แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

4576
10 ความลับที่หมาไม่เคยบอก

     มีความลับมากมายที่หมาไม่บอกคุณ นี่เป็นเรื่องปกติมาก เพราะว่าหมาพูดไม่ได้... แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าเพื่อนสี่ขาเหล่านี้จะไม่ได้อยากให้เรารู้ใจมัน และคนเราเองก็ไม่เคยหยุดพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับหมาเช่นกัน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เพื่อนผู้ภักดีของเรามีชีวิตที่สุขสบายขึ้นนั่นเอง มาดูมาฟังกันดีกว่าว่า ความลับที่หมาอยากจะบอกเราแทบตายนั้นมีอะไรบ้าง



1. เวลาออกไปอึ หมาไม่ได้แค่เดินกันชิวๆ นะ
     การที่หมาหมุนรอบตัวเองเป็นวงกลมก่อนทำธุระส่วนตัว ไม่ได้เป็นเพราะว่าหมาตั้งใจให้คุณเจ้านายไปทำงานสายหรอกนะ มีการศึกษาวิจัยออกมาแล้วว่า หมาจะปล่อยอึเรียงตามแนวเส้นแม่เหล็กของโลก มีการเฝ้าสังเกตหมา 70 ตัวจากกว่า 37 สายพันธุ์นานถึง 2 ปี เพื่อนบันทึกความนิยมในการเลือกที่อึแบบเรียงตามแนวเส้นแม่เหล็กนี้เอาไว้ด้วย โดยมุมยอดนิยมจะยึดตามแกนเส้นแวง (ทิศเหนือไปทางทิศใต้) และพยายามจะหลีกเลี่ยงแนวแกนเส้นรุ้ง (ทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก) สาเหตุของการเลือกตำแหน่งตามสัญชาติญาณและการที่หมารับรู้ถึงเส้นแม่เหล็กได้อย่างไรนั้น ยังคงเป็นปริศนาต่อไป หมาไม่บอกหรอก แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ยว่า หมาดมหาอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นรอหน่อยนะ กำลังทำงานใหญ่นะเนี่ย


2. หมาแต่ละตัวชอบที่นอนกันตัวละแบบ
     ถ้าจะเลือกที่นอนให้หมาละก็ ขอร้องเถอะ ช่วยสนใจหน่อยว่าหมาชอบนอนแบบไหน ถ้าหมาชอบนอนขดตัว ที่นอนแบบหนานุ่มก็จะเริ่ดมาก แต่ถ้าปกติแล้วหมาชอบนอนแบบเหยียดขาละก็ ขอที่นอนแบนๆ แบบไม่มีขอบดีกว่านะ อ้อ หมาบางตัวชอบนอนห่มผ้าห่มด้วยละ บอกไว้เฉยๆ เผื่ออยากรู้


3. การที่หมากระดิกหาง ไม่ได้แปลว่าหมาอารมณ์ดี หรือจะญาติดีด้วย เสมอไป
     บางครั้งหมาก็กระดิกหางเพราะกำลังกระวนกระวาย รำคาญ หรือไม่ก็โกรธ สังเกตตำแหน่งของหางหมาให้ดีๆ ถ้าหางปล่อยตามสบาย กระดิกแล้วตูดส่ายดุ๊กดิ๊กไปด้วยละก็ ปกติแล้วจะหมายความว่า ยินดีที่ได้เจอกันนะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ แต่ถ้าหางชูสูงและกระดิกหางแบบเกร็งๆ ละก็ แปลว่าหมากำลังตื่นเต้นมากๆ หรือไม่ก็กำลังหงุดหงิดอยู่ ลองดูกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็งโดยเฉพาะตรงส่วนใบหน้า ดวงตาที่เลื่อนลอย และหูตั้งชี้ อาหารเหล่านี้ไม่ใช้อาการของหมาที่มีความสุขเลย



4. หมาชอบความท้าทาย
     หมาเป็นสัตว์ฉลาดนะ แล้วหมาก็ชอบเล่นเกมที่ได้ใช้ความคิดด้วย ยิ่งถ้าเจ้านายซ่อนขนมเอาไว้รอบๆ บ้านให้หมาได้วิ่งหาละก็จะชอบมากเลย! แถมหมายังเป็นนักสำรวจโดยธรรมชาติอีกด้วย การได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านก็ทำให้หมาสนุกมากเหมือนกัน



5. ขอร้องละ อย่าให้อาหารหมาเยอะเกินไป
     หมาจำนวนมากประสบกับปัญหาน้ำหนักเกินและโรคอ้วน น้ำหนักที่เกินพอดีสามารถทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้มากมาย เช่น โรคเกี่ยวกับข้อต่อ โรคหัวใจ และมะเร็ง ดังนั้นอย่านึกจะให้อาหารก็ให้เลยนะ เพราะหมาไม่ได้มานั่งนับแคลลอรี่หรอกว่าหมากินเยอะเกินไปรึเปล่า กินพอดีกับน้ำหนักตัวของหมาเองรึเปล่า เพราะฉะนั้นแค่ให้อาหารที่ดีมีคุณภาพเช้ารอบนึงเย็นรอบนึงก็พอแล้ว เวลาเลือกซื้ออาหารหมาก็เอาแบบที่มีสารอาหารครบถ้วน แล้วสีและรสปรุงแต่งน่ะ หมาไม่ต้องการหรอกนะ ของแบบนั้นมีแต่คนเท่านั้นแหละที่ชอบ


6. ถึงจะเป็นหมาแก่ แต่ก็ต้องการเพื่อนและการออกกำลังกายที่เหมาะกับวัย
     ใช่ หมาแก่อาจจะนอนเยอะ แล้วก็หลับเกือบตลอดเวลา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหมาจะไม่ตื่นขึ้นมาเดินเล่นนิดหน่อยหลังอาคารเย็นนี่ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ถึงหมาจะแก่แล้วแต่ก็ยังเรียนรู้คำสั่งต่างๆ ได้อยู่เหมือนกันนะ อาจจะช้าสักหน่อยเท่านั้นเอง ก็หมาแก่แล้วนี่นา


 
7. การได้เดินรอบบ้านไม่นับว่าเป็นการออกไปเดินเล่น
     หมาเป็นสัตว์ฝูงแล้วก็ชอบอยู่คน ถ้าปล่อยหมาให้ออกไปอยู่นอกบ้านตัวเดียว หมาก็อาจจะนั่งแหมะรอเจ้านายอยู่ตรงนั้นแหละ แล้วก็ไม่ได้ไปไหนจนกว่าเจ้านายมาพากลับเข้าบ้านไป แล้วไหนล่ะ การเดินเล่นออกกำลังกาย ไม่มีหรอก



8. หมาไม่ได้นิสัยเสียนะ
     หมาแค่เบื่อ! มีงานศึกษาวิจัยออกมาแล้วว่า โดยเฉลี่ยแล้วสมองของหมาจะทำงานเท่าๆ กับสมองของเด็ก 2 ขวบ แล้วลองนึกดูสิว่า มีเด็ก 2 ขวบที่ไหนบ้างที่อยู่นิ่งๆ คนเดียวได้นานๆ ดังนั้น ถ้าหมาเห่า กระโดด หรือว่าพังของรอบตัว ก็เป็นไปได้ว่าหมาต้องการการออกกำลังกายและความสนใจจากเจ้าของเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นก็ช่วยพาหมาออกไปเดินเล่นนอกบ้านหน่อยเถอะนะ เบื่อจะตายอยู่แล้ว หรืออย่างน้อยก็มานั่งแปรงขนให้หน่อยก็ยังดี ป้อนขนมก็ได้ หยวนๆ



9. ถ้าเรายังไม่เคยเจอกันละก็ ขอหมาทำความรู้จักหน่อยนะ
     ถ้าคนนั่งลงห่างจากหมานิดหน่อยแล้วเหลือบตามองไปด้านข้าง หมาก็จะดีใจมากเลยละ แล้วก็จะเข้าหาคนได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น แบบนี้ดีกว่าการที่คนเอื้อมมือมาใกล้ๆ หน้าหมา จะลูบหัวหรืออะไรก็แล้วแต่เถอะ แต่การกระทำแบบนี้สำหรับหมาแล้วมันคือการข่มขู่ แล้วก็ทำให้หมาเครียดมากเลยนะ




10. หมาเป็นสัตว์ที่มีวินัยและก็ชอบความสม่ำเสมอ
     โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ต้องฝึกเรื่องต่างๆ ที่คนต้องการ ถ้าคนยอมให้หมากระโดดขึ้นโซฟาบ้างบางครั้ง หมาก็จะไม่เข้าใจหรอกว่า หมาขึ้นไปนั่งบนนั้นตลอดเวลาไม่ได้ ถ้านิสัยของหมาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หรือเปลี่ยนไปมากแบบสุดโต่ง ถ้าอย่างนั้นก็พาหมาไปหาหมอหน่อยเถอะนะ เพราะบ่อยครั้งที่การเปลี่ยนนิสัยอย่างฉับพลันคือตัวบ่งชี้ว่าหมากำลังป่วย

เป็นยังไงบ้าง เซอร์ไพรส์กับความลับของหมากันมั้ย แต่ยังไงตอนนี้ก็รู้หมดแล้วสินะว่าหมาต้องอะไร เอาละ ไหนล่ะขนม?

4577
10 สายพันธุ์หมาที่ฝึกได้ยากที่สุดในโลก
     ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการหมาฉลาด การเป็นหมาโง่ไม่ผิด การเลี้ยงหมาโง่ยิ่งไม่ผิด มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากหมาตัวนั้นด้วย ถ้าคุณกำลังมองหาหมาที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนนั่งเล่นกับคุณตลอดทั้งวัน ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้มันฉลาดน้อยหน่อยจะเป็นไรไป เพราะบางครั้งพฤติกรรมโง่ๆ ของพวกมันก็สามารถทำให้เรายิ้มออกมาได้ แต่ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาหมาที่สามารถช่วยงานคุณได้ เช่น ช่วยต้อนสัตว์ คุณก็จะต้องการหมาที่ฉลาดและเชื่อฟังคำสั่งสักหน่อย และอาจจะอยากเลี่ยงสายพันธุ์ต่อไปนี้ เพราะคุณอาจจะต้องประสาทเสียเป็นอย่างมาก กว่าจะฝึกให้มันมาช่วยคุณทำงานได้จริงๆ



1. บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound)
บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound) มีหน้าตาที่ดูง่วงตลอดเวลากับหูที่ยาวลากพื้น หมาพันธุ์นี้มีประสาทการดมกลิ่นที่ฉับไว และสามารถจับกลิ่นที่หมาส่วนใหญ่จับไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นหมาที่ฉลาดน้อย แต่มันก็เป็นหมาที่อ่อนโยนมากและรักเจ้านายของมันเป็นอย่างยิ่ง บาสเซ็ต ฮาวด์ ไม่ใช่หมาฉลาด แต่มันใจเย็นมากและอยู่ร่วมกับคนได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าการนั่งให้มัน “นั่ง” อาจจะยากไปสักหน่อย แต่หมาสายพันธุ์นี้ก็เหมาะกับคนที่กำลังมองหาหมาที่มีพฤติกรรมที่เรียบร้อยนุ่มนวล



2. บีเกิล (Beagle)
บีเกิล (Beagle) เป็นหมาที่น่ารักน่ากอด แต่มันก็สามารถทำให้คุณหมดเรี่ยวหมดแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณพยายามจะสั่งสอนให้มันทำตามคำสั่ง อันที่จริงแล้วบีเกิลไม่ได้โง่เลย เพียงแต่มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งทำให้การฝึกมันนั้นยากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ บีเกิลเป็นหมาที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มันสามารถเข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และหมาพันธุ์อื่น แต่เข้ากันไม่ได้เลยกับแมว...



3. มาสทิฟฟ์ (Mastiff)
หมาตัวใหญ่จำเป็นต้องมีสมองขนาดใหญ่ด้วยหรือไม่? ไม่เสมอไป มาสทิฟฟ์ (Mastiff) คือ หมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหมาที่ดื้อเอามากๆ มาสทิฟฟ์สามารถมีน้ำหนักได้ถึง 58-60 กิโลกรัม แม้ว่ามันสามารถทำหน้าที่เป็นหมาผู้พิทักษ์ได้เป็นอย่างดี การฝึกมาสทิฟฟ์ก็จำเป็นต้องทำในเรื่องบางอย่างที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้มันรับคำสั่งได้ ถ้าหากคุณอยากจะฝึกมาสทิฟฟ์ คุณก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการฝึกหมาอยู่บ้าง คุณต้องพูดกับมันเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เพราะว่าเจ้าหมายักษ์ตัวนี้อ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการฝึกมาสทิฟฟ์ก็คือ ระยะเวลาในการฝึกแต่ละครั้งนั้นต้องสั้นและสนุกสนาน



4. ปักกิ่ง (Pekingese)
ปักกิ่ง (Pekingese) เป็นหมาอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ฝึกได้ยากมาก มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักอิสระ และชอบแสดงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง การฝึกปักกิ่งไม่ต่างอะไรกับการสั่งสอนเด็กที่ดื้อมากๆ คนหนึ่ง การจะฝึกหมาพันธุ์นี้ให้สำเร็จคุณต้องมั่นคงและมีความสม่ำเสมอมากๆ และแม้ว่ามันจะจัดอยู่ในกลุ่มหมาที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แต่ปักกิ่งเป็นหมาเฝ้ายามที่ยอดเยี่ยม พวกมันภักดีต่อเจ้าของเป็นมาก แต่ก็ดื้อมากเช่นกัน



5. บลัดฮาวด์ (Bloodhound)
บลัดฮาวด์ (Bloodhound) เป็นหมาที่ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการดมกลิ่น มันสามารถตามรอยกลิ่นได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าต้นกลิ่นจะหายไปแล้วนานหลายร้อยชั่วโมง การฝึกบลัดฮาวด์จะต้องมั่งคง หนักแน่น และใช้ความอดทนสูงเป็นอย่างยิ่ง พวกมันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองและหัวแข็ง ดังนั้นแม้ว่ามันจะสามารถตามรอยกลิ่นได้เป็นอย่างดี แต่มันก็อาจจะไม่ตามคำสั่งของคุณเท่าไรนัก



6. บอร์ซอย (Borzoi)
หากคุณเคยเลี้ยงแมวมาก่อน คุณจะสามารถเข้าใจบอร์ซอย (Borzoi) ได้ดี หมาพันธุ์นี้นิสัยเหมือนแมวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง และความคิดอันแสนอิสระเสรีของมัน หมาพันธุ์นี้ไม่เป็นที่นิยมนัก แต่คนที่เลี้ยงก็มีความสุขกับความน่าเอ็นดูที่มันมอบให้ บอร์ซอยเป็นหมาที่ติดสตันท์บ่อยมาก และโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นห่วงตัวเองมากกว่าเจ้านาย เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะได้เห็นหมาพันธุ์นี้เลียขนทำความสะอาดตัวเอง การฝึกบอร์ซอยจำเป็นต้องใช้เวลาที่ยาวนานและพรที่ประทานจากสวรรค์ และแม้ว่ามันจะฝึกการรับคำสั่งได้ยากมาก บอร์ซอยก็เป็นหมาที่มีความภักดีสูง และน่ารักน่าเอ็นดู



7. เชา เชา (Chow Chow)
เชา เชา (Chow Chow) เป็นหมาอีกพันธุ์หนึ่งที่มีนิสัยเหมือนแมว มันเป็นหมาที่ชอบเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะกับคนหน้าใหม่ที่มาเยี่ยมบ้าน มันเป็นหมาขี้อิจฉาและต้องการเป็นศูนย์กลางของความสนใจจากทุกคน เจ้าของเชาเชาจะต้องหนักแน่นและมีความมุ่งมั่นสูง หมาพันธุ์นี้ชอบแสดงอำนาจและสามารถกดขี่เจ้าของได้ ถ้าหากว่าเจ้าของจิตใจไม่หนักแน่นพอ และจริงๆ แล้วเชาเชาไม่ได้โง่ แต่มันเป็นหมาที่ฝึกได้ยากมากๆ เพราะบุคลิกและนิสัยตามธรรมชาติของมันเอง ซึ่งคุณต้องไม่ลืมว่า ดื้อ ไม่ได้แปลว่าโง่



8. บูลด็อก (Bulldog)
บูลด็อก (Bulldog) เป็นหมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่อ่อนโยนและน่ารักที่สุดที่คุณจะสามารถพบได้ มันเป็นหมาที่กล้าหาญ และมีความคิดเป็นของตัวเอง การฝึกบูลด็อกจำเป็นต้องใช้เวลาและความอดทน มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าหน้าตาของบูลด็อกอาจจะไม่ได้สวยงามในสายตาของใครหลายคน มันก็เป็นหมาที่น่ารักน่าเอ็นดูที่ต้องการเวลาจากคุณเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเวลาสำหรับฝึกมัน



9. บาเซ็นจิ (Basenji)
บาเซ็นจิ (Basenji) เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักนัก แต่มันเป็นหมาที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง บางครั้งเสียงของมันก็เหมือนกับเสียงของคน โดยเฉพาะเสียงหัวเราะหรือร้องไห้ หมาเป็นนี้ก็เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีนิสัยเหมือนแมว มันสามารถใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ หมดไปกับการเลียแต่งขน เหมือนแมว หลังจากนั้นก็นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนแมว  บาเซนจิเป็นหมาเจ้าอารมณ์และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การฝึกหมาพันธุ์นี้ไม่ง่ายเลย



10. อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound)
อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound) เป็นหมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก พวกมันอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ และนิสัยของมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก พวกมันเป็นหมาขี้อ้อนที่ชอบอยู่กับเจ้านาย มันเป็นหมาที่ขี้ตกใจและไม่มีการแสดงอำนาจอะไรนัก แต่แม้ว่ามันจะไม่ได้พยายามแย่งอำนาจคุณ อัฟกัน ฮาวนด์ก็เป็นหมาที่มีความเชื่อฟังต่ำมาก มันมีนิสัยเหมือนแมว และชอบทำตามใจตัวเองมากกว่าจะเชื่อฟังเจ้านาย

4578
10 สายพันธุ์หมาที่ฝึกได้ยากที่สุดในโลก
     ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการหมาฉลาด การเป็นหมาโง่ไม่ผิด การเลี้ยงหมาโง่ยิ่งไม่ผิด มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากหมาตัวนั้นด้วย ถ้าคุณกำลังมองหาหมาที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนนั่งเล่นกับคุณตลอดทั้งวัน ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้มันฉลาดน้อยหน่อยจะเป็นไรไป เพราะบางครั้งพฤติกรรมโง่ๆ ของพวกมันก็สามารถทำให้เรายิ้มออกมาได้ แต่ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาหมาที่สามารถช่วยงานคุณได้ เช่น ช่วยต้อนสัตว์ คุณก็จะต้องการหมาที่ฉลาดและเชื่อฟังคำสั่งสักหน่อย และอาจจะอยากเลี่ยงสายพันธุ์ต่อไปนี้ เพราะคุณอาจจะต้องประสาทเสียเป็นอย่างมาก กว่าจะฝึกให้มันมาช่วยคุณทำงานได้จริงๆ



1. บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound)
บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound) มีหน้าตาที่ดูง่วงตลอดเวลากับหูที่ยาวลากพื้น หมาพันธุ์นี้มีประสาทการดมกลิ่นที่ฉับไว และสามารถจับกลิ่นที่หมาส่วนใหญ่จับไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นหมาที่ฉลาดน้อย แต่มันก็เป็นหมาที่อ่อนโยนมากและรักเจ้านายของมันเป็นอย่างยิ่ง บาสเซ็ต ฮาวด์ ไม่ใช่หมาฉลาด แต่มันใจเย็นมากและอยู่ร่วมกับคนได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าการนั่งให้มัน “นั่ง” อาจจะยากไปสักหน่อย แต่หมาสายพันธุ์นี้ก็เหมาะกับคนที่กำลังมองหาหมาที่มีพฤติกรรมที่เรียบร้อยนุ่มนวล



2. บีเกิล (Beagle)
บีเกิล (Beagle) เป็นหมาที่น่ารักน่ากอด แต่มันก็สามารถทำให้คุณหมดเรี่ยวหมดแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณพยายามจะสั่งสอนให้มันทำตามคำสั่ง อันที่จริงแล้วบีเกิลไม่ได้โง่เลย เพียงแต่มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งทำให้การฝึกมันนั้นยากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ บีเกิลเป็นหมาที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มันสามารถเข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และหมาพันธุ์อื่น แต่เข้ากันไม่ได้เลยกับแมว...



3. มาสทิฟฟ์ (Mastiff)
หมาตัวใหญ่จำเป็นต้องมีสมองขนาดใหญ่ด้วยหรือไม่? ไม่เสมอไป มาสทิฟฟ์ (Mastiff) คือ หมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหมาที่ดื้อเอามากๆ มาสทิฟฟ์สามารถมีน้ำหนักได้ถึง 58-60 กิโลกรัม แม้ว่ามันสามารถทำหน้าที่เป็นหมาผู้พิทักษ์ได้เป็นอย่างดี การฝึกมาสทิฟฟ์ก็จำเป็นต้องทำในเรื่องบางอย่างที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้มันรับคำสั่งได้ ถ้าหากคุณอยากจะฝึกมาสทิฟฟ์ คุณก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการฝึกหมาอยู่บ้าง คุณต้องพูดกับมันเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เพราะว่าเจ้าหมายักษ์ตัวนี้อ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการฝึกมาสทิฟฟ์ก็คือ ระยะเวลาในการฝึกแต่ละครั้งนั้นต้องสั้นและสนุกสนาน



4. ปักกิ่ง (Pekingese)
ปักกิ่ง (Pekingese) เป็นหมาอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ฝึกได้ยากมาก มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักอิสระ และชอบแสดงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง การฝึกปักกิ่งไม่ต่างอะไรกับการสั่งสอนเด็กที่ดื้อมากๆ คนหนึ่ง การจะฝึกหมาพันธุ์นี้ให้สำเร็จคุณต้องมั่นคงและมีความสม่ำเสมอมากๆ และแม้ว่ามันจะจัดอยู่ในกลุ่มหมาที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แต่ปักกิ่งเป็นหมาเฝ้ายามที่ยอดเยี่ยม พวกมันภักดีต่อเจ้าของเป็นมาก แต่ก็ดื้อมากเช่นกัน



5. บลัดฮาวด์ (Bloodhound)
บลัดฮาวด์ (Bloodhound) เป็นหมาที่ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการดมกลิ่น มันสามารถตามรอยกลิ่นได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าต้นกลิ่นจะหายไปแล้วนานหลายร้อยชั่วโมง การฝึกบลัดฮาวด์จะต้องมั่งคง หนักแน่น และใช้ความอดทนสูงเป็นอย่างยิ่ง พวกมันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองและหัวแข็ง ดังนั้นแม้ว่ามันจะสามารถตามรอยกลิ่นได้เป็นอย่างดี แต่มันก็อาจจะไม่ตามคำสั่งของคุณเท่าไรนัก



6. บอร์ซอย (Borzoi)
หากคุณเคยเลี้ยงแมวมาก่อน คุณจะสามารถเข้าใจบอร์ซอย (Borzoi) ได้ดี หมาพันธุ์นี้นิสัยเหมือนแมวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง และความคิดอันแสนอิสระเสรีของมัน หมาพันธุ์นี้ไม่เป็นที่นิยมนัก แต่คนที่เลี้ยงก็มีความสุขกับความน่าเอ็นดูที่มันมอบให้ บอร์ซอยเป็นหมาที่ติดสตันท์บ่อยมาก และโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นห่วงตัวเองมากกว่าเจ้านาย เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะได้เห็นหมาพันธุ์นี้เลียขนทำความสะอาดตัวเอง การฝึกบอร์ซอยจำเป็นต้องใช้เวลาที่ยาวนานและพรที่ประทานจากสวรรค์ และแม้ว่ามันจะฝึกการรับคำสั่งได้ยากมาก บอร์ซอยก็เป็นหมาที่มีความภักดีสูง และน่ารักน่าเอ็นดู



7. เชา เชา (Chow Chow)
เชา เชา (Chow Chow) เป็นหมาอีกพันธุ์หนึ่งที่มีนิสัยเหมือนแมว มันเป็นหมาที่ชอบเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะกับคนหน้าใหม่ที่มาเยี่ยมบ้าน มันเป็นหมาขี้อิจฉาและต้องการเป็นศูนย์กลางของความสนใจจากทุกคน เจ้าของเชาเชาจะต้องหนักแน่นและมีความมุ่งมั่นสูง หมาพันธุ์นี้ชอบแสดงอำนาจและสามารถกดขี่เจ้าของได้ ถ้าหากว่าเจ้าของจิตใจไม่หนักแน่นพอ และจริงๆ แล้วเชาเชาไม่ได้โง่ แต่มันเป็นหมาที่ฝึกได้ยากมากๆ เพราะบุคลิกและนิสัยตามธรรมชาติของมันเอง ซึ่งคุณต้องไม่ลืมว่า ดื้อ ไม่ได้แปลว่าโง่



8. บูลด็อก (Bulldog)
บูลด็อก (Bulldog) เป็นหมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่อ่อนโยนและน่ารักที่สุดที่คุณจะสามารถพบได้ มันเป็นหมาที่กล้าหาญ และมีความคิดเป็นของตัวเอง การฝึกบูลด็อกจำเป็นต้องใช้เวลาและความอดทน มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าหน้าตาของบูลด็อกอาจจะไม่ได้สวยงามในสายตาของใครหลายคน มันก็เป็นหมาที่น่ารักน่าเอ็นดูที่ต้องการเวลาจากคุณเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเวลาสำหรับฝึกมัน



9. บาเซ็นจิ (Basenji)
บาเซ็นจิ (Basenji) เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักนัก แต่มันเป็นหมาที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง บางครั้งเสียงของมันก็เหมือนกับเสียงของคน โดยเฉพาะเสียงหัวเราะหรือร้องไห้ หมาเป็นนี้ก็เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีนิสัยเหมือนแมว มันสามารถใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ หมดไปกับการเลียแต่งขน เหมือนแมว หลังจากนั้นก็นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนแมว  บาเซนจิเป็นหมาเจ้าอารมณ์และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การฝึกหมาพันธุ์นี้ไม่ง่ายเลย



10. อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound)
อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound) เป็นหมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก พวกมันอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ และนิสัยของมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก พวกมันเป็นหมาขี้อ้อนที่ชอบอยู่กับเจ้านาย มันเป็นหมาที่ขี้ตกใจและไม่มีการแสดงอำนาจอะไรนัก แต่แม้ว่ามันจะไม่ได้พยายามแย่งอำนาจคุณ อัฟกัน ฮาวนด์ก็เป็นหมาที่มีความเชื่อฟังต่ำมาก มันมีนิสัยเหมือนแมว และชอบทำตามใจตัวเองมากกว่าจะเชื่อฟังเจ้านาย

4579
10 สายพันธุ์หมาที่ฝึกได้ยากที่สุดในโลก
     ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการหมาฉลาด การเป็นหมาโง่ไม่ผิด การเลี้ยงหมาโง่ยิ่งไม่ผิด มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากหมาตัวนั้นด้วย ถ้าคุณกำลังมองหาหมาที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนนั่งเล่นกับคุณตลอดทั้งวัน ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้มันฉลาดน้อยหน่อยจะเป็นไรไป เพราะบางครั้งพฤติกรรมโง่ๆ ของพวกมันก็สามารถทำให้เรายิ้มออกมาได้ แต่ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาหมาที่สามารถช่วยงานคุณได้ เช่น ช่วยต้อนสัตว์ คุณก็จะต้องการหมาที่ฉลาดและเชื่อฟังคำสั่งสักหน่อย และอาจจะอยากเลี่ยงสายพันธุ์ต่อไปนี้ เพราะคุณอาจจะต้องประสาทเสียเป็นอย่างมาก กว่าจะฝึกให้มันมาช่วยคุณทำงานได้จริงๆ



1. บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound)
บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound) มีหน้าตาที่ดูง่วงตลอดเวลากับหูที่ยาวลากพื้น หมาพันธุ์นี้มีประสาทการดมกลิ่นที่ฉับไว และสามารถจับกลิ่นที่หมาส่วนใหญ่จับไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นหมาที่ฉลาดน้อย แต่มันก็เป็นหมาที่อ่อนโยนมากและรักเจ้านายของมันเป็นอย่างยิ่ง บาสเซ็ต ฮาวด์ ไม่ใช่หมาฉลาด แต่มันใจเย็นมากและอยู่ร่วมกับคนได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าการนั่งให้มัน “นั่ง” อาจจะยากไปสักหน่อย แต่หมาสายพันธุ์นี้ก็เหมาะกับคนที่กำลังมองหาหมาที่มีพฤติกรรมที่เรียบร้อยนุ่มนวล



2. บีเกิล (Beagle)
บีเกิล (Beagle) เป็นหมาที่น่ารักน่ากอด แต่มันก็สามารถทำให้คุณหมดเรี่ยวหมดแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณพยายามจะสั่งสอนให้มันทำตามคำสั่ง อันที่จริงแล้วบีเกิลไม่ได้โง่เลย เพียงแต่มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งทำให้การฝึกมันนั้นยากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ บีเกิลเป็นหมาที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มันสามารถเข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และหมาพันธุ์อื่น แต่เข้ากันไม่ได้เลยกับแมว...



3. มาสทิฟฟ์ (Mastiff)
หมาตัวใหญ่จำเป็นต้องมีสมองขนาดใหญ่ด้วยหรือไม่? ไม่เสมอไป มาสทิฟฟ์ (Mastiff) คือ หมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหมาที่ดื้อเอามากๆ มาสทิฟฟ์สามารถมีน้ำหนักได้ถึง 58-60 กิโลกรัม แม้ว่ามันสามารถทำหน้าที่เป็นหมาผู้พิทักษ์ได้เป็นอย่างดี การฝึกมาสทิฟฟ์ก็จำเป็นต้องทำในเรื่องบางอย่างที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้มันรับคำสั่งได้ ถ้าหากคุณอยากจะฝึกมาสทิฟฟ์ คุณก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการฝึกหมาอยู่บ้าง คุณต้องพูดกับมันเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เพราะว่าเจ้าหมายักษ์ตัวนี้อ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการฝึกมาสทิฟฟ์ก็คือ ระยะเวลาในการฝึกแต่ละครั้งนั้นต้องสั้นและสนุกสนาน



4. ปักกิ่ง (Pekingese)
ปักกิ่ง (Pekingese) เป็นหมาอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ฝึกได้ยากมาก มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักอิสระ และชอบแสดงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง การฝึกปักกิ่งไม่ต่างอะไรกับการสั่งสอนเด็กที่ดื้อมากๆ คนหนึ่ง การจะฝึกหมาพันธุ์นี้ให้สำเร็จคุณต้องมั่นคงและมีความสม่ำเสมอมากๆ และแม้ว่ามันจะจัดอยู่ในกลุ่มหมาที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แต่ปักกิ่งเป็นหมาเฝ้ายามที่ยอดเยี่ยม พวกมันภักดีต่อเจ้าของเป็นมาก แต่ก็ดื้อมากเช่นกัน



5. บลัดฮาวด์ (Bloodhound)
บลัดฮาวด์ (Bloodhound) เป็นหมาที่ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการดมกลิ่น มันสามารถตามรอยกลิ่นได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าต้นกลิ่นจะหายไปแล้วนานหลายร้อยชั่วโมง การฝึกบลัดฮาวด์จะต้องมั่งคง หนักแน่น และใช้ความอดทนสูงเป็นอย่างยิ่ง พวกมันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองและหัวแข็ง ดังนั้นแม้ว่ามันจะสามารถตามรอยกลิ่นได้เป็นอย่างดี แต่มันก็อาจจะไม่ตามคำสั่งของคุณเท่าไรนัก



6. บอร์ซอย (Borzoi)
หากคุณเคยเลี้ยงแมวมาก่อน คุณจะสามารถเข้าใจบอร์ซอย (Borzoi) ได้ดี หมาพันธุ์นี้นิสัยเหมือนแมวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง และความคิดอันแสนอิสระเสรีของมัน หมาพันธุ์นี้ไม่เป็นที่นิยมนัก แต่คนที่เลี้ยงก็มีความสุขกับความน่าเอ็นดูที่มันมอบให้ บอร์ซอยเป็นหมาที่ติดสตันท์บ่อยมาก และโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นห่วงตัวเองมากกว่าเจ้านาย เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะได้เห็นหมาพันธุ์นี้เลียขนทำความสะอาดตัวเอง การฝึกบอร์ซอยจำเป็นต้องใช้เวลาที่ยาวนานและพรที่ประทานจากสวรรค์ และแม้ว่ามันจะฝึกการรับคำสั่งได้ยากมาก บอร์ซอยก็เป็นหมาที่มีความภักดีสูง และน่ารักน่าเอ็นดู



7. เชา เชา (Chow Chow)
เชา เชา (Chow Chow) เป็นหมาอีกพันธุ์หนึ่งที่มีนิสัยเหมือนแมว มันเป็นหมาที่ชอบเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะกับคนหน้าใหม่ที่มาเยี่ยมบ้าน มันเป็นหมาขี้อิจฉาและต้องการเป็นศูนย์กลางของความสนใจจากทุกคน เจ้าของเชาเชาจะต้องหนักแน่นและมีความมุ่งมั่นสูง หมาพันธุ์นี้ชอบแสดงอำนาจและสามารถกดขี่เจ้าของได้ ถ้าหากว่าเจ้าของจิตใจไม่หนักแน่นพอ และจริงๆ แล้วเชาเชาไม่ได้โง่ แต่มันเป็นหมาที่ฝึกได้ยากมากๆ เพราะบุคลิกและนิสัยตามธรรมชาติของมันเอง ซึ่งคุณต้องไม่ลืมว่า ดื้อ ไม่ได้แปลว่าโง่



8. บูลด็อก (Bulldog)
บูลด็อก (Bulldog) เป็นหมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่อ่อนโยนและน่ารักที่สุดที่คุณจะสามารถพบได้ มันเป็นหมาที่กล้าหาญ และมีความคิดเป็นของตัวเอง การฝึกบูลด็อกจำเป็นต้องใช้เวลาและความอดทน มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าหน้าตาของบูลด็อกอาจจะไม่ได้สวยงามในสายตาของใครหลายคน มันก็เป็นหมาที่น่ารักน่าเอ็นดูที่ต้องการเวลาจากคุณเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเวลาสำหรับฝึกมัน



9. บาเซ็นจิ (Basenji)
บาเซ็นจิ (Basenji) เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักนัก แต่มันเป็นหมาที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง บางครั้งเสียงของมันก็เหมือนกับเสียงของคน โดยเฉพาะเสียงหัวเราะหรือร้องไห้ หมาเป็นนี้ก็เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีนิสัยเหมือนแมว มันสามารถใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ หมดไปกับการเลียแต่งขน เหมือนแมว หลังจากนั้นก็นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนแมว  บาเซนจิเป็นหมาเจ้าอารมณ์และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การฝึกหมาพันธุ์นี้ไม่ง่ายเลย



10. อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound)
อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound) เป็นหมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก พวกมันอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ และนิสัยของมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก พวกมันเป็นหมาขี้อ้อนที่ชอบอยู่กับเจ้านาย มันเป็นหมาที่ขี้ตกใจและไม่มีการแสดงอำนาจอะไรนัก แต่แม้ว่ามันจะไม่ได้พยายามแย่งอำนาจคุณ อัฟกัน ฮาวนด์ก็เป็นหมาที่มีความเชื่อฟังต่ำมาก มันมีนิสัยเหมือนแมว และชอบทำตามใจตัวเองมากกว่าจะเชื่อฟังเจ้านาย

4580
10 สายพันธุ์หมาที่ฝึกได้ยากที่สุดในโลก
     ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการหมาฉลาด การเป็นหมาโง่ไม่ผิด การเลี้ยงหมาโง่ยิ่งไม่ผิด มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากหมาตัวนั้นด้วย ถ้าคุณกำลังมองหาหมาที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนนั่งเล่นกับคุณตลอดทั้งวัน ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้มันฉลาดน้อยหน่อยจะเป็นไรไป เพราะบางครั้งพฤติกรรมโง่ๆ ของพวกมันก็สามารถทำให้เรายิ้มออกมาได้ แต่ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาหมาที่สามารถช่วยงานคุณได้ เช่น ช่วยต้อนสัตว์ คุณก็จะต้องการหมาที่ฉลาดและเชื่อฟังคำสั่งสักหน่อย และอาจจะอยากเลี่ยงสายพันธุ์ต่อไปนี้ เพราะคุณอาจจะต้องประสาทเสียเป็นอย่างมาก กว่าจะฝึกให้มันมาช่วยคุณทำงานได้จริงๆ



1. บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound)
บาสเซ็ต ฮาวด์ (Basset Hound) มีหน้าตาที่ดูง่วงตลอดเวลากับหูที่ยาวลากพื้น หมาพันธุ์นี้มีประสาทการดมกลิ่นที่ฉับไว และสามารถจับกลิ่นที่หมาส่วนใหญ่จับไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นหมาที่ฉลาดน้อย แต่มันก็เป็นหมาที่อ่อนโยนมากและรักเจ้านายของมันเป็นอย่างยิ่ง บาสเซ็ต ฮาวด์ ไม่ใช่หมาฉลาด แต่มันใจเย็นมากและอยู่ร่วมกับคนได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าการนั่งให้มัน “นั่ง” อาจจะยากไปสักหน่อย แต่หมาสายพันธุ์นี้ก็เหมาะกับคนที่กำลังมองหาหมาที่มีพฤติกรรมที่เรียบร้อยนุ่มนวล



2. บีเกิล (Beagle)
บีเกิล (Beagle) เป็นหมาที่น่ารักน่ากอด แต่มันก็สามารถทำให้คุณหมดเรี่ยวหมดแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณพยายามจะสั่งสอนให้มันทำตามคำสั่ง อันที่จริงแล้วบีเกิลไม่ได้โง่เลย เพียงแต่มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งทำให้การฝึกมันนั้นยากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ บีเกิลเป็นหมาที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มันสามารถเข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และหมาพันธุ์อื่น แต่เข้ากันไม่ได้เลยกับแมว...



3. มาสทิฟฟ์ (Mastiff)
หมาตัวใหญ่จำเป็นต้องมีสมองขนาดใหญ่ด้วยหรือไม่? ไม่เสมอไป มาสทิฟฟ์ (Mastiff) คือ หมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหมาที่ดื้อเอามากๆ มาสทิฟฟ์สามารถมีน้ำหนักได้ถึง 58-60 กิโลกรัม แม้ว่ามันสามารถทำหน้าที่เป็นหมาผู้พิทักษ์ได้เป็นอย่างดี การฝึกมาสทิฟฟ์ก็จำเป็นต้องทำในเรื่องบางอย่างที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้มันรับคำสั่งได้ ถ้าหากคุณอยากจะฝึกมาสทิฟฟ์ คุณก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการฝึกหมาอยู่บ้าง คุณต้องพูดกับมันเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เพราะว่าเจ้าหมายักษ์ตัวนี้อ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการฝึกมาสทิฟฟ์ก็คือ ระยะเวลาในการฝึกแต่ละครั้งนั้นต้องสั้นและสนุกสนาน



4. ปักกิ่ง (Pekingese)
ปักกิ่ง (Pekingese) เป็นหมาอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ฝึกได้ยากมาก มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักอิสระ และชอบแสดงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง การฝึกปักกิ่งไม่ต่างอะไรกับการสั่งสอนเด็กที่ดื้อมากๆ คนหนึ่ง การจะฝึกหมาพันธุ์นี้ให้สำเร็จคุณต้องมั่นคงและมีความสม่ำเสมอมากๆ และแม้ว่ามันจะจัดอยู่ในกลุ่มหมาที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แต่ปักกิ่งเป็นหมาเฝ้ายามที่ยอดเยี่ยม พวกมันภักดีต่อเจ้าของเป็นมาก แต่ก็ดื้อมากเช่นกัน



5. บลัดฮาวด์ (Bloodhound)
บลัดฮาวด์ (Bloodhound) เป็นหมาที่ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการดมกลิ่น มันสามารถตามรอยกลิ่นได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าต้นกลิ่นจะหายไปแล้วนานหลายร้อยชั่วโมง การฝึกบลัดฮาวด์จะต้องมั่งคง หนักแน่น และใช้ความอดทนสูงเป็นอย่างยิ่ง พวกมันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองและหัวแข็ง ดังนั้นแม้ว่ามันจะสามารถตามรอยกลิ่นได้เป็นอย่างดี แต่มันก็อาจจะไม่ตามคำสั่งของคุณเท่าไรนัก



6. บอร์ซอย (Borzoi)
หากคุณเคยเลี้ยงแมวมาก่อน คุณจะสามารถเข้าใจบอร์ซอย (Borzoi) ได้ดี หมาพันธุ์นี้นิสัยเหมือนแมวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง และความคิดอันแสนอิสระเสรีของมัน หมาพันธุ์นี้ไม่เป็นที่นิยมนัก แต่คนที่เลี้ยงก็มีความสุขกับความน่าเอ็นดูที่มันมอบให้ บอร์ซอยเป็นหมาที่ติดสตันท์บ่อยมาก และโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นห่วงตัวเองมากกว่าเจ้านาย เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะได้เห็นหมาพันธุ์นี้เลียขนทำความสะอาดตัวเอง การฝึกบอร์ซอยจำเป็นต้องใช้เวลาที่ยาวนานและพรที่ประทานจากสวรรค์ และแม้ว่ามันจะฝึกการรับคำสั่งได้ยากมาก บอร์ซอยก็เป็นหมาที่มีความภักดีสูง และน่ารักน่าเอ็นดู



7. เชา เชา (Chow Chow)
เชา เชา (Chow Chow) เป็นหมาอีกพันธุ์หนึ่งที่มีนิสัยเหมือนแมว มันเป็นหมาที่ชอบเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะกับคนหน้าใหม่ที่มาเยี่ยมบ้าน มันเป็นหมาขี้อิจฉาและต้องการเป็นศูนย์กลางของความสนใจจากทุกคน เจ้าของเชาเชาจะต้องหนักแน่นและมีความมุ่งมั่นสูง หมาพันธุ์นี้ชอบแสดงอำนาจและสามารถกดขี่เจ้าของได้ ถ้าหากว่าเจ้าของจิตใจไม่หนักแน่นพอ และจริงๆ แล้วเชาเชาไม่ได้โง่ แต่มันเป็นหมาที่ฝึกได้ยากมากๆ เพราะบุคลิกและนิสัยตามธรรมชาติของมันเอง ซึ่งคุณต้องไม่ลืมว่า ดื้อ ไม่ได้แปลว่าโง่



8. บูลด็อก (Bulldog)
บูลด็อก (Bulldog) เป็นหมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่อ่อนโยนและน่ารักที่สุดที่คุณจะสามารถพบได้ มันเป็นหมาที่กล้าหาญ และมีความคิดเป็นของตัวเอง การฝึกบูลด็อกจำเป็นต้องใช้เวลาและความอดทน มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าหน้าตาของบูลด็อกอาจจะไม่ได้สวยงามในสายตาของใครหลายคน มันก็เป็นหมาที่น่ารักน่าเอ็นดูที่ต้องการเวลาจากคุณเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเวลาสำหรับฝึกมัน



9. บาเซ็นจิ (Basenji)
บาเซ็นจิ (Basenji) เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักนัก แต่มันเป็นหมาที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง บางครั้งเสียงของมันก็เหมือนกับเสียงของคน โดยเฉพาะเสียงหัวเราะหรือร้องไห้ หมาเป็นนี้ก็เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีนิสัยเหมือนแมว มันสามารถใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ หมดไปกับการเลียแต่งขน เหมือนแมว หลังจากนั้นก็นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนแมว  บาเซนจิเป็นหมาเจ้าอารมณ์และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การฝึกหมาพันธุ์นี้ไม่ง่ายเลย



10. อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound)
อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound) เป็นหมาหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก พวกมันอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ และนิสัยของมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก พวกมันเป็นหมาขี้อ้อนที่ชอบอยู่กับเจ้านาย มันเป็นหมาที่ขี้ตกใจและไม่มีการแสดงอำนาจอะไรนัก แต่แม้ว่ามันจะไม่ได้พยายามแย่งอำนาจคุณ อัฟกัน ฮาวนด์ก็เป็นหมาที่มีความเชื่อฟังต่ำมาก มันมีนิสัยเหมือนแมว และชอบทำตามใจตัวเองมากกว่าจะเชื่อฟังเจ้านาย

4581
ให้ทายว่านี่คือสุนัขจิ้งจอกหรือสายพันธุ์อะไร

     ถ้าคุณคิดว่าน้องหมาที่น่ารักตัวนี้เป็นสุนัขจิ้งจอก ให้คุณคิดอีกครั้ง หรือมันเป็นมอนสเตอร์ประเภทไฟใน Pokémon เง้อไปกันใหญ่ หรือเป็นหมาป่า จากไอคอน Mozilla Firefox มั่วกันไปใหญ่แล้ว กลับมาความจริงมันคือ Pomsky นั่นเอง หรือใครยังไม่รู้ลองกลับไปอ่านกรุทู้ก่อนได้ค่ะ [url=https://www.marketdogs.com/b2/pomskies/]Pomsky[/url]  มันมีชื่อเรียกว่า Mya และมันก็อาจจะเป็นสุนัขที่น่ารักที่สุดที่เราเคยเห็นมา

     หากคุณยังคงสงสัยว่า Pomsky คืออะไร มันคือการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างไซบีเรียนฮัสกี้ กับ ปอมเมอเรเนียน Mya ปรากฏตัวครั้งแรกโดยมีคนโพสรูปบน Reddit และผู้คนต่างหลงรักกับดวงตาสีฟ้าของมัน และสีสันที่สดใสของมันที่เหมือนจิ้งจอก
Mya อาศัยอยู่กับ Dave LASIO ในเซาท์ฟลอริดา ทุกคนสามารถติดตาม  Mya ได้ที่ Instagram@ myathepomsky













4582
ให้ทายว่านี่คือสุนัขจิ้งจอกหรือสายพันธุ์อะไร

     ถ้าคุณคิดว่าน้องหมาที่น่ารักตัวนี้เป็นสุนัขจิ้งจอก ให้คุณคิดอีกครั้ง หรือมันเป็นมอนสเตอร์ประเภทไฟใน Pokémon เง้อไปกันใหญ่ หรือเป็นหมาป่า จากไอคอน Mozilla Firefox มั่วกันไปใหญ่แล้ว กลับมาความจริงมันคือ Pomsky นั่นเอง หรือใครยังไม่รู้ลองกลับไปอ่านกรุทู้ก่อนได้ค่ะ [url=https://www.marketdogs.com/b2/pomskies/]Pomsky[/url]  มันมีชื่อเรียกว่า Mya และมันก็อาจจะเป็นสุนัขที่น่ารักที่สุดที่เราเคยเห็นมา

     หากคุณยังคงสงสัยว่า Pomsky คืออะไร มันคือการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างไซบีเรียนฮัสกี้ กับ ปอมเมอเรเนียน Mya ปรากฏตัวครั้งแรกโดยมีคนโพสรูปบน Reddit และผู้คนต่างหลงรักกับดวงตาสีฟ้าของมัน และสีสันที่สดใสของมันที่เหมือนจิ้งจอก
Mya อาศัยอยู่กับ Dave LASIO ในเซาท์ฟลอริดา ทุกคนสามารถติดตาม  Mya ได้ที่ Instagram@ myathepomsky













4583
ให้ทายว่านี่คือสุนัขจิ้งจอกหรือสายพันธุ์อะไร

     ถ้าคุณคิดว่าน้องหมาที่น่ารักตัวนี้เป็นสุนัขจิ้งจอก ให้คุณคิดอีกครั้ง หรือมันเป็นมอนสเตอร์ประเภทไฟใน Pokémon เง้อไปกันใหญ่ หรือเป็นหมาป่า จากไอคอน Mozilla Firefox มั่วกันไปใหญ่แล้ว กลับมาความจริงมันคือ Pomsky นั่นเอง หรือใครยังไม่รู้ลองกลับไปอ่านกรุทู้ก่อนได้ค่ะ [url=https://www.marketdogs.com/b2/pomskies/]Pomsky[/url]  มันมีชื่อเรียกว่า Mya และมันก็อาจจะเป็นสุนัขที่น่ารักที่สุดที่เราเคยเห็นมา

     หากคุณยังคงสงสัยว่า Pomsky คืออะไร มันคือการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างไซบีเรียนฮัสกี้ กับ ปอมเมอเรเนียน Mya ปรากฏตัวครั้งแรกโดยมีคนโพสรูปบน Reddit และผู้คนต่างหลงรักกับดวงตาสีฟ้าของมัน และสีสันที่สดใสของมันที่เหมือนจิ้งจอก
Mya อาศัยอยู่กับ Dave LASIO ในเซาท์ฟลอริดา ทุกคนสามารถติดตาม  Mya ได้ที่ Instagram@ myathepomsky













4584
ให้ทายว่านี่คือสุนัขจิ้งจอกหรือสายพันธุ์อะไร

     ถ้าคุณคิดว่าน้องหมาที่น่ารักตัวนี้เป็นสุนัขจิ้งจอก ให้คุณคิดอีกครั้ง หรือมันเป็นมอนสเตอร์ประเภทไฟใน Pokémon เง้อไปกันใหญ่ หรือเป็นหมาป่า จากไอคอน Mozilla Firefox มั่วกันไปใหญ่แล้ว กลับมาความจริงมันคือ Pomsky นั่นเอง หรือใครยังไม่รู้ลองกลับไปอ่านกรุทู้ก่อนได้ค่ะ [url=https://www.marketdogs.com/b2/pomskies/]Pomsky[/url]  มันมีชื่อเรียกว่า Mya และมันก็อาจจะเป็นสุนัขที่น่ารักที่สุดที่เราเคยเห็นมา

     หากคุณยังคงสงสัยว่า Pomsky คืออะไร มันคือการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างไซบีเรียนฮัสกี้ กับ ปอมเมอเรเนียน Mya ปรากฏตัวครั้งแรกโดยมีคนโพสรูปบน Reddit และผู้คนต่างหลงรักกับดวงตาสีฟ้าของมัน และสีสันที่สดใสของมันที่เหมือนจิ้งจอก
Mya อาศัยอยู่กับ Dave LASIO ในเซาท์ฟลอริดา ทุกคนสามารถติดตาม  Mya ได้ที่ Instagram@ myathepomsky













4585
วิธีฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
เมื่อมีการรับสมาชิกใหม่เข้าบ้าน การฝึกขับถ่ายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคุณตั้งใจจะให้หมาของคุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้านของคุณด้วยแล้ว อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นหมาที่โตแล้วหรือว่าลูกหมา ต่างก็มีโอกาสในการทำบ้านของคุณเลอะเทอะได้ทั้งนั้น และแม้ว่าเราจะสามารถฝึกหมาในเรื่องนี้ได้ การสอนให้หมาออกไปขับถ่ายนอกบ้านก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งความอดทนและเวลาเป็นอย่างมาก มากกว่าที่คุณจะทำใจเตรียมรับเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการฝึกนั้นทำโดยไม่มีการชี้นำที่ดี วันนี้เราจึงนำเทคนิคการฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางมาบอกกัน



การฝึกการขับถ่ายให้ลูกหมามีหลัก 4 อย่าง คือ

1. คุณต้องอยู่กับลูกหมาตลอดเวลาระหว่างช่วงฝึกการขับถ่าย
หากคุณไม่สามารถคอยดูแลสังเกตลูกหมาอย่างใกล้ชิดและจริงจังได้ คุณอาจจะเลือกใช้กรงหรือห้องน้ำช่วยในการฝึก

2. ให้รางวัลที่เหมาะสม และเป็นรางวัลที่ลูกหมาต้องการ
ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนม เนื่องจากหมาส่วนใหญ่มักไม่สนใจนัก หากรางวัลเป็นเพียงคำชมหรือการชวนเล่นเท่านั้น พกขนมติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อที่คุณจะได้สามารถให้รางวัลมันได้ในทันทีหลังจากที่มันทำธุระเสร็จแล้ว

3. พาลูกหมาออกไปอึทุกๆ 1 ชั่วโมง
การทำซ้ำๆ และทำอย่างสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ ยิ่งคุณสามารถให้รางวัลกับพฤติกรรมที่เหมาะสมได้บ่อยเท่าไร ลูกหมาของคุณก็จะเข้าใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น หากครั้งสุดท้ายที่ลูกหมาได้รับรางวัลจากการถ่ายได้ถูกที่คือเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ใช้ในการฝึกก็จะนานขึ้นไปอีก

4. อดทนให้มาก ทำอย่างสม่ำเสมอ และพยายามอย่าลงโทษ
การลงโทษหมาหลังจากเกิดความผิดพลาดขึ้น ไม่ได้สอนอะไรให้ลูกหมาเลยนอกจากความหวาดกลัว หากมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ให้ปล่อยผ่านไป และพยายามพาลูกหมาของคุณออกไปอึข้างนอกให้บ่อยขึ้นแทน



จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหมาต้องการเข้าห้องน้ำ
ลูกหมาต้องการไปเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าหมาที่โตเต็มที่แล้วมาก พวกมันมีกระเพาะปัสสาวะที่เล็กกว่า และไม่มีสัญชาตญาณในการอั้นฉี่/อึ หมาที่โตกว่ามักจะไปเข้าห้องน้ำหลังจากตื่นนอน 10-20 นาทีหลังกินอาหาร ดื่มน้ำ และเล่น และบางครั้งก็เมื่อออกไปข้างนอก อย่าเหมาเอาเองว่า หมาของคุณรู้ว่าควรทำธุระให้เรียบร้อยเมื่อมันอยู่นอกบ้าน จนกว่ามันจะเรียนรู้เรื่องนี้แล้วจริงๆ



ในการฝึกขับถ่าย ถ้าเป็นหมาที่โตแล้ว คุณอาจต้องพามันออกไปข้างนอกทุกๆ 2 ชั่วโมง ขณะที่สำหรับลูกหมานั้น คุณต้องพามันออกไปทุก 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันความผิดพลาด สัญญาณเตือนช่วงแรกที่บอกว่าหมาปวดฉี่หรือปวดอึก็คือ การเดินดมพื้นวนเป็นวงกลม การจะรู้ได้ว่าหมาอยากไปเข้าห้องตอนไหนจะง่ายกว่ามาก หากคุณสังเกตมันอย่างใกล้ชิด หรือเมื่อหมาอยู่กับคุณตลอดเวลานั่นเอง

4586
วิธีฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
เมื่อมีการรับสมาชิกใหม่เข้าบ้าน การฝึกขับถ่ายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคุณตั้งใจจะให้หมาของคุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้านของคุณด้วยแล้ว อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นหมาที่โตแล้วหรือว่าลูกหมา ต่างก็มีโอกาสในการทำบ้านของคุณเลอะเทอะได้ทั้งนั้น และแม้ว่าเราจะสามารถฝึกหมาในเรื่องนี้ได้ การสอนให้หมาออกไปขับถ่ายนอกบ้านก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งความอดทนและเวลาเป็นอย่างมาก มากกว่าที่คุณจะทำใจเตรียมรับเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการฝึกนั้นทำโดยไม่มีการชี้นำที่ดี วันนี้เราจึงนำเทคนิคการฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางมาบอกกัน



การฝึกการขับถ่ายให้ลูกหมามีหลัก 4 อย่าง คือ

1. คุณต้องอยู่กับลูกหมาตลอดเวลาระหว่างช่วงฝึกการขับถ่าย
หากคุณไม่สามารถคอยดูแลสังเกตลูกหมาอย่างใกล้ชิดและจริงจังได้ คุณอาจจะเลือกใช้กรงหรือห้องน้ำช่วยในการฝึก

2. ให้รางวัลที่เหมาะสม และเป็นรางวัลที่ลูกหมาต้องการ
ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนม เนื่องจากหมาส่วนใหญ่มักไม่สนใจนัก หากรางวัลเป็นเพียงคำชมหรือการชวนเล่นเท่านั้น พกขนมติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อที่คุณจะได้สามารถให้รางวัลมันได้ในทันทีหลังจากที่มันทำธุระเสร็จแล้ว

3. พาลูกหมาออกไปอึทุกๆ 1 ชั่วโมง
การทำซ้ำๆ และทำอย่างสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ ยิ่งคุณสามารถให้รางวัลกับพฤติกรรมที่เหมาะสมได้บ่อยเท่าไร ลูกหมาของคุณก็จะเข้าใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น หากครั้งสุดท้ายที่ลูกหมาได้รับรางวัลจากการถ่ายได้ถูกที่คือเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ใช้ในการฝึกก็จะนานขึ้นไปอีก

4. อดทนให้มาก ทำอย่างสม่ำเสมอ และพยายามอย่าลงโทษ
การลงโทษหมาหลังจากเกิดความผิดพลาดขึ้น ไม่ได้สอนอะไรให้ลูกหมาเลยนอกจากความหวาดกลัว หากมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ให้ปล่อยผ่านไป และพยายามพาลูกหมาของคุณออกไปอึข้างนอกให้บ่อยขึ้นแทน



จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหมาต้องการเข้าห้องน้ำ
ลูกหมาต้องการไปเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าหมาที่โตเต็มที่แล้วมาก พวกมันมีกระเพาะปัสสาวะที่เล็กกว่า และไม่มีสัญชาตญาณในการอั้นฉี่/อึ หมาที่โตกว่ามักจะไปเข้าห้องน้ำหลังจากตื่นนอน 10-20 นาทีหลังกินอาหาร ดื่มน้ำ และเล่น และบางครั้งก็เมื่อออกไปข้างนอก อย่าเหมาเอาเองว่า หมาของคุณรู้ว่าควรทำธุระให้เรียบร้อยเมื่อมันอยู่นอกบ้าน จนกว่ามันจะเรียนรู้เรื่องนี้แล้วจริงๆ



ในการฝึกขับถ่าย ถ้าเป็นหมาที่โตแล้ว คุณอาจต้องพามันออกไปข้างนอกทุกๆ 2 ชั่วโมง ขณะที่สำหรับลูกหมานั้น คุณต้องพามันออกไปทุก 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันความผิดพลาด สัญญาณเตือนช่วงแรกที่บอกว่าหมาปวดฉี่หรือปวดอึก็คือ การเดินดมพื้นวนเป็นวงกลม การจะรู้ได้ว่าหมาอยากไปเข้าห้องตอนไหนจะง่ายกว่ามาก หากคุณสังเกตมันอย่างใกล้ชิด หรือเมื่อหมาอยู่กับคุณตลอดเวลานั่นเอง

4587
วิธีฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
เมื่อมีการรับสมาชิกใหม่เข้าบ้าน การฝึกขับถ่ายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคุณตั้งใจจะให้หมาของคุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้านของคุณด้วยแล้ว อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นหมาที่โตแล้วหรือว่าลูกหมา ต่างก็มีโอกาสในการทำบ้านของคุณเลอะเทอะได้ทั้งนั้น และแม้ว่าเราจะสามารถฝึกหมาในเรื่องนี้ได้ การสอนให้หมาออกไปขับถ่ายนอกบ้านก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งความอดทนและเวลาเป็นอย่างมาก มากกว่าที่คุณจะทำใจเตรียมรับเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการฝึกนั้นทำโดยไม่มีการชี้นำที่ดี วันนี้เราจึงนำเทคนิคการฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางมาบอกกัน



การฝึกการขับถ่ายให้ลูกหมามีหลัก 4 อย่าง คือ

1. คุณต้องอยู่กับลูกหมาตลอดเวลาระหว่างช่วงฝึกการขับถ่าย
หากคุณไม่สามารถคอยดูแลสังเกตลูกหมาอย่างใกล้ชิดและจริงจังได้ คุณอาจจะเลือกใช้กรงหรือห้องน้ำช่วยในการฝึก

2. ให้รางวัลที่เหมาะสม และเป็นรางวัลที่ลูกหมาต้องการ
ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนม เนื่องจากหมาส่วนใหญ่มักไม่สนใจนัก หากรางวัลเป็นเพียงคำชมหรือการชวนเล่นเท่านั้น พกขนมติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อที่คุณจะได้สามารถให้รางวัลมันได้ในทันทีหลังจากที่มันทำธุระเสร็จแล้ว

3. พาลูกหมาออกไปอึทุกๆ 1 ชั่วโมง
การทำซ้ำๆ และทำอย่างสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ ยิ่งคุณสามารถให้รางวัลกับพฤติกรรมที่เหมาะสมได้บ่อยเท่าไร ลูกหมาของคุณก็จะเข้าใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น หากครั้งสุดท้ายที่ลูกหมาได้รับรางวัลจากการถ่ายได้ถูกที่คือเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ใช้ในการฝึกก็จะนานขึ้นไปอีก

4. อดทนให้มาก ทำอย่างสม่ำเสมอ และพยายามอย่าลงโทษ
การลงโทษหมาหลังจากเกิดความผิดพลาดขึ้น ไม่ได้สอนอะไรให้ลูกหมาเลยนอกจากความหวาดกลัว หากมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ให้ปล่อยผ่านไป และพยายามพาลูกหมาของคุณออกไปอึข้างนอกให้บ่อยขึ้นแทน



จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหมาต้องการเข้าห้องน้ำ
ลูกหมาต้องการไปเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าหมาที่โตเต็มที่แล้วมาก พวกมันมีกระเพาะปัสสาวะที่เล็กกว่า และไม่มีสัญชาตญาณในการอั้นฉี่/อึ หมาที่โตกว่ามักจะไปเข้าห้องน้ำหลังจากตื่นนอน 10-20 นาทีหลังกินอาหาร ดื่มน้ำ และเล่น และบางครั้งก็เมื่อออกไปข้างนอก อย่าเหมาเอาเองว่า หมาของคุณรู้ว่าควรทำธุระให้เรียบร้อยเมื่อมันอยู่นอกบ้าน จนกว่ามันจะเรียนรู้เรื่องนี้แล้วจริงๆ



ในการฝึกขับถ่าย ถ้าเป็นหมาที่โตแล้ว คุณอาจต้องพามันออกไปข้างนอกทุกๆ 2 ชั่วโมง ขณะที่สำหรับลูกหมานั้น คุณต้องพามันออกไปทุก 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันความผิดพลาด สัญญาณเตือนช่วงแรกที่บอกว่าหมาปวดฉี่หรือปวดอึก็คือ การเดินดมพื้นวนเป็นวงกลม การจะรู้ได้ว่าหมาอยากไปเข้าห้องตอนไหนจะง่ายกว่ามาก หากคุณสังเกตมันอย่างใกล้ชิด หรือเมื่อหมาอยู่กับคุณตลอดเวลานั่นเอง

4588
วิธีฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
เมื่อมีการรับสมาชิกใหม่เข้าบ้าน การฝึกขับถ่ายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคุณตั้งใจจะให้หมาของคุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้านของคุณด้วยแล้ว อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นหมาที่โตแล้วหรือว่าลูกหมา ต่างก็มีโอกาสในการทำบ้านของคุณเลอะเทอะได้ทั้งนั้น และแม้ว่าเราจะสามารถฝึกหมาในเรื่องนี้ได้ การสอนให้หมาออกไปขับถ่ายนอกบ้านก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งความอดทนและเวลาเป็นอย่างมาก มากกว่าที่คุณจะทำใจเตรียมรับเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการฝึกนั้นทำโดยไม่มีการชี้นำที่ดี วันนี้เราจึงนำเทคนิคการฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางมาบอกกัน



การฝึกการขับถ่ายให้ลูกหมามีหลัก 4 อย่าง คือ

1. คุณต้องอยู่กับลูกหมาตลอดเวลาระหว่างช่วงฝึกการขับถ่าย
หากคุณไม่สามารถคอยดูแลสังเกตลูกหมาอย่างใกล้ชิดและจริงจังได้ คุณอาจจะเลือกใช้กรงหรือห้องน้ำช่วยในการฝึก

2. ให้รางวัลที่เหมาะสม และเป็นรางวัลที่ลูกหมาต้องการ
ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนม เนื่องจากหมาส่วนใหญ่มักไม่สนใจนัก หากรางวัลเป็นเพียงคำชมหรือการชวนเล่นเท่านั้น พกขนมติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อที่คุณจะได้สามารถให้รางวัลมันได้ในทันทีหลังจากที่มันทำธุระเสร็จแล้ว

3. พาลูกหมาออกไปอึทุกๆ 1 ชั่วโมง
การทำซ้ำๆ และทำอย่างสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ ยิ่งคุณสามารถให้รางวัลกับพฤติกรรมที่เหมาะสมได้บ่อยเท่าไร ลูกหมาของคุณก็จะเข้าใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น หากครั้งสุดท้ายที่ลูกหมาได้รับรางวัลจากการถ่ายได้ถูกที่คือเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ใช้ในการฝึกก็จะนานขึ้นไปอีก

4. อดทนให้มาก ทำอย่างสม่ำเสมอ และพยายามอย่าลงโทษ
การลงโทษหมาหลังจากเกิดความผิดพลาดขึ้น ไม่ได้สอนอะไรให้ลูกหมาเลยนอกจากความหวาดกลัว หากมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ให้ปล่อยผ่านไป และพยายามพาลูกหมาของคุณออกไปอึข้างนอกให้บ่อยขึ้นแทน



จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหมาต้องการเข้าห้องน้ำ
ลูกหมาต้องการไปเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าหมาที่โตเต็มที่แล้วมาก พวกมันมีกระเพาะปัสสาวะที่เล็กกว่า และไม่มีสัญชาตญาณในการอั้นฉี่/อึ หมาที่โตกว่ามักจะไปเข้าห้องน้ำหลังจากตื่นนอน 10-20 นาทีหลังกินอาหาร ดื่มน้ำ และเล่น และบางครั้งก็เมื่อออกไปข้างนอก อย่าเหมาเอาเองว่า หมาของคุณรู้ว่าควรทำธุระให้เรียบร้อยเมื่อมันอยู่นอกบ้าน จนกว่ามันจะเรียนรู้เรื่องนี้แล้วจริงๆ



ในการฝึกขับถ่าย ถ้าเป็นหมาที่โตแล้ว คุณอาจต้องพามันออกไปข้างนอกทุกๆ 2 ชั่วโมง ขณะที่สำหรับลูกหมานั้น คุณต้องพามันออกไปทุก 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันความผิดพลาด สัญญาณเตือนช่วงแรกที่บอกว่าหมาปวดฉี่หรือปวดอึก็คือ การเดินดมพื้นวนเป็นวงกลม การจะรู้ได้ว่าหมาอยากไปเข้าห้องตอนไหนจะง่ายกว่ามาก หากคุณสังเกตมันอย่างใกล้ชิด หรือเมื่อหมาอยู่กับคุณตลอดเวลานั่นเอง

4589
รู้ได้อย่างไรว่าอาหารหมาที่ซื้อมาคุ้มค่าคุ้มราคา
การอยากประหยัดเงินไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร แต่การเปลี่ยนอาหารหมาไปใช้ยี่ห้อที่ราคาถูกลง แต่คุณภาพก็ด้อยลงด้วยนั้นสมเหตุสมผลแล้วหรือไม่ คำตอบคือ ไม่เลย หมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ และมันก็ควรจะได้รับในสิ่งที่ทำให้มันมีร่างกายแข็งแรงและอยู่กับคุณไปได้นานๆ ซึ่งนำไปสู่คำถามที่ว่า คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารที่หมาของคุณกินอยู่นั้น คุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่ายออกไปจริงๆ ซึ่งความคุ้มค่าที่ว่านี้คุณสามารถพิจารณาได้จาก


1. อาหารของหมาคุณมีสารอาหารควบถ้วนหรือไม่
     สัตว์ทุกชนิดต้องการน้ำ พลังงานจากโปรตีน ไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรด กรดไขมันที่สำคัญ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ อันที่จริงแล้ว ถ้าอาหารที่คุณให้หมากินอยู่มีสารอาหารต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสม มันก็ควรจะมีสารอาหารที่ครบถ้วน

     แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ สารอาหารที่หมาของคุณได้รับยังต้องมีความสมดุลอีกด้วย สารอาหารที่สมดุลมีความสำคัญต่อระบบเผาผลาญพลังงาน หากร่างกายคุณได้รับคาร์โบไฮเดรดน้อย ได้รับโปรตีนมาก โปรตีนบางส่วนก็จะถูกใช้ในการสร้างกลูโคสเพื่อนำมาเป็นพลังงาน ความสมดุลแบบนี้เองที่ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสมดุลเรื่องอาหารที่หมาของคุณควรได้รับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสารอาหารในสัตว์เลี้ยงมาเป็นผู้เลือกส่วนผสมอาหารอย่างระมัดระวัง
 


2. อาหารของหมาคุณคิดค้นสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสารอาหารสำหรับสัตว์หรือไม่
     การคิดค้นสูตรอาหารที่หมาของคุณกินไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ผลิตอาหารหมาที่มีคุณภาพจะจ้างผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะมาทำงาน เพื่อให้ส่วนผสมหลักของอาหารได้อย่างเหมาะสมและมีความสมดุล ซึ่งส่วนผสมหลักที่ว่านี้อาจมีได้ถึง 50 ชนิดเลยทีเดียว นอกจากนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญยังต้องดูแลเรื่องสารอาหารเสริมและแร่ธาตุที่ช่วยให้หมาของคุณมีสุขภาพที่ดีด้วย



3. อาหารของหมาคุณผ่านการทดลองให้อาหารหรือเปล่า
     การทดลองให้อาหารคือมาตรฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของการผลิตอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง อาหารที่ผ่านการตรวจสอบในขั้นตอนนี้จะถูกนำไปให้สัตว์เลี้ยงกินตามกระบวนการขั้นตอนและเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้อย่างเข้มงวด เพื่อดูว่าอาหารแต่ละชนิดนั้นให้สารอาหารต่อสัตว์เลี้ยงของคุณอย่างเหมาะสมหรือไม่

4. อาหารของหมาคุณผลิตด้วยขั้นตอนที่มีการควบคุมมาตรฐานอย่างเข้มงวดหรือเปล่า
     คุณภาพและความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญสำหรับผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง บางบริษัทอาจจะมีความเข้มงวดในเรื่องนี้มากกว่าบริษัทอื่นๆ เช่น อาหารหมาที่ผลิตในโรงงานอาจถูกเก็บไว้จนกว่าจะมีการยืนยันผลการทดสอบคุณภาพ แล้วจึงค่อยส่งอาหารเหล่านี้ออกไปวางจำหน่าย
 


5. อาหารของหมาคุณเหมาะกับหมาของคุณหรือไม่
     ความเหมาะสมที่ว่านี้หมายถึงอายุ สายพันธุ์ กิจกรรมที่ทำ น้ำหนัก และสภาวะสุขภาพของหมาของคุณ การให้อาหารที่ไม่เหมาะสมกับหมาของคุณอาจให้ผลเสียมากกว่าผลดี เช่น อาหารหมาที่เหมาะสำหรับหมา “ทุกช่วงอายุ” แม้ว่าจะผ่านมาตรฐานการผลิตเป็นอย่างดี แต่ถ้าให้หมาที่โตเต็มที่หรือหมาแก่กิน พวกมันก็อาจจะได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินไป และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน

     ความหลากหลายของอาหารหมาที่วางขายในปัจจุบันอาจทำให้คุณสับสนงุนงงได้ คุณอาจจะลองสุ่มเลือกอาหารหมาสัก 2-3 แบบแล้วนำไปปรึกษาสัตวแพทย์ ซึ่งสามารถช่วยบอกได้ว่าอาหารที่คุณเลือกมานั้น เหมาะสำหรับหมาของคุณหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณไม่ควรลืมก็คือ การให้ความสำคัญกับคุณภาพของอาหารหมาตั้งแต่แรก จะสามารถช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตได้มากทีเดียว


4590
รู้ได้อย่างไรว่าอาหารหมาที่ซื้อมาคุ้มค่าคุ้มราคา
การอยากประหยัดเงินไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร แต่การเปลี่ยนอาหารหมาไปใช้ยี่ห้อที่ราคาถูกลง แต่คุณภาพก็ด้อยลงด้วยนั้นสมเหตุสมผลแล้วหรือไม่ คำตอบคือ ไม่เลย หมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ และมันก็ควรจะได้รับในสิ่งที่ทำให้มันมีร่างกายแข็งแรงและอยู่กับคุณไปได้นานๆ ซึ่งนำไปสู่คำถามที่ว่า คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารที่หมาของคุณกินอยู่นั้น คุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่ายออกไปจริงๆ ซึ่งความคุ้มค่าที่ว่านี้คุณสามารถพิจารณาได้จาก


1. อาหารของหมาคุณมีสารอาหารควบถ้วนหรือไม่
     สัตว์ทุกชนิดต้องการน้ำ พลังงานจากโปรตีน ไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรด กรดไขมันที่สำคัญ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ อันที่จริงแล้ว ถ้าอาหารที่คุณให้หมากินอยู่มีสารอาหารต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสม มันก็ควรจะมีสารอาหารที่ครบถ้วน

     แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ สารอาหารที่หมาของคุณได้รับยังต้องมีความสมดุลอีกด้วย สารอาหารที่สมดุลมีความสำคัญต่อระบบเผาผลาญพลังงาน หากร่างกายคุณได้รับคาร์โบไฮเดรดน้อย ได้รับโปรตีนมาก โปรตีนบางส่วนก็จะถูกใช้ในการสร้างกลูโคสเพื่อนำมาเป็นพลังงาน ความสมดุลแบบนี้เองที่ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสมดุลเรื่องอาหารที่หมาของคุณควรได้รับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสารอาหารในสัตว์เลี้ยงมาเป็นผู้เลือกส่วนผสมอาหารอย่างระมัดระวัง
 


2. อาหารของหมาคุณคิดค้นสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสารอาหารสำหรับสัตว์หรือไม่
     การคิดค้นสูตรอาหารที่หมาของคุณกินไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ผลิตอาหารหมาที่มีคุณภาพจะจ้างผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะมาทำงาน เพื่อให้ส่วนผสมหลักของอาหารได้อย่างเหมาะสมและมีความสมดุล ซึ่งส่วนผสมหลักที่ว่านี้อาจมีได้ถึง 50 ชนิดเลยทีเดียว นอกจากนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญยังต้องดูแลเรื่องสารอาหารเสริมและแร่ธาตุที่ช่วยให้หมาของคุณมีสุขภาพที่ดีด้วย



3. อาหารของหมาคุณผ่านการทดลองให้อาหารหรือเปล่า
     การทดลองให้อาหารคือมาตรฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของการผลิตอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง อาหารที่ผ่านการตรวจสอบในขั้นตอนนี้จะถูกนำไปให้สัตว์เลี้ยงกินตามกระบวนการขั้นตอนและเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้อย่างเข้มงวด เพื่อดูว่าอาหารแต่ละชนิดนั้นให้สารอาหารต่อสัตว์เลี้ยงของคุณอย่างเหมาะสมหรือไม่

4. อาหารของหมาคุณผลิตด้วยขั้นตอนที่มีการควบคุมมาตรฐานอย่างเข้มงวดหรือเปล่า
     คุณภาพและความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญสำหรับผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง บางบริษัทอาจจะมีความเข้มงวดในเรื่องนี้มากกว่าบริษัทอื่นๆ เช่น อาหารหมาที่ผลิตในโรงงานอาจถูกเก็บไว้จนกว่าจะมีการยืนยันผลการทดสอบคุณภาพ แล้วจึงค่อยส่งอาหารเหล่านี้ออกไปวางจำหน่าย
 


5. อาหารของหมาคุณเหมาะกับหมาของคุณหรือไม่
     ความเหมาะสมที่ว่านี้หมายถึงอายุ สายพันธุ์ กิจกรรมที่ทำ น้ำหนัก และสภาวะสุขภาพของหมาของคุณ การให้อาหารที่ไม่เหมาะสมกับหมาของคุณอาจให้ผลเสียมากกว่าผลดี เช่น อาหารหมาที่เหมาะสำหรับหมา “ทุกช่วงอายุ” แม้ว่าจะผ่านมาตรฐานการผลิตเป็นอย่างดี แต่ถ้าให้หมาที่โตเต็มที่หรือหมาแก่กิน พวกมันก็อาจจะได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินไป และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน

     ความหลากหลายของอาหารหมาที่วางขายในปัจจุบันอาจทำให้คุณสับสนงุนงงได้ คุณอาจจะลองสุ่มเลือกอาหารหมาสัก 2-3 แบบแล้วนำไปปรึกษาสัตวแพทย์ ซึ่งสามารถช่วยบอกได้ว่าอาหารที่คุณเลือกมานั้น เหมาะสำหรับหมาของคุณหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณไม่ควรลืมก็คือ การให้ความสำคัญกับคุณภาพของอาหารหมาตั้งแต่แรก จะสามารถช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตได้มากทีเดียว