แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

6271
สุนัขที่เป็นตับอ่อนอักเสบ

     ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความเข้าใจเรื่องวิธีการกินอาหารของสุนัขที่เป็นตับอ่อนอักเสบเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 1990 เราได้เรียนรู้ว่าสุนัขที่เป็นตับอ่อนอักเสบควรจะต้องงดอาหาร 24-48 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้อาหารผ่านทางเดินลำไส้ แล้วไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งเอนไซม์ย่อยอาหาร ซึ่งเป็นการเพิ่มการอักเสบของตับอ่อน



     แต่ปัจจุบันการวิจัยทั้งในคนและสุนัข ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่อการอดอาหารเป็นเวลานานของ ผู้ป่วยโรคตับอ่อนอักเสบ ที่มีผลต่อโครงสร้างและทำงานของระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เซลล์ที่สำไล้ขึ้นอยู่กับการดูดซับพลังงานและสารอาหารที่กินเข้าไป เมื่อสุนัขไม่กินเยื่อบุของทางเดินลำไส้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยจะเกิดการหดตัวของเนื้อเยื้อระบบภูมิคุ้มกัน การลดลงของผนังลำไส้จะกลายเป็น “รั่ว” ทำให้การดูดซึมของเชื้อแบคทีเรียและสารพิษเพิ่มขึ้น การอักเสบจึงเป็นมากขึ้น

     เรากำลังหาวิธีการที่ดีที่สุด สำหรับการเริ่มต้นให้อาหารสุนัขที่ตับอ่อนอักเสบ เรากำลังพยายามให้เป็นไปได้อย่างเร็วที่สุด อต่เราจะไม่ดึงดันให้อาหารกับสุนัขที่อาเจียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเค้าไม่สามารถทานอาหารลงไปในท้องได้เลย แต่ยาแก้อาเจียนที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดตอนนี้ คือ ยา antiemetic ที่สามารถยับยั้งการอาเจียนได้ภายใน 24 ชั่วโมงในการเข้ารับรักษา ที่สำคัญควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น

     ในอาหารสุนัขที่มีไขมันนี่จะเป็นตัวเชื่อมโยงการพัฒนาการของตับอ่อนและเป็นการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดการอักเสบของตับอ่อน ดังนั้นอาหารที่ควรให้คือ อาหารไขมันต่ำ แต่การเริ่มต้นคือ ต้องให้ทีละน้อย ในสัดส่วน ¼ ของพลังงานที่สุนัขต้องการ แล้วก็ให้อาหาร 4 ช่วงต่อ 1 วัน หากสุนัขดีขึ้นจึงค่อยๆเพิ่มสัส่วนของอาหารให้เค้าจะได้รับพลังงานตามจำนวนที่ต้องการ อาหารที่จะมีประโยชน์ต่อสุนัขที่เป็นตับอ่อนอักเสบมากที่สุดคือ อาหารที่ย่อยง่าย มีเส้นใยต่ำ ไขมันต่ำ การเข้ารับการดูแลในโณงพยาบาลจะได้รับอาหรที่เหมาะสม หากได้กลับบ้านไปพักฟื้นเจ้าของควรปรุงอาหารเอง ก็จะเป็น ข้าวขาวผสมกับเนื้อไก่ต้ม เพื่อให้สุนัขได้รับคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอต่อความต้องการของเค้า

6272
สุนัขที่เป็นตับอ่อนอักเสบ

     ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความเข้าใจเรื่องวิธีการกินอาหารของสุนัขที่เป็นตับอ่อนอักเสบเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 1990 เราได้เรียนรู้ว่าสุนัขที่เป็นตับอ่อนอักเสบควรจะต้องงดอาหาร 24-48 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้อาหารผ่านทางเดินลำไส้ แล้วไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งเอนไซม์ย่อยอาหาร ซึ่งเป็นการเพิ่มการอักเสบของตับอ่อน



     แต่ปัจจุบันการวิจัยทั้งในคนและสุนัข ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่อการอดอาหารเป็นเวลานานของ ผู้ป่วยโรคตับอ่อนอักเสบ ที่มีผลต่อโครงสร้างและทำงานของระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เซลล์ที่สำไล้ขึ้นอยู่กับการดูดซับพลังงานและสารอาหารที่กินเข้าไป เมื่อสุนัขไม่กินเยื่อบุของทางเดินลำไส้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยจะเกิดการหดตัวของเนื้อเยื้อระบบภูมิคุ้มกัน การลดลงของผนังลำไส้จะกลายเป็น “รั่ว” ทำให้การดูดซึมของเชื้อแบคทีเรียและสารพิษเพิ่มขึ้น การอักเสบจึงเป็นมากขึ้น

     เรากำลังหาวิธีการที่ดีที่สุด สำหรับการเริ่มต้นให้อาหารสุนัขที่ตับอ่อนอักเสบ เรากำลังพยายามให้เป็นไปได้อย่างเร็วที่สุด อต่เราจะไม่ดึงดันให้อาหารกับสุนัขที่อาเจียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเค้าไม่สามารถทานอาหารลงไปในท้องได้เลย แต่ยาแก้อาเจียนที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดตอนนี้ คือ ยา antiemetic ที่สามารถยับยั้งการอาเจียนได้ภายใน 24 ชั่วโมงในการเข้ารับรักษา ที่สำคัญควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น

     ในอาหารสุนัขที่มีไขมันนี่จะเป็นตัวเชื่อมโยงการพัฒนาการของตับอ่อนและเป็นการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดการอักเสบของตับอ่อน ดังนั้นอาหารที่ควรให้คือ อาหารไขมันต่ำ แต่การเริ่มต้นคือ ต้องให้ทีละน้อย ในสัดส่วน ¼ ของพลังงานที่สุนัขต้องการ แล้วก็ให้อาหาร 4 ช่วงต่อ 1 วัน หากสุนัขดีขึ้นจึงค่อยๆเพิ่มสัส่วนของอาหารให้เค้าจะได้รับพลังงานตามจำนวนที่ต้องการ อาหารที่จะมีประโยชน์ต่อสุนัขที่เป็นตับอ่อนอักเสบมากที่สุดคือ อาหารที่ย่อยง่าย มีเส้นใยต่ำ ไขมันต่ำ การเข้ารับการดูแลในโณงพยาบาลจะได้รับอาหรที่เหมาะสม หากได้กลับบ้านไปพักฟื้นเจ้าของควรปรุงอาหารเอง ก็จะเป็น ข้าวขาวผสมกับเนื้อไก่ต้ม เพื่อให้สุนัขได้รับคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอต่อความต้องการของเค้า

6273
5 วิธีที่สำหรับการจ่ายค่าอาหารน้องหมาที่คุ้มค่าเงิน



     สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญของการเลี้ยงคือค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร จึงจำเป็นต้องหาอาหารสุนัขที่ดีที่สุด ซึ่งมีราคาที่เหมาะสม ถึงจะได้ประโยชน์และคุ้มค่ากันทั้ง 2 ฝ่าย มาดูข้อสังเกตเหล่านี้กันค่ะ ว่าตอบโจทย์ที่ว่าสุนัขได้คุณค่าที่ครบถ้วน และเจ้าของก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น

1. อาหารสุนัขที่คุณมีอยู่มีความสมดุลคุณค่าทางอาหารครบถ้วนและมีคุณภาพมั้ย? 

มีนิยามความสมดุล ดังนี้
“สุนัขต้องการพลังงาน จากทั้งโปรตีนไขมัน คาร์โบไฮเดรต หรดไขมันที่จำเป็น วิตามินและแร่ธาตุ” PhD. Tony Buffington ศาสตราจารย์และวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิกสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตกล่าวว่า “ในความเป็นจริงตราบใดที่สารอาหารทั้งหมดมีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับสุนัข ก็จะเกิดความสมดุลที่เหมาะสมและสามารถใช้ได้สำหรับการดูดซิมที่เพียงพอต่อสุนัข”

"สมดุลเป็นสิ่งสำคัญเพราะการเผาผลาญ" Joe Bartges DVM ปริญญาเอกและศาสตราจารย์แพทย์และโภชนาการที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซีวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์กล่าวว่า “ถ้าคุณไม่กินคาร์ไฮเดรตมากเกินไป หรือกินโปรตีนเพิ่มเพื่อสำหรับใช้ผลิตน้ำตาลที่ให้พลังงาน นั่นแหละคือ ความสมดุลที่มีประสิทธิภาพ” เพื่อความสมดุลนี้แหละ บริษัทผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียง จึงจ้างนักโภชนาการสัตวแพทย์มาช่วยงานเรื่องการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม

2. สูตรจากนักโภชนาการหรือไม่?

     การกำหนดสัดส่วนของคุณค่าทางอาหารโดยเจ้าของทำเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงผู้ผลิตอาหารสุนัขที่มีคุณภาพจะจ้างนักโภชนาการสัตว์เลี้ยงเฉพาะทาง เพื่อทำการทดลอง ทดสอบ ผสมให้คุณค่าทางอาหาร ให้เกิดความสมดุลของแต่ละสารอาหารให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์ของสุขนัขที่มีสุขภาพที่ดี

3. อาหารผ่านมาตรฐานการทดสอบที่ได้มาตรฐาน? 

     ข้อสังเกตคือดูจาก ฉลากของอาหารสุนัข จะมีข้อความเรื่องการ “ทดสอบอาหารสัตว์ตามมาตรฐานของ AAFCO (สมาคมเจ้าหน้าที่ควบคุมอาหารอเมริกัน) ว่า [ชื่อของบริษัทอาหารสุนัข] ให้สารอาหารครบถ้วนและสมดุล” จากคำยืนยันของ Ashley Gallagher DVMของ Friendship Hospital for Animalsว่าขั้นตอนการทดสอบอาหารอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่เข้มงวด เพื่อให้ได้สารอาหารที่เหมาะสม

4. อาหารมีการควบคุมการผลิตที่มีคุณภาพอย่างเข้มงวด?

     คุณภาพและความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ควรกังวลสำหรับทุกผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง แต่มีบางบริษัทที่ภูมิใจเสนอการผลิตอาหารของตนจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตนเองมี (เมื่อเทียบกับการผลิตร่วมหรือการจ้างผลิต) ตามที่  Mindy Bough รองประธานฝ่ายการดำเนินงานควบคุมสารพิษและการโภชนาการสัตว์เลี้ยง (ASPCA) ยืนยันขั้นตอนการควบคุมการผลิตของแต่ละผุ้ผลิตให้ผ่านมาตรฐานเข้มงวดและมีประสิทธิภาพ เช่น อาหารที่ผลิตจะสามารถเข้าผลิตภัณฑ์ได้ก็ต่อเมื่ออาหารผ่านคุณสมบัติการทดสอบเรียบร้อยแล้ว จึงจะให้ขัดส่งสินค้าจำหน่ายได้ เพื่อลดปัญหาที่อาหารจะปนเปื้อนสารอันไม่พึงประสงค์ ข้อสังเกตมให้มองหาข้อความที่บอกว่า “ผลิตโดย (manufactured by)” บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยง มากว่าข้อความ “ผลิต (manufactured for)” หรือ “จัดจำหน่ายโดย (distributed by)” และถ้าหากพบสิ่งผิดปกติในอาหารให้แจ้งต่อบริษัทผู้ผลิต และสัตวแพทย์หรือผู้เกี่ยวข้องให้ระงับแบรนด์นั้น และเรียกคืนสินค้าได้เลย

5. เป็นอาหารที่เหมาะกับสุนัขของคุณ?

     รวมถึงทุกประเด็น คือ พันธุกรรม น้ำหนัก สุขภาพของสุนัขของคุณ การเลือกอาหารที่ไม่เหมาะกับกายภาพของสุนัขจัดว่าเป็นเรื่องอันตราย บางครั้งสารอาหารอาจจะขาด บางครั้งอาจจะเกินความจำเป็น สิ่งเป็นเหตุผลสำคัญให้เกิดโรคตามมาได้อย่างแน่นอน
     มันอาจจะซับซ้อนเล็กน้อยที่ต้องคอยปรับอาหารให้เหมาะกับสุนัขอยู่สม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเท่านั้น ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆอย่าง อาจจะราคาสูงแต่คุณภาพเหมาะสำหรับกายภาพ สุขภาพของสุนัขของคุณมากที่สุด แต่เรื่องนึงที่วางใจได้เลยว่า การควบคุมดูแล ณ ตอนนี้ ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาโรคในอนาคตจากการปล่อยปละละเลยในตอนนี้ได้อย่างแน่นอนที่สุด


6274
5 วิธีที่สำหรับการจ่ายค่าอาหารน้องหมาที่คุ้มค่าเงิน



     สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญของการเลี้ยงคือค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร จึงจำเป็นต้องหาอาหารสุนัขที่ดีที่สุด ซึ่งมีราคาที่เหมาะสม ถึงจะได้ประโยชน์และคุ้มค่ากันทั้ง 2 ฝ่าย มาดูข้อสังเกตเหล่านี้กันค่ะ ว่าตอบโจทย์ที่ว่าสุนัขได้คุณค่าที่ครบถ้วน และเจ้าของก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น

1. อาหารสุนัขที่คุณมีอยู่มีความสมดุลคุณค่าทางอาหารครบถ้วนและมีคุณภาพมั้ย? 

มีนิยามความสมดุล ดังนี้
“สุนัขต้องการพลังงาน จากทั้งโปรตีนไขมัน คาร์โบไฮเดรต หรดไขมันที่จำเป็น วิตามินและแร่ธาตุ” PhD. Tony Buffington ศาสตราจารย์และวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิกสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตกล่าวว่า “ในความเป็นจริงตราบใดที่สารอาหารทั้งหมดมีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับสุนัข ก็จะเกิดความสมดุลที่เหมาะสมและสามารถใช้ได้สำหรับการดูดซิมที่เพียงพอต่อสุนัข”

"สมดุลเป็นสิ่งสำคัญเพราะการเผาผลาญ" Joe Bartges DVM ปริญญาเอกและศาสตราจารย์แพทย์และโภชนาการที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซีวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์กล่าวว่า “ถ้าคุณไม่กินคาร์ไฮเดรตมากเกินไป หรือกินโปรตีนเพิ่มเพื่อสำหรับใช้ผลิตน้ำตาลที่ให้พลังงาน นั่นแหละคือ ความสมดุลที่มีประสิทธิภาพ” เพื่อความสมดุลนี้แหละ บริษัทผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียง จึงจ้างนักโภชนาการสัตวแพทย์มาช่วยงานเรื่องการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม

2. สูตรจากนักโภชนาการหรือไม่?

     การกำหนดสัดส่วนของคุณค่าทางอาหารโดยเจ้าของทำเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงผู้ผลิตอาหารสุนัขที่มีคุณภาพจะจ้างนักโภชนาการสัตว์เลี้ยงเฉพาะทาง เพื่อทำการทดลอง ทดสอบ ผสมให้คุณค่าทางอาหาร ให้เกิดความสมดุลของแต่ละสารอาหารให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์ของสุขนัขที่มีสุขภาพที่ดี

3. อาหารผ่านมาตรฐานการทดสอบที่ได้มาตรฐาน? 

     ข้อสังเกตคือดูจาก ฉลากของอาหารสุนัข จะมีข้อความเรื่องการ “ทดสอบอาหารสัตว์ตามมาตรฐานของ AAFCO (สมาคมเจ้าหน้าที่ควบคุมอาหารอเมริกัน) ว่า [ชื่อของบริษัทอาหารสุนัข] ให้สารอาหารครบถ้วนและสมดุล” จากคำยืนยันของ Ashley Gallagher DVMของ Friendship Hospital for Animalsว่าขั้นตอนการทดสอบอาหารอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่เข้มงวด เพื่อให้ได้สารอาหารที่เหมาะสม

4. อาหารมีการควบคุมการผลิตที่มีคุณภาพอย่างเข้มงวด?

     คุณภาพและความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ควรกังวลสำหรับทุกผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง แต่มีบางบริษัทที่ภูมิใจเสนอการผลิตอาหารของตนจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตนเองมี (เมื่อเทียบกับการผลิตร่วมหรือการจ้างผลิต) ตามที่  Mindy Bough รองประธานฝ่ายการดำเนินงานควบคุมสารพิษและการโภชนาการสัตว์เลี้ยง (ASPCA) ยืนยันขั้นตอนการควบคุมการผลิตของแต่ละผุ้ผลิตให้ผ่านมาตรฐานเข้มงวดและมีประสิทธิภาพ เช่น อาหารที่ผลิตจะสามารถเข้าผลิตภัณฑ์ได้ก็ต่อเมื่ออาหารผ่านคุณสมบัติการทดสอบเรียบร้อยแล้ว จึงจะให้ขัดส่งสินค้าจำหน่ายได้ เพื่อลดปัญหาที่อาหารจะปนเปื้อนสารอันไม่พึงประสงค์ ข้อสังเกตมให้มองหาข้อความที่บอกว่า “ผลิตโดย (manufactured by)” บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยง มากว่าข้อความ “ผลิต (manufactured for)” หรือ “จัดจำหน่ายโดย (distributed by)” และถ้าหากพบสิ่งผิดปกติในอาหารให้แจ้งต่อบริษัทผู้ผลิต และสัตวแพทย์หรือผู้เกี่ยวข้องให้ระงับแบรนด์นั้น และเรียกคืนสินค้าได้เลย

5. เป็นอาหารที่เหมาะกับสุนัขของคุณ?

     รวมถึงทุกประเด็น คือ พันธุกรรม น้ำหนัก สุขภาพของสุนัขของคุณ การเลือกอาหารที่ไม่เหมาะกับกายภาพของสุนัขจัดว่าเป็นเรื่องอันตราย บางครั้งสารอาหารอาจจะขาด บางครั้งอาจจะเกินความจำเป็น สิ่งเป็นเหตุผลสำคัญให้เกิดโรคตามมาได้อย่างแน่นอน
     มันอาจจะซับซ้อนเล็กน้อยที่ต้องคอยปรับอาหารให้เหมาะกับสุนัขอยู่สม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเท่านั้น ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆอย่าง อาจจะราคาสูงแต่คุณภาพเหมาะสำหรับกายภาพ สุขภาพของสุนัขของคุณมากที่สุด แต่เรื่องนึงที่วางใจได้เลยว่า การควบคุมดูแล ณ ตอนนี้ ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาโรคในอนาคตจากการปล่อยปละละเลยในตอนนี้ได้อย่างแน่นอนที่สุด


6275
5 วิธีที่สำหรับการจ่ายค่าอาหารน้องหมาที่คุ้มค่าเงิน



     สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญของการเลี้ยงคือค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร จึงจำเป็นต้องหาอาหารสุนัขที่ดีที่สุด ซึ่งมีราคาที่เหมาะสม ถึงจะได้ประโยชน์และคุ้มค่ากันทั้ง 2 ฝ่าย มาดูข้อสังเกตเหล่านี้กันค่ะ ว่าตอบโจทย์ที่ว่าสุนัขได้คุณค่าที่ครบถ้วน และเจ้าของก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น

1. อาหารสุนัขที่คุณมีอยู่มีความสมดุลคุณค่าทางอาหารครบถ้วนและมีคุณภาพมั้ย? 

มีนิยามความสมดุล ดังนี้
“สุนัขต้องการพลังงาน จากทั้งโปรตีนไขมัน คาร์โบไฮเดรต หรดไขมันที่จำเป็น วิตามินและแร่ธาตุ” PhD. Tony Buffington ศาสตราจารย์และวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิกสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตกล่าวว่า “ในความเป็นจริงตราบใดที่สารอาหารทั้งหมดมีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับสุนัข ก็จะเกิดความสมดุลที่เหมาะสมและสามารถใช้ได้สำหรับการดูดซิมที่เพียงพอต่อสุนัข”

"สมดุลเป็นสิ่งสำคัญเพราะการเผาผลาญ" Joe Bartges DVM ปริญญาเอกและศาสตราจารย์แพทย์และโภชนาการที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซีวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์กล่าวว่า “ถ้าคุณไม่กินคาร์ไฮเดรตมากเกินไป หรือกินโปรตีนเพิ่มเพื่อสำหรับใช้ผลิตน้ำตาลที่ให้พลังงาน นั่นแหละคือ ความสมดุลที่มีประสิทธิภาพ” เพื่อความสมดุลนี้แหละ บริษัทผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียง จึงจ้างนักโภชนาการสัตวแพทย์มาช่วยงานเรื่องการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม

2. สูตรจากนักโภชนาการหรือไม่?

     การกำหนดสัดส่วนของคุณค่าทางอาหารโดยเจ้าของทำเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงผู้ผลิตอาหารสุนัขที่มีคุณภาพจะจ้างนักโภชนาการสัตว์เลี้ยงเฉพาะทาง เพื่อทำการทดลอง ทดสอบ ผสมให้คุณค่าทางอาหาร ให้เกิดความสมดุลของแต่ละสารอาหารให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์ของสุขนัขที่มีสุขภาพที่ดี

3. อาหารผ่านมาตรฐานการทดสอบที่ได้มาตรฐาน? 

     ข้อสังเกตคือดูจาก ฉลากของอาหารสุนัข จะมีข้อความเรื่องการ “ทดสอบอาหารสัตว์ตามมาตรฐานของ AAFCO (สมาคมเจ้าหน้าที่ควบคุมอาหารอเมริกัน) ว่า [ชื่อของบริษัทอาหารสุนัข] ให้สารอาหารครบถ้วนและสมดุล” จากคำยืนยันของ Ashley Gallagher DVMของ Friendship Hospital for Animalsว่าขั้นตอนการทดสอบอาหารอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่เข้มงวด เพื่อให้ได้สารอาหารที่เหมาะสม

4. อาหารมีการควบคุมการผลิตที่มีคุณภาพอย่างเข้มงวด?

     คุณภาพและความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ควรกังวลสำหรับทุกผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง แต่มีบางบริษัทที่ภูมิใจเสนอการผลิตอาหารของตนจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตนเองมี (เมื่อเทียบกับการผลิตร่วมหรือการจ้างผลิต) ตามที่  Mindy Bough รองประธานฝ่ายการดำเนินงานควบคุมสารพิษและการโภชนาการสัตว์เลี้ยง (ASPCA) ยืนยันขั้นตอนการควบคุมการผลิตของแต่ละผุ้ผลิตให้ผ่านมาตรฐานเข้มงวดและมีประสิทธิภาพ เช่น อาหารที่ผลิตจะสามารถเข้าผลิตภัณฑ์ได้ก็ต่อเมื่ออาหารผ่านคุณสมบัติการทดสอบเรียบร้อยแล้ว จึงจะให้ขัดส่งสินค้าจำหน่ายได้ เพื่อลดปัญหาที่อาหารจะปนเปื้อนสารอันไม่พึงประสงค์ ข้อสังเกตมให้มองหาข้อความที่บอกว่า “ผลิตโดย (manufactured by)” บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยง มากว่าข้อความ “ผลิต (manufactured for)” หรือ “จัดจำหน่ายโดย (distributed by)” และถ้าหากพบสิ่งผิดปกติในอาหารให้แจ้งต่อบริษัทผู้ผลิต และสัตวแพทย์หรือผู้เกี่ยวข้องให้ระงับแบรนด์นั้น และเรียกคืนสินค้าได้เลย

5. เป็นอาหารที่เหมาะกับสุนัขของคุณ?

     รวมถึงทุกประเด็น คือ พันธุกรรม น้ำหนัก สุขภาพของสุนัขของคุณ การเลือกอาหารที่ไม่เหมาะกับกายภาพของสุนัขจัดว่าเป็นเรื่องอันตราย บางครั้งสารอาหารอาจจะขาด บางครั้งอาจจะเกินความจำเป็น สิ่งเป็นเหตุผลสำคัญให้เกิดโรคตามมาได้อย่างแน่นอน
     มันอาจจะซับซ้อนเล็กน้อยที่ต้องคอยปรับอาหารให้เหมาะกับสุนัขอยู่สม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเท่านั้น ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆอย่าง อาจจะราคาสูงแต่คุณภาพเหมาะสำหรับกายภาพ สุขภาพของสุนัขของคุณมากที่สุด แต่เรื่องนึงที่วางใจได้เลยว่า การควบคุมดูแล ณ ตอนนี้ ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาโรคในอนาคตจากการปล่อยปละละเลยในตอนนี้ได้อย่างแน่นอนที่สุด


6276
5 วิธีที่สำหรับการจ่ายค่าอาหารน้องหมาที่คุ้มค่าเงิน



     สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญของการเลี้ยงคือค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร จึงจำเป็นต้องหาอาหารสุนัขที่ดีที่สุด ซึ่งมีราคาที่เหมาะสม ถึงจะได้ประโยชน์และคุ้มค่ากันทั้ง 2 ฝ่าย มาดูข้อสังเกตเหล่านี้กันค่ะ ว่าตอบโจทย์ที่ว่าสุนัขได้คุณค่าที่ครบถ้วน และเจ้าของก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น

1. อาหารสุนัขที่คุณมีอยู่มีความสมดุลคุณค่าทางอาหารครบถ้วนและมีคุณภาพมั้ย? 

มีนิยามความสมดุล ดังนี้
“สุนัขต้องการพลังงาน จากทั้งโปรตีนไขมัน คาร์โบไฮเดรต หรดไขมันที่จำเป็น วิตามินและแร่ธาตุ” PhD. Tony Buffington ศาสตราจารย์และวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิกสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตกล่าวว่า “ในความเป็นจริงตราบใดที่สารอาหารทั้งหมดมีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับสุนัข ก็จะเกิดความสมดุลที่เหมาะสมและสามารถใช้ได้สำหรับการดูดซิมที่เพียงพอต่อสุนัข”

"สมดุลเป็นสิ่งสำคัญเพราะการเผาผลาญ" Joe Bartges DVM ปริญญาเอกและศาสตราจารย์แพทย์และโภชนาการที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซีวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์กล่าวว่า “ถ้าคุณไม่กินคาร์ไฮเดรตมากเกินไป หรือกินโปรตีนเพิ่มเพื่อสำหรับใช้ผลิตน้ำตาลที่ให้พลังงาน นั่นแหละคือ ความสมดุลที่มีประสิทธิภาพ” เพื่อความสมดุลนี้แหละ บริษัทผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียง จึงจ้างนักโภชนาการสัตวแพทย์มาช่วยงานเรื่องการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม

2. สูตรจากนักโภชนาการหรือไม่?

     การกำหนดสัดส่วนของคุณค่าทางอาหารโดยเจ้าของทำเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงผู้ผลิตอาหารสุนัขที่มีคุณภาพจะจ้างนักโภชนาการสัตว์เลี้ยงเฉพาะทาง เพื่อทำการทดลอง ทดสอบ ผสมให้คุณค่าทางอาหาร ให้เกิดความสมดุลของแต่ละสารอาหารให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์ของสุขนัขที่มีสุขภาพที่ดี

3. อาหารผ่านมาตรฐานการทดสอบที่ได้มาตรฐาน? 

     ข้อสังเกตคือดูจาก ฉลากของอาหารสุนัข จะมีข้อความเรื่องการ “ทดสอบอาหารสัตว์ตามมาตรฐานของ AAFCO (สมาคมเจ้าหน้าที่ควบคุมอาหารอเมริกัน) ว่า [ชื่อของบริษัทอาหารสุนัข] ให้สารอาหารครบถ้วนและสมดุล” จากคำยืนยันของ Ashley Gallagher DVMของ Friendship Hospital for Animalsว่าขั้นตอนการทดสอบอาหารอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่เข้มงวด เพื่อให้ได้สารอาหารที่เหมาะสม

4. อาหารมีการควบคุมการผลิตที่มีคุณภาพอย่างเข้มงวด?

     คุณภาพและความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ควรกังวลสำหรับทุกผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง แต่มีบางบริษัทที่ภูมิใจเสนอการผลิตอาหารของตนจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตนเองมี (เมื่อเทียบกับการผลิตร่วมหรือการจ้างผลิต) ตามที่  Mindy Bough รองประธานฝ่ายการดำเนินงานควบคุมสารพิษและการโภชนาการสัตว์เลี้ยง (ASPCA) ยืนยันขั้นตอนการควบคุมการผลิตของแต่ละผุ้ผลิตให้ผ่านมาตรฐานเข้มงวดและมีประสิทธิภาพ เช่น อาหารที่ผลิตจะสามารถเข้าผลิตภัณฑ์ได้ก็ต่อเมื่ออาหารผ่านคุณสมบัติการทดสอบเรียบร้อยแล้ว จึงจะให้ขัดส่งสินค้าจำหน่ายได้ เพื่อลดปัญหาที่อาหารจะปนเปื้อนสารอันไม่พึงประสงค์ ข้อสังเกตมให้มองหาข้อความที่บอกว่า “ผลิตโดย (manufactured by)” บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยง มากว่าข้อความ “ผลิต (manufactured for)” หรือ “จัดจำหน่ายโดย (distributed by)” และถ้าหากพบสิ่งผิดปกติในอาหารให้แจ้งต่อบริษัทผู้ผลิต และสัตวแพทย์หรือผู้เกี่ยวข้องให้ระงับแบรนด์นั้น และเรียกคืนสินค้าได้เลย

5. เป็นอาหารที่เหมาะกับสุนัขของคุณ?

     รวมถึงทุกประเด็น คือ พันธุกรรม น้ำหนัก สุขภาพของสุนัขของคุณ การเลือกอาหารที่ไม่เหมาะกับกายภาพของสุนัขจัดว่าเป็นเรื่องอันตราย บางครั้งสารอาหารอาจจะขาด บางครั้งอาจจะเกินความจำเป็น สิ่งเป็นเหตุผลสำคัญให้เกิดโรคตามมาได้อย่างแน่นอน
     มันอาจจะซับซ้อนเล็กน้อยที่ต้องคอยปรับอาหารให้เหมาะกับสุนัขอยู่สม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเท่านั้น ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆอย่าง อาจจะราคาสูงแต่คุณภาพเหมาะสำหรับกายภาพ สุขภาพของสุนัขของคุณมากที่สุด แต่เรื่องนึงที่วางใจได้เลยว่า การควบคุมดูแล ณ ตอนนี้ ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาโรคในอนาคตจากการปล่อยปละละเลยในตอนนี้ได้อย่างแน่นอนที่สุด


6277
6 สัญญาณถึงเวลาที่จะเปลี่ยนอาหารของสุนัข



ดร. Jessica Vogelsang แนะนำว่า เราต้องทราบความต้องการของสุนัขของเรา และสามารถเปลี่ยนแปลงอาหารรูปแบบอื่นๆได้เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและความสุขของสัตว์เลี้ยง แบ่งง่ายๆออกเป็น 3 ช่วงชีวิต คือ
-   ช่วงแรกสำหรับลูกสุนัข ในการเจริญเติบโต้องให้อาหารที่มีโปรตีนและแคลลอรี่ที่ในปริมาณมาก
-   ช่วงที่สอง เริ่มต้นต้องขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ในการเปลี่ยนอาหารในขั้นเจริญวัย ในช่วงวัยนี้มักพบกับโณคอ้วนมากที่สุด
-   ช่วงชีวิตที่สาม นั่นคือ ชีวิตอาวุโส วัยนี้เป็นอีกวัยที่ต้องควบคุมดูแลอาหารเป็นอย่างดี เช่น สัตวแพทย์อาจจะแนะนำให้ให้อาหารที่มีกลูโคซ กรดไขมัน DHA EPA สำหรับสุนัขที่มีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว และอาจต้องดูแลปริมาณสารอาหาร เพื่อควบคุมโรค เช่น ไตเรื้อรัง โรคหัวใจอีกด้วย



     สัญญาณที่บ่งบอกว่าต้องเปลี่ยนอาหาร นอกเหนือจากคำปรึกษาของสัตวแพทย์เกี่ยวกับโภชนาการแล้ว เจ้าของต้องหมั่นสังเกตสัญญาณต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงของสุนัข ที่จะบอกให้เราต้องเปลี่ยนอาหารให้เค้ามีสุขภาพและคุณค่าทางอาหารที่ดีขึ้น

1.   ผิวหมองคล้ำ  เป็นขุย หากผิวของสุนัขหมองคล้ำหรือเป็นขุย จำเป็นต้องให้อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า6 โอเมก้า3 ซึ่งกรดไขในนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำให้ผิวหนังของสุนัขเงางาม สุขภาพดี

2.   เซื่องซึม อ่อนแอ หากสุนัขของคุณ เพิ่งผ่านความเจ็บป่วย การผ่าตัดมา ทำให้เกิดอาการเซื่องซึม มีภาวะอ่อนแอ จำเป็นต้องได้รับอาหารที่สารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง เพื่อช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้ม ให้เร่งการฟื้นตัวของสุนัขให้เร็วขึ้น ยังไงก็ขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ควบคู่ปด้วยนะค่ะ

3.   ความชรา อายุเยอะ หากสุนัขของคุณอยู่ในช่วยกลางคน-สูงวัย จำเป็นต้องปรับอาหารให้ตรงกับความต้องการกับช่วงอายุ เช่น อาหารที่มีแคลลอรี่น้อย เส้นไยสูง หรืออาจจะเพิ่มอาหารเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ

4.   ภาวะอ้วน  หากสุนัขเข้าข่ายภาวะอ้วนให้ทำการควบคุมอาหาร ไม่ว่าจะจำนวนครั้ง หรือปริมาณในแต่ละครั้ง แต่ต้องคำนึงว่าเค้าก็ยังจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และสารอาหารที่จำเป็นพวกวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ และอาหารที่มีไขมัน น้อย หากยังไม่สามารถควบคุมน้ำหนักลงได้ อาจจะส่งผลไปยังสุขภาพในการเคลื่อนไหวต่างๆได้ ต้องปรึกษาสัตวแพทย์

5.   รบกวนเรื่องของทางเดินอาหาร หากสุนัขเกิดอาการ ท้องเสีย ท้องอืด ซึ่งเป็นผลมาจากการแพ้อาหารหรืออาหารที่คุณภาพต่ำที่ทานเข้าไป พาไปรับการรักษาหรือให้ยาเพื่อหยุดอาการและเปลี่ยนอาหารที่มีคุณภาพ ที่เหมาะสมกับกระเพาะอาหารของเค้า

6.   เกิดการคัน หากสุนัขเกิดอาการคัน เกิดภูมิแพ้  อาจมาได้จากสาเหตุหลักๆ เหล่านี้ แชมพู อาหาร สถานที่เลี้ยง ในส่วนของอาหารอาจเป็นเพราะการกินอาหารที่ไขมันต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดสารภูมิแพ้ อาจทำให้เค้าเป็นผื่น คันได้ จึงควรรับคำปรึกษาอาหารที่เหมาะกับอาการจากสัตวแพทย์

     การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดเพื่อให้สุขภาพและอายุยืนนานของสุนัข ไม่เช่นนั้นอาจต้องทดแทนด้วยการรักษาอาการเจ็บป่วย หากคุณสงสัยว่าสุนัขของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหารหรือไม่ให้ปรึกษาสัตวแพทย์



6278
6 สัญญาณถึงเวลาที่จะเปลี่ยนอาหารของสุนัข



ดร. Jessica Vogelsang แนะนำว่า เราต้องทราบความต้องการของสุนัขของเรา และสามารถเปลี่ยนแปลงอาหารรูปแบบอื่นๆได้เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและความสุขของสัตว์เลี้ยง แบ่งง่ายๆออกเป็น 3 ช่วงชีวิต คือ
-   ช่วงแรกสำหรับลูกสุนัข ในการเจริญเติบโต้องให้อาหารที่มีโปรตีนและแคลลอรี่ที่ในปริมาณมาก
-   ช่วงที่สอง เริ่มต้นต้องขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ในการเปลี่ยนอาหารในขั้นเจริญวัย ในช่วงวัยนี้มักพบกับโณคอ้วนมากที่สุด
-   ช่วงชีวิตที่สาม นั่นคือ ชีวิตอาวุโส วัยนี้เป็นอีกวัยที่ต้องควบคุมดูแลอาหารเป็นอย่างดี เช่น สัตวแพทย์อาจจะแนะนำให้ให้อาหารที่มีกลูโคซ กรดไขมัน DHA EPA สำหรับสุนัขที่มีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว และอาจต้องดูแลปริมาณสารอาหาร เพื่อควบคุมโรค เช่น ไตเรื้อรัง โรคหัวใจอีกด้วย



     สัญญาณที่บ่งบอกว่าต้องเปลี่ยนอาหาร นอกเหนือจากคำปรึกษาของสัตวแพทย์เกี่ยวกับโภชนาการแล้ว เจ้าของต้องหมั่นสังเกตสัญญาณต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงของสุนัข ที่จะบอกให้เราต้องเปลี่ยนอาหารให้เค้ามีสุขภาพและคุณค่าทางอาหารที่ดีขึ้น

1.   ผิวหมองคล้ำ  เป็นขุย หากผิวของสุนัขหมองคล้ำหรือเป็นขุย จำเป็นต้องให้อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า6 โอเมก้า3 ซึ่งกรดไขในนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำให้ผิวหนังของสุนัขเงางาม สุขภาพดี

2.   เซื่องซึม อ่อนแอ หากสุนัขของคุณ เพิ่งผ่านความเจ็บป่วย การผ่าตัดมา ทำให้เกิดอาการเซื่องซึม มีภาวะอ่อนแอ จำเป็นต้องได้รับอาหารที่สารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง เพื่อช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้ม ให้เร่งการฟื้นตัวของสุนัขให้เร็วขึ้น ยังไงก็ขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ควบคู่ปด้วยนะค่ะ

3.   ความชรา อายุเยอะ หากสุนัขของคุณอยู่ในช่วยกลางคน-สูงวัย จำเป็นต้องปรับอาหารให้ตรงกับความต้องการกับช่วงอายุ เช่น อาหารที่มีแคลลอรี่น้อย เส้นไยสูง หรืออาจจะเพิ่มอาหารเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ

4.   ภาวะอ้วน  หากสุนัขเข้าข่ายภาวะอ้วนให้ทำการควบคุมอาหาร ไม่ว่าจะจำนวนครั้ง หรือปริมาณในแต่ละครั้ง แต่ต้องคำนึงว่าเค้าก็ยังจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และสารอาหารที่จำเป็นพวกวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ และอาหารที่มีไขมัน น้อย หากยังไม่สามารถควบคุมน้ำหนักลงได้ อาจจะส่งผลไปยังสุขภาพในการเคลื่อนไหวต่างๆได้ ต้องปรึกษาสัตวแพทย์

5.   รบกวนเรื่องของทางเดินอาหาร หากสุนัขเกิดอาการ ท้องเสีย ท้องอืด ซึ่งเป็นผลมาจากการแพ้อาหารหรืออาหารที่คุณภาพต่ำที่ทานเข้าไป พาไปรับการรักษาหรือให้ยาเพื่อหยุดอาการและเปลี่ยนอาหารที่มีคุณภาพ ที่เหมาะสมกับกระเพาะอาหารของเค้า

6.   เกิดการคัน หากสุนัขเกิดอาการคัน เกิดภูมิแพ้  อาจมาได้จากสาเหตุหลักๆ เหล่านี้ แชมพู อาหาร สถานที่เลี้ยง ในส่วนของอาหารอาจเป็นเพราะการกินอาหารที่ไขมันต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดสารภูมิแพ้ อาจทำให้เค้าเป็นผื่น คันได้ จึงควรรับคำปรึกษาอาหารที่เหมาะกับอาการจากสัตวแพทย์

     การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดเพื่อให้สุขภาพและอายุยืนนานของสุนัข ไม่เช่นนั้นอาจต้องทดแทนด้วยการรักษาอาการเจ็บป่วย หากคุณสงสัยว่าสุนัขของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหารหรือไม่ให้ปรึกษาสัตวแพทย์



6279
6 สัญญาณถึงเวลาที่จะเปลี่ยนอาหารของสุนัข



ดร. Jessica Vogelsang แนะนำว่า เราต้องทราบความต้องการของสุนัขของเรา และสามารถเปลี่ยนแปลงอาหารรูปแบบอื่นๆได้เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและความสุขของสัตว์เลี้ยง แบ่งง่ายๆออกเป็น 3 ช่วงชีวิต คือ
-   ช่วงแรกสำหรับลูกสุนัข ในการเจริญเติบโต้องให้อาหารที่มีโปรตีนและแคลลอรี่ที่ในปริมาณมาก
-   ช่วงที่สอง เริ่มต้นต้องขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ในการเปลี่ยนอาหารในขั้นเจริญวัย ในช่วงวัยนี้มักพบกับโณคอ้วนมากที่สุด
-   ช่วงชีวิตที่สาม นั่นคือ ชีวิตอาวุโส วัยนี้เป็นอีกวัยที่ต้องควบคุมดูแลอาหารเป็นอย่างดี เช่น สัตวแพทย์อาจจะแนะนำให้ให้อาหารที่มีกลูโคซ กรดไขมัน DHA EPA สำหรับสุนัขที่มีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว และอาจต้องดูแลปริมาณสารอาหาร เพื่อควบคุมโรค เช่น ไตเรื้อรัง โรคหัวใจอีกด้วย



     สัญญาณที่บ่งบอกว่าต้องเปลี่ยนอาหาร นอกเหนือจากคำปรึกษาของสัตวแพทย์เกี่ยวกับโภชนาการแล้ว เจ้าของต้องหมั่นสังเกตสัญญาณต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงของสุนัข ที่จะบอกให้เราต้องเปลี่ยนอาหารให้เค้ามีสุขภาพและคุณค่าทางอาหารที่ดีขึ้น

1.   ผิวหมองคล้ำ  เป็นขุย หากผิวของสุนัขหมองคล้ำหรือเป็นขุย จำเป็นต้องให้อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า6 โอเมก้า3 ซึ่งกรดไขในนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำให้ผิวหนังของสุนัขเงางาม สุขภาพดี

2.   เซื่องซึม อ่อนแอ หากสุนัขของคุณ เพิ่งผ่านความเจ็บป่วย การผ่าตัดมา ทำให้เกิดอาการเซื่องซึม มีภาวะอ่อนแอ จำเป็นต้องได้รับอาหารที่สารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง เพื่อช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้ม ให้เร่งการฟื้นตัวของสุนัขให้เร็วขึ้น ยังไงก็ขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ควบคู่ปด้วยนะค่ะ

3.   ความชรา อายุเยอะ หากสุนัขของคุณอยู่ในช่วยกลางคน-สูงวัย จำเป็นต้องปรับอาหารให้ตรงกับความต้องการกับช่วงอายุ เช่น อาหารที่มีแคลลอรี่น้อย เส้นไยสูง หรืออาจจะเพิ่มอาหารเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ

4.   ภาวะอ้วน  หากสุนัขเข้าข่ายภาวะอ้วนให้ทำการควบคุมอาหาร ไม่ว่าจะจำนวนครั้ง หรือปริมาณในแต่ละครั้ง แต่ต้องคำนึงว่าเค้าก็ยังจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และสารอาหารที่จำเป็นพวกวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ และอาหารที่มีไขมัน น้อย หากยังไม่สามารถควบคุมน้ำหนักลงได้ อาจจะส่งผลไปยังสุขภาพในการเคลื่อนไหวต่างๆได้ ต้องปรึกษาสัตวแพทย์

5.   รบกวนเรื่องของทางเดินอาหาร หากสุนัขเกิดอาการ ท้องเสีย ท้องอืด ซึ่งเป็นผลมาจากการแพ้อาหารหรืออาหารที่คุณภาพต่ำที่ทานเข้าไป พาไปรับการรักษาหรือให้ยาเพื่อหยุดอาการและเปลี่ยนอาหารที่มีคุณภาพ ที่เหมาะสมกับกระเพาะอาหารของเค้า

6.   เกิดการคัน หากสุนัขเกิดอาการคัน เกิดภูมิแพ้  อาจมาได้จากสาเหตุหลักๆ เหล่านี้ แชมพู อาหาร สถานที่เลี้ยง ในส่วนของอาหารอาจเป็นเพราะการกินอาหารที่ไขมันต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดสารภูมิแพ้ อาจทำให้เค้าเป็นผื่น คันได้ จึงควรรับคำปรึกษาอาหารที่เหมาะกับอาการจากสัตวแพทย์

     การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดเพื่อให้สุขภาพและอายุยืนนานของสุนัข ไม่เช่นนั้นอาจต้องทดแทนด้วยการรักษาอาการเจ็บป่วย หากคุณสงสัยว่าสุนัขของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหารหรือไม่ให้ปรึกษาสัตวแพทย์



6280
6 สัญญาณถึงเวลาที่จะเปลี่ยนอาหารของสุนัข



ดร. Jessica Vogelsang แนะนำว่า เราต้องทราบความต้องการของสุนัขของเรา และสามารถเปลี่ยนแปลงอาหารรูปแบบอื่นๆได้เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและความสุขของสัตว์เลี้ยง แบ่งง่ายๆออกเป็น 3 ช่วงชีวิต คือ
-   ช่วงแรกสำหรับลูกสุนัข ในการเจริญเติบโต้องให้อาหารที่มีโปรตีนและแคลลอรี่ที่ในปริมาณมาก
-   ช่วงที่สอง เริ่มต้นต้องขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ในการเปลี่ยนอาหารในขั้นเจริญวัย ในช่วงวัยนี้มักพบกับโณคอ้วนมากที่สุด
-   ช่วงชีวิตที่สาม นั่นคือ ชีวิตอาวุโส วัยนี้เป็นอีกวัยที่ต้องควบคุมดูแลอาหารเป็นอย่างดี เช่น สัตวแพทย์อาจจะแนะนำให้ให้อาหารที่มีกลูโคซ กรดไขมัน DHA EPA สำหรับสุนัขที่มีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว และอาจต้องดูแลปริมาณสารอาหาร เพื่อควบคุมโรค เช่น ไตเรื้อรัง โรคหัวใจอีกด้วย



     สัญญาณที่บ่งบอกว่าต้องเปลี่ยนอาหาร นอกเหนือจากคำปรึกษาของสัตวแพทย์เกี่ยวกับโภชนาการแล้ว เจ้าของต้องหมั่นสังเกตสัญญาณต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงของสุนัข ที่จะบอกให้เราต้องเปลี่ยนอาหารให้เค้ามีสุขภาพและคุณค่าทางอาหารที่ดีขึ้น

1.   ผิวหมองคล้ำ  เป็นขุย หากผิวของสุนัขหมองคล้ำหรือเป็นขุย จำเป็นต้องให้อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า6 โอเมก้า3 ซึ่งกรดไขในนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำให้ผิวหนังของสุนัขเงางาม สุขภาพดี

2.   เซื่องซึม อ่อนแอ หากสุนัขของคุณ เพิ่งผ่านความเจ็บป่วย การผ่าตัดมา ทำให้เกิดอาการเซื่องซึม มีภาวะอ่อนแอ จำเป็นต้องได้รับอาหารที่สารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง เพื่อช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้ม ให้เร่งการฟื้นตัวของสุนัขให้เร็วขึ้น ยังไงก็ขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ควบคู่ปด้วยนะค่ะ

3.   ความชรา อายุเยอะ หากสุนัขของคุณอยู่ในช่วยกลางคน-สูงวัย จำเป็นต้องปรับอาหารให้ตรงกับความต้องการกับช่วงอายุ เช่น อาหารที่มีแคลลอรี่น้อย เส้นไยสูง หรืออาจจะเพิ่มอาหารเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ

4.   ภาวะอ้วน  หากสุนัขเข้าข่ายภาวะอ้วนให้ทำการควบคุมอาหาร ไม่ว่าจะจำนวนครั้ง หรือปริมาณในแต่ละครั้ง แต่ต้องคำนึงว่าเค้าก็ยังจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และสารอาหารที่จำเป็นพวกวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ และอาหารที่มีไขมัน น้อย หากยังไม่สามารถควบคุมน้ำหนักลงได้ อาจจะส่งผลไปยังสุขภาพในการเคลื่อนไหวต่างๆได้ ต้องปรึกษาสัตวแพทย์

5.   รบกวนเรื่องของทางเดินอาหาร หากสุนัขเกิดอาการ ท้องเสีย ท้องอืด ซึ่งเป็นผลมาจากการแพ้อาหารหรืออาหารที่คุณภาพต่ำที่ทานเข้าไป พาไปรับการรักษาหรือให้ยาเพื่อหยุดอาการและเปลี่ยนอาหารที่มีคุณภาพ ที่เหมาะสมกับกระเพาะอาหารของเค้า

6.   เกิดการคัน หากสุนัขเกิดอาการคัน เกิดภูมิแพ้  อาจมาได้จากสาเหตุหลักๆ เหล่านี้ แชมพู อาหาร สถานที่เลี้ยง ในส่วนของอาหารอาจเป็นเพราะการกินอาหารที่ไขมันต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดสารภูมิแพ้ อาจทำให้เค้าเป็นผื่น คันได้ จึงควรรับคำปรึกษาอาหารที่เหมาะกับอาการจากสัตวแพทย์

     การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดเพื่อให้สุขภาพและอายุยืนนานของสุนัข ไม่เช่นนั้นอาจต้องทดแทนด้วยการรักษาอาการเจ็บป่วย หากคุณสงสัยว่าสุนัขของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหารหรือไม่ให้ปรึกษาสัตวแพทย์



6281
การวิจัย เรื่องช่องปาก ของสุนัข



     การแปรงฟันทุกวันและทำความสะอาดฟันทุกวัน เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการก่อตัวของโรคปริทันต์ในสุนัข แต่ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากที่จะแปรงฟันให้สุนัขทุกวัน เพราะด้วยนิสัยของสุนัขและเจ้าของก็ไม่สามารถแปรงให้ได้ทุกวันอยู่แล้ว ยังมีอีกทางหนึ่งนั่นคือ อาหาร ที่สามารถมีบทบาทในการลดปัญหาดังกล่าวได้



     Dr. Jennifer Coates บอกว่ามักได้ยินเจ้าของสุนัขให้ความเห็นเกี่ยวกับอาหารที่ว่า อาหารเม็ดสามารถช่วยฟันของสุนัขได้มากกว่าอาหารกระป๋อง จากการศึกษาในปี 1930 ผลการศึกษาชีว่า สุนัขที่กินอาหารแห้งมีสุขภาพช่องปากดีขึ้นกว่าสุนัขที่กินอาหารกระป๋อง แต่ต่อมาในปี 1996 ทำการศึกาษจากลูกค้า  1,350 คน ที่เป็นเจ้าของสุนัขในอเมริกาเหนือ พบว่า มีความแตกต่างกันไม่กี่เปอร์เซนต์ระหว่างสุนัขที่กินอาหารแห้งและอาหารอื่นๆ ที่มีสารเคลือบฟันจากอาหาร ลดโรคเหงือกอักเสและการลูญเสียฟันของสุนัข  ในปี1996 นี้มีงานวิจัยจำนวนมากในเรื่องนี้ ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ฉันสำเร็จจากการเรียนสัตวแพทย์

     เมื่อเร็วๆนี้มีงานวิจัยที่น่าสนใจ ได้ตีพิมพ์ในปี 2007 ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของเม็ดอาหารในสุนัข จากการทดลองในสุนัขบีเกิ้ล 40 ตัว พบว่า ขนาดอาหารเม็ดที่ใหญ่ขึ้น  50% ส่งผลให้การสะสมของหินปูนในช่องปากลดลงถึง 42% และยังมีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการเคี้ยว ที่ไม่ใช่แค่อาหารเม็ดอย่างเดียว แต่อาจะเป็นขนมขัดฟันที่เป็นอาหารแห้ง ช่วยให้ช่องปากของสุนัขดีขึ้น

     มีผู้ผลิตอาหารสุนัขหลายรายที่ทำอาหารเพื่อการทันตกรรมขึ้นมาเป็นพิเศษ จากที่รู้ว่าอาหารเม็ดที่ใหญ่กว่า หรืออาหารแห้งมีผลทำให้ช่องปากสุนัขสุขภาพดี แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของต้องศึกษาและดูมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้ถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการส่งผลร้ายแก่สุนัขของคุณ



6282
การวิจัย เรื่องช่องปาก ของสุนัข



     การแปรงฟันทุกวันและทำความสะอาดฟันทุกวัน เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการก่อตัวของโรคปริทันต์ในสุนัข แต่ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากที่จะแปรงฟันให้สุนัขทุกวัน เพราะด้วยนิสัยของสุนัขและเจ้าของก็ไม่สามารถแปรงให้ได้ทุกวันอยู่แล้ว ยังมีอีกทางหนึ่งนั่นคือ อาหาร ที่สามารถมีบทบาทในการลดปัญหาดังกล่าวได้



     Dr. Jennifer Coates บอกว่ามักได้ยินเจ้าของสุนัขให้ความเห็นเกี่ยวกับอาหารที่ว่า อาหารเม็ดสามารถช่วยฟันของสุนัขได้มากกว่าอาหารกระป๋อง จากการศึกษาในปี 1930 ผลการศึกษาชีว่า สุนัขที่กินอาหารแห้งมีสุขภาพช่องปากดีขึ้นกว่าสุนัขที่กินอาหารกระป๋อง แต่ต่อมาในปี 1996 ทำการศึกาษจากลูกค้า  1,350 คน ที่เป็นเจ้าของสุนัขในอเมริกาเหนือ พบว่า มีความแตกต่างกันไม่กี่เปอร์เซนต์ระหว่างสุนัขที่กินอาหารแห้งและอาหารอื่นๆ ที่มีสารเคลือบฟันจากอาหาร ลดโรคเหงือกอักเสและการลูญเสียฟันของสุนัข  ในปี1996 นี้มีงานวิจัยจำนวนมากในเรื่องนี้ ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ฉันสำเร็จจากการเรียนสัตวแพทย์

     เมื่อเร็วๆนี้มีงานวิจัยที่น่าสนใจ ได้ตีพิมพ์ในปี 2007 ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของเม็ดอาหารในสุนัข จากการทดลองในสุนัขบีเกิ้ล 40 ตัว พบว่า ขนาดอาหารเม็ดที่ใหญ่ขึ้น  50% ส่งผลให้การสะสมของหินปูนในช่องปากลดลงถึง 42% และยังมีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการเคี้ยว ที่ไม่ใช่แค่อาหารเม็ดอย่างเดียว แต่อาจะเป็นขนมขัดฟันที่เป็นอาหารแห้ง ช่วยให้ช่องปากของสุนัขดีขึ้น

     มีผู้ผลิตอาหารสุนัขหลายรายที่ทำอาหารเพื่อการทันตกรรมขึ้นมาเป็นพิเศษ จากที่รู้ว่าอาหารเม็ดที่ใหญ่กว่า หรืออาหารแห้งมีผลทำให้ช่องปากสุนัขสุขภาพดี แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของต้องศึกษาและดูมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้ถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการส่งผลร้ายแก่สุนัขของคุณ



6283
การวิจัย เรื่องช่องปาก ของสุนัข



     การแปรงฟันทุกวันและทำความสะอาดฟันทุกวัน เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการก่อตัวของโรคปริทันต์ในสุนัข แต่ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากที่จะแปรงฟันให้สุนัขทุกวัน เพราะด้วยนิสัยของสุนัขและเจ้าของก็ไม่สามารถแปรงให้ได้ทุกวันอยู่แล้ว ยังมีอีกทางหนึ่งนั่นคือ อาหาร ที่สามารถมีบทบาทในการลดปัญหาดังกล่าวได้



     Dr. Jennifer Coates บอกว่ามักได้ยินเจ้าของสุนัขให้ความเห็นเกี่ยวกับอาหารที่ว่า อาหารเม็ดสามารถช่วยฟันของสุนัขได้มากกว่าอาหารกระป๋อง จากการศึกษาในปี 1930 ผลการศึกษาชีว่า สุนัขที่กินอาหารแห้งมีสุขภาพช่องปากดีขึ้นกว่าสุนัขที่กินอาหารกระป๋อง แต่ต่อมาในปี 1996 ทำการศึกาษจากลูกค้า  1,350 คน ที่เป็นเจ้าของสุนัขในอเมริกาเหนือ พบว่า มีความแตกต่างกันไม่กี่เปอร์เซนต์ระหว่างสุนัขที่กินอาหารแห้งและอาหารอื่นๆ ที่มีสารเคลือบฟันจากอาหาร ลดโรคเหงือกอักเสและการลูญเสียฟันของสุนัข  ในปี1996 นี้มีงานวิจัยจำนวนมากในเรื่องนี้ ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ฉันสำเร็จจากการเรียนสัตวแพทย์

     เมื่อเร็วๆนี้มีงานวิจัยที่น่าสนใจ ได้ตีพิมพ์ในปี 2007 ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของเม็ดอาหารในสุนัข จากการทดลองในสุนัขบีเกิ้ล 40 ตัว พบว่า ขนาดอาหารเม็ดที่ใหญ่ขึ้น  50% ส่งผลให้การสะสมของหินปูนในช่องปากลดลงถึง 42% และยังมีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการเคี้ยว ที่ไม่ใช่แค่อาหารเม็ดอย่างเดียว แต่อาจะเป็นขนมขัดฟันที่เป็นอาหารแห้ง ช่วยให้ช่องปากของสุนัขดีขึ้น

     มีผู้ผลิตอาหารสุนัขหลายรายที่ทำอาหารเพื่อการทันตกรรมขึ้นมาเป็นพิเศษ จากที่รู้ว่าอาหารเม็ดที่ใหญ่กว่า หรืออาหารแห้งมีผลทำให้ช่องปากสุนัขสุขภาพดี แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของต้องศึกษาและดูมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้ถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการส่งผลร้ายแก่สุนัขของคุณ



6284
การวิจัย เรื่องช่องปาก ของสุนัข



     การแปรงฟันทุกวันและทำความสะอาดฟันทุกวัน เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการก่อตัวของโรคปริทันต์ในสุนัข แต่ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากที่จะแปรงฟันให้สุนัขทุกวัน เพราะด้วยนิสัยของสุนัขและเจ้าของก็ไม่สามารถแปรงให้ได้ทุกวันอยู่แล้ว ยังมีอีกทางหนึ่งนั่นคือ อาหาร ที่สามารถมีบทบาทในการลดปัญหาดังกล่าวได้



     Dr. Jennifer Coates บอกว่ามักได้ยินเจ้าของสุนัขให้ความเห็นเกี่ยวกับอาหารที่ว่า อาหารเม็ดสามารถช่วยฟันของสุนัขได้มากกว่าอาหารกระป๋อง จากการศึกษาในปี 1930 ผลการศึกษาชีว่า สุนัขที่กินอาหารแห้งมีสุขภาพช่องปากดีขึ้นกว่าสุนัขที่กินอาหารกระป๋อง แต่ต่อมาในปี 1996 ทำการศึกาษจากลูกค้า  1,350 คน ที่เป็นเจ้าของสุนัขในอเมริกาเหนือ พบว่า มีความแตกต่างกันไม่กี่เปอร์เซนต์ระหว่างสุนัขที่กินอาหารแห้งและอาหารอื่นๆ ที่มีสารเคลือบฟันจากอาหาร ลดโรคเหงือกอักเสและการลูญเสียฟันของสุนัข  ในปี1996 นี้มีงานวิจัยจำนวนมากในเรื่องนี้ ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ฉันสำเร็จจากการเรียนสัตวแพทย์

     เมื่อเร็วๆนี้มีงานวิจัยที่น่าสนใจ ได้ตีพิมพ์ในปี 2007 ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของเม็ดอาหารในสุนัข จากการทดลองในสุนัขบีเกิ้ล 40 ตัว พบว่า ขนาดอาหารเม็ดที่ใหญ่ขึ้น  50% ส่งผลให้การสะสมของหินปูนในช่องปากลดลงถึง 42% และยังมีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการเคี้ยว ที่ไม่ใช่แค่อาหารเม็ดอย่างเดียว แต่อาจะเป็นขนมขัดฟันที่เป็นอาหารแห้ง ช่วยให้ช่องปากของสุนัขดีขึ้น

     มีผู้ผลิตอาหารสุนัขหลายรายที่ทำอาหารเพื่อการทันตกรรมขึ้นมาเป็นพิเศษ จากที่รู้ว่าอาหารเม็ดที่ใหญ่กว่า หรืออาหารแห้งมีผลทำให้ช่องปากสุนัขสุขภาพดี แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของต้องศึกษาและดูมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้ถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการส่งผลร้ายแก่สุนัขของคุณ



6285