เรื่อง: วิธีฝึกสุนัข เบื้องต้น
 
 6954

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

My Name: ขายหมา ออฟไลน์
Administrator
เพศ: ชาย
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
25 ก.ค. 61, 13:41:00น.
     สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความใกล้ชิดคนเรามากที่สุด มากกว่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น แมว นก หรือปลาสวยงาม เนื่องจากสุนัขจะมีการตอบรับต่อการกระตุ้นของเจ้าของได้เป็นอย่างดี และสนองตอบได้อย่างรวดเร็วทันใจ การเลี้ยงสุนัขให้มีความเป็นอยู่อย่างดี และสามารถเข้าสังคมได้ ไม่ก้าวร้าวต้องเป็นสุนัขที่สามารถฟังคำสั่งต่าง ๆ และสามารถปฏิบัติได้พอสมควร ไม่ใช่เป็นสุนัขที่ดื้อไม่ฟังใคร การที่จะให้สุนัขเป็นได้ดังที่กล่าวนั้นจำเป็นต้องมีการฝึกสอน การฝึกสอนสุนัขมีหลายระดับ เริ่มจากการฝึกขั้นพื้นฐานที่ใคร ๆ ก็สามารถฝึกได้ ส่วนการฝึกขั้นสูงเพื่อให้สุนัขเป็นสุนัขใช้งานได้นั้นจำเป็นต้องได้รับการฝึกเป็นสุนัขใช้งานเพื่อทำงานเฉพาะอย่าง เช่น สุนัขอารักขา สุนัขสงคราม สุนัขดมยาเสพติด นั้นต้องอาศัยผู้ฝึกที่มีประสบการณ์ และเข้าใจสุนัขเป็นอย่างดี



     สายพันธุ์สุนัขที่จะทำการฝึกนั้นควรเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ใช้งาน เช่น เยอรมันเชพเพอด ร๊อตไวเลอร์ และโดเบอร์แมน จะเป็นการดีที่สุดเนื่องจากสุนัขทั้ง 3 สายพันธุ์เป็นสุนัขสายพันธุ์ใช้งานอารักขาขั้นนำของโลก ส่วนพันธุ์อื่นก็สามารถฝึกได้เช่นกัน ส่วนสุนัขพันธุ์เล็กอย่าง พูเดิ้ล ชิสุ ชิวาวา ปั๊ก หรืออื่น ๆ นั้น ก็สามารถฝึกได้ แต่เมื่อฝึกแล้วอาจไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์เท่าที่ควร เนื่องจากเป็นสุนัขเล็กที่เจ้าของเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน หรือเลี้ยงไว้เพื่อแก้เหงาเสียมากกว่า ดังนั้นบทความจึงจะเน้นเฉพาะการฝึกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่อารักขา 3 สายพันธุ์ที่กล่าวแล้วเท่านั้น 

     การฝึกสุนัขขั้นพื้นฐานเป็นการฝึกสุนัขในขั้นแรกซึ่งสุนัขทุกตัวจำเป็นต้องรู้ขั้นตอน และการปฏิบัติตัวเองให้เข้าสังคมได้เสียก่อน เพราะจะนำไปสู่การฝึกชั้นสูงต่อไป ซึ่งใครก็สามารถฝึกได้ ถ้ามีใจรักสุนัข เข้าใจสุนัข และต้องใจเย็น ไม่โมโหร้าย และรู้จักการสร้างบรรยากาศ รู้จักธรรมชาติของสุนัขแต่ละสายพันธุ์ มีใจรักในการฝึกสุนัข มีวิสัยทัศน์ มีอุปกรณ์พร้อมในการฝึก และถ้าท่านพร้อมก็มาเลย มาฝึกสุนัขกัน

     การเริ่มฝึกสุนัข ควรหาเวลาให้เหมาะสม เช่นในช่วงเวลาตอนเย็น ๆ ที่ไม่ร้อนจัด ไม่มีฝน อาจมีแสงแดดอ่อน ๆ อาจเลือกบริเวณที่มีร่มไม้เพื่อเป็นเงาให้พักได้บ้าง ส่วนสถานที่ควรเป็นที่โล่งไม่มีสิ่งกีดขวางการฝึก หรือการเดินการวิ่งของทั้งผู้ฝึกและสุนัข หากเป็นสนามหญ้าก็จะดีว่าพื้นซีเมนต์ ส่วนความกว้างก็ไม่ควรน้อยกว่า 15-20 เมตรน่าจะเหมาะสมที่สุด
เมื่อได้เวลา ได้สถานที่แล้ว นำสุนัขใส่โซ่คอเพื่อทำการฝึก โซ่คอเพื่อทำการฝึกต้องเป็นโซ่คอที่สามารถรูดเข้าและคลายออกได้อย่างคล่องตัว ส่วนสายจูงควรมีความยาวประมาณ 1.50-2 เมตร ถุงมือสำหรับการฝึกสุนัข ผ้าขนหนูซับเหงื่อ รองเท้าสำหรับวิ่งหรือเดินในการฝึก เมื่อใส่โซ่คอและสายจูงเรียบร้อยแล้วให้นำสุนัขมายังสนามฝึก จัดท่าให้สุนัขอยู่ทางด้านซ้ายของผู้ฝึก หันหน้าไปทางทิศเดียวกัน ให้สุนัขยืนอยู่ในตำแหน่งชิดหัวเข่าผู้ฝึกสอนทางด้านซ้ายมือผู้ฝึก ตามแนวเดียวกับขาซ้ายผู้ฝึกสอน ก่อนอื่นต้องเข้าใจไว้ก่อนว่าสุนัขนั้นฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง แต่สุนัขมีความสามารถพิเศษที่จะจับน้ำเสียงของคนหรือผู้ฝึกสอนได้ ด้วยการฟังน้ำเสียงที่ผู้ฝึกเปล่งออกมาด้วยเสียงสูง เสียงต่ำ แทนการเข้าใจความหมายเท่านั้น ดังนั้นผู้ฝึกสอนต้องพยายามออกเสียงที่มีน้ำเสียงที่เป็นเสียงที่ฟังดูแล้วเป็นเสียงสูง เสียงต่ำอย่างชัดเจนซึ่งจะทำให้สุนัขเข้าใจความหมายได้ดีกว่า เช่น อย่า ไม่ ซึ่งเป็นการออกเสียงต่ำมีความหมายไปในทางห้ามไม่ให้ทำ หรือไม่ให้ปฏิบัติ ส่วนการออกเสียงสูงเช่น ดี ดีมาก เป็นเสียงที่มีความหมายว่าทำได้ เท่านั้น ไม่ควรใช้คำพูดอื่นใดที่ยืดยาวและมีความหมายอื่น ๆ หรือคำหยาบคาย คำด่า หรือคำเยาะเย้ยที่ไม่สมควร ซึ่งสุนัขฟังไม่ออกและไม่รู้ความหมาย ส่วนคำที่มีความหมายและสุนัขสามารถเข้าใจได้คือ ชิด นั่ง หมอบ และคอย 4 คำนี่เท่านั้นที่สุนัขจำเป็นต้องเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้อย่างดี อีกอย่างเพื่อการฝึกสอนที่ได้ผลได้แก่การทำซ้ำ ๆ หลายครั้งในท่าที่ฝึกสอน และการทบทวนซ้ำ ๆ ทั้งท่าที่สุนัขทำได้ดีแล้ว หรือยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร จงจำไว้ว่าควรออกคำสั่งให้ชัดเจน และต้องทำซ้ำในคำสั่งแต่ละคำสั่งให้สามารถทำได้อย่างดีในทุกครั้งที่สุนัขได้รับคำสั่ง



คำสั่งแรก “ชิด” สุนัขอยู่ในท่าพร้อมทางด้านซ้ายของผู้ฝึกสอน ให้ผู้ฝึกสอนก้าวเท้าซ้ายออกเดินไปข้างหน้าพร้อมออกคำสั่ง “ชิด” กระตุกสายจูงเล็กน้อยเพื่อให้สุนัขเดินตาม เมื่อสุนัขเดินตามให้ผู้ฝึกเดินไปข้างหน้าประมาณ 10-15 ก้าว แล้วหยุดออกคำสั่ง “ชิด” อีกครั้งพร้อมกลับหลังหัน และหยุดสักครู่เพื่อให้สุนัขหยุดอยู่ทางด้านซ้ายมือของผู้ฝึก ออกเดินและใช้คำสั่งเดิม “ชิด” ก้าวเท้าซ้ายเดินกลับไม่ยังที่เดิม สุนัขจะต้องเดินตามโดยปฏิบัติตามคำสั่งเหมือนเดิน คำสั่งที่ 1 เรียบร้อย ทำซ้ำเพื่อเป็นการทบทวนให้สุนัขเจ้าใจ



คำสั่งต่อไป “นั่ง” เมื่อสุนัขฟังคำสั่งแรกและสามารถทำได้อย่างดีแล้วให้เริ่มคำสั่งที่สอง “นั่ง” สุนัขอยู่ในท่ายืนเตรียมพร้อมทางด้านซ้ายของผู้ฝึก ให้ผู้ฝึกออกคำสั่ง “นั่ง” สุนัขต้องนั่งลงทางด้านซ้ายมือบริเวณขาซ้ายของผู้ฝึกทันที ถ้าสุนัขทำไม่ได้ให้ผู้ฝึกใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่กดสะโพกของสุนัขให้นั่งลง ทำซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง จนกว่าสุนัขจะเข้าใจ และสามารถทำเองได้ ที่ว่ามือซ้ายของผู้ฝึกว่างอยู่หมายความว่า การจับสายจูงสุนัขให้จับด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายเพียงช่วยประคองเท่านั้น
การฝึกสุนัขผ่านไปแล้วสองคำสั่ง ได้แก่ “ชิด” และ “นั่ง” ให้ทบทวนทำซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง จนสุนัขเข้าใจ และสามารถทำได้เอง


คำสั่งที่ 3 “หมอบ” เป็นคำสั่งในระยะใกล้ หรือระยะไกลเพื่อให้สุนัขหมอบในสายจูง ผู้ฝึกต้องเปลี่ยนสายจูงมาใช้สายจูงที่ยาวประมาณ 10 เมตร เพื่อให้สุนัขหมอบอยู่ไกล ๆ การฝึกเริ่มจาก ท่าเก่าท่าเดิมหรือท่าเบสิก “ชิด” จงจำไว้ว่าการฝึกในท่าใหม่หรือท่าอะไรก็ตามต้องเริ่มจากท่าเดิมหรือท่าเบสิกเสมอนั่นก็คือในท่า “ชิด” ก่อนเป็นอันดับแรกทุกครั้ง การฝึกเริ่มสุนัขอยู่ในท่ายืนชิดทางด้านซ้าย ผู้ฝึกออกคำสั่ง “หมอบ” ให้สุนัขหมอบลงทางด้านซ้ายมือของผู้ฝึก ถ้าสุนัขทำไม่ได้ให้สั่งให้สุนัขนั่ง แล้วผู้ฝึกเดินมาทางด้านหน้าสุนัขที่กำลังนั่งอยู่ ให้จับขาหน้าของสุนัขดึงเข้าหาตัวผู้ฝึกพร้อมออกคำสั่ง “หมอบ” สุนัขจะหมอบลงตามการดึงขาหน้าทั้งสองทันที ให้ผู้ฝึกกดไหล่ของสุนัขไว้สักครู่พร้อมออกคำสั่งซ้ำ ๆ ว่า “หมอบ” สุนัขก็จะหมอบอยู่นิ่ง ๆ สักครู่ให้ผู้ฝึกออกคำสั่ง “ชิด” สุนัขก็จะยืนขึ้นและเข้ามาอยู่ทางด้านซ้ายมือของผู้ฝึกทันที ให้ผู้ฝึกออกคำสั่งและทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนสุนัขเข้าใจและสามารถทำได้เอง



เมื่อสุนัขทำตามคำสั่งได้เอง หรือทำได้แล้วให้ผู้ฝึกกล่าวชมสุนัขทุกครั่ง การกล่าวคำชมให้กล่าวว่า ดี ดีมาก โดยการใช้เสียงสูง ดี ดีมาก เท่านั้น ไม่ต้องพูดคำอื่นที่ยาวเยิ้นเย้อและสุนัขไม่เข้าใจ คำว่า ดี ดีมาก เป็นคำที่ใช้ในการฝึกสุนัขได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งคนและสุนัขจะเข้าใจความหมายได้ดีว่าหมายถึงอะไร โดยการใช้เสียงสูงเพื่อให้สุนัขได้เข้าใจอย่างได้ดี
การฝึกได้ผ่านไปทั้งหมด 3 คำสั่งแล้ว เหลืออีกเพียงคำสั่งเดียว “คอย” ซึ่งเป็นคำสั่งสุดท้าย การฝึกให้ใช้สายจูงยาวประมาณ 10-15 เมตร เริ่มจากท่าชิด แล้วเดินไปข้างหน้าประมาณ 10-15 เมตร ออกคำสั่ง “คอย” พร้อมกับทำมือในท่าห้ามยื่นไปข้างหน้าให้ตรงกับหน้าของสุนัข ออกคำสั่งซ้ำว่า “คอย” สุนัขจะต้องยืนคอยผู้ฝึกสั่งแล้วค่อย ๆ เดินถอยหลังออกให้ห่างจากสุนัขพอสมควรหรือประมาณ 10 เมตร (10 ก้าว) ให้หยุดแล้วยืนดูสุนัขพร้อมทำท่าห้ามให้สุนัขเห็น สุนัขจะต้องยืนอยู่กับที่ไม่เดินตามมา ถ้าสุนัขเดินตามมาให้ผู้ฝึกเดินไปหาแล้วออกคำสั่งซ้ำว่า “คอย” พร้อมกับทำมือในท่าห้ามและเดินถอยหลังออกมาให้ห่างเท่าเดิม ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนกว่าสุนัขจะเข้าใจ และสามารถทำเองได้
การฝึกสุนัขในขั้นพื้นฐานก็ได้ผ่านไปและจบลงด้วยดีอย่างสมบูรณ์แล้ว ต่อไปถ้าต้องการให้สุนัขได้รับรู้ถึงการฝึกชั้นสูงต่อไปก็สามารถทำได้โดยการส่งสุนัขไปฝึกกับผู้รู้โดยเฉพาะ หรือส่งไปเข้าโรงเรียนสุนัขก็ได้ สำหรับวันนี้ต้องขอจบบทความไว้เพียงเท่านี้หวังว่าท่านผู้อ่านคงได้ความรู้เรื่องการฝึกสุนัขไม่มากก็น้อย...   




Tags: