แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

8311


         โรคพยาธิเม็ดเลือดในน้องหมา จะมี 2 ระยะคือ แบบเฉียบพลัน และเรื้อรังแบบเฉียบพลัน น้องหมาจะมีไข้สูง ซึม เบื่ออาหาร น้องหมาบางตัวอาจพบว่าเลือดกำเดาไหล   พบจุดเลือดออกตามตัว ในน้องหมาที่แข็งแรงร่างกายอาจพัฒนาภูมิคุ้มกันมาทำลายเชื้อเอง แต่ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดี พอเชื้อพยาธิเม็ดเลือดจะพัฒนาเข้าสู่อาการแบบเรื้อรัง ซึ่งจะมีอาการรุนแรงตั้งแต่ ซึม มีไข้สูง เลือดกำเดาไหลมาก ปัสสาวะเป็นเลือด หายใจลำบาก จนถึงไขกระดูกทำงานบกพร่องค่ะ ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ทำให้โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ ไตวาย ตับอักเสบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และนำไปสู่การเสียชีวิตได้ซึ่งอันตรายมากเลยนะค่ะ

Eabesia spp. จะอยู่ในเม็ดเลือดแดง และพบว่าในน้องหมาตัวเล็กจะแสดงอาการรุนแรงกว่าน้องหมาตัวโต อาการที่พบบ่อยจะมี ไข้สูง โลหิตจาง ซึม เบื่ออาหาร ในรายที่รุนแรง บริเวณเยื่อเมือก ใบหู จะซีดเหลือง ฉี่เป็นส้ม แดง หรือน้ำตาล เนื่องจากมีการแตกของเม็ดเลือดแดง ตับ ม้ามโต น้องหมาบางตัวอาจมีอาการทางประสาท

 Hepatozoon spp. ชนิดนี้เกิดจากน้องหมากินเห็บเข้าไป อาการที่แสดงออกมักไม่ชัดเจนมีอาการ เจ็บปวด กล้ามเนื้อ มีน้ำมูก น้ำตา ท้องเสีย เบื่ออาหาร กินน้ำมาก ปัสสาวะมาก ปอดผิดปกติ นอกจากนี้ hepatozoon ยังถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกขณะตั้งครรภ์ได้อีกด้วย

วิธีการรักษา โรคพยาธิเม็ดเลือดในน้องหมา
- ถ้าสังเกตุพบน้องหมามีอาการข้างต้นควรไปพบสัตวแพทย์ทันทีค่ะ สัตวแพทย์จะให้ยาฆ่าพยาธิเม็ดเลือด ร่วมกับการรักษาตามอาการ เพื่อควบคุมภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
สำหรับการรักษาก็จะแยกไปตามชนิดของเชื้อ หากน้องหมาป่วยด้วยเชื้อออร์ลิเชียสัตวแพทย์ก็จะฉีดยาหรือจ่ายยาในกลุ่ม tetracycline ให้ป้อนกินติดต่อกันอย่างน้อย 21-28 วัน ร่วมกับการรักษาตามอาการ หากมีภาวะโลหิตจางก็ต้องให้ยาบำรุงเลือดหรือถ่ายเลือดให้ ด้วยเป็นต้น
- ถ้าป่วยด้วยเชื้อบาบิเซียและเฮปปาโตซูน จะรักษาด้วยการฉีดยา เช่น กลุ่ม aromatic diamidine (Imidocarb) สองครั้ง โดยฉีดห่างกัน 14 วัน แต่ยานี้เป็นสารเคมีซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ไอ น้ำลายไหล จึงจำเป็นต้องให้ร่วมกับในกลุ่ม anticolinergic เพื่อลดผลข้างเคียงดังกล่าว
             แต่ไม่ว่าจะติดเชื้อชนิดใดก็ตาม หลังจากการรักษา ก็ควรจะต้องมีการตรวจเลือดซ้ำ เพื่อตรวจร่างรายเป็นระยะ ๆ ซึ่งโรคพยาธิในเม็ดเลือดนี้ บางเชื้อ เช่น เฮปาโตซูนอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเชื้อสามารถซ่อนตัวอยู่ในตับ ม้าม และต่อมน้ำเหลืองได้ เมื่อน้องหมาที่เคยเป็นโรคนี้อ่อนแอลง ก็อาจจะกลับมาป่วยได้อีก

             และสิ่งสำคัญสุดเมื่อใดที่น้องหมายังมีเห็บอยู่ น้องหมาก็พร้อมที่จะกลับติดเชื้อและป่วยได้ใหม่อีกครั้งเช่นกัน ควรป้อนยาให้ครบตามที่คุณหมอจัดให้ เพราะมีเจ้าของบางท่านที่มักจะหยุดป้อนยาเมื่อน้องหมามีอาการดีขึ้น ซึ่งทำให้การรักษาไม่ได้ประสิทธิภาพ และโรคอาจพัฒนาเป็นแบบเรื้อรังในที่สุด

             วิธีการป้องกันที่จะไม่ให้เกิดโรคนี้กับน้องหมาของเราที่ดีที่สุดก็คือ  การจำกัดเห็บรักษาความสะอาดน้องหมา ให้ยาฆ่าเห็บสม่ำเสมอและควรให้บริเวณกรงหรือที่อยู่ของน้องหมาสะอาดไม่เป็นแหล่งเพาะเห็บ และหากน้องหมามีอาการเป็นไข้ ซึม เบื่ออาหาร สงสัยจะเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือดควรรีบพามาหาหมอโดยเร็วค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะค่ะ ^^ Marketdogs


8312


         โรคพยาธิเม็ดเลือดในน้องหมา จะมี 2 ระยะคือ แบบเฉียบพลัน และเรื้อรังแบบเฉียบพลัน น้องหมาจะมีไข้สูง ซึม เบื่ออาหาร น้องหมาบางตัวอาจพบว่าเลือดกำเดาไหล   พบจุดเลือดออกตามตัว ในน้องหมาที่แข็งแรงร่างกายอาจพัฒนาภูมิคุ้มกันมาทำลายเชื้อเอง แต่ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดี พอเชื้อพยาธิเม็ดเลือดจะพัฒนาเข้าสู่อาการแบบเรื้อรัง ซึ่งจะมีอาการรุนแรงตั้งแต่ ซึม มีไข้สูง เลือดกำเดาไหลมาก ปัสสาวะเป็นเลือด หายใจลำบาก จนถึงไขกระดูกทำงานบกพร่องค่ะ ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ทำให้โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ ไตวาย ตับอักเสบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และนำไปสู่การเสียชีวิตได้ซึ่งอันตรายมากเลยนะค่ะ

Eabesia spp. จะอยู่ในเม็ดเลือดแดง และพบว่าในน้องหมาตัวเล็กจะแสดงอาการรุนแรงกว่าน้องหมาตัวโต อาการที่พบบ่อยจะมี ไข้สูง โลหิตจาง ซึม เบื่ออาหาร ในรายที่รุนแรง บริเวณเยื่อเมือก ใบหู จะซีดเหลือง ฉี่เป็นส้ม แดง หรือน้ำตาล เนื่องจากมีการแตกของเม็ดเลือดแดง ตับ ม้ามโต น้องหมาบางตัวอาจมีอาการทางประสาท

 Hepatozoon spp. ชนิดนี้เกิดจากน้องหมากินเห็บเข้าไป อาการที่แสดงออกมักไม่ชัดเจนมีอาการ เจ็บปวด กล้ามเนื้อ มีน้ำมูก น้ำตา ท้องเสีย เบื่ออาหาร กินน้ำมาก ปัสสาวะมาก ปอดผิดปกติ นอกจากนี้ hepatozoon ยังถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกขณะตั้งครรภ์ได้อีกด้วย

วิธีการรักษา โรคพยาธิเม็ดเลือดในน้องหมา
- ถ้าสังเกตุพบน้องหมามีอาการข้างต้นควรไปพบสัตวแพทย์ทันทีค่ะ สัตวแพทย์จะให้ยาฆ่าพยาธิเม็ดเลือด ร่วมกับการรักษาตามอาการ เพื่อควบคุมภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
สำหรับการรักษาก็จะแยกไปตามชนิดของเชื้อ หากน้องหมาป่วยด้วยเชื้อออร์ลิเชียสัตวแพทย์ก็จะฉีดยาหรือจ่ายยาในกลุ่ม tetracycline ให้ป้อนกินติดต่อกันอย่างน้อย 21-28 วัน ร่วมกับการรักษาตามอาการ หากมีภาวะโลหิตจางก็ต้องให้ยาบำรุงเลือดหรือถ่ายเลือดให้ ด้วยเป็นต้น
- ถ้าป่วยด้วยเชื้อบาบิเซียและเฮปปาโตซูน จะรักษาด้วยการฉีดยา เช่น กลุ่ม aromatic diamidine (Imidocarb) สองครั้ง โดยฉีดห่างกัน 14 วัน แต่ยานี้เป็นสารเคมีซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ไอ น้ำลายไหล จึงจำเป็นต้องให้ร่วมกับในกลุ่ม anticolinergic เพื่อลดผลข้างเคียงดังกล่าว
             แต่ไม่ว่าจะติดเชื้อชนิดใดก็ตาม หลังจากการรักษา ก็ควรจะต้องมีการตรวจเลือดซ้ำ เพื่อตรวจร่างรายเป็นระยะ ๆ ซึ่งโรคพยาธิในเม็ดเลือดนี้ บางเชื้อ เช่น เฮปาโตซูนอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเชื้อสามารถซ่อนตัวอยู่ในตับ ม้าม และต่อมน้ำเหลืองได้ เมื่อน้องหมาที่เคยเป็นโรคนี้อ่อนแอลง ก็อาจจะกลับมาป่วยได้อีก

             และสิ่งสำคัญสุดเมื่อใดที่น้องหมายังมีเห็บอยู่ น้องหมาก็พร้อมที่จะกลับติดเชื้อและป่วยได้ใหม่อีกครั้งเช่นกัน ควรป้อนยาให้ครบตามที่คุณหมอจัดให้ เพราะมีเจ้าของบางท่านที่มักจะหยุดป้อนยาเมื่อน้องหมามีอาการดีขึ้น ซึ่งทำให้การรักษาไม่ได้ประสิทธิภาพ และโรคอาจพัฒนาเป็นแบบเรื้อรังในที่สุด

             วิธีการป้องกันที่จะไม่ให้เกิดโรคนี้กับน้องหมาของเราที่ดีที่สุดก็คือ  การจำกัดเห็บรักษาความสะอาดน้องหมา ให้ยาฆ่าเห็บสม่ำเสมอและควรให้บริเวณกรงหรือที่อยู่ของน้องหมาสะอาดไม่เป็นแหล่งเพาะเห็บ และหากน้องหมามีอาการเป็นไข้ ซึม เบื่ออาหาร สงสัยจะเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือดควรรีบพามาหาหมอโดยเร็วค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะค่ะ ^^ Marketdogs


8313
โรคที่มักพบ / โรคมดลูกอักเสบ
« เมื่อ: 13 ม.ค. 57, 22:54:28น. »


โรคมดลูกอักเสบในน้องหมา มี 2 แบบ นะค่ะ
1 แบบเปิด จะมีหนองไหลออกมาจากอวัยวะเพศของน้องหมาจะสังเกตุได้ง่าย open pyometra
2 แบบปิด เราจะไม่เห็นอะไรเลย อันตรายมากเพราะเราจะไม่รู้ได้เลยว่าน้องหมาเป็นมดลูกอักเสบ ต้องอาศัยการสังเกตุพฤติกรรมน้องหมาเราเองค่ะ

แบบปิด จะมีหนองสะสม จะเห็นว่าน้องหมาอ้วนขึ้น จนนึกว่าน้องหมาท้อง
แบบนี้รุนแรงเพราะหนองอาจแตกในท้องได้ แต่ถ้าประจวบกันปากช่องคลอดเปิด(หลังจากอ้วนมาระยะหนึ่ง)
หนองก้อจะไหลออกมา กลายเป็นแบบเปิดได้ อันนี้ก้อโชคดีหน่อยค่ะ
ทั้ง 2 แบบต่างกัน ความรุนแรงก็จะต่างกันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก้ออันตรายถึงชีวิตทั้งนั้นเลยค่ะ การรักษาคือการผ่าตัดทำหมั๋นเอามดลูกออก และให้น้ำเกลือ ล้างพิษของหนองระยะหนึ่ง

สาเหตุของมดลูกลูกอักเสบ เกิดจากการไม่สมดุลของฮอร์โมน ทำให้เกิดผนังมดลูกหนาตัว ง่ายต่อการติดเชื้อ
การเกิดมดลูกอักเสบส่วนมากมาจากการใช้ยาคุม (ของคน) ฉีดให้น้องหมาโดยอาจฉีดติดต่อกันมากกว่า 2 ครั้งก็จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นสูง
และอาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย ประการที่ 2 คือ เกิดจากตัวเค้าเองที่มีการค้างของฮอร์โมนที่ว่ามาครับ ฮอร์โมนนี้มีชื่อว่า "โปรเจสเตอโรน "

การจะป้องกันหรือปรับระดับฮอร์โมนตัวนี้คงยากครับ และอยู่ดีๆก็คงไม่ค่อยมีใครสนใจที่จะตรวจระดับฮอร์โมนนี้

แนะนำง่ายๆ ค่ะ
1 คอยสังเกตว่าน้องหมากินน้ำมาก ฉี่มากไหม ถ้าใช่ก็ให้ระวัง
2 มีการเจ็บท้องไหม ท้องอาจใหญ่ขึ้น เกร็ง ถ้าใช่ให้ระวัง
3 มีน้ำเหม็นๆ ดำๆ แดงๆ มีหนอง ออกมาจากช่องคลอดไหม ถ้าใช่ให้ระวัง

หากสุนัขเป็นมดลูกอักเสบแบบปิด เราจะไม่เห็นหนองไหลออกมาอันนี้ก็ยากที่จะสังเกต
คงต้องดูจากข้อ 1-2 แล้วตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อไหม นอกจากนี้ก็ใช้การ x-rays ช่องท้องประกอบจะทำให้ชัดเจนมาก

ในเรื่องของการคุมกำเนิดโดยการฉีดยาคุมกำเนิดนั้น จากสถิติพบว่าเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้
เนื่องจากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผนังมดลูก ก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น แม้ในปัจจุบันจะมียาคุมชนิดใหม่เข้ามาใช้ในการคุมกำเนิด
และมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงกว่ายาคุมที่ใช้ในปัจจุบัน แต่จากประสบการณ์ที่ใช้นอกจาจะมีข้อจำกัดที่ราคาค่อนข้างสูง และพบว่ามีน้องหมาบางตัว ที่เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้เช่นกัน
ดังนั้นหากเจ้าของน้องหมาไม่ต้องการให้น้องหมามีลูกอย่างถาวร ควรทำการผ่าตัดทำหมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ


8314
โรคที่มักพบ / โรคมดลูกอักเสบ
« เมื่อ: 13 ม.ค. 57, 22:54:28น. »


โรคมดลูกอักเสบในน้องหมา มี 2 แบบ นะค่ะ
1 แบบเปิด จะมีหนองไหลออกมาจากอวัยวะเพศของน้องหมาจะสังเกตุได้ง่าย open pyometra
2 แบบปิด เราจะไม่เห็นอะไรเลย อันตรายมากเพราะเราจะไม่รู้ได้เลยว่าน้องหมาเป็นมดลูกอักเสบ ต้องอาศัยการสังเกตุพฤติกรรมน้องหมาเราเองค่ะ

แบบปิด จะมีหนองสะสม จะเห็นว่าน้องหมาอ้วนขึ้น จนนึกว่าน้องหมาท้อง
แบบนี้รุนแรงเพราะหนองอาจแตกในท้องได้ แต่ถ้าประจวบกันปากช่องคลอดเปิด(หลังจากอ้วนมาระยะหนึ่ง)
หนองก้อจะไหลออกมา กลายเป็นแบบเปิดได้ อันนี้ก้อโชคดีหน่อยค่ะ
ทั้ง 2 แบบต่างกัน ความรุนแรงก็จะต่างกันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก้ออันตรายถึงชีวิตทั้งนั้นเลยค่ะ การรักษาคือการผ่าตัดทำหมั๋นเอามดลูกออก และให้น้ำเกลือ ล้างพิษของหนองระยะหนึ่ง

สาเหตุของมดลูกลูกอักเสบ เกิดจากการไม่สมดุลของฮอร์โมน ทำให้เกิดผนังมดลูกหนาตัว ง่ายต่อการติดเชื้อ
การเกิดมดลูกอักเสบส่วนมากมาจากการใช้ยาคุม (ของคน) ฉีดให้น้องหมาโดยอาจฉีดติดต่อกันมากกว่า 2 ครั้งก็จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นสูง
และอาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย ประการที่ 2 คือ เกิดจากตัวเค้าเองที่มีการค้างของฮอร์โมนที่ว่ามาครับ ฮอร์โมนนี้มีชื่อว่า "โปรเจสเตอโรน "

การจะป้องกันหรือปรับระดับฮอร์โมนตัวนี้คงยากครับ และอยู่ดีๆก็คงไม่ค่อยมีใครสนใจที่จะตรวจระดับฮอร์โมนนี้

แนะนำง่ายๆ ค่ะ
1 คอยสังเกตว่าน้องหมากินน้ำมาก ฉี่มากไหม ถ้าใช่ก็ให้ระวัง
2 มีการเจ็บท้องไหม ท้องอาจใหญ่ขึ้น เกร็ง ถ้าใช่ให้ระวัง
3 มีน้ำเหม็นๆ ดำๆ แดงๆ มีหนอง ออกมาจากช่องคลอดไหม ถ้าใช่ให้ระวัง

หากสุนัขเป็นมดลูกอักเสบแบบปิด เราจะไม่เห็นหนองไหลออกมาอันนี้ก็ยากที่จะสังเกต
คงต้องดูจากข้อ 1-2 แล้วตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อไหม นอกจากนี้ก็ใช้การ x-rays ช่องท้องประกอบจะทำให้ชัดเจนมาก

ในเรื่องของการคุมกำเนิดโดยการฉีดยาคุมกำเนิดนั้น จากสถิติพบว่าเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้
เนื่องจากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผนังมดลูก ก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น แม้ในปัจจุบันจะมียาคุมชนิดใหม่เข้ามาใช้ในการคุมกำเนิด
และมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงกว่ายาคุมที่ใช้ในปัจจุบัน แต่จากประสบการณ์ที่ใช้นอกจาจะมีข้อจำกัดที่ราคาค่อนข้างสูง และพบว่ามีน้องหมาบางตัว ที่เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้เช่นกัน
ดังนั้นหากเจ้าของน้องหมาไม่ต้องการให้น้องหมามีลูกอย่างถาวร ควรทำการผ่าตัดทำหมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ


8315
โรคที่มักพบ / โรคมดลูกอักเสบ
« เมื่อ: 13 ม.ค. 57, 22:54:28น. »


โรคมดลูกอักเสบในน้องหมา มี 2 แบบ นะค่ะ
1 แบบเปิด จะมีหนองไหลออกมาจากอวัยวะเพศของน้องหมาจะสังเกตุได้ง่าย open pyometra
2 แบบปิด เราจะไม่เห็นอะไรเลย อันตรายมากเพราะเราจะไม่รู้ได้เลยว่าน้องหมาเป็นมดลูกอักเสบ ต้องอาศัยการสังเกตุพฤติกรรมน้องหมาเราเองค่ะ

แบบปิด จะมีหนองสะสม จะเห็นว่าน้องหมาอ้วนขึ้น จนนึกว่าน้องหมาท้อง
แบบนี้รุนแรงเพราะหนองอาจแตกในท้องได้ แต่ถ้าประจวบกันปากช่องคลอดเปิด(หลังจากอ้วนมาระยะหนึ่ง)
หนองก้อจะไหลออกมา กลายเป็นแบบเปิดได้ อันนี้ก้อโชคดีหน่อยค่ะ
ทั้ง 2 แบบต่างกัน ความรุนแรงก็จะต่างกันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก้ออันตรายถึงชีวิตทั้งนั้นเลยค่ะ การรักษาคือการผ่าตัดทำหมั๋นเอามดลูกออก และให้น้ำเกลือ ล้างพิษของหนองระยะหนึ่ง

สาเหตุของมดลูกลูกอักเสบ เกิดจากการไม่สมดุลของฮอร์โมน ทำให้เกิดผนังมดลูกหนาตัว ง่ายต่อการติดเชื้อ
การเกิดมดลูกอักเสบส่วนมากมาจากการใช้ยาคุม (ของคน) ฉีดให้น้องหมาโดยอาจฉีดติดต่อกันมากกว่า 2 ครั้งก็จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นสูง
และอาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย ประการที่ 2 คือ เกิดจากตัวเค้าเองที่มีการค้างของฮอร์โมนที่ว่ามาครับ ฮอร์โมนนี้มีชื่อว่า "โปรเจสเตอโรน "

การจะป้องกันหรือปรับระดับฮอร์โมนตัวนี้คงยากครับ และอยู่ดีๆก็คงไม่ค่อยมีใครสนใจที่จะตรวจระดับฮอร์โมนนี้

แนะนำง่ายๆ ค่ะ
1 คอยสังเกตว่าน้องหมากินน้ำมาก ฉี่มากไหม ถ้าใช่ก็ให้ระวัง
2 มีการเจ็บท้องไหม ท้องอาจใหญ่ขึ้น เกร็ง ถ้าใช่ให้ระวัง
3 มีน้ำเหม็นๆ ดำๆ แดงๆ มีหนอง ออกมาจากช่องคลอดไหม ถ้าใช่ให้ระวัง

หากสุนัขเป็นมดลูกอักเสบแบบปิด เราจะไม่เห็นหนองไหลออกมาอันนี้ก็ยากที่จะสังเกต
คงต้องดูจากข้อ 1-2 แล้วตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อไหม นอกจากนี้ก็ใช้การ x-rays ช่องท้องประกอบจะทำให้ชัดเจนมาก

ในเรื่องของการคุมกำเนิดโดยการฉีดยาคุมกำเนิดนั้น จากสถิติพบว่าเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้
เนื่องจากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผนังมดลูก ก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น แม้ในปัจจุบันจะมียาคุมชนิดใหม่เข้ามาใช้ในการคุมกำเนิด
และมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงกว่ายาคุมที่ใช้ในปัจจุบัน แต่จากประสบการณ์ที่ใช้นอกจาจะมีข้อจำกัดที่ราคาค่อนข้างสูง และพบว่ามีน้องหมาบางตัว ที่เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้เช่นกัน
ดังนั้นหากเจ้าของน้องหมาไม่ต้องการให้น้องหมามีลูกอย่างถาวร ควรทำการผ่าตัดทำหมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ


8316
โรคที่มักพบ / โรคมดลูกอักเสบ
« เมื่อ: 13 ม.ค. 57, 22:54:28น. »


โรคมดลูกอักเสบในน้องหมา มี 2 แบบ นะค่ะ
1 แบบเปิด จะมีหนองไหลออกมาจากอวัยวะเพศของน้องหมาจะสังเกตุได้ง่าย open pyometra
2 แบบปิด เราจะไม่เห็นอะไรเลย อันตรายมากเพราะเราจะไม่รู้ได้เลยว่าน้องหมาเป็นมดลูกอักเสบ ต้องอาศัยการสังเกตุพฤติกรรมน้องหมาเราเองค่ะ

แบบปิด จะมีหนองสะสม จะเห็นว่าน้องหมาอ้วนขึ้น จนนึกว่าน้องหมาท้อง
แบบนี้รุนแรงเพราะหนองอาจแตกในท้องได้ แต่ถ้าประจวบกันปากช่องคลอดเปิด(หลังจากอ้วนมาระยะหนึ่ง)
หนองก้อจะไหลออกมา กลายเป็นแบบเปิดได้ อันนี้ก้อโชคดีหน่อยค่ะ
ทั้ง 2 แบบต่างกัน ความรุนแรงก็จะต่างกันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก้ออันตรายถึงชีวิตทั้งนั้นเลยค่ะ การรักษาคือการผ่าตัดทำหมั๋นเอามดลูกออก และให้น้ำเกลือ ล้างพิษของหนองระยะหนึ่ง

สาเหตุของมดลูกลูกอักเสบ เกิดจากการไม่สมดุลของฮอร์โมน ทำให้เกิดผนังมดลูกหนาตัว ง่ายต่อการติดเชื้อ
การเกิดมดลูกอักเสบส่วนมากมาจากการใช้ยาคุม (ของคน) ฉีดให้น้องหมาโดยอาจฉีดติดต่อกันมากกว่า 2 ครั้งก็จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นสูง
และอาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย ประการที่ 2 คือ เกิดจากตัวเค้าเองที่มีการค้างของฮอร์โมนที่ว่ามาครับ ฮอร์โมนนี้มีชื่อว่า "โปรเจสเตอโรน "

การจะป้องกันหรือปรับระดับฮอร์โมนตัวนี้คงยากครับ และอยู่ดีๆก็คงไม่ค่อยมีใครสนใจที่จะตรวจระดับฮอร์โมนนี้

แนะนำง่ายๆ ค่ะ
1 คอยสังเกตว่าน้องหมากินน้ำมาก ฉี่มากไหม ถ้าใช่ก็ให้ระวัง
2 มีการเจ็บท้องไหม ท้องอาจใหญ่ขึ้น เกร็ง ถ้าใช่ให้ระวัง
3 มีน้ำเหม็นๆ ดำๆ แดงๆ มีหนอง ออกมาจากช่องคลอดไหม ถ้าใช่ให้ระวัง

หากสุนัขเป็นมดลูกอักเสบแบบปิด เราจะไม่เห็นหนองไหลออกมาอันนี้ก็ยากที่จะสังเกต
คงต้องดูจากข้อ 1-2 แล้วตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อไหม นอกจากนี้ก็ใช้การ x-rays ช่องท้องประกอบจะทำให้ชัดเจนมาก

ในเรื่องของการคุมกำเนิดโดยการฉีดยาคุมกำเนิดนั้น จากสถิติพบว่าเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้
เนื่องจากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผนังมดลูก ก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น แม้ในปัจจุบันจะมียาคุมชนิดใหม่เข้ามาใช้ในการคุมกำเนิด
และมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงกว่ายาคุมที่ใช้ในปัจจุบัน แต่จากประสบการณ์ที่ใช้นอกจาจะมีข้อจำกัดที่ราคาค่อนข้างสูง และพบว่ามีน้องหมาบางตัว ที่เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้เช่นกัน
ดังนั้นหากเจ้าของน้องหมาไม่ต้องการให้น้องหมามีลูกอย่างถาวร ควรทำการผ่าตัดทำหมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ


8317
สัญญาณที่บอกว่าน้องหมาเริ่มแก่

   ช่วงอายุของน้องหมาเมื่อเทียบกับคนแล้ว อายุของน้องหมาจะเร็วกว่าอายุของคนเราอยู่ประมาณ 7 เท่า ซึ่งน้องหมาที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไปถือเป็นน้องหมาที่เริ่มเข้าสู่วัยแก่ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษแล้วล่ะค่ะ โดยเราสามารถสังเกตจากภายนอกได้ง่ายๆ คือ
- จะเริ่มพบเห็นขนที่ใบหน้าหรือรอบปากเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีเทา
- ฟันผุหรือหลุด
- เล็บหลุด
- บางตัวจะเริ่มลุกขึ้นยืน เดิน ไม่ค่อยไหว มีความเชื่องช้า
- ขนร่วง
- หูจะเริ่มไม่ค่อยดี เรียกยังงัยก็เฉย
- ตามองไม่ค่อยเห็น เดินชนโน่นนี่นั่นตลอด
- กินอาหารได้น้อยลง
- อั้นอึฉี่ไม่ค่อยได้
หากน้องหมาของผู้เลี้ยงเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงตรงกับที่กล่าวมาสัก 2-3 ข้อ ก็ให้เราแน่ใจได้เลยว่า น้องหมาของเราเริ่มเข้าสู่วัยแก่ที่ต้องการดูแลเอาใจใส่จากเราเพิ่มมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ

อาหาร
     การเลือกชนิดอาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาแก่จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ อาหารควรเป็นอาหารที่กินง่ายย่อยง่ายขึ้นเช่นพวกเนื้อปลา ไก่ ผัก ผลไม้ หรืออาหารสำเร็จรูปสูตรสุนัขสูงวัย ที่มีการเติมสารเสริมอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างร่างกายส่วนต่างๆ เช่น กลูโคซามีน ที่ช่วยในการบำรุงข้อต่อให้น้องหมาเคลื่อนไหวดีขึ้น กรดไขมันโอเมก้า-3 มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบประสาท วิตามินซีและวิตามินอี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่น้องหมาสามารถกินได้ง่ายแทนนะคะ

ออกกำลังกาย
    เราอาจจะหาเกมส์ให้น้องหมาเล่น หรืออาจจะใช้วิธีเรียกและสั่งคำสั่งเพื่อเป็นการกระตุ้นความจำ พาน้องหมาไปว่ายน้ำ หรือพาน้องหมาไปเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะ โดยให้น้องหมาเดินในระยะทางสั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ การเดินออกกำลังกายจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ได้สัดส่วนแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยให้น้องหมามีสุขภาพจิตดีด้วยค่ะ

ตรวจสุขภาพ
    เนื่องจากน้องหมาแก่อายุ 6 -7 ปีขึ้นไป มักมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคไตวายเรื้อรัง (Chronic Renal failure) ที่เกิดจากการความเสื่อมของไตที่เป็นไปตามวัย ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่พบบ่อยในน้องหมาแก่ และเป็นสาเหตุการตายของน้องหมาอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ โดยผู้เลี้ยงควรหมั่นสังเกตอาการว่าน้องหมามีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากเดิม เช่น กินน้ำมากขึ้น ปัสสาวะมากขึ้น กินอาหารลดลง น้ำหนักลด มีกลื่นปากเหม็น เป็นแผลในช่องปาก อาเจียน และท้องเสียบ่อยๆ หรือไม่ หากมีอาการดังกล่าว ผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทันที เพราะน้องหมาอาจจะกำลังเริ่มเป็นโรคไตวายเรื้อรังในระยะต้นแล้วก็ได้ค่ะ .การพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำจะช่วยให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ผู้เลี้ยงเตรียมรับมือ ป้องกัน และรักษาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ความสะอาด
    เมื่อน้องหมามีอายุมากขึ้นสภาพร่างกายของน้องหมาก็ย่อมที่จะเสื่อมถอยลง ซึ่งเห็นได้จากผิวหนัง เส้นขนของน้องหมาจะบอบบาง และร่วงง่าย เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสผิวของน้องหมาโดยตรงจึงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ อย่างแชมพูอาบน้ำ ก็ควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง และแปรงขนเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังซึ่งจะผลิตน้ำมันมาเคลือบเส้นขน ที่จะช่วยลดปัญหาผิวแห้ง และขนกระด้างที่มักพบมากในน้องหมาแก่ค่ะ นอกจากเรื่องการอาบน้ำที่เป็นเรื่องพื้นฐานแล้ว ผู้เลี้ยงยังต้องดูแลส่วนต่างๆ ในร่างกายน้องหมาเป็นพิเศษกันด้วยนะคะ

สภาพแวดล้อม
    นอกจากเราจะดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของน้องหมาแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดบริเวณพื้นที่ที่น้องหมาอาศัยอยู่ให้ถูกสุขลักษณะ และไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันค่ะ

8318
สัญญาณที่บอกว่าน้องหมาเริ่มแก่

   ช่วงอายุของน้องหมาเมื่อเทียบกับคนแล้ว อายุของน้องหมาจะเร็วกว่าอายุของคนเราอยู่ประมาณ 7 เท่า ซึ่งน้องหมาที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไปถือเป็นน้องหมาที่เริ่มเข้าสู่วัยแก่ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษแล้วล่ะค่ะ โดยเราสามารถสังเกตจากภายนอกได้ง่ายๆ คือ
- จะเริ่มพบเห็นขนที่ใบหน้าหรือรอบปากเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีเทา
- ฟันผุหรือหลุด
- เล็บหลุด
- บางตัวจะเริ่มลุกขึ้นยืน เดิน ไม่ค่อยไหว มีความเชื่องช้า
- ขนร่วง
- หูจะเริ่มไม่ค่อยดี เรียกยังงัยก็เฉย
- ตามองไม่ค่อยเห็น เดินชนโน่นนี่นั่นตลอด
- กินอาหารได้น้อยลง
- อั้นอึฉี่ไม่ค่อยได้
หากน้องหมาของผู้เลี้ยงเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงตรงกับที่กล่าวมาสัก 2-3 ข้อ ก็ให้เราแน่ใจได้เลยว่า น้องหมาของเราเริ่มเข้าสู่วัยแก่ที่ต้องการดูแลเอาใจใส่จากเราเพิ่มมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ

อาหาร
     การเลือกชนิดอาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาแก่จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ อาหารควรเป็นอาหารที่กินง่ายย่อยง่ายขึ้นเช่นพวกเนื้อปลา ไก่ ผัก ผลไม้ หรืออาหารสำเร็จรูปสูตรสุนัขสูงวัย ที่มีการเติมสารเสริมอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างร่างกายส่วนต่างๆ เช่น กลูโคซามีน ที่ช่วยในการบำรุงข้อต่อให้น้องหมาเคลื่อนไหวดีขึ้น กรดไขมันโอเมก้า-3 มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบประสาท วิตามินซีและวิตามินอี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่น้องหมาสามารถกินได้ง่ายแทนนะคะ

ออกกำลังกาย
    เราอาจจะหาเกมส์ให้น้องหมาเล่น หรืออาจจะใช้วิธีเรียกและสั่งคำสั่งเพื่อเป็นการกระตุ้นความจำ พาน้องหมาไปว่ายน้ำ หรือพาน้องหมาไปเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะ โดยให้น้องหมาเดินในระยะทางสั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ การเดินออกกำลังกายจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ได้สัดส่วนแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยให้น้องหมามีสุขภาพจิตดีด้วยค่ะ

ตรวจสุขภาพ
    เนื่องจากน้องหมาแก่อายุ 6 -7 ปีขึ้นไป มักมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคไตวายเรื้อรัง (Chronic Renal failure) ที่เกิดจากการความเสื่อมของไตที่เป็นไปตามวัย ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่พบบ่อยในน้องหมาแก่ และเป็นสาเหตุการตายของน้องหมาอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ โดยผู้เลี้ยงควรหมั่นสังเกตอาการว่าน้องหมามีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากเดิม เช่น กินน้ำมากขึ้น ปัสสาวะมากขึ้น กินอาหารลดลง น้ำหนักลด มีกลื่นปากเหม็น เป็นแผลในช่องปาก อาเจียน และท้องเสียบ่อยๆ หรือไม่ หากมีอาการดังกล่าว ผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทันที เพราะน้องหมาอาจจะกำลังเริ่มเป็นโรคไตวายเรื้อรังในระยะต้นแล้วก็ได้ค่ะ .การพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำจะช่วยให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ผู้เลี้ยงเตรียมรับมือ ป้องกัน และรักษาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ความสะอาด
    เมื่อน้องหมามีอายุมากขึ้นสภาพร่างกายของน้องหมาก็ย่อมที่จะเสื่อมถอยลง ซึ่งเห็นได้จากผิวหนัง เส้นขนของน้องหมาจะบอบบาง และร่วงง่าย เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสผิวของน้องหมาโดยตรงจึงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ อย่างแชมพูอาบน้ำ ก็ควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง และแปรงขนเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังซึ่งจะผลิตน้ำมันมาเคลือบเส้นขน ที่จะช่วยลดปัญหาผิวแห้ง และขนกระด้างที่มักพบมากในน้องหมาแก่ค่ะ นอกจากเรื่องการอาบน้ำที่เป็นเรื่องพื้นฐานแล้ว ผู้เลี้ยงยังต้องดูแลส่วนต่างๆ ในร่างกายน้องหมาเป็นพิเศษกันด้วยนะคะ

สภาพแวดล้อม
    นอกจากเราจะดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของน้องหมาแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดบริเวณพื้นที่ที่น้องหมาอาศัยอยู่ให้ถูกสุขลักษณะ และไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันค่ะ

8319
สัญญาณที่บอกว่าน้องหมาเริ่มแก่

   ช่วงอายุของน้องหมาเมื่อเทียบกับคนแล้ว อายุของน้องหมาจะเร็วกว่าอายุของคนเราอยู่ประมาณ 7 เท่า ซึ่งน้องหมาที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไปถือเป็นน้องหมาที่เริ่มเข้าสู่วัยแก่ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษแล้วล่ะค่ะ โดยเราสามารถสังเกตจากภายนอกได้ง่ายๆ คือ
- จะเริ่มพบเห็นขนที่ใบหน้าหรือรอบปากเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีเทา
- ฟันผุหรือหลุด
- เล็บหลุด
- บางตัวจะเริ่มลุกขึ้นยืน เดิน ไม่ค่อยไหว มีความเชื่องช้า
- ขนร่วง
- หูจะเริ่มไม่ค่อยดี เรียกยังงัยก็เฉย
- ตามองไม่ค่อยเห็น เดินชนโน่นนี่นั่นตลอด
- กินอาหารได้น้อยลง
- อั้นอึฉี่ไม่ค่อยได้
หากน้องหมาของผู้เลี้ยงเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงตรงกับที่กล่าวมาสัก 2-3 ข้อ ก็ให้เราแน่ใจได้เลยว่า น้องหมาของเราเริ่มเข้าสู่วัยแก่ที่ต้องการดูแลเอาใจใส่จากเราเพิ่มมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ

อาหาร
     การเลือกชนิดอาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาแก่จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ อาหารควรเป็นอาหารที่กินง่ายย่อยง่ายขึ้นเช่นพวกเนื้อปลา ไก่ ผัก ผลไม้ หรืออาหารสำเร็จรูปสูตรสุนัขสูงวัย ที่มีการเติมสารเสริมอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างร่างกายส่วนต่างๆ เช่น กลูโคซามีน ที่ช่วยในการบำรุงข้อต่อให้น้องหมาเคลื่อนไหวดีขึ้น กรดไขมันโอเมก้า-3 มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบประสาท วิตามินซีและวิตามินอี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่น้องหมาสามารถกินได้ง่ายแทนนะคะ

ออกกำลังกาย
    เราอาจจะหาเกมส์ให้น้องหมาเล่น หรืออาจจะใช้วิธีเรียกและสั่งคำสั่งเพื่อเป็นการกระตุ้นความจำ พาน้องหมาไปว่ายน้ำ หรือพาน้องหมาไปเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะ โดยให้น้องหมาเดินในระยะทางสั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ การเดินออกกำลังกายจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ได้สัดส่วนแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยให้น้องหมามีสุขภาพจิตดีด้วยค่ะ

ตรวจสุขภาพ
    เนื่องจากน้องหมาแก่อายุ 6 -7 ปีขึ้นไป มักมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคไตวายเรื้อรัง (Chronic Renal failure) ที่เกิดจากการความเสื่อมของไตที่เป็นไปตามวัย ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่พบบ่อยในน้องหมาแก่ และเป็นสาเหตุการตายของน้องหมาอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ โดยผู้เลี้ยงควรหมั่นสังเกตอาการว่าน้องหมามีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากเดิม เช่น กินน้ำมากขึ้น ปัสสาวะมากขึ้น กินอาหารลดลง น้ำหนักลด มีกลื่นปากเหม็น เป็นแผลในช่องปาก อาเจียน และท้องเสียบ่อยๆ หรือไม่ หากมีอาการดังกล่าว ผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทันที เพราะน้องหมาอาจจะกำลังเริ่มเป็นโรคไตวายเรื้อรังในระยะต้นแล้วก็ได้ค่ะ .การพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำจะช่วยให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ผู้เลี้ยงเตรียมรับมือ ป้องกัน และรักษาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ความสะอาด
    เมื่อน้องหมามีอายุมากขึ้นสภาพร่างกายของน้องหมาก็ย่อมที่จะเสื่อมถอยลง ซึ่งเห็นได้จากผิวหนัง เส้นขนของน้องหมาจะบอบบาง และร่วงง่าย เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสผิวของน้องหมาโดยตรงจึงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ อย่างแชมพูอาบน้ำ ก็ควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง และแปรงขนเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังซึ่งจะผลิตน้ำมันมาเคลือบเส้นขน ที่จะช่วยลดปัญหาผิวแห้ง และขนกระด้างที่มักพบมากในน้องหมาแก่ค่ะ นอกจากเรื่องการอาบน้ำที่เป็นเรื่องพื้นฐานแล้ว ผู้เลี้ยงยังต้องดูแลส่วนต่างๆ ในร่างกายน้องหมาเป็นพิเศษกันด้วยนะคะ

สภาพแวดล้อม
    นอกจากเราจะดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของน้องหมาแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดบริเวณพื้นที่ที่น้องหมาอาศัยอยู่ให้ถูกสุขลักษณะ และไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันค่ะ

8320
สัญญาณที่บอกว่าน้องหมาเริ่มแก่

   ช่วงอายุของน้องหมาเมื่อเทียบกับคนแล้ว อายุของน้องหมาจะเร็วกว่าอายุของคนเราอยู่ประมาณ 7 เท่า ซึ่งน้องหมาที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไปถือเป็นน้องหมาที่เริ่มเข้าสู่วัยแก่ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษแล้วล่ะค่ะ โดยเราสามารถสังเกตจากภายนอกได้ง่ายๆ คือ
- จะเริ่มพบเห็นขนที่ใบหน้าหรือรอบปากเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีเทา
- ฟันผุหรือหลุด
- เล็บหลุด
- บางตัวจะเริ่มลุกขึ้นยืน เดิน ไม่ค่อยไหว มีความเชื่องช้า
- ขนร่วง
- หูจะเริ่มไม่ค่อยดี เรียกยังงัยก็เฉย
- ตามองไม่ค่อยเห็น เดินชนโน่นนี่นั่นตลอด
- กินอาหารได้น้อยลง
- อั้นอึฉี่ไม่ค่อยได้
หากน้องหมาของผู้เลี้ยงเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงตรงกับที่กล่าวมาสัก 2-3 ข้อ ก็ให้เราแน่ใจได้เลยว่า น้องหมาของเราเริ่มเข้าสู่วัยแก่ที่ต้องการดูแลเอาใจใส่จากเราเพิ่มมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ

อาหาร
     การเลือกชนิดอาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาแก่จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ อาหารควรเป็นอาหารที่กินง่ายย่อยง่ายขึ้นเช่นพวกเนื้อปลา ไก่ ผัก ผลไม้ หรืออาหารสำเร็จรูปสูตรสุนัขสูงวัย ที่มีการเติมสารเสริมอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างร่างกายส่วนต่างๆ เช่น กลูโคซามีน ที่ช่วยในการบำรุงข้อต่อให้น้องหมาเคลื่อนไหวดีขึ้น กรดไขมันโอเมก้า-3 มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบประสาท วิตามินซีและวิตามินอี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่น้องหมาสามารถกินได้ง่ายแทนนะคะ

ออกกำลังกาย
    เราอาจจะหาเกมส์ให้น้องหมาเล่น หรืออาจจะใช้วิธีเรียกและสั่งคำสั่งเพื่อเป็นการกระตุ้นความจำ พาน้องหมาไปว่ายน้ำ หรือพาน้องหมาไปเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะ โดยให้น้องหมาเดินในระยะทางสั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ การเดินออกกำลังกายจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ได้สัดส่วนแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยให้น้องหมามีสุขภาพจิตดีด้วยค่ะ

ตรวจสุขภาพ
    เนื่องจากน้องหมาแก่อายุ 6 -7 ปีขึ้นไป มักมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคไตวายเรื้อรัง (Chronic Renal failure) ที่เกิดจากการความเสื่อมของไตที่เป็นไปตามวัย ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่พบบ่อยในน้องหมาแก่ และเป็นสาเหตุการตายของน้องหมาอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ โดยผู้เลี้ยงควรหมั่นสังเกตอาการว่าน้องหมามีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากเดิม เช่น กินน้ำมากขึ้น ปัสสาวะมากขึ้น กินอาหารลดลง น้ำหนักลด มีกลื่นปากเหม็น เป็นแผลในช่องปาก อาเจียน และท้องเสียบ่อยๆ หรือไม่ หากมีอาการดังกล่าว ผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทันที เพราะน้องหมาอาจจะกำลังเริ่มเป็นโรคไตวายเรื้อรังในระยะต้นแล้วก็ได้ค่ะ .การพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำจะช่วยให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ผู้เลี้ยงเตรียมรับมือ ป้องกัน และรักษาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ความสะอาด
    เมื่อน้องหมามีอายุมากขึ้นสภาพร่างกายของน้องหมาก็ย่อมที่จะเสื่อมถอยลง ซึ่งเห็นได้จากผิวหนัง เส้นขนของน้องหมาจะบอบบาง และร่วงง่าย เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสผิวของน้องหมาโดยตรงจึงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ อย่างแชมพูอาบน้ำ ก็ควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง และแปรงขนเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังซึ่งจะผลิตน้ำมันมาเคลือบเส้นขน ที่จะช่วยลดปัญหาผิวแห้ง และขนกระด้างที่มักพบมากในน้องหมาแก่ค่ะ นอกจากเรื่องการอาบน้ำที่เป็นเรื่องพื้นฐานแล้ว ผู้เลี้ยงยังต้องดูแลส่วนต่างๆ ในร่างกายน้องหมาเป็นพิเศษกันด้วยนะคะ

สภาพแวดล้อม
    นอกจากเราจะดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของน้องหมาแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดบริเวณพื้นที่ที่น้องหมาอาศัยอยู่ให้ถูกสุขลักษณะ และไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันค่ะ

8321



ราคาหมาหมาไทยหลังอาน แนะนำให้ซื้อที่ฟาร์มที่มีความน่าเชื่อถือนะครับ ราคาเริ่มต้นที่มีใบเพด จะอยู่ที่ราคา 3,000 - 5,000 บาทขึ้นไป
เกรดกลางจะอยู่ที่ 5,000 - 7,500 บาทครับ
เกรดสวยๆระดับประกวดจะอยู่ที่ราคา 8,500 - 20,000 บาทครับผม

8322



ราคาหมาหมาไทยหลังอาน แนะนำให้ซื้อที่ฟาร์มที่มีความน่าเชื่อถือนะครับ ราคาเริ่มต้นที่มีใบเพด จะอยู่ที่ราคา 3,000 - 5,000 บาทขึ้นไป
เกรดกลางจะอยู่ที่ 5,000 - 7,500 บาทครับ
เกรดสวยๆระดับประกวดจะอยู่ที่ราคา 8,500 - 20,000 บาทครับผม

8323



ราคาหมาหมาไทยหลังอาน แนะนำให้ซื้อที่ฟาร์มที่มีความน่าเชื่อถือนะครับ ราคาเริ่มต้นที่มีใบเพด จะอยู่ที่ราคา 3,000 - 5,000 บาทขึ้นไป
เกรดกลางจะอยู่ที่ 5,000 - 7,500 บาทครับ
เกรดสวยๆระดับประกวดจะอยู่ที่ราคา 8,500 - 20,000 บาทครับผม

8324



ราคาหมาหมาไทยหลังอาน แนะนำให้ซื้อที่ฟาร์มที่มีความน่าเชื่อถือนะครับ ราคาเริ่มต้นที่มีใบเพด จะอยู่ที่ราคา 3,000 - 5,000 บาทขึ้นไป
เกรดกลางจะอยู่ที่ 5,000 - 7,500 บาทครับ
เกรดสวยๆระดับประกวดจะอยู่ที่ราคา 8,500 - 20,000 บาทครับผม

8325


ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ ราคา 2,500 - 3,000  บาท
ราคากลางๆ ที่น่าพอใจ จะอยู่ที่ 4,000 - 5,000 บาท
ราคาเกรดสวย ขั้นประกวด จะอยู่ที่ราคาประมาณ 8,000 - 15,000 เลยทีเดียวครับ