7 สัญญาณหมาป่วยที่ห้ามรอเด็ดขาด ในช่วงเวลาที่เงินขาดมือ สิ่งหนึ่งที่เจ้าของหมาหาวิธีประหยัดก็คือ การลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับหมา ปัญหาก็คือ การทำแบบนี้อาจจะรวมถึงการไม่ยอมพาหมาไปตรวจโรคด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าการตรวจโรคนั้นจำเป็นจริงๆ หรือไม่ คนส่วนใหญ่คิดว่าจำเป็นต้องรีบพาหมาไปหาหมอก็ต่อเมื่อหมาของตนเป็นลม มีเลือดออก มีอาการบวม เดินไม่ได้ หรือบาดเจ็บ แต่สำหรับโรคอื่นๆ ที่ไม่มีการแสดงอาการอย่างชัดเจนล่ะ? คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อไรคือเวลาที่คุณจำเป็นต้องพาหมาของคุณไปหาหมอจริงๆ นี่คือตัวอย่างของสัญญาณบ่งชี้โรคที่พบได้ทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้กับหมาของคุณ และเป็นสัญญาณที่คุณห้ามมองข้ามหรือละเลยเป็นอันขาด
1. หายใจลำบาก เมื่อหมาของคุณมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการหายใจ คุณจำเป็นต้องพามันไปหาสัตวแพทย์ในทันที เนื่องจากแมวและหมาเล็กๆ มีระบบทางเดินหายใจขนาดเล็ก ปัญหาการหายใจแค่เพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่สถานการณ์แห่งความเป็นความตายได้ ถ้าหมาหรือแมวของคุณไอ หอบมากกว่าปกติ เหนื่อยง่าย หรือจู่ๆ ก็หายใจเสียงดัง มันก็ควรได้รับการตรวจจากสัตวแพทย์ทันทีเช่นกัน โรคหัวใจและโรคปอด การติดเชื้อ มีสิ่งอุดตันภายในร่างกาย และสาเหตุต่างๆ มากมายสามารถทำให้เกิดปัญหาการหายใจอย่างฉับพลันได้ทั้งนั้น
2. ท้องเสีย หมาที่มีอาการท้องเสียอย่างต่อเนื่องเกิน 1 วันควรได้รับการตรวจวินิจฉันจากสัตวแพทย์ หมาและแมวมีขนาดตัวที่เล็กกว่าคนมาก พวกมันจึงสามารถมีอาการขาดน้ำได้เร็วกว่าพวกเราด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครชอบทำความสะอาดพรมหรือผ้าปูที่นอนที่สกปรกหรอก จริงมั้ย ถ้าหมาของคุณถ่ายเรี่ยราดอย่างควบคุมไม่ได้นานเกิน 1 วัน คุณควรรีบพามันได้หาสัตวแพทย์เพื่อแก้ปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะได้รับการรักษาที่ไม่ซับซ้อนอะไรนัก และอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
3. อาเจียน การอาเจียนหลังจากกินขยะเข้าไปเป็นเรื่องปกติ การอาเจียน 3 ครั้งหรือมากกว่านั้นภายใน 1 วันเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และการอาเจียน 3 ครั้งหรือมากกว่านั้นภายใน 1 ชั่วโมงคือกรณีฉุกเฉิน โดยทั่วไปแล้ว ถ้าหมาของคุณอาเจียนมากกว่า 3 ครั้งภายใน 1 วัน มันก็ควรจะไปพบและรับการตรวจจากสัตวแพทย์ได้แล้ว มีสาเหตุมากมายที่ทำให้หมาและแมวอาเจียน โชคดีที่ว่าสาเหตุส่วนใหญ่มันไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ถึงอย่างนั้น คุณก็ไม่ควรเสี่ยงให้เพื่อนรักของคุณต้องทรมานจากลำไส้อุดตัน การติดเชื้อ ตับอ่อนอักเสบ โรคตับหรือไต ระดับฮอร์โมนผิดปกติ หรืออะไรที่เลวร้ายกว่านี้ ยิ่งคุณพาหมาของคุณไปตรวจวินิจฉัยโรคและรับการรักษาเร็วขึ้นเท่าไร การรักษาก็ยิ่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเท่านั้น แถมยังเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาน้อยลงด้วย
4. กินน้ำหรือฉี่มากขึ้นอย่างฉับพลัน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินน้ำหรือการฉี่สามารถระบุได้ยากว่ามีปัญหาจากอะไร หากคุณสังเกตเห็นว่าหมาของคุณยืนเฝ้าชามน้ำของมันอยู่ตลอดเวลา หรือขอออกไปฉี่บ่อยๆ คุณก็ควรพามันไปหาสัตวแพทย์ อาการแสดงโรคลักษณะนี้อาจมีความเกี่ยวโยงถึงโรคเบาหวาน โรคตับหรือไต การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะหรือไต กินสิ่งที่มีพิษเข้าไป โรคเกี่ยวกับฮอร์โมน และอื่นๆ อีกมากมายได้
5. ไม่กินอาหารต่อเนื่องนาน 48 ชั่วโมง หมาจะมีความอยากกินอาหารอยู่เสมอ นอกเสียจากว่ามีสิ่งผิดปกติร้ายแรงเกิดขึ้น เมื่อหมาไม่กินอาหารต่อเนื่องกัน 2 วัน คุณก็ควรเริ่มกังวลได้แล้ว การเลื่อนการรักษาออกไปหมายถึงการที่หมาของคุณมีอาการขาดสารอาหารมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้การรักษาใช้เวลานานขึ้นหรือซับซ้อนขึ้นได้ การที่หมาของคุณไม่อยากกินอาหารเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก และควรได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
6. ถ่ายสีเข้มหรือถ่ายเป็นเลือด อึสีเข้มหรืออึที่มีเลือดปนมักเกี่ยวโยงกับปัญหาการแยกเลือดออกจาก เลือดสีแดงสดมักจะมาพร้อมกับปัญหาลำไส้ใหญ่บวมหรือปัญหาเกี่ยวกับทวารหนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คุณก็ควรพาหมาของคุณไปตรวจเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในอึหมา ไม่ว่าจะเป็นมีแผลเลือดออก พยาธิในลำไส้ วัตถุแปลกปลอม หรือสาเหตุอื่นๆ อีกมากมาย ต่างก็ทำให้อึของหมามีสีเข้มหรือมีเลือดปนได้ และมันควรได้รับการรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย
7. ฉี่หรืออึไม่ออก หมาที่อึหรือฉี่ยาก หรือไม่ออกเลย กำลังตกอยู่ในอันตราย ความเสี่ยงเรื่องของกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะเสียหาย ไตล้มเหลว เลือดเป็นพิษ ชัก หรืออาการร้ายแรงอื่นๆ แล้ว ทำให้หมาของคุณควรได้รับการรักษาพยาบาลในทันที หมาหลายตัวเริ่มจากแค่มีปัญหาอึหรือฉี่ยาก ก่อนที่จู่ๆ ก็ไม่สามารถอึหรือฉี่ออกได้เลยอย่างฉับพลัน หมาตัวผู้ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของท่อปัสสาวะอักเสบอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่อาการแสดงโรคที่ควรได้รับการรักษาทันทีทั้งหมด มันเป็นเพียงสิ่งที่เหล่าสัตวแพทย์ต้องการให้เจ้าของหมาทั้งหลายสังเกตเห็น และรีบนำหมามาส่งให้พวกเขาเท่านั้น หมาจำนวนมากต้องทนทรมานโดยไม่จำเป็น หรือทนรับการรักษาที่มีขั้นตอนวุ่นวายเพราะได้รับการรักษาช้า อาการแสดงโรคทั้ง 7 อย่างนี้คือไกด์ไลน์ที่จะช่วยเตือนให้เจ้าของหมาทั้งหลายได้ระวัง และรับมือกับสัตว์เลี้ยงของตนอย่างเหมาะสม เพราะพวกมันบอกคุณไม่ได้ว่าพวกมันเป็นอะไร หรือพวกมันกำลังรู้สึกอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของจะให้ความสนใจกับสัญญาณเตือนของโรคที่ร้ายแรงเหล่านี้หรือไม่ เท่านั้นเอง