แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

4546
ข้อเท็จจริงอันน่าสะพรึงเกี่ยวกับหมัดและเห็บ

     เจ้าของหมาทุกคนรู้ดีกว่าหมัดและเห็บสามารถทำร้ายสัตว์เลี้ยงแสนรักของตนได้อย่างหนักหน่วงแค่ไหน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักเจ้าปรสิตตัวร้ายเหล่านี้ว่าพวกมันน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน ซึ่งเมื่ออ่านแล้วคุณอาจจะอยากทำล้ายล้างเห็บและหมัดให้สูญพันธุ์หมดไปจากโลกนี้อย่างสิ้นซากเลยก็ได้



ข้อที่ 1: หมัดตัวเมียสามารถวางไข่ได้อย่างน้อย 20 ฟองภายใน 1 วัน ไข่ครึ่งหนึ่งจะฟักออกมาเป็นตัวเมียและสามารถผลิตหมัดรุ่นใหม่ได้ถึง 20,000 ตัวภายในเวลา 60 วัน

ข้อที่ 2: หมัดสามารถกระโดดได้ไกลกว่านักกีฬาโอลิมปิกเสียอีก พวกมันสามารถกระโดดได้ไกลกว่าความยาวลำตัวของมันเองถึง 110 เท่า และการที่เห็บกระโดดได้สูงหลายนิ้วนั้นสามารถเทียบได้กับการที่มนุษย์สามารถกระโดดข้ามตึก 30 ชั้นได้

ข้อที่ 3: เมื่อหมัดกระโดด มันกระโดดได้เร็วกว่ากระสวยอวกาศ 20 เท่า

ข้อที่ 4: หมัดมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาอย่างน้อย 165 ล้านปีแล้ว ฟอสซิลเห็บที่มีการค้นพบสามารถย้อนกลับไปได้ไกลถึงยุคหิน ยุคที่ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่ ในช่วงเวลานั้นพวกมันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าตอนนี้มาก และเหยื่อของมันก็คือเหล่าไดโนเสาร์นั่นเอง

ข้อที่ 5: สภาพอากาศที่เย็นจัดไม่สามารถทำให้หมัดตายได้เสมอไป ตัวอ่อนของหมัดสามารถมีชีวิตรอดในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งได้ในช่วงระยะสั้นๆ ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในเปลือก ตัวอ่อนที่โชคดีจะหาจุดที่มีอุ่นกว่าและซ่อนตัวอยู่ จนกระทั่งระดับอุณหภูมิเหมาะกับต่อการดำรงชีวิต

ข้อที่ 6: เห็บจัดอยู่ในจำพวกเดียวกันกับแมงมุม ซึ่งหมายความว่ามันเป็นญาติที่สนิทกับแมงมุมและแมงป่องมากกว่าแมลง

ข้อที่ 7: เห็บไม่บิน กระโดด หรือร่วงลงมาจากต้นไม้ ปกติแล้ว พวกมันมักจะปีนขึ้นไปอยู่บนร่างกายของเหยื่อจากยอดหญ้าหรือพุ่มไม้

ข้อที่ 8: น้ำลายของเห็บหลายชนิดทำหน้าที่เหมือนกับปูนซีเมนต์ ซึ่งช่วยยึดตัวหมัดให้ติดอยู่กับที่ได้ และทำให้เราดึงมันออกได้ยากขึ้นด้วย

ข้อที่ 9: มีเห็บกว่า 850 สายพันธุ์อาศัยอยู่บนโลกใบนี้

ข้อที่ 10: เห็บบางชนิดสามารถเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้เนื้อแดงที่พบได้ยาก ซึ่งเป็นอาการภูมิแพ้ที่เกิดได้ทั้งในคนและหมา อาการของโรคภูมิแพ้นี้คือ คัน มีแผลตามผิวหนัง ขนหรือผมร่วง เมื่อเหยื่อของหมัดชนิดนี้กินอาหารที่มีสวนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ หรือหมู


4547
ข้อเท็จจริงอันน่าสะพรึงเกี่ยวกับหมัดและเห็บ

     เจ้าของหมาทุกคนรู้ดีกว่าหมัดและเห็บสามารถทำร้ายสัตว์เลี้ยงแสนรักของตนได้อย่างหนักหน่วงแค่ไหน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักเจ้าปรสิตตัวร้ายเหล่านี้ว่าพวกมันน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน ซึ่งเมื่ออ่านแล้วคุณอาจจะอยากทำล้ายล้างเห็บและหมัดให้สูญพันธุ์หมดไปจากโลกนี้อย่างสิ้นซากเลยก็ได้



ข้อที่ 1: หมัดตัวเมียสามารถวางไข่ได้อย่างน้อย 20 ฟองภายใน 1 วัน ไข่ครึ่งหนึ่งจะฟักออกมาเป็นตัวเมียและสามารถผลิตหมัดรุ่นใหม่ได้ถึง 20,000 ตัวภายในเวลา 60 วัน

ข้อที่ 2: หมัดสามารถกระโดดได้ไกลกว่านักกีฬาโอลิมปิกเสียอีก พวกมันสามารถกระโดดได้ไกลกว่าความยาวลำตัวของมันเองถึง 110 เท่า และการที่เห็บกระโดดได้สูงหลายนิ้วนั้นสามารถเทียบได้กับการที่มนุษย์สามารถกระโดดข้ามตึก 30 ชั้นได้

ข้อที่ 3: เมื่อหมัดกระโดด มันกระโดดได้เร็วกว่ากระสวยอวกาศ 20 เท่า

ข้อที่ 4: หมัดมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาอย่างน้อย 165 ล้านปีแล้ว ฟอสซิลเห็บที่มีการค้นพบสามารถย้อนกลับไปได้ไกลถึงยุคหิน ยุคที่ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่ ในช่วงเวลานั้นพวกมันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าตอนนี้มาก และเหยื่อของมันก็คือเหล่าไดโนเสาร์นั่นเอง

ข้อที่ 5: สภาพอากาศที่เย็นจัดไม่สามารถทำให้หมัดตายได้เสมอไป ตัวอ่อนของหมัดสามารถมีชีวิตรอดในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งได้ในช่วงระยะสั้นๆ ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในเปลือก ตัวอ่อนที่โชคดีจะหาจุดที่มีอุ่นกว่าและซ่อนตัวอยู่ จนกระทั่งระดับอุณหภูมิเหมาะกับต่อการดำรงชีวิต

ข้อที่ 6: เห็บจัดอยู่ในจำพวกเดียวกันกับแมงมุม ซึ่งหมายความว่ามันเป็นญาติที่สนิทกับแมงมุมและแมงป่องมากกว่าแมลง

ข้อที่ 7: เห็บไม่บิน กระโดด หรือร่วงลงมาจากต้นไม้ ปกติแล้ว พวกมันมักจะปีนขึ้นไปอยู่บนร่างกายของเหยื่อจากยอดหญ้าหรือพุ่มไม้

ข้อที่ 8: น้ำลายของเห็บหลายชนิดทำหน้าที่เหมือนกับปูนซีเมนต์ ซึ่งช่วยยึดตัวหมัดให้ติดอยู่กับที่ได้ และทำให้เราดึงมันออกได้ยากขึ้นด้วย

ข้อที่ 9: มีเห็บกว่า 850 สายพันธุ์อาศัยอยู่บนโลกใบนี้

ข้อที่ 10: เห็บบางชนิดสามารถเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้เนื้อแดงที่พบได้ยาก ซึ่งเป็นอาการภูมิแพ้ที่เกิดได้ทั้งในคนและหมา อาการของโรคภูมิแพ้นี้คือ คัน มีแผลตามผิวหนัง ขนหรือผมร่วง เมื่อเหยื่อของหมัดชนิดนี้กินอาหารที่มีสวนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ หรือหมู


4548
ข้อเท็จจริงอันน่าสะพรึงเกี่ยวกับหมัดและเห็บ

     เจ้าของหมาทุกคนรู้ดีกว่าหมัดและเห็บสามารถทำร้ายสัตว์เลี้ยงแสนรักของตนได้อย่างหนักหน่วงแค่ไหน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักเจ้าปรสิตตัวร้ายเหล่านี้ว่าพวกมันน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน ซึ่งเมื่ออ่านแล้วคุณอาจจะอยากทำล้ายล้างเห็บและหมัดให้สูญพันธุ์หมดไปจากโลกนี้อย่างสิ้นซากเลยก็ได้



ข้อที่ 1: หมัดตัวเมียสามารถวางไข่ได้อย่างน้อย 20 ฟองภายใน 1 วัน ไข่ครึ่งหนึ่งจะฟักออกมาเป็นตัวเมียและสามารถผลิตหมัดรุ่นใหม่ได้ถึง 20,000 ตัวภายในเวลา 60 วัน

ข้อที่ 2: หมัดสามารถกระโดดได้ไกลกว่านักกีฬาโอลิมปิกเสียอีก พวกมันสามารถกระโดดได้ไกลกว่าความยาวลำตัวของมันเองถึง 110 เท่า และการที่เห็บกระโดดได้สูงหลายนิ้วนั้นสามารถเทียบได้กับการที่มนุษย์สามารถกระโดดข้ามตึก 30 ชั้นได้

ข้อที่ 3: เมื่อหมัดกระโดด มันกระโดดได้เร็วกว่ากระสวยอวกาศ 20 เท่า

ข้อที่ 4: หมัดมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาอย่างน้อย 165 ล้านปีแล้ว ฟอสซิลเห็บที่มีการค้นพบสามารถย้อนกลับไปได้ไกลถึงยุคหิน ยุคที่ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่ ในช่วงเวลานั้นพวกมันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าตอนนี้มาก และเหยื่อของมันก็คือเหล่าไดโนเสาร์นั่นเอง

ข้อที่ 5: สภาพอากาศที่เย็นจัดไม่สามารถทำให้หมัดตายได้เสมอไป ตัวอ่อนของหมัดสามารถมีชีวิตรอดในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งได้ในช่วงระยะสั้นๆ ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในเปลือก ตัวอ่อนที่โชคดีจะหาจุดที่มีอุ่นกว่าและซ่อนตัวอยู่ จนกระทั่งระดับอุณหภูมิเหมาะกับต่อการดำรงชีวิต

ข้อที่ 6: เห็บจัดอยู่ในจำพวกเดียวกันกับแมงมุม ซึ่งหมายความว่ามันเป็นญาติที่สนิทกับแมงมุมและแมงป่องมากกว่าแมลง

ข้อที่ 7: เห็บไม่บิน กระโดด หรือร่วงลงมาจากต้นไม้ ปกติแล้ว พวกมันมักจะปีนขึ้นไปอยู่บนร่างกายของเหยื่อจากยอดหญ้าหรือพุ่มไม้

ข้อที่ 8: น้ำลายของเห็บหลายชนิดทำหน้าที่เหมือนกับปูนซีเมนต์ ซึ่งช่วยยึดตัวหมัดให้ติดอยู่กับที่ได้ และทำให้เราดึงมันออกได้ยากขึ้นด้วย

ข้อที่ 9: มีเห็บกว่า 850 สายพันธุ์อาศัยอยู่บนโลกใบนี้

ข้อที่ 10: เห็บบางชนิดสามารถเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้เนื้อแดงที่พบได้ยาก ซึ่งเป็นอาการภูมิแพ้ที่เกิดได้ทั้งในคนและหมา อาการของโรคภูมิแพ้นี้คือ คัน มีแผลตามผิวหนัง ขนหรือผมร่วง เมื่อเหยื่อของหมัดชนิดนี้กินอาหารที่มีสวนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ หรือหมู


4549
5 สัญญาณที่บอกว่าหมาของคุณอาจเป็นโรคไต

     โรคไตในหมาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือแบบเฉียบพลันกับแบบเรื้อรัง โรคไตฉับพลันจะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน และมักมีสาเหตุของโรคเพียงอย่างเดียว เช่น อาหารเป็นพิษหรือมีการติดเชื้อในไต ส่วนโรคไตแบบเรื้อรังนั้นจะเกิดขึ้นช้ากว่าและมักจะพบอาการป่วยในหมาที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประสิทธิภาพในการทำงานของไตค่อยๆ ลดลง และมักไม่พบสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน
ไตเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถฟื้นฟูสภาพขึ้นมาได้ เมื่อเนื้อเยื่อของไตเสียหายอย่างหนัก มันก็จะทำงานไม่ได้อีกตลอดกาล สัญญาณของโรคไตมักเริ่มขึ้นเมื่อการทำงานของไตมีความเสียหายไปแล้ว 2 ใน 3 ส่วน โดยมักมีอาการแสดงดังต่อไปนี้



ฉี่มีการเปลี่ยนแปลง
     ไตมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บน้ำในที่ๆ จำเป็น ซึ่งก็คือ ภายในร่างกายของหมา การที่ร่างกายผลิตฉี่เจือจางในปริมาณมาก คือหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นที่บ่งบอกถึงโรคไตในหมา โดยสังเกตได้จากการที่หมาฉี่บ่อยเมื่อออกไปข้าง หรือกลั้นฉี่ไม่ได้เมื่ออยู่ในบ้าน
หมาที่เป็นโรคไตแบบเฉียบพลันมักจะฉี่น้อยกว่าปกติ และเมื่ออาการของโรคเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ หมาก็อาจจะหยุดฉี่ไปเลย เนื่องจากไตของพวกมันหยุดทำงานไปแล้วโดยสิ้นเชิง

หิวน้ำบ่อยขึ้น

     เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมากจากฉี่ที่เจือจาง หมาที่เป็นโรคไตก็มักจะมีอาการขาดน้ำและหิวน้ำอยู่ตลอดเวลา ในช่วงแรกนั้น อาการขาดน้ำนี้สามารถทดแทนด้วยการดื่มน้ำมากขึ้นกว่าเดิมได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะดื่มน้ำมากแค่ไหน ก็ไม่เพียงพอที่จะทดแทนปริมาณน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปได้

เหนื่อยอยู่เสมอ

     อาการขาดน้ำทำให้หมารู้สึกแย่ พวกมันจะสูญเสียพลังงานและอยากจะนอนพักอยู่ตลอดเวลา และไม่อยากลุกขึ้นไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่พวกมันชอบเหมือนเดิม

     ไตที่แข็งแรงจะทำหน้าที่กรองของเสียออกจากกระแสเลือด และจัดส่งของเสียเหล่านี้ไปยังระบบขับถ่ายเพื่อกำจัดมันออกจากร่างกาย โรคไตจะทำให้การทำงานของไตลดประสิทธิภาพลง ส่งผลให้ระดับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายอย่างไนโตรเจนและครีเอตินินในเลือดมีปริมาณสูงขึ้น ทำให้หมารู้สึกไม่สบาย

     ในกรณีของโรคไตเรื้อรัง ไตจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดงในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้ ทำให้หมาเกิดอาการโลหิตจาง และทำให้มันเหนื่อยง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ไม่อยากกินอาหาร

     เมื่อระบบการเผาผลาญพลังงานเปลี่ยนแปลงไปเพราะโรคไต ก็จะทำให้หมารู้สึกแย่จนสูญเสียความอยากอาหารตามไปด้วย หมาที่เป็นโรคไตเรื้อรังมักกินอาหารในปริมาณน้อยและกินไม่บ่อยนัก ให้น้ำหนักของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด   

     หมาที่เป็นโรคไตจะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหารมากกว่าหมาที่ร่างกายแข็งแรง ทำให้มันมีอาการคลื่นไส้และปวดท้องได้ง่าย โดยเฉพาะหลังกินอาหาร ทำให้หมายิ่งกินอาหารได้น้อยลงกว่าเดิมอีก

สัญญาณของปัญหาในระบบย่อยอาหาร

     หมาที่เป็นโรคไตในระดับรุนแรงมักจะเริ่มอาเจียน ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดฝีในช่องท้อง ซึ่งรบกวนระบบการย่อยอาหารและทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของมันเปลี่ยนไป เมื่อหมาเริ่มอาเจียน แต่ยังคงมีอาการขาดน้ำที่ร้ายแรงพอร่วมด้วย สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกขึ้นมาได้



สัญญาณของโรคไตระดับร้ายแรง

     ไตคืออวัยวะที่สำคัญมากในการทำงานของร่างกาย เมื่อไตของหมาไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจนเข้าขั้นร้ายแรง และแสดงอาการเหล่านี้ออกมา นั่นก็หมายความว่าหมาของคุณอาจเป็นโรคไตขั้นร้ายแรงแล้ว
•   เจ็บในปาก
•   มีอาการเก็บตัว แยกตัวออกจากคนหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
•   ตาโบ๋จากอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง
•   เดินหรือยืนได้ยาก หรือไม่ได้เลย
•   ส่งเสียงร้องเพราะไม่สบายตัว
•   หายใจลำบาก
•   ชัก
•   ล้มลงอย่างฉับพลัน
•   มีเลือดออก

อย่าถ่วงเวลาในการไปหาสัตวแพทย์

     ก็เหมือนกับโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นในหมาโรคอื่นๆ ยิ่งคุณพาหมาของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาโรคไตอย่างเหมาะสมได้เร็วเท่าไร มันก็ยิ่งดีกับการรักษาหมามากขึ้นเท่านั้น ในบางกรณี โรคไตแบบเฉียบพลันสามารถรักษาได้ และหมาที่โชคดีเหล่านี้ก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข แข็งแรง และมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป
     ส่วนโรคไตเรื้อรังนั้นเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ แต่ในหลายๆ กรณีก็สามารถทำให้หมาสามรถใช้ชีวิตที่ดีได้อย่างมีความสุขตามสภาพจนตราบช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของมันได้

4550
5 สัญญาณที่บอกว่าหมาของคุณอาจเป็นโรคไต

     โรคไตในหมาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือแบบเฉียบพลันกับแบบเรื้อรัง โรคไตฉับพลันจะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน และมักมีสาเหตุของโรคเพียงอย่างเดียว เช่น อาหารเป็นพิษหรือมีการติดเชื้อในไต ส่วนโรคไตแบบเรื้อรังนั้นจะเกิดขึ้นช้ากว่าและมักจะพบอาการป่วยในหมาที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประสิทธิภาพในการทำงานของไตค่อยๆ ลดลง และมักไม่พบสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน
ไตเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถฟื้นฟูสภาพขึ้นมาได้ เมื่อเนื้อเยื่อของไตเสียหายอย่างหนัก มันก็จะทำงานไม่ได้อีกตลอดกาล สัญญาณของโรคไตมักเริ่มขึ้นเมื่อการทำงานของไตมีความเสียหายไปแล้ว 2 ใน 3 ส่วน โดยมักมีอาการแสดงดังต่อไปนี้



ฉี่มีการเปลี่ยนแปลง
     ไตมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บน้ำในที่ๆ จำเป็น ซึ่งก็คือ ภายในร่างกายของหมา การที่ร่างกายผลิตฉี่เจือจางในปริมาณมาก คือหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นที่บ่งบอกถึงโรคไตในหมา โดยสังเกตได้จากการที่หมาฉี่บ่อยเมื่อออกไปข้าง หรือกลั้นฉี่ไม่ได้เมื่ออยู่ในบ้าน
หมาที่เป็นโรคไตแบบเฉียบพลันมักจะฉี่น้อยกว่าปกติ และเมื่ออาการของโรคเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ หมาก็อาจจะหยุดฉี่ไปเลย เนื่องจากไตของพวกมันหยุดทำงานไปแล้วโดยสิ้นเชิง

หิวน้ำบ่อยขึ้น

     เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมากจากฉี่ที่เจือจาง หมาที่เป็นโรคไตก็มักจะมีอาการขาดน้ำและหิวน้ำอยู่ตลอดเวลา ในช่วงแรกนั้น อาการขาดน้ำนี้สามารถทดแทนด้วยการดื่มน้ำมากขึ้นกว่าเดิมได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะดื่มน้ำมากแค่ไหน ก็ไม่เพียงพอที่จะทดแทนปริมาณน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปได้

เหนื่อยอยู่เสมอ

     อาการขาดน้ำทำให้หมารู้สึกแย่ พวกมันจะสูญเสียพลังงานและอยากจะนอนพักอยู่ตลอดเวลา และไม่อยากลุกขึ้นไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่พวกมันชอบเหมือนเดิม

     ไตที่แข็งแรงจะทำหน้าที่กรองของเสียออกจากกระแสเลือด และจัดส่งของเสียเหล่านี้ไปยังระบบขับถ่ายเพื่อกำจัดมันออกจากร่างกาย โรคไตจะทำให้การทำงานของไตลดประสิทธิภาพลง ส่งผลให้ระดับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายอย่างไนโตรเจนและครีเอตินินในเลือดมีปริมาณสูงขึ้น ทำให้หมารู้สึกไม่สบาย

     ในกรณีของโรคไตเรื้อรัง ไตจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดงในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้ ทำให้หมาเกิดอาการโลหิตจาง และทำให้มันเหนื่อยง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ไม่อยากกินอาหาร

     เมื่อระบบการเผาผลาญพลังงานเปลี่ยนแปลงไปเพราะโรคไต ก็จะทำให้หมารู้สึกแย่จนสูญเสียความอยากอาหารตามไปด้วย หมาที่เป็นโรคไตเรื้อรังมักกินอาหารในปริมาณน้อยและกินไม่บ่อยนัก ให้น้ำหนักของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด   

     หมาที่เป็นโรคไตจะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหารมากกว่าหมาที่ร่างกายแข็งแรง ทำให้มันมีอาการคลื่นไส้และปวดท้องได้ง่าย โดยเฉพาะหลังกินอาหาร ทำให้หมายิ่งกินอาหารได้น้อยลงกว่าเดิมอีก

สัญญาณของปัญหาในระบบย่อยอาหาร

     หมาที่เป็นโรคไตในระดับรุนแรงมักจะเริ่มอาเจียน ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดฝีในช่องท้อง ซึ่งรบกวนระบบการย่อยอาหารและทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของมันเปลี่ยนไป เมื่อหมาเริ่มอาเจียน แต่ยังคงมีอาการขาดน้ำที่ร้ายแรงพอร่วมด้วย สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกขึ้นมาได้



สัญญาณของโรคไตระดับร้ายแรง

     ไตคืออวัยวะที่สำคัญมากในการทำงานของร่างกาย เมื่อไตของหมาไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจนเข้าขั้นร้ายแรง และแสดงอาการเหล่านี้ออกมา นั่นก็หมายความว่าหมาของคุณอาจเป็นโรคไตขั้นร้ายแรงแล้ว
•   เจ็บในปาก
•   มีอาการเก็บตัว แยกตัวออกจากคนหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
•   ตาโบ๋จากอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง
•   เดินหรือยืนได้ยาก หรือไม่ได้เลย
•   ส่งเสียงร้องเพราะไม่สบายตัว
•   หายใจลำบาก
•   ชัก
•   ล้มลงอย่างฉับพลัน
•   มีเลือดออก

อย่าถ่วงเวลาในการไปหาสัตวแพทย์

     ก็เหมือนกับโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นในหมาโรคอื่นๆ ยิ่งคุณพาหมาของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาโรคไตอย่างเหมาะสมได้เร็วเท่าไร มันก็ยิ่งดีกับการรักษาหมามากขึ้นเท่านั้น ในบางกรณี โรคไตแบบเฉียบพลันสามารถรักษาได้ และหมาที่โชคดีเหล่านี้ก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข แข็งแรง และมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป
     ส่วนโรคไตเรื้อรังนั้นเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ แต่ในหลายๆ กรณีก็สามารถทำให้หมาสามรถใช้ชีวิตที่ดีได้อย่างมีความสุขตามสภาพจนตราบช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของมันได้

4551
5 สัญญาณที่บอกว่าหมาของคุณอาจเป็นโรคไต

     โรคไตในหมาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือแบบเฉียบพลันกับแบบเรื้อรัง โรคไตฉับพลันจะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน และมักมีสาเหตุของโรคเพียงอย่างเดียว เช่น อาหารเป็นพิษหรือมีการติดเชื้อในไต ส่วนโรคไตแบบเรื้อรังนั้นจะเกิดขึ้นช้ากว่าและมักจะพบอาการป่วยในหมาที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประสิทธิภาพในการทำงานของไตค่อยๆ ลดลง และมักไม่พบสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน
ไตเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถฟื้นฟูสภาพขึ้นมาได้ เมื่อเนื้อเยื่อของไตเสียหายอย่างหนัก มันก็จะทำงานไม่ได้อีกตลอดกาล สัญญาณของโรคไตมักเริ่มขึ้นเมื่อการทำงานของไตมีความเสียหายไปแล้ว 2 ใน 3 ส่วน โดยมักมีอาการแสดงดังต่อไปนี้



ฉี่มีการเปลี่ยนแปลง
     ไตมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บน้ำในที่ๆ จำเป็น ซึ่งก็คือ ภายในร่างกายของหมา การที่ร่างกายผลิตฉี่เจือจางในปริมาณมาก คือหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นที่บ่งบอกถึงโรคไตในหมา โดยสังเกตได้จากการที่หมาฉี่บ่อยเมื่อออกไปข้าง หรือกลั้นฉี่ไม่ได้เมื่ออยู่ในบ้าน
หมาที่เป็นโรคไตแบบเฉียบพลันมักจะฉี่น้อยกว่าปกติ และเมื่ออาการของโรคเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ หมาก็อาจจะหยุดฉี่ไปเลย เนื่องจากไตของพวกมันหยุดทำงานไปแล้วโดยสิ้นเชิง

หิวน้ำบ่อยขึ้น

     เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมากจากฉี่ที่เจือจาง หมาที่เป็นโรคไตก็มักจะมีอาการขาดน้ำและหิวน้ำอยู่ตลอดเวลา ในช่วงแรกนั้น อาการขาดน้ำนี้สามารถทดแทนด้วยการดื่มน้ำมากขึ้นกว่าเดิมได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะดื่มน้ำมากแค่ไหน ก็ไม่เพียงพอที่จะทดแทนปริมาณน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปได้

เหนื่อยอยู่เสมอ

     อาการขาดน้ำทำให้หมารู้สึกแย่ พวกมันจะสูญเสียพลังงานและอยากจะนอนพักอยู่ตลอดเวลา และไม่อยากลุกขึ้นไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่พวกมันชอบเหมือนเดิม

     ไตที่แข็งแรงจะทำหน้าที่กรองของเสียออกจากกระแสเลือด และจัดส่งของเสียเหล่านี้ไปยังระบบขับถ่ายเพื่อกำจัดมันออกจากร่างกาย โรคไตจะทำให้การทำงานของไตลดประสิทธิภาพลง ส่งผลให้ระดับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายอย่างไนโตรเจนและครีเอตินินในเลือดมีปริมาณสูงขึ้น ทำให้หมารู้สึกไม่สบาย

     ในกรณีของโรคไตเรื้อรัง ไตจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดงในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้ ทำให้หมาเกิดอาการโลหิตจาง และทำให้มันเหนื่อยง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ไม่อยากกินอาหาร

     เมื่อระบบการเผาผลาญพลังงานเปลี่ยนแปลงไปเพราะโรคไต ก็จะทำให้หมารู้สึกแย่จนสูญเสียความอยากอาหารตามไปด้วย หมาที่เป็นโรคไตเรื้อรังมักกินอาหารในปริมาณน้อยและกินไม่บ่อยนัก ให้น้ำหนักของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด   

     หมาที่เป็นโรคไตจะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหารมากกว่าหมาที่ร่างกายแข็งแรง ทำให้มันมีอาการคลื่นไส้และปวดท้องได้ง่าย โดยเฉพาะหลังกินอาหาร ทำให้หมายิ่งกินอาหารได้น้อยลงกว่าเดิมอีก

สัญญาณของปัญหาในระบบย่อยอาหาร

     หมาที่เป็นโรคไตในระดับรุนแรงมักจะเริ่มอาเจียน ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดฝีในช่องท้อง ซึ่งรบกวนระบบการย่อยอาหารและทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของมันเปลี่ยนไป เมื่อหมาเริ่มอาเจียน แต่ยังคงมีอาการขาดน้ำที่ร้ายแรงพอร่วมด้วย สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกขึ้นมาได้



สัญญาณของโรคไตระดับร้ายแรง

     ไตคืออวัยวะที่สำคัญมากในการทำงานของร่างกาย เมื่อไตของหมาไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจนเข้าขั้นร้ายแรง และแสดงอาการเหล่านี้ออกมา นั่นก็หมายความว่าหมาของคุณอาจเป็นโรคไตขั้นร้ายแรงแล้ว
•   เจ็บในปาก
•   มีอาการเก็บตัว แยกตัวออกจากคนหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
•   ตาโบ๋จากอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง
•   เดินหรือยืนได้ยาก หรือไม่ได้เลย
•   ส่งเสียงร้องเพราะไม่สบายตัว
•   หายใจลำบาก
•   ชัก
•   ล้มลงอย่างฉับพลัน
•   มีเลือดออก

อย่าถ่วงเวลาในการไปหาสัตวแพทย์

     ก็เหมือนกับโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นในหมาโรคอื่นๆ ยิ่งคุณพาหมาของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาโรคไตอย่างเหมาะสมได้เร็วเท่าไร มันก็ยิ่งดีกับการรักษาหมามากขึ้นเท่านั้น ในบางกรณี โรคไตแบบเฉียบพลันสามารถรักษาได้ และหมาที่โชคดีเหล่านี้ก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข แข็งแรง และมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป
     ส่วนโรคไตเรื้อรังนั้นเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ แต่ในหลายๆ กรณีก็สามารถทำให้หมาสามรถใช้ชีวิตที่ดีได้อย่างมีความสุขตามสภาพจนตราบช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของมันได้

4552
5 สัญญาณที่บอกว่าหมาของคุณอาจเป็นโรคไต

     โรคไตในหมาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือแบบเฉียบพลันกับแบบเรื้อรัง โรคไตฉับพลันจะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน และมักมีสาเหตุของโรคเพียงอย่างเดียว เช่น อาหารเป็นพิษหรือมีการติดเชื้อในไต ส่วนโรคไตแบบเรื้อรังนั้นจะเกิดขึ้นช้ากว่าและมักจะพบอาการป่วยในหมาที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประสิทธิภาพในการทำงานของไตค่อยๆ ลดลง และมักไม่พบสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน
ไตเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถฟื้นฟูสภาพขึ้นมาได้ เมื่อเนื้อเยื่อของไตเสียหายอย่างหนัก มันก็จะทำงานไม่ได้อีกตลอดกาล สัญญาณของโรคไตมักเริ่มขึ้นเมื่อการทำงานของไตมีความเสียหายไปแล้ว 2 ใน 3 ส่วน โดยมักมีอาการแสดงดังต่อไปนี้



ฉี่มีการเปลี่ยนแปลง
     ไตมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บน้ำในที่ๆ จำเป็น ซึ่งก็คือ ภายในร่างกายของหมา การที่ร่างกายผลิตฉี่เจือจางในปริมาณมาก คือหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นที่บ่งบอกถึงโรคไตในหมา โดยสังเกตได้จากการที่หมาฉี่บ่อยเมื่อออกไปข้าง หรือกลั้นฉี่ไม่ได้เมื่ออยู่ในบ้าน
หมาที่เป็นโรคไตแบบเฉียบพลันมักจะฉี่น้อยกว่าปกติ และเมื่ออาการของโรคเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ หมาก็อาจจะหยุดฉี่ไปเลย เนื่องจากไตของพวกมันหยุดทำงานไปแล้วโดยสิ้นเชิง

หิวน้ำบ่อยขึ้น

     เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมากจากฉี่ที่เจือจาง หมาที่เป็นโรคไตก็มักจะมีอาการขาดน้ำและหิวน้ำอยู่ตลอดเวลา ในช่วงแรกนั้น อาการขาดน้ำนี้สามารถทดแทนด้วยการดื่มน้ำมากขึ้นกว่าเดิมได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะดื่มน้ำมากแค่ไหน ก็ไม่เพียงพอที่จะทดแทนปริมาณน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปได้

เหนื่อยอยู่เสมอ

     อาการขาดน้ำทำให้หมารู้สึกแย่ พวกมันจะสูญเสียพลังงานและอยากจะนอนพักอยู่ตลอดเวลา และไม่อยากลุกขึ้นไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่พวกมันชอบเหมือนเดิม

     ไตที่แข็งแรงจะทำหน้าที่กรองของเสียออกจากกระแสเลือด และจัดส่งของเสียเหล่านี้ไปยังระบบขับถ่ายเพื่อกำจัดมันออกจากร่างกาย โรคไตจะทำให้การทำงานของไตลดประสิทธิภาพลง ส่งผลให้ระดับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายอย่างไนโตรเจนและครีเอตินินในเลือดมีปริมาณสูงขึ้น ทำให้หมารู้สึกไม่สบาย

     ในกรณีของโรคไตเรื้อรัง ไตจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดงในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้ ทำให้หมาเกิดอาการโลหิตจาง และทำให้มันเหนื่อยง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ไม่อยากกินอาหาร

     เมื่อระบบการเผาผลาญพลังงานเปลี่ยนแปลงไปเพราะโรคไต ก็จะทำให้หมารู้สึกแย่จนสูญเสียความอยากอาหารตามไปด้วย หมาที่เป็นโรคไตเรื้อรังมักกินอาหารในปริมาณน้อยและกินไม่บ่อยนัก ให้น้ำหนักของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด   

     หมาที่เป็นโรคไตจะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหารมากกว่าหมาที่ร่างกายแข็งแรง ทำให้มันมีอาการคลื่นไส้และปวดท้องได้ง่าย โดยเฉพาะหลังกินอาหาร ทำให้หมายิ่งกินอาหารได้น้อยลงกว่าเดิมอีก

สัญญาณของปัญหาในระบบย่อยอาหาร

     หมาที่เป็นโรคไตในระดับรุนแรงมักจะเริ่มอาเจียน ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดฝีในช่องท้อง ซึ่งรบกวนระบบการย่อยอาหารและทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของมันเปลี่ยนไป เมื่อหมาเริ่มอาเจียน แต่ยังคงมีอาการขาดน้ำที่ร้ายแรงพอร่วมด้วย สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกขึ้นมาได้



สัญญาณของโรคไตระดับร้ายแรง

     ไตคืออวัยวะที่สำคัญมากในการทำงานของร่างกาย เมื่อไตของหมาไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจนเข้าขั้นร้ายแรง และแสดงอาการเหล่านี้ออกมา นั่นก็หมายความว่าหมาของคุณอาจเป็นโรคไตขั้นร้ายแรงแล้ว
•   เจ็บในปาก
•   มีอาการเก็บตัว แยกตัวออกจากคนหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
•   ตาโบ๋จากอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง
•   เดินหรือยืนได้ยาก หรือไม่ได้เลย
•   ส่งเสียงร้องเพราะไม่สบายตัว
•   หายใจลำบาก
•   ชัก
•   ล้มลงอย่างฉับพลัน
•   มีเลือดออก

อย่าถ่วงเวลาในการไปหาสัตวแพทย์

     ก็เหมือนกับโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นในหมาโรคอื่นๆ ยิ่งคุณพาหมาของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาโรคไตอย่างเหมาะสมได้เร็วเท่าไร มันก็ยิ่งดีกับการรักษาหมามากขึ้นเท่านั้น ในบางกรณี โรคไตแบบเฉียบพลันสามารถรักษาได้ และหมาที่โชคดีเหล่านี้ก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข แข็งแรง และมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป
     ส่วนโรคไตเรื้อรังนั้นเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ แต่ในหลายๆ กรณีก็สามารถทำให้หมาสามรถใช้ชีวิตที่ดีได้อย่างมีความสุขตามสภาพจนตราบช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของมันได้

4553
วันศุกร์แล้ว เตรียมหมานั่งรถเที่ยว



     การวางแผนและเตรียมอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม จะทำให้การออกเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนหมาสี่ขาของคุณเต็มไปด้วยความสนุกสนานและปลอดภัยไร้กังวล โดยทั่วไปแล้ว หมาชื่นชอบออกไปท่องเที่ยว หมาบางตัวถึงกับโด่งดังเพราะการออกไปท่องเที่ยวกับเจ้านายของมันเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าหมาของคุณจะกระตือรือร้นที่จะออกไปเที่ยวหรืออิดออดไม่อยากไปนัก การมีอุปกรณ์และทัศนคติที่เหมาะสมก็จะช่วยให้คุณวางใจได้ว่า การเดินทางของคุณจะปลอดภัยและสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่



ก่อนออกจากบ้าน

     ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณเตรียมทุกอย่างที่ทำให้หมาสุขสบายเอาไว้แล้ว สิ่งที่คุณต้องเตรียมก็เช่น
สายจูง ปลอกคอ และป้ายห้อยคอ เป็นเรื่องไม่ดีแน่ถ้าหมาของคุณหลุดหายในที่ๆ ไกลจากบ้าน และถ้าหมาของคุณหลุดหายโดยไม่มีป้ายห้อยคอระบุข้อมูลสำหรับติดต่อ นั่นยิ่งแย่ไปกันใหญ่

     อาหาร น้ำ ชามข้าว เตรียมอาหารที่หมากินเป็นประจำไปให้เพียงพอ รวมถึงน้ำด้วย การเปลี่ยนอาหารและน้ำจากที่หมาเคยกิน เมื่อรวมเข้ากับอาการเมารถที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว คุณจะไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาหรอก
ผ้าห่ม ถุงพลาสติก เตรียมผ้าห่มสำหรับปูนอนในอากาศหนาว และถุงพลาสติกสำหรับเก็บอึเวลาหมาทำธุระระหว่างการเดินทางด้วย การปล่อยให้มันถ่ายเรี่ยรายไม่ดีนะ ผ้าเช็ดตัวเก่า สำหรับเช็ดเท้าเปื้อนๆ ของหมาตอนมันออกไปสำรวจโลกกว้าง   

กรงและเชือกล่าม

     หมาบางเวลาอยู่ในรถจะชอบห้อยหัวออกไปรับลมนอกหน้าต่าง ให้หูและริมฝีปากของมันได้โบยบิน...  แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย แม้ว่าหมาของคุณจะรักการเดินทาง คุณก็ไม่ควรปล่อยให้มันเดินเล่นได้ตามสบายภายในรถของคุณ การทำแบบนี้จะแย่ต่อหมามากหากเกิดอุบัติเหตุ และในทางกลับกัน หมาที่ไม่มีการควบคุมก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนั้น อวัยวะทุกส่วนของหมาก็ควรอยู่ภายในตัวรถตลอดเวลา

     กรงใส่หมาเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพาหมาออกเดินทาง การเลือกกรงใส่หมาควรมีขนาดใหญ่พอให้หมาของคุณยืนได้เต็มที่และเดินกลับตัวไปมาได้ แต่ก็ไม่ควรมีพื้นที่เหลือจนกลิ้งไปมาเมื่อรถเคลื่อนไหว กรงควรระบายอากาศได้ดีและมั่นคงแข็งแรง สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ กรงควรยึดติดอยู่กับพื้นรถ กรงที่เคลื่อนที่ได้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหมาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเลย

     หากกรงไม่เหมาะกับหมาของคุณ  หรือหมาของคุณตัวใหญ่เกินกว่าจะอยู่ในกรงได้ สายรัดที่ยึดติดกับเข็มขัดนิรภัยก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง หมาของคุณจะขยับตัวได้บ้างแต่ก็ยังมีการยึดรั้งเอาไว้ได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่สายรัดนี้ต้องเป็นสายรัดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กับเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น ฉากกั้นเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับกักหมาในพื้นที่ที่กว้างขึ้น เช่น รถตู้ หรือท้ายรถกระบะหรือเอสยูวี ข้อควรระวังก็คือ  ในการเลือกซื้อฉากกั้น คุณควรเลือกแบบที่สามารถยึดติดกับโครงสร้างภายในรถได้อย่างมั่นคง และสามารถยึดตัวหมาของคุณเอาไว้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ



จอดรถพักบ่อยๆ

     คุณอาจจะทนอยู่ในรถนานหลายชั่วโมงระหว่างการเดินทางได้ แต่หมาของคุณทนไม่ไหวหรอก และการกักหมาให้อยู่แต่ในพื้นที่แคบๆ บนรถนานหลายชั่วโมงก็สามารถทำให้การเดินทางของคุณหมดสนุกลงได้อย่างง่ายดาย

     คุณควรวางแผนการเดินทางโดยให้มีจุดแวะพักบ่อยๆ การพาหมาออกไปขับถ่ายและใช้พลังงานเสียบ้างจะช่วยให้หมาของคุณเดินทางได้อย่างสบายใจขึ้น แต่ต้องระวังหมาหลุดหายตอนที่คุณพามันลงจากรถด้วย

     เมื่อหยุดพัก อย่าทิ้งให้หมาของคุณต้องอยู่ภายในรถร้อนๆ แม้ว่าคุณจะแง้มหน้าต่างเอาไว้ให้แล้วก็ตาม ระดับอุณหภูมิภายในรถสามารถพุ่งสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอันตรายต่อหมาของคุณเป็นอย่างยิ่ง

ปรึกษาสัตวแพทย์

ถ้าหากว่านี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของหมาคุณ คุณอาจจะไปปรึกษาสัตวแพทย์ว่าจะเตรียมหมาของคุณให้พร้อมสำหรับการเดินทางได้อย่างไรบ้าง มียาที่ช่วยเรื่องการเมารถและความเครียดอยู่ ซึ่งถ้ามีเผื่อสำรองเอาไว้ก่อนก็จะดีกว่า


4554
วันศุกร์แล้ว เตรียมหมานั่งรถเที่ยว



     การวางแผนและเตรียมอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม จะทำให้การออกเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนหมาสี่ขาของคุณเต็มไปด้วยความสนุกสนานและปลอดภัยไร้กังวล โดยทั่วไปแล้ว หมาชื่นชอบออกไปท่องเที่ยว หมาบางตัวถึงกับโด่งดังเพราะการออกไปท่องเที่ยวกับเจ้านายของมันเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าหมาของคุณจะกระตือรือร้นที่จะออกไปเที่ยวหรืออิดออดไม่อยากไปนัก การมีอุปกรณ์และทัศนคติที่เหมาะสมก็จะช่วยให้คุณวางใจได้ว่า การเดินทางของคุณจะปลอดภัยและสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่



ก่อนออกจากบ้าน

     ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณเตรียมทุกอย่างที่ทำให้หมาสุขสบายเอาไว้แล้ว สิ่งที่คุณต้องเตรียมก็เช่น
สายจูง ปลอกคอ และป้ายห้อยคอ เป็นเรื่องไม่ดีแน่ถ้าหมาของคุณหลุดหายในที่ๆ ไกลจากบ้าน และถ้าหมาของคุณหลุดหายโดยไม่มีป้ายห้อยคอระบุข้อมูลสำหรับติดต่อ นั่นยิ่งแย่ไปกันใหญ่

     อาหาร น้ำ ชามข้าว เตรียมอาหารที่หมากินเป็นประจำไปให้เพียงพอ รวมถึงน้ำด้วย การเปลี่ยนอาหารและน้ำจากที่หมาเคยกิน เมื่อรวมเข้ากับอาการเมารถที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว คุณจะไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาหรอก
ผ้าห่ม ถุงพลาสติก เตรียมผ้าห่มสำหรับปูนอนในอากาศหนาว และถุงพลาสติกสำหรับเก็บอึเวลาหมาทำธุระระหว่างการเดินทางด้วย การปล่อยให้มันถ่ายเรี่ยรายไม่ดีนะ ผ้าเช็ดตัวเก่า สำหรับเช็ดเท้าเปื้อนๆ ของหมาตอนมันออกไปสำรวจโลกกว้าง   

กรงและเชือกล่าม

     หมาบางเวลาอยู่ในรถจะชอบห้อยหัวออกไปรับลมนอกหน้าต่าง ให้หูและริมฝีปากของมันได้โบยบิน...  แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย แม้ว่าหมาของคุณจะรักการเดินทาง คุณก็ไม่ควรปล่อยให้มันเดินเล่นได้ตามสบายภายในรถของคุณ การทำแบบนี้จะแย่ต่อหมามากหากเกิดอุบัติเหตุ และในทางกลับกัน หมาที่ไม่มีการควบคุมก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนั้น อวัยวะทุกส่วนของหมาก็ควรอยู่ภายในตัวรถตลอดเวลา

     กรงใส่หมาเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพาหมาออกเดินทาง การเลือกกรงใส่หมาควรมีขนาดใหญ่พอให้หมาของคุณยืนได้เต็มที่และเดินกลับตัวไปมาได้ แต่ก็ไม่ควรมีพื้นที่เหลือจนกลิ้งไปมาเมื่อรถเคลื่อนไหว กรงควรระบายอากาศได้ดีและมั่นคงแข็งแรง สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ กรงควรยึดติดอยู่กับพื้นรถ กรงที่เคลื่อนที่ได้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหมาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเลย

     หากกรงไม่เหมาะกับหมาของคุณ  หรือหมาของคุณตัวใหญ่เกินกว่าจะอยู่ในกรงได้ สายรัดที่ยึดติดกับเข็มขัดนิรภัยก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง หมาของคุณจะขยับตัวได้บ้างแต่ก็ยังมีการยึดรั้งเอาไว้ได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่สายรัดนี้ต้องเป็นสายรัดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กับเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น ฉากกั้นเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับกักหมาในพื้นที่ที่กว้างขึ้น เช่น รถตู้ หรือท้ายรถกระบะหรือเอสยูวี ข้อควรระวังก็คือ  ในการเลือกซื้อฉากกั้น คุณควรเลือกแบบที่สามารถยึดติดกับโครงสร้างภายในรถได้อย่างมั่นคง และสามารถยึดตัวหมาของคุณเอาไว้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ



จอดรถพักบ่อยๆ

     คุณอาจจะทนอยู่ในรถนานหลายชั่วโมงระหว่างการเดินทางได้ แต่หมาของคุณทนไม่ไหวหรอก และการกักหมาให้อยู่แต่ในพื้นที่แคบๆ บนรถนานหลายชั่วโมงก็สามารถทำให้การเดินทางของคุณหมดสนุกลงได้อย่างง่ายดาย

     คุณควรวางแผนการเดินทางโดยให้มีจุดแวะพักบ่อยๆ การพาหมาออกไปขับถ่ายและใช้พลังงานเสียบ้างจะช่วยให้หมาของคุณเดินทางได้อย่างสบายใจขึ้น แต่ต้องระวังหมาหลุดหายตอนที่คุณพามันลงจากรถด้วย

     เมื่อหยุดพัก อย่าทิ้งให้หมาของคุณต้องอยู่ภายในรถร้อนๆ แม้ว่าคุณจะแง้มหน้าต่างเอาไว้ให้แล้วก็ตาม ระดับอุณหภูมิภายในรถสามารถพุ่งสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอันตรายต่อหมาของคุณเป็นอย่างยิ่ง

ปรึกษาสัตวแพทย์

ถ้าหากว่านี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของหมาคุณ คุณอาจจะไปปรึกษาสัตวแพทย์ว่าจะเตรียมหมาของคุณให้พร้อมสำหรับการเดินทางได้อย่างไรบ้าง มียาที่ช่วยเรื่องการเมารถและความเครียดอยู่ ซึ่งถ้ามีเผื่อสำรองเอาไว้ก่อนก็จะดีกว่า


4555
วันศุกร์แล้ว เตรียมหมานั่งรถเที่ยว



     การวางแผนและเตรียมอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม จะทำให้การออกเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนหมาสี่ขาของคุณเต็มไปด้วยความสนุกสนานและปลอดภัยไร้กังวล โดยทั่วไปแล้ว หมาชื่นชอบออกไปท่องเที่ยว หมาบางตัวถึงกับโด่งดังเพราะการออกไปท่องเที่ยวกับเจ้านายของมันเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าหมาของคุณจะกระตือรือร้นที่จะออกไปเที่ยวหรืออิดออดไม่อยากไปนัก การมีอุปกรณ์และทัศนคติที่เหมาะสมก็จะช่วยให้คุณวางใจได้ว่า การเดินทางของคุณจะปลอดภัยและสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่



ก่อนออกจากบ้าน

     ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณเตรียมทุกอย่างที่ทำให้หมาสุขสบายเอาไว้แล้ว สิ่งที่คุณต้องเตรียมก็เช่น
สายจูง ปลอกคอ และป้ายห้อยคอ เป็นเรื่องไม่ดีแน่ถ้าหมาของคุณหลุดหายในที่ๆ ไกลจากบ้าน และถ้าหมาของคุณหลุดหายโดยไม่มีป้ายห้อยคอระบุข้อมูลสำหรับติดต่อ นั่นยิ่งแย่ไปกันใหญ่

     อาหาร น้ำ ชามข้าว เตรียมอาหารที่หมากินเป็นประจำไปให้เพียงพอ รวมถึงน้ำด้วย การเปลี่ยนอาหารและน้ำจากที่หมาเคยกิน เมื่อรวมเข้ากับอาการเมารถที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว คุณจะไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาหรอก
ผ้าห่ม ถุงพลาสติก เตรียมผ้าห่มสำหรับปูนอนในอากาศหนาว และถุงพลาสติกสำหรับเก็บอึเวลาหมาทำธุระระหว่างการเดินทางด้วย การปล่อยให้มันถ่ายเรี่ยรายไม่ดีนะ ผ้าเช็ดตัวเก่า สำหรับเช็ดเท้าเปื้อนๆ ของหมาตอนมันออกไปสำรวจโลกกว้าง   

กรงและเชือกล่าม

     หมาบางเวลาอยู่ในรถจะชอบห้อยหัวออกไปรับลมนอกหน้าต่าง ให้หูและริมฝีปากของมันได้โบยบิน...  แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย แม้ว่าหมาของคุณจะรักการเดินทาง คุณก็ไม่ควรปล่อยให้มันเดินเล่นได้ตามสบายภายในรถของคุณ การทำแบบนี้จะแย่ต่อหมามากหากเกิดอุบัติเหตุ และในทางกลับกัน หมาที่ไม่มีการควบคุมก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนั้น อวัยวะทุกส่วนของหมาก็ควรอยู่ภายในตัวรถตลอดเวลา

     กรงใส่หมาเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพาหมาออกเดินทาง การเลือกกรงใส่หมาควรมีขนาดใหญ่พอให้หมาของคุณยืนได้เต็มที่และเดินกลับตัวไปมาได้ แต่ก็ไม่ควรมีพื้นที่เหลือจนกลิ้งไปมาเมื่อรถเคลื่อนไหว กรงควรระบายอากาศได้ดีและมั่นคงแข็งแรง สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ กรงควรยึดติดอยู่กับพื้นรถ กรงที่เคลื่อนที่ได้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหมาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเลย

     หากกรงไม่เหมาะกับหมาของคุณ  หรือหมาของคุณตัวใหญ่เกินกว่าจะอยู่ในกรงได้ สายรัดที่ยึดติดกับเข็มขัดนิรภัยก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง หมาของคุณจะขยับตัวได้บ้างแต่ก็ยังมีการยึดรั้งเอาไว้ได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่สายรัดนี้ต้องเป็นสายรัดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กับเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น ฉากกั้นเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับกักหมาในพื้นที่ที่กว้างขึ้น เช่น รถตู้ หรือท้ายรถกระบะหรือเอสยูวี ข้อควรระวังก็คือ  ในการเลือกซื้อฉากกั้น คุณควรเลือกแบบที่สามารถยึดติดกับโครงสร้างภายในรถได้อย่างมั่นคง และสามารถยึดตัวหมาของคุณเอาไว้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ



จอดรถพักบ่อยๆ

     คุณอาจจะทนอยู่ในรถนานหลายชั่วโมงระหว่างการเดินทางได้ แต่หมาของคุณทนไม่ไหวหรอก และการกักหมาให้อยู่แต่ในพื้นที่แคบๆ บนรถนานหลายชั่วโมงก็สามารถทำให้การเดินทางของคุณหมดสนุกลงได้อย่างง่ายดาย

     คุณควรวางแผนการเดินทางโดยให้มีจุดแวะพักบ่อยๆ การพาหมาออกไปขับถ่ายและใช้พลังงานเสียบ้างจะช่วยให้หมาของคุณเดินทางได้อย่างสบายใจขึ้น แต่ต้องระวังหมาหลุดหายตอนที่คุณพามันลงจากรถด้วย

     เมื่อหยุดพัก อย่าทิ้งให้หมาของคุณต้องอยู่ภายในรถร้อนๆ แม้ว่าคุณจะแง้มหน้าต่างเอาไว้ให้แล้วก็ตาม ระดับอุณหภูมิภายในรถสามารถพุ่งสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอันตรายต่อหมาของคุณเป็นอย่างยิ่ง

ปรึกษาสัตวแพทย์

ถ้าหากว่านี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของหมาคุณ คุณอาจจะไปปรึกษาสัตวแพทย์ว่าจะเตรียมหมาของคุณให้พร้อมสำหรับการเดินทางได้อย่างไรบ้าง มียาที่ช่วยเรื่องการเมารถและความเครียดอยู่ ซึ่งถ้ามีเผื่อสำรองเอาไว้ก่อนก็จะดีกว่า


4556
วันศุกร์แล้ว เตรียมหมานั่งรถเที่ยว



     การวางแผนและเตรียมอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม จะทำให้การออกเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนหมาสี่ขาของคุณเต็มไปด้วยความสนุกสนานและปลอดภัยไร้กังวล โดยทั่วไปแล้ว หมาชื่นชอบออกไปท่องเที่ยว หมาบางตัวถึงกับโด่งดังเพราะการออกไปท่องเที่ยวกับเจ้านายของมันเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าหมาของคุณจะกระตือรือร้นที่จะออกไปเที่ยวหรืออิดออดไม่อยากไปนัก การมีอุปกรณ์และทัศนคติที่เหมาะสมก็จะช่วยให้คุณวางใจได้ว่า การเดินทางของคุณจะปลอดภัยและสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่



ก่อนออกจากบ้าน

     ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณเตรียมทุกอย่างที่ทำให้หมาสุขสบายเอาไว้แล้ว สิ่งที่คุณต้องเตรียมก็เช่น
สายจูง ปลอกคอ และป้ายห้อยคอ เป็นเรื่องไม่ดีแน่ถ้าหมาของคุณหลุดหายในที่ๆ ไกลจากบ้าน และถ้าหมาของคุณหลุดหายโดยไม่มีป้ายห้อยคอระบุข้อมูลสำหรับติดต่อ นั่นยิ่งแย่ไปกันใหญ่

     อาหาร น้ำ ชามข้าว เตรียมอาหารที่หมากินเป็นประจำไปให้เพียงพอ รวมถึงน้ำด้วย การเปลี่ยนอาหารและน้ำจากที่หมาเคยกิน เมื่อรวมเข้ากับอาการเมารถที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว คุณจะไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาหรอก
ผ้าห่ม ถุงพลาสติก เตรียมผ้าห่มสำหรับปูนอนในอากาศหนาว และถุงพลาสติกสำหรับเก็บอึเวลาหมาทำธุระระหว่างการเดินทางด้วย การปล่อยให้มันถ่ายเรี่ยรายไม่ดีนะ ผ้าเช็ดตัวเก่า สำหรับเช็ดเท้าเปื้อนๆ ของหมาตอนมันออกไปสำรวจโลกกว้าง   

กรงและเชือกล่าม

     หมาบางเวลาอยู่ในรถจะชอบห้อยหัวออกไปรับลมนอกหน้าต่าง ให้หูและริมฝีปากของมันได้โบยบิน...  แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย แม้ว่าหมาของคุณจะรักการเดินทาง คุณก็ไม่ควรปล่อยให้มันเดินเล่นได้ตามสบายภายในรถของคุณ การทำแบบนี้จะแย่ต่อหมามากหากเกิดอุบัติเหตุ และในทางกลับกัน หมาที่ไม่มีการควบคุมก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนั้น อวัยวะทุกส่วนของหมาก็ควรอยู่ภายในตัวรถตลอดเวลา

     กรงใส่หมาเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพาหมาออกเดินทาง การเลือกกรงใส่หมาควรมีขนาดใหญ่พอให้หมาของคุณยืนได้เต็มที่และเดินกลับตัวไปมาได้ แต่ก็ไม่ควรมีพื้นที่เหลือจนกลิ้งไปมาเมื่อรถเคลื่อนไหว กรงควรระบายอากาศได้ดีและมั่นคงแข็งแรง สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ กรงควรยึดติดอยู่กับพื้นรถ กรงที่เคลื่อนที่ได้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหมาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเลย

     หากกรงไม่เหมาะกับหมาของคุณ  หรือหมาของคุณตัวใหญ่เกินกว่าจะอยู่ในกรงได้ สายรัดที่ยึดติดกับเข็มขัดนิรภัยก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง หมาของคุณจะขยับตัวได้บ้างแต่ก็ยังมีการยึดรั้งเอาไว้ได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่สายรัดนี้ต้องเป็นสายรัดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กับเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น ฉากกั้นเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับกักหมาในพื้นที่ที่กว้างขึ้น เช่น รถตู้ หรือท้ายรถกระบะหรือเอสยูวี ข้อควรระวังก็คือ  ในการเลือกซื้อฉากกั้น คุณควรเลือกแบบที่สามารถยึดติดกับโครงสร้างภายในรถได้อย่างมั่นคง และสามารถยึดตัวหมาของคุณเอาไว้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ



จอดรถพักบ่อยๆ

     คุณอาจจะทนอยู่ในรถนานหลายชั่วโมงระหว่างการเดินทางได้ แต่หมาของคุณทนไม่ไหวหรอก และการกักหมาให้อยู่แต่ในพื้นที่แคบๆ บนรถนานหลายชั่วโมงก็สามารถทำให้การเดินทางของคุณหมดสนุกลงได้อย่างง่ายดาย

     คุณควรวางแผนการเดินทางโดยให้มีจุดแวะพักบ่อยๆ การพาหมาออกไปขับถ่ายและใช้พลังงานเสียบ้างจะช่วยให้หมาของคุณเดินทางได้อย่างสบายใจขึ้น แต่ต้องระวังหมาหลุดหายตอนที่คุณพามันลงจากรถด้วย

     เมื่อหยุดพัก อย่าทิ้งให้หมาของคุณต้องอยู่ภายในรถร้อนๆ แม้ว่าคุณจะแง้มหน้าต่างเอาไว้ให้แล้วก็ตาม ระดับอุณหภูมิภายในรถสามารถพุ่งสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอันตรายต่อหมาของคุณเป็นอย่างยิ่ง

ปรึกษาสัตวแพทย์

ถ้าหากว่านี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของหมาคุณ คุณอาจจะไปปรึกษาสัตวแพทย์ว่าจะเตรียมหมาของคุณให้พร้อมสำหรับการเดินทางได้อย่างไรบ้าง มียาที่ช่วยเรื่องการเมารถและความเครียดอยู่ ซึ่งถ้ามีเผื่อสำรองเอาไว้ก่อนก็จะดีกว่า


4557
10 สายพันธุ์หมาที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว

     ไม่ว่าครอบครัวไหนก็มีความสุขมากขึ้นได้ทันทีที่มีหมาน้อยมาเห่าบ๊อกๆ พร้อมกับกระดอกหางดุ๊กดิ๊กอยู่ข้างๆ หมาเป็นส่วนเสริมที่ดีสำหรับครอบครัว หมาบางสายพันธุ์เหมาะกับการอยู่กับครอบครัวมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับการนำมาปกป้อง เป็นเพื่อนเล่นของเด็กๆ และสร้างความผูกพันภายในครอบครัวของคุณ และนี่คือข้อดีข้อเสียของหมาสำหรับครอบครัวที่ช่วยให้คุณพิจารณาได้ว่า หมาสายพันธุ์ไหนเหมาะกับสภาพและเงื่อนไขของครอบครัวของคุณมากที่สุด



1. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

ข้อดี: เจ้าหมาที่มีความสุขและเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานอยู่ตลอดเวลา ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) คือหมาที่เหมาะสำหรับครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหมาตัวใหญ่ตัวนี้เป็นหนึ่งในพันธุ์ที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับเลี้ยงภายในครอบครัว เพราะว่ามันมีนิสัยที่น่ารักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ พวกมันชอบเอาใจคนและมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวของมัน พวกมันชอบออกไปข้างนอก และมีนิสัยที่สุภาพนุ่มนวล ไม่ก้าวร้าว

ข้อเสีย: ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นหมาที่ฝึกเพื่อรับคำสั่งค่อนข้างยาก แต่ก็ยังคงฝึกได้ มันมีชื่อเสียในด้านการกัดแทะ และขึ้นชื่อว่าเป็นจอมคุ้ยถังขยะ และยังเป็นขาประจำของคลินิกสัตวแพทย์เพราะคุณต้องพามันไปเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากท้องของมันบ่อยๆ ด้วย 



2. คอลลี่ (Collie)

ข้อดี: คอลลี่ (Collie)  เป็นหมาที่เป็นมิตรและช่างเอาอกเอาใจ พวกมันเข้ากันได้ดีเป็นอย่างยิ่งกับเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ของครอบครัว พวกมันมีขนที่สวยงาม แม้ว่าจะต้องการการดูแลรักษาเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นขนหนา 2 ชั้น พวกมันรักการออกกำลังกาย ซื่อสัตย์ และทุ่มเทเพื่อครอบครัว และยังเป็นหมาที่มีคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมากอีกด้วย พวกมันฉลาดและตื่นตัวอยู่เสมอ และจะเฝ้าระวังภัยให้กับครอบครัวของมันอย่างใกล้ชิด

ข้อเสีย: เนื่องจากคอลลี่ (Collie) เป็นหมาที่เพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อใช้ต้อนฝูงสัตว์ จึงจำเป็นต้องฝึกให้มันเลิกนิสัยชอบงับข้อเท้า พวกมันจะต้อนคนในครอบครัวของคุณโดยธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรนักตราบเท่าที่คุณยังฝึกให้มันเลิกงับข้อเท้าได้อย่างมั่นคง



3. พุดเดิ้ล (Poodle)

ข้อดี: พุดเดิ้ล (Poodle) เป็นหมาขนฟูที่เป็นมิตรและฉลาดมาก พวกมันคือหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่ฉลาดที่สุด และทำให้มันเป็นหมาที่มีความประพฤติดีที่สุดไปด้วย พวกมันสามารถฝึกได้ง่าย และขนที่ไม่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ก็ทำให้มันได้รับความนิยมในการทำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นๆ พวกมันมีความอดทนต่อเด็กๆ และชอบว่ายน้ำมาก พุดเดิ้ล (Poodle) มีหลายขนาด คุจะสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัวของคุณได้

ข้อเสีย: ขนที่สวยงามของ พุดเดิ้ล (Poodle) ต้องการการดูแลรักษาเป็นอย่างมาก และแม้ว่ามันจะไม่ผลัดขน ทรงขนยอดนิยมที่เห็นกันโดยทั่วไปนั้นก็ต้องการตัดแต่งอยู่เสมอ



4. อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs)

ข้อดี: อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) เป็นหมาหน้าย่นที่เต็มไปด้วยความน่ารัก และความรักที่มันพร้อมจะมอบให้คุณเสมอ เจ้าหมาขนาดกลางตัวนี้มีระดับพลังงานต่ำ เนื่องจากจมูกของมันสั้น ขาสั้น และมีร่างกายที่แน่นหนา พวกมันจะมีความสุขที่สุดเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) เป็นสายพันธุ์ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอ และมีขนที่ต้องการการดูแลต่ำ พวกมันรักใคร่เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงร่วมบ้านเป็นอย่างยิ่ง

ข้อเสีย: อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) จะค่อนข้างดื้อและฝึกได้ยาก และมีแนวโน้มที่จะมีน้ำลายไหลยืดและนอนกรนเนื่องจากจมูกสั้นๆ ของมัน พวกมันไม่ทนทานต่ออากาศหนาวจัดหรือร้อนจัดนัก และมีแนวโน้มที่จะร้อนเกินไปได้ง่าย คุณจึงจำเป็นต้องสังเกตเรื่องความร้อนที่สูงเกินไปอย่างใกล้ชิด



5. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

ข้อดี: โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นหมาที่รักการออกกำลังกายมาก น่ารัก และใส่ใจครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง พวกมันรักครอบครัวมาก และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและทำให้ทุกคนพอใจ พวกมันเป็นหมาที่ฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว และรักการทำงาน สำหรับครอบครัวที่ชอบเล่นกับหมานอกบ้านแล้ว โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ข้อเสีย: แม้ว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) จะสามารถเรียนรู้ได้เร็ว แต่พวกมันก็เสียสมาธิได้ง่ายและอาจดื้อมากหากไม่มีความสนใจ พวกมันยังมีขนยาวที่ดูแลค่อนข้างยากทีเดียว และมีแนวโน้มที่จะตื่นเต้นเกินไปจนทำให้เด็กๆ ถูกผลักจนล้มได้



6. บ็อกเซอร์ (Boxer)

ข้อดี: บ็อกเซอร์ (Boxer) เป็นเพื่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัว มันมีขนสั้นที่ไม่ต้องกรการดูแลมากนัก มีนิสัยที่นุ่มนวล และมีสีหน้าที่แสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ด้วยคุณสมบัติที่ตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ และช่างสังเกต มันให้บ็อกเซอร์ (Boxer) เป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดีเยี่ยม พวกมันกระตือรือร้นตลอดเวลา และรักการทำกิจกรรมกลางแจ้งกับครอบครัว

ข้อเสีย: บ็อกเซอร์ (Boxer) สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักได้หากพวกมันเบื่อ แต่หลายสายพันธุ์เองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกมันชอบอยู่ในบ้านเมื่อไม่ได้ออกกำลังกาย เนื่องจากบ็อกเซอร์ (Boxer) ไม่สามารถทนอากาศร้อนหรือากาศหนาวได้มากนัก


7. ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter)

ข้อดี: ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter) เป็นหมาที่กระตือรือร้นในการใช้ชีวิตและจะมีความสุขที่สุดเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว พวกมันเป็นหมาทึ่มๆ ล่อหลอกได้ง่าย และอยู่ด้วยแล้วมีความสุข พวกมันยังปรับตัวได้ง่าย เข้ากับเด็กได้ดี และขี้สงสัย ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter) มีขนที่สวยงามและชอบเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ พวกมันไว้ใจคนอื่น ใจดี และรักการใช้เวลากลางแจ้ง หมาพันธุ์นี้เหมาะมากกับครอบครัวที่ชอบทำกิจกรรมนอกบ้าน

ข้อเสีย: หมาบ้าพลังตัวนี้ต้องการการออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้พวกมันไม่หงุดหงิดและหันมาสร้างความเสียหายให้กับบ้านของคุณ พวกมันเป็นนักคิดที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจทำให้น่าหงุดหงิดอยู่บ้างเมื่อต้องฝึกมันให้รับคำสั่ง และขนสีแดงสดของมันยังต้องการการดูแลเป็นอย่างมากอีกด้วย



8. วิซสลา (Vizsla)

ข้อดี: วิซสลา (Vizsla) เป็นหมาที่น่ารัก เปี่ยมไปด้วยพลังงาน และอ่อนโยน มันเป็นหมาที่มีกล้ามเนื้อ แต่กลับมีฝีเท้าและนิสัยรักความสะอาดไม่ต่างอะไรกับแมว คุณจะพบมันเลียทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ สิ่งที่พิเศษก็คือ มันไม่มีกลิ่นตัวเหมือนกับหมาอื่นๆ และถูกเรียกว่าเป็นหมา “พันธุ์ไร้กลิ่น”

ข้อเสีย: หมาพันธุ์นี้รักการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง และความต้องการในการใช้พลังงานสูงนี้เอง จึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการสอดส่องเมื่อเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบอยู่กับ วิซสลา (Vizsla) เพราะพวกมันอาจทำให้เด็กๆ บาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจได้



9. เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd)

ข้อดี: แต่เดิมนั้น เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd) ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อเป็นหมาต้อนสัตว์ และปัจจุบันก็ถูกใช้เป็นหมาตำรวจและหมาทหารอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกมันเป็นหมาเฝ้ายามที่เก่งกาจและเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว พวกมันซื่อสัตย์ รักเจ้าของและทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเขา พวกมันเป็นหมาที่ฉลาดมากและจะแสดงความโดดเด่นออกมาอย่างเด่นชัดเมื่ออยู่ในครอบครัวที่มีความท้าทางทั้งทางร่างกายและทางจิตใจต่อมัน

ข้อเสีย: เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd) มักมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพมากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ พวกมันมีความเสี่ยงในการเป็นโรคสะโพกอักเสบ ตับอ่อนทำงานผิดปกติ และมีเนื้อร้ายได้ง่าย พวกมันยังต้องการการออกกำลังกายอย่างมาก และขี้ระแวงต่อหมาตัวอื่นและคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีเมื่อต้องปกป้องครอบครัวของคุณ แต่มันอาจจะกลายเป็นความก้าวร้าวหรือชอบความโดดเดี่ยวในสายตาของคนภายนอก



10. โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog)

ข้อดี: สิ่งเดียวที่โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) รักมากการเล่นน้ำก็คือครอบครัวของมัน พวกมันเป็นหมาขี้เล่น และเอาใจใส่ และยังเชื่อฟังมากด้วย พวกมันยังมีนิสัยรักสงบและเข้ากันกับเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้ดีมาก พวกมันผูกพันกับครอบครัวอย่างเหนี่ยวแน่นและชอบที่จะอยู่ใกล้คุณ

ข้อเสีย: โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) มีความเสี่ยงต่อการตาบอดได้ง่าย การรับเลี้ยงโปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) จึงต้องเลือกอย่างระมัดระวัง ขนของพวกมันเหมือนกับขนของพุดเดิ้ล (Poodle) และต้องการการดูแลแบบเดียวกัน


4558
10 สายพันธุ์หมาที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว

     ไม่ว่าครอบครัวไหนก็มีความสุขมากขึ้นได้ทันทีที่มีหมาน้อยมาเห่าบ๊อกๆ พร้อมกับกระดอกหางดุ๊กดิ๊กอยู่ข้างๆ หมาเป็นส่วนเสริมที่ดีสำหรับครอบครัว หมาบางสายพันธุ์เหมาะกับการอยู่กับครอบครัวมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับการนำมาปกป้อง เป็นเพื่อนเล่นของเด็กๆ และสร้างความผูกพันภายในครอบครัวของคุณ และนี่คือข้อดีข้อเสียของหมาสำหรับครอบครัวที่ช่วยให้คุณพิจารณาได้ว่า หมาสายพันธุ์ไหนเหมาะกับสภาพและเงื่อนไขของครอบครัวของคุณมากที่สุด



1. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

ข้อดี: เจ้าหมาที่มีความสุขและเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานอยู่ตลอดเวลา ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) คือหมาที่เหมาะสำหรับครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหมาตัวใหญ่ตัวนี้เป็นหนึ่งในพันธุ์ที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับเลี้ยงภายในครอบครัว เพราะว่ามันมีนิสัยที่น่ารักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ พวกมันชอบเอาใจคนและมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวของมัน พวกมันชอบออกไปข้างนอก และมีนิสัยที่สุภาพนุ่มนวล ไม่ก้าวร้าว

ข้อเสีย: ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นหมาที่ฝึกเพื่อรับคำสั่งค่อนข้างยาก แต่ก็ยังคงฝึกได้ มันมีชื่อเสียในด้านการกัดแทะ และขึ้นชื่อว่าเป็นจอมคุ้ยถังขยะ และยังเป็นขาประจำของคลินิกสัตวแพทย์เพราะคุณต้องพามันไปเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากท้องของมันบ่อยๆ ด้วย 



2. คอลลี่ (Collie)

ข้อดี: คอลลี่ (Collie)  เป็นหมาที่เป็นมิตรและช่างเอาอกเอาใจ พวกมันเข้ากันได้ดีเป็นอย่างยิ่งกับเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ของครอบครัว พวกมันมีขนที่สวยงาม แม้ว่าจะต้องการการดูแลรักษาเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นขนหนา 2 ชั้น พวกมันรักการออกกำลังกาย ซื่อสัตย์ และทุ่มเทเพื่อครอบครัว และยังเป็นหมาที่มีคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมากอีกด้วย พวกมันฉลาดและตื่นตัวอยู่เสมอ และจะเฝ้าระวังภัยให้กับครอบครัวของมันอย่างใกล้ชิด

ข้อเสีย: เนื่องจากคอลลี่ (Collie) เป็นหมาที่เพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อใช้ต้อนฝูงสัตว์ จึงจำเป็นต้องฝึกให้มันเลิกนิสัยชอบงับข้อเท้า พวกมันจะต้อนคนในครอบครัวของคุณโดยธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรนักตราบเท่าที่คุณยังฝึกให้มันเลิกงับข้อเท้าได้อย่างมั่นคง



3. พุดเดิ้ล (Poodle)

ข้อดี: พุดเดิ้ล (Poodle) เป็นหมาขนฟูที่เป็นมิตรและฉลาดมาก พวกมันคือหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่ฉลาดที่สุด และทำให้มันเป็นหมาที่มีความประพฤติดีที่สุดไปด้วย พวกมันสามารถฝึกได้ง่าย และขนที่ไม่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ก็ทำให้มันได้รับความนิยมในการทำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นๆ พวกมันมีความอดทนต่อเด็กๆ และชอบว่ายน้ำมาก พุดเดิ้ล (Poodle) มีหลายขนาด คุจะสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัวของคุณได้

ข้อเสีย: ขนที่สวยงามของ พุดเดิ้ล (Poodle) ต้องการการดูแลรักษาเป็นอย่างมาก และแม้ว่ามันจะไม่ผลัดขน ทรงขนยอดนิยมที่เห็นกันโดยทั่วไปนั้นก็ต้องการตัดแต่งอยู่เสมอ



4. อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs)

ข้อดี: อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) เป็นหมาหน้าย่นที่เต็มไปด้วยความน่ารัก และความรักที่มันพร้อมจะมอบให้คุณเสมอ เจ้าหมาขนาดกลางตัวนี้มีระดับพลังงานต่ำ เนื่องจากจมูกของมันสั้น ขาสั้น และมีร่างกายที่แน่นหนา พวกมันจะมีความสุขที่สุดเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) เป็นสายพันธุ์ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอ และมีขนที่ต้องการการดูแลต่ำ พวกมันรักใคร่เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงร่วมบ้านเป็นอย่างยิ่ง

ข้อเสีย: อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) จะค่อนข้างดื้อและฝึกได้ยาก และมีแนวโน้มที่จะมีน้ำลายไหลยืดและนอนกรนเนื่องจากจมูกสั้นๆ ของมัน พวกมันไม่ทนทานต่ออากาศหนาวจัดหรือร้อนจัดนัก และมีแนวโน้มที่จะร้อนเกินไปได้ง่าย คุณจึงจำเป็นต้องสังเกตเรื่องความร้อนที่สูงเกินไปอย่างใกล้ชิด



5. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

ข้อดี: โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นหมาที่รักการออกกำลังกายมาก น่ารัก และใส่ใจครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง พวกมันรักครอบครัวมาก และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและทำให้ทุกคนพอใจ พวกมันเป็นหมาที่ฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว และรักการทำงาน สำหรับครอบครัวที่ชอบเล่นกับหมานอกบ้านแล้ว โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ข้อเสีย: แม้ว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) จะสามารถเรียนรู้ได้เร็ว แต่พวกมันก็เสียสมาธิได้ง่ายและอาจดื้อมากหากไม่มีความสนใจ พวกมันยังมีขนยาวที่ดูแลค่อนข้างยากทีเดียว และมีแนวโน้มที่จะตื่นเต้นเกินไปจนทำให้เด็กๆ ถูกผลักจนล้มได้



6. บ็อกเซอร์ (Boxer)

ข้อดี: บ็อกเซอร์ (Boxer) เป็นเพื่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัว มันมีขนสั้นที่ไม่ต้องกรการดูแลมากนัก มีนิสัยที่นุ่มนวล และมีสีหน้าที่แสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ด้วยคุณสมบัติที่ตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ และช่างสังเกต มันให้บ็อกเซอร์ (Boxer) เป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดีเยี่ยม พวกมันกระตือรือร้นตลอดเวลา และรักการทำกิจกรรมกลางแจ้งกับครอบครัว

ข้อเสีย: บ็อกเซอร์ (Boxer) สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักได้หากพวกมันเบื่อ แต่หลายสายพันธุ์เองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกมันชอบอยู่ในบ้านเมื่อไม่ได้ออกกำลังกาย เนื่องจากบ็อกเซอร์ (Boxer) ไม่สามารถทนอากาศร้อนหรือากาศหนาวได้มากนัก


7. ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter)

ข้อดี: ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter) เป็นหมาที่กระตือรือร้นในการใช้ชีวิตและจะมีความสุขที่สุดเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว พวกมันเป็นหมาทึ่มๆ ล่อหลอกได้ง่าย และอยู่ด้วยแล้วมีความสุข พวกมันยังปรับตัวได้ง่าย เข้ากับเด็กได้ดี และขี้สงสัย ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter) มีขนที่สวยงามและชอบเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ พวกมันไว้ใจคนอื่น ใจดี และรักการใช้เวลากลางแจ้ง หมาพันธุ์นี้เหมาะมากกับครอบครัวที่ชอบทำกิจกรรมนอกบ้าน

ข้อเสีย: หมาบ้าพลังตัวนี้ต้องการการออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้พวกมันไม่หงุดหงิดและหันมาสร้างความเสียหายให้กับบ้านของคุณ พวกมันเป็นนักคิดที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจทำให้น่าหงุดหงิดอยู่บ้างเมื่อต้องฝึกมันให้รับคำสั่ง และขนสีแดงสดของมันยังต้องการการดูแลเป็นอย่างมากอีกด้วย



8. วิซสลา (Vizsla)

ข้อดี: วิซสลา (Vizsla) เป็นหมาที่น่ารัก เปี่ยมไปด้วยพลังงาน และอ่อนโยน มันเป็นหมาที่มีกล้ามเนื้อ แต่กลับมีฝีเท้าและนิสัยรักความสะอาดไม่ต่างอะไรกับแมว คุณจะพบมันเลียทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ สิ่งที่พิเศษก็คือ มันไม่มีกลิ่นตัวเหมือนกับหมาอื่นๆ และถูกเรียกว่าเป็นหมา “พันธุ์ไร้กลิ่น”

ข้อเสีย: หมาพันธุ์นี้รักการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง และความต้องการในการใช้พลังงานสูงนี้เอง จึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการสอดส่องเมื่อเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบอยู่กับ วิซสลา (Vizsla) เพราะพวกมันอาจทำให้เด็กๆ บาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจได้



9. เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd)

ข้อดี: แต่เดิมนั้น เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd) ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อเป็นหมาต้อนสัตว์ และปัจจุบันก็ถูกใช้เป็นหมาตำรวจและหมาทหารอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกมันเป็นหมาเฝ้ายามที่เก่งกาจและเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว พวกมันซื่อสัตย์ รักเจ้าของและทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเขา พวกมันเป็นหมาที่ฉลาดมากและจะแสดงความโดดเด่นออกมาอย่างเด่นชัดเมื่ออยู่ในครอบครัวที่มีความท้าทางทั้งทางร่างกายและทางจิตใจต่อมัน

ข้อเสีย: เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd) มักมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพมากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ พวกมันมีความเสี่ยงในการเป็นโรคสะโพกอักเสบ ตับอ่อนทำงานผิดปกติ และมีเนื้อร้ายได้ง่าย พวกมันยังต้องการการออกกำลังกายอย่างมาก และขี้ระแวงต่อหมาตัวอื่นและคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีเมื่อต้องปกป้องครอบครัวของคุณ แต่มันอาจจะกลายเป็นความก้าวร้าวหรือชอบความโดดเดี่ยวในสายตาของคนภายนอก



10. โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog)

ข้อดี: สิ่งเดียวที่โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) รักมากการเล่นน้ำก็คือครอบครัวของมัน พวกมันเป็นหมาขี้เล่น และเอาใจใส่ และยังเชื่อฟังมากด้วย พวกมันยังมีนิสัยรักสงบและเข้ากันกับเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้ดีมาก พวกมันผูกพันกับครอบครัวอย่างเหนี่ยวแน่นและชอบที่จะอยู่ใกล้คุณ

ข้อเสีย: โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) มีความเสี่ยงต่อการตาบอดได้ง่าย การรับเลี้ยงโปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) จึงต้องเลือกอย่างระมัดระวัง ขนของพวกมันเหมือนกับขนของพุดเดิ้ล (Poodle) และต้องการการดูแลแบบเดียวกัน


4559
10 สายพันธุ์หมาที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว

     ไม่ว่าครอบครัวไหนก็มีความสุขมากขึ้นได้ทันทีที่มีหมาน้อยมาเห่าบ๊อกๆ พร้อมกับกระดอกหางดุ๊กดิ๊กอยู่ข้างๆ หมาเป็นส่วนเสริมที่ดีสำหรับครอบครัว หมาบางสายพันธุ์เหมาะกับการอยู่กับครอบครัวมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับการนำมาปกป้อง เป็นเพื่อนเล่นของเด็กๆ และสร้างความผูกพันภายในครอบครัวของคุณ และนี่คือข้อดีข้อเสียของหมาสำหรับครอบครัวที่ช่วยให้คุณพิจารณาได้ว่า หมาสายพันธุ์ไหนเหมาะกับสภาพและเงื่อนไขของครอบครัวของคุณมากที่สุด



1. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

ข้อดี: เจ้าหมาที่มีความสุขและเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานอยู่ตลอดเวลา ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) คือหมาที่เหมาะสำหรับครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหมาตัวใหญ่ตัวนี้เป็นหนึ่งในพันธุ์ที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับเลี้ยงภายในครอบครัว เพราะว่ามันมีนิสัยที่น่ารักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ พวกมันชอบเอาใจคนและมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวของมัน พวกมันชอบออกไปข้างนอก และมีนิสัยที่สุภาพนุ่มนวล ไม่ก้าวร้าว

ข้อเสีย: ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นหมาที่ฝึกเพื่อรับคำสั่งค่อนข้างยาก แต่ก็ยังคงฝึกได้ มันมีชื่อเสียในด้านการกัดแทะ และขึ้นชื่อว่าเป็นจอมคุ้ยถังขยะ และยังเป็นขาประจำของคลินิกสัตวแพทย์เพราะคุณต้องพามันไปเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากท้องของมันบ่อยๆ ด้วย 



2. คอลลี่ (Collie)

ข้อดี: คอลลี่ (Collie)  เป็นหมาที่เป็นมิตรและช่างเอาอกเอาใจ พวกมันเข้ากันได้ดีเป็นอย่างยิ่งกับเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ของครอบครัว พวกมันมีขนที่สวยงาม แม้ว่าจะต้องการการดูแลรักษาเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นขนหนา 2 ชั้น พวกมันรักการออกกำลังกาย ซื่อสัตย์ และทุ่มเทเพื่อครอบครัว และยังเป็นหมาที่มีคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมากอีกด้วย พวกมันฉลาดและตื่นตัวอยู่เสมอ และจะเฝ้าระวังภัยให้กับครอบครัวของมันอย่างใกล้ชิด

ข้อเสีย: เนื่องจากคอลลี่ (Collie) เป็นหมาที่เพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อใช้ต้อนฝูงสัตว์ จึงจำเป็นต้องฝึกให้มันเลิกนิสัยชอบงับข้อเท้า พวกมันจะต้อนคนในครอบครัวของคุณโดยธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรนักตราบเท่าที่คุณยังฝึกให้มันเลิกงับข้อเท้าได้อย่างมั่นคง



3. พุดเดิ้ล (Poodle)

ข้อดี: พุดเดิ้ล (Poodle) เป็นหมาขนฟูที่เป็นมิตรและฉลาดมาก พวกมันคือหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่ฉลาดที่สุด และทำให้มันเป็นหมาที่มีความประพฤติดีที่สุดไปด้วย พวกมันสามารถฝึกได้ง่าย และขนที่ไม่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ก็ทำให้มันได้รับความนิยมในการทำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นๆ พวกมันมีความอดทนต่อเด็กๆ และชอบว่ายน้ำมาก พุดเดิ้ล (Poodle) มีหลายขนาด คุจะสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัวของคุณได้

ข้อเสีย: ขนที่สวยงามของ พุดเดิ้ล (Poodle) ต้องการการดูแลรักษาเป็นอย่างมาก และแม้ว่ามันจะไม่ผลัดขน ทรงขนยอดนิยมที่เห็นกันโดยทั่วไปนั้นก็ต้องการตัดแต่งอยู่เสมอ



4. อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs)

ข้อดี: อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) เป็นหมาหน้าย่นที่เต็มไปด้วยความน่ารัก และความรักที่มันพร้อมจะมอบให้คุณเสมอ เจ้าหมาขนาดกลางตัวนี้มีระดับพลังงานต่ำ เนื่องจากจมูกของมันสั้น ขาสั้น และมีร่างกายที่แน่นหนา พวกมันจะมีความสุขที่สุดเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) เป็นสายพันธุ์ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอ และมีขนที่ต้องการการดูแลต่ำ พวกมันรักใคร่เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงร่วมบ้านเป็นอย่างยิ่ง

ข้อเสีย: อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) จะค่อนข้างดื้อและฝึกได้ยาก และมีแนวโน้มที่จะมีน้ำลายไหลยืดและนอนกรนเนื่องจากจมูกสั้นๆ ของมัน พวกมันไม่ทนทานต่ออากาศหนาวจัดหรือร้อนจัดนัก และมีแนวโน้มที่จะร้อนเกินไปได้ง่าย คุณจึงจำเป็นต้องสังเกตเรื่องความร้อนที่สูงเกินไปอย่างใกล้ชิด



5. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

ข้อดี: โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นหมาที่รักการออกกำลังกายมาก น่ารัก และใส่ใจครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง พวกมันรักครอบครัวมาก และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและทำให้ทุกคนพอใจ พวกมันเป็นหมาที่ฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว และรักการทำงาน สำหรับครอบครัวที่ชอบเล่นกับหมานอกบ้านแล้ว โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ข้อเสีย: แม้ว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) จะสามารถเรียนรู้ได้เร็ว แต่พวกมันก็เสียสมาธิได้ง่ายและอาจดื้อมากหากไม่มีความสนใจ พวกมันยังมีขนยาวที่ดูแลค่อนข้างยากทีเดียว และมีแนวโน้มที่จะตื่นเต้นเกินไปจนทำให้เด็กๆ ถูกผลักจนล้มได้



6. บ็อกเซอร์ (Boxer)

ข้อดี: บ็อกเซอร์ (Boxer) เป็นเพื่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัว มันมีขนสั้นที่ไม่ต้องกรการดูแลมากนัก มีนิสัยที่นุ่มนวล และมีสีหน้าที่แสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ด้วยคุณสมบัติที่ตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ และช่างสังเกต มันให้บ็อกเซอร์ (Boxer) เป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดีเยี่ยม พวกมันกระตือรือร้นตลอดเวลา และรักการทำกิจกรรมกลางแจ้งกับครอบครัว

ข้อเสีย: บ็อกเซอร์ (Boxer) สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักได้หากพวกมันเบื่อ แต่หลายสายพันธุ์เองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกมันชอบอยู่ในบ้านเมื่อไม่ได้ออกกำลังกาย เนื่องจากบ็อกเซอร์ (Boxer) ไม่สามารถทนอากาศร้อนหรือากาศหนาวได้มากนัก


7. ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter)

ข้อดี: ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter) เป็นหมาที่กระตือรือร้นในการใช้ชีวิตและจะมีความสุขที่สุดเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว พวกมันเป็นหมาทึ่มๆ ล่อหลอกได้ง่าย และอยู่ด้วยแล้วมีความสุข พวกมันยังปรับตัวได้ง่าย เข้ากับเด็กได้ดี และขี้สงสัย ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter) มีขนที่สวยงามและชอบเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ พวกมันไว้ใจคนอื่น ใจดี และรักการใช้เวลากลางแจ้ง หมาพันธุ์นี้เหมาะมากกับครอบครัวที่ชอบทำกิจกรรมนอกบ้าน

ข้อเสีย: หมาบ้าพลังตัวนี้ต้องการการออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้พวกมันไม่หงุดหงิดและหันมาสร้างความเสียหายให้กับบ้านของคุณ พวกมันเป็นนักคิดที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจทำให้น่าหงุดหงิดอยู่บ้างเมื่อต้องฝึกมันให้รับคำสั่ง และขนสีแดงสดของมันยังต้องการการดูแลเป็นอย่างมากอีกด้วย



8. วิซสลา (Vizsla)

ข้อดี: วิซสลา (Vizsla) เป็นหมาที่น่ารัก เปี่ยมไปด้วยพลังงาน และอ่อนโยน มันเป็นหมาที่มีกล้ามเนื้อ แต่กลับมีฝีเท้าและนิสัยรักความสะอาดไม่ต่างอะไรกับแมว คุณจะพบมันเลียทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ สิ่งที่พิเศษก็คือ มันไม่มีกลิ่นตัวเหมือนกับหมาอื่นๆ และถูกเรียกว่าเป็นหมา “พันธุ์ไร้กลิ่น”

ข้อเสีย: หมาพันธุ์นี้รักการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง และความต้องการในการใช้พลังงานสูงนี้เอง จึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการสอดส่องเมื่อเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบอยู่กับ วิซสลา (Vizsla) เพราะพวกมันอาจทำให้เด็กๆ บาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจได้



9. เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd)

ข้อดี: แต่เดิมนั้น เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd) ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อเป็นหมาต้อนสัตว์ และปัจจุบันก็ถูกใช้เป็นหมาตำรวจและหมาทหารอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกมันเป็นหมาเฝ้ายามที่เก่งกาจและเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว พวกมันซื่อสัตย์ รักเจ้าของและทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเขา พวกมันเป็นหมาที่ฉลาดมากและจะแสดงความโดดเด่นออกมาอย่างเด่นชัดเมื่ออยู่ในครอบครัวที่มีความท้าทางทั้งทางร่างกายและทางจิตใจต่อมัน

ข้อเสีย: เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd) มักมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพมากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ พวกมันมีความเสี่ยงในการเป็นโรคสะโพกอักเสบ ตับอ่อนทำงานผิดปกติ และมีเนื้อร้ายได้ง่าย พวกมันยังต้องการการออกกำลังกายอย่างมาก และขี้ระแวงต่อหมาตัวอื่นและคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีเมื่อต้องปกป้องครอบครัวของคุณ แต่มันอาจจะกลายเป็นความก้าวร้าวหรือชอบความโดดเดี่ยวในสายตาของคนภายนอก



10. โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog)

ข้อดี: สิ่งเดียวที่โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) รักมากการเล่นน้ำก็คือครอบครัวของมัน พวกมันเป็นหมาขี้เล่น และเอาใจใส่ และยังเชื่อฟังมากด้วย พวกมันยังมีนิสัยรักสงบและเข้ากันกับเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้ดีมาก พวกมันผูกพันกับครอบครัวอย่างเหนี่ยวแน่นและชอบที่จะอยู่ใกล้คุณ

ข้อเสีย: โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) มีความเสี่ยงต่อการตาบอดได้ง่าย การรับเลี้ยงโปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) จึงต้องเลือกอย่างระมัดระวัง ขนของพวกมันเหมือนกับขนของพุดเดิ้ล (Poodle) และต้องการการดูแลแบบเดียวกัน


4560
10 สายพันธุ์หมาที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว

     ไม่ว่าครอบครัวไหนก็มีความสุขมากขึ้นได้ทันทีที่มีหมาน้อยมาเห่าบ๊อกๆ พร้อมกับกระดอกหางดุ๊กดิ๊กอยู่ข้างๆ หมาเป็นส่วนเสริมที่ดีสำหรับครอบครัว หมาบางสายพันธุ์เหมาะกับการอยู่กับครอบครัวมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับการนำมาปกป้อง เป็นเพื่อนเล่นของเด็กๆ และสร้างความผูกพันภายในครอบครัวของคุณ และนี่คือข้อดีข้อเสียของหมาสำหรับครอบครัวที่ช่วยให้คุณพิจารณาได้ว่า หมาสายพันธุ์ไหนเหมาะกับสภาพและเงื่อนไขของครอบครัวของคุณมากที่สุด



1. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

ข้อดี: เจ้าหมาที่มีความสุขและเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานอยู่ตลอดเวลา ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) คือหมาที่เหมาะสำหรับครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหมาตัวใหญ่ตัวนี้เป็นหนึ่งในพันธุ์ที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับเลี้ยงภายในครอบครัว เพราะว่ามันมีนิสัยที่น่ารักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ พวกมันชอบเอาใจคนและมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวของมัน พวกมันชอบออกไปข้างนอก และมีนิสัยที่สุภาพนุ่มนวล ไม่ก้าวร้าว

ข้อเสีย: ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นหมาที่ฝึกเพื่อรับคำสั่งค่อนข้างยาก แต่ก็ยังคงฝึกได้ มันมีชื่อเสียในด้านการกัดแทะ และขึ้นชื่อว่าเป็นจอมคุ้ยถังขยะ และยังเป็นขาประจำของคลินิกสัตวแพทย์เพราะคุณต้องพามันไปเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากท้องของมันบ่อยๆ ด้วย 



2. คอลลี่ (Collie)

ข้อดี: คอลลี่ (Collie)  เป็นหมาที่เป็นมิตรและช่างเอาอกเอาใจ พวกมันเข้ากันได้ดีเป็นอย่างยิ่งกับเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ของครอบครัว พวกมันมีขนที่สวยงาม แม้ว่าจะต้องการการดูแลรักษาเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นขนหนา 2 ชั้น พวกมันรักการออกกำลังกาย ซื่อสัตย์ และทุ่มเทเพื่อครอบครัว และยังเป็นหมาที่มีคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมากอีกด้วย พวกมันฉลาดและตื่นตัวอยู่เสมอ และจะเฝ้าระวังภัยให้กับครอบครัวของมันอย่างใกล้ชิด

ข้อเสีย: เนื่องจากคอลลี่ (Collie) เป็นหมาที่เพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อใช้ต้อนฝูงสัตว์ จึงจำเป็นต้องฝึกให้มันเลิกนิสัยชอบงับข้อเท้า พวกมันจะต้อนคนในครอบครัวของคุณโดยธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรนักตราบเท่าที่คุณยังฝึกให้มันเลิกงับข้อเท้าได้อย่างมั่นคง



3. พุดเดิ้ล (Poodle)

ข้อดี: พุดเดิ้ล (Poodle) เป็นหมาขนฟูที่เป็นมิตรและฉลาดมาก พวกมันคือหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่ฉลาดที่สุด และทำให้มันเป็นหมาที่มีความประพฤติดีที่สุดไปด้วย พวกมันสามารถฝึกได้ง่าย และขนที่ไม่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ก็ทำให้มันได้รับความนิยมในการทำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นๆ พวกมันมีความอดทนต่อเด็กๆ และชอบว่ายน้ำมาก พุดเดิ้ล (Poodle) มีหลายขนาด คุจะสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัวของคุณได้

ข้อเสีย: ขนที่สวยงามของ พุดเดิ้ล (Poodle) ต้องการการดูแลรักษาเป็นอย่างมาก และแม้ว่ามันจะไม่ผลัดขน ทรงขนยอดนิยมที่เห็นกันโดยทั่วไปนั้นก็ต้องการตัดแต่งอยู่เสมอ



4. อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs)

ข้อดี: อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) เป็นหมาหน้าย่นที่เต็มไปด้วยความน่ารัก และความรักที่มันพร้อมจะมอบให้คุณเสมอ เจ้าหมาขนาดกลางตัวนี้มีระดับพลังงานต่ำ เนื่องจากจมูกของมันสั้น ขาสั้น และมีร่างกายที่แน่นหนา พวกมันจะมีความสุขที่สุดเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) เป็นสายพันธุ์ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอ และมีขนที่ต้องการการดูแลต่ำ พวกมันรักใคร่เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงร่วมบ้านเป็นอย่างยิ่ง

ข้อเสีย: อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldogs) จะค่อนข้างดื้อและฝึกได้ยาก และมีแนวโน้มที่จะมีน้ำลายไหลยืดและนอนกรนเนื่องจากจมูกสั้นๆ ของมัน พวกมันไม่ทนทานต่ออากาศหนาวจัดหรือร้อนจัดนัก และมีแนวโน้มที่จะร้อนเกินไปได้ง่าย คุณจึงจำเป็นต้องสังเกตเรื่องความร้อนที่สูงเกินไปอย่างใกล้ชิด



5. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

ข้อดี: โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นหมาที่รักการออกกำลังกายมาก น่ารัก และใส่ใจครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง พวกมันรักครอบครัวมาก และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและทำให้ทุกคนพอใจ พวกมันเป็นหมาที่ฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว และรักการทำงาน สำหรับครอบครัวที่ชอบเล่นกับหมานอกบ้านแล้ว โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ข้อเสีย: แม้ว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) จะสามารถเรียนรู้ได้เร็ว แต่พวกมันก็เสียสมาธิได้ง่ายและอาจดื้อมากหากไม่มีความสนใจ พวกมันยังมีขนยาวที่ดูแลค่อนข้างยากทีเดียว และมีแนวโน้มที่จะตื่นเต้นเกินไปจนทำให้เด็กๆ ถูกผลักจนล้มได้



6. บ็อกเซอร์ (Boxer)

ข้อดี: บ็อกเซอร์ (Boxer) เป็นเพื่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัว มันมีขนสั้นที่ไม่ต้องกรการดูแลมากนัก มีนิสัยที่นุ่มนวล และมีสีหน้าที่แสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ด้วยคุณสมบัติที่ตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ และช่างสังเกต มันให้บ็อกเซอร์ (Boxer) เป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดีเยี่ยม พวกมันกระตือรือร้นตลอดเวลา และรักการทำกิจกรรมกลางแจ้งกับครอบครัว

ข้อเสีย: บ็อกเซอร์ (Boxer) สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักได้หากพวกมันเบื่อ แต่หลายสายพันธุ์เองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกมันชอบอยู่ในบ้านเมื่อไม่ได้ออกกำลังกาย เนื่องจากบ็อกเซอร์ (Boxer) ไม่สามารถทนอากาศร้อนหรือากาศหนาวได้มากนัก


7. ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter)

ข้อดี: ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter) เป็นหมาที่กระตือรือร้นในการใช้ชีวิตและจะมีความสุขที่สุดเมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว พวกมันเป็นหมาทึ่มๆ ล่อหลอกได้ง่าย และอยู่ด้วยแล้วมีความสุข พวกมันยังปรับตัวได้ง่าย เข้ากับเด็กได้ดี และขี้สงสัย ไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter) มีขนที่สวยงามและชอบเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ พวกมันไว้ใจคนอื่น ใจดี และรักการใช้เวลากลางแจ้ง หมาพันธุ์นี้เหมาะมากกับครอบครัวที่ชอบทำกิจกรรมนอกบ้าน

ข้อเสีย: หมาบ้าพลังตัวนี้ต้องการการออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้พวกมันไม่หงุดหงิดและหันมาสร้างความเสียหายให้กับบ้านของคุณ พวกมันเป็นนักคิดที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจทำให้น่าหงุดหงิดอยู่บ้างเมื่อต้องฝึกมันให้รับคำสั่ง และขนสีแดงสดของมันยังต้องการการดูแลเป็นอย่างมากอีกด้วย



8. วิซสลา (Vizsla)

ข้อดี: วิซสลา (Vizsla) เป็นหมาที่น่ารัก เปี่ยมไปด้วยพลังงาน และอ่อนโยน มันเป็นหมาที่มีกล้ามเนื้อ แต่กลับมีฝีเท้าและนิสัยรักความสะอาดไม่ต่างอะไรกับแมว คุณจะพบมันเลียทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ สิ่งที่พิเศษก็คือ มันไม่มีกลิ่นตัวเหมือนกับหมาอื่นๆ และถูกเรียกว่าเป็นหมา “พันธุ์ไร้กลิ่น”

ข้อเสีย: หมาพันธุ์นี้รักการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง และความต้องการในการใช้พลังงานสูงนี้เอง จึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการสอดส่องเมื่อเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบอยู่กับ วิซสลา (Vizsla) เพราะพวกมันอาจทำให้เด็กๆ บาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจได้



9. เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd)

ข้อดี: แต่เดิมนั้น เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd) ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อเป็นหมาต้อนสัตว์ และปัจจุบันก็ถูกใช้เป็นหมาตำรวจและหมาทหารอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกมันเป็นหมาเฝ้ายามที่เก่งกาจและเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว พวกมันซื่อสัตย์ รักเจ้าของและทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเขา พวกมันเป็นหมาที่ฉลาดมากและจะแสดงความโดดเด่นออกมาอย่างเด่นชัดเมื่ออยู่ในครอบครัวที่มีความท้าทางทั้งทางร่างกายและทางจิตใจต่อมัน

ข้อเสีย: เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd) มักมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพมากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ พวกมันมีความเสี่ยงในการเป็นโรคสะโพกอักเสบ ตับอ่อนทำงานผิดปกติ และมีเนื้อร้ายได้ง่าย พวกมันยังต้องการการออกกำลังกายอย่างมาก และขี้ระแวงต่อหมาตัวอื่นและคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีเมื่อต้องปกป้องครอบครัวของคุณ แต่มันอาจจะกลายเป็นความก้าวร้าวหรือชอบความโดดเดี่ยวในสายตาของคนภายนอก



10. โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog)

ข้อดี: สิ่งเดียวที่โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) รักมากการเล่นน้ำก็คือครอบครัวของมัน พวกมันเป็นหมาขี้เล่น และเอาใจใส่ และยังเชื่อฟังมากด้วย พวกมันยังมีนิสัยรักสงบและเข้ากันกับเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้ดีมาก พวกมันผูกพันกับครอบครัวอย่างเหนี่ยวแน่นและชอบที่จะอยู่ใกล้คุณ

ข้อเสีย: โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) มีความเสี่ยงต่อการตาบอดได้ง่าย การรับเลี้ยงโปรตุกีส วอเตอร์ด็อก (Portuguese Water Dog) จึงต้องเลือกอย่างระมัดระวัง ขนของพวกมันเหมือนกับขนของพุดเดิ้ล (Poodle) และต้องการการดูแลแบบเดียวกัน