แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

781
ทริคง่าย ๆ ไม่ให้สัตว์เลี้ยงสัตว์รบกวนเพื่อนบ้าน

          หมา หรือแมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ แถมยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์อีกด้วย แต่การเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรับผิดชอบสูง ทั้งการรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง และการรับผิดชอบต่อเพื่อนบ้านรอบข้าง ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน ต้องระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงของเราไปก่อความรำคาญแก่เพื่อนบ้านด้วย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ตามมาอาจเป็นการฟ้องร้องทางกฎหมายก็เป็นได้ และถ้าเป็นตามนั้นแล้วบอกได้เลยว่าเดือดร้อนยาวแน่นอน คราวนี้เรามีทริคง่าย ๆ สำหรับดูแลเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณไม่ให้ไปรบกวนเพื่อนบ้านรั้วข้าง ๆ ให้วุ่นวายใจอีกต่อไป มาดูกันดีกว่าว่าเราจะเลี้ยงสุนัขหรือแมวโดยไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้านได้อย่างไร



1. เลี้ยงระบบปิด     

          ก็คือ การเลี้ยงสัตว์ให้อยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ปล่อยให้ออกไปซุกซนข้างนอก แต่วิธีนี้จะเหมาะกับน้องหมาที่มีขนาดเล็กอย่าง ชิห์สุ, ยอร์เชียร์, เทอร์เรียซึ่งควรจำกัดบริเวณที่เลี้ยงให้เป็นขอบเขต แต่ไม่ควรจะขังด้วยกรง เพราะจะทำให้สัตว์เกิดความเครียดได้ และต้องไม่ลืมจัดน้ำ จัดอาหาร ของเล่นคลายเหงาไว้ด้วย



2. พาออกไปเดินเล่น

          ถ้าเป็นสุนัขโตที่ต้องเลี้ยงในระบบปิด ต้องพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดความเครียด และอาจกลายเป็นความดุร้ายได้ และไม่ควรปล่อยให้สุนัขของตนถ่ายเรี่ยราดด้วยการฝึกน้องไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ

3. ใช้สเปรย์ดับกลิ่นแบบปลอดภัย


          เพื่อป้องกันกลิ่นที่อาจส่งไปรบกวนเพื่อนบ้าน ก็ควรหรือใช้สเปรย์ดับกลิ่นที่ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงหรือที่เป็นออกแกนนิค หรือทำมาจะสมุนไพร ซึ่งจะมีจำหน่ายตามร้านค้าที่ขายอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ต้องระวังไม่ควรฉีดจนมากเกินไป

4. ให้เวลาสัตว์เลี้ยงมาก ๆ

          เพราะด้วยการที่เราต้องทำงานนอกบ้าน หรือต้องออกไปทำภารกิจนอกบ้านบ้าง ก็อาจทำให้เจ้าหมาน้อย หรือเจ้าแมว นั้นยงส่งเสียงร้อง หรือ การเห่าให้น่ารำคาญ นั่นก็เป็นเพราะมันกำลังเหงา ดังนั้นเจ้าของควรใช้เวลาในการเล่นกับพวกมันให้มาก ๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ตามลำพังนานเกินไป เพราะนอกจากจะส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้านแล้ว ความเครียดของมันอาจจะสะสมให้เกิดโรคบางอย่างได้ด้วย แต่ถ้าเอาไปด้วยได้ก็น่าจะดีกว่า

          เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเมื่อควรคิดจะมีสัตว์ไว้เป็นสมาชิกในบ้านแล้วนั้นสิ่งสำคัญคือ การใส่ใจดูแล และการเข้าใจในพฤติกรรมเฉพาะตัวของน้องหมา น้องแมว ด้วย โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอินเตอร์ทั่วไปเบื้องต้น เพื่อที่จะได้ให้การดูแลที่เหมาะสม และเป็นต้นเหตุให้เกิดการรบกวนเพื่อนบ้านได้



782
ทริคง่าย ๆ ไม่ให้สัตว์เลี้ยงสัตว์รบกวนเพื่อนบ้าน

          หมา หรือแมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ แถมยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์อีกด้วย แต่การเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรับผิดชอบสูง ทั้งการรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง และการรับผิดชอบต่อเพื่อนบ้านรอบข้าง ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน ต้องระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงของเราไปก่อความรำคาญแก่เพื่อนบ้านด้วย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ตามมาอาจเป็นการฟ้องร้องทางกฎหมายก็เป็นได้ และถ้าเป็นตามนั้นแล้วบอกได้เลยว่าเดือดร้อนยาวแน่นอน คราวนี้เรามีทริคง่าย ๆ สำหรับดูแลเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณไม่ให้ไปรบกวนเพื่อนบ้านรั้วข้าง ๆ ให้วุ่นวายใจอีกต่อไป มาดูกันดีกว่าว่าเราจะเลี้ยงสุนัขหรือแมวโดยไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้านได้อย่างไร



1. เลี้ยงระบบปิด     

          ก็คือ การเลี้ยงสัตว์ให้อยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ปล่อยให้ออกไปซุกซนข้างนอก แต่วิธีนี้จะเหมาะกับน้องหมาที่มีขนาดเล็กอย่าง ชิห์สุ, ยอร์เชียร์, เทอร์เรียซึ่งควรจำกัดบริเวณที่เลี้ยงให้เป็นขอบเขต แต่ไม่ควรจะขังด้วยกรง เพราะจะทำให้สัตว์เกิดความเครียดได้ และต้องไม่ลืมจัดน้ำ จัดอาหาร ของเล่นคลายเหงาไว้ด้วย



2. พาออกไปเดินเล่น

          ถ้าเป็นสุนัขโตที่ต้องเลี้ยงในระบบปิด ต้องพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดความเครียด และอาจกลายเป็นความดุร้ายได้ และไม่ควรปล่อยให้สุนัขของตนถ่ายเรี่ยราดด้วยการฝึกน้องไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ

3. ใช้สเปรย์ดับกลิ่นแบบปลอดภัย


          เพื่อป้องกันกลิ่นที่อาจส่งไปรบกวนเพื่อนบ้าน ก็ควรหรือใช้สเปรย์ดับกลิ่นที่ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงหรือที่เป็นออกแกนนิค หรือทำมาจะสมุนไพร ซึ่งจะมีจำหน่ายตามร้านค้าที่ขายอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ต้องระวังไม่ควรฉีดจนมากเกินไป

4. ให้เวลาสัตว์เลี้ยงมาก ๆ

          เพราะด้วยการที่เราต้องทำงานนอกบ้าน หรือต้องออกไปทำภารกิจนอกบ้านบ้าง ก็อาจทำให้เจ้าหมาน้อย หรือเจ้าแมว นั้นยงส่งเสียงร้อง หรือ การเห่าให้น่ารำคาญ นั่นก็เป็นเพราะมันกำลังเหงา ดังนั้นเจ้าของควรใช้เวลาในการเล่นกับพวกมันให้มาก ๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ตามลำพังนานเกินไป เพราะนอกจากจะส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้านแล้ว ความเครียดของมันอาจจะสะสมให้เกิดโรคบางอย่างได้ด้วย แต่ถ้าเอาไปด้วยได้ก็น่าจะดีกว่า

          เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเมื่อควรคิดจะมีสัตว์ไว้เป็นสมาชิกในบ้านแล้วนั้นสิ่งสำคัญคือ การใส่ใจดูแล และการเข้าใจในพฤติกรรมเฉพาะตัวของน้องหมา น้องแมว ด้วย โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอินเตอร์ทั่วไปเบื้องต้น เพื่อที่จะได้ให้การดูแลที่เหมาะสม และเป็นต้นเหตุให้เกิดการรบกวนเพื่อนบ้านได้



783
ทริคง่าย ๆ ไม่ให้สัตว์เลี้ยงสัตว์รบกวนเพื่อนบ้าน

          หมา หรือแมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ แถมยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์อีกด้วย แต่การเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรับผิดชอบสูง ทั้งการรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง และการรับผิดชอบต่อเพื่อนบ้านรอบข้าง ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน ต้องระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงของเราไปก่อความรำคาญแก่เพื่อนบ้านด้วย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ตามมาอาจเป็นการฟ้องร้องทางกฎหมายก็เป็นได้ และถ้าเป็นตามนั้นแล้วบอกได้เลยว่าเดือดร้อนยาวแน่นอน คราวนี้เรามีทริคง่าย ๆ สำหรับดูแลเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณไม่ให้ไปรบกวนเพื่อนบ้านรั้วข้าง ๆ ให้วุ่นวายใจอีกต่อไป มาดูกันดีกว่าว่าเราจะเลี้ยงสุนัขหรือแมวโดยไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้านได้อย่างไร



1. เลี้ยงระบบปิด     

          ก็คือ การเลี้ยงสัตว์ให้อยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ปล่อยให้ออกไปซุกซนข้างนอก แต่วิธีนี้จะเหมาะกับน้องหมาที่มีขนาดเล็กอย่าง ชิห์สุ, ยอร์เชียร์, เทอร์เรียซึ่งควรจำกัดบริเวณที่เลี้ยงให้เป็นขอบเขต แต่ไม่ควรจะขังด้วยกรง เพราะจะทำให้สัตว์เกิดความเครียดได้ และต้องไม่ลืมจัดน้ำ จัดอาหาร ของเล่นคลายเหงาไว้ด้วย



2. พาออกไปเดินเล่น

          ถ้าเป็นสุนัขโตที่ต้องเลี้ยงในระบบปิด ต้องพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดความเครียด และอาจกลายเป็นความดุร้ายได้ และไม่ควรปล่อยให้สุนัขของตนถ่ายเรี่ยราดด้วยการฝึกน้องไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ

3. ใช้สเปรย์ดับกลิ่นแบบปลอดภัย


          เพื่อป้องกันกลิ่นที่อาจส่งไปรบกวนเพื่อนบ้าน ก็ควรหรือใช้สเปรย์ดับกลิ่นที่ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงหรือที่เป็นออกแกนนิค หรือทำมาจะสมุนไพร ซึ่งจะมีจำหน่ายตามร้านค้าที่ขายอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ต้องระวังไม่ควรฉีดจนมากเกินไป

4. ให้เวลาสัตว์เลี้ยงมาก ๆ

          เพราะด้วยการที่เราต้องทำงานนอกบ้าน หรือต้องออกไปทำภารกิจนอกบ้านบ้าง ก็อาจทำให้เจ้าหมาน้อย หรือเจ้าแมว นั้นยงส่งเสียงร้อง หรือ การเห่าให้น่ารำคาญ นั่นก็เป็นเพราะมันกำลังเหงา ดังนั้นเจ้าของควรใช้เวลาในการเล่นกับพวกมันให้มาก ๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ตามลำพังนานเกินไป เพราะนอกจากจะส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้านแล้ว ความเครียดของมันอาจจะสะสมให้เกิดโรคบางอย่างได้ด้วย แต่ถ้าเอาไปด้วยได้ก็น่าจะดีกว่า

          เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเมื่อควรคิดจะมีสัตว์ไว้เป็นสมาชิกในบ้านแล้วนั้นสิ่งสำคัญคือ การใส่ใจดูแล และการเข้าใจในพฤติกรรมเฉพาะตัวของน้องหมา น้องแมว ด้วย โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอินเตอร์ทั่วไปเบื้องต้น เพื่อที่จะได้ให้การดูแลที่เหมาะสม และเป็นต้นเหตุให้เกิดการรบกวนเพื่อนบ้านได้



784
ทริคง่าย ๆ ไม่ให้สัตว์เลี้ยงสัตว์รบกวนเพื่อนบ้าน

          หมา หรือแมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ แถมยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์อีกด้วย แต่การเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรับผิดชอบสูง ทั้งการรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง และการรับผิดชอบต่อเพื่อนบ้านรอบข้าง ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน ต้องระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงของเราไปก่อความรำคาญแก่เพื่อนบ้านด้วย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ตามมาอาจเป็นการฟ้องร้องทางกฎหมายก็เป็นได้ และถ้าเป็นตามนั้นแล้วบอกได้เลยว่าเดือดร้อนยาวแน่นอน คราวนี้เรามีทริคง่าย ๆ สำหรับดูแลเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณไม่ให้ไปรบกวนเพื่อนบ้านรั้วข้าง ๆ ให้วุ่นวายใจอีกต่อไป มาดูกันดีกว่าว่าเราจะเลี้ยงสุนัขหรือแมวโดยไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้านได้อย่างไร



1. เลี้ยงระบบปิด     

          ก็คือ การเลี้ยงสัตว์ให้อยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ปล่อยให้ออกไปซุกซนข้างนอก แต่วิธีนี้จะเหมาะกับน้องหมาที่มีขนาดเล็กอย่าง ชิห์สุ, ยอร์เชียร์, เทอร์เรียซึ่งควรจำกัดบริเวณที่เลี้ยงให้เป็นขอบเขต แต่ไม่ควรจะขังด้วยกรง เพราะจะทำให้สัตว์เกิดความเครียดได้ และต้องไม่ลืมจัดน้ำ จัดอาหาร ของเล่นคลายเหงาไว้ด้วย



2. พาออกไปเดินเล่น

          ถ้าเป็นสุนัขโตที่ต้องเลี้ยงในระบบปิด ต้องพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดความเครียด และอาจกลายเป็นความดุร้ายได้ และไม่ควรปล่อยให้สุนัขของตนถ่ายเรี่ยราดด้วยการฝึกน้องไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ

3. ใช้สเปรย์ดับกลิ่นแบบปลอดภัย


          เพื่อป้องกันกลิ่นที่อาจส่งไปรบกวนเพื่อนบ้าน ก็ควรหรือใช้สเปรย์ดับกลิ่นที่ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงหรือที่เป็นออกแกนนิค หรือทำมาจะสมุนไพร ซึ่งจะมีจำหน่ายตามร้านค้าที่ขายอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ต้องระวังไม่ควรฉีดจนมากเกินไป

4. ให้เวลาสัตว์เลี้ยงมาก ๆ

          เพราะด้วยการที่เราต้องทำงานนอกบ้าน หรือต้องออกไปทำภารกิจนอกบ้านบ้าง ก็อาจทำให้เจ้าหมาน้อย หรือเจ้าแมว นั้นยงส่งเสียงร้อง หรือ การเห่าให้น่ารำคาญ นั่นก็เป็นเพราะมันกำลังเหงา ดังนั้นเจ้าของควรใช้เวลาในการเล่นกับพวกมันให้มาก ๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ตามลำพังนานเกินไป เพราะนอกจากจะส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้านแล้ว ความเครียดของมันอาจจะสะสมให้เกิดโรคบางอย่างได้ด้วย แต่ถ้าเอาไปด้วยได้ก็น่าจะดีกว่า

          เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเมื่อควรคิดจะมีสัตว์ไว้เป็นสมาชิกในบ้านแล้วนั้นสิ่งสำคัญคือ การใส่ใจดูแล และการเข้าใจในพฤติกรรมเฉพาะตัวของน้องหมา น้องแมว ด้วย โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอินเตอร์ทั่วไปเบื้องต้น เพื่อที่จะได้ให้การดูแลที่เหมาะสม และเป็นต้นเหตุให้เกิดการรบกวนเพื่อนบ้านได้



785
สุนัขสายพันธุ์ อเมริกัน สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ (American Staffordshire Terri)

          สำหรับสุนัขเทอร์เรียร์อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเเละเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความสามารถเเละมนต์เสน่ห์เป็นอย่างยิ่งเลยก็คือสุนัขสายพันธุ์อย่าง อเมริกัน สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีลักษณะเเละภาพรวมที่น่าสนใจเเละเต็มไปด้วยความสวยงาม รวมถึงเรื่องราวที่จะทำให้ผู้สนใจสนุกสนานไปกับพวกมัน



          สุนัขสายพันธุ์ สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา พวกมันถูกนำมาใช้ในเกมส์กีฬาสู้กับวัว เเละได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยพวกมันมีความคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์อเมริกัน พิตบูล เทอร์เรียร์ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีชื่อเสียงไม่ดีนัก

          เพราะความดุร้ายคล้ายคลึงพวกมันมีกำลังมากมายอีกด้วย นับว่าเป็นสุนัขที่มีอะไรน่าสนใจไม่น้อยเลยก็ว่าได้ ส่วนความนิยมในการเลี้ยงนั้นมีน้อยเเละต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในการเลี้ยงเหมือนกัน



ลักษณะทั่วไปของอเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์

          อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ มีช่วงชีวิตอยู่15 ปี มีน้ำหนักประมาณ 28-40 กิโลกรัม ความสูงนั้นประมาณ 45 เซนติเมตร มีหัวกว้าง เเละมีขากรรไกร โดยมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ส่วนหางค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับขนาดของลำตัวล่ำสัน กล้ามเนื้อแน่นมาก ขนสั้นและเรียบ ส่วนสีขนนั้นมีทั้งสีดำ, ลายเสือ, สีฟอน, สีเซเบิ้ล, สีน้ำเงินคราม เเละสีน้ำตาล อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ มักนิยมที่จะตัดแต่งหูเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยตั้งตรง

ลักษณะนิสัยอเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์

          สุนัขสายพันธ์นี่มีนิสัยจะขี้เล่น อดทน มีความกล้าหาญเเละมีความใส่ใจเเละอุทิศตนให้เจ้านายเป็นอย่างดี เเต่มีความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายอย่างยิ่ง อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ ไม่ชอบให้ออกคำสั่ง

          ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ นั้นมีความนิยมเลี้ยงกันเป็นอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศอื่น ๆ นั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมเลี้ยงกันนักเพราะลักษณะนิสัยของพวกมันที่มีความดุพอสมควร ยิ่งในประเทศไทยด้วยเเล้วความนิยมในการเลี้ยงถือว่าน้อย

การดูแล

          สุนัขพันธุ์อเมริกันสแตฟฟอร์ดเชียร์ จะมีกลิ่นปากแรงพอสมควรจึงควรแปรงฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เล็บเท้าควรที่จะตัดแต่งตามความจำเป็น แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเพราะ สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์จะไม่ชอบให้อุ้งเท้าสักเท่าไร ถ้าไม่สามารถตัดได้ก็ควรพาไปร้านอาบตัดให้จะดีกว่า หู ก็ต้องไม่ลืมที่ต้องทำความสะอาดอยู่เสมอหรือทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์เรียโดยทั่วไปมีสุขภาพดีแต่ก็ต้องควรระวัง โรคภูมิแพ้ผิวหนังการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและโรคแพ้ภูมิตัวเอง นอกจากนี้ยังอาจพัฒนาโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรคกระดูกพรุนอีกด้วย



786
สุนัขสายพันธุ์ อเมริกัน สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ (American Staffordshire Terri)

          สำหรับสุนัขเทอร์เรียร์อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเเละเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความสามารถเเละมนต์เสน่ห์เป็นอย่างยิ่งเลยก็คือสุนัขสายพันธุ์อย่าง อเมริกัน สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีลักษณะเเละภาพรวมที่น่าสนใจเเละเต็มไปด้วยความสวยงาม รวมถึงเรื่องราวที่จะทำให้ผู้สนใจสนุกสนานไปกับพวกมัน



          สุนัขสายพันธุ์ สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา พวกมันถูกนำมาใช้ในเกมส์กีฬาสู้กับวัว เเละได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยพวกมันมีความคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์อเมริกัน พิตบูล เทอร์เรียร์ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีชื่อเสียงไม่ดีนัก

          เพราะความดุร้ายคล้ายคลึงพวกมันมีกำลังมากมายอีกด้วย นับว่าเป็นสุนัขที่มีอะไรน่าสนใจไม่น้อยเลยก็ว่าได้ ส่วนความนิยมในการเลี้ยงนั้นมีน้อยเเละต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในการเลี้ยงเหมือนกัน



ลักษณะทั่วไปของอเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์

          อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ มีช่วงชีวิตอยู่15 ปี มีน้ำหนักประมาณ 28-40 กิโลกรัม ความสูงนั้นประมาณ 45 เซนติเมตร มีหัวกว้าง เเละมีขากรรไกร โดยมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ส่วนหางค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับขนาดของลำตัวล่ำสัน กล้ามเนื้อแน่นมาก ขนสั้นและเรียบ ส่วนสีขนนั้นมีทั้งสีดำ, ลายเสือ, สีฟอน, สีเซเบิ้ล, สีน้ำเงินคราม เเละสีน้ำตาล อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ มักนิยมที่จะตัดแต่งหูเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยตั้งตรง

ลักษณะนิสัยอเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์

          สุนัขสายพันธ์นี่มีนิสัยจะขี้เล่น อดทน มีความกล้าหาญเเละมีความใส่ใจเเละอุทิศตนให้เจ้านายเป็นอย่างดี เเต่มีความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายอย่างยิ่ง อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ ไม่ชอบให้ออกคำสั่ง

          ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ นั้นมีความนิยมเลี้ยงกันเป็นอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศอื่น ๆ นั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมเลี้ยงกันนักเพราะลักษณะนิสัยของพวกมันที่มีความดุพอสมควร ยิ่งในประเทศไทยด้วยเเล้วความนิยมในการเลี้ยงถือว่าน้อย

การดูแล

          สุนัขพันธุ์อเมริกันสแตฟฟอร์ดเชียร์ จะมีกลิ่นปากแรงพอสมควรจึงควรแปรงฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เล็บเท้าควรที่จะตัดแต่งตามความจำเป็น แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเพราะ สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์จะไม่ชอบให้อุ้งเท้าสักเท่าไร ถ้าไม่สามารถตัดได้ก็ควรพาไปร้านอาบตัดให้จะดีกว่า หู ก็ต้องไม่ลืมที่ต้องทำความสะอาดอยู่เสมอหรือทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์เรียโดยทั่วไปมีสุขภาพดีแต่ก็ต้องควรระวัง โรคภูมิแพ้ผิวหนังการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและโรคแพ้ภูมิตัวเอง นอกจากนี้ยังอาจพัฒนาโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรคกระดูกพรุนอีกด้วย



787
สุนัขสายพันธุ์ อเมริกัน สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ (American Staffordshire Terri)

          สำหรับสุนัขเทอร์เรียร์อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเเละเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความสามารถเเละมนต์เสน่ห์เป็นอย่างยิ่งเลยก็คือสุนัขสายพันธุ์อย่าง อเมริกัน สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีลักษณะเเละภาพรวมที่น่าสนใจเเละเต็มไปด้วยความสวยงาม รวมถึงเรื่องราวที่จะทำให้ผู้สนใจสนุกสนานไปกับพวกมัน



          สุนัขสายพันธุ์ สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา พวกมันถูกนำมาใช้ในเกมส์กีฬาสู้กับวัว เเละได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยพวกมันมีความคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์อเมริกัน พิตบูล เทอร์เรียร์ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีชื่อเสียงไม่ดีนัก

          เพราะความดุร้ายคล้ายคลึงพวกมันมีกำลังมากมายอีกด้วย นับว่าเป็นสุนัขที่มีอะไรน่าสนใจไม่น้อยเลยก็ว่าได้ ส่วนความนิยมในการเลี้ยงนั้นมีน้อยเเละต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในการเลี้ยงเหมือนกัน



ลักษณะทั่วไปของอเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์

          อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ มีช่วงชีวิตอยู่15 ปี มีน้ำหนักประมาณ 28-40 กิโลกรัม ความสูงนั้นประมาณ 45 เซนติเมตร มีหัวกว้าง เเละมีขากรรไกร โดยมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ส่วนหางค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับขนาดของลำตัวล่ำสัน กล้ามเนื้อแน่นมาก ขนสั้นและเรียบ ส่วนสีขนนั้นมีทั้งสีดำ, ลายเสือ, สีฟอน, สีเซเบิ้ล, สีน้ำเงินคราม เเละสีน้ำตาล อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ มักนิยมที่จะตัดแต่งหูเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยตั้งตรง

ลักษณะนิสัยอเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์

          สุนัขสายพันธ์นี่มีนิสัยจะขี้เล่น อดทน มีความกล้าหาญเเละมีความใส่ใจเเละอุทิศตนให้เจ้านายเป็นอย่างดี เเต่มีความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายอย่างยิ่ง อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ ไม่ชอบให้ออกคำสั่ง

          ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ นั้นมีความนิยมเลี้ยงกันเป็นอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศอื่น ๆ นั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมเลี้ยงกันนักเพราะลักษณะนิสัยของพวกมันที่มีความดุพอสมควร ยิ่งในประเทศไทยด้วยเเล้วความนิยมในการเลี้ยงถือว่าน้อย

การดูแล

          สุนัขพันธุ์อเมริกันสแตฟฟอร์ดเชียร์ จะมีกลิ่นปากแรงพอสมควรจึงควรแปรงฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เล็บเท้าควรที่จะตัดแต่งตามความจำเป็น แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเพราะ สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์จะไม่ชอบให้อุ้งเท้าสักเท่าไร ถ้าไม่สามารถตัดได้ก็ควรพาไปร้านอาบตัดให้จะดีกว่า หู ก็ต้องไม่ลืมที่ต้องทำความสะอาดอยู่เสมอหรือทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์เรียโดยทั่วไปมีสุขภาพดีแต่ก็ต้องควรระวัง โรคภูมิแพ้ผิวหนังการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและโรคแพ้ภูมิตัวเอง นอกจากนี้ยังอาจพัฒนาโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรคกระดูกพรุนอีกด้วย



788
สุนัขสายพันธุ์ อเมริกัน สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ (American Staffordshire Terri)

          สำหรับสุนัขเทอร์เรียร์อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจเเละเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความสามารถเเละมนต์เสน่ห์เป็นอย่างยิ่งเลยก็คือสุนัขสายพันธุ์อย่าง อเมริกัน สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีลักษณะเเละภาพรวมที่น่าสนใจเเละเต็มไปด้วยความสวยงาม รวมถึงเรื่องราวที่จะทำให้ผู้สนใจสนุกสนานไปกับพวกมัน



          สุนัขสายพันธุ์ สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา พวกมันถูกนำมาใช้ในเกมส์กีฬาสู้กับวัว เเละได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยพวกมันมีความคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์อเมริกัน พิตบูล เทอร์เรียร์ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีชื่อเสียงไม่ดีนัก

          เพราะความดุร้ายคล้ายคลึงพวกมันมีกำลังมากมายอีกด้วย นับว่าเป็นสุนัขที่มีอะไรน่าสนใจไม่น้อยเลยก็ว่าได้ ส่วนความนิยมในการเลี้ยงนั้นมีน้อยเเละต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในการเลี้ยงเหมือนกัน



ลักษณะทั่วไปของอเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์

          อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ มีช่วงชีวิตอยู่15 ปี มีน้ำหนักประมาณ 28-40 กิโลกรัม ความสูงนั้นประมาณ 45 เซนติเมตร มีหัวกว้าง เเละมีขากรรไกร โดยมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ส่วนหางค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับขนาดของลำตัวล่ำสัน กล้ามเนื้อแน่นมาก ขนสั้นและเรียบ ส่วนสีขนนั้นมีทั้งสีดำ, ลายเสือ, สีฟอน, สีเซเบิ้ล, สีน้ำเงินคราม เเละสีน้ำตาล อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ มักนิยมที่จะตัดแต่งหูเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยตั้งตรง

ลักษณะนิสัยอเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์

          สุนัขสายพันธ์นี่มีนิสัยจะขี้เล่น อดทน มีความกล้าหาญเเละมีความใส่ใจเเละอุทิศตนให้เจ้านายเป็นอย่างดี เเต่มีความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายอย่างยิ่ง อเมริกัน สแตฟฟอร์ด เชอร์เทอร์เรียร์ ไม่ชอบให้ออกคำสั่ง

          ความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ สแตฟฟอร์ดไชร์ เทอร์เรียร์ นั้นมีความนิยมเลี้ยงกันเป็นอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศอื่น ๆ นั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมเลี้ยงกันนักเพราะลักษณะนิสัยของพวกมันที่มีความดุพอสมควร ยิ่งในประเทศไทยด้วยเเล้วความนิยมในการเลี้ยงถือว่าน้อย

การดูแล

          สุนัขพันธุ์อเมริกันสแตฟฟอร์ดเชียร์ จะมีกลิ่นปากแรงพอสมควรจึงควรแปรงฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เล็บเท้าควรที่จะตัดแต่งตามความจำเป็น แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเพราะ สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์จะไม่ชอบให้อุ้งเท้าสักเท่าไร ถ้าไม่สามารถตัดได้ก็ควรพาไปร้านอาบตัดให้จะดีกว่า หู ก็ต้องไม่ลืมที่ต้องทำความสะอาดอยู่เสมอหรือทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์เรียโดยทั่วไปมีสุขภาพดีแต่ก็ต้องควรระวัง โรคภูมิแพ้ผิวหนังการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและโรคแพ้ภูมิตัวเอง นอกจากนี้ยังอาจพัฒนาโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรคกระดูกพรุนอีกด้วย



789
ไชนีสเครสเต็ด  Chinese Crested

          ไชนีส เครสเต็ด พัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขไร้ขนแอฟริกัน จนกระทั้งชาวจีนคนหนึ่งที่ชื่นชอบสุนัขพันธุ์เล็ก ได้พัฒนาสายพันธุ์ของสุนัขไร้ขนแอฟริกาให้มีขนาดตัวที่เล็กลง ไชนีสเครสเต็ด  น้องหมาหน้าตาไม่คุ้นสำหรับคนไทย เป็นน้องหมาที่น่าตาออกประหลาดสักหน่อย แต่ถ้าใครได้เลี้ยงแล้วก็จะหลงรัก วันนี้เรามาทำความรู้จักน้องหมาหน้าตาแปลก ๆ อย่างไชนีสเครสเต็ดกัน เผื่อใครสนใจอยากได้น้องมาเลี้ยงไว้สักตัว



          ที่มาของไชนีสเครสเต็ด  เริ่มในสมัยราชวงศ์ฮั่นของประเทศจีน ที่เลี้ยงไว้ทำหน้าที่เฝ้าสมบัติและออกติดตามไปล่าสัตว์กับบรรดาเชื้อพระวงศ์ กระทั่ง ปี พ.ศ.2428 มีการนำพวกมันข้ามฟากมาเผยแพร่ที่สหรัฐอเมริกา และด้วยความที่เป็นน้องหมารูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ จึงมีการเริ่มจับมาประกวด (Dog show) ประชันความน่าเกลียด จนกลายเป็นอีเวนท์ที่ได้รับความสนใจ บวกกับมันมีเสียงเห่าดังฟังชัด ชาวสหรัฐ และยุโรป จึงนิยมเลี้ยงไว้เพื่อการนี้ หรือไม่ก็ไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าโบสถ์

ลักษณะทั่วไปไชนีสเครสเต็ด 

          ไชนีส เครสเต็ด เป็นหมาขนาดเล็กถูกจัดในกลุ่มของทอย น้องหมาสายพันธุ์นี้มีความสูงที่ประมาณ 12 นิ้ว มีน้ำหนักตัวเพียง 5.5 กิโลกรัม ดวงตากลมโต หูตั้ง หน้าตาน่ารักปนน่าสงสาร ดูๆ ไปคล้ายสุนัขพันธุ์ชิวาว่า แต่ตัวมันจะไม่มีรูขุมขนเลย จะมีตรงปลายเท้า 4 ข้าง และที่หัว หาง ผิวหนังของมันเกลี้ยง

          ไชนีส เครสเต็ด มี 2 แบบคือ แบบมีขนทั้งตัว และแบบไร้ขน  แต่แบบมีขนกลับจะไม่นิยมเลี้ยงกัน แบบไร้ขนจะโดดเด่นกว่า โดยเฉพาะส่วนของหัวที่มีขนจะยาวลงมาถึงคอ แลดูคล้ายทรงรากไทร หางฟู และขาทั้งสี่จะมีขนคล้ายถุงเท้า นอกจากนั้นสีของลำตัวยังแบ่งเป็น 2 สี คือ สีเข้ม หรือสีดำ (blue spot) และพันธุ์สุดฮอตและนิยมเลี้ยงมากที่สุดคือ สีด่างชมพู (pink spot) 

นิสัยของไชนีส เครสเต็ด

          ไชนีส เครสเต็ด มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น ขี้สงสัยและอยากรู้อยากเห็น ติดคนชอบประจบและชอบเรียกร้องความสนใจเจ้าของ ชอบใช้เวลาอยู่กับครอบครัว



การดูแลไชนีส เครสเต็ด

          การเลี้ยงไชนีส เครสเต็ด เลี้ยงค่อนข้างง่าย การกินอยู่ไม่แตกต่างจากหมาทั่วไป สำหรับสายพันธุ์ไร้ขน ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยๆ เพราะไม่ค่อยมีกลิ่นตัว และไม่ค่อยมีเห็บมาเกาะ แต่ก็จำเป็นต้องดูแลอย่าให้อยู่ในที่ที่อากาศร้อนหรือหนาวเกินไป เพราะผิวหนังของไชนีส เครสเต็ดนั้นบอบบาง และข้อควรระวังคือ เรื่องความหนาว อย่าให้ลมโกรก และต้องดูแลเรื่องการบำรุงผิว และทาครีมกันแดด เพราะเมื่อผิวโดนแดดมากจะกลายเป็นสีคล้ำออกม่วงดำ

          ถ้าเป็นสายพันธุ์ที่มีขน ควรแปรงขนให้เขาทุกวันและดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ขนของไชนีส เครสเต็ดขนข้างในจะสั้นกว่าขนข้างนอก ทำให้แปรงขนได้ง่าย ควรแปรงฟันให้เขาเป็นประจำ และควรพาไปออกกำลังกายบ้างเป็นบางครั้ง

          ถึงแม้จะไชนีส เครสเต็ด ดูน่าไม่น่ารักหรือขนฟูจนสวยถูกตาถูกใจใครๆ แต่สำหรับคนเลี้ยงหรือเจ้าของตัวจริงแล้ว เมื่อได้สัมผัส ได้เลี้ยงดูมันอย่างใกล้ชิด เขาเหล่านั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่า มันเป็นสุนัขที่น่ารัก น่าเลี้ยงตัวหนึ่งเลยทีเดียว ...



790
ไชนีสเครสเต็ด  Chinese Crested

          ไชนีส เครสเต็ด พัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขไร้ขนแอฟริกัน จนกระทั้งชาวจีนคนหนึ่งที่ชื่นชอบสุนัขพันธุ์เล็ก ได้พัฒนาสายพันธุ์ของสุนัขไร้ขนแอฟริกาให้มีขนาดตัวที่เล็กลง ไชนีสเครสเต็ด  น้องหมาหน้าตาไม่คุ้นสำหรับคนไทย เป็นน้องหมาที่น่าตาออกประหลาดสักหน่อย แต่ถ้าใครได้เลี้ยงแล้วก็จะหลงรัก วันนี้เรามาทำความรู้จักน้องหมาหน้าตาแปลก ๆ อย่างไชนีสเครสเต็ดกัน เผื่อใครสนใจอยากได้น้องมาเลี้ยงไว้สักตัว



          ที่มาของไชนีสเครสเต็ด  เริ่มในสมัยราชวงศ์ฮั่นของประเทศจีน ที่เลี้ยงไว้ทำหน้าที่เฝ้าสมบัติและออกติดตามไปล่าสัตว์กับบรรดาเชื้อพระวงศ์ กระทั่ง ปี พ.ศ.2428 มีการนำพวกมันข้ามฟากมาเผยแพร่ที่สหรัฐอเมริกา และด้วยความที่เป็นน้องหมารูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ จึงมีการเริ่มจับมาประกวด (Dog show) ประชันความน่าเกลียด จนกลายเป็นอีเวนท์ที่ได้รับความสนใจ บวกกับมันมีเสียงเห่าดังฟังชัด ชาวสหรัฐ และยุโรป จึงนิยมเลี้ยงไว้เพื่อการนี้ หรือไม่ก็ไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าโบสถ์

ลักษณะทั่วไปไชนีสเครสเต็ด 

          ไชนีส เครสเต็ด เป็นหมาขนาดเล็กถูกจัดในกลุ่มของทอย น้องหมาสายพันธุ์นี้มีความสูงที่ประมาณ 12 นิ้ว มีน้ำหนักตัวเพียง 5.5 กิโลกรัม ดวงตากลมโต หูตั้ง หน้าตาน่ารักปนน่าสงสาร ดูๆ ไปคล้ายสุนัขพันธุ์ชิวาว่า แต่ตัวมันจะไม่มีรูขุมขนเลย จะมีตรงปลายเท้า 4 ข้าง และที่หัว หาง ผิวหนังของมันเกลี้ยง

          ไชนีส เครสเต็ด มี 2 แบบคือ แบบมีขนทั้งตัว และแบบไร้ขน  แต่แบบมีขนกลับจะไม่นิยมเลี้ยงกัน แบบไร้ขนจะโดดเด่นกว่า โดยเฉพาะส่วนของหัวที่มีขนจะยาวลงมาถึงคอ แลดูคล้ายทรงรากไทร หางฟู และขาทั้งสี่จะมีขนคล้ายถุงเท้า นอกจากนั้นสีของลำตัวยังแบ่งเป็น 2 สี คือ สีเข้ม หรือสีดำ (blue spot) และพันธุ์สุดฮอตและนิยมเลี้ยงมากที่สุดคือ สีด่างชมพู (pink spot) 

นิสัยของไชนีส เครสเต็ด

          ไชนีส เครสเต็ด มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น ขี้สงสัยและอยากรู้อยากเห็น ติดคนชอบประจบและชอบเรียกร้องความสนใจเจ้าของ ชอบใช้เวลาอยู่กับครอบครัว



การดูแลไชนีส เครสเต็ด

          การเลี้ยงไชนีส เครสเต็ด เลี้ยงค่อนข้างง่าย การกินอยู่ไม่แตกต่างจากหมาทั่วไป สำหรับสายพันธุ์ไร้ขน ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยๆ เพราะไม่ค่อยมีกลิ่นตัว และไม่ค่อยมีเห็บมาเกาะ แต่ก็จำเป็นต้องดูแลอย่าให้อยู่ในที่ที่อากาศร้อนหรือหนาวเกินไป เพราะผิวหนังของไชนีส เครสเต็ดนั้นบอบบาง และข้อควรระวังคือ เรื่องความหนาว อย่าให้ลมโกรก และต้องดูแลเรื่องการบำรุงผิว และทาครีมกันแดด เพราะเมื่อผิวโดนแดดมากจะกลายเป็นสีคล้ำออกม่วงดำ

          ถ้าเป็นสายพันธุ์ที่มีขน ควรแปรงขนให้เขาทุกวันและดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ขนของไชนีส เครสเต็ดขนข้างในจะสั้นกว่าขนข้างนอก ทำให้แปรงขนได้ง่าย ควรแปรงฟันให้เขาเป็นประจำ และควรพาไปออกกำลังกายบ้างเป็นบางครั้ง

          ถึงแม้จะไชนีส เครสเต็ด ดูน่าไม่น่ารักหรือขนฟูจนสวยถูกตาถูกใจใครๆ แต่สำหรับคนเลี้ยงหรือเจ้าของตัวจริงแล้ว เมื่อได้สัมผัส ได้เลี้ยงดูมันอย่างใกล้ชิด เขาเหล่านั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่า มันเป็นสุนัขที่น่ารัก น่าเลี้ยงตัวหนึ่งเลยทีเดียว ...



791
ไชนีสเครสเต็ด  Chinese Crested

          ไชนีส เครสเต็ด พัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขไร้ขนแอฟริกัน จนกระทั้งชาวจีนคนหนึ่งที่ชื่นชอบสุนัขพันธุ์เล็ก ได้พัฒนาสายพันธุ์ของสุนัขไร้ขนแอฟริกาให้มีขนาดตัวที่เล็กลง ไชนีสเครสเต็ด  น้องหมาหน้าตาไม่คุ้นสำหรับคนไทย เป็นน้องหมาที่น่าตาออกประหลาดสักหน่อย แต่ถ้าใครได้เลี้ยงแล้วก็จะหลงรัก วันนี้เรามาทำความรู้จักน้องหมาหน้าตาแปลก ๆ อย่างไชนีสเครสเต็ดกัน เผื่อใครสนใจอยากได้น้องมาเลี้ยงไว้สักตัว



          ที่มาของไชนีสเครสเต็ด  เริ่มในสมัยราชวงศ์ฮั่นของประเทศจีน ที่เลี้ยงไว้ทำหน้าที่เฝ้าสมบัติและออกติดตามไปล่าสัตว์กับบรรดาเชื้อพระวงศ์ กระทั่ง ปี พ.ศ.2428 มีการนำพวกมันข้ามฟากมาเผยแพร่ที่สหรัฐอเมริกา และด้วยความที่เป็นน้องหมารูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ จึงมีการเริ่มจับมาประกวด (Dog show) ประชันความน่าเกลียด จนกลายเป็นอีเวนท์ที่ได้รับความสนใจ บวกกับมันมีเสียงเห่าดังฟังชัด ชาวสหรัฐ และยุโรป จึงนิยมเลี้ยงไว้เพื่อการนี้ หรือไม่ก็ไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าโบสถ์

ลักษณะทั่วไปไชนีสเครสเต็ด 

          ไชนีส เครสเต็ด เป็นหมาขนาดเล็กถูกจัดในกลุ่มของทอย น้องหมาสายพันธุ์นี้มีความสูงที่ประมาณ 12 นิ้ว มีน้ำหนักตัวเพียง 5.5 กิโลกรัม ดวงตากลมโต หูตั้ง หน้าตาน่ารักปนน่าสงสาร ดูๆ ไปคล้ายสุนัขพันธุ์ชิวาว่า แต่ตัวมันจะไม่มีรูขุมขนเลย จะมีตรงปลายเท้า 4 ข้าง และที่หัว หาง ผิวหนังของมันเกลี้ยง

          ไชนีส เครสเต็ด มี 2 แบบคือ แบบมีขนทั้งตัว และแบบไร้ขน  แต่แบบมีขนกลับจะไม่นิยมเลี้ยงกัน แบบไร้ขนจะโดดเด่นกว่า โดยเฉพาะส่วนของหัวที่มีขนจะยาวลงมาถึงคอ แลดูคล้ายทรงรากไทร หางฟู และขาทั้งสี่จะมีขนคล้ายถุงเท้า นอกจากนั้นสีของลำตัวยังแบ่งเป็น 2 สี คือ สีเข้ม หรือสีดำ (blue spot) และพันธุ์สุดฮอตและนิยมเลี้ยงมากที่สุดคือ สีด่างชมพู (pink spot) 

นิสัยของไชนีส เครสเต็ด

          ไชนีส เครสเต็ด มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น ขี้สงสัยและอยากรู้อยากเห็น ติดคนชอบประจบและชอบเรียกร้องความสนใจเจ้าของ ชอบใช้เวลาอยู่กับครอบครัว



การดูแลไชนีส เครสเต็ด

          การเลี้ยงไชนีส เครสเต็ด เลี้ยงค่อนข้างง่าย การกินอยู่ไม่แตกต่างจากหมาทั่วไป สำหรับสายพันธุ์ไร้ขน ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยๆ เพราะไม่ค่อยมีกลิ่นตัว และไม่ค่อยมีเห็บมาเกาะ แต่ก็จำเป็นต้องดูแลอย่าให้อยู่ในที่ที่อากาศร้อนหรือหนาวเกินไป เพราะผิวหนังของไชนีส เครสเต็ดนั้นบอบบาง และข้อควรระวังคือ เรื่องความหนาว อย่าให้ลมโกรก และต้องดูแลเรื่องการบำรุงผิว และทาครีมกันแดด เพราะเมื่อผิวโดนแดดมากจะกลายเป็นสีคล้ำออกม่วงดำ

          ถ้าเป็นสายพันธุ์ที่มีขน ควรแปรงขนให้เขาทุกวันและดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ขนของไชนีส เครสเต็ดขนข้างในจะสั้นกว่าขนข้างนอก ทำให้แปรงขนได้ง่าย ควรแปรงฟันให้เขาเป็นประจำ และควรพาไปออกกำลังกายบ้างเป็นบางครั้ง

          ถึงแม้จะไชนีส เครสเต็ด ดูน่าไม่น่ารักหรือขนฟูจนสวยถูกตาถูกใจใครๆ แต่สำหรับคนเลี้ยงหรือเจ้าของตัวจริงแล้ว เมื่อได้สัมผัส ได้เลี้ยงดูมันอย่างใกล้ชิด เขาเหล่านั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่า มันเป็นสุนัขที่น่ารัก น่าเลี้ยงตัวหนึ่งเลยทีเดียว ...



792
ไชนีสเครสเต็ด  Chinese Crested

          ไชนีส เครสเต็ด พัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขไร้ขนแอฟริกัน จนกระทั้งชาวจีนคนหนึ่งที่ชื่นชอบสุนัขพันธุ์เล็ก ได้พัฒนาสายพันธุ์ของสุนัขไร้ขนแอฟริกาให้มีขนาดตัวที่เล็กลง ไชนีสเครสเต็ด  น้องหมาหน้าตาไม่คุ้นสำหรับคนไทย เป็นน้องหมาที่น่าตาออกประหลาดสักหน่อย แต่ถ้าใครได้เลี้ยงแล้วก็จะหลงรัก วันนี้เรามาทำความรู้จักน้องหมาหน้าตาแปลก ๆ อย่างไชนีสเครสเต็ดกัน เผื่อใครสนใจอยากได้น้องมาเลี้ยงไว้สักตัว



          ที่มาของไชนีสเครสเต็ด  เริ่มในสมัยราชวงศ์ฮั่นของประเทศจีน ที่เลี้ยงไว้ทำหน้าที่เฝ้าสมบัติและออกติดตามไปล่าสัตว์กับบรรดาเชื้อพระวงศ์ กระทั่ง ปี พ.ศ.2428 มีการนำพวกมันข้ามฟากมาเผยแพร่ที่สหรัฐอเมริกา และด้วยความที่เป็นน้องหมารูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ จึงมีการเริ่มจับมาประกวด (Dog show) ประชันความน่าเกลียด จนกลายเป็นอีเวนท์ที่ได้รับความสนใจ บวกกับมันมีเสียงเห่าดังฟังชัด ชาวสหรัฐ และยุโรป จึงนิยมเลี้ยงไว้เพื่อการนี้ หรือไม่ก็ไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าโบสถ์

ลักษณะทั่วไปไชนีสเครสเต็ด 

          ไชนีส เครสเต็ด เป็นหมาขนาดเล็กถูกจัดในกลุ่มของทอย น้องหมาสายพันธุ์นี้มีความสูงที่ประมาณ 12 นิ้ว มีน้ำหนักตัวเพียง 5.5 กิโลกรัม ดวงตากลมโต หูตั้ง หน้าตาน่ารักปนน่าสงสาร ดูๆ ไปคล้ายสุนัขพันธุ์ชิวาว่า แต่ตัวมันจะไม่มีรูขุมขนเลย จะมีตรงปลายเท้า 4 ข้าง และที่หัว หาง ผิวหนังของมันเกลี้ยง

          ไชนีส เครสเต็ด มี 2 แบบคือ แบบมีขนทั้งตัว และแบบไร้ขน  แต่แบบมีขนกลับจะไม่นิยมเลี้ยงกัน แบบไร้ขนจะโดดเด่นกว่า โดยเฉพาะส่วนของหัวที่มีขนจะยาวลงมาถึงคอ แลดูคล้ายทรงรากไทร หางฟู และขาทั้งสี่จะมีขนคล้ายถุงเท้า นอกจากนั้นสีของลำตัวยังแบ่งเป็น 2 สี คือ สีเข้ม หรือสีดำ (blue spot) และพันธุ์สุดฮอตและนิยมเลี้ยงมากที่สุดคือ สีด่างชมพู (pink spot) 

นิสัยของไชนีส เครสเต็ด

          ไชนีส เครสเต็ด มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น ขี้สงสัยและอยากรู้อยากเห็น ติดคนชอบประจบและชอบเรียกร้องความสนใจเจ้าของ ชอบใช้เวลาอยู่กับครอบครัว



การดูแลไชนีส เครสเต็ด

          การเลี้ยงไชนีส เครสเต็ด เลี้ยงค่อนข้างง่าย การกินอยู่ไม่แตกต่างจากหมาทั่วไป สำหรับสายพันธุ์ไร้ขน ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยๆ เพราะไม่ค่อยมีกลิ่นตัว และไม่ค่อยมีเห็บมาเกาะ แต่ก็จำเป็นต้องดูแลอย่าให้อยู่ในที่ที่อากาศร้อนหรือหนาวเกินไป เพราะผิวหนังของไชนีส เครสเต็ดนั้นบอบบาง และข้อควรระวังคือ เรื่องความหนาว อย่าให้ลมโกรก และต้องดูแลเรื่องการบำรุงผิว และทาครีมกันแดด เพราะเมื่อผิวโดนแดดมากจะกลายเป็นสีคล้ำออกม่วงดำ

          ถ้าเป็นสายพันธุ์ที่มีขน ควรแปรงขนให้เขาทุกวันและดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ขนของไชนีส เครสเต็ดขนข้างในจะสั้นกว่าขนข้างนอก ทำให้แปรงขนได้ง่าย ควรแปรงฟันให้เขาเป็นประจำ และควรพาไปออกกำลังกายบ้างเป็นบางครั้ง

          ถึงแม้จะไชนีส เครสเต็ด ดูน่าไม่น่ารักหรือขนฟูจนสวยถูกตาถูกใจใครๆ แต่สำหรับคนเลี้ยงหรือเจ้าของตัวจริงแล้ว เมื่อได้สัมผัส ได้เลี้ยงดูมันอย่างใกล้ชิด เขาเหล่านั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่า มันเป็นสุนัขที่น่ารัก น่าเลี้ยงตัวหนึ่งเลยทีเดียว ...



793
6 สารเคมีในบ้านที่น้องหมาอาจแพ้ได้

          สัตว์เลี้ยงของเราอย่างน้องหมาหรือน้องแมว มีโอกาสได้รับสารพิษมีหลายช่องทางทั้งการกิน สัมผัส สูดดม โดยที่หลายคนอาจไม่คิดว่าของใช้ในบ้านที่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบนั้น จะเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในบ้านได้ วันนี้เราจะพาคุณไปดูของใช้ต่างๆ ที่เราคุ้นชิน ใช้กันอยู่เป็นประจำทุกวัน อาจส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในบ้านได้ วันนี้เรามาลองเช็คกันว่าในบ้านของคุณมีสิ่งเหล่านี้ดูอยู่หรือไม่



1.ควันธูป

          หลายๆ บ้านมักชอบจุดธูปเพื่อที่จะบูชาหรือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าในควันธูปและกลิ่นของธูปนั้นเป็นสิ่งที่น้องหมาไม่ชอง และอาจมีสารเคมีต่างๆ มากมาย อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

2.แป้งทาตัว

          หลายคนติดแป้งทาตัวมาก และบางทีก็ยังเผื่อแผ่ใช้กับน้องหมาน้องแมวให้ตัวหอมเหมือนกันด้วย แต่แป้งทาตัวเหล่านี้ไม่เหมาะกับพวกเขาเลยนะ เพราะนอกจากละอองแป้งจะรบกวนระบบทางเดินหายใจและบางทีอาจจะทำให้ไม่สบายตัวจนแพ้แล้ว และน้องหมาน้องแมวก็ไม่ชอบกลิ่นหอมของแป้งอีกด้วย

3. สเปรย์ปรับอากาศ

          เพราะน้องหมาอย่าลืมว่าสัตว์เลี้ยงมีประสาทการรับกลิ่นที่ดีกว่ามนุษย์มาก สิ่งใดที่มนุษย์รู้สึกว่าหอมสดชื่นนั้นสำหรับสัตว์อาจจะเป็นหอมฉึ่งก็ได้

4. น้ำยาทำความสะอาดพื้น


          ในน้ำยาทำความสะอาดพื้นนั้นมีสารเคมีรุนแรงซึ่งช่วยในการขจัดคราบสิ่งสกปรกต่างๆ อยู่ ทั้งยังมีกลิ่นที่แรงเอามากๆ ด้วย ซึ่งทั้งสารเคมีนั่นแหละที่อันตรายต่อสัตว์เลี้ยงมากเลย แนะนำว่าเมื่อถูพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ให้ถูพื้นด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งจะดีกว่า

5. ผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม

          ด้วยความหวังดีและอยากให้ของใช้น้องนั้นสะอาด จึงนำของใช้น้องไปซัก ไม่ว่าจะเป็นที่นอน ผ้า หรือของเล่นน้องมา แต่หลังจากที่ผ่านการซักแล้ว ปรากฏว่าน้องหมาไม่ใช้อีกเลย
เหตุผลอาจเป็นเพราะกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใส่อาจแรงเกินไปก็ได้ เราคิดว่าใส่ในปริมาณที่น้อยแล้วแต่สำหรับน้องหมานั้นเป็นสัตว์ที่มีประสาทการรับกลิ่นที่ดีกว่าย่อมได้กลิ่นที่แรงกว่าคน จึงอาจทำให้น้องหมาแพ้ได้

6. เครื่องสำอางหรือน้ำหอม

          สารเคมีที่อยู่บนเครื่องสำอางบางชนิดก็ไม่ได้โอเคกับสัตว์เลี้ยงสักเท่าไหร่ ดังนั้นหากจะเล่นกับสัตว์เลี้ยงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็ล้างเครื่องสำอางออกสักหน่อยก็ดีนะ
สารเคมีทั้ง 6 อย่างที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในบ้าน อาจส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมา ที่อาจทำให้น้องเป็นภูมิแพ้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

           ขอแนะนำให้เจ้าของคอยสังเกตสอดส่องว่า อะไรภายในบ้านที่ทำให้น้องหมาเกิดปัญหาแพ้ระคายเคืองได้บ้าง จัดการปัญหาเสียตั้งแต่ต้นลม ป้องกันระคายเคืองซ้ำซ้อนเรื้อรังจนยกระดับกลายเป็นภูมิแพ้ค่ะควร


794
6 สารเคมีในบ้านที่น้องหมาอาจแพ้ได้

          สัตว์เลี้ยงของเราอย่างน้องหมาหรือน้องแมว มีโอกาสได้รับสารพิษมีหลายช่องทางทั้งการกิน สัมผัส สูดดม โดยที่หลายคนอาจไม่คิดว่าของใช้ในบ้านที่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบนั้น จะเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในบ้านได้ วันนี้เราจะพาคุณไปดูของใช้ต่างๆ ที่เราคุ้นชิน ใช้กันอยู่เป็นประจำทุกวัน อาจส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในบ้านได้ วันนี้เรามาลองเช็คกันว่าในบ้านของคุณมีสิ่งเหล่านี้ดูอยู่หรือไม่



1.ควันธูป

          หลายๆ บ้านมักชอบจุดธูปเพื่อที่จะบูชาหรือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าในควันธูปและกลิ่นของธูปนั้นเป็นสิ่งที่น้องหมาไม่ชอง และอาจมีสารเคมีต่างๆ มากมาย อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

2.แป้งทาตัว

          หลายคนติดแป้งทาตัวมาก และบางทีก็ยังเผื่อแผ่ใช้กับน้องหมาน้องแมวให้ตัวหอมเหมือนกันด้วย แต่แป้งทาตัวเหล่านี้ไม่เหมาะกับพวกเขาเลยนะ เพราะนอกจากละอองแป้งจะรบกวนระบบทางเดินหายใจและบางทีอาจจะทำให้ไม่สบายตัวจนแพ้แล้ว และน้องหมาน้องแมวก็ไม่ชอบกลิ่นหอมของแป้งอีกด้วย

3. สเปรย์ปรับอากาศ

          เพราะน้องหมาอย่าลืมว่าสัตว์เลี้ยงมีประสาทการรับกลิ่นที่ดีกว่ามนุษย์มาก สิ่งใดที่มนุษย์รู้สึกว่าหอมสดชื่นนั้นสำหรับสัตว์อาจจะเป็นหอมฉึ่งก็ได้

4. น้ำยาทำความสะอาดพื้น


          ในน้ำยาทำความสะอาดพื้นนั้นมีสารเคมีรุนแรงซึ่งช่วยในการขจัดคราบสิ่งสกปรกต่างๆ อยู่ ทั้งยังมีกลิ่นที่แรงเอามากๆ ด้วย ซึ่งทั้งสารเคมีนั่นแหละที่อันตรายต่อสัตว์เลี้ยงมากเลย แนะนำว่าเมื่อถูพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ให้ถูพื้นด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งจะดีกว่า

5. ผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม

          ด้วยความหวังดีและอยากให้ของใช้น้องนั้นสะอาด จึงนำของใช้น้องไปซัก ไม่ว่าจะเป็นที่นอน ผ้า หรือของเล่นน้องมา แต่หลังจากที่ผ่านการซักแล้ว ปรากฏว่าน้องหมาไม่ใช้อีกเลย
เหตุผลอาจเป็นเพราะกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใส่อาจแรงเกินไปก็ได้ เราคิดว่าใส่ในปริมาณที่น้อยแล้วแต่สำหรับน้องหมานั้นเป็นสัตว์ที่มีประสาทการรับกลิ่นที่ดีกว่าย่อมได้กลิ่นที่แรงกว่าคน จึงอาจทำให้น้องหมาแพ้ได้

6. เครื่องสำอางหรือน้ำหอม

          สารเคมีที่อยู่บนเครื่องสำอางบางชนิดก็ไม่ได้โอเคกับสัตว์เลี้ยงสักเท่าไหร่ ดังนั้นหากจะเล่นกับสัตว์เลี้ยงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็ล้างเครื่องสำอางออกสักหน่อยก็ดีนะ
สารเคมีทั้ง 6 อย่างที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในบ้าน อาจส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมา ที่อาจทำให้น้องเป็นภูมิแพ้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

           ขอแนะนำให้เจ้าของคอยสังเกตสอดส่องว่า อะไรภายในบ้านที่ทำให้น้องหมาเกิดปัญหาแพ้ระคายเคืองได้บ้าง จัดการปัญหาเสียตั้งแต่ต้นลม ป้องกันระคายเคืองซ้ำซ้อนเรื้อรังจนยกระดับกลายเป็นภูมิแพ้ค่ะควร


795
6 สารเคมีในบ้านที่น้องหมาอาจแพ้ได้

          สัตว์เลี้ยงของเราอย่างน้องหมาหรือน้องแมว มีโอกาสได้รับสารพิษมีหลายช่องทางทั้งการกิน สัมผัส สูดดม โดยที่หลายคนอาจไม่คิดว่าของใช้ในบ้านที่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบนั้น จะเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในบ้านได้ วันนี้เราจะพาคุณไปดูของใช้ต่างๆ ที่เราคุ้นชิน ใช้กันอยู่เป็นประจำทุกวัน อาจส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในบ้านได้ วันนี้เรามาลองเช็คกันว่าในบ้านของคุณมีสิ่งเหล่านี้ดูอยู่หรือไม่



1.ควันธูป

          หลายๆ บ้านมักชอบจุดธูปเพื่อที่จะบูชาหรือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าในควันธูปและกลิ่นของธูปนั้นเป็นสิ่งที่น้องหมาไม่ชอง และอาจมีสารเคมีต่างๆ มากมาย อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

2.แป้งทาตัว

          หลายคนติดแป้งทาตัวมาก และบางทีก็ยังเผื่อแผ่ใช้กับน้องหมาน้องแมวให้ตัวหอมเหมือนกันด้วย แต่แป้งทาตัวเหล่านี้ไม่เหมาะกับพวกเขาเลยนะ เพราะนอกจากละอองแป้งจะรบกวนระบบทางเดินหายใจและบางทีอาจจะทำให้ไม่สบายตัวจนแพ้แล้ว และน้องหมาน้องแมวก็ไม่ชอบกลิ่นหอมของแป้งอีกด้วย

3. สเปรย์ปรับอากาศ

          เพราะน้องหมาอย่าลืมว่าสัตว์เลี้ยงมีประสาทการรับกลิ่นที่ดีกว่ามนุษย์มาก สิ่งใดที่มนุษย์รู้สึกว่าหอมสดชื่นนั้นสำหรับสัตว์อาจจะเป็นหอมฉึ่งก็ได้

4. น้ำยาทำความสะอาดพื้น


          ในน้ำยาทำความสะอาดพื้นนั้นมีสารเคมีรุนแรงซึ่งช่วยในการขจัดคราบสิ่งสกปรกต่างๆ อยู่ ทั้งยังมีกลิ่นที่แรงเอามากๆ ด้วย ซึ่งทั้งสารเคมีนั่นแหละที่อันตรายต่อสัตว์เลี้ยงมากเลย แนะนำว่าเมื่อถูพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ให้ถูพื้นด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งจะดีกว่า

5. ผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม

          ด้วยความหวังดีและอยากให้ของใช้น้องนั้นสะอาด จึงนำของใช้น้องไปซัก ไม่ว่าจะเป็นที่นอน ผ้า หรือของเล่นน้องมา แต่หลังจากที่ผ่านการซักแล้ว ปรากฏว่าน้องหมาไม่ใช้อีกเลย
เหตุผลอาจเป็นเพราะกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใส่อาจแรงเกินไปก็ได้ เราคิดว่าใส่ในปริมาณที่น้อยแล้วแต่สำหรับน้องหมานั้นเป็นสัตว์ที่มีประสาทการรับกลิ่นที่ดีกว่าย่อมได้กลิ่นที่แรงกว่าคน จึงอาจทำให้น้องหมาแพ้ได้

6. เครื่องสำอางหรือน้ำหอม

          สารเคมีที่อยู่บนเครื่องสำอางบางชนิดก็ไม่ได้โอเคกับสัตว์เลี้ยงสักเท่าไหร่ ดังนั้นหากจะเล่นกับสัตว์เลี้ยงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็ล้างเครื่องสำอางออกสักหน่อยก็ดีนะ
สารเคมีทั้ง 6 อย่างที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในบ้าน อาจส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมา ที่อาจทำให้น้องเป็นภูมิแพ้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

           ขอแนะนำให้เจ้าของคอยสังเกตสอดส่องว่า อะไรภายในบ้านที่ทำให้น้องหมาเกิดปัญหาแพ้ระคายเคืองได้บ้าง จัดการปัญหาเสียตั้งแต่ต้นลม ป้องกันระคายเคืองซ้ำซ้อนเรื้อรังจนยกระดับกลายเป็นภูมิแพ้ค่ะควร