สุนัขสายพันธุ์ ลันเชร์ (Landseer)

         สำหรับสุนัขที่มีความน่าสนใจอีกหนึ่งสายพันธุ์นั้นอย่างสุนัขสายพันธุ์ ลันเชร์ ซึ่งนับว่ามีความน่าสนใจอยู่หลายต่อหลายอย่างเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในเร่องของรูปลักษณ์ทางกายภาพของมันที่มีความน่ารักเเละน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งในเร่องของความสามารถเเละลักษณะนิสัยก็ไม่เป็นรองสุนัขสายพันธุ์ไหนๆ เลยก็ว่าได้



         สำหรับ Landseer นั้นเป็นสุนัขที่มีความสัมพันธ์สายเลือดใกล้ชิดกับสุนัขพันธุ์นิวฟาวนด์ แต่แตกต่างตรงสีขน สุนัขพันธุ์นี้จะมีสีขนสีดำบริเวณหัว หลัง และสะโพกในบางประเทศ รวมทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ยังไม่ยอมรับสุนัขพันธุ์นี้ โดยตั้งข้อกีดกันที่มีเพียงสีขนต่างจากสุนัขพันธุ์นิวฟาวนด์แลนด์ ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งในสุนัขที่มีเรื่องราวเเปลกเป็นอย่างยิ่ง

         โดยทางด้านของ ลันเชร์ นั้นถือกำเนิดมาในช่วงศตวรรษที่ 18 ในดินเเดนของประเทศเยอรมนี โดยเมื่อต้นปี ค.ศ.1800 สุนัขพันธุ์นิวฟาวนด์แลนด์เริ่มมีลักษณะหลากหลายซึ่งอาจจัดแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เดิมซึ่งมีช่วงปากใหญ่และค่อนข้างสั้น มีขนสีดำเป็นลักษณะเด่น กับอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ พันธุ์ลันแชร์ ซึ่งสูงมากกว่าแต่น้ำหนักกว่าและรูปทรงหัวยาวกว่า รวมทั้งขนค่อนข้างหยักศก โดยพวกมันถูกนำมาใช้ในการช่วยงานชาวประมง เเต่ที่พวกมันมีชื่อเสียงเเละได้รับการยอมรับเพราะภาพวาดที่ชื่อ ออกช่วยชีวิต ของเซอร์เอ็ดวินลันแชร์ จิตรกรผู้วาดภาพสุนัขพันธุ์นิวฟาวนด์แลนด์ที่มีลักษณะที่แตกต่างจากมาตรฐานของพันธุ์เดิมทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น



         โดยลักษณะของ Landseer นั้นถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยพวกมันมีความสูงสำหรับตัวผู้ที่ 72-80 เซนติเมตร ส่วนทางด้านของตัวเมียนั้นมีความสูง 67-72 เซนติเมตร ส่วนทางด้านน้ำหนักนั้น ตัวผู้จะมีน้ำหนักประมาณ 59-68 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะมีน้ำหนักประมาณ 45-54 กิโลกรัม โดยมันมีลักษณะของหัวที่มีขนาดใหญ่ ส่วนลำคอหนาและแข็งแรงมาก โดยมีขากรรไกรใหญ่และแข็งแรงมาก บนดั้งจมูกมีแถบขนสีขาวเล็กๆ มีขนบนใบหน้าสั้น ขณะยืนหางห้อยลงและโงขึ้นเล็กน้อย ส่วนทางด้านของกระดูกขาแข็งแรงได้สัดส่วน โดยมีเท้าใหญ่เพื่อช่วยในการว่ายน้ำ มีขนสีดำบนลำตัว เเละขนยาวปานกลางและหนาแน่น ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นมีความเป็นมิตรเเละตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

         ทางด้านความนิยมของสุนัขสายพันธุ์ ลันเชร์ นั้นมีความนิยมในการเลี้ยงพวกมันอยู่ในประเทศเยอรมนีเป็นส่วนใหญ่ เเละไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศอื่นๆ เเต่อย่างใด รวมทั้งในประเทศไทยอีกด้วยที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักจึงไม่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงแต่อย่างใด