กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แจ้งเตือน “พิษสุนัขบ้า เป็นแล้วตาย100%”
การแจ้งเตือนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรื่องโรคพิษสุนัขบ้า โรคนี้เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจว่าเกิดเฉพาะหน้าร้อนเท่านั้น พร้อมเผยว่า กรมวิทย์ฯ ยกเลิกการตรวจพิษสุนัขบ้าในสุนัขมานานมากแล้ว มีแต่การตรวจวินิจฉัยในคนเท่านั้น ซึ่งผู้ป่วยได้รับเชื้อหรือมีการแสดงอาการ ส่วนมากเสียชีวิตทุกราย แนะนำให้ฉัดวัคซีนป้องกันโรค
นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำนี้ เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies virus) โดยสัตวเลี้ยงลุกด้วยนมทุกชนิดสามารถเป็นโรคนี้ได้ ในประเทศไทยพบมากใน สุนัขและแมว เชื้อไวรัสนี้ติดต่อจากสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดมาสู่คน หลัง 2-8 สัปดาห์จะแสดงอาการ หรืออาจเพียง 7วัน หรือเกิน 1ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความรุนแรงของเชื้อ ลักษณะบาดแผล
อาการของผู้ป่วยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่1. อาการคลุ้มคลั่ง ผู้ป่วยจะกระวนกระวาย ระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติ มีการชัก หายใจหอบ ประสาทหลอน หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด
2. อาการอัมพาต เป็นส่วนน้อยที่มีอาการแบบนี้ โดยแขน ขาจะเป็นอัมพาต พูดไม่ชัด กลัวน้ำ กลัวลม น้ำลายมาก ร้อยละ50ของผู้มีอาการอัมพาตอยู่ได้นานกว่าแบบคลุ้มคลั่ง และก็เสียชีวิตในที่สุดเช่นกัน
เบื้องต้น หลังจากถูกสุนัขหรือแมวกัด ให้ล้างแผลให้สะอาดด้วยสบู่ แล้วใส่ย่าฆ่าเชื้อ จากนั้นให้ไปโรงพยาบาล เพื่อรับวัคซีนป้องกันโรค
หมายเหตุ กรมวิทย์ฯ มีบริการตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าในคน หากท่านใดสนใจทราบว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันหรือไม่ ส่งตัวอย่างตรวจได้ที่ “สถาบันวิจัยวิทยาศาตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์” โทร.0-2589-9855 , 0-2589-9857 ต่อ 99248
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์