แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ขายหมา

4426
มาทำเค้กวันเกิดสำหรับหมาสุดที่รักของคุณกันเถอะ!



     ไม่ว่าใครต่างก็อยากได้เค้กวันเกิดเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แล้วทำไมถึงจะไม่ทำเค้กให้เพื่อนรักสี่ขาของคุณในโอกาสพิเศษบ้างล่ะ เค้กกล้วยและน้ำผึ้งคือขนมแสนอร่อยที่โปะหน้าด้วยครีมชีสและครีมเนยถั่วหอมๆ คุณอาจจะเอาขนมหมามาวางตกแต่งหน้าเค้กเป็นพิเศษเพื่อให้หมาของคุณดีใจขึ้นไปอีกก็ได้นะ

     อ้อ แต่คุณควรอบเค้กแยกต่างหากสำหรับหมาของคุณโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้มันกินมากเกินไป และให้หมาตัวอื่นๆ ได้กินเป็นเพื่อนด้วย 
สิ่งที่คุณต้องเตรียมสำหรับเค้กขนาดคัพเค้ก 6 ชิ้นก็คือ

•   กล้วย 2 ลูก
•   น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
•   ไข่ 1 ฟอง ตีเบาๆ
•   โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 3 ช้อนโต๊ะ
•   น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
•   แป้งโฮลวีต 1 ¾ ถ้วย
•   แบ็คกิ้งโซดา 1 ช้อนชา



ครีมแต้งหน้าสำหรับเค้ก 1 ชิ้น

•   ครีมชีส 1 ช้อนโต๊ะ
•   เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
•   ขนมหมา (แล้วแต่ชอบ จะไม่ใส่ก็ได้)

*อย่าลืมว่าหมาของคุณกินช็อกโกแลตไม่ได้ เพราะช็อกโกแลตเป็นพิษต่อร่างกายของหมาของคุณ ดังนั้น ห้ามใส่ช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตชิพลงในเค้กสำหรับหมาของคุณเด็ดขาด!*

วิธีทำเค้กวันเกิดสำหรับหมาที่คุณรัก

•   อุ่นเตาเอาไว้ล่วงหน้าที่อุณหภูมิ 350° (180° C)
•   บดกล้วยผสมให้เข้ากับน้ำมัน ไข่ โยเกิร์ต และน้ำผึ้งในชาม กวนจนกระทั่งส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
•   ผสมแป้งกับแบ็คกิ้งโซดาลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันก่อนจะ ตักส่วนผสมใส่ลงในถาดสำหรับทำมัฟฟินหรือคัพเค้ก อบนาน 15 นาที แล้วเอาออกมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
•   ตีครีมชีสกับเนยถั่วให้เข้ากัน แล้วตัก เท หรือปาดครีมลงบนเค้ก
•   ตกแต่งหน้าเค้กด้วยขนมหมาชิ้นเล็กๆ แล้วยื่นให้หมาของคุณชิมได้เลย!

4427
มาทำเค้กวันเกิดสำหรับหมาสุดที่รักของคุณกันเถอะ!



     ไม่ว่าใครต่างก็อยากได้เค้กวันเกิดเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แล้วทำไมถึงจะไม่ทำเค้กให้เพื่อนรักสี่ขาของคุณในโอกาสพิเศษบ้างล่ะ เค้กกล้วยและน้ำผึ้งคือขนมแสนอร่อยที่โปะหน้าด้วยครีมชีสและครีมเนยถั่วหอมๆ คุณอาจจะเอาขนมหมามาวางตกแต่งหน้าเค้กเป็นพิเศษเพื่อให้หมาของคุณดีใจขึ้นไปอีกก็ได้นะ

     อ้อ แต่คุณควรอบเค้กแยกต่างหากสำหรับหมาของคุณโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้มันกินมากเกินไป และให้หมาตัวอื่นๆ ได้กินเป็นเพื่อนด้วย 
สิ่งที่คุณต้องเตรียมสำหรับเค้กขนาดคัพเค้ก 6 ชิ้นก็คือ

•   กล้วย 2 ลูก
•   น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
•   ไข่ 1 ฟอง ตีเบาๆ
•   โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 3 ช้อนโต๊ะ
•   น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
•   แป้งโฮลวีต 1 ¾ ถ้วย
•   แบ็คกิ้งโซดา 1 ช้อนชา



ครีมแต้งหน้าสำหรับเค้ก 1 ชิ้น

•   ครีมชีส 1 ช้อนโต๊ะ
•   เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
•   ขนมหมา (แล้วแต่ชอบ จะไม่ใส่ก็ได้)

*อย่าลืมว่าหมาของคุณกินช็อกโกแลตไม่ได้ เพราะช็อกโกแลตเป็นพิษต่อร่างกายของหมาของคุณ ดังนั้น ห้ามใส่ช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตชิพลงในเค้กสำหรับหมาของคุณเด็ดขาด!*

วิธีทำเค้กวันเกิดสำหรับหมาที่คุณรัก

•   อุ่นเตาเอาไว้ล่วงหน้าที่อุณหภูมิ 350° (180° C)
•   บดกล้วยผสมให้เข้ากับน้ำมัน ไข่ โยเกิร์ต และน้ำผึ้งในชาม กวนจนกระทั่งส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
•   ผสมแป้งกับแบ็คกิ้งโซดาลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันก่อนจะ ตักส่วนผสมใส่ลงในถาดสำหรับทำมัฟฟินหรือคัพเค้ก อบนาน 15 นาที แล้วเอาออกมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
•   ตีครีมชีสกับเนยถั่วให้เข้ากัน แล้วตัก เท หรือปาดครีมลงบนเค้ก
•   ตกแต่งหน้าเค้กด้วยขนมหมาชิ้นเล็กๆ แล้วยื่นให้หมาของคุณชิมได้เลย!

4428
มาทำเค้กวันเกิดสำหรับหมาสุดที่รักของคุณกันเถอะ!



     ไม่ว่าใครต่างก็อยากได้เค้กวันเกิดเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แล้วทำไมถึงจะไม่ทำเค้กให้เพื่อนรักสี่ขาของคุณในโอกาสพิเศษบ้างล่ะ เค้กกล้วยและน้ำผึ้งคือขนมแสนอร่อยที่โปะหน้าด้วยครีมชีสและครีมเนยถั่วหอมๆ คุณอาจจะเอาขนมหมามาวางตกแต่งหน้าเค้กเป็นพิเศษเพื่อให้หมาของคุณดีใจขึ้นไปอีกก็ได้นะ

     อ้อ แต่คุณควรอบเค้กแยกต่างหากสำหรับหมาของคุณโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้มันกินมากเกินไป และให้หมาตัวอื่นๆ ได้กินเป็นเพื่อนด้วย 
สิ่งที่คุณต้องเตรียมสำหรับเค้กขนาดคัพเค้ก 6 ชิ้นก็คือ

•   กล้วย 2 ลูก
•   น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
•   ไข่ 1 ฟอง ตีเบาๆ
•   โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 3 ช้อนโต๊ะ
•   น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
•   แป้งโฮลวีต 1 ¾ ถ้วย
•   แบ็คกิ้งโซดา 1 ช้อนชา



ครีมแต้งหน้าสำหรับเค้ก 1 ชิ้น

•   ครีมชีส 1 ช้อนโต๊ะ
•   เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
•   ขนมหมา (แล้วแต่ชอบ จะไม่ใส่ก็ได้)

*อย่าลืมว่าหมาของคุณกินช็อกโกแลตไม่ได้ เพราะช็อกโกแลตเป็นพิษต่อร่างกายของหมาของคุณ ดังนั้น ห้ามใส่ช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตชิพลงในเค้กสำหรับหมาของคุณเด็ดขาด!*

วิธีทำเค้กวันเกิดสำหรับหมาที่คุณรัก

•   อุ่นเตาเอาไว้ล่วงหน้าที่อุณหภูมิ 350° (180° C)
•   บดกล้วยผสมให้เข้ากับน้ำมัน ไข่ โยเกิร์ต และน้ำผึ้งในชาม กวนจนกระทั่งส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
•   ผสมแป้งกับแบ็คกิ้งโซดาลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันก่อนจะ ตักส่วนผสมใส่ลงในถาดสำหรับทำมัฟฟินหรือคัพเค้ก อบนาน 15 นาที แล้วเอาออกมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
•   ตีครีมชีสกับเนยถั่วให้เข้ากัน แล้วตัก เท หรือปาดครีมลงบนเค้ก
•   ตกแต่งหน้าเค้กด้วยขนมหมาชิ้นเล็กๆ แล้วยื่นให้หมาของคุณชิมได้เลย!

4429
รู้จักซามอยด์ หมาที่มีดีมากกว่าแค่หน้าตา

     สวยมาก! คือคำอุทานที่ดังขึ้นทุกครั้งที่มีคนได้เห็นเจ้าซามอยด์ แต่คุณก็แน่ใจได้เลยว่า เจ้าหมาแสนสวยพันธุ์นี้มีดีมากกว่าแค่หน้าตาของมัน มันเป็นหมาที่มีวัตถุประสงค์ในการเพาะพันธุ์ที่เฉพาะเจาะจง ที่มีประวัติความเป็นมา ความสามารถในการทำงาน ประสิทธิภาพ และมีเสน่ห์อันลึกล้ำที่ทำให้มันไม่เหมือนกับหมาพันธุ์อื่นๆ



     ซามอยด์เป็นหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่เก่าแก่ที่สุด และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มานานกลายศตวรรษโดยชนเผ่าเร่ร่อนซามอยด์ที่อยู่ในภาคกลางตอนเหนือของไซบีเรีย ชนเผ่านี้เดินทางจากอิหร่านมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือสุดจนถึงทุ่งทุนดร้า โดยใช้หมาลากเลื่อนพาพวกเขา และต้อนและปกป้องฝูงกวางเรนเดียร์ของพวกเขา สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มนี้เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับหมาของพวกเขาอย่างใกล้ชิด แบ่งปันบ้านและแม้แต่นอนกับพวกมัน ทั้งเพื่อแบ่งปันความอบอุ่นและเพื่อความอุ่นใจ

     การใช้ชีวิตในพื้นที่แทบนี้ทั้งยากลำบากมาก ชาวซามอยด์จึงจำเป็นต้องเพาะพันธุ์หมาที่สามารถทำงานได้แม้ในอุณหภูมิที่เย็นจัดและพื้นที่ที่ทุรกันดานที่สุดของโลก การตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลทำให้หมาสายพันธุ์นี้ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ โดยไม่มีปัจจัยภายนอกอื่นๆ เข้ามาเจือปน และทำให้แน่ใจได้ว่าซามอยด์ได้รับการพัฒนาตรงตามความตั้งใจแต่แรกเอาไว้ได้ เมื่อต้องพึ่งพาตัวเองอย่างหนัก ชาวซามอยด์ก็สามารถเพาะพันธุ์หมาที่ตรงกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ



     ในช่วงปลายศตววรษที่ 19 ชาวซามอยด์ได้มีการติดต่อกับนักเดินทางสำรวจขั้วโลกที่เดินมาด้วยความพยายามใยการทำแผนที่ของแผ่นดินอาร์คติก คนเหล่านี้ต้องการหมาสำหรับลากเลื่อนของพวกเขา และได้ซื้อหมาจากชาวซามอยด์ไป เหล่านักสำรวจชื่นชมหมาซามอยด์ว่าเป็นหมาที่ทำงานหนักแต่เป็นมิตรเป็นอย่างยิ่ง จริงอยู่ที่ว่า ซามอยด์ไม่สามรถเทียบได้กับไซบีเรียนฮัสกี้ในเรื่องของความเร็ว และไม่ได้ทรงพลังเท่ากับอลาสกั้นมาลามิวต์ แต่หมาสายพันธุ์นี้ก็มีจุดยืนในฐานะของหมาลากเลื่อนของมันเอง ซึ่งรวมพังความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเดินทางในเส้นทางที่ยากลำบากที่มักจะทำให้หมาสายพันธุ์อื่นเดินทางได้ช้าลงได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยเหตุผลนี้เอง เหล่านักสำรวจว่าพวกมันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา เหล่านักสำรวจผู้บุกเบิกพื้นที่ในแถบขั้วโลกได้ใช้ซามอยด์ลากเลื่อนเพื่อเดินทางมากพอสมควร ในปี 1911 ซามอยด์ตัวหนึ่งก็ได้พาทีมนักสำรวจทีมหนึ่งไปสู่ชั่วโลกใต้ได้สำเร็จ และเป็นหมาตัวแรกที่เดินทางไปถึงชั่วโลกใต้

     เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีหมาเพียงหยิบมือเดียวเท่าที่รอดชีวิตจากความโหดร้ายของสภาวะอากาศขั้วโลก หมาที่รอดชีวิตบางตัวถูกนำมาโชว์ตัวตามสวนสัตว์ต่างๆ ในภายหลัง พวกมันถูกพาไปยังประเทศอังกฤษโดยกลุ่มคนที่สนใจที่จะพัฒนาสายพันธุ์นี้ต่อไปอีก มาตรฐานสายพันธุ์ของซามอยด์ได้รับการตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในปี 1909 และ ชมรมซามอยด์แห่งสหรัฐอเมริกาก็ก่อตั้งขึ้นในปี 1923

     ในปัจจุบัน ซามอยด์ยังคงมีหน้าตาเหมือนที่มันเคยเป็นมาตลอด มันเป็นหมาขนาดกลางสีน้ำตาลอ่อน ครีม ขาว และสีขาวปนน้ำตาลอ่อน ขนหนานุ่มของซามอยด์เกิดขึ้นอย่างมีจุดประสงค์ในการใช้งาน นั่นก็คือเพื่อปกป้องซามอยด์จากความหนาวเย็นและลมแรง สำหรับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเสน่ห์ที่ดึงดูดใจที่สุดของมัน ก็มีวัตถุประสงค์มากมายเช่นกัน มุมปากที่ยกขึ้นช่วยป้องกันไม่ให้ซามอยด์น้ำลายเยิ้ม เพื่อที่น้ำแข็งจะได้ไม่เกาะบนใบหน้าของมัน



     หากคุณกำลังมองหาหมาเฝ้าบ้าน ซามอยด์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย แม้ว่ามันจะทุ่มเทชีวิตให้กับเจ้าของ มันก็เป็นหมาที่ไว้วางใจโดยธรรมชาติ และมีแนวโน้มสูงที่จะทักทายผู้บุกรุกด้วยการกระดิกหางและยิ้มใส่ แต่มันก็สามารถเฝ้าบ้านได้อยู่บ้าง ด้วยการเห่าเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามา ซึ่งเสียงดังๆ ของมันก็สามารถช่วยขับไล่แขกไม่พึงประสงค์ให้ออกไปได้

     ด้วยที่มาอันเก่าแก่เมื่อเทียบกับเพื่อนหมาของมัน ซามอยด์เหมาะกับการเป็นหมาสำหรับเลี้ยงเป็นเพื่อนคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นหมาที่สวยงามที่มีนิสัยสบายๆ ซื่อสัตย์ และมีอารมณ์เป็นของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญที่ต้องจำใส่ใจเอาไว้ก็คือ มันเป็นหมาทำงาน ดังนั้น สัญชาตญาณของมันก็จะเข้มข้นอยู่เสมอ มันอาจจะวิ่งไล่สัตว์อื่นๆ และไม่ต้องแปลกใจเลยเมื่อหมาพันธุ์นี้จะวิ่งเป็นกิโลๆ โดยไม่หยุดหากมันทำได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง สวนที่มีรั้วรอบจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก และเมื่อหาซามอยด์ออกไปเดินเล่น ก็ต้องใส่สายจู.มันอยู่เสมอ หมาพันธุ์นี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่จำกักอย่างการอยู่ในอพาร์ทเมนต์หรือในเมืองใหญ่ได้ แต่ต้องจัดการให้มันได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอสำหรับความต้องการในแต่ละวัน
เมื่อพูดถึงเรื่องของระดับพลังงาน หมาสายพันธุ์นี้ต้องการทำงานอะไรสักอย่างอยู่เสมอ การเลือกงานให้มันทำนั้นไม่ยากเท่าไรนักเพราะมันเป็นหมาเอนกประสงค์ มันเป็นนักกีฬาโดยธรรมชาติที่มีบุคลิกนิสัยง่ายๆ สบายๆ ซามอยด์สามารถสนุกได้กับทุกกิจกรรมที่คุณให้มันทำ ตอนสัตว์ ลากเลื่อน ลากรถลาก ฝึกความคล่องแคล่ว ฝึกความเชื่อฟัง ไปช่วยกิจกรรมบำบัด ซามอยด์เป็นสายพันธุ์ที่สามารถทำได้ทุกอย่างอย่างแท้จริง และทำได้แบบหล่อๆ ด้วย

     การฝึกรับคำสั่งและฝึกให้เชื่อฟังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับซามอยด์ การฝึกให้มันควบคุมพลังงานของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ส่วนหนึ่งของนิสัยที่น่ารักของซามอยด์คือพลังงานอันเต็มเปี่ยม ที่หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะทำให้หมาพันธ์นี้กระโดดเข้าใส่คน เห่าไม่ยอมหยุด และอื่นๆ อีกมากมาย แต่แม้ว่ามันจะมีพลังงานอันเหลือเฟือและมีความเป็นตัวของตัวเอง ซามอยด์ก็เป็นหมาที่ชอบเอาใจเจ้านาย มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองแต่ก็ภักดีต่อครอบครัวของมันเป็นอย่างมาก ซามอยด์ที่มีความประพฤติดีหลังจากที่ได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมแล้ว จึงเป็นยิ่งกว่าความฝันสำหรับใครหลายๆ คน 



     ความรักครอบครัวนี่เองที่ทำให้ซามอยด์มีปัญหาหากต้องอยู่ตามลำพังเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าขนของมันจะทำให้มันสามารถอยู่นอนบ้านได้อย่างสบาย แต่นิสัยของมันกลับไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นหมาครอบครัวโดยธรรมชาติและจะมีความสุขอย่างยิ่งก็ต่อเมื่อมันได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้เอาไว้ก็คือ มันเหมือนกับหมาจากทางตอนเหนือส่วนใหญ่ ซามอยด์เป็นหมาพูดมาก บางตัวอาจจะเสียงดังกว่าเพื่อน และบางตัวก็อาจจะมีเสียงเห่าที่เสียงสูงกว่าตัวอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ไม่มีซามอยด์ตัวไหนเงียบ

     สำหรับเรื่องขนอันสวยงามของมันนั้น คุณอาจจะสงสัยว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการรักษาขนของมันให้ดูดีอยู่เสมอ การแปรงขนและหวีขนเป็นประจำคือสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้ขนของมันพันกันเป็นสังกะตัง และหมาพันธุ์นี้ก็ผลัดขนในปริมาณที่มาก ขนของมันจะไปอยู่บนเสื้อผ้าของคุณ บนเฟอร์นิเจอร์ของคุณ และอยู่ในที่ๆ คุณไม่มีวันคาดถึงหากคุณอาศัยอยู่ร่วมกับซามอยด์  ข้อดีก็คือ ซามอยด์มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งตรงที่ตัวของมันแทบจะไม่มีกลิ่นเลย แม้แต่ตอนที่มันเปียก คนที่ชื่นชอบซามอยด์มักจะบอกว่าขนที่ร่วงนั้นเมื่อแลกเปลี่ยนกับการมีเพื่อนที่มีเสน่ห์แสนน่ารักตัวนี้มาอยู่ด้วยแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

     ชนเผ่าซามอยด์ประสบความสำเร็จในการสร้างหมาที่พิเศษอย่างยิ่งขึ้นมา พวกเขาได้พัฒนาสายพันธุ์ที่งดงาม แข็งแรง และน่ารักน่าเอ็นดู ที่สามารถทำงานและอาศัยอยู่กับพวกเขาได้อย่างมีความสุข ซามอยด์มีความสามารถมากเกินกว่าที่จะสามารถพูดถึงได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ดีที่สุดของมันก็คือ มันจะรักคุณ และทำทุกอย่างเพื่อคุณในฐานะของเพื่อนผู้ภักดีตลอดไป

4430
รู้จักซามอยด์ หมาที่มีดีมากกว่าแค่หน้าตา

     สวยมาก! คือคำอุทานที่ดังขึ้นทุกครั้งที่มีคนได้เห็นเจ้าซามอยด์ แต่คุณก็แน่ใจได้เลยว่า เจ้าหมาแสนสวยพันธุ์นี้มีดีมากกว่าแค่หน้าตาของมัน มันเป็นหมาที่มีวัตถุประสงค์ในการเพาะพันธุ์ที่เฉพาะเจาะจง ที่มีประวัติความเป็นมา ความสามารถในการทำงาน ประสิทธิภาพ และมีเสน่ห์อันลึกล้ำที่ทำให้มันไม่เหมือนกับหมาพันธุ์อื่นๆ



     ซามอยด์เป็นหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่เก่าแก่ที่สุด และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มานานกลายศตวรรษโดยชนเผ่าเร่ร่อนซามอยด์ที่อยู่ในภาคกลางตอนเหนือของไซบีเรีย ชนเผ่านี้เดินทางจากอิหร่านมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือสุดจนถึงทุ่งทุนดร้า โดยใช้หมาลากเลื่อนพาพวกเขา และต้อนและปกป้องฝูงกวางเรนเดียร์ของพวกเขา สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มนี้เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับหมาของพวกเขาอย่างใกล้ชิด แบ่งปันบ้านและแม้แต่นอนกับพวกมัน ทั้งเพื่อแบ่งปันความอบอุ่นและเพื่อความอุ่นใจ

     การใช้ชีวิตในพื้นที่แทบนี้ทั้งยากลำบากมาก ชาวซามอยด์จึงจำเป็นต้องเพาะพันธุ์หมาที่สามารถทำงานได้แม้ในอุณหภูมิที่เย็นจัดและพื้นที่ที่ทุรกันดานที่สุดของโลก การตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลทำให้หมาสายพันธุ์นี้ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ โดยไม่มีปัจจัยภายนอกอื่นๆ เข้ามาเจือปน และทำให้แน่ใจได้ว่าซามอยด์ได้รับการพัฒนาตรงตามความตั้งใจแต่แรกเอาไว้ได้ เมื่อต้องพึ่งพาตัวเองอย่างหนัก ชาวซามอยด์ก็สามารถเพาะพันธุ์หมาที่ตรงกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ



     ในช่วงปลายศตววรษที่ 19 ชาวซามอยด์ได้มีการติดต่อกับนักเดินทางสำรวจขั้วโลกที่เดินมาด้วยความพยายามใยการทำแผนที่ของแผ่นดินอาร์คติก คนเหล่านี้ต้องการหมาสำหรับลากเลื่อนของพวกเขา และได้ซื้อหมาจากชาวซามอยด์ไป เหล่านักสำรวจชื่นชมหมาซามอยด์ว่าเป็นหมาที่ทำงานหนักแต่เป็นมิตรเป็นอย่างยิ่ง จริงอยู่ที่ว่า ซามอยด์ไม่สามรถเทียบได้กับไซบีเรียนฮัสกี้ในเรื่องของความเร็ว และไม่ได้ทรงพลังเท่ากับอลาสกั้นมาลามิวต์ แต่หมาสายพันธุ์นี้ก็มีจุดยืนในฐานะของหมาลากเลื่อนของมันเอง ซึ่งรวมพังความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเดินทางในเส้นทางที่ยากลำบากที่มักจะทำให้หมาสายพันธุ์อื่นเดินทางได้ช้าลงได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยเหตุผลนี้เอง เหล่านักสำรวจว่าพวกมันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา เหล่านักสำรวจผู้บุกเบิกพื้นที่ในแถบขั้วโลกได้ใช้ซามอยด์ลากเลื่อนเพื่อเดินทางมากพอสมควร ในปี 1911 ซามอยด์ตัวหนึ่งก็ได้พาทีมนักสำรวจทีมหนึ่งไปสู่ชั่วโลกใต้ได้สำเร็จ และเป็นหมาตัวแรกที่เดินทางไปถึงชั่วโลกใต้

     เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีหมาเพียงหยิบมือเดียวเท่าที่รอดชีวิตจากความโหดร้ายของสภาวะอากาศขั้วโลก หมาที่รอดชีวิตบางตัวถูกนำมาโชว์ตัวตามสวนสัตว์ต่างๆ ในภายหลัง พวกมันถูกพาไปยังประเทศอังกฤษโดยกลุ่มคนที่สนใจที่จะพัฒนาสายพันธุ์นี้ต่อไปอีก มาตรฐานสายพันธุ์ของซามอยด์ได้รับการตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในปี 1909 และ ชมรมซามอยด์แห่งสหรัฐอเมริกาก็ก่อตั้งขึ้นในปี 1923

     ในปัจจุบัน ซามอยด์ยังคงมีหน้าตาเหมือนที่มันเคยเป็นมาตลอด มันเป็นหมาขนาดกลางสีน้ำตาลอ่อน ครีม ขาว และสีขาวปนน้ำตาลอ่อน ขนหนานุ่มของซามอยด์เกิดขึ้นอย่างมีจุดประสงค์ในการใช้งาน นั่นก็คือเพื่อปกป้องซามอยด์จากความหนาวเย็นและลมแรง สำหรับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเสน่ห์ที่ดึงดูดใจที่สุดของมัน ก็มีวัตถุประสงค์มากมายเช่นกัน มุมปากที่ยกขึ้นช่วยป้องกันไม่ให้ซามอยด์น้ำลายเยิ้ม เพื่อที่น้ำแข็งจะได้ไม่เกาะบนใบหน้าของมัน



     หากคุณกำลังมองหาหมาเฝ้าบ้าน ซามอยด์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย แม้ว่ามันจะทุ่มเทชีวิตให้กับเจ้าของ มันก็เป็นหมาที่ไว้วางใจโดยธรรมชาติ และมีแนวโน้มสูงที่จะทักทายผู้บุกรุกด้วยการกระดิกหางและยิ้มใส่ แต่มันก็สามารถเฝ้าบ้านได้อยู่บ้าง ด้วยการเห่าเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามา ซึ่งเสียงดังๆ ของมันก็สามารถช่วยขับไล่แขกไม่พึงประสงค์ให้ออกไปได้

     ด้วยที่มาอันเก่าแก่เมื่อเทียบกับเพื่อนหมาของมัน ซามอยด์เหมาะกับการเป็นหมาสำหรับเลี้ยงเป็นเพื่อนคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นหมาที่สวยงามที่มีนิสัยสบายๆ ซื่อสัตย์ และมีอารมณ์เป็นของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญที่ต้องจำใส่ใจเอาไว้ก็คือ มันเป็นหมาทำงาน ดังนั้น สัญชาตญาณของมันก็จะเข้มข้นอยู่เสมอ มันอาจจะวิ่งไล่สัตว์อื่นๆ และไม่ต้องแปลกใจเลยเมื่อหมาพันธุ์นี้จะวิ่งเป็นกิโลๆ โดยไม่หยุดหากมันทำได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง สวนที่มีรั้วรอบจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก และเมื่อหาซามอยด์ออกไปเดินเล่น ก็ต้องใส่สายจู.มันอยู่เสมอ หมาพันธุ์นี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่จำกักอย่างการอยู่ในอพาร์ทเมนต์หรือในเมืองใหญ่ได้ แต่ต้องจัดการให้มันได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอสำหรับความต้องการในแต่ละวัน
เมื่อพูดถึงเรื่องของระดับพลังงาน หมาสายพันธุ์นี้ต้องการทำงานอะไรสักอย่างอยู่เสมอ การเลือกงานให้มันทำนั้นไม่ยากเท่าไรนักเพราะมันเป็นหมาเอนกประสงค์ มันเป็นนักกีฬาโดยธรรมชาติที่มีบุคลิกนิสัยง่ายๆ สบายๆ ซามอยด์สามารถสนุกได้กับทุกกิจกรรมที่คุณให้มันทำ ตอนสัตว์ ลากเลื่อน ลากรถลาก ฝึกความคล่องแคล่ว ฝึกความเชื่อฟัง ไปช่วยกิจกรรมบำบัด ซามอยด์เป็นสายพันธุ์ที่สามารถทำได้ทุกอย่างอย่างแท้จริง และทำได้แบบหล่อๆ ด้วย

     การฝึกรับคำสั่งและฝึกให้เชื่อฟังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับซามอยด์ การฝึกให้มันควบคุมพลังงานของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ส่วนหนึ่งของนิสัยที่น่ารักของซามอยด์คือพลังงานอันเต็มเปี่ยม ที่หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะทำให้หมาพันธ์นี้กระโดดเข้าใส่คน เห่าไม่ยอมหยุด และอื่นๆ อีกมากมาย แต่แม้ว่ามันจะมีพลังงานอันเหลือเฟือและมีความเป็นตัวของตัวเอง ซามอยด์ก็เป็นหมาที่ชอบเอาใจเจ้านาย มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองแต่ก็ภักดีต่อครอบครัวของมันเป็นอย่างมาก ซามอยด์ที่มีความประพฤติดีหลังจากที่ได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมแล้ว จึงเป็นยิ่งกว่าความฝันสำหรับใครหลายๆ คน 



     ความรักครอบครัวนี่เองที่ทำให้ซามอยด์มีปัญหาหากต้องอยู่ตามลำพังเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าขนของมันจะทำให้มันสามารถอยู่นอนบ้านได้อย่างสบาย แต่นิสัยของมันกลับไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นหมาครอบครัวโดยธรรมชาติและจะมีความสุขอย่างยิ่งก็ต่อเมื่อมันได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้เอาไว้ก็คือ มันเหมือนกับหมาจากทางตอนเหนือส่วนใหญ่ ซามอยด์เป็นหมาพูดมาก บางตัวอาจจะเสียงดังกว่าเพื่อน และบางตัวก็อาจจะมีเสียงเห่าที่เสียงสูงกว่าตัวอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ไม่มีซามอยด์ตัวไหนเงียบ

     สำหรับเรื่องขนอันสวยงามของมันนั้น คุณอาจจะสงสัยว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการรักษาขนของมันให้ดูดีอยู่เสมอ การแปรงขนและหวีขนเป็นประจำคือสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้ขนของมันพันกันเป็นสังกะตัง และหมาพันธุ์นี้ก็ผลัดขนในปริมาณที่มาก ขนของมันจะไปอยู่บนเสื้อผ้าของคุณ บนเฟอร์นิเจอร์ของคุณ และอยู่ในที่ๆ คุณไม่มีวันคาดถึงหากคุณอาศัยอยู่ร่วมกับซามอยด์  ข้อดีก็คือ ซามอยด์มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งตรงที่ตัวของมันแทบจะไม่มีกลิ่นเลย แม้แต่ตอนที่มันเปียก คนที่ชื่นชอบซามอยด์มักจะบอกว่าขนที่ร่วงนั้นเมื่อแลกเปลี่ยนกับการมีเพื่อนที่มีเสน่ห์แสนน่ารักตัวนี้มาอยู่ด้วยแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

     ชนเผ่าซามอยด์ประสบความสำเร็จในการสร้างหมาที่พิเศษอย่างยิ่งขึ้นมา พวกเขาได้พัฒนาสายพันธุ์ที่งดงาม แข็งแรง และน่ารักน่าเอ็นดู ที่สามารถทำงานและอาศัยอยู่กับพวกเขาได้อย่างมีความสุข ซามอยด์มีความสามารถมากเกินกว่าที่จะสามารถพูดถึงได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ดีที่สุดของมันก็คือ มันจะรักคุณ และทำทุกอย่างเพื่อคุณในฐานะของเพื่อนผู้ภักดีตลอดไป

4431
รู้จักซามอยด์ หมาที่มีดีมากกว่าแค่หน้าตา

     สวยมาก! คือคำอุทานที่ดังขึ้นทุกครั้งที่มีคนได้เห็นเจ้าซามอยด์ แต่คุณก็แน่ใจได้เลยว่า เจ้าหมาแสนสวยพันธุ์นี้มีดีมากกว่าแค่หน้าตาของมัน มันเป็นหมาที่มีวัตถุประสงค์ในการเพาะพันธุ์ที่เฉพาะเจาะจง ที่มีประวัติความเป็นมา ความสามารถในการทำงาน ประสิทธิภาพ และมีเสน่ห์อันลึกล้ำที่ทำให้มันไม่เหมือนกับหมาพันธุ์อื่นๆ



     ซามอยด์เป็นหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่เก่าแก่ที่สุด และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มานานกลายศตวรรษโดยชนเผ่าเร่ร่อนซามอยด์ที่อยู่ในภาคกลางตอนเหนือของไซบีเรีย ชนเผ่านี้เดินทางจากอิหร่านมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือสุดจนถึงทุ่งทุนดร้า โดยใช้หมาลากเลื่อนพาพวกเขา และต้อนและปกป้องฝูงกวางเรนเดียร์ของพวกเขา สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มนี้เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับหมาของพวกเขาอย่างใกล้ชิด แบ่งปันบ้านและแม้แต่นอนกับพวกมัน ทั้งเพื่อแบ่งปันความอบอุ่นและเพื่อความอุ่นใจ

     การใช้ชีวิตในพื้นที่แทบนี้ทั้งยากลำบากมาก ชาวซามอยด์จึงจำเป็นต้องเพาะพันธุ์หมาที่สามารถทำงานได้แม้ในอุณหภูมิที่เย็นจัดและพื้นที่ที่ทุรกันดานที่สุดของโลก การตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลทำให้หมาสายพันธุ์นี้ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ โดยไม่มีปัจจัยภายนอกอื่นๆ เข้ามาเจือปน และทำให้แน่ใจได้ว่าซามอยด์ได้รับการพัฒนาตรงตามความตั้งใจแต่แรกเอาไว้ได้ เมื่อต้องพึ่งพาตัวเองอย่างหนัก ชาวซามอยด์ก็สามารถเพาะพันธุ์หมาที่ตรงกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ



     ในช่วงปลายศตววรษที่ 19 ชาวซามอยด์ได้มีการติดต่อกับนักเดินทางสำรวจขั้วโลกที่เดินมาด้วยความพยายามใยการทำแผนที่ของแผ่นดินอาร์คติก คนเหล่านี้ต้องการหมาสำหรับลากเลื่อนของพวกเขา และได้ซื้อหมาจากชาวซามอยด์ไป เหล่านักสำรวจชื่นชมหมาซามอยด์ว่าเป็นหมาที่ทำงานหนักแต่เป็นมิตรเป็นอย่างยิ่ง จริงอยู่ที่ว่า ซามอยด์ไม่สามรถเทียบได้กับไซบีเรียนฮัสกี้ในเรื่องของความเร็ว และไม่ได้ทรงพลังเท่ากับอลาสกั้นมาลามิวต์ แต่หมาสายพันธุ์นี้ก็มีจุดยืนในฐานะของหมาลากเลื่อนของมันเอง ซึ่งรวมพังความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเดินทางในเส้นทางที่ยากลำบากที่มักจะทำให้หมาสายพันธุ์อื่นเดินทางได้ช้าลงได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยเหตุผลนี้เอง เหล่านักสำรวจว่าพวกมันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา เหล่านักสำรวจผู้บุกเบิกพื้นที่ในแถบขั้วโลกได้ใช้ซามอยด์ลากเลื่อนเพื่อเดินทางมากพอสมควร ในปี 1911 ซามอยด์ตัวหนึ่งก็ได้พาทีมนักสำรวจทีมหนึ่งไปสู่ชั่วโลกใต้ได้สำเร็จ และเป็นหมาตัวแรกที่เดินทางไปถึงชั่วโลกใต้

     เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีหมาเพียงหยิบมือเดียวเท่าที่รอดชีวิตจากความโหดร้ายของสภาวะอากาศขั้วโลก หมาที่รอดชีวิตบางตัวถูกนำมาโชว์ตัวตามสวนสัตว์ต่างๆ ในภายหลัง พวกมันถูกพาไปยังประเทศอังกฤษโดยกลุ่มคนที่สนใจที่จะพัฒนาสายพันธุ์นี้ต่อไปอีก มาตรฐานสายพันธุ์ของซามอยด์ได้รับการตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในปี 1909 และ ชมรมซามอยด์แห่งสหรัฐอเมริกาก็ก่อตั้งขึ้นในปี 1923

     ในปัจจุบัน ซามอยด์ยังคงมีหน้าตาเหมือนที่มันเคยเป็นมาตลอด มันเป็นหมาขนาดกลางสีน้ำตาลอ่อน ครีม ขาว และสีขาวปนน้ำตาลอ่อน ขนหนานุ่มของซามอยด์เกิดขึ้นอย่างมีจุดประสงค์ในการใช้งาน นั่นก็คือเพื่อปกป้องซามอยด์จากความหนาวเย็นและลมแรง สำหรับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเสน่ห์ที่ดึงดูดใจที่สุดของมัน ก็มีวัตถุประสงค์มากมายเช่นกัน มุมปากที่ยกขึ้นช่วยป้องกันไม่ให้ซามอยด์น้ำลายเยิ้ม เพื่อที่น้ำแข็งจะได้ไม่เกาะบนใบหน้าของมัน



     หากคุณกำลังมองหาหมาเฝ้าบ้าน ซามอยด์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย แม้ว่ามันจะทุ่มเทชีวิตให้กับเจ้าของ มันก็เป็นหมาที่ไว้วางใจโดยธรรมชาติ และมีแนวโน้มสูงที่จะทักทายผู้บุกรุกด้วยการกระดิกหางและยิ้มใส่ แต่มันก็สามารถเฝ้าบ้านได้อยู่บ้าง ด้วยการเห่าเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามา ซึ่งเสียงดังๆ ของมันก็สามารถช่วยขับไล่แขกไม่พึงประสงค์ให้ออกไปได้

     ด้วยที่มาอันเก่าแก่เมื่อเทียบกับเพื่อนหมาของมัน ซามอยด์เหมาะกับการเป็นหมาสำหรับเลี้ยงเป็นเพื่อนคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นหมาที่สวยงามที่มีนิสัยสบายๆ ซื่อสัตย์ และมีอารมณ์เป็นของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญที่ต้องจำใส่ใจเอาไว้ก็คือ มันเป็นหมาทำงาน ดังนั้น สัญชาตญาณของมันก็จะเข้มข้นอยู่เสมอ มันอาจจะวิ่งไล่สัตว์อื่นๆ และไม่ต้องแปลกใจเลยเมื่อหมาพันธุ์นี้จะวิ่งเป็นกิโลๆ โดยไม่หยุดหากมันทำได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง สวนที่มีรั้วรอบจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก และเมื่อหาซามอยด์ออกไปเดินเล่น ก็ต้องใส่สายจู.มันอยู่เสมอ หมาพันธุ์นี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่จำกักอย่างการอยู่ในอพาร์ทเมนต์หรือในเมืองใหญ่ได้ แต่ต้องจัดการให้มันได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอสำหรับความต้องการในแต่ละวัน
เมื่อพูดถึงเรื่องของระดับพลังงาน หมาสายพันธุ์นี้ต้องการทำงานอะไรสักอย่างอยู่เสมอ การเลือกงานให้มันทำนั้นไม่ยากเท่าไรนักเพราะมันเป็นหมาเอนกประสงค์ มันเป็นนักกีฬาโดยธรรมชาติที่มีบุคลิกนิสัยง่ายๆ สบายๆ ซามอยด์สามารถสนุกได้กับทุกกิจกรรมที่คุณให้มันทำ ตอนสัตว์ ลากเลื่อน ลากรถลาก ฝึกความคล่องแคล่ว ฝึกความเชื่อฟัง ไปช่วยกิจกรรมบำบัด ซามอยด์เป็นสายพันธุ์ที่สามารถทำได้ทุกอย่างอย่างแท้จริง และทำได้แบบหล่อๆ ด้วย

     การฝึกรับคำสั่งและฝึกให้เชื่อฟังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับซามอยด์ การฝึกให้มันควบคุมพลังงานของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ส่วนหนึ่งของนิสัยที่น่ารักของซามอยด์คือพลังงานอันเต็มเปี่ยม ที่หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะทำให้หมาพันธ์นี้กระโดดเข้าใส่คน เห่าไม่ยอมหยุด และอื่นๆ อีกมากมาย แต่แม้ว่ามันจะมีพลังงานอันเหลือเฟือและมีความเป็นตัวของตัวเอง ซามอยด์ก็เป็นหมาที่ชอบเอาใจเจ้านาย มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองแต่ก็ภักดีต่อครอบครัวของมันเป็นอย่างมาก ซามอยด์ที่มีความประพฤติดีหลังจากที่ได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมแล้ว จึงเป็นยิ่งกว่าความฝันสำหรับใครหลายๆ คน 



     ความรักครอบครัวนี่เองที่ทำให้ซามอยด์มีปัญหาหากต้องอยู่ตามลำพังเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าขนของมันจะทำให้มันสามารถอยู่นอนบ้านได้อย่างสบาย แต่นิสัยของมันกลับไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นหมาครอบครัวโดยธรรมชาติและจะมีความสุขอย่างยิ่งก็ต่อเมื่อมันได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้เอาไว้ก็คือ มันเหมือนกับหมาจากทางตอนเหนือส่วนใหญ่ ซามอยด์เป็นหมาพูดมาก บางตัวอาจจะเสียงดังกว่าเพื่อน และบางตัวก็อาจจะมีเสียงเห่าที่เสียงสูงกว่าตัวอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ไม่มีซามอยด์ตัวไหนเงียบ

     สำหรับเรื่องขนอันสวยงามของมันนั้น คุณอาจจะสงสัยว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการรักษาขนของมันให้ดูดีอยู่เสมอ การแปรงขนและหวีขนเป็นประจำคือสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้ขนของมันพันกันเป็นสังกะตัง และหมาพันธุ์นี้ก็ผลัดขนในปริมาณที่มาก ขนของมันจะไปอยู่บนเสื้อผ้าของคุณ บนเฟอร์นิเจอร์ของคุณ และอยู่ในที่ๆ คุณไม่มีวันคาดถึงหากคุณอาศัยอยู่ร่วมกับซามอยด์  ข้อดีก็คือ ซามอยด์มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งตรงที่ตัวของมันแทบจะไม่มีกลิ่นเลย แม้แต่ตอนที่มันเปียก คนที่ชื่นชอบซามอยด์มักจะบอกว่าขนที่ร่วงนั้นเมื่อแลกเปลี่ยนกับการมีเพื่อนที่มีเสน่ห์แสนน่ารักตัวนี้มาอยู่ด้วยแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

     ชนเผ่าซามอยด์ประสบความสำเร็จในการสร้างหมาที่พิเศษอย่างยิ่งขึ้นมา พวกเขาได้พัฒนาสายพันธุ์ที่งดงาม แข็งแรง และน่ารักน่าเอ็นดู ที่สามารถทำงานและอาศัยอยู่กับพวกเขาได้อย่างมีความสุข ซามอยด์มีความสามารถมากเกินกว่าที่จะสามารถพูดถึงได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ดีที่สุดของมันก็คือ มันจะรักคุณ และทำทุกอย่างเพื่อคุณในฐานะของเพื่อนผู้ภักดีตลอดไป

4432
รู้จักซามอยด์ หมาที่มีดีมากกว่าแค่หน้าตา

     สวยมาก! คือคำอุทานที่ดังขึ้นทุกครั้งที่มีคนได้เห็นเจ้าซามอยด์ แต่คุณก็แน่ใจได้เลยว่า เจ้าหมาแสนสวยพันธุ์นี้มีดีมากกว่าแค่หน้าตาของมัน มันเป็นหมาที่มีวัตถุประสงค์ในการเพาะพันธุ์ที่เฉพาะเจาะจง ที่มีประวัติความเป็นมา ความสามารถในการทำงาน ประสิทธิภาพ และมีเสน่ห์อันลึกล้ำที่ทำให้มันไม่เหมือนกับหมาพันธุ์อื่นๆ



     ซามอยด์เป็นหนึ่งในสายพันธุ์หมาที่เก่าแก่ที่สุด และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มานานกลายศตวรรษโดยชนเผ่าเร่ร่อนซามอยด์ที่อยู่ในภาคกลางตอนเหนือของไซบีเรีย ชนเผ่านี้เดินทางจากอิหร่านมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือสุดจนถึงทุ่งทุนดร้า โดยใช้หมาลากเลื่อนพาพวกเขา และต้อนและปกป้องฝูงกวางเรนเดียร์ของพวกเขา สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มนี้เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับหมาของพวกเขาอย่างใกล้ชิด แบ่งปันบ้านและแม้แต่นอนกับพวกมัน ทั้งเพื่อแบ่งปันความอบอุ่นและเพื่อความอุ่นใจ

     การใช้ชีวิตในพื้นที่แทบนี้ทั้งยากลำบากมาก ชาวซามอยด์จึงจำเป็นต้องเพาะพันธุ์หมาที่สามารถทำงานได้แม้ในอุณหภูมิที่เย็นจัดและพื้นที่ที่ทุรกันดานที่สุดของโลก การตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลทำให้หมาสายพันธุ์นี้ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ โดยไม่มีปัจจัยภายนอกอื่นๆ เข้ามาเจือปน และทำให้แน่ใจได้ว่าซามอยด์ได้รับการพัฒนาตรงตามความตั้งใจแต่แรกเอาไว้ได้ เมื่อต้องพึ่งพาตัวเองอย่างหนัก ชาวซามอยด์ก็สามารถเพาะพันธุ์หมาที่ตรงกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ



     ในช่วงปลายศตววรษที่ 19 ชาวซามอยด์ได้มีการติดต่อกับนักเดินทางสำรวจขั้วโลกที่เดินมาด้วยความพยายามใยการทำแผนที่ของแผ่นดินอาร์คติก คนเหล่านี้ต้องการหมาสำหรับลากเลื่อนของพวกเขา และได้ซื้อหมาจากชาวซามอยด์ไป เหล่านักสำรวจชื่นชมหมาซามอยด์ว่าเป็นหมาที่ทำงานหนักแต่เป็นมิตรเป็นอย่างยิ่ง จริงอยู่ที่ว่า ซามอยด์ไม่สามรถเทียบได้กับไซบีเรียนฮัสกี้ในเรื่องของความเร็ว และไม่ได้ทรงพลังเท่ากับอลาสกั้นมาลามิวต์ แต่หมาสายพันธุ์นี้ก็มีจุดยืนในฐานะของหมาลากเลื่อนของมันเอง ซึ่งรวมพังความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเดินทางในเส้นทางที่ยากลำบากที่มักจะทำให้หมาสายพันธุ์อื่นเดินทางได้ช้าลงได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยเหตุผลนี้เอง เหล่านักสำรวจว่าพวกมันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา เหล่านักสำรวจผู้บุกเบิกพื้นที่ในแถบขั้วโลกได้ใช้ซามอยด์ลากเลื่อนเพื่อเดินทางมากพอสมควร ในปี 1911 ซามอยด์ตัวหนึ่งก็ได้พาทีมนักสำรวจทีมหนึ่งไปสู่ชั่วโลกใต้ได้สำเร็จ และเป็นหมาตัวแรกที่เดินทางไปถึงชั่วโลกใต้

     เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีหมาเพียงหยิบมือเดียวเท่าที่รอดชีวิตจากความโหดร้ายของสภาวะอากาศขั้วโลก หมาที่รอดชีวิตบางตัวถูกนำมาโชว์ตัวตามสวนสัตว์ต่างๆ ในภายหลัง พวกมันถูกพาไปยังประเทศอังกฤษโดยกลุ่มคนที่สนใจที่จะพัฒนาสายพันธุ์นี้ต่อไปอีก มาตรฐานสายพันธุ์ของซามอยด์ได้รับการตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในปี 1909 และ ชมรมซามอยด์แห่งสหรัฐอเมริกาก็ก่อตั้งขึ้นในปี 1923

     ในปัจจุบัน ซามอยด์ยังคงมีหน้าตาเหมือนที่มันเคยเป็นมาตลอด มันเป็นหมาขนาดกลางสีน้ำตาลอ่อน ครีม ขาว และสีขาวปนน้ำตาลอ่อน ขนหนานุ่มของซามอยด์เกิดขึ้นอย่างมีจุดประสงค์ในการใช้งาน นั่นก็คือเพื่อปกป้องซามอยด์จากความหนาวเย็นและลมแรง สำหรับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเสน่ห์ที่ดึงดูดใจที่สุดของมัน ก็มีวัตถุประสงค์มากมายเช่นกัน มุมปากที่ยกขึ้นช่วยป้องกันไม่ให้ซามอยด์น้ำลายเยิ้ม เพื่อที่น้ำแข็งจะได้ไม่เกาะบนใบหน้าของมัน



     หากคุณกำลังมองหาหมาเฝ้าบ้าน ซามอยด์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย แม้ว่ามันจะทุ่มเทชีวิตให้กับเจ้าของ มันก็เป็นหมาที่ไว้วางใจโดยธรรมชาติ และมีแนวโน้มสูงที่จะทักทายผู้บุกรุกด้วยการกระดิกหางและยิ้มใส่ แต่มันก็สามารถเฝ้าบ้านได้อยู่บ้าง ด้วยการเห่าเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามา ซึ่งเสียงดังๆ ของมันก็สามารถช่วยขับไล่แขกไม่พึงประสงค์ให้ออกไปได้

     ด้วยที่มาอันเก่าแก่เมื่อเทียบกับเพื่อนหมาของมัน ซามอยด์เหมาะกับการเป็นหมาสำหรับเลี้ยงเป็นเพื่อนคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นหมาที่สวยงามที่มีนิสัยสบายๆ ซื่อสัตย์ และมีอารมณ์เป็นของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญที่ต้องจำใส่ใจเอาไว้ก็คือ มันเป็นหมาทำงาน ดังนั้น สัญชาตญาณของมันก็จะเข้มข้นอยู่เสมอ มันอาจจะวิ่งไล่สัตว์อื่นๆ และไม่ต้องแปลกใจเลยเมื่อหมาพันธุ์นี้จะวิ่งเป็นกิโลๆ โดยไม่หยุดหากมันทำได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง สวนที่มีรั้วรอบจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก และเมื่อหาซามอยด์ออกไปเดินเล่น ก็ต้องใส่สายจู.มันอยู่เสมอ หมาพันธุ์นี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่จำกักอย่างการอยู่ในอพาร์ทเมนต์หรือในเมืองใหญ่ได้ แต่ต้องจัดการให้มันได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอสำหรับความต้องการในแต่ละวัน
เมื่อพูดถึงเรื่องของระดับพลังงาน หมาสายพันธุ์นี้ต้องการทำงานอะไรสักอย่างอยู่เสมอ การเลือกงานให้มันทำนั้นไม่ยากเท่าไรนักเพราะมันเป็นหมาเอนกประสงค์ มันเป็นนักกีฬาโดยธรรมชาติที่มีบุคลิกนิสัยง่ายๆ สบายๆ ซามอยด์สามารถสนุกได้กับทุกกิจกรรมที่คุณให้มันทำ ตอนสัตว์ ลากเลื่อน ลากรถลาก ฝึกความคล่องแคล่ว ฝึกความเชื่อฟัง ไปช่วยกิจกรรมบำบัด ซามอยด์เป็นสายพันธุ์ที่สามารถทำได้ทุกอย่างอย่างแท้จริง และทำได้แบบหล่อๆ ด้วย

     การฝึกรับคำสั่งและฝึกให้เชื่อฟังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับซามอยด์ การฝึกให้มันควบคุมพลังงานของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ส่วนหนึ่งของนิสัยที่น่ารักของซามอยด์คือพลังงานอันเต็มเปี่ยม ที่หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะทำให้หมาพันธ์นี้กระโดดเข้าใส่คน เห่าไม่ยอมหยุด และอื่นๆ อีกมากมาย แต่แม้ว่ามันจะมีพลังงานอันเหลือเฟือและมีความเป็นตัวของตัวเอง ซามอยด์ก็เป็นหมาที่ชอบเอาใจเจ้านาย มันเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองแต่ก็ภักดีต่อครอบครัวของมันเป็นอย่างมาก ซามอยด์ที่มีความประพฤติดีหลังจากที่ได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมแล้ว จึงเป็นยิ่งกว่าความฝันสำหรับใครหลายๆ คน 



     ความรักครอบครัวนี่เองที่ทำให้ซามอยด์มีปัญหาหากต้องอยู่ตามลำพังเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าขนของมันจะทำให้มันสามารถอยู่นอนบ้านได้อย่างสบาย แต่นิสัยของมันกลับไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นหมาครอบครัวโดยธรรมชาติและจะมีความสุขอย่างยิ่งก็ต่อเมื่อมันได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้เอาไว้ก็คือ มันเหมือนกับหมาจากทางตอนเหนือส่วนใหญ่ ซามอยด์เป็นหมาพูดมาก บางตัวอาจจะเสียงดังกว่าเพื่อน และบางตัวก็อาจจะมีเสียงเห่าที่เสียงสูงกว่าตัวอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ไม่มีซามอยด์ตัวไหนเงียบ

     สำหรับเรื่องขนอันสวยงามของมันนั้น คุณอาจจะสงสัยว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการรักษาขนของมันให้ดูดีอยู่เสมอ การแปรงขนและหวีขนเป็นประจำคือสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้ขนของมันพันกันเป็นสังกะตัง และหมาพันธุ์นี้ก็ผลัดขนในปริมาณที่มาก ขนของมันจะไปอยู่บนเสื้อผ้าของคุณ บนเฟอร์นิเจอร์ของคุณ และอยู่ในที่ๆ คุณไม่มีวันคาดถึงหากคุณอาศัยอยู่ร่วมกับซามอยด์  ข้อดีก็คือ ซามอยด์มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งตรงที่ตัวของมันแทบจะไม่มีกลิ่นเลย แม้แต่ตอนที่มันเปียก คนที่ชื่นชอบซามอยด์มักจะบอกว่าขนที่ร่วงนั้นเมื่อแลกเปลี่ยนกับการมีเพื่อนที่มีเสน่ห์แสนน่ารักตัวนี้มาอยู่ด้วยแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

     ชนเผ่าซามอยด์ประสบความสำเร็จในการสร้างหมาที่พิเศษอย่างยิ่งขึ้นมา พวกเขาได้พัฒนาสายพันธุ์ที่งดงาม แข็งแรง และน่ารักน่าเอ็นดู ที่สามารถทำงานและอาศัยอยู่กับพวกเขาได้อย่างมีความสุข ซามอยด์มีความสามารถมากเกินกว่าที่จะสามารถพูดถึงได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ดีที่สุดของมันก็คือ มันจะรักคุณ และทำทุกอย่างเพื่อคุณในฐานะของเพื่อนผู้ภักดีตลอดไป

4433
รู้จักกับเยอรมันเชพเพิร์ด หมานักสู้ที่กลับมาทวงบัลลังค์

     เรื่องราวของเยอรมันเชพเพิร์ดได้มีการนำสร้างเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าเป็นเรื่องราวความกล้าหาญอันน่าตื่นเต้น หรือการผจญภัยอันน่าตื้นตัน ไม่ว่าภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณจะจบลงอย่างไร แต่เรื่องราวชีวิตจริงของเยอรมันเชพเพิร์ดนั้นยังไม่จบลง



    เรื่องของเยอรมันเชพเพิร์ดนั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ในประเทศเยอรมนี กับชายคนหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่สร้างเยอรมันเชพเพิร์ดในปัจจุบันขึ้นมา แม็กซ์ ฟอน ชเตฟานิสต์ เขาได้นำเอาเชพเพิร์ด ที่ดีที่สุดหลายสายพันธุ์จนทำให้เกิดเป็น “หมาทำงานที่มีบุคลิกภาพที่ซื่อตรง  รวมเข้ากับร่างกายและการย่างเดินที่เหมาะสมกับงานที่ยากลำบาก  ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของเป้าหมายเริ่มแรก” ที่เป็นที่รู้จักกันในทุกวันนี้ การผสมพันธุ์ที่เป็นไปตามมาตรฐานอันเข้มงวดในเรื่องของบุคลิกภาพ ความสามารถในการฝึก และสมรรถภาพทางด้านร่างกาย ทำให้ชเตฟานิสต์และทีงานของเขาเปลี่ยนหมาเลี่ยงแกะที่อ่อนน้อมให้กลายมาเป็น Deutsche Schäferhunde  หรือที่แปลความหมายตรงตัวได้ว่า หมาเลี้ยงแกะเยอรมัน หมาทำงานที่มีความสามารถที่หลากหลาย และพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นผู้ชนะในทุกสายงานที่ให้หมาเข้าไปทำได้



     ในขณะเดียวกัน รูปร่างลักษณะของหมาสายพันธุ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นมาตรฐานของเยอรมันเชพเพิร์ดที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน หมาตัวใหญ่แข็งแรงที่มีทรงกะโหลกเหมือนหมาป่า หูชี้ตั้ง และขนหนา 2 ชั้นที่ยาวปานกลาง มีขนมักจะเป็นสีน้ำตาลแดงกับรอยแต้มสีดำ รวมถึงหน้ากากสีดำและรอยแต้มรูปร่างคล้ายอานที่หลังของมันซึ่งมีสีอ่อนอย่างสีเทาหรือสีทอง สีดำล้วนก็เป็นที่นิยมอยู่บ้าง แต่สีขนที่ซีดจางมักจะไม่เป็นที่ยอมรับนัก

     ในปี 1952 เยอรมันเชพเพิร์ดได้กลายมาเป็นหมาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องมากจากบทบาทของหมาดารานำในภาพยนตร์เรื่องรินตินตินและสครองฮาร์ท ซึ่งเป็นหมาพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดแบบมาตรฐานทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตาและบุคลิกลักษณะนิสัย นับตั้งแต่ช่วงปี 1920 ซึ่งเป็นช่วงที่เยอรมันเชพเพิร์ดได้รับความนิยมสูงสุดติดต่อกันมานาน หมาพันธุ์นี้ก็ค่อยๆ ตกอันดับความนิยมไปอยู่ 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 และอะไรก็ตามที่มีคำว่า “เยอรมัน”  ก็กลายเป็นสิ่งที่แสดงความไม่รักชาติขึ้นมาในทันที สำหรับในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานั้นเยอรมันเชพเพิร์ดได้กลับมาทวงคืนบัลลังค์ความนิยมเหนือสายพันธุ์อื่นอีกครั้ง มันได้กลายมาเป็นเพื่อนรักของบุคคลสำคัญมากมาย เช่น ประธานาธิบดี นักแสดง นักเขียน และคนที่มีชื่อเสียงอื่นๆ



     น่าเสียดาย ที่ความต้องการเลี้ยงเยอรมันเชพเพิร์ดได้ทำให้มันตกเป็นเป้าหมายในการหาเงินของคนบางกลุ่ม ซึ่งหาเงินง่ายๆ ด้วยการเพาะพันธุ์และขายลูกหมาสายพันธุ์ยอดนิยมนี้ให้กับคนที่ไม่มีความรู้ หรือไม่สนใจในเรื่องของพันธุ์กรรม สุขภาพ หรือลักษณะนิสัยของมัน หมาที่ได้รับการเพาะพันธุ์อย่างไม่เหมาะสมได้ทำให้เยอรมันเชพเพิร์ดเริ่มมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี เช่น ตื่นตัวมากเกินไป ดุร้าย และมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง จุดบกพร้องอย่างโรคสะโพกเลื่อนก็ได้กลายมาเป็นโรคประจำตัวของมันในสายตาของคนทั่วไปเช่นกัน แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในหมาหลายสายพันธุ์ ไม่ใช่แค่กับเยอรมันเชพเพิร์ดเท่านั้น

     ในช่วงที่ถูกรุมล้อมไปด้วยการเพาะพันธุ์ที่มากเกินไปและปัญหาในเรื่องของภาพลักษณ์ โลกของเยอรมันเชพเพิร์ดก็ค่อยๆ ผุกร่อนลงด้วยการโต้เถียงขัดแย้งกัน และมีกลุ่มต่างๆ แตกออกมามากมายจากกลุ่มหลักเพื่อหาเยอรมันเชพเพิร์ดที่สมบูรณ์แบบที่สุดตามที่ตัวเองคิดไว้ ซิลโล่เชพเพิร์ดคือสายพันธุ์หมาที่ได้รับการพัฒนามาจากเยอรมันเชพเพิร์ดในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมาในฐานะของหมาที่ “ตัวใหญ่กว่า มั่นคงกว่า และมีความดั้งเดิมมากกว่า”  เหมือนอย่างคิงเชพเพิร์ดเยอรมันเชพเพิร์ดขาวล้วนถือว่าไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมประกวดหมาระดับชาติ ทำให้ลักษณะนี้ยั้งคงถูกระงับต่อไปและมีหน่วยงานรับการขึ้นทะเบียนให้ความช่วยเหลือแยกออกมาเป็นของตัวเองต่างหาก ผู้ที่เพาะพันธุ์หมาสำหรับทำงานมักจะรังเกียจหมาสายประกวด และหมาที่มีสายเลือดเยอรมันก็ได้รับการโน้มน้าวให้เป็นเยอรมันเชพเพิร์ด “ที่แท้จริง” เพียงสายเดียว อย่างไรก็ตามผู้เพราะพันธุ์หมาสำหรับการประกาศก็ยังคงยึดมั่นในข้อโต้แย้งของฝ่ตนเกี่ยวกับหมาเยอรมันเชพเพิร์ด “อย่างเป็นทางการ” ในสหรัฐอเมริกา

     หมาที่อ่อนแอกว่านี้คงจะหายไปท่ามกลางการโจมตีที่ไม่หยุดหย่อนแบบนี้แล้ว แต่เยอรมันเชพเพิร์ดยังคงได้รับความรักและความภักดีจากจากผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนซึ่งไม่เคยทอดทิ้งสายพันธุ์นี้เลย คนกลุ่มนี้เชื่อว่าพวกมันคือหมาทำงานที่ทรงประสิทธิภาพและสง่างามที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทุกวันนี้ผู้เพาะพันธุ์ที่ทุ่มเทยังคงหาทางกำจัดปัญหาสุขภาพที่สืบทอดต่อมาทางพันธุกรรมและความไม่มั่นคงทางอารมณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลกจะสามารถขึ้นครองตำแหน่งหมาที่ดีที่สุดของโลกได้ด้วย
ด้วยเวลาที่ผ่านไปแล้วกว่า 110 ปี เยอรมันเชพเพิร์ด นักสู้ผู้เป็นตำนาน ก็ยังคงต่อสู้เพื่อหาหนทางกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ของมันอีกครั้ง และมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่คอยให้กำลังใจพวกมันอยู่


4434
รู้จักกับเยอรมันเชพเพิร์ด หมานักสู้ที่กลับมาทวงบัลลังค์

     เรื่องราวของเยอรมันเชพเพิร์ดได้มีการนำสร้างเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าเป็นเรื่องราวความกล้าหาญอันน่าตื่นเต้น หรือการผจญภัยอันน่าตื้นตัน ไม่ว่าภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณจะจบลงอย่างไร แต่เรื่องราวชีวิตจริงของเยอรมันเชพเพิร์ดนั้นยังไม่จบลง



    เรื่องของเยอรมันเชพเพิร์ดนั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ในประเทศเยอรมนี กับชายคนหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่สร้างเยอรมันเชพเพิร์ดในปัจจุบันขึ้นมา แม็กซ์ ฟอน ชเตฟานิสต์ เขาได้นำเอาเชพเพิร์ด ที่ดีที่สุดหลายสายพันธุ์จนทำให้เกิดเป็น “หมาทำงานที่มีบุคลิกภาพที่ซื่อตรง  รวมเข้ากับร่างกายและการย่างเดินที่เหมาะสมกับงานที่ยากลำบาก  ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของเป้าหมายเริ่มแรก” ที่เป็นที่รู้จักกันในทุกวันนี้ การผสมพันธุ์ที่เป็นไปตามมาตรฐานอันเข้มงวดในเรื่องของบุคลิกภาพ ความสามารถในการฝึก และสมรรถภาพทางด้านร่างกาย ทำให้ชเตฟานิสต์และทีงานของเขาเปลี่ยนหมาเลี่ยงแกะที่อ่อนน้อมให้กลายมาเป็น Deutsche Schäferhunde  หรือที่แปลความหมายตรงตัวได้ว่า หมาเลี้ยงแกะเยอรมัน หมาทำงานที่มีความสามารถที่หลากหลาย และพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นผู้ชนะในทุกสายงานที่ให้หมาเข้าไปทำได้



     ในขณะเดียวกัน รูปร่างลักษณะของหมาสายพันธุ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นมาตรฐานของเยอรมันเชพเพิร์ดที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน หมาตัวใหญ่แข็งแรงที่มีทรงกะโหลกเหมือนหมาป่า หูชี้ตั้ง และขนหนา 2 ชั้นที่ยาวปานกลาง มีขนมักจะเป็นสีน้ำตาลแดงกับรอยแต้มสีดำ รวมถึงหน้ากากสีดำและรอยแต้มรูปร่างคล้ายอานที่หลังของมันซึ่งมีสีอ่อนอย่างสีเทาหรือสีทอง สีดำล้วนก็เป็นที่นิยมอยู่บ้าง แต่สีขนที่ซีดจางมักจะไม่เป็นที่ยอมรับนัก

     ในปี 1952 เยอรมันเชพเพิร์ดได้กลายมาเป็นหมาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องมากจากบทบาทของหมาดารานำในภาพยนตร์เรื่องรินตินตินและสครองฮาร์ท ซึ่งเป็นหมาพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดแบบมาตรฐานทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตาและบุคลิกลักษณะนิสัย นับตั้งแต่ช่วงปี 1920 ซึ่งเป็นช่วงที่เยอรมันเชพเพิร์ดได้รับความนิยมสูงสุดติดต่อกันมานาน หมาพันธุ์นี้ก็ค่อยๆ ตกอันดับความนิยมไปอยู่ 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 และอะไรก็ตามที่มีคำว่า “เยอรมัน”  ก็กลายเป็นสิ่งที่แสดงความไม่รักชาติขึ้นมาในทันที สำหรับในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานั้นเยอรมันเชพเพิร์ดได้กลับมาทวงคืนบัลลังค์ความนิยมเหนือสายพันธุ์อื่นอีกครั้ง มันได้กลายมาเป็นเพื่อนรักของบุคคลสำคัญมากมาย เช่น ประธานาธิบดี นักแสดง นักเขียน และคนที่มีชื่อเสียงอื่นๆ



     น่าเสียดาย ที่ความต้องการเลี้ยงเยอรมันเชพเพิร์ดได้ทำให้มันตกเป็นเป้าหมายในการหาเงินของคนบางกลุ่ม ซึ่งหาเงินง่ายๆ ด้วยการเพาะพันธุ์และขายลูกหมาสายพันธุ์ยอดนิยมนี้ให้กับคนที่ไม่มีความรู้ หรือไม่สนใจในเรื่องของพันธุ์กรรม สุขภาพ หรือลักษณะนิสัยของมัน หมาที่ได้รับการเพาะพันธุ์อย่างไม่เหมาะสมได้ทำให้เยอรมันเชพเพิร์ดเริ่มมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี เช่น ตื่นตัวมากเกินไป ดุร้าย และมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง จุดบกพร้องอย่างโรคสะโพกเลื่อนก็ได้กลายมาเป็นโรคประจำตัวของมันในสายตาของคนทั่วไปเช่นกัน แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในหมาหลายสายพันธุ์ ไม่ใช่แค่กับเยอรมันเชพเพิร์ดเท่านั้น

     ในช่วงที่ถูกรุมล้อมไปด้วยการเพาะพันธุ์ที่มากเกินไปและปัญหาในเรื่องของภาพลักษณ์ โลกของเยอรมันเชพเพิร์ดก็ค่อยๆ ผุกร่อนลงด้วยการโต้เถียงขัดแย้งกัน และมีกลุ่มต่างๆ แตกออกมามากมายจากกลุ่มหลักเพื่อหาเยอรมันเชพเพิร์ดที่สมบูรณ์แบบที่สุดตามที่ตัวเองคิดไว้ ซิลโล่เชพเพิร์ดคือสายพันธุ์หมาที่ได้รับการพัฒนามาจากเยอรมันเชพเพิร์ดในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมาในฐานะของหมาที่ “ตัวใหญ่กว่า มั่นคงกว่า และมีความดั้งเดิมมากกว่า”  เหมือนอย่างคิงเชพเพิร์ดเยอรมันเชพเพิร์ดขาวล้วนถือว่าไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมประกวดหมาระดับชาติ ทำให้ลักษณะนี้ยั้งคงถูกระงับต่อไปและมีหน่วยงานรับการขึ้นทะเบียนให้ความช่วยเหลือแยกออกมาเป็นของตัวเองต่างหาก ผู้ที่เพาะพันธุ์หมาสำหรับทำงานมักจะรังเกียจหมาสายประกวด และหมาที่มีสายเลือดเยอรมันก็ได้รับการโน้มน้าวให้เป็นเยอรมันเชพเพิร์ด “ที่แท้จริง” เพียงสายเดียว อย่างไรก็ตามผู้เพราะพันธุ์หมาสำหรับการประกาศก็ยังคงยึดมั่นในข้อโต้แย้งของฝ่ตนเกี่ยวกับหมาเยอรมันเชพเพิร์ด “อย่างเป็นทางการ” ในสหรัฐอเมริกา

     หมาที่อ่อนแอกว่านี้คงจะหายไปท่ามกลางการโจมตีที่ไม่หยุดหย่อนแบบนี้แล้ว แต่เยอรมันเชพเพิร์ดยังคงได้รับความรักและความภักดีจากจากผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนซึ่งไม่เคยทอดทิ้งสายพันธุ์นี้เลย คนกลุ่มนี้เชื่อว่าพวกมันคือหมาทำงานที่ทรงประสิทธิภาพและสง่างามที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทุกวันนี้ผู้เพาะพันธุ์ที่ทุ่มเทยังคงหาทางกำจัดปัญหาสุขภาพที่สืบทอดต่อมาทางพันธุกรรมและความไม่มั่นคงทางอารมณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลกจะสามารถขึ้นครองตำแหน่งหมาที่ดีที่สุดของโลกได้ด้วย
ด้วยเวลาที่ผ่านไปแล้วกว่า 110 ปี เยอรมันเชพเพิร์ด นักสู้ผู้เป็นตำนาน ก็ยังคงต่อสู้เพื่อหาหนทางกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ของมันอีกครั้ง และมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่คอยให้กำลังใจพวกมันอยู่


4435
รู้จักกับเยอรมันเชพเพิร์ด หมานักสู้ที่กลับมาทวงบัลลังค์

     เรื่องราวของเยอรมันเชพเพิร์ดได้มีการนำสร้างเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าเป็นเรื่องราวความกล้าหาญอันน่าตื่นเต้น หรือการผจญภัยอันน่าตื้นตัน ไม่ว่าภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณจะจบลงอย่างไร แต่เรื่องราวชีวิตจริงของเยอรมันเชพเพิร์ดนั้นยังไม่จบลง



    เรื่องของเยอรมันเชพเพิร์ดนั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ในประเทศเยอรมนี กับชายคนหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่สร้างเยอรมันเชพเพิร์ดในปัจจุบันขึ้นมา แม็กซ์ ฟอน ชเตฟานิสต์ เขาได้นำเอาเชพเพิร์ด ที่ดีที่สุดหลายสายพันธุ์จนทำให้เกิดเป็น “หมาทำงานที่มีบุคลิกภาพที่ซื่อตรง  รวมเข้ากับร่างกายและการย่างเดินที่เหมาะสมกับงานที่ยากลำบาก  ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของเป้าหมายเริ่มแรก” ที่เป็นที่รู้จักกันในทุกวันนี้ การผสมพันธุ์ที่เป็นไปตามมาตรฐานอันเข้มงวดในเรื่องของบุคลิกภาพ ความสามารถในการฝึก และสมรรถภาพทางด้านร่างกาย ทำให้ชเตฟานิสต์และทีงานของเขาเปลี่ยนหมาเลี่ยงแกะที่อ่อนน้อมให้กลายมาเป็น Deutsche Schäferhunde  หรือที่แปลความหมายตรงตัวได้ว่า หมาเลี้ยงแกะเยอรมัน หมาทำงานที่มีความสามารถที่หลากหลาย และพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นผู้ชนะในทุกสายงานที่ให้หมาเข้าไปทำได้



     ในขณะเดียวกัน รูปร่างลักษณะของหมาสายพันธุ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นมาตรฐานของเยอรมันเชพเพิร์ดที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน หมาตัวใหญ่แข็งแรงที่มีทรงกะโหลกเหมือนหมาป่า หูชี้ตั้ง และขนหนา 2 ชั้นที่ยาวปานกลาง มีขนมักจะเป็นสีน้ำตาลแดงกับรอยแต้มสีดำ รวมถึงหน้ากากสีดำและรอยแต้มรูปร่างคล้ายอานที่หลังของมันซึ่งมีสีอ่อนอย่างสีเทาหรือสีทอง สีดำล้วนก็เป็นที่นิยมอยู่บ้าง แต่สีขนที่ซีดจางมักจะไม่เป็นที่ยอมรับนัก

     ในปี 1952 เยอรมันเชพเพิร์ดได้กลายมาเป็นหมาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องมากจากบทบาทของหมาดารานำในภาพยนตร์เรื่องรินตินตินและสครองฮาร์ท ซึ่งเป็นหมาพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดแบบมาตรฐานทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตาและบุคลิกลักษณะนิสัย นับตั้งแต่ช่วงปี 1920 ซึ่งเป็นช่วงที่เยอรมันเชพเพิร์ดได้รับความนิยมสูงสุดติดต่อกันมานาน หมาพันธุ์นี้ก็ค่อยๆ ตกอันดับความนิยมไปอยู่ 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 และอะไรก็ตามที่มีคำว่า “เยอรมัน”  ก็กลายเป็นสิ่งที่แสดงความไม่รักชาติขึ้นมาในทันที สำหรับในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานั้นเยอรมันเชพเพิร์ดได้กลับมาทวงคืนบัลลังค์ความนิยมเหนือสายพันธุ์อื่นอีกครั้ง มันได้กลายมาเป็นเพื่อนรักของบุคคลสำคัญมากมาย เช่น ประธานาธิบดี นักแสดง นักเขียน และคนที่มีชื่อเสียงอื่นๆ



     น่าเสียดาย ที่ความต้องการเลี้ยงเยอรมันเชพเพิร์ดได้ทำให้มันตกเป็นเป้าหมายในการหาเงินของคนบางกลุ่ม ซึ่งหาเงินง่ายๆ ด้วยการเพาะพันธุ์และขายลูกหมาสายพันธุ์ยอดนิยมนี้ให้กับคนที่ไม่มีความรู้ หรือไม่สนใจในเรื่องของพันธุ์กรรม สุขภาพ หรือลักษณะนิสัยของมัน หมาที่ได้รับการเพาะพันธุ์อย่างไม่เหมาะสมได้ทำให้เยอรมันเชพเพิร์ดเริ่มมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี เช่น ตื่นตัวมากเกินไป ดุร้าย และมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง จุดบกพร้องอย่างโรคสะโพกเลื่อนก็ได้กลายมาเป็นโรคประจำตัวของมันในสายตาของคนทั่วไปเช่นกัน แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในหมาหลายสายพันธุ์ ไม่ใช่แค่กับเยอรมันเชพเพิร์ดเท่านั้น

     ในช่วงที่ถูกรุมล้อมไปด้วยการเพาะพันธุ์ที่มากเกินไปและปัญหาในเรื่องของภาพลักษณ์ โลกของเยอรมันเชพเพิร์ดก็ค่อยๆ ผุกร่อนลงด้วยการโต้เถียงขัดแย้งกัน และมีกลุ่มต่างๆ แตกออกมามากมายจากกลุ่มหลักเพื่อหาเยอรมันเชพเพิร์ดที่สมบูรณ์แบบที่สุดตามที่ตัวเองคิดไว้ ซิลโล่เชพเพิร์ดคือสายพันธุ์หมาที่ได้รับการพัฒนามาจากเยอรมันเชพเพิร์ดในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมาในฐานะของหมาที่ “ตัวใหญ่กว่า มั่นคงกว่า และมีความดั้งเดิมมากกว่า”  เหมือนอย่างคิงเชพเพิร์ดเยอรมันเชพเพิร์ดขาวล้วนถือว่าไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมประกวดหมาระดับชาติ ทำให้ลักษณะนี้ยั้งคงถูกระงับต่อไปและมีหน่วยงานรับการขึ้นทะเบียนให้ความช่วยเหลือแยกออกมาเป็นของตัวเองต่างหาก ผู้ที่เพาะพันธุ์หมาสำหรับทำงานมักจะรังเกียจหมาสายประกวด และหมาที่มีสายเลือดเยอรมันก็ได้รับการโน้มน้าวให้เป็นเยอรมันเชพเพิร์ด “ที่แท้จริง” เพียงสายเดียว อย่างไรก็ตามผู้เพราะพันธุ์หมาสำหรับการประกาศก็ยังคงยึดมั่นในข้อโต้แย้งของฝ่ตนเกี่ยวกับหมาเยอรมันเชพเพิร์ด “อย่างเป็นทางการ” ในสหรัฐอเมริกา

     หมาที่อ่อนแอกว่านี้คงจะหายไปท่ามกลางการโจมตีที่ไม่หยุดหย่อนแบบนี้แล้ว แต่เยอรมันเชพเพิร์ดยังคงได้รับความรักและความภักดีจากจากผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนซึ่งไม่เคยทอดทิ้งสายพันธุ์นี้เลย คนกลุ่มนี้เชื่อว่าพวกมันคือหมาทำงานที่ทรงประสิทธิภาพและสง่างามที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทุกวันนี้ผู้เพาะพันธุ์ที่ทุ่มเทยังคงหาทางกำจัดปัญหาสุขภาพที่สืบทอดต่อมาทางพันธุกรรมและความไม่มั่นคงทางอารมณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลกจะสามารถขึ้นครองตำแหน่งหมาที่ดีที่สุดของโลกได้ด้วย
ด้วยเวลาที่ผ่านไปแล้วกว่า 110 ปี เยอรมันเชพเพิร์ด นักสู้ผู้เป็นตำนาน ก็ยังคงต่อสู้เพื่อหาหนทางกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ของมันอีกครั้ง และมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่คอยให้กำลังใจพวกมันอยู่


4436
รู้จักกับเยอรมันเชพเพิร์ด หมานักสู้ที่กลับมาทวงบัลลังค์

     เรื่องราวของเยอรมันเชพเพิร์ดได้มีการนำสร้างเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าเป็นเรื่องราวความกล้าหาญอันน่าตื่นเต้น หรือการผจญภัยอันน่าตื้นตัน ไม่ว่าภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณจะจบลงอย่างไร แต่เรื่องราวชีวิตจริงของเยอรมันเชพเพิร์ดนั้นยังไม่จบลง



    เรื่องของเยอรมันเชพเพิร์ดนั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ในประเทศเยอรมนี กับชายคนหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่สร้างเยอรมันเชพเพิร์ดในปัจจุบันขึ้นมา แม็กซ์ ฟอน ชเตฟานิสต์ เขาได้นำเอาเชพเพิร์ด ที่ดีที่สุดหลายสายพันธุ์จนทำให้เกิดเป็น “หมาทำงานที่มีบุคลิกภาพที่ซื่อตรง  รวมเข้ากับร่างกายและการย่างเดินที่เหมาะสมกับงานที่ยากลำบาก  ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของเป้าหมายเริ่มแรก” ที่เป็นที่รู้จักกันในทุกวันนี้ การผสมพันธุ์ที่เป็นไปตามมาตรฐานอันเข้มงวดในเรื่องของบุคลิกภาพ ความสามารถในการฝึก และสมรรถภาพทางด้านร่างกาย ทำให้ชเตฟานิสต์และทีงานของเขาเปลี่ยนหมาเลี่ยงแกะที่อ่อนน้อมให้กลายมาเป็น Deutsche Schäferhunde  หรือที่แปลความหมายตรงตัวได้ว่า หมาเลี้ยงแกะเยอรมัน หมาทำงานที่มีความสามารถที่หลากหลาย และพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นผู้ชนะในทุกสายงานที่ให้หมาเข้าไปทำได้



     ในขณะเดียวกัน รูปร่างลักษณะของหมาสายพันธุ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นมาตรฐานของเยอรมันเชพเพิร์ดที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน หมาตัวใหญ่แข็งแรงที่มีทรงกะโหลกเหมือนหมาป่า หูชี้ตั้ง และขนหนา 2 ชั้นที่ยาวปานกลาง มีขนมักจะเป็นสีน้ำตาลแดงกับรอยแต้มสีดำ รวมถึงหน้ากากสีดำและรอยแต้มรูปร่างคล้ายอานที่หลังของมันซึ่งมีสีอ่อนอย่างสีเทาหรือสีทอง สีดำล้วนก็เป็นที่นิยมอยู่บ้าง แต่สีขนที่ซีดจางมักจะไม่เป็นที่ยอมรับนัก

     ในปี 1952 เยอรมันเชพเพิร์ดได้กลายมาเป็นหมาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องมากจากบทบาทของหมาดารานำในภาพยนตร์เรื่องรินตินตินและสครองฮาร์ท ซึ่งเป็นหมาพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดแบบมาตรฐานทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตาและบุคลิกลักษณะนิสัย นับตั้งแต่ช่วงปี 1920 ซึ่งเป็นช่วงที่เยอรมันเชพเพิร์ดได้รับความนิยมสูงสุดติดต่อกันมานาน หมาพันธุ์นี้ก็ค่อยๆ ตกอันดับความนิยมไปอยู่ 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 และอะไรก็ตามที่มีคำว่า “เยอรมัน”  ก็กลายเป็นสิ่งที่แสดงความไม่รักชาติขึ้นมาในทันที สำหรับในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานั้นเยอรมันเชพเพิร์ดได้กลับมาทวงคืนบัลลังค์ความนิยมเหนือสายพันธุ์อื่นอีกครั้ง มันได้กลายมาเป็นเพื่อนรักของบุคคลสำคัญมากมาย เช่น ประธานาธิบดี นักแสดง นักเขียน และคนที่มีชื่อเสียงอื่นๆ



     น่าเสียดาย ที่ความต้องการเลี้ยงเยอรมันเชพเพิร์ดได้ทำให้มันตกเป็นเป้าหมายในการหาเงินของคนบางกลุ่ม ซึ่งหาเงินง่ายๆ ด้วยการเพาะพันธุ์และขายลูกหมาสายพันธุ์ยอดนิยมนี้ให้กับคนที่ไม่มีความรู้ หรือไม่สนใจในเรื่องของพันธุ์กรรม สุขภาพ หรือลักษณะนิสัยของมัน หมาที่ได้รับการเพาะพันธุ์อย่างไม่เหมาะสมได้ทำให้เยอรมันเชพเพิร์ดเริ่มมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี เช่น ตื่นตัวมากเกินไป ดุร้าย และมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง จุดบกพร้องอย่างโรคสะโพกเลื่อนก็ได้กลายมาเป็นโรคประจำตัวของมันในสายตาของคนทั่วไปเช่นกัน แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในหมาหลายสายพันธุ์ ไม่ใช่แค่กับเยอรมันเชพเพิร์ดเท่านั้น

     ในช่วงที่ถูกรุมล้อมไปด้วยการเพาะพันธุ์ที่มากเกินไปและปัญหาในเรื่องของภาพลักษณ์ โลกของเยอรมันเชพเพิร์ดก็ค่อยๆ ผุกร่อนลงด้วยการโต้เถียงขัดแย้งกัน และมีกลุ่มต่างๆ แตกออกมามากมายจากกลุ่มหลักเพื่อหาเยอรมันเชพเพิร์ดที่สมบูรณ์แบบที่สุดตามที่ตัวเองคิดไว้ ซิลโล่เชพเพิร์ดคือสายพันธุ์หมาที่ได้รับการพัฒนามาจากเยอรมันเชพเพิร์ดในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมาในฐานะของหมาที่ “ตัวใหญ่กว่า มั่นคงกว่า และมีความดั้งเดิมมากกว่า”  เหมือนอย่างคิงเชพเพิร์ดเยอรมันเชพเพิร์ดขาวล้วนถือว่าไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมประกวดหมาระดับชาติ ทำให้ลักษณะนี้ยั้งคงถูกระงับต่อไปและมีหน่วยงานรับการขึ้นทะเบียนให้ความช่วยเหลือแยกออกมาเป็นของตัวเองต่างหาก ผู้ที่เพาะพันธุ์หมาสำหรับทำงานมักจะรังเกียจหมาสายประกวด และหมาที่มีสายเลือดเยอรมันก็ได้รับการโน้มน้าวให้เป็นเยอรมันเชพเพิร์ด “ที่แท้จริง” เพียงสายเดียว อย่างไรก็ตามผู้เพราะพันธุ์หมาสำหรับการประกาศก็ยังคงยึดมั่นในข้อโต้แย้งของฝ่ตนเกี่ยวกับหมาเยอรมันเชพเพิร์ด “อย่างเป็นทางการ” ในสหรัฐอเมริกา

     หมาที่อ่อนแอกว่านี้คงจะหายไปท่ามกลางการโจมตีที่ไม่หยุดหย่อนแบบนี้แล้ว แต่เยอรมันเชพเพิร์ดยังคงได้รับความรักและความภักดีจากจากผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนซึ่งไม่เคยทอดทิ้งสายพันธุ์นี้เลย คนกลุ่มนี้เชื่อว่าพวกมันคือหมาทำงานที่ทรงประสิทธิภาพและสง่างามที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทุกวันนี้ผู้เพาะพันธุ์ที่ทุ่มเทยังคงหาทางกำจัดปัญหาสุขภาพที่สืบทอดต่อมาทางพันธุกรรมและความไม่มั่นคงทางอารมณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลกจะสามารถขึ้นครองตำแหน่งหมาที่ดีที่สุดของโลกได้ด้วย
ด้วยเวลาที่ผ่านไปแล้วกว่า 110 ปี เยอรมันเชพเพิร์ด นักสู้ผู้เป็นตำนาน ก็ยังคงต่อสู้เพื่อหาหนทางกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ของมันอีกครั้ง และมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่คอยให้กำลังใจพวกมันอยู่


4437
5 ภาพหมายักษ์เพราะมุมกล้อง

วันนี้เราลูกมาดูมุมกล้องที่สามารถทำให้น้องหมาเราตัวเล็กๆ แต่พอภาพออกมาเห็นแว๊บแรกนึกว่าเป็นหมายักษ์ เราลองมาดูกันค่ะว่าจะน่ารักขนาดไหน

1.   น้องปั๊กจะใหญ่กว่าลุงอยู่แหละ



2.   คนกลายเป็นคนแคะไปเลย



3.   แย่งซีนชัดๆ



4.   หมายักษ์ครองเมือง



5.   โอ้วว มันใหญ่ยักษ์จริงๆ




4438
5 ภาพหมายักษ์เพราะมุมกล้อง

วันนี้เราลูกมาดูมุมกล้องที่สามารถทำให้น้องหมาเราตัวเล็กๆ แต่พอภาพออกมาเห็นแว๊บแรกนึกว่าเป็นหมายักษ์ เราลองมาดูกันค่ะว่าจะน่ารักขนาดไหน

1.   น้องปั๊กจะใหญ่กว่าลุงอยู่แหละ



2.   คนกลายเป็นคนแคะไปเลย



3.   แย่งซีนชัดๆ



4.   หมายักษ์ครองเมือง



5.   โอ้วว มันใหญ่ยักษ์จริงๆ




4439
5 ภาพหมายักษ์เพราะมุมกล้อง

วันนี้เราลูกมาดูมุมกล้องที่สามารถทำให้น้องหมาเราตัวเล็กๆ แต่พอภาพออกมาเห็นแว๊บแรกนึกว่าเป็นหมายักษ์ เราลองมาดูกันค่ะว่าจะน่ารักขนาดไหน

1.   น้องปั๊กจะใหญ่กว่าลุงอยู่แหละ



2.   คนกลายเป็นคนแคะไปเลย



3.   แย่งซีนชัดๆ



4.   หมายักษ์ครองเมือง



5.   โอ้วว มันใหญ่ยักษ์จริงๆ




4440
5 ภาพหมายักษ์เพราะมุมกล้อง

วันนี้เราลูกมาดูมุมกล้องที่สามารถทำให้น้องหมาเราตัวเล็กๆ แต่พอภาพออกมาเห็นแว๊บแรกนึกว่าเป็นหมายักษ์ เราลองมาดูกันค่ะว่าจะน่ารักขนาดไหน

1.   น้องปั๊กจะใหญ่กว่าลุงอยู่แหละ



2.   คนกลายเป็นคนแคะไปเลย



3.   แย่งซีนชัดๆ



4.   หมายักษ์ครองเมือง



5.   โอ้วว มันใหญ่ยักษ์จริงๆ