การพาน้องหมาไปบริจาคเลือดนั้น ไม่ใช่แค่เพียงการช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนตัวอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างสุขภาพของน้องหมาที่บริจาคเลือดด้วย เพราะหลังจากที่ถ่ายเลือดเก่าออกไปร่างกายน้องหมาจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดใหม่ขึ้นมา อีกทั้งยังสามารถตรวจเช็กความผิดปกติ จากผลการบริจาคเลือด ถ้าหากมีความผิดปกติกับน้องหมาสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะจะลุกลามกลายเป็นโรคเรื้อรัง มาอ่านกันเลยค่ะ ว่าก่อนไปบริจาคเราควรทำยังงัยกันบ้าง
คุณสมบัติของสุนัขที่บริจาคเลือดได้ สำหรับการรักษาน้องหมาที่เข้ารับการผ่าตัด หรือเกิดอุบัติเหตุ การใช้ยาเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ โดยเฉพาะในกรณีที่น้องหมาสูญเสียเลือดมาก เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้เจ้าของคงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากคอยให้กำลังใจ และรอเลือดจากน้องหมาตัวอื่นที่นำมาบริจาค ซึ่งหากเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นกับน้องหมาของเรา คงเสียใจไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้า ควรจะพาน้องหมาไปบริจาคเลือด เก็บเอาไว้เป็นเลือดสำรองกันดีกว่า
คุณสมบัติในการบริจาคเลือด เป็นน้องหมาที่มีนิสัยสดชื่น ร่าเริง แจ่มใส ไม่อยู่ในภาวะเครียดวิตกหรือกังวล ยังต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมทั้งภายในและภายนอก ไม่เป็นโรคประจำหรือโรคติดต่อ หากเป็นน้องหมาเพศเมียควรบริจาคหลังผ่านช่วงประจำเดือนไปแล้ว นอกจากนี้ควรเป็นน้องหมาที่ได้รับการฉีควัคซีนครบถ้วน ไม่เคยเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ในระยะ 1 - 2 เดือนที่ผ่านมา และเป็นน้องหมาที่มีอายุระหว่าง 1 - 8 ปี
ก่อนทำการบริจาคเลือด จะต้องผ่านการตรวจเช็กความแข็งแรงของร่างกายเสียก่อน หากพบว่าไม่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ ก็สามารถเข้ารับบริจาคเลือดได้ ทั้งนี้ก่อนถึงวันบริจาคเลือดควรงดให้อาหารและน้ำกับน้องหมา เพื่อความปลอดภัยในการให้ยาซึม ซึ่งในระหว่างที่น้องหมากำลังบริจาคเลือดควรให้กำลังใจด้วยการกอดและคอยพูดคุยกับน้องหมา ทั้งนี้เพื่อดึงดูดความสนใจ และลดอาการตื่นกลัว ประหม่า ในระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาล และในช่วงที่อยู่กับสัตวแพทย์
หลังทำการบริจาคเลือด น้องหมาอาจมีอาการอ่อนเพลีย เซื่องซึมไปบ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ ต้องให้น้องหมาพักผ่อนและทานยาบำรุงเลือดก็เพียงพอแล้ว หากต้องการจะพาน้องหมาไปบริจาคเลือดอีกก็สามารถทำได้ แต่ควรเว้นระยะไว้ประมาณ 5 - 7 อาทิตย์ก่อน ทำการนัดหมายสำหรับการบริจาคเลือดครั้งต่อไป