เรื่อง: โรคขี้เรื้อนแห้ง
 
 6019

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

My Name: ขายหมา ออฟไลน์
Administrator
เพศ: ชาย
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
13 พ.ย. 56, 13:08:45น.


โรคขี้เรื้อนแห้ง
          เวลาที่ผมถามเจ้าของสุนัขว่า โรคใดที่สร้างความกังวลใจและไม่อยากให้สุนัขของตัวเองเป็นมากที่สุด เชื่อได้เลยครับว่า โรคเรื้อนมักเป็นคำตอบในอันดับต้นๆ ถือเป็นโรคที่เจ้าของสัตว์ให้ความสนใจและไม่สบายใจเลย

สาเหตุของโรคเรื้อนแห้ง
          เกิดจากสุนัขป่วยติดเชื้อปรสิตภายนอก เป็นตัวไรเล็กๆ อาศัยอยู่บนผิวหนังชั้นหนังกำพร้า ไม่ได้อาศัยลงลึกไปกว่านั้น เจ้าไรที่ว่านี้มีขนาดเล็กมากครับ ทั้งยังสามารถสืบพันธุ์ ออกไข่ให้ลูกให้หลานได้อีกมากมาย เรียกว่าอาศัยผิวหนังสุนัขเป็นบ้านหลังใหญ่เลยทีเดียว ปัญหาที่มักถามกันมากก็คือ เจ้าตูบแสนรักจะไปติดโรคนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เลี้ยงอยู่แต่ในบ้าน เหตุที่ว่าเกิดได้จากการเล่น สัมผัสและคลุกคลีกับตัวที่ป่วยเข้าจนเกิดการถ่ายทอดเจ้าไรตัวนี้ต่อกันไป ที่สำคัญอีกประการคือเรื่องของสภาพแวดล้อมครับ ในบ้านเมืองของเรามีสุนัขจรจัดเยอะ เรียกว่าเดินไปตรอกไหน ซอกไหน ซอยไหนมีอันต้องได้เจอ

          นี่เองแหละครับที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้เร็วและต่อเนื่อง สุนัขที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการคันมาก และเมื่อคันเกาบริเวณที่เป็นรอยโรคจะมีชิ้นส่วนของสะเก็ดผิวหนังที่ปลิวกระจายล่วงออกมาจากตัวสุนัข หากสุนัขอีกตัวไปนอนทับหรือเกลือกกลิ้งย่อมมีโอกาสจะติดเชื้อ จนอาจป่วยเป็นโรคเรื้อนแห้งได้ เนื่องจากเจ้าไรขี้เรื้อนนี้มีชีวิตได้นานกว่า 2 วัน เมื่อหลุดร่วงจากผิวหนังของสุนัขตัวที่ป่วยยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะไปติดต่อกับสุนัขตัวอื่นได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นถึงแม้ท่านไม่ได้พาสัตว์เลี้ยงออกไปนอกบ้าน แต่ถ้าสุนัขของเราชอบนอนใกล้รั้วบ้าน และหากรอบๆ บ้านมีสุนัขจรจัดตัวที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้งอาศัยอยู่ ย่อมมีโอกาสติดโรคได้เช่นกันครับ

อาการของสุนัขตัวที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้ง เริ่มต้นจะมีอาการคันตัว คันที่ขอบใบหูทั้งสองข้างและคันที่ศอกด้านข้าง ถ้าสังเกตให้ดีจะพบเม็ดตุ่มแดงๆ ขึ้นที่ผิวหนัง บริเวณที่เห็นชัดเจนมักเป็นที่ท้อง หรือบริเวณขาหนีบ และบั้นท้าย จากนั้นจะเริ่มมีอาการคันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งขนบนตัวสัตว์เริ่มร่วง ตำแหน่งที่พบชัดเจน คือที่ขอบใบหูสองข้าง และศอกด้านข้าง ผิวหนังบริเวณดังกล่าวเริ่มเป็นสะเก็ดแผลที่หนาตัวขึ้น เมื่อแผลนั้นเริ่มแตกออกมากขึ้นเรื่อยๆ อาการขนร่วงจะค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วตัว ทีนี้สะเก็ดแผลบนผิวหนังจะเริ่มเกิดขึ้นทั่วตัวเช่นกัน เจ้าสุนัขหนังกลับที่เราเห็นข้างถนนนั่นล่ะครับ คือสุนัขที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้ง

          การตรวจวินิจฉัย ในเบื้องต้นเราควรสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงของเราเองก่อนครับ ซึ่งการทดสอบที่ได้ผลค่อนข้างแม่นยำในการตรวจโรคนี้ เรียกว่า การทำ Pinna-pedal reflex test การทดสอบทำได้ง่ายมาก เวลาที่สุนัขป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้งจะมีตำแหน่งที่คันมากๆ อยู่ 2 จุดดังที่กล่าวมา คือที่ปลายใบหูสองข้างนั้น และที่ข้อศอกด้านข้าง ถ้าเราจับสุนัขมาทดสอบโดยการเอานิ้วมือขยี้ที่ปลายใบหูเบาๆ แล้วสุนัขเอาเท้าหลังข้างนั้นเกาที่ศอกด้านนั้น ก็น่าสงสัยครับว่าทำไมสุนัขของเราถึงคันได้ เพราะอาการดังกล่าวแสดงว่าสัตว์คันมากที่ปลายใบหู และที่ศอกด้วย และโรคผิวหนังที่จะเกิดขึ้นได้มีไม่กี่โรคหรอกครับ ที่สำคัญคือโรคขี้เรื้อนแห้งนี่แหละครับ แต่การที่เราจะสรุปปัญหาการป่วยว่าใช่โรคขี้เรื้อนแห้งหรือไม่นั้น คงต้องอาศัยองค์ประกอบหลายประการร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นรอยโรคที่ปรากฏ การทดสอบทำ Pinna-pedal reflex test การขูดผิวหนังเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาตัวไรขี้เรื้อน ทุกอย่างจะสอดคล้องกันแม้ว่าการขูดผิวหนังเพื่อหาไรขี้เรื้อนอาจจะไม่พบ เพราะถ้าอยู่ในระยะเริ่มต้นมักจะขูดผิวหนังไม่พบเสียด้วยซิครับ

          การรักษาโรคขี้เรื้อนแห้ง สามารถทำได้หลายวิธีครับ ที่นิยมกระทำ คือ การให้ยาโดยการฉีดเพื่อรักษา ซึ่งได้ผลดีแต่ก็ต้องทำซ้ำทุกๆ 10-14 วันครั้งจนกว่าสุนัขจะหายสนิท ในกรณีที่เราเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว เราต้องพาสัตว์เลี้ยงทุกตัวมารับการรักษาด้วย เพราะโรคนี้ติดต่อได้ง่ายและติดต่อได้ไวมาก ถ้าเราไม่สนใจนำสุนัขมารับการรักษาพร้อมๆ กันจะทำให้เกิดปัญหาการป่วยวนเวียนอยู่ในฝูงสุนัข เพราะเมื่อตัวที่เป็นหาย ตัวที่ได้รับเชื้อจะเริ่มแสดงอาการอีก และถ้ายาเสื่อมฤทธิ์เมื่อไหร่ สุนัขจะเริ่มมีอาการป่วยอีกเช่นกัน เจ้าตัวที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้งนั้นมีความน่ารังเกียจอยู่แล้วครับ เพราะสัตว์เองแทบจะไม่มีขนอยู่บนผิวหนังเลย บางตัวมีสะเก็ดคัน มีแผลแตกระแหงมากมายบนผิวหนัง มองยังไงก็ไม่น่ารัก ไม่น่าสัมผัส จริงๆ แล้วถ้าท่านเจ้าของอุ้มสัตว์เลี้ยงตัวที่ป่วยนั้นมารักษา ถึงแม้ว่าจะไม่มีขนเลยแม้แต่เส้นเดียว และมีแผลมากมาย แต่เมื่อได้รับการรักษาแล้วสุนัขของเราก็จะกลับมามีผิวหนังและขนดังเดิม โรคขี้เรื้อนแห้งนี้รักษาให้หายขาดได้ เพราะฉะนั้นอย่ารังเกียจสุนัขเลยครับ ตัดสินใจรักษาแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจนทำให้ผิวหนังอักเสบรุนแรงตามมา

          อาการแทรกซ้อนของสุนัขที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้ง อาการที่พบได้มักมีมูลเหตุจากการคันนั่นล่ะครับ สุนัขบางตัวมีอาการคันเกาหูจนใบหูบวม มีเลือดคั่ง ทำให้เราต้องตามมารักษาอาการดังกล่าวอีก หรือบางตัวเอาตัวถูไถกับพื้น เลีย และงับตรงผิวหนังที่คันทำให้เกิดอาการแผลแดงช้ำรุนแรง และเป็นไวมาก อย่างที่บอกไว้นั่นล่ะครับ โรคขี้เรื้อนแห้งเป็นโรคที่คันสุดๆ จริงๆ ครับ โรคขี้เรื้อนแห้งติดคนไหม คำตอบ คือ ติดต่อถึงคนได้นะครับ โรคนี้ติดต่อจากการสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่ป่วยอยู่นั่นแหละ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านทราบว่าสุนัขของเราป่วยเป็นโรคนี้ ควรหยุดกอดและคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงไว้ก่อน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ผิวค่อนข้างบอบบาง ควรหยุดกอดรัด หรืออุ้มเจ้าตัวน้อยเลยครับ โรคที่ติดมาสู่คนนั้นจะมีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มแดงๆ ขึ้นบนผิวหนัง มีอาการคัน และกระจายออกไปได้ ซึ่งถ้ามีอาการเช่นนี้ให้รีบไปหาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงทีครับ

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ส.ค. 61, 15:06:23น. โดย ขายหมา

Tags: