั้งแต่เจ้าของที่มันรักปล่อยทิ้งมันไปตั้งแต่แรกแล้ว
               
           ความหมายของคำว่า ”หมา” ที่จริงแล้วเราตีความไว้อย่างไรกันแน่ หมาโง่ หมาวัด หมาจรจัด หรืออะไรก็ตาม แต่ความหมายของมันที่ได้แสดงออกมานั้นมันไม่ยากที่จะเข้าใจแม้แต่น้อย ความจริงใจ ไม่เสแสร้ง จงรักภักดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญหมามันไม่สนใจหรอกว่าเจ้าของมันจะขี้เหร่ พิการ เป็นขโมย เป็นอาชญากรรม หรืออะไรก็ตาม สิ่งเดียวที่มันคิดคือ “รัก” ยิ่งกว่าชีวิตของมันเอง ถึงจะเป็น ”หมาน่าโง่” ที่ไม่มีใครเหลียวแล ละทิ้งพวกมันอย่างไม่มีความอาลัยอาวรณ์ เพียงเพราะว่าไม่รักมัน แต่หมามันไม่มีเหตุผลอะไรนอกเหนือไปจากเป็น ”หมาที่รักเจ้าของอย่างสุดหัวใจ”

ที่มา exteen blog

8420
อัพเดตข่าวหมา / ชีวิต ของ เจ้าหมา
« เมื่อ: 06 ธ.ค. 56, 14:01:34น. »

           “หมา”หรือสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงตั้งแต่อดีตกาลผ่านมาหลายยุคหลายสมัยถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งหมาก็ยังคงดำรงความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเอาไว้ในสายเลือดของมันที่มีต่อเจ้าของไม่เสื่อมคลาย 
           แต่ก่อนนั้นมนุษย์เลี้ยงสุนัขเอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์โดยการเฝ้าฝูงสัตว์ ล่าสัตว์ เฝ้าสวน เฝ้าไร่ และที่สำคัญเลี้ยงไว้ด้วยความรัก แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าเจ้าของที่พวกมันเคารพและซื่อสัตย์เป็นคนทำลายน้ำใจของมันโดยสิ้นเชิง เลี้ยงพวกมันเพียงเพราะว่า ตอนเด็กๆดูน่ารัก น่าเอ็นดู หรือการเลี้ยงไม่ได้ตั้งใจเพราะต้องการตามใจลูก เลี้ยงโดยไม่ได้รักมันจากใจจริง เพราะว่า “เบื่อ”

           เมื่อหมดความรัก พอพวกมันโตขึ้น ดูขี้เหร่ไม่น่ารัก ซน เกเร ดุ กัด ทำลายข้าวของ ขี้โรค หรืออะไรก็ตามที่มนุษย์สรรหามาเพื่อเพราะต้องการจะทิ้งพวกมันอยู่แล้ว
           

           แล้วเมื่อพวกมันถูกอัปเปหิออกจากรั้วบ้าน จาก "หมาบ้าน” ก็กลายเป็น ”หมาจรจัด” โดยที่มันไม่อยากจะเป็นแม้แต่น้อย และเหตุนี้จึงกลายเป็นปัญหาของสังคมในปัจจุบัน ถึงจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรก็ทำได้ยากเพราะมนุษย์มุ่งประเด็นไปที่สุนัข แต่ไม่มองเลยว่าที่จริงแล้วใครกันที่สมควรรับผิดชอบกับปัญหาเหล่านี้

           หมาถูกนำไปทิ้งที่ไหน? เจ้าของคงคิดว่าที่ไหนก็ได้ที่มีอาหารเพียงพอที่จะไม่ให้หมาอดตาย ดูเหมือนว่าเจ้าของจะมีความคิด แต่เปล่า กลับสร้างปัญหามากขึ้นเท่านั้น วัดอาจจะเป็นความคิดแรก ซึ่งเจ้าของอาจจะคิดว่าวัดนั้นดีที่สุดสำหรับมัน แต่วัดเองก็ไม่สามารถที่จะดูแลหรือหาอาหารมาเลี้ยง ”หมาวัด” เหล่านี้ได้ทั้งหมด แถมยังส่งมันไปสนามรบอันดุเดือดของ ”หมานักเลง” ที่ต้องต่อสู้เพื่อหาอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัด ต้องปรับตัวให้เข้ากลับกลุ่มสุนัขเจ้าถิ่นเพื่อความอยู่รอด หากไม่สามารถเข้ากับพวกมาเหล่านั้นได้ ความหมายเดียวคือ ตาย..
 
           หากเจ้าของไม่มีความคิด ไม่มีความกรุณา สงสาร เพียงแต่ต้องการกำจัดทิ้งแล้วปล่อยพวกมันกลายเป็น ”หมาข้างทาง” บนท้องถนนที่แสนน่ากลัว อันตราย การอาศัยอยู่อย่างไร้จุดหมาย ทำให้พวกมันต้องพบเจออุบัติเหตุบ่อยครั้ง มักถูกรถยนต์วิ่งทับเป็นประจำ ระหว่างข้ามถนนหรือแม้กระทั่งนอนหลับอยู่บนขอบข้างทางยังไม่เว้นถูกรถชน กลายเป็น ”หมาเน่า” ปล่อยกลิ่นอบอวล นอนอืดตายอยู่ข้างทาง เป็นภาพที่ไม่น่ามอง โดยไม่มีใครสนใจที่จะนำมันไปฝังลงดินแม้แต่น้อย คงจะมีแต่เทศบาลที่ทำได้แค่ทิ้งลงถังขยะเท่านั้น กลายเป็น ”หมาขยะ” ที่ไม่มีใครเหลียวและ             

          สิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่ต้องเกิดขึ้นกับเจ้าหมาเหล่านี้ คือการกลายมาเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าคนชอบของแปลก กลายมาเป็น ”หมาอร่อย” ที่เหล่านักเปิบพิสดารนั้นชื่นชอบ การขายสุนัขแล้วกำจัดพวกมันโดยวิธีนี้ เป็นวิธีที่โหดร้ายทารุณที่สุด แววตาที่อ่อนแสงแสดงความเป็นมิตรรอคอยความช่วยเหลือ ที่ฉายออกมาให้เห็นก่อนที่จะถูกเชือดทิ้ง ชีวิตที่ดูหมดหวัง.. ซึ่งความหวังที่มันเคยมีมาทั้งหมดนั้นได้หายไปตั้งแต่เจ้าของที่มันรักปล่อยทิ้งมันไปตั้งแต่แรกแล้ว
               
           ความหมายของคำว่า ”หมา” ที่จริงแล้วเราตีความไว้อย่างไรกันแน่ หมาโง่ หมาวัด หมาจรจัด หรืออะไรก็ตาม แต่ความหมายของมันที่ได้แสดงออกมานั้นมันไม่ยากที่จะเข้าใจแม้แต่น้อย ความจริงใจ ไม่เสแสร้ง จงรักภักดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญหมามันไม่สนใจหรอกว่าเจ้าของมันจะขี้เหร่ พิการ เป็นขโมย เป็นอาชญากรรม หรืออะไรก็ตาม สิ่งเดียวที่มันคิดคือ “รัก” ยิ่งกว่าชีวิตของมันเอง ถึงจะเป็น ”หมาน่าโง่” ที่ไม่มีใครเหลียวแล ละทิ้งพวกมันอย่างไม่มีความอาลัยอาวรณ์ เพียงเพราะว่าไม่รักมัน แต่หมามันไม่มีเหตุผลอะไรนอกเหนือไปจากเป็น ”หมาที่รักเจ้าของอย่างสุดหัวใจ”

ที่มา exteen blog

8421


เรียงลำดับไอคิวสุนัขกันนะครับ

ในความเฉลียวฉลาดหรือที่เรียกว่าไอคิวของสุนัขหรือนั้นกล่าวกันว่ามีสติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กอายุกว่าสิบขวบเลยทีเดียว เชื่อกันว่าเค้าก็ฝันได้เหมือนคนเหมือนกัน ตอนนี้เค้าก็อาจกำลังฝันหวานถึงเราหรือฝันน้ำลายยืดว่ากำลังแทะกระดูกชิ้นโตอยู่ก็ได้นะ แล้วสังเกตุมั้ยว่าบางครั้งเค้าก็ยิ้มให้เรา
 
ความน่ารักและนิสัยของเค้านั้นก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่ได้มาจากปู่ย่าตาทวดที่สืบทอดกันมา บางสายพันธุ์ก็อาจสอนให้ทำอะไรได้หลายอย่างหรือยากง่ายแตกต่างกันไป ซึ่งก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวกันไป อย่างเช่นเจ้าโกลเดนนี่แทบไม่ต้องสอนก็วิ่งไปเก็บของมาให้เราได้แล้ว บางตัวก็ดื้อแสนดื้อกันจังก็เพราะสัญชาติญาณสัตว์ป่าของเค้านั่นเอง
ดร.สแตนเลย์ โคเรนท์ แห่งมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้จัดอันดับไอคิวสุนัขตามความสามารถในการเรียนรู้จากการฝึก ส่วนพันธุ์ต่างๆนั้นมีหน้าตาอย่างไรก็ลองคลิ๊กไปดูจากลิ้งหมาพันธุ์ต่างๆซ้ายมือกันเอาเองนะ เจ้าโกลเดนหรือสุนัขของคุณจะอยู่อันดับไหนบ้าง ลองไปดูกันดีกว่า
1. บอเดอร์ คอลลี่
2. พุดเดิล
3. เยอรมัน เชฟเฟอร์ด
4. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
5. โดเบอร์แมน
6. เชทแลนด์ ชีพด็อก
7. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
8. ปาปิยอง
9. ร็อตไวเลอร์
10. ออสเตรเลี่ยน แคทเทิลด็อก
11. เวลช์คอร์กี้
12. มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
13. อิงลิช สปริงเกอร์ สแปเนียล
14. เบลเจียนเทอร์เชน
15. เบลเจียนชีพด็อก
16. คอลลี่ คีชอนด์
17. เยอรมัน ชอร์ทแฮร์ พอยเตอร์
18. อิงลิชค็อกเกอร์ สแปเนียล,
19. สแตนดาร์ด ชเนาเซอร์
20. บริตตานี สแปเนียล
21. คอกเกอร์ สแปเนียล
22. ไวมาราเนอร์
23. เบลเจียน มาลิโนส์,
24. เปอร์นีส เมาน์เทนด็อก
25. ปอมเมอเรเนียน
26. ไอรีสวอเตอร์ สแปเนียล
27. วิสซิลล่า
28. คอร์ดิแกน เวลช์ คอร์กี้
29. พูลิ
30. ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
31. ไจแอนท์ ชเนาเซอร์
32. แอร์เดล
33. บอเดอร์ เทอร์เรีย
34. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
35. แมนเชสเตอร์ เทอร์เรีย
36. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
37. ฟิลด์ สแปเนียล,
38. นิวฟาวแลนด์,
39. ออสเตรเลียน เทอร์เรีย,
40. เบียร์เด็ด คอลลี่
41. ไอริส เซทเตอร์
42. นอร์วีเจียน เอลค์ฮาวด์
43. ซิลกี้ เทอร์เรีย,
44. มินิเอเจอร์ พินช์เชอร์
45. นอร์วิด เทอร์เรียล
46. ดัลเมเชียน
47. ฟ็อก เทอร์เรีย
48. ไอริช วูล์ฟฮาวด์
49. ออสเตรเลียน เชฟเฟอร์ด
50. ซาลูกิ,
51. ฟินนิช สปิทซ์,
52. พอยเตอร์
53. อเมริกัน วอเตอร์ สแปเนียล
54. ไซบีเรียน ฮัสกี้
55. อิงลิช ฟ็อกซ์ฮาวด์,
56. อเมริกัน ฟ็อกซ์ฮาวด์,
57. เกรย์ฮาวด์
58. สก็อตติช เดียฮาวด์
59. บ็อกเซอร์,
60. เกรทเดน
61. ดัชชุนต์
62. อาลาสก้า มาลามุท
63. วิพเพท
64. โรดีเชียน ริดจ์แบ็ค
65. ไอริช เทอร์เรีย
66. บอสตัน เทอร์เรีย,
67. อากิตะ
68. สกาย เทอร์เรีย
69. นอร์โฟล์ค เทอร์เรีย
70. ปั๊ก
71. เฟรนช์บูลด็อก
72. มอลทีส เทอร์เรีย
73. อิตาเลียน เกรย์ฮาวด์
74. ไชนีส เครสเต็ด
75. เจแปนนีส ชิน
76. โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก
77. เกรท พิเรนี
78. สก็อตติช เทอร์เรีย,
79. เซนต์เบอร์นาร์ด
80. บูล เทอร์เรีย
81. ชิวาว่า
82. ลาซา แอปโซ
83. มาสทิฟฟ์
84. ชิสุ
85. บาสเซท ฮาวด์
86. บีเกิล
87. ปักกิ่ง
88. บลัดฮาวด์
89. บอร์ซอย
90. เชาเชา
91. บูลด็อก
92. บาเซนจิ
93. อาฟกัน ฮาวด์

8422


เรียงลำดับไอคิวสุนัขกันนะครับ

ในความเฉลียวฉลาดหรือที่เรียกว่าไอคิวของสุนัขหรือนั้นกล่าวกันว่ามีสติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กอายุกว่าสิบขวบเลยทีเดียว เชื่อกันว่าเค้าก็ฝันได้เหมือนคนเหมือนกัน ตอนนี้เค้าก็อาจกำลังฝันหวานถึงเราหรือฝันน้ำลายยืดว่ากำลังแทะกระดูกชิ้นโตอยู่ก็ได้นะ แล้วสังเกตุมั้ยว่าบางครั้งเค้าก็ยิ้มให้เรา
 
ความน่ารักและนิสัยของเค้านั้นก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่ได้มาจากปู่ย่าตาทวดที่สืบทอดกันมา บางสายพันธุ์ก็อาจสอนให้ทำอะไรได้หลายอย่างหรือยากง่ายแตกต่างกันไป ซึ่งก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวกันไป อย่างเช่นเจ้าโกลเดนนี่แทบไม่ต้องสอนก็วิ่งไปเก็บของมาให้เราได้แล้ว บางตัวก็ดื้อแสนดื้อกันจังก็เพราะสัญชาติญาณสัตว์ป่าของเค้านั่นเอง
ดร.สแตนเลย์ โคเรนท์ แห่งมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้จัดอันดับไอคิวสุนัขตามความสามารถในการเรียนรู้จากการฝึก ส่วนพันธุ์ต่างๆนั้นมีหน้าตาอย่างไรก็ลองคลิ๊กไปดูจากลิ้งหมาพันธุ์ต่างๆซ้ายมือกันเอาเองนะ เจ้าโกลเดนหรือสุนัขของคุณจะอยู่อันดับไหนบ้าง ลองไปดูกันดีกว่า
1. บอเดอร์ คอลลี่
2. พุดเดิล
3. เยอรมัน เชฟเฟอร์ด
4. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
5. โดเบอร์แมน
6. เชทแลนด์ ชีพด็อก
7. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
8. ปาปิยอง
9. ร็อตไวเลอร์
10. ออสเตรเลี่ยน แคทเทิลด็อก
11. เวลช์คอร์กี้
12. มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
13. อิงลิช สปริงเกอร์ สแปเนียล
14. เบลเจียนเทอร์เชน
15. เบลเจียนชีพด็อก
16. คอลลี่ คีชอนด์
17. เยอรมัน ชอร์ทแฮร์ พอยเตอร์
18. อิงลิชค็อกเกอร์ สแปเนียล,
19. สแตนดาร์ด ชเนาเซอร์
20. บริตตานี สแปเนียล
21. คอกเกอร์ สแปเนียล
22. ไวมาราเนอร์
23. เบลเจียน มาลิโนส์,
24. เปอร์นีส เมาน์เทนด็อก
25. ปอมเมอเรเนียน
26. ไอรีสวอเตอร์ สแปเนียล
27. วิสซิลล่า
28. คอร์ดิแกน เวลช์ คอร์กี้
29. พูลิ
30. ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
31. ไจแอนท์ ชเนาเซอร์
32. แอร์เดล
33. บอเดอร์ เทอร์เรีย
34. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
35. แมนเชสเตอร์ เทอร์เรีย
36. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
37. ฟิลด์ สแปเนียล,
38. นิวฟาวแลนด์,
39. ออสเตรเลียน เทอร์เรีย,
40. เบียร์เด็ด คอลลี่
41. ไอริส เซทเตอร์
42. นอร์วีเจียน เอลค์ฮาวด์
43. ซิลกี้ เทอร์เรีย,
44. มินิเอเจอร์ พินช์เชอร์
45. นอร์วิด เทอร์เรียล
46. ดัลเมเชียน
47. ฟ็อก เทอร์เรีย
48. ไอริช วูล์ฟฮาวด์
49. ออสเตรเลียน เชฟเฟอร์ด
50. ซาลูกิ,
51. ฟินนิช สปิทซ์,
52. พอยเตอร์
53. อเมริกัน วอเตอร์ สแปเนียล
54. ไซบีเรียน ฮัสกี้
55. อิงลิช ฟ็อกซ์ฮาวด์,
56. อเมริกัน ฟ็อกซ์ฮาวด์,
57. เกรย์ฮาวด์
58. สก็อตติช เดียฮาวด์
59. บ็อกเซอร์,
60. เกรทเดน
61. ดัชชุนต์
62. อาลาสก้า มาลามุท
63. วิพเพท
64. โรดีเชียน ริดจ์แบ็ค
65. ไอริช เทอร์เรีย
66. บอสตัน เทอร์เรีย,
67. อากิตะ
68. สกาย เทอร์เรีย
69. นอร์โฟล์ค เทอร์เรีย
70. ปั๊ก
71. เฟรนช์บูลด็อก
72. มอลทีส เทอร์เรีย
73. อิตาเลียน เกรย์ฮาวด์
74. ไชนีส เครสเต็ด
75. เจแปนนีส ชิน
76. โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก
77. เกรท พิเรนี
78. สก็อตติช เทอร์เรีย,
79. เซนต์เบอร์นาร์ด
80. บูล เทอร์เรีย
81. ชิวาว่า
82. ลาซา แอปโซ
83. มาสทิฟฟ์
84. ชิสุ
85. บาสเซท ฮาวด์
86. บีเกิล
87. ปักกิ่ง
88. บลัดฮาวด์
89. บอร์ซอย
90. เชาเชา
91. บูลด็อก
92. บาเซนจิ
93. อาฟกัน ฮาวด์

8423


เรียงลำดับไอคิวสุนัขกันนะครับ

ในความเฉลียวฉลาดหรือที่เรียกว่าไอคิวของสุนัขหรือนั้นกล่าวกันว่ามีสติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กอายุกว่าสิบขวบเลยทีเดียว เชื่อกันว่าเค้าก็ฝันได้เหมือนคนเหมือนกัน ตอนนี้เค้าก็อาจกำลังฝันหวานถึงเราหรือฝันน้ำลายยืดว่ากำลังแทะกระดูกชิ้นโตอยู่ก็ได้นะ แล้วสังเกตุมั้ยว่าบางครั้งเค้าก็ยิ้มให้เรา
 
ความน่ารักและนิสัยของเค้านั้นก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่ได้มาจากปู่ย่าตาทวดที่สืบทอดกันมา บางสายพันธุ์ก็อาจสอนให้ทำอะไรได้หลายอย่างหรือยากง่ายแตกต่างกันไป ซึ่งก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวกันไป อย่างเช่นเจ้าโกลเดนนี่แทบไม่ต้องสอนก็วิ่งไปเก็บของมาให้เราได้แล้ว บางตัวก็ดื้อแสนดื้อกันจังก็เพราะสัญชาติญาณสัตว์ป่าของเค้านั่นเอง
ดร.สแตนเลย์ โคเรนท์ แห่งมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้จัดอันดับไอคิวสุนัขตามความสามารถในการเรียนรู้จากการฝึก ส่วนพันธุ์ต่างๆนั้นมีหน้าตาอย่างไรก็ลองคลิ๊กไปดูจากลิ้งหมาพันธุ์ต่างๆซ้ายมือกันเอาเองนะ เจ้าโกลเดนหรือสุนัขของคุณจะอยู่อันดับไหนบ้าง ลองไปดูกันดีกว่า
1. บอเดอร์ คอลลี่
2. พุดเดิล
3. เยอรมัน เชฟเฟอร์ด
4. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
5. โดเบอร์แมน
6. เชทแลนด์ ชีพด็อก
7. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
8. ปาปิยอง
9. ร็อตไวเลอร์
10. ออสเตรเลี่ยน แคทเทิลด็อก
11. เวลช์คอร์กี้
12. มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
13. อิงลิช สปริงเกอร์ สแปเนียล
14. เบลเจียนเทอร์เชน
15. เบลเจียนชีพด็อก
16. คอลลี่ คีชอนด์
17. เยอรมัน ชอร์ทแฮร์ พอยเตอร์
18. อิงลิชค็อกเกอร์ สแปเนียล,
19. สแตนดาร์ด ชเนาเซอร์
20. บริตตานี สแปเนียล
21. คอกเกอร์ สแปเนียล
22. ไวมาราเนอร์
23. เบลเจียน มาลิโนส์,
24. เปอร์นีส เมาน์เทนด็อก
25. ปอมเมอเรเนียน
26. ไอรีสวอเตอร์ สแปเนียล
27. วิสซิลล่า
28. คอร์ดิแกน เวลช์ คอร์กี้
29. พูลิ
30. ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
31. ไจแอนท์ ชเนาเซอร์
32. แอร์เดล
33. บอเดอร์ เทอร์เรีย
34. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
35. แมนเชสเตอร์ เทอร์เรีย
36. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
37. ฟิลด์ สแปเนียล,
38. นิวฟาวแลนด์,
39. ออสเตรเลียน เทอร์เรีย,
40. เบียร์เด็ด คอลลี่
41. ไอริส เซทเตอร์
42. นอร์วีเจียน เอลค์ฮาวด์
43. ซิลกี้ เทอร์เรีย,
44. มินิเอเจอร์ พินช์เชอร์
45. นอร์วิด เทอร์เรียล
46. ดัลเมเชียน
47. ฟ็อก เทอร์เรีย
48. ไอริช วูล์ฟฮาวด์
49. ออสเตรเลียน เชฟเฟอร์ด
50. ซาลูกิ,
51. ฟินนิช สปิทซ์,
52. พอยเตอร์
53. อเมริกัน วอเตอร์ สแปเนียล
54. ไซบีเรียน ฮัสกี้
55. อิงลิช ฟ็อกซ์ฮาวด์,
56. อเมริกัน ฟ็อกซ์ฮาวด์,
57. เกรย์ฮาวด์
58. สก็อตติช เดียฮาวด์
59. บ็อกเซอร์,
60. เกรทเดน
61. ดัชชุนต์
62. อาลาสก้า มาลามุท
63. วิพเพท
64. โรดีเชียน ริดจ์แบ็ค
65. ไอริช เทอร์เรีย
66. บอสตัน เทอร์เรีย,
67. อากิตะ
68. สกาย เทอร์เรีย
69. นอร์โฟล์ค เทอร์เรีย
70. ปั๊ก
71. เฟรนช์บูลด็อก
72. มอลทีส เทอร์เรีย
73. อิตาเลียน เกรย์ฮาวด์
74. ไชนีส เครสเต็ด
75. เจแปนนีส ชิน
76. โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก
77. เกรท พิเรนี
78. สก็อตติช เทอร์เรีย,
79. เซนต์เบอร์นาร์ด
80. บูล เทอร์เรีย
81. ชิวาว่า
82. ลาซา แอปโซ
83. มาสทิฟฟ์
84. ชิสุ
85. บาสเซท ฮาวด์
86. บีเกิล
87. ปักกิ่ง
88. บลัดฮาวด์
89. บอร์ซอย
90. เชาเชา
91. บูลด็อก
92. บาเซนจิ
93. อาฟกัน ฮาวด์

8424


เรียงลำดับไอคิวสุนัขกันนะครับ

ในความเฉลียวฉลาดหรือที่เรียกว่าไอคิวของสุนัขหรือนั้นกล่าวกันว่ามีสติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กอายุกว่าสิบขวบเลยทีเดียว เชื่อกันว่าเค้าก็ฝันได้เหมือนคนเหมือนกัน ตอนนี้เค้าก็อาจกำลังฝันหวานถึงเราหรือฝันน้ำลายยืดว่ากำลังแทะกระดูกชิ้นโตอยู่ก็ได้นะ แล้วสังเกตุมั้ยว่าบางครั้งเค้าก็ยิ้มให้เรา
 
ความน่ารักและนิสัยของเค้านั้นก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่ได้มาจากปู่ย่าตาทวดที่สืบทอดกันมา บางสายพันธุ์ก็อาจสอนให้ทำอะไรได้หลายอย่างหรือยากง่ายแตกต่างกันไป ซึ่งก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวกันไป อย่างเช่นเจ้าโกลเดนนี่แทบไม่ต้องสอนก็วิ่งไปเก็บของมาให้เราได้แล้ว บางตัวก็ดื้อแสนดื้อกันจังก็เพราะสัญชาติญาณสัตว์ป่าของเค้านั่นเอง
ดร.สแตนเลย์ โคเรนท์ แห่งมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้จัดอันดับไอคิวสุนัขตามความสามารถในการเรียนรู้จากการฝึก ส่วนพันธุ์ต่างๆนั้นมีหน้าตาอย่างไรก็ลองคลิ๊กไปดูจากลิ้งหมาพันธุ์ต่างๆซ้ายมือกันเอาเองนะ เจ้าโกลเดนหรือสุนัขของคุณจะอยู่อันดับไหนบ้าง ลองไปดูกันดีกว่า
1. บอเดอร์ คอลลี่
2. พุดเดิล
3. เยอรมัน เชฟเฟอร์ด
4. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
5. โดเบอร์แมน
6. เชทแลนด์ ชีพด็อก
7. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
8. ปาปิยอง
9. ร็อตไวเลอร์
10. ออสเตรเลี่ยน แคทเทิลด็อก
11. เวลช์คอร์กี้
12. มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
13. อิงลิช สปริงเกอร์ สแปเนียล
14. เบลเจียนเทอร์เชน
15. เบลเจียนชีพด็อก
16. คอลลี่ คีชอนด์
17. เยอรมัน ชอร์ทแฮร์ พอยเตอร์
18. อิงลิชค็อกเกอร์ สแปเนียล,
19. สแตนดาร์ด ชเนาเซอร์
20. บริตตานี สแปเนียล
21. คอกเกอร์ สแปเนียล
22. ไวมาราเนอร์
23. เบลเจียน มาลิโนส์,
24. เปอร์นีส เมาน์เทนด็อก
25. ปอมเมอเรเนียน
26. ไอรีสวอเตอร์ สแปเนียล
27. วิสซิลล่า
28. คอร์ดิแกน เวลช์ คอร์กี้
29. พูลิ
30. ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
31. ไจแอนท์ ชเนาเซอร์
32. แอร์เดล
33. บอเดอร์ เทอร์เรีย
34. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
35. แมนเชสเตอร์ เทอร์เรีย
36. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
37. ฟิลด์ สแปเนียล,
38. นิวฟาวแลนด์,
39. ออสเตรเลียน เทอร์เรีย,
40. เบียร์เด็ด คอลลี่
41. ไอริส เซทเตอร์
42. นอร์วีเจียน เอลค์ฮาวด์
43. ซิลกี้ เทอร์เรีย,
44. มินิเอเจอร์ พินช์เชอร์
45. นอร์วิด เทอร์เรียล
46. ดัลเมเชียน
47. ฟ็อก เทอร์เรีย
48. ไอริช วูล์ฟฮาวด์
49. ออสเตรเลียน เชฟเฟอร์ด
50. ซาลูกิ,
51. ฟินนิช สปิทซ์,
52. พอยเตอร์
53. อเมริกัน วอเตอร์ สแปเนียล
54. ไซบีเรียน ฮัสกี้
55. อิงลิช ฟ็อกซ์ฮาวด์,
56. อเมริกัน ฟ็อกซ์ฮาวด์,
57. เกรย์ฮาวด์
58. สก็อตติช เดียฮาวด์
59. บ็อกเซอร์,
60. เกรทเดน
61. ดัชชุนต์
62. อาลาสก้า มาลามุท
63. วิพเพท
64. โรดีเชียน ริดจ์แบ็ค
65. ไอริช เทอร์เรีย
66. บอสตัน เทอร์เรีย,
67. อากิตะ
68. สกาย เทอร์เรีย
69. นอร์โฟล์ค เทอร์เรีย
70. ปั๊ก
71. เฟรนช์บูลด็อก
72. มอลทีส เทอร์เรีย
73. อิตาเลียน เกรย์ฮาวด์
74. ไชนีส เครสเต็ด
75. เจแปนนีส ชิน
76. โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก
77. เกรท พิเรนี
78. สก็อตติช เทอร์เรีย,
79. เซนต์เบอร์นาร์ด
80. บูล เทอร์เรีย
81. ชิวาว่า
82. ลาซา แอปโซ
83. มาสทิฟฟ์
84. ชิสุ
85. บาสเซท ฮาวด์
86. บีเกิล
87. ปักกิ่ง
88. บลัดฮาวด์
89. บอร์ซอย
90. เชาเชา
91. บูลด็อก
92. บาเซนจิ
93. อาฟกัน ฮาวด์

8425


เทคนิคการป้อนยาเม็ดสุนัขแบบง่ายๆ

ในการให้ยาเม็ด (Pill) ทางปากแก่สุนัข เมื่อสุนัขอ้าปากให้วางยาที่โคลนลิ้น สุนัขจะกลืนยาเม็ดลงคอไปได้ ถ้าวางยาเม็ดที่ปลายลิ้นหรือบริเวณอื่นในปาก สุนัขจะสามารถขย้อนยาเม็ดนั้นออกมาและคายทิ้งไป ทำให้เสียยาไป ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือจะต้องจับยาเม็ดเข้าไปในปากต้องมีโอกาสสัมผัส กับน้ำลายสุนัขภายในปากซึ่งมีโรคติดต่อบางอย่างผ่านมาในน้ำลายสุนัขและติดถึงคนได้ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ฉะนั้นการที่จะป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้นต้องทราบประวัติสุนัขตัวนั้นอย่างแน่นอนว่า ไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ทางที่ดีควรป้อนยา
เม็ดโดยใช้เครื่องมือ เช่น Balling Gun หรือปากคีบเป็นต้น ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้มือคนป้อนสุนัขจะไม่สัมผัสน้ำลายสุนัขเลยวิธีการป้อนยาเม็ดด้วยมือ ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้น อาจใช้มือไหนจับหัวสุนัขก็ได้ ขึ้นอยู่กับความถนัด สมมุติว่าใช้มือขวาเป็นมือที่ใช้จับหัวสุนัข โดยใช้ฝ่ามือคว่ำและคร่อมสันจมูกบริเวณ Interdental Space ให้สันจมูกอยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 ท่อน แขนของมือขวาวางทาบไปบนหน้าผากของสุนัขซึ่งท่อนแขนนี้จะช่วยยกให้หัวสุนัขแหงนขึ้นด้วย แต่ทั่ว ๆ ไป สุนัขไม่ยอมอ้าปาก ต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 กดริมฝีปากให้แรงพอที่จะให้ริมฝีปากนั้น กดกับเหงือกและฟันทำให้สุนัขยอมอ้าปากได้บางรายแทนที่จะใช้ฝ่ามือคร่อมขากรรไกรกลับมาจับที่ขากรรไกรล่างแทนก็ได้ เมื่อสุนัขอ้าปากแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือซ้ายคีบยาเม็ดค่อย ๆ ไปวางที่โคนลิ้นสุนัข รีบชักมือออกพร้อมกับหุบปากสุนัขทันที พยายามอย่าให้สุนัขอ้าปาก เพราะว่าจะขย้อนยาเม็ดดังกล่าวออกมา สังเกตดูว่าสุนัขกลืนยาหรือไม่โดยดูที่คอสุนัข ไม่ควรใช้มือไปขยำหรือนวดที่คอเพื่อช่วยให้กลืนยาเม็ด เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรและยังอาจทำให้สุนัขไม่สามารถกลืนยาได้บางครั้งการให้ยาเม็ดไม่จำเป็นต้องป้อน ในกรณีนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่นำยาเม็ดนั้นแทรกลงไปในก้อนเนื้อกล้วย หรือฮอทด็อกหรืออาหารที่สุนัขชอบกินและโปรดปรานนำมาสอดไส้ใส่ยาเข้าไปแล้ววางให้สุนัขกินก็ได้ แต่สุนัขบางตัวมีความฉลาดและรู้ทัน จะไม่ยอมกินซึ่งจำเป็นต้องป้อน อาจจะด้วยมือ หรือใช้เครื่องมือป้อนยาเม็ดนั้นช่วยในการป้อนยาเม็ดนั้นถ้ามือไปสัมผัสกับน้ำลายสุนัข หลังจากเสร็จแล้ว ควรล้างมือทันทีเพื่อรักษาความสะอาดการจับบังคับสุนัขเพื่อให้กินยาประเภทน้ำ ในการป้อนยาประเภทน้ำนั้นค่อนข้างจะง่ายกว่า การป้อนยาประเภทเม็ดเพราะว่าไม่จำเป็นต้องอ้าปากสุนัขแต่อย่างใด สามารถป้อนได้ในขณะที่สุนัขยังถูกผูกปากอยู่ได้ โดยอาศัยหลักทางกายภาพที่ว่า มุมฝีปากด้านข้างสุนัขนั้น มีความยืดหยุ่นได้ ใช้มือหนึ่งจับที่ปลายปากโดยรอบทั้งขากรรไกรล่างและขากรรไกรบนไว้อีกมือหนึ่งแยกริมฝีปากล่างและดึงมุมปากออกมา ก็จะเกิดเป็นลักษณะกระพุ้งหรือถุง ของแก้มสามารถที่จะใช้ช้อน กระบอกฉีดยาหรือใช้เครื่องใส่ยาน้ำ สำหรับป้อนฉีดเข้าไปในกระพุ้งแก้ม ขณะเดียวกันก็พยายามยกหน้าสุนัขให้เชิดขึ้นเล็กน้อย ข้อสำคัญ เครื่องมือที่ใช้ใส่ยาสำหรับป้อนนั้นไม่ควรทำด้วยวัสดุประเภทแก้วหรือสิ่งที่แตกง่าย เพราะว่าสุนัขอาจจะกัดหรือดิ้นและหล่นแตก อาจจะบาดปากสุนัขหรือมือผู้ป้อนได้ เครื่องมือเฉพาะสำหรับป้อนยาน้ำเรียกว่า”Drenchong Spoon” จึงจะปลอดภัยทั้งตัวท่านและสัตว์เลี้ยง

8426


เทคนิคการป้อนยาเม็ดสุนัขแบบง่ายๆ

ในการให้ยาเม็ด (Pill) ทางปากแก่สุนัข เมื่อสุนัขอ้าปากให้วางยาที่โคลนลิ้น สุนัขจะกลืนยาเม็ดลงคอไปได้ ถ้าวางยาเม็ดที่ปลายลิ้นหรือบริเวณอื่นในปาก สุนัขจะสามารถขย้อนยาเม็ดนั้นออกมาและคายทิ้งไป ทำให้เสียยาไป ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือจะต้องจับยาเม็ดเข้าไปในปากต้องมีโอกาสสัมผัส กับน้ำลายสุนัขภายในปากซึ่งมีโรคติดต่อบางอย่างผ่านมาในน้ำลายสุนัขและติดถึงคนได้ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ฉะนั้นการที่จะป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้นต้องทราบประวัติสุนัขตัวนั้นอย่างแน่นอนว่า ไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ทางที่ดีควรป้อนยา
เม็ดโดยใช้เครื่องมือ เช่น Balling Gun หรือปากคีบเป็นต้น ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้มือคนป้อนสุนัขจะไม่สัมผัสน้ำลายสุนัขเลยวิธีการป้อนยาเม็ดด้วยมือ ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้น อาจใช้มือไหนจับหัวสุนัขก็ได้ ขึ้นอยู่กับความถนัด สมมุติว่าใช้มือขวาเป็นมือที่ใช้จับหัวสุนัข โดยใช้ฝ่ามือคว่ำและคร่อมสันจมูกบริเวณ Interdental Space ให้สันจมูกอยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 ท่อน แขนของมือขวาวางทาบไปบนหน้าผากของสุนัขซึ่งท่อนแขนนี้จะช่วยยกให้หัวสุนัขแหงนขึ้นด้วย แต่ทั่ว ๆ ไป สุนัขไม่ยอมอ้าปาก ต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 กดริมฝีปากให้แรงพอที่จะให้ริมฝีปากนั้น กดกับเหงือกและฟันทำให้สุนัขยอมอ้าปากได้บางรายแทนที่จะใช้ฝ่ามือคร่อมขากรรไกรกลับมาจับที่ขากรรไกรล่างแทนก็ได้ เมื่อสุนัขอ้าปากแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือซ้ายคีบยาเม็ดค่อย ๆ ไปวางที่โคนลิ้นสุนัข รีบชักมือออกพร้อมกับหุบปากสุนัขทันที พยายามอย่าให้สุนัขอ้าปาก เพราะว่าจะขย้อนยาเม็ดดังกล่าวออกมา สังเกตดูว่าสุนัขกลืนยาหรือไม่โดยดูที่คอสุนัข ไม่ควรใช้มือไปขยำหรือนวดที่คอเพื่อช่วยให้กลืนยาเม็ด เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรและยังอาจทำให้สุนัขไม่สามารถกลืนยาได้บางครั้งการให้ยาเม็ดไม่จำเป็นต้องป้อน ในกรณีนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่นำยาเม็ดนั้นแทรกลงไปในก้อนเนื้อกล้วย หรือฮอทด็อกหรืออาหารที่สุนัขชอบกินและโปรดปรานนำมาสอดไส้ใส่ยาเข้าไปแล้ววางให้สุนัขกินก็ได้ แต่สุนัขบางตัวมีความฉลาดและรู้ทัน จะไม่ยอมกินซึ่งจำเป็นต้องป้อน อาจจะด้วยมือ หรือใช้เครื่องมือป้อนยาเม็ดนั้นช่วยในการป้อนยาเม็ดนั้นถ้ามือไปสัมผัสกับน้ำลายสุนัข หลังจากเสร็จแล้ว ควรล้างมือทันทีเพื่อรักษาความสะอาดการจับบังคับสุนัขเพื่อให้กินยาประเภทน้ำ ในการป้อนยาประเภทน้ำนั้นค่อนข้างจะง่ายกว่า การป้อนยาประเภทเม็ดเพราะว่าไม่จำเป็นต้องอ้าปากสุนัขแต่อย่างใด สามารถป้อนได้ในขณะที่สุนัขยังถูกผูกปากอยู่ได้ โดยอาศัยหลักทางกายภาพที่ว่า มุมฝีปากด้านข้างสุนัขนั้น มีความยืดหยุ่นได้ ใช้มือหนึ่งจับที่ปลายปากโดยรอบทั้งขากรรไกรล่างและขากรรไกรบนไว้อีกมือหนึ่งแยกริมฝีปากล่างและดึงมุมปากออกมา ก็จะเกิดเป็นลักษณะกระพุ้งหรือถุง ของแก้มสามารถที่จะใช้ช้อน กระบอกฉีดยาหรือใช้เครื่องใส่ยาน้ำ สำหรับป้อนฉีดเข้าไปในกระพุ้งแก้ม ขณะเดียวกันก็พยายามยกหน้าสุนัขให้เชิดขึ้นเล็กน้อย ข้อสำคัญ เครื่องมือที่ใช้ใส่ยาสำหรับป้อนนั้นไม่ควรทำด้วยวัสดุประเภทแก้วหรือสิ่งที่แตกง่าย เพราะว่าสุนัขอาจจะกัดหรือดิ้นและหล่นแตก อาจจะบาดปากสุนัขหรือมือผู้ป้อนได้ เครื่องมือเฉพาะสำหรับป้อนยาน้ำเรียกว่า”Drenchong Spoon” จึงจะปลอดภัยทั้งตัวท่านและสัตว์เลี้ยง

8427


เทคนิคการป้อนยาเม็ดสุนัขแบบง่ายๆ

ในการให้ยาเม็ด (Pill) ทางปากแก่สุนัข เมื่อสุนัขอ้าปากให้วางยาที่โคลนลิ้น สุนัขจะกลืนยาเม็ดลงคอไปได้ ถ้าวางยาเม็ดที่ปลายลิ้นหรือบริเวณอื่นในปาก สุนัขจะสามารถขย้อนยาเม็ดนั้นออกมาและคายทิ้งไป ทำให้เสียยาไป ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือจะต้องจับยาเม็ดเข้าไปในปากต้องมีโอกาสสัมผัส กับน้ำลายสุนัขภายในปากซึ่งมีโรคติดต่อบางอย่างผ่านมาในน้ำลายสุนัขและติดถึงคนได้ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ฉะนั้นการที่จะป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้นต้องทราบประวัติสุนัขตัวนั้นอย่างแน่นอนว่า ไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ทางที่ดีควรป้อนยา
เม็ดโดยใช้เครื่องมือ เช่น Balling Gun หรือปากคีบเป็นต้น ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้มือคนป้อนสุนัขจะไม่สัมผัสน้ำลายสุนัขเลยวิธีการป้อนยาเม็ดด้วยมือ ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้น อาจใช้มือไหนจับหัวสุนัขก็ได้ ขึ้นอยู่กับความถนัด สมมุติว่าใช้มือขวาเป็นมือที่ใช้จับหัวสุนัข โดยใช้ฝ่ามือคว่ำและคร่อมสันจมูกบริเวณ Interdental Space ให้สันจมูกอยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 ท่อน แขนของมือขวาวางทาบไปบนหน้าผากของสุนัขซึ่งท่อนแขนนี้จะช่วยยกให้หัวสุนัขแหงนขึ้นด้วย แต่ทั่ว ๆ ไป สุนัขไม่ยอมอ้าปาก ต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 กดริมฝีปากให้แรงพอที่จะให้ริมฝีปากนั้น กดกับเหงือกและฟันทำให้สุนัขยอมอ้าปากได้บางรายแทนที่จะใช้ฝ่ามือคร่อมขากรรไกรกลับมาจับที่ขากรรไกรล่างแทนก็ได้ เมื่อสุนัขอ้าปากแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือซ้ายคีบยาเม็ดค่อย ๆ ไปวางที่โคนลิ้นสุนัข รีบชักมือออกพร้อมกับหุบปากสุนัขทันที พยายามอย่าให้สุนัขอ้าปาก เพราะว่าจะขย้อนยาเม็ดดังกล่าวออกมา สังเกตดูว่าสุนัขกลืนยาหรือไม่โดยดูที่คอสุนัข ไม่ควรใช้มือไปขยำหรือนวดที่คอเพื่อช่วยให้กลืนยาเม็ด เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรและยังอาจทำให้สุนัขไม่สามารถกลืนยาได้บางครั้งการให้ยาเม็ดไม่จำเป็นต้องป้อน ในกรณีนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่นำยาเม็ดนั้นแทรกลงไปในก้อนเนื้อกล้วย หรือฮอทด็อกหรืออาหารที่สุนัขชอบกินและโปรดปรานนำมาสอดไส้ใส่ยาเข้าไปแล้ววางให้สุนัขกินก็ได้ แต่สุนัขบางตัวมีความฉลาดและรู้ทัน จะไม่ยอมกินซึ่งจำเป็นต้องป้อน อาจจะด้วยมือ หรือใช้เครื่องมือป้อนยาเม็ดนั้นช่วยในการป้อนยาเม็ดนั้นถ้ามือไปสัมผัสกับน้ำลายสุนัข หลังจากเสร็จแล้ว ควรล้างมือทันทีเพื่อรักษาความสะอาดการจับบังคับสุนัขเพื่อให้กินยาประเภทน้ำ ในการป้อนยาประเภทน้ำนั้นค่อนข้างจะง่ายกว่า การป้อนยาประเภทเม็ดเพราะว่าไม่จำเป็นต้องอ้าปากสุนัขแต่อย่างใด สามารถป้อนได้ในขณะที่สุนัขยังถูกผูกปากอยู่ได้ โดยอาศัยหลักทางกายภาพที่ว่า มุมฝีปากด้านข้างสุนัขนั้น มีความยืดหยุ่นได้ ใช้มือหนึ่งจับที่ปลายปากโดยรอบทั้งขากรรไกรล่างและขากรรไกรบนไว้อีกมือหนึ่งแยกริมฝีปากล่างและดึงมุมปากออกมา ก็จะเกิดเป็นลักษณะกระพุ้งหรือถุง ของแก้มสามารถที่จะใช้ช้อน กระบอกฉีดยาหรือใช้เครื่องใส่ยาน้ำ สำหรับป้อนฉีดเข้าไปในกระพุ้งแก้ม ขณะเดียวกันก็พยายามยกหน้าสุนัขให้เชิดขึ้นเล็กน้อย ข้อสำคัญ เครื่องมือที่ใช้ใส่ยาสำหรับป้อนนั้นไม่ควรทำด้วยวัสดุประเภทแก้วหรือสิ่งที่แตกง่าย เพราะว่าสุนัขอาจจะกัดหรือดิ้นและหล่นแตก อาจจะบาดปากสุนัขหรือมือผู้ป้อนได้ เครื่องมือเฉพาะสำหรับป้อนยาน้ำเรียกว่า”Drenchong Spoon” จึงจะปลอดภัยทั้งตัวท่านและสัตว์เลี้ยง

8428


เทคนิคการป้อนยาเม็ดสุนัขแบบง่ายๆ

ในการให้ยาเม็ด (Pill) ทางปากแก่สุนัข เมื่อสุนัขอ้าปากให้วางยาที่โคลนลิ้น สุนัขจะกลืนยาเม็ดลงคอไปได้ ถ้าวางยาเม็ดที่ปลายลิ้นหรือบริเวณอื่นในปาก สุนัขจะสามารถขย้อนยาเม็ดนั้นออกมาและคายทิ้งไป ทำให้เสียยาไป ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือจะต้องจับยาเม็ดเข้าไปในปากต้องมีโอกาสสัมผัส กับน้ำลายสุนัขภายในปากซึ่งมีโรคติดต่อบางอย่างผ่านมาในน้ำลายสุนัขและติดถึงคนได้ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ฉะนั้นการที่จะป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้นต้องทราบประวัติสุนัขตัวนั้นอย่างแน่นอนว่า ไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ทางที่ดีควรป้อนยา
เม็ดโดยใช้เครื่องมือ เช่น Balling Gun หรือปากคีบเป็นต้น ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้มือคนป้อนสุนัขจะไม่สัมผัสน้ำลายสุนัขเลยวิธีการป้อนยาเม็ดด้วยมือ ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้น อาจใช้มือไหนจับหัวสุนัขก็ได้ ขึ้นอยู่กับความถนัด สมมุติว่าใช้มือขวาเป็นมือที่ใช้จับหัวสุนัข โดยใช้ฝ่ามือคว่ำและคร่อมสันจมูกบริเวณ Interdental Space ให้สันจมูกอยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 ท่อน แขนของมือขวาวางทาบไปบนหน้าผากของสุนัขซึ่งท่อนแขนนี้จะช่วยยกให้หัวสุนัขแหงนขึ้นด้วย แต่ทั่ว ๆ ไป สุนัขไม่ยอมอ้าปาก ต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 กดริมฝีปากให้แรงพอที่จะให้ริมฝีปากนั้น กดกับเหงือกและฟันทำให้สุนัขยอมอ้าปากได้บางรายแทนที่จะใช้ฝ่ามือคร่อมขากรรไกรกลับมาจับที่ขากรรไกรล่างแทนก็ได้ เมื่อสุนัขอ้าปากแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือซ้ายคีบยาเม็ดค่อย ๆ ไปวางที่โคนลิ้นสุนัข รีบชักมือออกพร้อมกับหุบปากสุนัขทันที พยายามอย่าให้สุนัขอ้าปาก เพราะว่าจะขย้อนยาเม็ดดังกล่าวออกมา สังเกตดูว่าสุนัขกลืนยาหรือไม่โดยดูที่คอสุนัข ไม่ควรใช้มือไปขยำหรือนวดที่คอเพื่อช่วยให้กลืนยาเม็ด เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรและยังอาจทำให้สุนัขไม่สามารถกลืนยาได้บางครั้งการให้ยาเม็ดไม่จำเป็นต้องป้อน ในกรณีนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่นำยาเม็ดนั้นแทรกลงไปในก้อนเนื้อกล้วย หรือฮอทด็อกหรืออาหารที่สุนัขชอบกินและโปรดปรานนำมาสอดไส้ใส่ยาเข้าไปแล้ววางให้สุนัขกินก็ได้ แต่สุนัขบางตัวมีความฉลาดและรู้ทัน จะไม่ยอมกินซึ่งจำเป็นต้องป้อน อาจจะด้วยมือ หรือใช้เครื่องมือป้อนยาเม็ดนั้นช่วยในการป้อนยาเม็ดนั้นถ้ามือไปสัมผัสกับน้ำลายสุนัข หลังจากเสร็จแล้ว ควรล้างมือทันทีเพื่อรักษาความสะอาดการจับบังคับสุนัขเพื่อให้กินยาประเภทน้ำ ในการป้อนยาประเภทน้ำนั้นค่อนข้างจะง่ายกว่า การป้อนยาประเภทเม็ดเพราะว่าไม่จำเป็นต้องอ้าปากสุนัขแต่อย่างใด สามารถป้อนได้ในขณะที่สุนัขยังถูกผูกปากอยู่ได้ โดยอาศัยหลักทางกายภาพที่ว่า มุมฝีปากด้านข้างสุนัขนั้น มีความยืดหยุ่นได้ ใช้มือหนึ่งจับที่ปลายปากโดยรอบทั้งขากรรไกรล่างและขากรรไกรบนไว้อีกมือหนึ่งแยกริมฝีปากล่างและดึงมุมปากออกมา ก็จะเกิดเป็นลักษณะกระพุ้งหรือถุง ของแก้มสามารถที่จะใช้ช้อน กระบอกฉีดยาหรือใช้เครื่องใส่ยาน้ำ สำหรับป้อนฉีดเข้าไปในกระพุ้งแก้ม ขณะเดียวกันก็พยายามยกหน้าสุนัขให้เชิดขึ้นเล็กน้อย ข้อสำคัญ เครื่องมือที่ใช้ใส่ยาสำหรับป้อนนั้นไม่ควรทำด้วยวัสดุประเภทแก้วหรือสิ่งที่แตกง่าย เพราะว่าสุนัขอาจจะกัดหรือดิ้นและหล่นแตก อาจจะบาดปากสุนัขหรือมือผู้ป้อนได้ เครื่องมือเฉพาะสำหรับป้อนยาน้ำเรียกว่า”Drenchong Spoon” จึงจะปลอดภัยทั้งตัวท่านและสัตว์เลี้ยง

8429


หลังจากเลือกซื้อปั๊กได้มาจากกระทู้ก่อนเเล้วนะค่ะ (คาดว่า คงจะได้มาตอนอายุ เดือนครึ่ง ถึง สองเดือน) ให้นำกลับมาที่บ้านก่อน จัดหาสถานที่อยู่ที่สะอาดที่สุด เช็ดถูกรง และ พื้นอย่างดี ด้วยน้ำยา แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดเช็ดให้แห้ง แล้วปล่อยสุนัขลงเดิน ขับถ่าย ต่างๆ ในบริเวณนั้นๆให้เขาคุ้นเคยกับสถานที่ (ควรเป็นสถานที่เงียบๆ) หลังจากนั้น เอาอาหาร ใส่ชาม แล้ววางไว้ในกรง เอาเขาเข้ากรง ให้กินในกรงจะได้รู้ว่า เข้ากรงแล้วอิ่ม ไม่กลัวกรงจากนั้น ให้ปิดกรง อย่าเอาเขาออกมาอุ้มบ่อยๆ

(ต่อ)
เราอาจสงสัยว่า ลูกสุนัขที่ได้มานั้น ฉีดวัคซีนแล้วหรือยังอันนี้ เราต้องตรวจสอบจากผู้ขายให้เราหรือฟาร์มว่าฉีดมากี่เข็มเเล้ว
วัคซีนสำหรับลูกสุนัขนั้นอาจจะแบ่งได้คร่าวๆ ง่ายๆ ดังนี้
1 วัคซีนรวม
2 วัคซีนรวมห้าโรค
3 วัคซีนกันพิษสุนัขบ้า
**หมายเหตุ วัคซีนตัวอื่นนั้น อาจฉีดแยก โดยไม่ฉีดวัคซีนรวมได้

การฉีดวัคซีนนั้น จะเริ่มฉีด ก็ต่อเมื่อ ลูกสุนัข มีอายุ 2 เดือนขึ้นไปและ ไม่เป็นหวัดอยู่ ต้องแข็งแรง และ ต้องหลังจากที่มาที่บ้าน 1 สัปดาห์เพราะ สุนัขเปลี่ยนที่อยู่ ถ้าไปฉีดตอนนั้น วัคซีนจะไม่เกิดผลเท่าที่ควรค่ะ

(ต่อ)
ถ้าไปคลินิก ก็บอกว่า ให้ฉีดวัคซีนรวมห้าโรคนะค่ะพอจบโปรแกรมวัคซีนรวมแล้ว ก็จะเริ่มฉีด วัคซีนพิษสุนัขบ้า แต่ข้อควรระวังมีอยู่ดังนี้ค่ะ

1 สุนัขเมื่อได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ต้องนวดๆ ตรงบริเวณที่ฉีดเพื่อให้วัคซีนกระจายออกไป ไม่รวมกัน จะได้ไม่เกิดเป็นไตเเข็งๆนะค่ะ ถ้าเกิดเป็นไตแข็งๆ กว่าจะหายก็นาน

2 ให้เฝ้าคอยมาดูสุนัขบ่อยๆ เพราะ สุนัขอาจเกิดอาการแพ้วัคซีนซึ่งมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งในจำนวนอาการที่บอกมา คือหน้าตาบวม ตัวเป็นผื่น เป็นไข้สูง อาเจียน หายใจถี่ ชัก ฯลฯให้รีบพาสุนัขไปหาสัตว์แพทย์ หรือ ให้ยาแก้แพ้กับสุนัข( 1/4 ของเม็ด)แต่ยาแก้แพ้ ก็มีหลายยี่ห้ออาจเกิดผลไม่ทันใจ ต้องรอเป็นชั่วโมงดังนั้น ไปให้คุณหมอฉีดยาแก้แพ้ให้จะให้ผลเร็วกว่า และ ป้องกันการเกิดเหตุสุดวิสัยครับ

(ต่อ)
ลูกสุนัข ต้องการอาหารทุกหมู่ แต่ผักบางอย่างเขาก็กินไม่ได้ อย่าลืมว่าสุนัขของเรา เป็นสัตว์กินเนื้อดังนั้น หากไม่ให้กินอาหารเม็ด ก็ควรให้กินเนื้อสัตว์ที่สุกดีแล้ว อย่างเช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว ส่วนเนื้อหมูนั้นไม่ค่อยแนะนำ เพราะทำให้ขนร่วงกว่ากินเนื้ออื่นยกเว้นว่า ใช้วิธีการให้อาหารเเบบ บาฟ(เนื้อสดๆสด)ซึ่งหากใช้บาฟ ควรไม่ลืมการถ่ายพยาธิตัวกลมและตัวแบนทุกๆ เดือนอย่างเคร่งครัดอาหารเม็ด สำหรับลูกสุนัขในขั้นแรก ควรแช่อาหารเม็ดด้วยน้ำสะอาดเป็นเวลา20 นาที ก่อนที่จะให้สุนัขทาน เพราะอาหารเม็ดจะบวมน้ำ ทำให้นิ่มแหละเหมาะสำหรับลูกสุนัขที่ฟันเพิ่งขึ้นแล้วไม่ติดคอด้วย แถมยังหัดให้เคี้ยวอาหารการเลือกซื้ออาหาร มีแนวทางดังนี้

ให้พิจารณาใน 3 วิธีนี้ค่ะ
1 อาหารเม็ดเกรดพรีเมี่ยม+แคลเซียม+วิตามิน
2 อาหารเม็ดเกรดปานกลาง+แคลเซียม+วิตามิน+น่องไก่
3 อาหารเม็ดเกรดค่อนข้างต่ำ+แคลเซียม+วิตามิน

วิธีที่ 1 และ 2 เหมาะสำหรับเจ้าของที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แต่หากเลือกวิธีที่สาม ก็ควรจะมีการสลับเป็น 1 หรือ 2 บ้างในบางสัปดาห์ เพราะ

วิธีที่3 จะทำให้สุนัขผอม เพราะ ส่วนผสมของอาหารเกรดต่ำนั้นจะไม่ให้คุณค่าเพียงพอกับความต้องการของน้องหมาจึงควรจะเสริมอาหารสด หรือ อย่างอื่นเพิ่มเข้าไปด้วยหากเราลองมาคำนวณค่าใช้จ่ายในแต่ละแนวทางแล้วจึงค่อยตกลงใจในการเลือกวิธี ก็ไม่ผิดค่ะ

(ต่อ) : โปรตีน ที่ดีสร้างกล้ามเนื้อ โปรตีนแย่ๆ เสียดายเงิน

เรื่องความสำคัญของ ส่วนประกอบอาหาร และ ประโยชน์ที่ให้กับตัวสุนัขนั้นเป็นเรื่องที่ ผู้เลี้ยง จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ส่วนประกอบของอาหาร ที่ควรพิจารณา คือ โปรตีน ค่ะ

โปรตีน มีหน้าที่ เสริมสร้างกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกายสุนัข ลูกสุนัขจำเป็นต้องกินโปรตีนมากๆ เพื่อที่จะเอาไปใช้ในการพัฒนาการของโครงสร้างกล้ามเนื้อต่างๆ ให้เฟิร์มขึ้นมาที่ละน้อย สำหรับปีแรก ควรเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบเปอร์เซ็นต์โปรตีนมากๆ ไว้ก่อน แต่ จำไว้ว่า โปรตีน ก็มีหลายตัว โปรตีนที่ใช้ในอาหารลูกสุนัข มีขนาดโมเลกุลไม่เท่ากัน และ บางครั้ง อาหารบางชนิดก็ยังบดกระดูกสัตว์ปนมาเป็นส่วนผสม ซึ่งตรงนี้ คือข้อแตกต่างระหว่างอาหารสุนัขที่ดี และ ไม่ดี ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงโปรตีนลักษณะนี้ด้วย (อ่านข้างถุงดู ว่ามีส่วนผสมการบดกระดูกลงไปหรือเปล่า) เพราะว่า สุนัขจะได้รับโปรตีนชนิดที่ไม่ดีเข้าไปในร่างกาย และ นำไปใช้เสริมสร้างกล้ามเนื้อไม่ค่อยได้
ดังนั้น หากเราคิดว่าซื้ออาหารสุนัขราคาถูก แล้วค่อยไปเสริมด้วยเนื้อสัตว์ในทุกๆ มื้อของการให้อาหาร จึงเป็นสิ่งที่ดีกว่าให้กินอาหารชนิดนั้นๆ แบบเพียวๆ

เรื่องปริมาณอาหาร และ ระยะเวลา
ถ้าจะคำนวนระยะเวลาของการใช้อาหารเม็ดจนหมดถึง จะต้องรู้ว่า สุนัขของเราน้ำหนัก
เท่าไหร่ก่อนค่ะ สำหรับอัตราการกินอาหารของสุนัข ต่อ วัน คือ กินอาหารอย่างน้อย3% ของ น้ำหนักตัวสุนัข ต่อ 1 วันนะครับ ตัวอย่างคือ ถ้าสุนัขหนัก 1 กิโล ก็ต้องกินอย่างน้อยวันละ 300 กรัม ครับ (แต่แนะนำ ให้เป็น 3% ต่อมื้อ ไม่ใช่ต่อวัน)
ตารางเปรียบเทียบความถี่การให้อาหาร สำหรับลูกสุนัข

อายุ 2 เดือน   4 มื้อ/วัน   เวลาอาหาร 6.00 12.00 18.00 22.00
อายุ 4 เดือน   3 มื้อ/วัน   เวลาอาหาร 6.00 12.00 18.00
อายุ 6 เดือน-1ปี   3 มื้อ/วัน  เวลาอาหาร 6.00 12.00 21.00


8430


หลังจากเลือกซื้อปั๊กได้มาจากกระทู้ก่อนเเล้วนะค่ะ (คาดว่า คงจะได้มาตอนอายุ เดือนครึ่ง ถึง สองเดือน) ให้นำกลับมาที่บ้านก่อน จัดหาสถานที่อยู่ที่สะอาดที่สุด เช็ดถูกรง และ พื้นอย่างดี ด้วยน้ำยา แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดเช็ดให้แห้ง แล้วปล่อยสุนัขลงเดิน ขับถ่าย ต่างๆ ในบริเวณนั้นๆให้เขาคุ้นเคยกับสถานที่ (ควรเป็นสถานที่เงียบๆ) หลังจากนั้น เอาอาหาร ใส่ชาม แล้ววางไว้ในกรง เอาเขาเข้ากรง ให้กินในกรงจะได้รู้ว่า เข้ากรงแล้วอิ่ม ไม่กลัวกรงจากนั้น ให้ปิดกรง อย่าเอาเขาออกมาอุ้มบ่อยๆ

(ต่อ)
เราอาจสงสัยว่า ลูกสุนัขที่ได้มานั้น ฉีดวัคซีนแล้วหรือยังอันนี้ เราต้องตรวจสอบจากผู้ขายให้เราหรือฟาร์มว่าฉีดมากี่เข็มเเล้ว
วัคซีนสำหรับลูกสุนัขนั้นอาจจะแบ่งได้คร่าวๆ ง่ายๆ ดังนี้
1 วัคซีนรวม
2 วัคซีนรวมห้าโรค
3 วัคซีนกันพิษสุนัขบ้า
**หมายเหตุ วัคซีนตัวอื่นนั้น อาจฉีดแยก โดยไม่ฉีดวัคซีนรวมได้

การฉีดวัคซีนนั้น จะเริ่มฉีด ก็ต่อเมื่อ ลูกสุนัข มีอายุ 2 เดือนขึ้นไปและ ไม่เป็นหวัดอยู่ ต้องแข็งแรง และ ต้องหลังจากที่มาที่บ้าน 1 สัปดาห์เพราะ สุนัขเปลี่ยนที่อยู่ ถ้าไปฉีดตอนนั้น วัคซีนจะไม่เกิดผลเท่าที่ควรค่ะ

(ต่อ)
ถ้าไปคลินิก ก็บอกว่า ให้ฉีดวัคซีนรวมห้าโรคนะค่ะพอจบโปรแกรมวัคซีนรวมแล้ว ก็จะเริ่มฉีด วัคซีนพิษสุนัขบ้า แต่ข้อควรระวังมีอยู่ดังนี้ค่ะ

1 สุนัขเมื่อได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ต้องนวดๆ ตรงบริเวณที่ฉีดเพื่อให้วัคซีนกระจายออกไป ไม่รวมกัน จะได้ไม่เกิดเป็นไตเเข็งๆนะค่ะ ถ้าเกิดเป็นไตแข็งๆ กว่าจะหายก็นาน

2 ให้เฝ้าคอยมาดูสุนัขบ่อยๆ เพราะ สุนัขอาจเกิดอาการแพ้วัคซีนซึ่งมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งในจำนวนอาการที่บอกมา คือหน้าตาบวม ตัวเป็นผื่น เป็นไข้สูง อาเจียน หายใจถี่ ชัก ฯลฯให้รีบพาสุนัขไปหาสัตว์แพทย์ หรือ ให้ยาแก้แพ้กับสุนัข( 1/4 ของเม็ด)แต่ยาแก้แพ้ ก็มีหลายยี่ห้ออาจเกิดผลไม่ทันใจ ต้องรอเป็นชั่วโมงดังนั้น ไปให้คุณหมอฉีดยาแก้แพ้ให้จะให้ผลเร็วกว่า และ ป้องกันการเกิดเหตุสุดวิสัยครับ

(ต่อ)
ลูกสุนัข ต้องการอาหารทุกหมู่ แต่ผักบางอย่างเขาก็กินไม่ได้ อย่าลืมว่าสุนัขของเรา เป็นสัตว์กินเนื้อดังนั้น หากไม่ให้กินอาหารเม็ด ก็ควรให้กินเนื้อสัตว์ที่สุกดีแล้ว อย่างเช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว ส่วนเนื้อหมูนั้นไม่ค่อยแนะนำ เพราะทำให้ขนร่วงกว่ากินเนื้ออื่นยกเว้นว่า ใช้วิธีการให้อาหารเเบบ บาฟ(เนื้อสดๆสด)ซึ่งหากใช้บาฟ ควรไม่ลืมการถ่ายพยาธิตัวกลมและตัวแบนทุกๆ เดือนอย่างเคร่งครัดอาหารเม็ด สำหรับลูกสุนัขในขั้นแรก ควรแช่อาหารเม็ดด้วยน้ำสะอาดเป็นเวลา20 นาที ก่อนที่จะให้สุนัขทาน เพราะอาหารเม็ดจะบวมน้ำ ทำให้นิ่มแหละเหมาะสำหรับลูกสุนัขที่ฟันเพิ่งขึ้นแล้วไม่ติดคอด้วย แถมยังหัดให้เคี้ยวอาหารการเลือกซื้ออาหาร มีแนวทางดังนี้

ให้พิจารณาใน 3 วิธีนี้ค่ะ
1 อาหารเม็ดเกรดพรีเมี่ยม+แคลเซียม+วิตามิน
2 อาหารเม็ดเกรดปานกลาง+แคลเซียม+วิตามิน+น่องไก่
3 อาหารเม็ดเกรดค่อนข้างต่ำ+แคลเซียม+วิตามิน

วิธีที่ 1 และ 2 เหมาะสำหรับเจ้าของที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แต่หากเลือกวิธีที่สาม ก็ควรจะมีการสลับเป็น 1 หรือ 2 บ้างในบางสัปดาห์ เพราะ

วิธีที่3 จะทำให้สุนัขผอม เพราะ ส่วนผสมของอาหารเกรดต่ำนั้นจะไม่ให้คุณค่าเพียงพอกับความต้องการของน้องหมาจึงควรจะเสริมอาหารสด หรือ อย่างอื่นเพิ่มเข้าไปด้วยหากเราลองมาคำนวณค่าใช้จ่ายในแต่ละแนวทางแล้วจึงค่อยตกลงใจในการเลือกวิธี ก็ไม่ผิดค่ะ

(ต่อ) : โปรตีน ที่ดีสร้างกล้ามเนื้อ โปรตีนแย่ๆ เสียดายเงิน

เรื่องความสำคัญของ ส่วนประกอบอาหาร และ ประโยชน์ที่ให้กับตัวสุนัขนั้นเป็นเรื่องที่ ผู้เลี้ยง จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ส่วนประกอบของอาหาร ที่ควรพิจารณา คือ โปรตีน ค่ะ

โปรตีน มีหน้าที่ เสริมสร้างกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกายสุนัข ลูกสุนัขจำเป็นต้องกินโปรตีนมากๆ เพื่อที่จะเอาไปใช้ในการพัฒนาการของโครงสร้างกล้ามเนื้อต่างๆ ให้เฟิร์มขึ้นมาที่ละน้อย สำหรับปีแรก ควรเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบเปอร์เซ็นต์โปรตีนมากๆ ไว้ก่อน แต่ จำไว้ว่า โปรตีน ก็มีหลายตัว โปรตีนที่ใช้ในอาหารลูกสุนัข มีขนาดโมเลกุลไม่เท่ากัน และ บางครั้ง อาหารบางชนิดก็ยังบดกระดูกสัตว์ปนมาเป็นส่วนผสม ซึ่งตรงนี้ คือข้อแตกต่างระหว่างอาหารสุนัขที่ดี และ ไม่ดี ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงโปรตีนลักษณะนี้ด้วย (อ่านข้างถุงดู ว่ามีส่วนผสมการบดกระดูกลงไปหรือเปล่า) เพราะว่า สุนัขจะได้รับโปรตีนชนิดที่ไม่ดีเข้าไปในร่างกาย และ นำไปใช้เสริมสร้างกล้ามเนื้อไม่ค่อยได้
ดังนั้น หากเราคิดว่าซื้ออาหารสุนัขราคาถูก แล้วค่อยไปเสริมด้วยเนื้อสัตว์ในทุกๆ มื้อของการให้อาหาร จึงเป็นสิ่งที่ดีกว่าให้กินอาหารชนิดนั้นๆ แบบเพียวๆ

เรื่องปริมาณอาหาร และ ระยะเวลา
ถ้าจะคำนวนระยะเวลาของการใช้อาหารเม็ดจนหมดถึง จะต้องรู้ว่า สุนัขของเราน้ำหนัก
เท่าไหร่ก่อนค่ะ สำหรับอัตราการกินอาหารของสุนัข ต่อ วัน คือ กินอาหารอย่างน้อย3% ของ น้ำหนักตัวสุนัข ต่อ 1 วันนะครับ ตัวอย่างคือ ถ้าสุนัขหนัก 1 กิโล ก็ต้องกินอย่างน้อยวันละ 300 กรัม ครับ (แต่แนะนำ ให้เป็น 3% ต่อมื้อ ไม่ใช่ต่อวัน)
ตารางเปรียบเทียบความถี่การให้อาหาร สำหรับลูกสุนัข

อายุ 2 เดือน   4 มื้อ/วัน   เวลาอาหาร 6.00 12.00 18.00 22.00
อายุ 4 เดือน   3 มื้อ/วัน   เวลาอาหาร 6.00 12.00 18.00
อายุ 6 เดือน-1ปี   3 มื้อ/วัน  เวลาอาหาร 6.00 12.00 21.00