
⚫️ จุดเริ่มต้น
:
1- เพจเฟซบุ๊ก “หมามะเร็ง” ก่อตั้งเมื่อมีนาคม 2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือสัตว์ป่วยอนาถา โดยเฉพาะสุนัขที่เป็นโรคมะเร็ง มีเชลเตอร์ (สถานพักพิง) อยู่ที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปัจจุบันเพจนี้มีผู้ติดตามราว 4.5 แสนคน
2- เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เพจ “หมามะเร็ง” ได้โพสต์ข้อความว่า “เพจขอยุติ เดินต่อไม่ไหวแล้ว” โดยบอกว่าเพจถูกปิดกั้นทำให้เวลาโพสต์แทบไม่มีคนเห็น ทีมงานท้อแท้สิ้นหวัง พวกตนเสียสละมากมายเพื่อช่วยสุนัขเจ็บป่วย ทำมานาน 5 ปีไม่เคยหยุดจนมีหนี้สินมากมาย สุนัขกว่า 1,500 ตัวไม่ใช่หมาของตน แต่ก็มีจิตอาสาดูแลด้วยความเต็มใจ แต่ตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตและยังมีสุนัขอีก 250 ตัวรอการรักษา
3- จากนั้นเพจดังกล่าวได้ขอให้ทุกคนช่วยกันบริจาคเงินสมทบทุนค่ารักษา พร้อมแปะหมายเลขบัญชีซึ่งชื่อบัญชีเป็นของ “นางสาวนา” (นามสมมุติ)
4- ปรากฏว่ามีผู้โอนเงินบริจาคจำนวนมาก และบางคนโพสต์สลิปการโอนไว้ใต้โพสต์ด้วย หนึ่งในนั้นคือนักแสดงชื่อดัง “ดิว อริสรา” ซึ่งโอนเงินช่วยเหลือ 50,000 บาท แล้วยังช่วยแชร์โพสต์ไปหน้าเฟซบุ๊กตัวเองด้วย
—————
⚫️ ข้อสังเกต 3 ประการของชาวเน็ต
:
5- แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดดราม่าขึ้น เมื่อมีคนตั้งข้อสังเกต 3 ประการ คือ
◾️ หนึ่ง – เพจนี้โพสต์ท้อขอยุติมานานแล้ว และโพสต์มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยยุติจริง ๆ เสียที บางวันโพสต์ท้อ 3 รอบ และทุกครั้งจะแปะเลขบัญชีต่อท้าย
โดยพบว่าโพสต์ขอยุติเพจครั้งแรกเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งนางสาวนา (เจ้าของเพจ) ไลฟ์ด้วยตัวเอง เธอบอกว่าถ้าเพจปิดตัวจะมีหมานับร้อยตัวตายอย่างอนาถ ถ้าทุกคนช่วยกันโอนเพจจะไปต่อได้
◾️ สอง – เพจนี้โพสต์ขอยุติ แต่กลับยิงแอด (การจ่ายเงินให้เฟซบุ๊กเพื่อส่งโพสต์ดังกล่าวขึ้นเป็นโฆษณา ให้คนเห็นโพสต์มากขึ้น)
◾️ สาม- เพจนี้ไม่แสดงบัญชีรายรับ-รายจ่าย เมื่อมีคนเรียกร้องมาก ๆ เข้าก็จะโพสต์ใบเสร็จค่ารักษาให้ดู แต่ไม่เคยมีใครได้ทราบยอดบริจาค ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นมาตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่เปิดเพจ
พบว่าในการไลฟ์ขอยุติเพจเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2560 ก็มีคนถามเรื่องนี้ ซึ่งนางสาวนาบอกว่าเธอถูกแอดมินเพจสุนัขเพจอื่นโจมตี และคนที่โจมตีเธอก็ไม่โปร่งใสเหมือนกัน ถ้าใครติดตามเธอแต่แรกจะรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา
◾️ ไลฟ์เมื่อ 18 พ.ย. 60:
https://www.facebook.com/watch/live/?ref=watch_permalink...
6- ต่อมามีคนแคปข้อความที่เพจนี้เคยโพสต์ขอยุติมาเรียงเป็นตับจนกลายเป็นกระแส มีคนนำข้อความ “ขอยุติ เดินต่อไม่ไหวแล้ว” มาโพสต์ล้อเลียนจนกลายเป็นไวรัล
—————
⚫️ เจอขุดดราม่าเก่า
:
7- นอกจากนี้ยังมีคนขุดไปเจอดราม่าเก่า ๆ ของเพจนี้อีกหลายอย่าง เช่น
◾️ กุมภาพันธ์-มีนาคม 2561 มีประเด็นดราม่าระหว่างหมามะเร็งกับเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” หลังหมามะเร็งบอกว่าถูกไล่ที่ ต้องย้ายสุนัขออกภายในเมษายน 2561 จึงขอระดมทุนเงิน 6 ล้านบาท เพื่อนำไปสร้างโรงเรือนให้สุนัขบนที่ดินเปล่า 2 ไร่ ซึ่งมีผู้ใจบุญให้เช่า
แหม่มโพธิ์ดำได้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสต่าง ๆ ซึ่งต่อมาหมามะเร็งชี้แจงว่าได้เงินบริจาคมาเพียง 6 แสนบาทเท่านั้น และนำเงินมาสร้างโรงเรือนจริง สามารถเข้ามาดูได้ด้วยตัวเอง
◾️ ปี 2563 เพจ “เกรียน ละอ่อนขุม 3” ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสของเพจหมามะเร็ง เช่น
- อาจมีนำการนำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากมองว่าก่อนหน้านี้นางสาวนาไม่ได้มีชีวิตหรูหราอะไร เคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลแล้วลาออกมาค้าขายตามตลาดนัด แต่ปัจจุบันเป็นเจ้าของรถหรู พร้อมโพสต์ภาพผู้หญิงคนหนึ่งถ่ายคู่กับรถ อ้างว่าคือนางสาวนา
- เพจนี้ได้เงินบริจาคหลายล้าน แต่สภาพความเป็นอยู่ของสุนัขไม่ดี สัตว์ถูกขังในกรงแทบจะตลอดเวลา
- เพจหมามะเร็งมีแอดมินเพจร่วมกับเพจสุนัขอีก 2 เพจ ซึ่ง 2 เพจนั้นก็เปิดรับบริจาคเช่นกัน
—————
⚫️ ต่อด้วยดราม่าใหม่
:
8- พอกระแสดราม่าหมามะเร็งกลับมาใหม่ เพจเกรียนฯ ก็ออกมาโพสต์แฉอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีเพจ “ข่าวปด สุดสัปดาห์” ร่วมเปิดประเด็นใหม่ ๆ เช่น
- นางสาวนาเป็นเจ้าของรถยุโรปหลายคัน พร้อมจ้างคนขับรถเงินเดือนหลักหมื่น
- มีไลฟ์สไตล์หรูหรา ซื้อของแพง ชอบปาร์ตี้ เปย์เก่ง
- เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง เช่น ร้านอาหารที่หัวหิน ธุรกิจความงาม อสังหาริมทรัพย์ รถเช่า และอื่น ๆ
- มีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
◾️ โพสต์จากเพจเกรียนฯ:
◾️ โพสต์จากเพจข่าวปดฯ:
9- คนเลยแห่กันไปทัวร์ที่เพจหมามะเร็ง เรียกร้องให้ชี้แจงยอดเงินเข้าออก บางคนบอกว่าเพจเคยช่วยรักษาสุนัขตนจนหายจริง แต่อยากให้ทางเพจเปิดบัญชีในนามมูลนิธิและทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเกิดความโปร่งใส ประชาชนจะได้มั่นใจว่าเงินที่ตนบริจาคไม่ได้ถูกนำไปใช้จ่ายส่วนตัว
10- หลังทัวร์ลงเพจก็โพสต์บิลล์ค่ารักษา แต่ก็ยังถูกตั้งข้อสังเกตต่าง ๆ เช่น เป็นบิลล์เก่าบ้าง บิลล์ซ้ำเลขที่บ้าง ออกบิลล์เวลาดึกบ้าง สุดท้ายทางเพจปิดคอมเมนต์ไม่ให้แสดงความคิดเห็น แต่ยังมีการโพสต์ระดมทุนอยู่
—————
⚫️ นักข่าว-นายกเทศมนตรีลงพื้นที่
:
11- คนพากันเรียกร้องให้สื่อและหน่วยงานรัฐทำหน้าที่ตรวจสอบ นักข่าวก็ลงพื้นที่ไปดูถึงสัตหีบ พบว่าเชลเตอร์หมามะเร็งตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด มีสุนัขราว 200 ตัว บางส่วนอยู่ในกรง บางส่วนเลี้ยงแบบปล่อย มีพนักงานชาย-หญิงรวม 9 คน ได้รับเงินเดือนคนละ 10,000 - 12,000 บาท แต่ไม่พบนางสาวนา
12- พนักงานบอกว่าตนมีหน้าที่ให้ยา ให้อาหาร ทำความสะอาด และพาสุนัขไปหาหมอตามนัด ส่วนเรื่องเงินบริจาคเจ้าของเพจเป็นผู้แลเอง ในขณะที่ทาง รพ.สัตว์สัตหีบยืนยันกับนักข่าวว่า หมามะเร็งยังค้างค่ารักษาอยู่จริงแสนกว่าบาท
13- ต่อมานายกเทศมนตรีและกองสาธารณสุขฯ ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเชลเตอร์หมามะเร็ง พบว่าไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้ง จึงเตรียมเชิญนางสาวนาและผู้ดูแลบัญชีเข้าพบเพื่อชี้แจง
—————
⚫️ นางสาวนาโต้-เตรียมดำเนินคดีคนโจมตี
:
14- ต่อมานางสาวนาได้ให้สัมภาษณ์กับ “ข่าวสด” ว่าก่อนมาทำเพจเธอมีธุรกิจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ใช่คนไม่มีอาชีพ เธอเคยทำงานประจำ จากนั้นมาเป็นแม่ค้าขายของตามตลาดนัดและมีหน้าร้านด้วย มีรายได้ตั้งแต่ 15,000-30,000 บาท/วัน นอกจากนี้ยังมีโรงงานเล็ก ๆ ผลิตของในราคาส่ง และมีจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรม
15- ส่วนสาเหตุที่เริ่มมาช่วยเหลือสัตว์ เพราะตอนขายของตลาดนัดไปเจอสุนัขป่วย จึงพาไปหาหมอด้วยเงินตัวเอง ต่อมาเธอได้ช่วยสุนัขตัวหนึ่งซึ่งเป็นมะเร็ง เคสนี้มีการระดมทุนได้เงินกว่า 1 ล้านบาท เธอจึงเปิดเพจ “หมามะเร็ง” ขึ้นเพื่อนำเงินไปรักษาหมาตัวอื่น ๆ ต่อ ทั้งที่ตอนนั้นหากจะเอาเงินมาใช้ส่วนตัวก็ไม่มีใครรู้ แต่เธอมีจิตกุศลที่จะช่วยสัตว์จริง ๆ
16- ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มาก เช่น มีคนเข้าไปรีวิวร้านอาหารโดยให้ 1 ดาว กระทบถึงลูกค้า ลามปามถึงชีวิตส่วนตัว เอารูปของเธอไปโพสต์โดยไม่ปิดหน้า คนที่โจมตีเธอเป็นคนกลุ่มเดิมที่ไม่ชอบเธอมาตั้งแต่แรก ไม่รู้ว่าเราไปทำอะไรให้ หรือเพราะเราเด่นดัง ซึ่งเธอจะให้ทนายความจัดการต่อไป
17- นางสาวนาตั้งคำถามว่า ทำไมคนช่วยสุนัขต้องขับรถเก่า ๆ นั่งกินข้าวบนพื้น ใช้ชีวิตธรรมดา ห้ามกินหรูอยู่แพง เธอต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง ในเมื่อชีวิตดีขึ้นจะให้กลับไปใช้ชีวิตลำบาก หาเช้ากินค่ำอย่างเมื่อก่อนทำไม แต่เธอไม่เคยลืมความลำบาก บางครั้งเธอก็กินข้าวที่แคนทีนกับพนักงาน
18- ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟัง อย่าเพิ่งเชื่อ อย่ามองด้านเดียว เธอช่วยหมาจริง ๆ มีประวัติการรักษาทุกเคส และเพจกำลังลำบากจริง มีเงินเหลือแค่ 20,000 บาท โรงพยาบาลก็ทวงค่ารักษา ค่าอาหาร 20 กระสอบ ค่ารถไปรับน้องหมาอีก 4,700 บาท ไหนจะเงินเดือนพนักงานอีก
19- ผลงานของเพจมีเป็นพันเคส แต่ตอนนี้ไม่มีใครเห็น เพจจึงปิดคอมเมนต์เพราะแอดมินรับไม่ได้ ไล่ตอบหน้าเพจไม่ทัน ทางเพจขอนิ่งก่อน เพราะยังไม่อยากโพสต์อะไรอย่างนั้น แต่พรุ่งนี้เธอจะไปออกรายการหนึ่ง และจะพูดครั้งเดียวให้จบไปเลย