สุนัขสายพันธุ์ ฟินนิช สปิตซ์ (Finnish Spitz) อีกหนึ่งในสุนัขใช้งานที่ว่ากันว่ามีขนาดเล็กเป็นอย่างมากเลยทีเดียวก็คือสุนัขสายพันธุ์อย่าง ฟินนิช สปิตซ์ ที่มีความน่าสนใจเเละเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์มากมายที่น่าค้นหา ทั้งจากน่าตาของพวกมันที่มีความเเปลกเเหวกเเนวเเละลักษณะของโครงสร้างร่างกายที่มีขนาดเล็กเป็นอย่างยิ่งเเต่กลับสามารถตอบสนองต่องานที่มนุษย์ต้องการให้มันช่วยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

โดยสำหรับ
Finnish Spitz นั้นมีชื่อเรียกของสายพันธุ์อีกอย่างว่า โซวเมนไพสไตคอร์วา หรือ
ฟินส์ก สเปตส์ โดยเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจในหลายต่อหลายจุดด้วยกันทั้งรูปหน้าแหลม และนิสัยที่ตื่นตัว ระแวดระวัง ขนสีน้ำตาลออกแดง หรือสีทองอมแดงดูคล้ายสุนัขจิ้งจอก ทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์ที่มีอะไรน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ตามประวัติเเล้วกล่าวว่า
ฟินนิช สปิตซ์ ถือกำเนิดในประเทศฟินเเลนด์ ประมาณช่วงศตวรรษที่ 18 โดยมาตรฐานพันธุ์กำหนดขึ้นใน ค.ศ.1812 การใช้งานครั้งแรกเพื่อการล่านกและสัตว์ขนาดเล็ก โดยที่การเห่าใช้เป็นเกณฑ์ในการประกวดโดยให้คะแนนจากจำนวนครั้งที่เห่าต่อนาทีซึ่งสุนัขพันธุ์นี้ทำได้ถึง 160 ครั้งต่อนาที จึงไม่น่าเเปลกใจว่าพวกมันจะล่านกได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่งเลยก็ว่าได้ อีกทั้งเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยความสามารถในหลายด้านเป็นอย่างมาก

สำหรับสุนัขสายพันธุ์
Finnish Spitz นั้นมีช่วงชีวิตประมาณ 12 ถึง 14 ปี โดยที่ตัวผู้จะมีน้ำหนักประมาณ 12-13 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียนั้นจะมีน้ำหนักประมาณ 7-10 กิโลกรัม โดยที่ตัวผู้จะมีความสูงประมาณ 44-50 เซนติเมตร ส่วนตัวเมียนั้นจะมีความสูงประมาณ 39-45 เซนติเมตร โดยที่มีตาสีดำ และมีรูปทรงรีคล้ายอัลมอนด์ ช่วงอกลึกและแข็งแรง ขาหน้าตรง โดยมีนิ้วเท้ากลม ส่วนหางนั้นเป็นพวงและม้วนกลับมาพาดบนต้นขา โดยที่ขนชั้นนอกยาวและหยาบโดยเฉพาะบริเวณหัวไหล่ เเละมีสีขนทั้งสีแดง, สี Red Gold เเละสีทอง ซึ่งเเต่ละสีก็มีความสวยงามในเเบบของมันเอง ในขณะที่ลักษณะนิสัยของพวกมันนั้นก็มีทั้งความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนาย มีความเเสนรู้เเละขี้เล่นเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีความเบิกบานเเละรักอิสระอีกด้วย โดยที่ลักษณะนิสัยที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของพวกมันเลยก็คือการชอบเห่านั่นเอง
โดยที่
สุนัขสายพันธุ์ ฟินนิช สปิตซ์ นั้นมีความนิยมเลี้ยงกันอย่างมากในประเทศฟินเเลนด์เพียงอย่างเดียว เเละไม่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันในประเทศอื่นๆ เลย เเม้เเต่ในประเทศไทยก็ตาม น้อยคนนักที่จะรู้จักพวกมันเเละทำให้พวกมันไม่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเเต่อย่างใดสำหรับในประเทศไทย