12 ปีที่แล้ว Oogy เป็นเพียงลูกสุนัขจากฟาร์มสุนัขที่ใช้เป็นเหยื่อ จากการกระทำของเจ้าของเก่าที่ให้เค้าเป็นคู่ซ้อมกับสุนัขสายพันธุ์ดุต่าง ๆ ก่อนลงสนามจริง ข่าวรู้ถึงสมาคมพิทักษ์สัตว์ในอเมริกาจึงให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันเสียแล้วสภาพของ Oogy  “ด้านซ้ายทั้งศีรษะเป็นแผลเห็นเนื้อเยื่อสีชมพูสด เหมือนว่ามันจะละลาย สภาพเละมาก” และในคืนเดียวกันนี้ที่ครอบครัวของเลวินได้ไปไว้อาลัยแมวน้อยอายุ 17 ปีของเขาที่โรงพยาบาล ได้พบกับ Oogy เข้าถึงกับถูกชะตาได้รับมาดูแล



     Oogy ต้องได้รับการรักษาและผ่าตัดหลายครั้งด้วยกัน ครอบครัวของเลวินรักและเอ็นดูเค้ามาก เรื่องราวของเค้าแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในปี 2008 เววินได้รับการติดต่อจากผู้ผลิตโทรทัศน์ให้มีการสัมภาษณ์ แต่ Oogy ไม่สามารถนั่งเครื่องบินได้ จึงต้องขับรถไปแทน ในสตูดิโอฮาร์โปในชิคาโก้เปลี่ยนชะตาชีวิตของทั้งคนและหมา 10 วันต่อมาตัวแทนวรรณกรรมเรียกให้เลวินมาให้ข้อมูล ในปี 2010 เรื่องราวของ Oogy กลายเป็นหนังสือขายดีของนิวยอร์ก ชื่อหนังสือว่า “Oogy: The Dog Only a Family Could Love”



     ในปี 2011 Oogy อาการทรุดลง ต้องทำการ MRI เค้าไม่ได้มีเนื้องอกในสมอง แต่เป็นเพราะการติดเชื้อจากการผ่าตัดครั้งล่าสุด แพทย์พยายามช่วยเหลือจนเค้ารอดชีวิตมาได้ เป็นโชคดีของ Oogy ที่เจอครอบครัวเลวิน และเป็นโชคดีของครอบครัวเลวินที่เจอกับ Oogy เค้านอนด้วยกันทุกคืนเสมอ เป็นเวลา 12 ปีมาแล้ว

     12 ปีที่แล้ว Oogy เป็นเพียงลูกสุนัขจากฟาร์มสุนัขที่ใช้เป็นเหยื่อ จากการกระทำของเจ้าของเก่าที่ให้เค้าเป็นคู่ซ้อมกับสุนัขสายพันธุ์ดุต่าง ๆ ก่อนลงสนามจริง ข่าวรู้ถึงสมาคมพิทักษ์สัตว์ในอเมริกาจึงให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันเสียแล้วสภาพของ Oogy  “ด้านซ้ายทั้งศีรษะเป็นแผลเห็นเนื้อเยื่อสีชมพูสด เหมือนว่ามันจะละลาย สภาพเละมาก” และในคืนเดียวกันนี้ที่ครอบครัวของเลวินได้ไปไว้อาลัยแมวน้อยอายุ 17 ปีของเขาที่โรงพยาบาล ได้พบกับ Oogy เข้าถึงกับถูกชะตาได้รับมาดูแล



     Oogy ต้องได้รับการรักษาและผ่าตัดหลายครั้งด้วยกัน ครอบครัวของเลวินรักและเอ็นดูเค้ามาก เรื่องราวของเค้าแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในปี 2008 เววินได้รับการติดต่อจากผู้ผลิตโทรทัศน์ให้มีการสัมภาษณ์ แต่ Oogy ไม่สามารถนั่งเครื่องบินได้ จึงต้องขับรถไปแทน ในสตูดิโอฮาร์โปในชิคาโก้เปลี่ยนชะตาชีวิตของทั้งคนและหมา 10 วันต่อมาตัวแทนวรรณกรรมเรียกให้เลวินมาให้ข้อมูล ในปี 2010 เรื่องราวของ Oogy กลายเป็นหนังสือขายดีของนิวยอร์ก ชื่อหนังสือว่า “Oogy: The Dog Only a Family Could Love”



     ในปี 2011 Oogy อาการทรุดลง ต้องทำการ MRI เค้าไม่ได้มีเนื้องอกในสมอง แต่เป็นเพราะการติดเชื้อจากการผ่าตัดครั้งล่าสุด แพทย์พยายามช่วยเหลือจนเค้ารอดชีวิตมาได้ เป็นโชคดีของ Oogy ที่เจอครอบครัวเลวิน และเป็นโชคดีของครอบครัวเลวินที่เจอกับ Oogy เค้านอนด้วยกันทุกคืนเสมอ เป็นเวลา 12 ปีมาแล้ว