แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

6211
เราจะทำอย่างไรถ้าน้องหมาของเรามีอาการแพ้ ?



     เจ้าของมักจะสังเกตอาการของสุนัข ว่าเค้าเกิดอาการแพ้จาก การมีน้ำตาไหล อาการคันแดง โรคภูมิแพ้บางโรคเป็นเฉพาะบางฤดูกาล เช่น โรคตาแดง แต่ส่วนมากในสุนัขที่เกิดการแพ้จะเป็นเรื่องของผิวหนัง จากผลการสำรวจข้อมูลในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมา

     อาการคันที่ผิวหนัง พบบ่อยที่สุดในหวดเรื่องโรคภูมิแพ้ในสุนัข ยังรวมไปถึงที่หู ทั้งหูและผิวหนังอาจจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและยีสต์ที่พัฒนาตัวเองทำให้เกิดการระคายเคือง อาการแพ้จะทำให้เกิดทั้งผื่นคัน สะเก็ด อย่างที่ร้ายแรงก็จะเป็นสีแดง ขนร่วง และมีกลิ่นเหม็น ไม่ใช่เพียงแค่ผิวหนังที่ลำตัวเท่านั้น อาจรวมไปถึง รักแร้ ขาหนีบ โคนหาง บรืเวณเท้า และปากของสุนัขก็ได้ที่สามารถเกิดอาการแพ้

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคภูมิแพ้ในสุนัข
     อาการแพ้ส่วนมาก เกิดจากการแพ้โปรตีนหรือที่เรียกอีกอย่างว่าสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งมีปริมาณมาก ที่ผลิตโดยเห็บ หมัด ทำให้สุนัขเกิดการแพ้ คุณอาจจะเถียงว่าสุนัขของคุณไม่มีเห็บ หมัด แต่มันก็มีบางกรณีที่สุนัขที่มีหมัดแทบจะไม่เคยมีอาการแพ้ สุนัขที่แพ้อาจจะไม่เคยมีหมัด อันนี้ก็เป็นความขัดแย้งอย่างหนึ่ง และอีกหนึ่งประการคือ ตัวของเห็บเองไม่ได้เป็นตัวก่ออาการแพ้ แต่เกิดโปรตีนต่างๆในน้ำลายของเห็บ จากการที่เก็บกัดสุนัขของเรา สุนัขที่แพ้คือ สุนัขที่มีแนวโน้มไม่สามารถทนการกัดของเห็บได้ ทำให้พวกเค้าอ่อนเพลีย

     สาเหตุการแพ้อื่น ๆ ของสุนัข เป็นเรื่องของโปรตีนในอาหาร (เนื้อวัวเป็นตัวก่อสารภูมิแพ้มากที่สุด) และสารก่อภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อม เช่น อุจจาระ แมลงสาป ไรฝุ่น

วิธีการจัดการกับอาการแพ้สุนัข
     การจะหาซื้อยาตามเคาน์เตอร์เพื่อแก้อาหารแพ้ของสุนัข ก็พอจะมี แต่ยายังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก ทางที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงต่อสารก่อภูมิแพ้ ตัวการที่สำคัญที่สุด นั่นคือ เห็บ หมัด ต่อไปก็เป็นเรื่องของอาหารที่ต้องระวัง ควรจะเข้มวงดเรื่องส่วนผสมและขั้นตอนการปรุงสุกของอาหาร หรือไม่ก็ปรึกษาสัตวแพทย์สำหรับเลือกอาหารสำเร็จรูปที่เหมาะสมให้กับสุนัข และเรื่องของการทำความสะอาดผิว สุขอนามัยต่างๆ ควรจะเสริมด้วยอาหารที่มี โอเมก้า3 กรดไขมัน น้ำมันตับปลา จะช่วยให้ผิวขิงสุนัขมีภูมิต้านสารก่อภูมิแพ้ได้

หากการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ยังไม่เพียงพอ
     สุนัขบางตัวยังคงประสบปัญหาเรื่องการแพ้ ถึงแม้จะหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ต่างๆแล้วก็ตาม อาจจะต้องเข้ารับการรักษาเฉาะบุคคล เช่น การใช้ประโยชน์จากข้าวโอ๊ต (แชมพูบางชนิดมีส่วนผสมของข้าวโอ๊ต) เรื่องของการฉีด  Hyposensitization ในขั้นตอนการรักษา ในขั้นตอนการรักษาอาจมีทั้งยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อราที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงแก่สุนัข อย่างไรก็ตามควรให้สุนนัขอยุ่ในความดูแลของสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด


6212
เราจะทำอย่างไรถ้าน้องหมาของเรามีอาการแพ้ ?



     เจ้าของมักจะสังเกตอาการของสุนัข ว่าเค้าเกิดอาการแพ้จาก การมีน้ำตาไหล อาการคันแดง โรคภูมิแพ้บางโรคเป็นเฉพาะบางฤดูกาล เช่น โรคตาแดง แต่ส่วนมากในสุนัขที่เกิดการแพ้จะเป็นเรื่องของผิวหนัง จากผลการสำรวจข้อมูลในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมา

     อาการคันที่ผิวหนัง พบบ่อยที่สุดในหวดเรื่องโรคภูมิแพ้ในสุนัข ยังรวมไปถึงที่หู ทั้งหูและผิวหนังอาจจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและยีสต์ที่พัฒนาตัวเองทำให้เกิดการระคายเคือง อาการแพ้จะทำให้เกิดทั้งผื่นคัน สะเก็ด อย่างที่ร้ายแรงก็จะเป็นสีแดง ขนร่วง และมีกลิ่นเหม็น ไม่ใช่เพียงแค่ผิวหนังที่ลำตัวเท่านั้น อาจรวมไปถึง รักแร้ ขาหนีบ โคนหาง บรืเวณเท้า และปากของสุนัขก็ได้ที่สามารถเกิดอาการแพ้

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคภูมิแพ้ในสุนัข
     อาการแพ้ส่วนมาก เกิดจากการแพ้โปรตีนหรือที่เรียกอีกอย่างว่าสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งมีปริมาณมาก ที่ผลิตโดยเห็บ หมัด ทำให้สุนัขเกิดการแพ้ คุณอาจจะเถียงว่าสุนัขของคุณไม่มีเห็บ หมัด แต่มันก็มีบางกรณีที่สุนัขที่มีหมัดแทบจะไม่เคยมีอาการแพ้ สุนัขที่แพ้อาจจะไม่เคยมีหมัด อันนี้ก็เป็นความขัดแย้งอย่างหนึ่ง และอีกหนึ่งประการคือ ตัวของเห็บเองไม่ได้เป็นตัวก่ออาการแพ้ แต่เกิดโปรตีนต่างๆในน้ำลายของเห็บ จากการที่เก็บกัดสุนัขของเรา สุนัขที่แพ้คือ สุนัขที่มีแนวโน้มไม่สามารถทนการกัดของเห็บได้ ทำให้พวกเค้าอ่อนเพลีย

     สาเหตุการแพ้อื่น ๆ ของสุนัข เป็นเรื่องของโปรตีนในอาหาร (เนื้อวัวเป็นตัวก่อสารภูมิแพ้มากที่สุด) และสารก่อภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อม เช่น อุจจาระ แมลงสาป ไรฝุ่น

วิธีการจัดการกับอาการแพ้สุนัข
     การจะหาซื้อยาตามเคาน์เตอร์เพื่อแก้อาหารแพ้ของสุนัข ก็พอจะมี แต่ยายังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก ทางที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงต่อสารก่อภูมิแพ้ ตัวการที่สำคัญที่สุด นั่นคือ เห็บ หมัด ต่อไปก็เป็นเรื่องของอาหารที่ต้องระวัง ควรจะเข้มวงดเรื่องส่วนผสมและขั้นตอนการปรุงสุกของอาหาร หรือไม่ก็ปรึกษาสัตวแพทย์สำหรับเลือกอาหารสำเร็จรูปที่เหมาะสมให้กับสุนัข และเรื่องของการทำความสะอาดผิว สุขอนามัยต่างๆ ควรจะเสริมด้วยอาหารที่มี โอเมก้า3 กรดไขมัน น้ำมันตับปลา จะช่วยให้ผิวขิงสุนัขมีภูมิต้านสารก่อภูมิแพ้ได้

หากการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ยังไม่เพียงพอ
     สุนัขบางตัวยังคงประสบปัญหาเรื่องการแพ้ ถึงแม้จะหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ต่างๆแล้วก็ตาม อาจจะต้องเข้ารับการรักษาเฉาะบุคคล เช่น การใช้ประโยชน์จากข้าวโอ๊ต (แชมพูบางชนิดมีส่วนผสมของข้าวโอ๊ต) เรื่องของการฉีด  Hyposensitization ในขั้นตอนการรักษา ในขั้นตอนการรักษาอาจมีทั้งยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อราที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงแก่สุนัข อย่างไรก็ตามควรให้สุนนัขอยุ่ในความดูแลของสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด


6213
ความแตกต่างระหว่างสุนัขเผือกและสุนัขสีขาว



     เผือกหายากในสัตว์ทุกชนิดรวมทั้งสุนัข  อีกทั้งหลายคนสับสนเป็นอย่างมากกบสัตว์ที่เป็นสีขาวหรือเป็นสัตว์เผือกกันแน่ เผือกที่แท้จริงเป็นภาวะทางพันธุกรรมในสีที่ขนตาและผิวอย่างสมบูรณ์  ข้อแตกต่างอีกข้อที่สำคัญ คือ สุนัขเผือกที่เป็นสีขาวหมด เนื่องจาก “ภาวะไม่มีเม็ดสี”

     สุนัขสีขาวจะมีลักษณะตามพันธุกรรม โดยส่วนมากจะเป็นเม็ดสีขาวแต่ก็อาจจะมีเม็ดสีอื่นๆผสมอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเผือก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการขาดทั้งเมลานินและเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสีขึ้นมาทำให้เป็น “สีเผือก” ยังมีบางตัวที่เป็นเผือกแค่บางส่วน และเป็นเผือกทั้งหมด เรามาสำรวจลักษณะแต่ละประเภทกันค่ะ

วิธีที่คุณสามารถบอกได้ว่าสุนัขเป็นเผือก (โดยไม่ต้องทำการทดสอบทางพันธุกรรม)
1.   ตรวจดูดวงตา สุนัขเผือกดวงตาจะสีออกไปทางสีแดง สีชมพูทั้งตา
2.   ตรวจดูที่จมูก จะออกเป็นสีชมพู
3.   ผิวหนังที่ว่าเป็นสีชมพูมาจากการไหลเวียนของเลือดที่กระจายไปทั้งดู ทำให้ดูเหมือนผิวสีชมพู

     สีชมพูของตา จมูกและผิวหนังของสุนัขเผือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบตาและปาก จะปรากฏเป็นสีขาวซีดมาก ตาของสุนัขเผือกอาจจะยังคงมีบางสีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สีนั้นก็จะซีดหรือโปร่งแสงในธรรมชาติ ความเผือกจากการขาดเมลานินและเม็ดสีในผิวหนังของสุนัขเผือก ทำให้พวกเค้ามีความเสี่ยงสูงจากการถูกแดดเผาได้ง่าย
เผือกบางส่วนในสุนัข

     สุนัขบางตัวอาจจะเป็นสุนัขเผือกจริง แต่ยังคงมีสีบางอย่างที่จะเห็นได้ชัดมากที่สุดในจมูกหรือกระเพาะอาหาร เราสามารถเรียกสุนัขเผือกบางส่วนนี้ว่าเป็น สุนัขเผือก  แต่เนื่องจากร่างกายสามารถผลิตเมลานินได้บางส่วน จึงมีสีอื่นแซมมา
ความไวต่อแสงของสุนัขเผือก

     เมลานินนอกจากจะทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีที่ใช้ในร่างกาย  ยังเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยในการประมวลผลและกรองแสง สำหรับสุนัขเผือกที่แท้จริง ซึ่งมีเมลานินน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย เมื่อเจอแสงอาทิตย์โดยตรง ทำให้เกิดอาการปวดตา หากคุณมีสุนัขเผือกควรระมัดระวังเรื่องแสงแดดให้แก่เค้า เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญสียการมองเห็น ยังรวมไปถึงการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง


6214
ความแตกต่างระหว่างสุนัขเผือกและสุนัขสีขาว



     เผือกหายากในสัตว์ทุกชนิดรวมทั้งสุนัข  อีกทั้งหลายคนสับสนเป็นอย่างมากกบสัตว์ที่เป็นสีขาวหรือเป็นสัตว์เผือกกันแน่ เผือกที่แท้จริงเป็นภาวะทางพันธุกรรมในสีที่ขนตาและผิวอย่างสมบูรณ์  ข้อแตกต่างอีกข้อที่สำคัญ คือ สุนัขเผือกที่เป็นสีขาวหมด เนื่องจาก “ภาวะไม่มีเม็ดสี”

     สุนัขสีขาวจะมีลักษณะตามพันธุกรรม โดยส่วนมากจะเป็นเม็ดสีขาวแต่ก็อาจจะมีเม็ดสีอื่นๆผสมอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเผือก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการขาดทั้งเมลานินและเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสีขึ้นมาทำให้เป็น “สีเผือก” ยังมีบางตัวที่เป็นเผือกแค่บางส่วน และเป็นเผือกทั้งหมด เรามาสำรวจลักษณะแต่ละประเภทกันค่ะ

วิธีที่คุณสามารถบอกได้ว่าสุนัขเป็นเผือก (โดยไม่ต้องทำการทดสอบทางพันธุกรรม)
1.   ตรวจดูดวงตา สุนัขเผือกดวงตาจะสีออกไปทางสีแดง สีชมพูทั้งตา
2.   ตรวจดูที่จมูก จะออกเป็นสีชมพู
3.   ผิวหนังที่ว่าเป็นสีชมพูมาจากการไหลเวียนของเลือดที่กระจายไปทั้งดู ทำให้ดูเหมือนผิวสีชมพู

     สีชมพูของตา จมูกและผิวหนังของสุนัขเผือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบตาและปาก จะปรากฏเป็นสีขาวซีดมาก ตาของสุนัขเผือกอาจจะยังคงมีบางสีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สีนั้นก็จะซีดหรือโปร่งแสงในธรรมชาติ ความเผือกจากการขาดเมลานินและเม็ดสีในผิวหนังของสุนัขเผือก ทำให้พวกเค้ามีความเสี่ยงสูงจากการถูกแดดเผาได้ง่าย
เผือกบางส่วนในสุนัข

     สุนัขบางตัวอาจจะเป็นสุนัขเผือกจริง แต่ยังคงมีสีบางอย่างที่จะเห็นได้ชัดมากที่สุดในจมูกหรือกระเพาะอาหาร เราสามารถเรียกสุนัขเผือกบางส่วนนี้ว่าเป็น สุนัขเผือก  แต่เนื่องจากร่างกายสามารถผลิตเมลานินได้บางส่วน จึงมีสีอื่นแซมมา
ความไวต่อแสงของสุนัขเผือก

     เมลานินนอกจากจะทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีที่ใช้ในร่างกาย  ยังเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยในการประมวลผลและกรองแสง สำหรับสุนัขเผือกที่แท้จริง ซึ่งมีเมลานินน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย เมื่อเจอแสงอาทิตย์โดยตรง ทำให้เกิดอาการปวดตา หากคุณมีสุนัขเผือกควรระมัดระวังเรื่องแสงแดดให้แก่เค้า เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญสียการมองเห็น ยังรวมไปถึงการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง


6215
ความแตกต่างระหว่างสุนัขเผือกและสุนัขสีขาว



     เผือกหายากในสัตว์ทุกชนิดรวมทั้งสุนัข  อีกทั้งหลายคนสับสนเป็นอย่างมากกบสัตว์ที่เป็นสีขาวหรือเป็นสัตว์เผือกกันแน่ เผือกที่แท้จริงเป็นภาวะทางพันธุกรรมในสีที่ขนตาและผิวอย่างสมบูรณ์  ข้อแตกต่างอีกข้อที่สำคัญ คือ สุนัขเผือกที่เป็นสีขาวหมด เนื่องจาก “ภาวะไม่มีเม็ดสี”

     สุนัขสีขาวจะมีลักษณะตามพันธุกรรม โดยส่วนมากจะเป็นเม็ดสีขาวแต่ก็อาจจะมีเม็ดสีอื่นๆผสมอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเผือก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการขาดทั้งเมลานินและเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสีขึ้นมาทำให้เป็น “สีเผือก” ยังมีบางตัวที่เป็นเผือกแค่บางส่วน และเป็นเผือกทั้งหมด เรามาสำรวจลักษณะแต่ละประเภทกันค่ะ

วิธีที่คุณสามารถบอกได้ว่าสุนัขเป็นเผือก (โดยไม่ต้องทำการทดสอบทางพันธุกรรม)
1.   ตรวจดูดวงตา สุนัขเผือกดวงตาจะสีออกไปทางสีแดง สีชมพูทั้งตา
2.   ตรวจดูที่จมูก จะออกเป็นสีชมพู
3.   ผิวหนังที่ว่าเป็นสีชมพูมาจากการไหลเวียนของเลือดที่กระจายไปทั้งดู ทำให้ดูเหมือนผิวสีชมพู

     สีชมพูของตา จมูกและผิวหนังของสุนัขเผือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบตาและปาก จะปรากฏเป็นสีขาวซีดมาก ตาของสุนัขเผือกอาจจะยังคงมีบางสีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สีนั้นก็จะซีดหรือโปร่งแสงในธรรมชาติ ความเผือกจากการขาดเมลานินและเม็ดสีในผิวหนังของสุนัขเผือก ทำให้พวกเค้ามีความเสี่ยงสูงจากการถูกแดดเผาได้ง่าย
เผือกบางส่วนในสุนัข

     สุนัขบางตัวอาจจะเป็นสุนัขเผือกจริง แต่ยังคงมีสีบางอย่างที่จะเห็นได้ชัดมากที่สุดในจมูกหรือกระเพาะอาหาร เราสามารถเรียกสุนัขเผือกบางส่วนนี้ว่าเป็น สุนัขเผือก  แต่เนื่องจากร่างกายสามารถผลิตเมลานินได้บางส่วน จึงมีสีอื่นแซมมา
ความไวต่อแสงของสุนัขเผือก

     เมลานินนอกจากจะทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีที่ใช้ในร่างกาย  ยังเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยในการประมวลผลและกรองแสง สำหรับสุนัขเผือกที่แท้จริง ซึ่งมีเมลานินน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย เมื่อเจอแสงอาทิตย์โดยตรง ทำให้เกิดอาการปวดตา หากคุณมีสุนัขเผือกควรระมัดระวังเรื่องแสงแดดให้แก่เค้า เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญสียการมองเห็น ยังรวมไปถึงการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง


6216
ความแตกต่างระหว่างสุนัขเผือกและสุนัขสีขาว



     เผือกหายากในสัตว์ทุกชนิดรวมทั้งสุนัข  อีกทั้งหลายคนสับสนเป็นอย่างมากกบสัตว์ที่เป็นสีขาวหรือเป็นสัตว์เผือกกันแน่ เผือกที่แท้จริงเป็นภาวะทางพันธุกรรมในสีที่ขนตาและผิวอย่างสมบูรณ์  ข้อแตกต่างอีกข้อที่สำคัญ คือ สุนัขเผือกที่เป็นสีขาวหมด เนื่องจาก “ภาวะไม่มีเม็ดสี”

     สุนัขสีขาวจะมีลักษณะตามพันธุกรรม โดยส่วนมากจะเป็นเม็ดสีขาวแต่ก็อาจจะมีเม็ดสีอื่นๆผสมอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเผือก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการขาดทั้งเมลานินและเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสีขึ้นมาทำให้เป็น “สีเผือก” ยังมีบางตัวที่เป็นเผือกแค่บางส่วน และเป็นเผือกทั้งหมด เรามาสำรวจลักษณะแต่ละประเภทกันค่ะ

วิธีที่คุณสามารถบอกได้ว่าสุนัขเป็นเผือก (โดยไม่ต้องทำการทดสอบทางพันธุกรรม)
1.   ตรวจดูดวงตา สุนัขเผือกดวงตาจะสีออกไปทางสีแดง สีชมพูทั้งตา
2.   ตรวจดูที่จมูก จะออกเป็นสีชมพู
3.   ผิวหนังที่ว่าเป็นสีชมพูมาจากการไหลเวียนของเลือดที่กระจายไปทั้งดู ทำให้ดูเหมือนผิวสีชมพู

     สีชมพูของตา จมูกและผิวหนังของสุนัขเผือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบตาและปาก จะปรากฏเป็นสีขาวซีดมาก ตาของสุนัขเผือกอาจจะยังคงมีบางสีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สีนั้นก็จะซีดหรือโปร่งแสงในธรรมชาติ ความเผือกจากการขาดเมลานินและเม็ดสีในผิวหนังของสุนัขเผือก ทำให้พวกเค้ามีความเสี่ยงสูงจากการถูกแดดเผาได้ง่าย
เผือกบางส่วนในสุนัข

     สุนัขบางตัวอาจจะเป็นสุนัขเผือกจริง แต่ยังคงมีสีบางอย่างที่จะเห็นได้ชัดมากที่สุดในจมูกหรือกระเพาะอาหาร เราสามารถเรียกสุนัขเผือกบางส่วนนี้ว่าเป็น สุนัขเผือก  แต่เนื่องจากร่างกายสามารถผลิตเมลานินได้บางส่วน จึงมีสีอื่นแซมมา
ความไวต่อแสงของสุนัขเผือก

     เมลานินนอกจากจะทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีที่ใช้ในร่างกาย  ยังเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยในการประมวลผลและกรองแสง สำหรับสุนัขเผือกที่แท้จริง ซึ่งมีเมลานินน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย เมื่อเจอแสงอาทิตย์โดยตรง ทำให้เกิดอาการปวดตา หากคุณมีสุนัขเผือกควรระมัดระวังเรื่องแสงแดดให้แก่เค้า เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญสียการมองเห็น ยังรวมไปถึงการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง


6217
ช็อคสุนัขกินถุงเท้า “กินเข้าไปไม่เยอะ แค่ 44 ข้าง”

     สุนัขพันธุ์เกรทเดน อายุ 3 ปี เกิดอาการทรมานเหมือนจะอยากขย่อนอะไรสักอย่างในท้องอยู่ตลอดเวลา เจ้าของจึงนำส่งโณงพยาบาลสัตว์ฉุกเฉินแห่งหนึ่ง ในมืองมืองปอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเบื้องต้นสัตวแพทย์ตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุมาจากสิ่งที่สุนัขกินเข้าไปแน่นอน


ภาพเอ็กซเรย์ที่ในท้องเต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก

     ชอว์นา ฮาร์ช โฆษกโณงพยาบาลสัตว์ฉุกเฉินโดฟลูอิสกล่าวว่า “กรณีนี้น่าจะเป็นกรณีที่แปลกที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงพยาบาลทีเดียว” เมื่อนำเจ้าน้องหมาไปเอ็กซเรย์ทุกคนต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าภายในท้องมีสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก โดยสัตวแพทย์ ดร.แอชลีย์ มากี้ ได้ทำการผ่าตัดให้กับเจ้าน้องหมาใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดจึงทราบว่าสิ่งแปลกปลอมที่ว่า คือ “ถุงเท้าจำนวน 44 ข้าง”  หลังจากผ่าตัดหนึ่งวันน้องหมาได้รับอนุญาตให้กลับไปพักที่บ้านได้ เจ้าของน้องหมาไม่พร้อมให้ความเห็นใดๆ เพียงแค่ยืนยันว่าน้องหมายังมีชีวิตอยู่


ภาพถุงเท้าทั้งหมดที่ถูกนำมาวางบนตะแกรง มันดูเหมือนกับบาร์บีคิวที่กำลังถูกย่างอยู่บนเตามากๆ

     สิ่งที่น่าตกใจกับเหตุการนี้น่าจะเป็นจำนวนชิ้นของสิ่งที่กินเข้าไป แต่นี่ไม่ใช่รายแรกของสัตว์กับการกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหารเข้าไป ก่อนหน้าที่ ดร.แอชลีย์ เคยผ่าตัดเอาขวดกาวออกจากท้องสุนัข และยังมีนิตรสารสัตว์เลี้ยง “Veterinary Practice News” ได้ให้เข้าส่งชิงรางวัลในหัวข้อ “They Ate What?? พวกมันกินอะไร” โดยผู้ชนะเลิศคือ ภาพเอ็กซเรย์ของกบที่ในน้องเต็มไปด้วยก้อนหินที่มใช้ประดับตู้เลี้ยงกบก้อนเล็กๆมากกว่า 30 ก้อนเข้าไป



6218
ช็อคสุนัขกินถุงเท้า “กินเข้าไปไม่เยอะ แค่ 44 ข้าง”

     สุนัขพันธุ์เกรทเดน อายุ 3 ปี เกิดอาการทรมานเหมือนจะอยากขย่อนอะไรสักอย่างในท้องอยู่ตลอดเวลา เจ้าของจึงนำส่งโณงพยาบาลสัตว์ฉุกเฉินแห่งหนึ่ง ในมืองมืองปอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเบื้องต้นสัตวแพทย์ตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุมาจากสิ่งที่สุนัขกินเข้าไปแน่นอน


ภาพเอ็กซเรย์ที่ในท้องเต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก

     ชอว์นา ฮาร์ช โฆษกโณงพยาบาลสัตว์ฉุกเฉินโดฟลูอิสกล่าวว่า “กรณีนี้น่าจะเป็นกรณีที่แปลกที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงพยาบาลทีเดียว” เมื่อนำเจ้าน้องหมาไปเอ็กซเรย์ทุกคนต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าภายในท้องมีสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก โดยสัตวแพทย์ ดร.แอชลีย์ มากี้ ได้ทำการผ่าตัดให้กับเจ้าน้องหมาใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดจึงทราบว่าสิ่งแปลกปลอมที่ว่า คือ “ถุงเท้าจำนวน 44 ข้าง”  หลังจากผ่าตัดหนึ่งวันน้องหมาได้รับอนุญาตให้กลับไปพักที่บ้านได้ เจ้าของน้องหมาไม่พร้อมให้ความเห็นใดๆ เพียงแค่ยืนยันว่าน้องหมายังมีชีวิตอยู่


ภาพถุงเท้าทั้งหมดที่ถูกนำมาวางบนตะแกรง มันดูเหมือนกับบาร์บีคิวที่กำลังถูกย่างอยู่บนเตามากๆ

     สิ่งที่น่าตกใจกับเหตุการนี้น่าจะเป็นจำนวนชิ้นของสิ่งที่กินเข้าไป แต่นี่ไม่ใช่รายแรกของสัตว์กับการกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหารเข้าไป ก่อนหน้าที่ ดร.แอชลีย์ เคยผ่าตัดเอาขวดกาวออกจากท้องสุนัข และยังมีนิตรสารสัตว์เลี้ยง “Veterinary Practice News” ได้ให้เข้าส่งชิงรางวัลในหัวข้อ “They Ate What?? พวกมันกินอะไร” โดยผู้ชนะเลิศคือ ภาพเอ็กซเรย์ของกบที่ในน้องเต็มไปด้วยก้อนหินที่มใช้ประดับตู้เลี้ยงกบก้อนเล็กๆมากกว่า 30 ก้อนเข้าไป



6219
ช็อคสุนัขกินถุงเท้า “กินเข้าไปไม่เยอะ แค่ 44 ข้าง”

     สุนัขพันธุ์เกรทเดน อายุ 3 ปี เกิดอาการทรมานเหมือนจะอยากขย่อนอะไรสักอย่างในท้องอยู่ตลอดเวลา เจ้าของจึงนำส่งโณงพยาบาลสัตว์ฉุกเฉินแห่งหนึ่ง ในมืองมืองปอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเบื้องต้นสัตวแพทย์ตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุมาจากสิ่งที่สุนัขกินเข้าไปแน่นอน


ภาพเอ็กซเรย์ที่ในท้องเต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก

     ชอว์นา ฮาร์ช โฆษกโณงพยาบาลสัตว์ฉุกเฉินโดฟลูอิสกล่าวว่า “กรณีนี้น่าจะเป็นกรณีที่แปลกที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงพยาบาลทีเดียว” เมื่อนำเจ้าน้องหมาไปเอ็กซเรย์ทุกคนต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าภายในท้องมีสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก โดยสัตวแพทย์ ดร.แอชลีย์ มากี้ ได้ทำการผ่าตัดให้กับเจ้าน้องหมาใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดจึงทราบว่าสิ่งแปลกปลอมที่ว่า คือ “ถุงเท้าจำนวน 44 ข้าง”  หลังจากผ่าตัดหนึ่งวันน้องหมาได้รับอนุญาตให้กลับไปพักที่บ้านได้ เจ้าของน้องหมาไม่พร้อมให้ความเห็นใดๆ เพียงแค่ยืนยันว่าน้องหมายังมีชีวิตอยู่


ภาพถุงเท้าทั้งหมดที่ถูกนำมาวางบนตะแกรง มันดูเหมือนกับบาร์บีคิวที่กำลังถูกย่างอยู่บนเตามากๆ

     สิ่งที่น่าตกใจกับเหตุการนี้น่าจะเป็นจำนวนชิ้นของสิ่งที่กินเข้าไป แต่นี่ไม่ใช่รายแรกของสัตว์กับการกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหารเข้าไป ก่อนหน้าที่ ดร.แอชลีย์ เคยผ่าตัดเอาขวดกาวออกจากท้องสุนัข และยังมีนิตรสารสัตว์เลี้ยง “Veterinary Practice News” ได้ให้เข้าส่งชิงรางวัลในหัวข้อ “They Ate What?? พวกมันกินอะไร” โดยผู้ชนะเลิศคือ ภาพเอ็กซเรย์ของกบที่ในน้องเต็มไปด้วยก้อนหินที่มใช้ประดับตู้เลี้ยงกบก้อนเล็กๆมากกว่า 30 ก้อนเข้าไป



6220
ช็อคสุนัขกินถุงเท้า “กินเข้าไปไม่เยอะ แค่ 44 ข้าง”

     สุนัขพันธุ์เกรทเดน อายุ 3 ปี เกิดอาการทรมานเหมือนจะอยากขย่อนอะไรสักอย่างในท้องอยู่ตลอดเวลา เจ้าของจึงนำส่งโณงพยาบาลสัตว์ฉุกเฉินแห่งหนึ่ง ในมืองมืองปอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเบื้องต้นสัตวแพทย์ตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุมาจากสิ่งที่สุนัขกินเข้าไปแน่นอน


ภาพเอ็กซเรย์ที่ในท้องเต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก

     ชอว์นา ฮาร์ช โฆษกโณงพยาบาลสัตว์ฉุกเฉินโดฟลูอิสกล่าวว่า “กรณีนี้น่าจะเป็นกรณีที่แปลกที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงพยาบาลทีเดียว” เมื่อนำเจ้าน้องหมาไปเอ็กซเรย์ทุกคนต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าภายในท้องมีสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก โดยสัตวแพทย์ ดร.แอชลีย์ มากี้ ได้ทำการผ่าตัดให้กับเจ้าน้องหมาใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดจึงทราบว่าสิ่งแปลกปลอมที่ว่า คือ “ถุงเท้าจำนวน 44 ข้าง”  หลังจากผ่าตัดหนึ่งวันน้องหมาได้รับอนุญาตให้กลับไปพักที่บ้านได้ เจ้าของน้องหมาไม่พร้อมให้ความเห็นใดๆ เพียงแค่ยืนยันว่าน้องหมายังมีชีวิตอยู่


ภาพถุงเท้าทั้งหมดที่ถูกนำมาวางบนตะแกรง มันดูเหมือนกับบาร์บีคิวที่กำลังถูกย่างอยู่บนเตามากๆ

     สิ่งที่น่าตกใจกับเหตุการนี้น่าจะเป็นจำนวนชิ้นของสิ่งที่กินเข้าไป แต่นี่ไม่ใช่รายแรกของสัตว์กับการกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหารเข้าไป ก่อนหน้าที่ ดร.แอชลีย์ เคยผ่าตัดเอาขวดกาวออกจากท้องสุนัข และยังมีนิตรสารสัตว์เลี้ยง “Veterinary Practice News” ได้ให้เข้าส่งชิงรางวัลในหัวข้อ “They Ate What?? พวกมันกินอะไร” โดยผู้ชนะเลิศคือ ภาพเอ็กซเรย์ของกบที่ในน้องเต็มไปด้วยก้อนหินที่มใช้ประดับตู้เลี้ยงกบก้อนเล็กๆมากกว่า 30 ก้อนเข้าไป



6221
5 อุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับน้องหมา



1.   เสื้อกันฝนสุนัข เริ่มจากมีแนวคิดการออกแบบร่มที่ยึดติดที่ไหล่ของคน แต่ก็เปลี่ยนการตลาดเป็นเสื้อกันฝนของสุนัข ซึ่งเป็นเสื้อด้านนอกไนลอน ภายในเป็นขนแกะ ขนาดไซต์มีตั้งแต่ teacup – XXL ซึ่งราคาอยู่ที่ $39.95-$49.95



2.   ชุดเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นของสุนัข เพื่อความปลอดภัยของสุนัข หากเกิดอุบัติเหตุ ในเมื่อเรามีเครื่องมือปฐมพยาบาลเตรียมไว้ ก็สามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้เค้าได้ ไม่ใช่แค่เครื่องมือพยาบาล รวมไปถึงอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ปกสะท้อนแสง สายจูง ผ้าพันคอสะท้อนแสง ชามสุนัขที่พกพาได้ ในกรณีฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้เตรียมไว้เสมอ



3.   ชุดอุปกรณ์เด็กอ่อน หากสุนัขของคุณเป็นเด็ก ควรมีอุปกรณ์สำรองเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์ เช่น ผ้าอ้อม ขวดน้ำ จานอาหาร แปรงสีฟัน และอาหาร รวมถึงผ้าห่ม ที่นอน ของเล่นและอุปกรณ์อื่นๆอีกด้วย



4.   กั้นสุนัข เช่นหากเป็นทางขึ้นบันได ควรมีอุปกรณ์ที่กั้นที่พับ-ยืดหดได้ เพื่อไม่ให้เค้าไปซุกซนข้างบน หรือข้างนอกบ้านในเวลาที่เราไม่ได้เฝ้าดูเค้า วัสดุแล้วแต่ความนิยม อาจจะเป็นผ้า ตาข่าย ก็เป็นได้



5.   บันไดสำหรับสุนัข เช่นเดียวกับคน เวลาปืนไปยังที่สูงยังต้องใช้บันได สุนัขก็เช่นกันควรมีบันได และฝึกสอนให้เค้าหัดชึ้น-ลงได้เอง ดีกว่าการกระโดด แต่ก็ควรควบคุมระดับความสูงให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม

6222
5 อุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับน้องหมา



1.   เสื้อกันฝนสุนัข เริ่มจากมีแนวคิดการออกแบบร่มที่ยึดติดที่ไหล่ของคน แต่ก็เปลี่ยนการตลาดเป็นเสื้อกันฝนของสุนัข ซึ่งเป็นเสื้อด้านนอกไนลอน ภายในเป็นขนแกะ ขนาดไซต์มีตั้งแต่ teacup – XXL ซึ่งราคาอยู่ที่ $39.95-$49.95



2.   ชุดเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นของสุนัข เพื่อความปลอดภัยของสุนัข หากเกิดอุบัติเหตุ ในเมื่อเรามีเครื่องมือปฐมพยาบาลเตรียมไว้ ก็สามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้เค้าได้ ไม่ใช่แค่เครื่องมือพยาบาล รวมไปถึงอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ปกสะท้อนแสง สายจูง ผ้าพันคอสะท้อนแสง ชามสุนัขที่พกพาได้ ในกรณีฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้เตรียมไว้เสมอ



3.   ชุดอุปกรณ์เด็กอ่อน หากสุนัขของคุณเป็นเด็ก ควรมีอุปกรณ์สำรองเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์ เช่น ผ้าอ้อม ขวดน้ำ จานอาหาร แปรงสีฟัน และอาหาร รวมถึงผ้าห่ม ที่นอน ของเล่นและอุปกรณ์อื่นๆอีกด้วย



4.   กั้นสุนัข เช่นหากเป็นทางขึ้นบันได ควรมีอุปกรณ์ที่กั้นที่พับ-ยืดหดได้ เพื่อไม่ให้เค้าไปซุกซนข้างบน หรือข้างนอกบ้านในเวลาที่เราไม่ได้เฝ้าดูเค้า วัสดุแล้วแต่ความนิยม อาจจะเป็นผ้า ตาข่าย ก็เป็นได้



5.   บันไดสำหรับสุนัข เช่นเดียวกับคน เวลาปืนไปยังที่สูงยังต้องใช้บันได สุนัขก็เช่นกันควรมีบันได และฝึกสอนให้เค้าหัดชึ้น-ลงได้เอง ดีกว่าการกระโดด แต่ก็ควรควบคุมระดับความสูงให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม

6223
5 อุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับน้องหมา



1.   เสื้อกันฝนสุนัข เริ่มจากมีแนวคิดการออกแบบร่มที่ยึดติดที่ไหล่ของคน แต่ก็เปลี่ยนการตลาดเป็นเสื้อกันฝนของสุนัข ซึ่งเป็นเสื้อด้านนอกไนลอน ภายในเป็นขนแกะ ขนาดไซต์มีตั้งแต่ teacup – XXL ซึ่งราคาอยู่ที่ $39.95-$49.95



2.   ชุดเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นของสุนัข เพื่อความปลอดภัยของสุนัข หากเกิดอุบัติเหตุ ในเมื่อเรามีเครื่องมือปฐมพยาบาลเตรียมไว้ ก็สามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้เค้าได้ ไม่ใช่แค่เครื่องมือพยาบาล รวมไปถึงอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ปกสะท้อนแสง สายจูง ผ้าพันคอสะท้อนแสง ชามสุนัขที่พกพาได้ ในกรณีฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้เตรียมไว้เสมอ



3.   ชุดอุปกรณ์เด็กอ่อน หากสุนัขของคุณเป็นเด็ก ควรมีอุปกรณ์สำรองเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์ เช่น ผ้าอ้อม ขวดน้ำ จานอาหาร แปรงสีฟัน และอาหาร รวมถึงผ้าห่ม ที่นอน ของเล่นและอุปกรณ์อื่นๆอีกด้วย



4.   กั้นสุนัข เช่นหากเป็นทางขึ้นบันได ควรมีอุปกรณ์ที่กั้นที่พับ-ยืดหดได้ เพื่อไม่ให้เค้าไปซุกซนข้างบน หรือข้างนอกบ้านในเวลาที่เราไม่ได้เฝ้าดูเค้า วัสดุแล้วแต่ความนิยม อาจจะเป็นผ้า ตาข่าย ก็เป็นได้



5.   บันไดสำหรับสุนัข เช่นเดียวกับคน เวลาปืนไปยังที่สูงยังต้องใช้บันได สุนัขก็เช่นกันควรมีบันได และฝึกสอนให้เค้าหัดชึ้น-ลงได้เอง ดีกว่าการกระโดด แต่ก็ควรควบคุมระดับความสูงให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม

6224
5 อุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับน้องหมา



1.   เสื้อกันฝนสุนัข เริ่มจากมีแนวคิดการออกแบบร่มที่ยึดติดที่ไหล่ของคน แต่ก็เปลี่ยนการตลาดเป็นเสื้อกันฝนของสุนัข ซึ่งเป็นเสื้อด้านนอกไนลอน ภายในเป็นขนแกะ ขนาดไซต์มีตั้งแต่ teacup – XXL ซึ่งราคาอยู่ที่ $39.95-$49.95



2.   ชุดเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นของสุนัข เพื่อความปลอดภัยของสุนัข หากเกิดอุบัติเหตุ ในเมื่อเรามีเครื่องมือปฐมพยาบาลเตรียมไว้ ก็สามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้เค้าได้ ไม่ใช่แค่เครื่องมือพยาบาล รวมไปถึงอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ปกสะท้อนแสง สายจูง ผ้าพันคอสะท้อนแสง ชามสุนัขที่พกพาได้ ในกรณีฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้เตรียมไว้เสมอ



3.   ชุดอุปกรณ์เด็กอ่อน หากสุนัขของคุณเป็นเด็ก ควรมีอุปกรณ์สำรองเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์ เช่น ผ้าอ้อม ขวดน้ำ จานอาหาร แปรงสีฟัน และอาหาร รวมถึงผ้าห่ม ที่นอน ของเล่นและอุปกรณ์อื่นๆอีกด้วย



4.   กั้นสุนัข เช่นหากเป็นทางขึ้นบันได ควรมีอุปกรณ์ที่กั้นที่พับ-ยืดหดได้ เพื่อไม่ให้เค้าไปซุกซนข้างบน หรือข้างนอกบ้านในเวลาที่เราไม่ได้เฝ้าดูเค้า วัสดุแล้วแต่ความนิยม อาจจะเป็นผ้า ตาข่าย ก็เป็นได้



5.   บันไดสำหรับสุนัข เช่นเดียวกับคน เวลาปืนไปยังที่สูงยังต้องใช้บันได สุนัขก็เช่นกันควรมีบันได และฝึกสอนให้เค้าหัดชึ้น-ลงได้เอง ดีกว่าการกระโดด แต่ก็ควรควบคุมระดับความสูงให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม

6225
การฝังเข็ม น้องหมา


     การฝังเข็มเป็นหนึ่งในแนวทางการรักษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก การรักษานี้เริ่มต้นขึ้นที่จีนกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมา พื้นฐานของหลักการ คือ เพื่อกระตุ้นให้พลังงานที่ไหลออกมาจากอวัยวะของร่างกายจากการฝังเข็มใช้เข็ม เป็นที่นิยมในมนุษย์ที่แสวงหาการแพทย์ทางเลือกแผนโบราณ ทุกวันนี้เจ้าของสุนัขส่วนใหญ่ก็เลือกการฝังเข็มเป็นตัวเลือกในการรักษาความหลากหลายของสภาพสุนัขและความผิดปกติ รวมทั้งกล้ามเนื้อและความผิดปกติของกระดูกที่ได้รับบาดเจ็บต่างๆและโรคทางระบบประสาท ให้แก่สุนัขของพวกเขาเช่นกัน

     Deborah L. Prevratil  ผู้อำนวยการบริหารสัตวแพทย์ฝังเข็มนานาชาติ กล่าวว่า “การฝังเข็มยังสามารถช่วยให้อาการปวดขากะเผลก , ภูมิแพ้, และโรคข้ออักเสบได้อีกด้วย” เรื่องของค่าใช้จ่ายต่อครั้งตกอยู่ระหว่าง $40-$100 แล้วแต่ขนาดสุนัข และราคาอาจจะแตกต่างไปตามภูมิภาค

     Dr. Joyce Loeser. จะพูดกับสุนัขในขณะที่ทำการรักษา เค้าใช้เข็มขนาดเล็กและทำด้วยวิธีการที่ไม่เจ็บปวดกับสุนัข
เค้ากล่าวว่า วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่มีผลกระทบกับสุนัข ซ้ำบางตัวยังมีการตอบสนองที่น่าทึ่งมากเลยทีเดียว บางครั้งเค้าใช้การฝังเข็มไฟฟ้าที่ใช้กระแสไฟฟ้าผ่านระหว่างคู่ของเข็มเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อของสุนัข

     บางคนอาจมองว่าการฝังเข็มเป็น “ทางออกสุดท้าย” Prevratil ย้ำว่าปัจจุบันประโยชน์ของการใช้การแพทย์บูรณาเขาที่จะประกอบกับการแพทย์ตะวันตกและตะวันออก ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมากขึ้นและเจ้าของสุนัขต้องการสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับสุนัขของพวก"
Dr. Nancy Scanlan ผู้อำนวยการบริหารของ American Holistic Veterinary Foundation  กล่าวว่า "จำนวนของสัตวแพทย์ได้รับการฝึกฝนในการฝังเข็มได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เริ่มต้นในปี 1992 โดยมีสมาชิก 30 ในขณะที่ตอนนี้มี 900 สมาชิก

     เป้าหมายของการรักษา คือ การสนับสนุนให้ร่างกายสามารถรักษาตัวเองโดยการแก้ไขความไม่สมดุลของพลังงาน  ให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายที่จากการแทรกของเข็มและสามารถเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนในร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้ร่างกายกำจัดสารพิษและลดการอักเสบ

     Ellen McLaughlin มีสุนัขสายพันธุ์ผสม ชื่อ ซิดนีย์ อายุ 16 ปี เธอเป็นคนที่มีปัญหาในการเดินและยืน เมื่อเอลเลนพาเธอไปยังสัตว์แพทย์ประจำของเธอ เค้ากังวลเรื่องอายุที่มากกลัวจะมีโรคแทรกซ้อน น้องสาวของแอลเลนจึงพาไปรักษาแบบฝังเข็ม  เริ่มด้วยการอัลตราซาวนด์ในเลือดและตรวจปัสสาวะ  หลังจากนั้นเห็นความแตกต่างได้ทันที ซิดนีย์มีความคล่องตัวและความสามารถที่จะยืนบนขาหลังของเธอได้  นี่คือผลประโยชน์อื่น ๆ ของการฝังเข็มสุนัขคือ

    การฝังเข็มสามารถกระตุ้นระบบประสาทและสามารถปล่อยฮอร์โมนบรรเทาปวด ซึ่งแตกต่างจากยาที่ได้รับจากเคาน์เตอร์หรือตามใบสั่งแพทย์  การฝังเข็มไม่มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ต่ออวัยวะภายในของสัตว์เลี้ยง การฝังเข็มจะได้รับประโยชน์สุนัขทุกเพศทุกวัย  และการฝังเข็มจะไม่มีผลกับยาที่จำเป็นสุนัข