สุนัขสายพันธุ์ ไอริช วูล์ฟฮาวนด์ (Irish Wolfhound) สำหรับสุนัขล่าสัตว์ที่มีชื่อเสียงของโลกนั้นมีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ด้วยกันที่พวกมันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากเเละหนึ่งในนั้นก็คือสุนัขสายพันธุ์อย่าง
ไอริช วูล์ฟฮาวนด์ ที่เป็นสุนัขขนาดใหญ่อีกสายพันธุ์ของโลกที่มีความน่าสนใจเเละน่าทึ่งไปในเวลาเดียวกันอีกด้วย

โดยสำหรับสุนัขสายพันธุ์
Irish Wolfhound เเล้วเป็นสุนัขขนาดยักษ์ที่สูงที่สุดในโลก ลักษณะภายนอกคล้ายกับสุนัขพันธุ์เดียร์ฮาวนด์ แต่มีรูปร่างใหญ่กว่า บึกบึน ขนหยาบและชี้คล้ายเส้นลวดซึ่งไม่ต้องการการดูแลมากนัก หางยาวและแข็งแรง ยามที่แกว่างหางอาจทำให้สิ่งของภายในบ้านแตกหักได้ แม้ว่าสุนัขพันธุ์นี้จะมีนิสัยสุภาพและอารมณ์ดี แต่เนื่องจากเป็นสุนัขขนาดใหญ่จึงต้องฝึกตั้งแต่เด็ก
โดยตามประวัติเเล้วกล่าวกันว่า
ไอริช วูล์ฟฮาวนด์ นั้นมีต้นกำเนิดเมื่อกว่า 100 ปีก่อนคริสตกาล บริเวณที่ตั้งของเกาะไอร์เเลนด์หรือประเทศไอร์เเลนด์ในปัจจุบัน โดยพวกมันนั้นถูกนำมาใช้สำหรับการล่าสัตว์โดยเฉพาะ โดยมีประวัติยาวนานหลายศตวรรษ สืบสายพันธุ์จากสุนัขในราชตระกูล ราว ค.ศ. 1800 เมื่อสุนัขป่าได้หมดไปจากไอร์แลนด์ สุนัขพันธุ์นี้ก็หมดความจำเป็นและมีจำนวนลดลงจนเกือบจะสูญพันธุ์ไป ถ้าหากกัปตันจอร์จเกรแฮม ชาวสกอตไม่ได้อนุรักษ์ไว้ ก็อาจทำให้พวกมันนั้นสูญพันธุ์ไปเเล้ว โดยสำหรับลูกสุนัขพันธุ์นี้ไม่ควรให้เดินทางไกล เพราะอาจเกิดอันตรายกับข้อขาได้ ควรให้วิ่งเล่นออกกำลังกายเองตามความต้องการ

ลักษณะที่น่าสนใจของสุนัขสายพันธุ์
Irish Wolfhound ก็คือการที่พวกมันมีช่วงชีวิตประมาณ 6 ถึง 10 ปี เเละมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 71-90 เซนติเมตร ส่วนทางด้านของน้ำหนักนั้นก็มีเฉลี่ยประมาณ 40-55 กิโลกรัม โดยมีขนใต้คางยาวและแข็ง ส่วนใบหูเล็ก ต้นขาหลังแข็งแรง ขนแข็งและหยาบ ขนเหนือตายาว ขนใต้คางยาวหยาบและชี้ ช่วงคอยาว โค้งมน แข็งแรง หางค่อนข้างโค้ง ท้องคอดกิ่ว กล้ามเนื้อช่วงไหล่แข็งแรง เล็บและนิ้วเท้าโค้ง ส่วนช่วงหลังยาว ขาหน้าตรงและแข็งแรง โดยมีสีขนทั้งสีดำ, สีขาว, ลายเสือ, สีฟอน, สีเทา เเละสีแดง ส่วนทางด้านของลักษณะนิสัยนั้นก็มีความเป็นมิตรเเละสุภาพกับผู้เป็นเจ้าของอย่างยิ่ง
โดยทางด้านของความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์
ไอริช วูล์ฟฮาวนด์ นั้นมีกันอยู่อย่างมากในแระเทศไอร์เเลนด์เเละยางส่วนของไอร์เเลนด์เหนือ ส่วนในประเทศอื่นๆ นั้นไม่ค่อยจะได้รับความนิยมในการเลี้ยงมากเท่าใดนัก รวมถึงในประเทศไทยนั้นก็ไม่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเเต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นก็นับว่าน่าสนใจอยู่ดี